โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
7.3
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
188 บทที่
11 วิจารณ์
137.90K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
77) ไม่ชอบบทสวาทก็เล่นบทเถื่อนได้นะ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความแม้กาเอลจะเติบโตเกินไปที่จะไร้เดียงสาแล้ว แต่ด้วยอดีตอันขมขื่นและอนาคตที่เลือนราง อีกทั้งปัจจุบันที่ยังต้องดิ้นรนหาทางเอาตัวรอดแทบทุกวินาที เรื่องเกี่ยวกับสตรีเพศจึงเป็นสิ่งที่ห่างไกลจากความคิดของเขา ที่จะต้องมาเสียเวลาให้ความสนใจ
แต่ในเวลานี้เขากำลังจะถูกล่วงล้ำด้วยหญิงสาวพราวเสน่ห์ผู้ผ่านโลกีย์มาอย่างช่ำชอง หนุ่มน้อยที่อ่อนโลกกว่าจึงได้แต่นอนทอดกายรอรับชะตากรรมโดยไม่มีทางขัดขืน
ริมฝีปากอิ่มประกบลงมาบนลำคอที่ไวต่อความรู้สึกทำเอากาเอลถึงกับสะดุ้ง แรงบดขยี้อันร้อนแรงและหื่นกระหายหยุดลมหายใจอันบางเบาให้ขาดเป็นห้วงๆ เขารับรู้ว่าร่างกายตอบสนองการจู่โจมนี้อย่างไร แต่มันไม่ได้สลักสำคัญนักในเวลานี้
เมือข้างหนึ่งเอื้อมขึ้นมาจับสะโพกผายของหญิงสาวที่ทาบทับอยู่ อีกข้างช้อนผ่านลำคอลากผ่านขึ้นไปจนนิ้วเรียวยาวแข็งแกร่งแทรกเข้าไปในเรือนผมนุ่มสลวย เขาขยุมเบาๆ ตามจังหวะแรงกระทำของอีกฝ่าย
ทันทีที่รู้สึกถึงคมเขี้ยวที่ฝังเบาๆ ลงมาบนผิวเขาก็กำรวบเส้นผมนั้น ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีกระชากนางหลุดจากพันธนาการ หญิงสาวล้มกลิ้งไปข้างๆ คราวนี้กาเอลรวดเร็วกว่าเขาพุ่งตัวตามไปคร่อมร่างนางเอาไว้แล้วคว้าลำคอบางระหงกระแทกลงกับพื้น มีดเล่มหนึ่งปักฉึกลงข้างแก้มขาวนวลเนียน คมมีดเฉียดใกล้จนเกิดแผลเล็กๆ พอมีเลือดไหล
“ อาจจะไม่มีใครบนโลกนี้สังหารเจ้าได้ แต่ข้าแน่ใจว่าข้าสามารถสร้างรอยแผลเป็นบนใบหน้าของเจ้าได้ ข้าเคยเตือนอยู่เสมอว่าไม่ชอบการที่ต้องตกเป็นเบี้ยล่างใคร ใยเจ้าจึงอยากลองดีนัก ”
กาเอลถามด้วยน้ำเสียงดุดัน
สตรีชุดแดงมีท่าทีตกตะลึง
แต่เพียงชั่วแวบนางก็สามารถกลับมายั่วยวนได้อีกครั้ง
“ ตายจริง ใครสอนให้เจ้าเล่นของมีคมกับสตรีกันนะ โถๆ ถ้าไม่ชอบใจก็บอกข้าดีๆ ได้นี่นาไม่จำเป็นต้องเกรี้ยวกราดขนาดนั้น หรือเจ้าแค่กลัวที่จะแสดงความรู้สึก ”
“ ข้าไม่เคยเห็นเจ้าเป็นสตรีและตอนนี้ก็ไม่ได้ล้อเล่น ”
เขาไม่พูดเปล่าแต่กดคมมีดลึกลงไป
“ ก็ได้ ข้ายอมแพ้ ”
เมื่อได้ยินดังนั้นกาเอลก็ลุกพรวดขึ้นทันที
โดยไม่ลืมดึงมีดติดมือมาด้วย
เขาถอยหลังออกไปดูนางห่างๆ
สตรีชุดแดงค่อยๆ ปัดเศษใบไม้ออกจากร่างกายของตัวเองอย่างละเมียดละไม
กาเอลยืนจ้องกิริยาอาการของนางเงียบๆ
สุดท้ายก็โน้มกายลงส่งมือให้นางใช้พยุงร่างลุกขึ้น
ไม่ว่าจะอย่างไรนางก็เป็นเพียงสิ่งเดียวที่อยู่เคียงข้างเขา
มาตลอดในช่วงเวลาที่แสนมืดมน
เขาจึงไม่อาจโกรธเคืองนางได้นานเลย
หญิงสาวยิ้มหน้าบานตอบรับความช่วยเหลือนั้น
มันเป็นรอยยิ้มที่สดใสไร้พิษสง
ไม่ได้เจืออารมณ์เสแสร้งดังเช่นที่ผ่านๆ มา
“ จริงๆ เลยนะในบรรดาผู้คนมากมายที่ผ่านเข้ามา ข้าน่ะลุ่มหลงเจ้าที่สุดแล้ว ”
กาเอลไม่ได้ตอบโต้อะไร
เขาก้มลงคว้าเสื้อคลุมนอกที่กองอยู่บนพื้น
แล้วปีนขึ้นไปบนโขดหินจ้องไปยังร่างผู้คนที่นอนเกลื่อนกลาด
“ แน่ใจว่าจะทิ้งไว้แบบนี้ ถ้าสภาแห่งโอรีเวียรู้เรื่องเข้าคงมีเรื่องใหญ่โตตามมาแน่ ”
หนุ่มน้อยร่างบางถามความเห็น
“ ไม่เห็นเป็นไรเลย ตอนนี้สมควรแก่เวลาแล้วที่ผู้คนจะต้องรับรู้ เจ้าเองก็ควรออกไปแสดงตัวด้วย หลบอยู่ในเงามืดแบบนี้จะสนุกอะไร หรืออยากให้ข้าช่วย ”
“ ช่วยอยู่เฉยๆ ไปก่อนเถอะ เจ้าลงมือทีไรได้วายป่วงทุกที ”
กาเอลว่า
เขายกมือขึ้นแตะลำคอตรงจุดที่เพิ่งถูกฝังเขี้ยวมาเมื่อครู่
หนุ่มน้อยรู้ว่าไม่ได้มีร่องรอยอะไรให้สังเกตเห็น
แต่ความรู้สึกประหลาดยังแผ่ลึกไปทั่วร่าง
มันเป็นจูบแรกที่ไม่คิดว่าจะมาถึงในเวลาเช่นนี้
“ ทำไมล่ะ เจ็บหรือ ”
นางเลิกคิ้วขึ้นสูงเมื่อเห็นอาการอีกฝ่าย
“ ข้าแน่ใจว่าไม่ได้กระทำกับเจ้ารุนแรงเกินไปนะ ไหนขอดูหน่อยสิเป็นแผลหรือเปล่า ”
หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงอย่างแท้จริง
แต่กาเอลยกมือขึ้นขวางเอาไว้
“ อีกครั้งเดียวข้าก็จะย้อมสีเสื้อผ้าให้เจ้าแล้ว ”
“ แหมชุดข้าเป็นสีแดงจัดขนาดนี้ เจ้ายังคิดจะย้อมอีกหรือ อย่าโง่ไปหน่อยเลยมันไม่แดงไปกว่านี้แล้ว ถึงเจ้าจะย้อมด้วยเลือดก็ตามที ”
“ อันที่จริงเจ้าพูดได้ถูกต้อง เรื่องนี้ก็ย่อมแพร่งพรายอยู่ดี เพราะมีคนรอดชีวิตออกไปมากมาย ”
กาเอลเปลี่ยนเรื่อง
“ ว้าว พวกเขารู้แล้ว พวกเขาจะอย่างไรต่อกันนะทีนี้ ข้าต้องรออีกนานหรือไม่ อยากกางปีกบินเต็มทีแล้ว ”
หญิงงามเอามือไขว้หลังบิดไหล่ไปมาด้วยท่าทีตื่นเต้น
“ ถึงอย่างไรก็ต้องตามหาของวิเศษจากโบราณทั้งเจ็ดให้ครบเสียก่อน เจ้าอยากเล่นอะไรคอยไปก่อนเถอะ ตอนนี้ข้าเห็นเอาไว้แล้วสาม เอาเวลาเพ้อเจ้อไปตามหาส่วนที่เหลือไม่ดีกว่าหรือ ”
“ โว๊ ข้าว่า ข้าเห็นสี่นะ ”
นางแย้ง
“ นับเฉพาะนี่มั่นใจแล้วจริงๆ อย่าเพิ่งนับรวมกับการคาดเดา ”
หนุ่มน้อยว่า
“ แน่นอน สายตาข้าย่อมไม่ผิดพลาด ยังไงก็สี่ล่ะ ”
“ นับจากวันนี้พวกเราต้องลำบากกันแล้ว เพราะจะต้องมีคนตามหาว่าใครที่ทำเรื่องแบบนี้ แล้วเจ้ายังอยากให้ข้าออกไปเดินเพ่นพ่านอีกหรือ ”
“ ก็เจ้าน่ะหมกมุ่นเกินไป วันๆ เอาแต่จ้องร่างคนตายอยู่ได้ ข้าแค่อยากให้เจ้าเติมสีสันกับชีวิตบ้าง ”
“ ยังไงล่ะ ”
กาเอลว่าพลางดีดนิ้ว
ฝูงอีกาจำนวนมากมายก็ถลาลงมารุมทึ้งซากศพ
“ อย่างเช่นสาวงามสักคนสองคน ”
นางเสนอด้วยแววตาเจ้าเล่ห์แสนซน
“ หึ ”
หนุ่มน้อยร่างสูงหัวเราะแบบฝืดเผื่อน
“ ถ้าเจ้าไม่ชอบบทสวาทก็เล่นบทเถื่อนตามที่ถนัดก็ได้นี่นา ”
หญิงงามชี้ที่ข้างแก้ม
เลือดยังคงไหลรินไม่หยุด
“ ถ้าเจ้าสัญญาว่าจะอยู่นิ่งๆ ข้าก็จะ ”
กาเอลมีท่าทีลังเล
“ จะเป็นไรไปล่ะ เมื่อเจ้าขอมาข้ายินดีทำทุกอย่างอยู่แล้ว ”
ร่างในอาภรณ์สีแดงหรูหราห่อกายลง
เชิดปลายคางขึ้นแล้วหลับตาพริ้มด้วยท่าทางยั่วยวน
หนุ่มน้อยรูปงามโน้มกายเข้าไปจุมพิตที่แผล
แล้วฉากหลบออกมาจากระยะเอื้อมถึง
อย่างไรก็ตาม
รอยแผลบนผิวแก้มเนียนผ่องได้หายไป
ไม่ทิ้งไว้แม้แต่รอยแผลเป็น
“ ใยขี้ตื่นเช่นนี้ ”
นางบ่น
“ ข้าน่ะเห็นเจ้ามาตั้งแต่ครั้งยังแบเบาะ เรื่องคิดไม่ดีกับเจ้าไม่มีวันเสียหรอก แต่ก็นะ นอกจากจะรูปงามแล้วเจ้ายังมีอารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย มันทำให้ข้ารู้สึกอยากบดขยี้ อยากครอบครองเจ้าไว้แต่เพียงผู้เดียว ความไร้เดียงสาของเจ้าต้องมีใครบางคนทลายมันลง ก่อนที่ข้าจะคลั่งจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ ”
“ ขอบคุณมาก ตอนนี้ข้าเริ่มเครียดแล้วล่ะ ”
กาเอลว่า
“ เรากลับกันเถอะ ก่อนที่ผู้คนจะแห่กันมา ”
“ น่าสนุกจัง ไหนว่าจะย้อมชุดใหม่ให้ข้าไง ตอนนี้มีโอกาสแล้วอยู่คอยต้อนรับพวกเขาเสียหน่อยเป็นไร ”
สตรีชุดแดงทำเสียงอิดออด
แต่กาเอลก็เดินนำไปแล้ว
นางจึงต้องวิ่งตามไป
“ อย่าลืมที่ข้าบอกเจ้าล่ะ เรื่องหญิงงามนั่น ”
สตรีนางนั้นทวง
“ ข้าจำเป็นต้องหาสาวงามจากที่ไหนอีก ในเมื่อคนที่อยู่เคียงข้างข้า ก็งดงามที่สุดในสามโลกแล้ว ”
สตรีชุดแดงได้ยินดังนั้นก็หยุดกึก
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง
“ ไม่นึกว่าคนอย่างเจ้าก็ปากหวานเป็นกับเขาด้วย ”
นางบอก
“ เพียงแต่จิตใจของเจ้าโสโครกเกินรับไหวเท่านั้นเอง ”
แต่ในเวลานี้เขากำลังจะถูกล่วงล้ำด้วยหญิงสาวพราวเสน่ห์ผู้ผ่านโลกีย์มาอย่างช่ำชอง หนุ่มน้อยที่อ่อนโลกกว่าจึงได้แต่นอนทอดกายรอรับชะตากรรมโดยไม่มีทางขัดขืน
ริมฝีปากอิ่มประกบลงมาบนลำคอที่ไวต่อความรู้สึกทำเอากาเอลถึงกับสะดุ้ง แรงบดขยี้อันร้อนแรงและหื่นกระหายหยุดลมหายใจอันบางเบาให้ขาดเป็นห้วงๆ เขารับรู้ว่าร่างกายตอบสนองการจู่โจมนี้อย่างไร แต่มันไม่ได้สลักสำคัญนักในเวลานี้
เมือข้างหนึ่งเอื้อมขึ้นมาจับสะโพกผายของหญิงสาวที่ทาบทับอยู่ อีกข้างช้อนผ่านลำคอลากผ่านขึ้นไปจนนิ้วเรียวยาวแข็งแกร่งแทรกเข้าไปในเรือนผมนุ่มสลวย เขาขยุมเบาๆ ตามจังหวะแรงกระทำของอีกฝ่าย
ทันทีที่รู้สึกถึงคมเขี้ยวที่ฝังเบาๆ ลงมาบนผิวเขาก็กำรวบเส้นผมนั้น ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีกระชากนางหลุดจากพันธนาการ หญิงสาวล้มกลิ้งไปข้างๆ คราวนี้กาเอลรวดเร็วกว่าเขาพุ่งตัวตามไปคร่อมร่างนางเอาไว้แล้วคว้าลำคอบางระหงกระแทกลงกับพื้น มีดเล่มหนึ่งปักฉึกลงข้างแก้มขาวนวลเนียน คมมีดเฉียดใกล้จนเกิดแผลเล็กๆ พอมีเลือดไหล
“ อาจจะไม่มีใครบนโลกนี้สังหารเจ้าได้ แต่ข้าแน่ใจว่าข้าสามารถสร้างรอยแผลเป็นบนใบหน้าของเจ้าได้ ข้าเคยเตือนอยู่เสมอว่าไม่ชอบการที่ต้องตกเป็นเบี้ยล่างใคร ใยเจ้าจึงอยากลองดีนัก ”
กาเอลถามด้วยน้ำเสียงดุดัน
สตรีชุดแดงมีท่าทีตกตะลึง
แต่เพียงชั่วแวบนางก็สามารถกลับมายั่วยวนได้อีกครั้ง
“ ตายจริง ใครสอนให้เจ้าเล่นของมีคมกับสตรีกันนะ โถๆ ถ้าไม่ชอบใจก็บอกข้าดีๆ ได้นี่นาไม่จำเป็นต้องเกรี้ยวกราดขนาดนั้น หรือเจ้าแค่กลัวที่จะแสดงความรู้สึก ”
“ ข้าไม่เคยเห็นเจ้าเป็นสตรีและตอนนี้ก็ไม่ได้ล้อเล่น ”
เขาไม่พูดเปล่าแต่กดคมมีดลึกลงไป
“ ก็ได้ ข้ายอมแพ้ ”
เมื่อได้ยินดังนั้นกาเอลก็ลุกพรวดขึ้นทันที
โดยไม่ลืมดึงมีดติดมือมาด้วย
เขาถอยหลังออกไปดูนางห่างๆ
สตรีชุดแดงค่อยๆ ปัดเศษใบไม้ออกจากร่างกายของตัวเองอย่างละเมียดละไม
กาเอลยืนจ้องกิริยาอาการของนางเงียบๆ
สุดท้ายก็โน้มกายลงส่งมือให้นางใช้พยุงร่างลุกขึ้น
ไม่ว่าจะอย่างไรนางก็เป็นเพียงสิ่งเดียวที่อยู่เคียงข้างเขา
มาตลอดในช่วงเวลาที่แสนมืดมน
เขาจึงไม่อาจโกรธเคืองนางได้นานเลย
หญิงสาวยิ้มหน้าบานตอบรับความช่วยเหลือนั้น
มันเป็นรอยยิ้มที่สดใสไร้พิษสง
ไม่ได้เจืออารมณ์เสแสร้งดังเช่นที่ผ่านๆ มา
“ จริงๆ เลยนะในบรรดาผู้คนมากมายที่ผ่านเข้ามา ข้าน่ะลุ่มหลงเจ้าที่สุดแล้ว ”
กาเอลไม่ได้ตอบโต้อะไร
เขาก้มลงคว้าเสื้อคลุมนอกที่กองอยู่บนพื้น
แล้วปีนขึ้นไปบนโขดหินจ้องไปยังร่างผู้คนที่นอนเกลื่อนกลาด
“ แน่ใจว่าจะทิ้งไว้แบบนี้ ถ้าสภาแห่งโอรีเวียรู้เรื่องเข้าคงมีเรื่องใหญ่โตตามมาแน่ ”
หนุ่มน้อยร่างบางถามความเห็น
“ ไม่เห็นเป็นไรเลย ตอนนี้สมควรแก่เวลาแล้วที่ผู้คนจะต้องรับรู้ เจ้าเองก็ควรออกไปแสดงตัวด้วย หลบอยู่ในเงามืดแบบนี้จะสนุกอะไร หรืออยากให้ข้าช่วย ”
“ ช่วยอยู่เฉยๆ ไปก่อนเถอะ เจ้าลงมือทีไรได้วายป่วงทุกที ”
กาเอลว่า
เขายกมือขึ้นแตะลำคอตรงจุดที่เพิ่งถูกฝังเขี้ยวมาเมื่อครู่
หนุ่มน้อยรู้ว่าไม่ได้มีร่องรอยอะไรให้สังเกตเห็น
แต่ความรู้สึกประหลาดยังแผ่ลึกไปทั่วร่าง
มันเป็นจูบแรกที่ไม่คิดว่าจะมาถึงในเวลาเช่นนี้
“ ทำไมล่ะ เจ็บหรือ ”
นางเลิกคิ้วขึ้นสูงเมื่อเห็นอาการอีกฝ่าย
“ ข้าแน่ใจว่าไม่ได้กระทำกับเจ้ารุนแรงเกินไปนะ ไหนขอดูหน่อยสิเป็นแผลหรือเปล่า ”
หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงอย่างแท้จริง
แต่กาเอลยกมือขึ้นขวางเอาไว้
“ อีกครั้งเดียวข้าก็จะย้อมสีเสื้อผ้าให้เจ้าแล้ว ”
“ แหมชุดข้าเป็นสีแดงจัดขนาดนี้ เจ้ายังคิดจะย้อมอีกหรือ อย่าโง่ไปหน่อยเลยมันไม่แดงไปกว่านี้แล้ว ถึงเจ้าจะย้อมด้วยเลือดก็ตามที ”
“ อันที่จริงเจ้าพูดได้ถูกต้อง เรื่องนี้ก็ย่อมแพร่งพรายอยู่ดี เพราะมีคนรอดชีวิตออกไปมากมาย ”
กาเอลเปลี่ยนเรื่อง
“ ว้าว พวกเขารู้แล้ว พวกเขาจะอย่างไรต่อกันนะทีนี้ ข้าต้องรออีกนานหรือไม่ อยากกางปีกบินเต็มทีแล้ว ”
หญิงงามเอามือไขว้หลังบิดไหล่ไปมาด้วยท่าทีตื่นเต้น
“ ถึงอย่างไรก็ต้องตามหาของวิเศษจากโบราณทั้งเจ็ดให้ครบเสียก่อน เจ้าอยากเล่นอะไรคอยไปก่อนเถอะ ตอนนี้ข้าเห็นเอาไว้แล้วสาม เอาเวลาเพ้อเจ้อไปตามหาส่วนที่เหลือไม่ดีกว่าหรือ ”
“ โว๊ ข้าว่า ข้าเห็นสี่นะ ”
นางแย้ง
“ นับเฉพาะนี่มั่นใจแล้วจริงๆ อย่าเพิ่งนับรวมกับการคาดเดา ”
หนุ่มน้อยว่า
“ แน่นอน สายตาข้าย่อมไม่ผิดพลาด ยังไงก็สี่ล่ะ ”
“ นับจากวันนี้พวกเราต้องลำบากกันแล้ว เพราะจะต้องมีคนตามหาว่าใครที่ทำเรื่องแบบนี้ แล้วเจ้ายังอยากให้ข้าออกไปเดินเพ่นพ่านอีกหรือ ”
“ ก็เจ้าน่ะหมกมุ่นเกินไป วันๆ เอาแต่จ้องร่างคนตายอยู่ได้ ข้าแค่อยากให้เจ้าเติมสีสันกับชีวิตบ้าง ”
“ ยังไงล่ะ ”
กาเอลว่าพลางดีดนิ้ว
ฝูงอีกาจำนวนมากมายก็ถลาลงมารุมทึ้งซากศพ
“ อย่างเช่นสาวงามสักคนสองคน ”
นางเสนอด้วยแววตาเจ้าเล่ห์แสนซน
“ หึ ”
หนุ่มน้อยร่างสูงหัวเราะแบบฝืดเผื่อน
“ ถ้าเจ้าไม่ชอบบทสวาทก็เล่นบทเถื่อนตามที่ถนัดก็ได้นี่นา ”
หญิงงามชี้ที่ข้างแก้ม
เลือดยังคงไหลรินไม่หยุด
“ ถ้าเจ้าสัญญาว่าจะอยู่นิ่งๆ ข้าก็จะ ”
กาเอลมีท่าทีลังเล
“ จะเป็นไรไปล่ะ เมื่อเจ้าขอมาข้ายินดีทำทุกอย่างอยู่แล้ว ”
ร่างในอาภรณ์สีแดงหรูหราห่อกายลง
เชิดปลายคางขึ้นแล้วหลับตาพริ้มด้วยท่าทางยั่วยวน
หนุ่มน้อยรูปงามโน้มกายเข้าไปจุมพิตที่แผล
แล้วฉากหลบออกมาจากระยะเอื้อมถึง
อย่างไรก็ตาม
รอยแผลบนผิวแก้มเนียนผ่องได้หายไป
ไม่ทิ้งไว้แม้แต่รอยแผลเป็น
“ ใยขี้ตื่นเช่นนี้ ”
นางบ่น
“ ข้าน่ะเห็นเจ้ามาตั้งแต่ครั้งยังแบเบาะ เรื่องคิดไม่ดีกับเจ้าไม่มีวันเสียหรอก แต่ก็นะ นอกจากจะรูปงามแล้วเจ้ายังมีอารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย มันทำให้ข้ารู้สึกอยากบดขยี้ อยากครอบครองเจ้าไว้แต่เพียงผู้เดียว ความไร้เดียงสาของเจ้าต้องมีใครบางคนทลายมันลง ก่อนที่ข้าจะคลั่งจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ ”
“ ขอบคุณมาก ตอนนี้ข้าเริ่มเครียดแล้วล่ะ ”
กาเอลว่า
“ เรากลับกันเถอะ ก่อนที่ผู้คนจะแห่กันมา ”
“ น่าสนุกจัง ไหนว่าจะย้อมชุดใหม่ให้ข้าไง ตอนนี้มีโอกาสแล้วอยู่คอยต้อนรับพวกเขาเสียหน่อยเป็นไร ”
สตรีชุดแดงทำเสียงอิดออด
แต่กาเอลก็เดินนำไปแล้ว
นางจึงต้องวิ่งตามไป
“ อย่าลืมที่ข้าบอกเจ้าล่ะ เรื่องหญิงงามนั่น ”
สตรีนางนั้นทวง
“ ข้าจำเป็นต้องหาสาวงามจากที่ไหนอีก ในเมื่อคนที่อยู่เคียงข้างข้า ก็งดงามที่สุดในสามโลกแล้ว ”
สตรีชุดแดงได้ยินดังนั้นก็หยุดกึก
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง
“ ไม่นึกว่าคนอย่างเจ้าก็ปากหวานเป็นกับเขาด้วย ”
นางบอก
“ เพียงแต่จิตใจของเจ้าโสโครกเกินรับไหวเท่านั้นเอง ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ