โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  137.94K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

74) ถึงกับจำข้าไม่ได้เลยหรือไง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
เมื่อสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นตรงหน้า   ทั้งคณะของขบวนเสด็จล้วนอยู่ในอาการตกตะลึง   เหล่าทหารคุ้มกันที่ยังควบคุมสติไหวต่างสาดลูกธนูไปยังร่างทั้งสองที่กำลังมุ่งตรงเข้ามา   แล้วทันใดอสูรกายทั้งสองก็หันหลังชนกัน   ร่างของพวกมันหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว   ริมฝีปากบิดเบี้ยวอ้ากว้างส่งเสียงคำรามดังสนั่นหวั่นไหว
 
ท่ามกลางไอหมอกที่ลอยต่ำระพื้น   ปรากฏร่างเงาสีดำมากมายผุดขึ้นล้อมพวกเขาเอาไว้เป็นวงกลม   อีกาบนต้นไม้กางปีกบินฉะวัดเฉวียนพร้อมกับส่งเสียงร้องสั่นประสาท
 
เหล่าทหารคุ้มกันชักดาบออกมาฟาดฟันปีศาจร้ายในม่านหมอก   และลางร้ายเริ่มตั้งเค้า   พวกมันฆ่าไม่ตาย   เมื่อถูกฟันขาดสองท่อน   ร่างประหลาดสีดำนั้นสามารถลุกกลับขึ้นมาอีกครั้ง   กลิ่นเหม็นสาบที่ตลบอบอวล   เสียงอีกาจากเบื้องบนล้วนแต่บั่นมอนกำลังใจให้หดหาย   พวกเขาไม่สามารถฝ่าวงล้อมออกมาได้
 
            เจ้าชายเอลานอสตะลึงงัน   เขากอดลูกธนูสีดำและดาบประจำกายไว้แนบอก   ไม่มีเรียวแรงแม้จะชักมันออกจากฝัก   นี่คือเรื่องจริงไม่ใช่การซ้อมรบไม่ใช่ลานต่อสู้   พลาดคือตายสถานเดียว   เจ้าชายน้อยรู้สึกหวาดกลัวอย่างที่สุด   ร่างประหลาดสีดำวิ่งพล่านอยู่รายรอบ   เขามองเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน   ทหารคุ้มกันที่พลาดท่าถูกพวกมันรุมทึ้งฉีกร่างออกเป็นชิ้นๆ คนแล้วคนเล่า   เสียงร้องโหยหวนและคำวิงวอนขอชีวิตดังก้องไปทั่วป่า   แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครได้ยิน
 
ทหารคุ้มกันที่ยืนข้างหลังเจ้าชายตัวน้อยถูกกระชากล้มลง   ร่างของเขาถูกฉีกขาดออกจากกันเลือดสดๆ กระเด็นไปโดนเสื้อผ้าอาภรของเอลานอสที่ยืนตัวแข็งทื่อ   เหมือนว่าจะถึงจุดสิ้นสุดเมื่อความกลัวไม่อาจเพิ่มมากไปกว่านี้ได้แล้ว   สติที่เคยแข็งขืนก็แตกกระเจิง
 
            เจ้าชายเอลานอสแหกปากลั่น   เขาวิ่งฝ่าหมอกออกไปข้างหน้า   ไม่สนว่าจะชนกับอะไรหรือร้ายที่สุดคือถูกจับตัวได้   มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว   เขาปรารถนาจะออกไปจากที่นี่อย่างน้อยความตายอาจยุติทุกอย่าง   เจ้าชายเอลานอสก้มหน้าก้มตาวิ่งหนีสุดชีวิต   ในที่สุดก็สะดุดเอากับหินก้อนใหญ่ล้มกลิ้งลงไปตามเนินดิน   ร่างกายกระแทกกับหินและโดนรากไม้ข่วนเป็นแผลทั่วตัว
 
แม้จะหวาดกลัวและเจ็บปวด   แต่เจ้าชายเอลานอสก็ไม่ได้ปล่อยมือจากดาบ   เขากลิ้งลงไปตามความลาดเอียงด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น   สุดท้ายก็ชนเข้ากับอะไรบางอย่างทำให้ร่างทั้งร่างหยุดกึก   เอลานอสมั่นใจได้ในทันทีว่าสิ่งที่ชนเข้าไปนั้นคือฝ่าเท้าของใครบางคนนั่นเอง
 
เขาหมอบลงเอาหน้าแนบกับพื้นดิน  
เฝ้ารอคอยความตายที่กำลังมาถึงด้วยใจระทึก
แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
 
ท่ามกลางความเงียบงัน
ก็มีคนผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น
มันเป็นเสียงที่อบอุ่นละมุนหู
 
“ ตรงนี้ไม่ใช่เตียง   เป็นถึงเจ้าชายผู้สูงศักดิ์   นึกอยากนอนตรงไหนก็ได้อย่างนั้นหรือ   เหลวไหลเกินไปแล้ว ”
 
เสียงนั้นคุ้นเคยยิ่งนัก
หรือจะเป็นเสียงของพระราชมารดา
เป็นไปไม่ได้
เว้นแต่
เว้นแต่เขาจะตายไปแล้ว
 
เจ้าชายเอลานอสหันขวับไปมอง
หวังว่าจะได้เห็นมารดาผู้สุขุมและงดงาม
 
แต่สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงนี้  
คือบุรุษผู้สวมหน้ากากเหล็ก
 
มือข้างหนึ่งถือคทาโลหะสีดำตั้งตรงแน่วกับพื้น
ส่วนอีกข้างถือโซ่ห้อยกระถางเผากำยาน
 
แม้จะเป็นภาพที่คุ้นตา
แต่ด้วยความหวาดระแวงและตื่นกลัวที่มีมากล้น
เขาจึงไม่อาจจดจำคนผู้นั้นได้ในทันที
 
เจ้าชายเอลานอสคลานถอยหลังหนีลนลาน
จนชนเข้ากับโคนต้นไม้ใหญ่
 
“ อะไรกัน   ไม่เจอกันครู่เดียว   ถึงกับจำข้าไม่ได้เลยหรือ ”
 
เจ้าชายผู้ตื่นกลัวผุดลุกขึ้น
ชักดาบออกกวัดแกว่งไปยังบุรุษตรงหน้า
 
“ เจ้าหันปลายดาบมาผิดทางแล้ว   กลับหลังไป   มันอยู่ที่นั่นต่างหากล่ะ ”
 
เขาจึงหันกลับไปดู
ท่ามกลางหมอกที่เจือจาง
ร่างประหลาดสีดำกำลังตรงดิ่งเข้ามา
 
เจ้าชายเอลานอสสะดุ้งตกใจ
เขาทิ้งดาบและวิ่งหนี
แต่ถูกสกัดไว้เสียก่อนจึงล้มกลิ้งลงกับพื้น
 
ร่างประหลาดคืบคลานเข้ามาใกล้
จนมองเห็นหัวที่บวมปูดกับฟันแหลมคม
 
บุรุษผู้นั้นก้าวข้ามร่างของเจ้าชายเอลานอส
เขาจับกระถางหินเผากำยานฟาดใส่หน้าปีศาจร้ายตัวนั้น
 
ตัวประหลาดสีดำเมื่อถูกไอกำยานก็แตกสลายกลายเป็นฝุ่นดิน
 
“ กาเอลนั่นเจ้าใช่หรือไม่ ”
 
เจ้าชายเอลานอสเหมือนเพิ่งจะได้สติ
 
กาเอลก้มลงตรงหน้าเขาแกวงกระถางไฟเบาๆ
ไอสีเขียวก็คลุ้งออกมาพร้อมกับกลิ่นหอมฉุนเฉียว
เพียงเท่านี้เจ้าชายตัวน้อยก็รู้สึกสงบขึ้น
 
“ เอาล่ะกลับเข้าไปในวงปะทะได้แล้ว ”
 
กาเอลบอก
 
“ ข้าไม่ไปไหนทั้งนั้น ”
 
เจ้าชายเอลานอสว่าพลางทิ้งตัวลงนอนกับพื้น
 
“ ในขณะที่คนอื่นกำลังต่อสู้เอาตัวรอดอย่างดุเดือด   แต่เจ้ากลับหลบมาหาที่นอนพักผ่อน   ข้านี่นับถือหัวใจของเจ้ายิ่งนัก ”
 
“ ถ้าเช่นนั้นบอกข้าทีนี่มันเรื่องอะไรกัน ”
 
กาเอลนั่งลงข้างๆ เจ้าชายตัวน้อยที่นอนเหยียดยาว
 
“ เจ้าควรแสดงความกล้าหาญให้สมกับเป็นกษัตริย์นักรบ ”
 
“ ข้ากล้าหาญแน่แต่ไม่ใช่กับตัวประหลาดเหล่านั้นพวกมันมาจากไหนกัน ”
 
“ เศษเสียวแห่งนรก   ข้าแค่ทดลองเปิดประตูบานเล็กๆ ให้กับปีศาจปลายแถว   เจ้าไม่สมควรต้องกลัวมัน   ในวันหนึ่งข้างหน้า   เจ้าคือกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่   และปีศาจทั้งหลายคือข้ารับใช้ของเจ้า   นี่เป็นหลักประกันว่ากองทัพของเจ้าจะน่ากลัวที่สุดในผืนแผ่นดิน ”
 
“ เจ้าใช้ศาสตร์มืด ”
 
เจ้าชายตกพระทัย
 
“ พูดอย่างกับเคยเห็นข้าใช้มนต์ขาวอย่างไรอย่างนั้น ”
 
อีกฝ่ายหนึ่งตอบด้วยทีท่าไม่เดือดร้อน
 
“ ทำแบบนี้สภาต้องตามหาเจ้าแน่   ชาวเมืองคาเลใช้มนต์ขาวไม่ได้หรือ   เหมือนพวกสภาผู้ใช้เวทมนต์ที่ใช้มนต์ดำไม่ได้ ”
 
“ อันที่จริงเรามีข้อได้เปรียบอย่างหนึ่ง   ชาวเมืองคาเลดั้งเดิมที่สืบเชื้อสายมาแต่โบราณ   สามารถใช้ได้ทั้งมนต์ขาวและมนต์ดำ   แต่พวกสายขาวบริสุทธิ์จะใช้มนต์ดำไม่ได้เลย ”
 
กาเอลอธิบาย
 
“ ถ้าอย่างนั้น   ข่าวลือที่ว่าดารีลแอบศึกษามนต์ดำมันเป็นไปได้แค่ไหน   แล้วเจ้าบ้านั่นทำเพื่ออะไร ”
 
“ ขึ้นอยู่กับต้นตระกูลของดารีลว่าจะมีพลังแบบไหน   แต่สิ่งหนึ่งที่ข้ามั่นใจ   หมอนั่นมีพรสวรรค์ด้านการพลิกแพลง   วิชาปรุงยาเขาทำได้ดีมากทุกประเภท   ส่วนเรื่องมนต์ดำดารีลย่อมรู้ว่าสิ่งที่สามารถทำลายมนต์ดำได้ดีที่สุดคือมนต์ดำด้วยกันเอง ” 
 
“ หมายความว่าเจ้านั่นระแคะระคายว่ามีชาวเมืองคาเลหลงเหลืออยู่   เขาอาจพยายามหาทางกำจักเจ้าอยู่ก็ได้ ”
 
เจ้าชายเอลานอสมีท่าทีวิตกกังวล
 
“ ก็อาจจะจริง   แต่อย่าห่วงเลย   หมอนั่นไม่มีทางเอาชนะข้าได้ ” 
 
“ ไม่ให้ห่วงได้อย่างไร   ข้าได้ยินเรื่องเล่าขานมากมายเกี่ยวกับหมอนั่น   ในวัยแค่เจ็ดขวบสามารถรอดชีวิตจากการเผชิญหน้ากับจอมปีศาจอย่างเคอร์คารอล   และในเวลานี้ก็มีความสามารถหลากหลาย   แม้แต่จอมเวทย์วาลานยังให้การยกย่อง   ข่าวว่าเขาสามารถควบคุมดินฟ้าอากาศได้   มันแสดงถึงพลังเวทย์ที่สูงมากมิใช่หรือ ”
 
“ สิ่งที่เจ้าว่ามาข้าย่อมรู้ดีอยู่แล้ว   อันที่จริงข้ากับดารีลมีหลายสิ่งที่คล้ายกัน   สิ่งที่เจ้านั่นทำได้ใช่ว่าข้าจะทำไม่ได้   แต่ดารีลนั้นขาดซึ่งความอำมหิตและแน่นอนว่าข้ามีอยู่เต็มเปี่ยม   ดังนั้นคนที่จะถูกทำลายไปย่อมไม่ใช่ข้า ”  
 
“ ดารีลถึงขั้นลงมือศึกษามนต์ดำและศาสตร์มืด   เพราะอะไรกันหากไม่ตั้งใจจะงัดข้อกับเจ้า   ถ้าได้ทำถึงขนาดนั้นแล้ว   คิดว่าหมอนั่นยังจะปราณีเจ้าอยู่หรือ ”
 
“ ข้าไม่เคยหวังจะได้รับความปราณีจากใคร   และเจ้าก็เลิกสนใจเรื่องของข้าเสียที   ตอนนี้จงกลับไปหาบิดาของเจ้า   ไปแสดงความเก่งกล้าไห้ผู้คนได้ประจักษ์ ”
 
กาเอลบอก
 
“ ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็หยุดเสียสิ   สั่งปีศาจของเจ้าให้กลับลงนรกไป ”
 
เมื่อได้ยินดังนั้นกาเอลก็หัวเราะ
 
“ เช่นนั้นข้าคงต้องบอกความจริงแก่เจ้า   นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าใช้มนต์ดำเปิดประตูนรก   จึงพึ่งจะรู้ตัวว่าพวกมันไม่ได้เชื่อฟังใครเลย ”
 
“ หมายความว่าอย่างไร ”
 
เจ้าชายเอลานอสลุกพรวดขึ้น
 
“ พวกมันจะสังหารทุกคนในวงล้อมจนหมดจึงจะยอมกลับสู่นรก   แต่คิดดูอีกทีก็ดีแล้ว   เมื่อบิดาของเจ้าสิ้น   ตำแหน่งกษัตริย์ก็จะไม่ไปไหน   สาเหตุการตายของกษัตริย์แฮโรดชัดแจ้งเกินกว่าจะโยนความผิดมาสู่เจ้าได้   งานนี้กำไรทั้งขึ้นทั้งล่องเจ้าว่าหรือเปล่า ”
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา