โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
7.3
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
188 บทที่
11 วิจารณ์
137.52K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
83) ประชุมอีกครั้ง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความในค่ำคืนนั้น บนหอสูงของปราสาทขาวห้องประชุมได้เปิดออกอีกครั้ง แต่ดารีลไม่ได้อยู่ที่นั่นแม้แต่สมาชิกสภาท่านอื่นก็ยังมาไม่ครบ มีแต่ทหารและองครักษ์เท่านั้นที่อยู่กันพร้อมหน้า เรื่องนี้ฉุกเฉินเกินกว่าจะรอผู้หนึ่งผู้ใด
การประชุมดำเนินไปอย่างเงียบขรึม คนอ่านรายงานก็อ่านไปส่วนคนอื่นๆ ก็ก้มหน้าเงียบคอยฟังทุกอย่างๆ ตั้งอกตั้งใจ ในขณะที่ท้องฟ้ามืดครึ้มไร้แสงดาว
“ แล้วจัดการกับร่างทหารที่เสียชีวิตอย่างไร ”
จอมเวทวาลานถาม
“ พวกเราขุดหลุมฝังทั้งหมดไว้ในป่าพร้อมกับเครื่องรางกันปีศาจร้าย ”
นายทหารบอก
“ นี่เป็นฝีมือของผู้ใช้มนต์ดำ จึงไม่มีใครกล้าพาร่างผู้เสียชีวิตกลับสู่ดินแดนบ้านเกิด เพราะกลัวจะพาคำสาปติดไปด้วย ”
“ ในเขตป่าแดงอยู่นอกเหนือความคุ้มครองของโอรีเวีย เรื่องนี้ให้ชาวโอรีออนจัดการกันเองก็แล้วกัน ”
คำพูดของวาลานทำเอาผู้คนตกตะลึง
“ แต่มันคือศาสตร์มืดที่ปลิดชีพพวกเขา เป็นหน้าที่ของสภาพ่อมดมิใช่หรือที่จะต้องกำจัดสิ่งชั่วร้ายนี้ แต่ท่านกลับจะให้คนเหล่านั้นแก้ปัญหากันเอง ”
ทหารนายเดิมท้วง
“ อะไรที่ทำให้พวกเจ้าเชื่อเช่นนั้น แค่เห็นสัญลักษณ์ดาวหกแฉกก็คิดว่าเป็นมนต์ดำแล้วหรือ ของแบบนั้นใครก็วาดมันขึ้นมาได้แต่ไม่มีพิษสงอันใด ข้าเชื่อว่านี่เป็นฝีมือของคนธรรมดานี่แหละที่ทำมันขึ้นมาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ อีกอย่างผู้ใช้มนต์ดำถูกกำจัดไปหมดแล้วเรื่องที่พวกเจ้าหวาดระแวงจึงเป็นไปไม่ได้ ”
“ แต่ทหารที่รอดชีวิตยืนยันว่าได้ต่อสู้กับกองทัพปีศาจ ”
อีกคนแย้ง
“ เอาล่ะทุกคนลองตรองดูให้ดี ทหารกลุ่มหนึ่งเผชิญหน้ากับกองทัพปีศาจที่ถูกควบคุมโดยผู้ใช้มนต์ดำ แล้วยังสามารถทำลายค่ายมนต์ดำลงได้โดยไม่ต้องอาศัยของวิเศษหรือพลังอันใด เจ้ากำลังจะบอกว่ากองทหารของเมืองโอรีออนสามารถรับมือกับผู้ใช้เวทมนต์ได้ด้วยมือเปล่าอย่างนั้นหรือ ”
ผู้เข้าประชุมต่างมองหน้ากัน
“ ข้าคิดว่าคงมีเหตุอื่นเกิดขึ้น ส่วนเรื่องค่ายมนต์ดำอะไรนั่นคงเป็นแผนเบี่ยงเบนความสนใจ ปัญหาภายในของโอรีออนก็เป็นที่รู้ๆ กันอยู่ หากเราไปใส่ใจก็เข้าทางผู้ร้ายทันที ”
วาลานบอก
“ แต่ผู้ใช้เวทย์มนที่ไปดูที่เกิดเหตุบอกว่ามันมีกลิ่นอายของมนต์ดำอยู่แน่นอน อีกอย่างทหารเหล่านั้นมีเหตุผลอะไรที่ต้องกุเรื่องขึ้นมา ”
“ เรื่องนี้ถูกเตรียมการมาอย่างดี ”
เบรนทรัสที่ปรึกษาแห่งจอมเวทวาลานกล่าว
“ การจัดฉากทั้งหมดได้รับการออกแบบมาแล้ว แน่นอนว่ามีเวทมนตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง สิ่งที่เห็นจึงเป็นเพียงภาพลวงตาที่ผู้สร้างต้องการให้เชื่อไปแบบนั้น มันอาจจะฟังดูเข้าใจยากแต่พวกเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องรู้ทั้งหมด ”
“ แต่ถ้ามันเป็นฝีมือของผู้ใช้มนต์ดำจริงๆ ล่ะ ”
นายทหารคนนั้นยังไม่เลิก
“ เมืองคาเลถูกทำลายราบคาบไปแล้ว รวมทั้งชาวเมืองนั้นด้วย แล้วใครกันที่ใช้ศาสตร์มืด ”
เบรนทรัสถาม
“ ต้องเป็นดารีลอย่างแน่นอน ข้าได้ยินข่าวว่าเขาแอบศึกษามนต์ดำ เห็นไหมเวลานี้เขาไม่ได้โผล่หัวมาทั้งที่มีนัดประชุมสำคัญ คงเป็นเพราะได้กระทำความผิดร้ายแรงมา เลยกลัวที่จะเผชิญหน้ากับพวกเรา ”
ที่ปรึกษาวาลานส่ายหน้าช้าๆ
แต่จอมเวทวาลานถึงกับหน้าตึง
“ ความละเอียดอ่อนของผู้ใช้เวทมนตร์คนทั่วไปย่อมไม่รู้ แต่ข้าต้องบอกสิ่งหนึ่งแก่เจ้า ผู้ใช้มนต์ขาวไม่อาจร่ายมนต์ดำได้ต่อให้พยายามเพียงใดก็ตาม ส่วนดารีลนั้นข้าแน่ใจว่ารู้จักเขาดีพอ ข้อกล่าวหาของเจ้านั้นรุนแรงนักแต่ข้าจะยอมให้แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ถ้าเกิดมีเรื่องแบบนี้โดยไม่มีพยานหลักฐาน ข้าคงต้องลงโทษท่าน ”
เขากล่าว
นายทหารคนนั้นจึงต้องเงียบไปด้วยอารมณ์คุกรุ่น
“ ดูเหมือนไม่มีประโยชน์อันใดที่จะคุยเรื่องนี้ต่อแล้ว พวกเจ้ากลับไปเถอะ อย่าห่วงเลยปัญหาเหล่านี้ข้าจะขบคิดต่อเอง ว่ามันจะเกี่ยวข้องกับโอรีเวียหรือไม่ โปรดมั่นใจว่าจะไม่มีการปล่อยผ่านอย่างแน่นอน ”
เมื่อเบรนทรัสบอกดังนั้นเหล่าคนที่มาประชุมก็ต่างลุกเดินก้มหน้าออกไป
เมื่ออยู่กันตามลำพังกับที่ปรึกษาคนสนิท
วาลานจึงเอ่ยขึ้นว่า
“ ดารีลก็ไปที่นั่นด้วยหรือ เขาว่าอย่างไรบ้าง ”
“ ข้าเห็นเขายืนจ้องสัญลักษณ์ดาวหกแฉกบนต้นไม้อยู่นาน แต่ไม่ได้พูดว่าอะไร และไม่ได้เข้าไปดูร่างคนตายด้วย ”
วาลานพยักหน้า
“ ดีแล้วล่ะเขายังอายุน้อยอยู่ การควบคุมจิตใจและความรู้สึกยังไม่มั่นคงพอ ถ้าได้เห็นสภาพเหล่านั้นอาจทำให้เตลิดได้ อย่างน้อยเขาก็รู้จักตัวเองมากพอจึงเลือกที่จะไม่ดู แล้วท่านคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ”
“ เป็นค่ายมนต์ดำจริงๆ นั่นแหละ กลิ่นปีศาจยังคลุ้งอยู่เลยเมื่อข้าไปถึง ผู้กระทำสิ่งนี้ต้องการที่จะท้าทายเรา เขามีเวลามากมายที่จะลบทำลายหลักฐาน แต่เลือกจะทิ้งไว้อย่างนั้น ราวกับต้องการประกาศทั้งหมดให้โลกรู้ ส่วนเรื่องดารีล ท่านอาจจะยังไม่รู้ที่บ้านของเขามีโรงละครด้วย ได้ยินว่าการแสดงของเด็กนั่นตรึงตาตรึงใจยิ่งนัก ไม่แน่ตอนนี้เขาอาจกำลังเล่นละครฉากใหญ่หลอกพวกเราอยู่ ”
ที่ปรึกษากล่าว
“ ค่ายอาถรรพ์ที่ปลุกเหล่าปีศาจจากนรกขึ้นมาน่ะหรือ ”
วาลานถามไม่สนใจคำเตือนของที่ปรึกษา
“ ถูกต้อง แต่เรื่องแปลกก็คือ ค่ายนี้ไม่ได้วางง่ายๆ มันต้องมีการเตรียมพื้นที่ สภาพจึงไม่ต่างจากกับดักที่รอคนมาติด ไม่รู้คณะของกษัตริย์แฮโรดพลัดหลงเข้าไปในวงล้อมได้อย่างไรกันทั้งที่มันอยู่นอกเส้นทางแท้ๆ สำหรับข้าแล้วค่ายนี้ไม่ได้น่ากลัวเลย เพราะปีศาจร้ายไม่สามารถก้าวออกจากอาณาเขตได้ ”
ที่ปรึกษาบอก
“ จริง ”
วาลานว่า
“ แต่มันแสดงให้ข้าเห็นถึงพลังอำนาจ น้อยคนนักที่จะเปิดประตูนรกได้แม้จะช่วงแคบๆ แต่ในภายภาคหน้าก็ไม่แน่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าคิดว่าคนผู้นี้เป็นใคร ในเมื่อเราสังหารชาวเมืองคาเลหมดแล้ว ”
เขาหันไปถามที่ปรึกษา
“ คนในเมืองตายหมดก็จริง แต่คนที่อยู่นอกเมืองมีเท่าไหร่เราไม่รู้ พวกเขาอาจปะปนอยู่กับผู้คนในดินแดนอื่น เรื่องของเรื่องคือคนพวกนั้นมักสันโดษ คนสันโดษย่อมไม่คิดเรื่องแก้แค้น งานนี้ตอบยากว่าเขามีเจตนาอะไร แต่จากการตรวจสอบของข้าเชื่อได้ว่าเขาลงมือคนเดียว ”
“ เช่นนั้นคนผู้เดียวจะทำสิ่งใดได้ ”
วาลานสงสัย
“ ถ้าเป็นข้า คิดว่าจำเป็นต้องหาใครสักคนมาเข้ากลุ่ม ข้าจึงเตือนท่านให้ระวังดารีลเอาไว้ เขาเป็นคนมีพรสวรรค์และพลังที่แข็งแกร่ง แต่เขายังเด็ก นั่นหมายถึงเขาจะถูกชักจูงได้ง่าย หากท่านไม่สามารถควบคุมเด็กคนนี้เอาไว้อย่างเด็ดขาด แต่กลายเป็นอีกฝ่ายที่ได้ไป ข้าทำนายให้ตอนนี้เลยว่าท่านงานหนักแน่ ดารีลสามารถก่ออันตรายใหญ่หลวง และเชื่อเลยว่าเจ้าเด็กดารีลขณะนี้กำลังถูกจับจ้องอยู่แน่นอน ”
การประชุมดำเนินไปอย่างเงียบขรึม คนอ่านรายงานก็อ่านไปส่วนคนอื่นๆ ก็ก้มหน้าเงียบคอยฟังทุกอย่างๆ ตั้งอกตั้งใจ ในขณะที่ท้องฟ้ามืดครึ้มไร้แสงดาว
“ แล้วจัดการกับร่างทหารที่เสียชีวิตอย่างไร ”
จอมเวทวาลานถาม
“ พวกเราขุดหลุมฝังทั้งหมดไว้ในป่าพร้อมกับเครื่องรางกันปีศาจร้าย ”
นายทหารบอก
“ นี่เป็นฝีมือของผู้ใช้มนต์ดำ จึงไม่มีใครกล้าพาร่างผู้เสียชีวิตกลับสู่ดินแดนบ้านเกิด เพราะกลัวจะพาคำสาปติดไปด้วย ”
“ ในเขตป่าแดงอยู่นอกเหนือความคุ้มครองของโอรีเวีย เรื่องนี้ให้ชาวโอรีออนจัดการกันเองก็แล้วกัน ”
คำพูดของวาลานทำเอาผู้คนตกตะลึง
“ แต่มันคือศาสตร์มืดที่ปลิดชีพพวกเขา เป็นหน้าที่ของสภาพ่อมดมิใช่หรือที่จะต้องกำจัดสิ่งชั่วร้ายนี้ แต่ท่านกลับจะให้คนเหล่านั้นแก้ปัญหากันเอง ”
ทหารนายเดิมท้วง
“ อะไรที่ทำให้พวกเจ้าเชื่อเช่นนั้น แค่เห็นสัญลักษณ์ดาวหกแฉกก็คิดว่าเป็นมนต์ดำแล้วหรือ ของแบบนั้นใครก็วาดมันขึ้นมาได้แต่ไม่มีพิษสงอันใด ข้าเชื่อว่านี่เป็นฝีมือของคนธรรมดานี่แหละที่ทำมันขึ้นมาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ อีกอย่างผู้ใช้มนต์ดำถูกกำจัดไปหมดแล้วเรื่องที่พวกเจ้าหวาดระแวงจึงเป็นไปไม่ได้ ”
“ แต่ทหารที่รอดชีวิตยืนยันว่าได้ต่อสู้กับกองทัพปีศาจ ”
อีกคนแย้ง
“ เอาล่ะทุกคนลองตรองดูให้ดี ทหารกลุ่มหนึ่งเผชิญหน้ากับกองทัพปีศาจที่ถูกควบคุมโดยผู้ใช้มนต์ดำ แล้วยังสามารถทำลายค่ายมนต์ดำลงได้โดยไม่ต้องอาศัยของวิเศษหรือพลังอันใด เจ้ากำลังจะบอกว่ากองทหารของเมืองโอรีออนสามารถรับมือกับผู้ใช้เวทมนต์ได้ด้วยมือเปล่าอย่างนั้นหรือ ”
ผู้เข้าประชุมต่างมองหน้ากัน
“ ข้าคิดว่าคงมีเหตุอื่นเกิดขึ้น ส่วนเรื่องค่ายมนต์ดำอะไรนั่นคงเป็นแผนเบี่ยงเบนความสนใจ ปัญหาภายในของโอรีออนก็เป็นที่รู้ๆ กันอยู่ หากเราไปใส่ใจก็เข้าทางผู้ร้ายทันที ”
วาลานบอก
“ แต่ผู้ใช้เวทย์มนที่ไปดูที่เกิดเหตุบอกว่ามันมีกลิ่นอายของมนต์ดำอยู่แน่นอน อีกอย่างทหารเหล่านั้นมีเหตุผลอะไรที่ต้องกุเรื่องขึ้นมา ”
“ เรื่องนี้ถูกเตรียมการมาอย่างดี ”
เบรนทรัสที่ปรึกษาแห่งจอมเวทวาลานกล่าว
“ การจัดฉากทั้งหมดได้รับการออกแบบมาแล้ว แน่นอนว่ามีเวทมนตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง สิ่งที่เห็นจึงเป็นเพียงภาพลวงตาที่ผู้สร้างต้องการให้เชื่อไปแบบนั้น มันอาจจะฟังดูเข้าใจยากแต่พวกเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องรู้ทั้งหมด ”
“ แต่ถ้ามันเป็นฝีมือของผู้ใช้มนต์ดำจริงๆ ล่ะ ”
นายทหารคนนั้นยังไม่เลิก
“ เมืองคาเลถูกทำลายราบคาบไปแล้ว รวมทั้งชาวเมืองนั้นด้วย แล้วใครกันที่ใช้ศาสตร์มืด ”
เบรนทรัสถาม
“ ต้องเป็นดารีลอย่างแน่นอน ข้าได้ยินข่าวว่าเขาแอบศึกษามนต์ดำ เห็นไหมเวลานี้เขาไม่ได้โผล่หัวมาทั้งที่มีนัดประชุมสำคัญ คงเป็นเพราะได้กระทำความผิดร้ายแรงมา เลยกลัวที่จะเผชิญหน้ากับพวกเรา ”
ที่ปรึกษาวาลานส่ายหน้าช้าๆ
แต่จอมเวทวาลานถึงกับหน้าตึง
“ ความละเอียดอ่อนของผู้ใช้เวทมนตร์คนทั่วไปย่อมไม่รู้ แต่ข้าต้องบอกสิ่งหนึ่งแก่เจ้า ผู้ใช้มนต์ขาวไม่อาจร่ายมนต์ดำได้ต่อให้พยายามเพียงใดก็ตาม ส่วนดารีลนั้นข้าแน่ใจว่ารู้จักเขาดีพอ ข้อกล่าวหาของเจ้านั้นรุนแรงนักแต่ข้าจะยอมให้แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ถ้าเกิดมีเรื่องแบบนี้โดยไม่มีพยานหลักฐาน ข้าคงต้องลงโทษท่าน ”
เขากล่าว
นายทหารคนนั้นจึงต้องเงียบไปด้วยอารมณ์คุกรุ่น
“ ดูเหมือนไม่มีประโยชน์อันใดที่จะคุยเรื่องนี้ต่อแล้ว พวกเจ้ากลับไปเถอะ อย่าห่วงเลยปัญหาเหล่านี้ข้าจะขบคิดต่อเอง ว่ามันจะเกี่ยวข้องกับโอรีเวียหรือไม่ โปรดมั่นใจว่าจะไม่มีการปล่อยผ่านอย่างแน่นอน ”
เมื่อเบรนทรัสบอกดังนั้นเหล่าคนที่มาประชุมก็ต่างลุกเดินก้มหน้าออกไป
เมื่ออยู่กันตามลำพังกับที่ปรึกษาคนสนิท
วาลานจึงเอ่ยขึ้นว่า
“ ดารีลก็ไปที่นั่นด้วยหรือ เขาว่าอย่างไรบ้าง ”
“ ข้าเห็นเขายืนจ้องสัญลักษณ์ดาวหกแฉกบนต้นไม้อยู่นาน แต่ไม่ได้พูดว่าอะไร และไม่ได้เข้าไปดูร่างคนตายด้วย ”
วาลานพยักหน้า
“ ดีแล้วล่ะเขายังอายุน้อยอยู่ การควบคุมจิตใจและความรู้สึกยังไม่มั่นคงพอ ถ้าได้เห็นสภาพเหล่านั้นอาจทำให้เตลิดได้ อย่างน้อยเขาก็รู้จักตัวเองมากพอจึงเลือกที่จะไม่ดู แล้วท่านคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ”
“ เป็นค่ายมนต์ดำจริงๆ นั่นแหละ กลิ่นปีศาจยังคลุ้งอยู่เลยเมื่อข้าไปถึง ผู้กระทำสิ่งนี้ต้องการที่จะท้าทายเรา เขามีเวลามากมายที่จะลบทำลายหลักฐาน แต่เลือกจะทิ้งไว้อย่างนั้น ราวกับต้องการประกาศทั้งหมดให้โลกรู้ ส่วนเรื่องดารีล ท่านอาจจะยังไม่รู้ที่บ้านของเขามีโรงละครด้วย ได้ยินว่าการแสดงของเด็กนั่นตรึงตาตรึงใจยิ่งนัก ไม่แน่ตอนนี้เขาอาจกำลังเล่นละครฉากใหญ่หลอกพวกเราอยู่ ”
ที่ปรึกษากล่าว
“ ค่ายอาถรรพ์ที่ปลุกเหล่าปีศาจจากนรกขึ้นมาน่ะหรือ ”
วาลานถามไม่สนใจคำเตือนของที่ปรึกษา
“ ถูกต้อง แต่เรื่องแปลกก็คือ ค่ายนี้ไม่ได้วางง่ายๆ มันต้องมีการเตรียมพื้นที่ สภาพจึงไม่ต่างจากกับดักที่รอคนมาติด ไม่รู้คณะของกษัตริย์แฮโรดพลัดหลงเข้าไปในวงล้อมได้อย่างไรกันทั้งที่มันอยู่นอกเส้นทางแท้ๆ สำหรับข้าแล้วค่ายนี้ไม่ได้น่ากลัวเลย เพราะปีศาจร้ายไม่สามารถก้าวออกจากอาณาเขตได้ ”
ที่ปรึกษาบอก
“ จริง ”
วาลานว่า
“ แต่มันแสดงให้ข้าเห็นถึงพลังอำนาจ น้อยคนนักที่จะเปิดประตูนรกได้แม้จะช่วงแคบๆ แต่ในภายภาคหน้าก็ไม่แน่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าคิดว่าคนผู้นี้เป็นใคร ในเมื่อเราสังหารชาวเมืองคาเลหมดแล้ว ”
เขาหันไปถามที่ปรึกษา
“ คนในเมืองตายหมดก็จริง แต่คนที่อยู่นอกเมืองมีเท่าไหร่เราไม่รู้ พวกเขาอาจปะปนอยู่กับผู้คนในดินแดนอื่น เรื่องของเรื่องคือคนพวกนั้นมักสันโดษ คนสันโดษย่อมไม่คิดเรื่องแก้แค้น งานนี้ตอบยากว่าเขามีเจตนาอะไร แต่จากการตรวจสอบของข้าเชื่อได้ว่าเขาลงมือคนเดียว ”
“ เช่นนั้นคนผู้เดียวจะทำสิ่งใดได้ ”
วาลานสงสัย
“ ถ้าเป็นข้า คิดว่าจำเป็นต้องหาใครสักคนมาเข้ากลุ่ม ข้าจึงเตือนท่านให้ระวังดารีลเอาไว้ เขาเป็นคนมีพรสวรรค์และพลังที่แข็งแกร่ง แต่เขายังเด็ก นั่นหมายถึงเขาจะถูกชักจูงได้ง่าย หากท่านไม่สามารถควบคุมเด็กคนนี้เอาไว้อย่างเด็ดขาด แต่กลายเป็นอีกฝ่ายที่ได้ไป ข้าทำนายให้ตอนนี้เลยว่าท่านงานหนักแน่ ดารีลสามารถก่ออันตรายใหญ่หลวง และเชื่อเลยว่าเจ้าเด็กดารีลขณะนี้กำลังถูกจับจ้องอยู่แน่นอน ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ