โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
7.3
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
188 บทที่
11 วิจารณ์
137.94K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
74) ถึงกับจำข้าไม่ได้เลยหรือไง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเมื่อสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นตรงหน้า ทั้งคณะของขบวนเสด็จล้วนอยู่ในอาการตกตะลึง เหล่าทหารคุ้มกันที่ยังควบคุมสติไหวต่างสาดลูกธนูไปยังร่างทั้งสองที่กำลังมุ่งตรงเข้ามา แล้วทันใดอสูรกายทั้งสองก็หันหลังชนกัน ร่างของพวกมันหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ริมฝีปากบิดเบี้ยวอ้ากว้างส่งเสียงคำรามดังสนั่นหวั่นไหว
ท่ามกลางไอหมอกที่ลอยต่ำระพื้น ปรากฏร่างเงาสีดำมากมายผุดขึ้นล้อมพวกเขาเอาไว้เป็นวงกลม อีกาบนต้นไม้กางปีกบินฉะวัดเฉวียนพร้อมกับส่งเสียงร้องสั่นประสาท
เหล่าทหารคุ้มกันชักดาบออกมาฟาดฟันปีศาจร้ายในม่านหมอก และลางร้ายเริ่มตั้งเค้า พวกมันฆ่าไม่ตาย เมื่อถูกฟันขาดสองท่อน ร่างประหลาดสีดำนั้นสามารถลุกกลับขึ้นมาอีกครั้ง กลิ่นเหม็นสาบที่ตลบอบอวล เสียงอีกาจากเบื้องบนล้วนแต่บั่นมอนกำลังใจให้หดหาย พวกเขาไม่สามารถฝ่าวงล้อมออกมาได้
เจ้าชายเอลานอสตะลึงงัน เขากอดลูกธนูสีดำและดาบประจำกายไว้แนบอก ไม่มีเรียวแรงแม้จะชักมันออกจากฝัก นี่คือเรื่องจริงไม่ใช่การซ้อมรบไม่ใช่ลานต่อสู้ พลาดคือตายสถานเดียว เจ้าชายน้อยรู้สึกหวาดกลัวอย่างที่สุด ร่างประหลาดสีดำวิ่งพล่านอยู่รายรอบ เขามองเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน ทหารคุ้มกันที่พลาดท่าถูกพวกมันรุมทึ้งฉีกร่างออกเป็นชิ้นๆ คนแล้วคนเล่า เสียงร้องโหยหวนและคำวิงวอนขอชีวิตดังก้องไปทั่วป่า แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครได้ยิน
ทหารคุ้มกันที่ยืนข้างหลังเจ้าชายตัวน้อยถูกกระชากล้มลง ร่างของเขาถูกฉีกขาดออกจากกันเลือดสดๆ กระเด็นไปโดนเสื้อผ้าอาภรของเอลานอสที่ยืนตัวแข็งทื่อ เหมือนว่าจะถึงจุดสิ้นสุดเมื่อความกลัวไม่อาจเพิ่มมากไปกว่านี้ได้แล้ว สติที่เคยแข็งขืนก็แตกกระเจิง
เจ้าชายเอลานอสแหกปากลั่น เขาวิ่งฝ่าหมอกออกไปข้างหน้า ไม่สนว่าจะชนกับอะไรหรือร้ายที่สุดคือถูกจับตัวได้ มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว เขาปรารถนาจะออกไปจากที่นี่อย่างน้อยความตายอาจยุติทุกอย่าง เจ้าชายเอลานอสก้มหน้าก้มตาวิ่งหนีสุดชีวิต ในที่สุดก็สะดุดเอากับหินก้อนใหญ่ล้มกลิ้งลงไปตามเนินดิน ร่างกายกระแทกกับหินและโดนรากไม้ข่วนเป็นแผลทั่วตัว
แม้จะหวาดกลัวและเจ็บปวด แต่เจ้าชายเอลานอสก็ไม่ได้ปล่อยมือจากดาบ เขากลิ้งลงไปตามความลาดเอียงด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น สุดท้ายก็ชนเข้ากับอะไรบางอย่างทำให้ร่างทั้งร่างหยุดกึก เอลานอสมั่นใจได้ในทันทีว่าสิ่งที่ชนเข้าไปนั้นคือฝ่าเท้าของใครบางคนนั่นเอง
เขาหมอบลงเอาหน้าแนบกับพื้นดิน
เฝ้ารอคอยความตายที่กำลังมาถึงด้วยใจระทึก
แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
ท่ามกลางความเงียบงัน
ก็มีคนผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น
มันเป็นเสียงที่อบอุ่นละมุนหู
“ ตรงนี้ไม่ใช่เตียง เป็นถึงเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ นึกอยากนอนตรงไหนก็ได้อย่างนั้นหรือ เหลวไหลเกินไปแล้ว ”
เสียงนั้นคุ้นเคยยิ่งนัก
หรือจะเป็นเสียงของพระราชมารดา
เป็นไปไม่ได้
เว้นแต่
เว้นแต่เขาจะตายไปแล้ว
เจ้าชายเอลานอสหันขวับไปมอง
หวังว่าจะได้เห็นมารดาผู้สุขุมและงดงาม
แต่สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงนี้
คือบุรุษผู้สวมหน้ากากเหล็ก
มือข้างหนึ่งถือคทาโลหะสีดำตั้งตรงแน่วกับพื้น
ส่วนอีกข้างถือโซ่ห้อยกระถางเผากำยาน
แม้จะเป็นภาพที่คุ้นตา
แต่ด้วยความหวาดระแวงและตื่นกลัวที่มีมากล้น
เขาจึงไม่อาจจดจำคนผู้นั้นได้ในทันที
เจ้าชายเอลานอสคลานถอยหลังหนีลนลาน
จนชนเข้ากับโคนต้นไม้ใหญ่
“ อะไรกัน ไม่เจอกันครู่เดียว ถึงกับจำข้าไม่ได้เลยหรือ ”
เจ้าชายผู้ตื่นกลัวผุดลุกขึ้น
ชักดาบออกกวัดแกว่งไปยังบุรุษตรงหน้า
“ เจ้าหันปลายดาบมาผิดทางแล้ว กลับหลังไป มันอยู่ที่นั่นต่างหากล่ะ ”
เขาจึงหันกลับไปดู
ท่ามกลางหมอกที่เจือจาง
ร่างประหลาดสีดำกำลังตรงดิ่งเข้ามา
เจ้าชายเอลานอสสะดุ้งตกใจ
เขาทิ้งดาบและวิ่งหนี
แต่ถูกสกัดไว้เสียก่อนจึงล้มกลิ้งลงกับพื้น
ร่างประหลาดคืบคลานเข้ามาใกล้
จนมองเห็นหัวที่บวมปูดกับฟันแหลมคม
บุรุษผู้นั้นก้าวข้ามร่างของเจ้าชายเอลานอส
เขาจับกระถางหินเผากำยานฟาดใส่หน้าปีศาจร้ายตัวนั้น
ตัวประหลาดสีดำเมื่อถูกไอกำยานก็แตกสลายกลายเป็นฝุ่นดิน
“ กาเอลนั่นเจ้าใช่หรือไม่ ”
เจ้าชายเอลานอสเหมือนเพิ่งจะได้สติ
กาเอลก้มลงตรงหน้าเขาแกวงกระถางไฟเบาๆ
ไอสีเขียวก็คลุ้งออกมาพร้อมกับกลิ่นหอมฉุนเฉียว
เพียงเท่านี้เจ้าชายตัวน้อยก็รู้สึกสงบขึ้น
“ เอาล่ะกลับเข้าไปในวงปะทะได้แล้ว ”
กาเอลบอก
“ ข้าไม่ไปไหนทั้งนั้น ”
เจ้าชายเอลานอสว่าพลางทิ้งตัวลงนอนกับพื้น
“ ในขณะที่คนอื่นกำลังต่อสู้เอาตัวรอดอย่างดุเดือด แต่เจ้ากลับหลบมาหาที่นอนพักผ่อน ข้านี่นับถือหัวใจของเจ้ายิ่งนัก ”
“ ถ้าเช่นนั้นบอกข้าทีนี่มันเรื่องอะไรกัน ”
กาเอลนั่งลงข้างๆ เจ้าชายตัวน้อยที่นอนเหยียดยาว
“ เจ้าควรแสดงความกล้าหาญให้สมกับเป็นกษัตริย์นักรบ ”
“ ข้ากล้าหาญแน่แต่ไม่ใช่กับตัวประหลาดเหล่านั้นพวกมันมาจากไหนกัน ”
“ เศษเสียวแห่งนรก ข้าแค่ทดลองเปิดประตูบานเล็กๆ ให้กับปีศาจปลายแถว เจ้าไม่สมควรต้องกลัวมัน ในวันหนึ่งข้างหน้า เจ้าคือกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ และปีศาจทั้งหลายคือข้ารับใช้ของเจ้า นี่เป็นหลักประกันว่ากองทัพของเจ้าจะน่ากลัวที่สุดในผืนแผ่นดิน ”
“ เจ้าใช้ศาสตร์มืด ”
เจ้าชายตกพระทัย
“ พูดอย่างกับเคยเห็นข้าใช้มนต์ขาวอย่างไรอย่างนั้น ”
อีกฝ่ายหนึ่งตอบด้วยทีท่าไม่เดือดร้อน
“ ทำแบบนี้สภาต้องตามหาเจ้าแน่ ชาวเมืองคาเลใช้มนต์ขาวไม่ได้หรือ เหมือนพวกสภาผู้ใช้เวทมนต์ที่ใช้มนต์ดำไม่ได้ ”
“ อันที่จริงเรามีข้อได้เปรียบอย่างหนึ่ง ชาวเมืองคาเลดั้งเดิมที่สืบเชื้อสายมาแต่โบราณ สามารถใช้ได้ทั้งมนต์ขาวและมนต์ดำ แต่พวกสายขาวบริสุทธิ์จะใช้มนต์ดำไม่ได้เลย ”
กาเอลอธิบาย
“ ถ้าอย่างนั้น ข่าวลือที่ว่าดารีลแอบศึกษามนต์ดำมันเป็นไปได้แค่ไหน แล้วเจ้าบ้านั่นทำเพื่ออะไร ”
“ ขึ้นอยู่กับต้นตระกูลของดารีลว่าจะมีพลังแบบไหน แต่สิ่งหนึ่งที่ข้ามั่นใจ หมอนั่นมีพรสวรรค์ด้านการพลิกแพลง วิชาปรุงยาเขาทำได้ดีมากทุกประเภท ส่วนเรื่องมนต์ดำดารีลย่อมรู้ว่าสิ่งที่สามารถทำลายมนต์ดำได้ดีที่สุดคือมนต์ดำด้วยกันเอง ”
“ หมายความว่าเจ้านั่นระแคะระคายว่ามีชาวเมืองคาเลหลงเหลืออยู่ เขาอาจพยายามหาทางกำจักเจ้าอยู่ก็ได้ ”
เจ้าชายเอลานอสมีท่าทีวิตกกังวล
“ ก็อาจจะจริง แต่อย่าห่วงเลย หมอนั่นไม่มีทางเอาชนะข้าได้ ”
“ ไม่ให้ห่วงได้อย่างไร ข้าได้ยินเรื่องเล่าขานมากมายเกี่ยวกับหมอนั่น ในวัยแค่เจ็ดขวบสามารถรอดชีวิตจากการเผชิญหน้ากับจอมปีศาจอย่างเคอร์คารอล และในเวลานี้ก็มีความสามารถหลากหลาย แม้แต่จอมเวทย์วาลานยังให้การยกย่อง ข่าวว่าเขาสามารถควบคุมดินฟ้าอากาศได้ มันแสดงถึงพลังเวทย์ที่สูงมากมิใช่หรือ ”
“ สิ่งที่เจ้าว่ามาข้าย่อมรู้ดีอยู่แล้ว อันที่จริงข้ากับดารีลมีหลายสิ่งที่คล้ายกัน สิ่งที่เจ้านั่นทำได้ใช่ว่าข้าจะทำไม่ได้ แต่ดารีลนั้นขาดซึ่งความอำมหิตและแน่นอนว่าข้ามีอยู่เต็มเปี่ยม ดังนั้นคนที่จะถูกทำลายไปย่อมไม่ใช่ข้า ”
“ ดารีลถึงขั้นลงมือศึกษามนต์ดำและศาสตร์มืด เพราะอะไรกันหากไม่ตั้งใจจะงัดข้อกับเจ้า ถ้าได้ทำถึงขนาดนั้นแล้ว คิดว่าหมอนั่นยังจะปราณีเจ้าอยู่หรือ ”
“ ข้าไม่เคยหวังจะได้รับความปราณีจากใคร และเจ้าก็เลิกสนใจเรื่องของข้าเสียที ตอนนี้จงกลับไปหาบิดาของเจ้า ไปแสดงความเก่งกล้าไห้ผู้คนได้ประจักษ์ ”
กาเอลบอก
“ ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็หยุดเสียสิ สั่งปีศาจของเจ้าให้กลับลงนรกไป ”
เมื่อได้ยินดังนั้นกาเอลก็หัวเราะ
“ เช่นนั้นข้าคงต้องบอกความจริงแก่เจ้า นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าใช้มนต์ดำเปิดประตูนรก จึงพึ่งจะรู้ตัวว่าพวกมันไม่ได้เชื่อฟังใครเลย ”
“ หมายความว่าอย่างไร ”
เจ้าชายเอลานอสลุกพรวดขึ้น
“ พวกมันจะสังหารทุกคนในวงล้อมจนหมดจึงจะยอมกลับสู่นรก แต่คิดดูอีกทีก็ดีแล้ว เมื่อบิดาของเจ้าสิ้น ตำแหน่งกษัตริย์ก็จะไม่ไปไหน สาเหตุการตายของกษัตริย์แฮโรดชัดแจ้งเกินกว่าจะโยนความผิดมาสู่เจ้าได้ งานนี้กำไรทั้งขึ้นทั้งล่องเจ้าว่าหรือเปล่า ”
ท่ามกลางไอหมอกที่ลอยต่ำระพื้น ปรากฏร่างเงาสีดำมากมายผุดขึ้นล้อมพวกเขาเอาไว้เป็นวงกลม อีกาบนต้นไม้กางปีกบินฉะวัดเฉวียนพร้อมกับส่งเสียงร้องสั่นประสาท
เหล่าทหารคุ้มกันชักดาบออกมาฟาดฟันปีศาจร้ายในม่านหมอก และลางร้ายเริ่มตั้งเค้า พวกมันฆ่าไม่ตาย เมื่อถูกฟันขาดสองท่อน ร่างประหลาดสีดำนั้นสามารถลุกกลับขึ้นมาอีกครั้ง กลิ่นเหม็นสาบที่ตลบอบอวล เสียงอีกาจากเบื้องบนล้วนแต่บั่นมอนกำลังใจให้หดหาย พวกเขาไม่สามารถฝ่าวงล้อมออกมาได้
เจ้าชายเอลานอสตะลึงงัน เขากอดลูกธนูสีดำและดาบประจำกายไว้แนบอก ไม่มีเรียวแรงแม้จะชักมันออกจากฝัก นี่คือเรื่องจริงไม่ใช่การซ้อมรบไม่ใช่ลานต่อสู้ พลาดคือตายสถานเดียว เจ้าชายน้อยรู้สึกหวาดกลัวอย่างที่สุด ร่างประหลาดสีดำวิ่งพล่านอยู่รายรอบ เขามองเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน ทหารคุ้มกันที่พลาดท่าถูกพวกมันรุมทึ้งฉีกร่างออกเป็นชิ้นๆ คนแล้วคนเล่า เสียงร้องโหยหวนและคำวิงวอนขอชีวิตดังก้องไปทั่วป่า แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครได้ยิน
ทหารคุ้มกันที่ยืนข้างหลังเจ้าชายตัวน้อยถูกกระชากล้มลง ร่างของเขาถูกฉีกขาดออกจากกันเลือดสดๆ กระเด็นไปโดนเสื้อผ้าอาภรของเอลานอสที่ยืนตัวแข็งทื่อ เหมือนว่าจะถึงจุดสิ้นสุดเมื่อความกลัวไม่อาจเพิ่มมากไปกว่านี้ได้แล้ว สติที่เคยแข็งขืนก็แตกกระเจิง
เจ้าชายเอลานอสแหกปากลั่น เขาวิ่งฝ่าหมอกออกไปข้างหน้า ไม่สนว่าจะชนกับอะไรหรือร้ายที่สุดคือถูกจับตัวได้ มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว เขาปรารถนาจะออกไปจากที่นี่อย่างน้อยความตายอาจยุติทุกอย่าง เจ้าชายเอลานอสก้มหน้าก้มตาวิ่งหนีสุดชีวิต ในที่สุดก็สะดุดเอากับหินก้อนใหญ่ล้มกลิ้งลงไปตามเนินดิน ร่างกายกระแทกกับหินและโดนรากไม้ข่วนเป็นแผลทั่วตัว
แม้จะหวาดกลัวและเจ็บปวด แต่เจ้าชายเอลานอสก็ไม่ได้ปล่อยมือจากดาบ เขากลิ้งลงไปตามความลาดเอียงด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น สุดท้ายก็ชนเข้ากับอะไรบางอย่างทำให้ร่างทั้งร่างหยุดกึก เอลานอสมั่นใจได้ในทันทีว่าสิ่งที่ชนเข้าไปนั้นคือฝ่าเท้าของใครบางคนนั่นเอง
เขาหมอบลงเอาหน้าแนบกับพื้นดิน
เฝ้ารอคอยความตายที่กำลังมาถึงด้วยใจระทึก
แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
ท่ามกลางความเงียบงัน
ก็มีคนผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น
มันเป็นเสียงที่อบอุ่นละมุนหู
“ ตรงนี้ไม่ใช่เตียง เป็นถึงเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ นึกอยากนอนตรงไหนก็ได้อย่างนั้นหรือ เหลวไหลเกินไปแล้ว ”
เสียงนั้นคุ้นเคยยิ่งนัก
หรือจะเป็นเสียงของพระราชมารดา
เป็นไปไม่ได้
เว้นแต่
เว้นแต่เขาจะตายไปแล้ว
เจ้าชายเอลานอสหันขวับไปมอง
หวังว่าจะได้เห็นมารดาผู้สุขุมและงดงาม
แต่สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงนี้
คือบุรุษผู้สวมหน้ากากเหล็ก
มือข้างหนึ่งถือคทาโลหะสีดำตั้งตรงแน่วกับพื้น
ส่วนอีกข้างถือโซ่ห้อยกระถางเผากำยาน
แม้จะเป็นภาพที่คุ้นตา
แต่ด้วยความหวาดระแวงและตื่นกลัวที่มีมากล้น
เขาจึงไม่อาจจดจำคนผู้นั้นได้ในทันที
เจ้าชายเอลานอสคลานถอยหลังหนีลนลาน
จนชนเข้ากับโคนต้นไม้ใหญ่
“ อะไรกัน ไม่เจอกันครู่เดียว ถึงกับจำข้าไม่ได้เลยหรือ ”
เจ้าชายผู้ตื่นกลัวผุดลุกขึ้น
ชักดาบออกกวัดแกว่งไปยังบุรุษตรงหน้า
“ เจ้าหันปลายดาบมาผิดทางแล้ว กลับหลังไป มันอยู่ที่นั่นต่างหากล่ะ ”
เขาจึงหันกลับไปดู
ท่ามกลางหมอกที่เจือจาง
ร่างประหลาดสีดำกำลังตรงดิ่งเข้ามา
เจ้าชายเอลานอสสะดุ้งตกใจ
เขาทิ้งดาบและวิ่งหนี
แต่ถูกสกัดไว้เสียก่อนจึงล้มกลิ้งลงกับพื้น
ร่างประหลาดคืบคลานเข้ามาใกล้
จนมองเห็นหัวที่บวมปูดกับฟันแหลมคม
บุรุษผู้นั้นก้าวข้ามร่างของเจ้าชายเอลานอส
เขาจับกระถางหินเผากำยานฟาดใส่หน้าปีศาจร้ายตัวนั้น
ตัวประหลาดสีดำเมื่อถูกไอกำยานก็แตกสลายกลายเป็นฝุ่นดิน
“ กาเอลนั่นเจ้าใช่หรือไม่ ”
เจ้าชายเอลานอสเหมือนเพิ่งจะได้สติ
กาเอลก้มลงตรงหน้าเขาแกวงกระถางไฟเบาๆ
ไอสีเขียวก็คลุ้งออกมาพร้อมกับกลิ่นหอมฉุนเฉียว
เพียงเท่านี้เจ้าชายตัวน้อยก็รู้สึกสงบขึ้น
“ เอาล่ะกลับเข้าไปในวงปะทะได้แล้ว ”
กาเอลบอก
“ ข้าไม่ไปไหนทั้งนั้น ”
เจ้าชายเอลานอสว่าพลางทิ้งตัวลงนอนกับพื้น
“ ในขณะที่คนอื่นกำลังต่อสู้เอาตัวรอดอย่างดุเดือด แต่เจ้ากลับหลบมาหาที่นอนพักผ่อน ข้านี่นับถือหัวใจของเจ้ายิ่งนัก ”
“ ถ้าเช่นนั้นบอกข้าทีนี่มันเรื่องอะไรกัน ”
กาเอลนั่งลงข้างๆ เจ้าชายตัวน้อยที่นอนเหยียดยาว
“ เจ้าควรแสดงความกล้าหาญให้สมกับเป็นกษัตริย์นักรบ ”
“ ข้ากล้าหาญแน่แต่ไม่ใช่กับตัวประหลาดเหล่านั้นพวกมันมาจากไหนกัน ”
“ เศษเสียวแห่งนรก ข้าแค่ทดลองเปิดประตูบานเล็กๆ ให้กับปีศาจปลายแถว เจ้าไม่สมควรต้องกลัวมัน ในวันหนึ่งข้างหน้า เจ้าคือกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ และปีศาจทั้งหลายคือข้ารับใช้ของเจ้า นี่เป็นหลักประกันว่ากองทัพของเจ้าจะน่ากลัวที่สุดในผืนแผ่นดิน ”
“ เจ้าใช้ศาสตร์มืด ”
เจ้าชายตกพระทัย
“ พูดอย่างกับเคยเห็นข้าใช้มนต์ขาวอย่างไรอย่างนั้น ”
อีกฝ่ายหนึ่งตอบด้วยทีท่าไม่เดือดร้อน
“ ทำแบบนี้สภาต้องตามหาเจ้าแน่ ชาวเมืองคาเลใช้มนต์ขาวไม่ได้หรือ เหมือนพวกสภาผู้ใช้เวทมนต์ที่ใช้มนต์ดำไม่ได้ ”
“ อันที่จริงเรามีข้อได้เปรียบอย่างหนึ่ง ชาวเมืองคาเลดั้งเดิมที่สืบเชื้อสายมาแต่โบราณ สามารถใช้ได้ทั้งมนต์ขาวและมนต์ดำ แต่พวกสายขาวบริสุทธิ์จะใช้มนต์ดำไม่ได้เลย ”
กาเอลอธิบาย
“ ถ้าอย่างนั้น ข่าวลือที่ว่าดารีลแอบศึกษามนต์ดำมันเป็นไปได้แค่ไหน แล้วเจ้าบ้านั่นทำเพื่ออะไร ”
“ ขึ้นอยู่กับต้นตระกูลของดารีลว่าจะมีพลังแบบไหน แต่สิ่งหนึ่งที่ข้ามั่นใจ หมอนั่นมีพรสวรรค์ด้านการพลิกแพลง วิชาปรุงยาเขาทำได้ดีมากทุกประเภท ส่วนเรื่องมนต์ดำดารีลย่อมรู้ว่าสิ่งที่สามารถทำลายมนต์ดำได้ดีที่สุดคือมนต์ดำด้วยกันเอง ”
“ หมายความว่าเจ้านั่นระแคะระคายว่ามีชาวเมืองคาเลหลงเหลืออยู่ เขาอาจพยายามหาทางกำจักเจ้าอยู่ก็ได้ ”
เจ้าชายเอลานอสมีท่าทีวิตกกังวล
“ ก็อาจจะจริง แต่อย่าห่วงเลย หมอนั่นไม่มีทางเอาชนะข้าได้ ”
“ ไม่ให้ห่วงได้อย่างไร ข้าได้ยินเรื่องเล่าขานมากมายเกี่ยวกับหมอนั่น ในวัยแค่เจ็ดขวบสามารถรอดชีวิตจากการเผชิญหน้ากับจอมปีศาจอย่างเคอร์คารอล และในเวลานี้ก็มีความสามารถหลากหลาย แม้แต่จอมเวทย์วาลานยังให้การยกย่อง ข่าวว่าเขาสามารถควบคุมดินฟ้าอากาศได้ มันแสดงถึงพลังเวทย์ที่สูงมากมิใช่หรือ ”
“ สิ่งที่เจ้าว่ามาข้าย่อมรู้ดีอยู่แล้ว อันที่จริงข้ากับดารีลมีหลายสิ่งที่คล้ายกัน สิ่งที่เจ้านั่นทำได้ใช่ว่าข้าจะทำไม่ได้ แต่ดารีลนั้นขาดซึ่งความอำมหิตและแน่นอนว่าข้ามีอยู่เต็มเปี่ยม ดังนั้นคนที่จะถูกทำลายไปย่อมไม่ใช่ข้า ”
“ ดารีลถึงขั้นลงมือศึกษามนต์ดำและศาสตร์มืด เพราะอะไรกันหากไม่ตั้งใจจะงัดข้อกับเจ้า ถ้าได้ทำถึงขนาดนั้นแล้ว คิดว่าหมอนั่นยังจะปราณีเจ้าอยู่หรือ ”
“ ข้าไม่เคยหวังจะได้รับความปราณีจากใคร และเจ้าก็เลิกสนใจเรื่องของข้าเสียที ตอนนี้จงกลับไปหาบิดาของเจ้า ไปแสดงความเก่งกล้าไห้ผู้คนได้ประจักษ์ ”
กาเอลบอก
“ ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็หยุดเสียสิ สั่งปีศาจของเจ้าให้กลับลงนรกไป ”
เมื่อได้ยินดังนั้นกาเอลก็หัวเราะ
“ เช่นนั้นข้าคงต้องบอกความจริงแก่เจ้า นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าใช้มนต์ดำเปิดประตูนรก จึงพึ่งจะรู้ตัวว่าพวกมันไม่ได้เชื่อฟังใครเลย ”
“ หมายความว่าอย่างไร ”
เจ้าชายเอลานอสลุกพรวดขึ้น
“ พวกมันจะสังหารทุกคนในวงล้อมจนหมดจึงจะยอมกลับสู่นรก แต่คิดดูอีกทีก็ดีแล้ว เมื่อบิดาของเจ้าสิ้น ตำแหน่งกษัตริย์ก็จะไม่ไปไหน สาเหตุการตายของกษัตริย์แฮโรดชัดแจ้งเกินกว่าจะโยนความผิดมาสู่เจ้าได้ งานนี้กำไรทั้งขึ้นทั้งล่องเจ้าว่าหรือเปล่า ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ