โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
7.3
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
188 บทที่
11 วิจารณ์
137.72K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
86) ตู้ที่ถูกล่ามโซ่
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหลังจากเริ่มชินกับความแปลกใหม่ เด็กๆ ต่างแยกย้ายไปตามส่วนอื่นๆ ของห้อง พวกเขาทุกคนรักษาสัญญาได้เป็นอย่างดี คือก้าวเท้าอย่างระมัดระวังและไม่แตะต้องสิ่งใด
ฟิโลโซเฟอร์ให้ความสนใจกับสิ่งที่เก็บไว้ริมผนังส่วนหนึ่ง
มันคือชั้นวางอาวุธชนิดต่างๆของดารีล
ไม่ว่าจะเป็นมีดสั้น ดาบขนาดต่างๆ ธนู
รวมทั้งของแปลกๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นอาวุธลับ
ขวาสุดของชั้นเป็นหุ่นร่างเท่าคนจริง
หุ่นนั้นสวมชุดคลุมขาวและหน้ากากสีทอง
ฟิโลโซเฟอร์จำได้ว่ามันคือชุดที่ดารีลใส่ในงานพิธีนั่นเอง
ในวันนั้นมันอยู่ในสภาพคลุกฝุ่น
แต่วันนี้กลับขาวสะอาดเหมือนใหม่ได้อย่างเกินความคาดหมาย
ข้างๆ หุ่นตัวนั้นคือที่ตั้งของคทา
มีทั้งหมดสี่ชิ้นเป็นไม้หนึ่งชิ้น โลหะสีเงินสองและโลหะสีดำหนึ่ง
“ ระวังหน่อยอย่าเข้าไปใกล้นัก ยังไม่เข็ดหรือไง ”
ดารีลพูดเบาๆ จากทางด้านหลัง
มือข้างหนึ่งดึงไหล่เด็กชายให้ถอยห่างออกมา
“ เหตุใดเจ้าไม่ถือคทา มันเป็นอาวุธที่สำคัญของผู้ใช้เวทมนตร์มิใช่หรือ แล้วหากเกิดเหตุจำเป็นเจ้าจะทำเช่นไร แค่มีดเล็กๆ เล่มเดียวอาจแก้ปัญหาไม่ได้ ”
ฟิโลโซเฟอร์ถาม
“ เจ้าคิดว่าผู้มีอำนาจวิเศษต้องถือคทาเท่านั้นจึงจะร่ายมนตร์ได้อย่างนั้นหรือ จริงๆ แล้วของทั้งหมดตรงหน้านี้ข้าสร้างขึ้นมาเอง มันทำมาจากแร่และวัตถุที่มีพลัง สิ่งเหล่านี้มีชื่อเรียกอีกอย่างว่าวัตถุเวทมนตร์ แน่นอนว่ามนุษย์ทั่วไปสามารถใช้งานได้ หากแต่มันจะแสดงอำนาจที่แท้จริงเมื่ออยู่ในมือของเหล่าผู้ใช้เวทย์มนตร์ จริงอยู่หากข้าถือคทาไว้จะสามารถแสดงพลังได้รุนแรงกว่าปรกติ สำหรับข้าแล้ว ”
ดารีลชูมือข้างหนึ่ง
แสดงให้เห็นแหวนรูปงูสีดำที่เลื้อยพันรอบๆ นิ้วกลาง
“ สิ่งนี้ก็ช่วยได้เหมือนกัน ”
“ แล้วดาบโบราณของข้าล่ะ เป็นวัตถุเวทมนตร์ด้วยหรือไม่ ”
เด็กชายถาม
“ นั่นเป็นเรื่องที่เจ้าต้องหาคำตอบเอง ”
ดารีลว่า
พลางระบายยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก
นั่นทำให้เขาดูเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันที
เด็กหญิงสองคนยืนอยู่กลางห้องไม่ขยับไปไหน
เลโอน่าจับมือคนอายุน้อยกว่าไว้แน่น
เห็นได้ชัดว่าพวกนางตื่นกลัวเกินกว่าจะก้าวขาเดินสำรวจ
โลธอร์ยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่แถวๆ โถแก้วดองผลไม้แปลกๆ
ของในนั้นล้วนสีสดส่องประกายแวววาวในน้ำสีเหลืองอำพัน
เด็กชายชาวซีนาร์ยเดาออกได้ในทันทีว่า
เพื่อนร่างกลมกำลังคิดอะไร
เขาจึงเดินเข้าไปกอดคอเพื่อน
แล้วกล่าวว่า
“ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด เจ้าก็อย่าแม้แต่จะคิดลิ้มลอง ผลที่ออกมาไม่สวยงามแน่ ถึงแม้เจ้าไม่เสียใจกับผลที่ตามมา แต่จงรู้ไว้ว่าข้าเองที่จะเสียใจที่สุด ”
“ เหลวไหลน่า อย่างน้อยข้าก็ไม่ใช่หัวขโมย ในเมื่อเจ้าของเขาห้ามเอาไว้อย่างเด็ดขาด ต่อให้ใจคิดมือข้าก็ไม่ขยับตาม แต่เจ้าเชื่อหรือไม่กลิ่นพวกนี้หอมยั่วยวนมาก ถ้าได้ใช้ผสมลงในขนมหวาน ให้กินคำเดียวแล้วตายบางทีก็รู้สึกคุ้มค่าที่จะลองเสี่ยง ”
โลธอร์ว่า
ฟิโลโซเฟอร์ได้แต่ส่ายหน้า
“ แล้วอีเลียสของเราล่ะ ”
พวกเขาพบว่าอีเลียสยืนเกาคางอยู่หน้าตู้ไม้สีดำขนาดใหญ่
สิ่งที่น่าแปลกคือมันล่ามโซ่ไว้ถึงสามชั้น
เด็กทั้งสองจึงเดินตรงเข้าไปหาเขา
หลังจากพิจารณาอยู่เป็นครู่
อีเลียสจึงพูดว่า
“ พวกเจ้าคิดว่าอะไรอยู่ในนี้ ความจำเป็นอันใดทำให้ต้องปิดอย่างแน่นหนา ”
ฟิโลโซเฟอร์มองตู้หลังนั้น
มันมีสีดำราบเรียบแต่ทว่ากลับดูหนาและแข็งแกร่ง
ท่ามกลางละอองไอแปลกๆ ในห้องชวนให้คิดว่ามันคือประตูลึกลับ
ที่จะพาก้าวข้ามไปสู่ดินแดนแปลกประหลาด
“ หรือมันใช้ขังสิ่งมีชีวิต ”
โลธอร์ว่า
“ สัตว์ทดลองที่เป็นอันตราย ”
“ ไม่น่าใช่ ตอนแรกข้าก็คิดเช่นนั้น แต่ยืนอยู่ตั้งนานไม่เห็นได้ยินเสียงอะไรผิดปรกติ ”
อีเลียสว่า
“ ฟิลอซเจ้าคิดอย่างไร ”
เด็กชายยิ้มแห้ง
เรื่องนี้ตอบยากต่อหน้าผู้คนดารีลมักทำตัวเรียบร้อยอยู่ในกรอบ
แต่พอลับหลังเขาก็ซุกซนเหมือนๆ กับเด็กชายทั่วไป
ถ้าในห้องของเขาจะมีของอันตราย
มันก็เป็นไปได้เหมือนกัน
“ พวกเจ้ามากันห้าคนมิใช่หรือ ใครกันชื่อฟิลอซไม่เห็นแนะนำให้ข้ารู้จัก ”
เสียงนุ่มละมุนของดารีลดังขึ้นใกล้ๆ
อีเลียสตบไหล่ฟิโลโซเฟอร์สองสามที
แล้วกล่าวว่า
“ ไม่มีใครชื่อฟิลอซทั้งนั้น แต่นี่เป็นปัญหาของโลธอร์ ไม่รู้ทำไมเขาเรียกชื่อฟิโลโซเฟอร์ไม่ถูกเสียที ”
“ แต่ฟิลอซเขาก็พอใจให้ข้าเรียกแบบนั้น ไม่เห็นว่าเจ้าสมควรต้องเดือดร้อนแทน ”
โลธอร์ว่า
น้ำเสียงเริ่มหงุดหงิด
“ ช่างเถอะ ถือเป็นความผิดของข้าที่บังอาจถามก็แล้วกัน ว่าแต่พวกเจ้ามายืนออทำอะไรตรงนี้ มีสิ่งใดน่าสนใจอย่างนั้นหรือ ”
ดารีลชิงสงบศึกเสียก่อน
“ เปล่าหรอกเพียงแต่ตู้นี้ดูแปลก ถ้าเจ้าไม่อยากให้ยุ่ง พวกเราขยับไปที่อื่นก็ได้ ”
ฟิโลโซเฟอร์ว่า
แต่ดารีลก้าวเข้าไปใกล้ประตูบานนั้น
เอื้อมมือไปแตะที่แม่กุญแจ
ทันใดนั้นพันธนาการทั้งปวงก็หลุดร่วงลง
“ อยากรู้ก็เปิดดูสิ ”
พ่อมดน้อยว่าพลางถอยออกมา
อีเลียสสะกิดเพื่อนร่างอ้วน
แต่โลธอร์กลัวเกินกว่าจะก้าวขา
เด็กชายชาวซีนาร์ยจึงต้องอาสา
เขาเดินมาหยุดหน้าประตูบานนั้นแล้วหันกลับไปมองเพื่อน
คู่หูอ้วนผอมยืนเบียดกันไปมาแต่ก็ไม่มีใครถอยหนี
ส่วนดารีลเสมองไปทางอื่นด้วยท่าทางมีลับลมคมใน
อย่างน้อยทุกคนก็ยังอยู่ที่นี่
เขาจึงเอื้อมมือไปที่ประตูบานนั้น
“ รู้ไหม ความอยากรู้อยากเห็นทำลูกกระต่ายตายมานักต่อนักแล้ว ”
เสียงดารีลลอยมาเบาๆ
ฟิโลโซเฟอร์หยุดกึกแต่มือยังค้างอยู่กับที่
“ พอเถอะ ข้าไม่อยากรู้แล้ว เจ้าถอยออกมาเถอะ ”
อีเลียสเริ่มร้อนรน
เด็กหญิงทั้งสองเมื่อเห็นเหตุการณ์ผิดปรกติก็เดินมาร่วมวงด้วย
เด็กชายจากซีนาร์ยหันมองดารีลอีกครั้งหวังขอความเห็น
แต่พ่อมดน้อยกลับส่งยิ้มสุดเจ้าเล่ห์กลับมาให้
แล้วความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในหัว
หากเบื้องหน้ามีอันตรายจริง
ป่านนี้ดารีลคงกระชากเขาหงายหลังออกมาแล้ว
เมื่อเป็นดังนั้นเขาจึงดึงประตูตู้เปิดออกอย่างแรง
สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาทำเอาทุกคนอ้าปากค้าง
อีเลียสถึงกับอุทานออกมา
“ เสื้อผ้า ข้างในคือเสื้อผ้าหรอกหรือ ”
“ พวกเจ้านี่ประหลาดคนจริง ก็เห็นอยู่ว่ามันคือตู้เสื้อผ้า คิดว่าข้างในจะมีอะไรได้ล่ะ ”
ดารีลว่า
“ ชุดพวกนี้ดูมีราคาก็จริง แต่มันสำคัญถึงกับต้องล่ามโซ่ไว้เลยหรือ ของอย่างอื่นที่ดูมีราคาและสำคัญกว่าเจ้ายังวางเอาไว้เฉยๆ แบบนี้จะไม่ให้ประหลาดใจได้อย่างไร ”
โลธอร์ท้วง
“ ไม่ใช่ฝีมือข้าหรอก สตรีซักผ้าเป็นคนคล้องเอาไว้ นางกลัวว่าข้าจะเอาของไม่ถูกไม่ควรยัดเข้าตู้เสื้อผ้า เลยเอาโซ่คล้องกันไว้ก่อน ”
ดารีลอธิบาย
“ ถ้าอย่างนั้น ห้องที่สะอาดเป็นระเบียบขนาดนี้ ก็ฝีมือนางด้วยน่ะสิ ”
เลโอน่าว่า
“ เปล่า ข้าทำเอง จริงๆ ข้าชอบให้ห้องรกหน่อยๆ มีฝุ่นนิดๆ จะได้ไม่รู้สึกอึดอัด บ้านผู้ใช้เวทมนตร์คนอื่นก็ดูรกๆ เหมือนกันมันน่าสนใจดี แต่ข้าทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะทันทีที่ห้องรกก็จะมีคนเข้ามาทำความสะอาด และข้าไม่อาจปล่อยให้คนนอกมาจับสิ่งของในห้องโดยพละการได้ เนื่องจากว่ามีบางสิ่งที่เป็นอันตรายถึงชีวิต ดังนั้นเพื่อตัดปัญหาที่อาจจะมีในอนาคต ข้าจึงต้องจัดเก็บทุกอย่างให้เรียบร้อย ”
ฟิโลโซเฟอร์สำรวจดูทั่วตู้
เขาพบว่าดารีลมีชุดสีดำและสีขาวอย่างละครึ่ง
แต่น่าแปลกที่เขามักจะเห็นหนุ่มน้อยคนนี้ในชุดคลุมดำเสมอ
นอกจากนั้นเขายังพบหน้ากากอีกสี่อัน
เข็มขัดแบบต่างๆ
และไม่มีเครื่องประดับใดๆ
“ ตนในตระกูลนี้แต่ละคนมีหน้ากากมากมาย สำหรับข้าเพียงเท่านี้ก็เกินพอแล้ว ”
ดารีลว่า
เมื่อเห็นฟิโลโซเฟอร์หยิบขึ้นมาลองสวม
แต่ไม่สามารถใส่ได้พอดี
เด็กชายจึงปิดตู้เอาไว้เช่นเดิม
เมื่อหันกลับมาอีกครั้งเขาก็เห็นหม้อใหญ่ทั้งหกที่กำลังเดือดพล่าน
ถักจากหม้อต้มคือนาฬิกาทรายรูปแบบต่างๆ จำนวนสิบสามอัน
กำลังทำหน้าที่ของมันไปเรื่อยๆ
ฟิโลโซเฟอร์ให้ความสนใจกับสิ่งที่เก็บไว้ริมผนังส่วนหนึ่ง
มันคือชั้นวางอาวุธชนิดต่างๆของดารีล
ไม่ว่าจะเป็นมีดสั้น ดาบขนาดต่างๆ ธนู
รวมทั้งของแปลกๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นอาวุธลับ
ขวาสุดของชั้นเป็นหุ่นร่างเท่าคนจริง
หุ่นนั้นสวมชุดคลุมขาวและหน้ากากสีทอง
ฟิโลโซเฟอร์จำได้ว่ามันคือชุดที่ดารีลใส่ในงานพิธีนั่นเอง
ในวันนั้นมันอยู่ในสภาพคลุกฝุ่น
แต่วันนี้กลับขาวสะอาดเหมือนใหม่ได้อย่างเกินความคาดหมาย
ข้างๆ หุ่นตัวนั้นคือที่ตั้งของคทา
มีทั้งหมดสี่ชิ้นเป็นไม้หนึ่งชิ้น โลหะสีเงินสองและโลหะสีดำหนึ่ง
“ ระวังหน่อยอย่าเข้าไปใกล้นัก ยังไม่เข็ดหรือไง ”
ดารีลพูดเบาๆ จากทางด้านหลัง
มือข้างหนึ่งดึงไหล่เด็กชายให้ถอยห่างออกมา
“ เหตุใดเจ้าไม่ถือคทา มันเป็นอาวุธที่สำคัญของผู้ใช้เวทมนตร์มิใช่หรือ แล้วหากเกิดเหตุจำเป็นเจ้าจะทำเช่นไร แค่มีดเล็กๆ เล่มเดียวอาจแก้ปัญหาไม่ได้ ”
ฟิโลโซเฟอร์ถาม
“ เจ้าคิดว่าผู้มีอำนาจวิเศษต้องถือคทาเท่านั้นจึงจะร่ายมนตร์ได้อย่างนั้นหรือ จริงๆ แล้วของทั้งหมดตรงหน้านี้ข้าสร้างขึ้นมาเอง มันทำมาจากแร่และวัตถุที่มีพลัง สิ่งเหล่านี้มีชื่อเรียกอีกอย่างว่าวัตถุเวทมนตร์ แน่นอนว่ามนุษย์ทั่วไปสามารถใช้งานได้ หากแต่มันจะแสดงอำนาจที่แท้จริงเมื่ออยู่ในมือของเหล่าผู้ใช้เวทย์มนตร์ จริงอยู่หากข้าถือคทาไว้จะสามารถแสดงพลังได้รุนแรงกว่าปรกติ สำหรับข้าแล้ว ”
ดารีลชูมือข้างหนึ่ง
แสดงให้เห็นแหวนรูปงูสีดำที่เลื้อยพันรอบๆ นิ้วกลาง
“ สิ่งนี้ก็ช่วยได้เหมือนกัน ”
“ แล้วดาบโบราณของข้าล่ะ เป็นวัตถุเวทมนตร์ด้วยหรือไม่ ”
เด็กชายถาม
“ นั่นเป็นเรื่องที่เจ้าต้องหาคำตอบเอง ”
ดารีลว่า
พลางระบายยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก
นั่นทำให้เขาดูเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันที
เด็กหญิงสองคนยืนอยู่กลางห้องไม่ขยับไปไหน
เลโอน่าจับมือคนอายุน้อยกว่าไว้แน่น
เห็นได้ชัดว่าพวกนางตื่นกลัวเกินกว่าจะก้าวขาเดินสำรวจ
โลธอร์ยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่แถวๆ โถแก้วดองผลไม้แปลกๆ
ของในนั้นล้วนสีสดส่องประกายแวววาวในน้ำสีเหลืองอำพัน
เด็กชายชาวซีนาร์ยเดาออกได้ในทันทีว่า
เพื่อนร่างกลมกำลังคิดอะไร
เขาจึงเดินเข้าไปกอดคอเพื่อน
แล้วกล่าวว่า
“ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด เจ้าก็อย่าแม้แต่จะคิดลิ้มลอง ผลที่ออกมาไม่สวยงามแน่ ถึงแม้เจ้าไม่เสียใจกับผลที่ตามมา แต่จงรู้ไว้ว่าข้าเองที่จะเสียใจที่สุด ”
“ เหลวไหลน่า อย่างน้อยข้าก็ไม่ใช่หัวขโมย ในเมื่อเจ้าของเขาห้ามเอาไว้อย่างเด็ดขาด ต่อให้ใจคิดมือข้าก็ไม่ขยับตาม แต่เจ้าเชื่อหรือไม่กลิ่นพวกนี้หอมยั่วยวนมาก ถ้าได้ใช้ผสมลงในขนมหวาน ให้กินคำเดียวแล้วตายบางทีก็รู้สึกคุ้มค่าที่จะลองเสี่ยง ”
โลธอร์ว่า
ฟิโลโซเฟอร์ได้แต่ส่ายหน้า
“ แล้วอีเลียสของเราล่ะ ”
พวกเขาพบว่าอีเลียสยืนเกาคางอยู่หน้าตู้ไม้สีดำขนาดใหญ่
สิ่งที่น่าแปลกคือมันล่ามโซ่ไว้ถึงสามชั้น
เด็กทั้งสองจึงเดินตรงเข้าไปหาเขา
หลังจากพิจารณาอยู่เป็นครู่
อีเลียสจึงพูดว่า
“ พวกเจ้าคิดว่าอะไรอยู่ในนี้ ความจำเป็นอันใดทำให้ต้องปิดอย่างแน่นหนา ”
ฟิโลโซเฟอร์มองตู้หลังนั้น
มันมีสีดำราบเรียบแต่ทว่ากลับดูหนาและแข็งแกร่ง
ท่ามกลางละอองไอแปลกๆ ในห้องชวนให้คิดว่ามันคือประตูลึกลับ
ที่จะพาก้าวข้ามไปสู่ดินแดนแปลกประหลาด
“ หรือมันใช้ขังสิ่งมีชีวิต ”
โลธอร์ว่า
“ สัตว์ทดลองที่เป็นอันตราย ”
“ ไม่น่าใช่ ตอนแรกข้าก็คิดเช่นนั้น แต่ยืนอยู่ตั้งนานไม่เห็นได้ยินเสียงอะไรผิดปรกติ ”
อีเลียสว่า
“ ฟิลอซเจ้าคิดอย่างไร ”
เด็กชายยิ้มแห้ง
เรื่องนี้ตอบยากต่อหน้าผู้คนดารีลมักทำตัวเรียบร้อยอยู่ในกรอบ
แต่พอลับหลังเขาก็ซุกซนเหมือนๆ กับเด็กชายทั่วไป
ถ้าในห้องของเขาจะมีของอันตราย
มันก็เป็นไปได้เหมือนกัน
“ พวกเจ้ามากันห้าคนมิใช่หรือ ใครกันชื่อฟิลอซไม่เห็นแนะนำให้ข้ารู้จัก ”
เสียงนุ่มละมุนของดารีลดังขึ้นใกล้ๆ
อีเลียสตบไหล่ฟิโลโซเฟอร์สองสามที
แล้วกล่าวว่า
“ ไม่มีใครชื่อฟิลอซทั้งนั้น แต่นี่เป็นปัญหาของโลธอร์ ไม่รู้ทำไมเขาเรียกชื่อฟิโลโซเฟอร์ไม่ถูกเสียที ”
“ แต่ฟิลอซเขาก็พอใจให้ข้าเรียกแบบนั้น ไม่เห็นว่าเจ้าสมควรต้องเดือดร้อนแทน ”
โลธอร์ว่า
น้ำเสียงเริ่มหงุดหงิด
“ ช่างเถอะ ถือเป็นความผิดของข้าที่บังอาจถามก็แล้วกัน ว่าแต่พวกเจ้ามายืนออทำอะไรตรงนี้ มีสิ่งใดน่าสนใจอย่างนั้นหรือ ”
ดารีลชิงสงบศึกเสียก่อน
“ เปล่าหรอกเพียงแต่ตู้นี้ดูแปลก ถ้าเจ้าไม่อยากให้ยุ่ง พวกเราขยับไปที่อื่นก็ได้ ”
ฟิโลโซเฟอร์ว่า
แต่ดารีลก้าวเข้าไปใกล้ประตูบานนั้น
เอื้อมมือไปแตะที่แม่กุญแจ
ทันใดนั้นพันธนาการทั้งปวงก็หลุดร่วงลง
“ อยากรู้ก็เปิดดูสิ ”
พ่อมดน้อยว่าพลางถอยออกมา
อีเลียสสะกิดเพื่อนร่างอ้วน
แต่โลธอร์กลัวเกินกว่าจะก้าวขา
เด็กชายชาวซีนาร์ยจึงต้องอาสา
เขาเดินมาหยุดหน้าประตูบานนั้นแล้วหันกลับไปมองเพื่อน
คู่หูอ้วนผอมยืนเบียดกันไปมาแต่ก็ไม่มีใครถอยหนี
ส่วนดารีลเสมองไปทางอื่นด้วยท่าทางมีลับลมคมใน
อย่างน้อยทุกคนก็ยังอยู่ที่นี่
เขาจึงเอื้อมมือไปที่ประตูบานนั้น
“ รู้ไหม ความอยากรู้อยากเห็นทำลูกกระต่ายตายมานักต่อนักแล้ว ”
เสียงดารีลลอยมาเบาๆ
ฟิโลโซเฟอร์หยุดกึกแต่มือยังค้างอยู่กับที่
“ พอเถอะ ข้าไม่อยากรู้แล้ว เจ้าถอยออกมาเถอะ ”
อีเลียสเริ่มร้อนรน
เด็กหญิงทั้งสองเมื่อเห็นเหตุการณ์ผิดปรกติก็เดินมาร่วมวงด้วย
เด็กชายจากซีนาร์ยหันมองดารีลอีกครั้งหวังขอความเห็น
แต่พ่อมดน้อยกลับส่งยิ้มสุดเจ้าเล่ห์กลับมาให้
แล้วความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในหัว
หากเบื้องหน้ามีอันตรายจริง
ป่านนี้ดารีลคงกระชากเขาหงายหลังออกมาแล้ว
เมื่อเป็นดังนั้นเขาจึงดึงประตูตู้เปิดออกอย่างแรง
สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาทำเอาทุกคนอ้าปากค้าง
อีเลียสถึงกับอุทานออกมา
“ เสื้อผ้า ข้างในคือเสื้อผ้าหรอกหรือ ”
“ พวกเจ้านี่ประหลาดคนจริง ก็เห็นอยู่ว่ามันคือตู้เสื้อผ้า คิดว่าข้างในจะมีอะไรได้ล่ะ ”
ดารีลว่า
“ ชุดพวกนี้ดูมีราคาก็จริง แต่มันสำคัญถึงกับต้องล่ามโซ่ไว้เลยหรือ ของอย่างอื่นที่ดูมีราคาและสำคัญกว่าเจ้ายังวางเอาไว้เฉยๆ แบบนี้จะไม่ให้ประหลาดใจได้อย่างไร ”
โลธอร์ท้วง
“ ไม่ใช่ฝีมือข้าหรอก สตรีซักผ้าเป็นคนคล้องเอาไว้ นางกลัวว่าข้าจะเอาของไม่ถูกไม่ควรยัดเข้าตู้เสื้อผ้า เลยเอาโซ่คล้องกันไว้ก่อน ”
ดารีลอธิบาย
“ ถ้าอย่างนั้น ห้องที่สะอาดเป็นระเบียบขนาดนี้ ก็ฝีมือนางด้วยน่ะสิ ”
เลโอน่าว่า
“ เปล่า ข้าทำเอง จริงๆ ข้าชอบให้ห้องรกหน่อยๆ มีฝุ่นนิดๆ จะได้ไม่รู้สึกอึดอัด บ้านผู้ใช้เวทมนตร์คนอื่นก็ดูรกๆ เหมือนกันมันน่าสนใจดี แต่ข้าทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะทันทีที่ห้องรกก็จะมีคนเข้ามาทำความสะอาด และข้าไม่อาจปล่อยให้คนนอกมาจับสิ่งของในห้องโดยพละการได้ เนื่องจากว่ามีบางสิ่งที่เป็นอันตรายถึงชีวิต ดังนั้นเพื่อตัดปัญหาที่อาจจะมีในอนาคต ข้าจึงต้องจัดเก็บทุกอย่างให้เรียบร้อย ”
ฟิโลโซเฟอร์สำรวจดูทั่วตู้
เขาพบว่าดารีลมีชุดสีดำและสีขาวอย่างละครึ่ง
แต่น่าแปลกที่เขามักจะเห็นหนุ่มน้อยคนนี้ในชุดคลุมดำเสมอ
นอกจากนั้นเขายังพบหน้ากากอีกสี่อัน
เข็มขัดแบบต่างๆ
และไม่มีเครื่องประดับใดๆ
“ ตนในตระกูลนี้แต่ละคนมีหน้ากากมากมาย สำหรับข้าเพียงเท่านี้ก็เกินพอแล้ว ”
ดารีลว่า
เมื่อเห็นฟิโลโซเฟอร์หยิบขึ้นมาลองสวม
แต่ไม่สามารถใส่ได้พอดี
เด็กชายจึงปิดตู้เอาไว้เช่นเดิม
เมื่อหันกลับมาอีกครั้งเขาก็เห็นหม้อใหญ่ทั้งหกที่กำลังเดือดพล่าน
ถักจากหม้อต้มคือนาฬิกาทรายรูปแบบต่างๆ จำนวนสิบสามอัน
กำลังทำหน้าที่ของมันไปเรื่อยๆ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ