โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
75) ชัยชนะที่ขมขื่น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเจ้าชายเอลานอสได้ยินดังนั้นก็กระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก เขารู้ดีว่าทหารคุ้มกันของกษัตริย์แฮโรดนั้นล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือ แต่กับคู่ต่อสู้ที่เป็นอสูรกายฆ่าไม่ตายผลแพ้ชนะนั้นสามารถทำนายได้ตั้งแต่การต่อสู้เพิ่งจะเริ่มขึ้น เจ้าชายน้อยผู้หยิ่งทระนงจึงก้มลงหยิบดาบและลูกธนูสีดำขึ้นมาอีกครั้ง
“ บอกทีว่าเจ้าจะคิดถึงข้า เมื่อข้าได้ตายไปแล้ว ”
เขาหันไปพูดกับกาเอล
“ เจ้าไม่ตายหรอก หากข้าไม่เฝ้าดูอยู่เจ้าจะวิ่งฝ่าวงล้อมออกมาอย่างปรอดภัยได้อย่างไร เมื่อวันนี้จบลงเจ้าจะเข้มแข็งขึ้น และนอกจากนั้นยังจะได้รู้ซึ้งถึงน้ำใจของคนที่เจ้ารักอีกด้วย เพราะฉะนั้นจงกลับไปยังที่ๆ เจ้าควรอยู่เสียในตอนนี้ ”
เอลานอสพยักหน้ารับ
แล้ววิ่งกลับไปในทิศทางเดิมที่เขาได้จากมา
เจ้าชายไว้ใจกาเอลมากนัก
แม้การกระทำของคนผู้นี้จะแปลกประหลาดเพียงใด
นั่นเป็นเพราะมีเพียงกาเอลเท่านั้นที่คอยรับฟังและเอาใจใส่ต่อเขาเรื่อยมา
เมื่อวิ่งมาถึงลานกว้างที่เต็มไปด้วยไอหมอก
การต่อสู้ยังดำเนินไปอย่างดุเดือด
แต่ฝ่ายทหารล้มตายลงเป็นจำนวนมาก
เจ้าตัวประหลาดที่กำเนิดจากองครักษ์สองคนที่ถูกบูชายันต์ไปก่อนหน้า
ยืนจังก้าอยู่กลางวงล้อม
ทุกครั้งที่มันส่งเสียงคำราม
เงาสีดำที่ถูกฟันล้มลงไปก็จะฟื้นกลับคืนมา
เจ้าชายเอลานอสชักดาบออกจากฝักเป็นครั้งแรก
เขาฟาดฟันเข้าใส่ปีศาจร้ายทั้งหลาย
แต่มันก็ล้มลงและลุกขึ้นใหม่ได้ทุกครั้ง
การต่อสู้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่เห็นหนทางที่จะชนะ
ในที่สุดกษัตริย์แฮโรดก็ล้มลง
เงาสีดำกำลังกางกรงเล็บเข้าใส่
เจ้าชายเอลานอสจึงตัดสินใจพุ่งเข้าไปขวาง
เขาฟันปีศาจร้ายขาดกระเด็นเป็นสองท่อน
จากนั้นจึงลากพระราชบิดาออกมาจากตรงนั้น
ในตอนนี้ทุกคนต่างเหนื่อยล้า
เจ้าชายเอลานอสมั่นใจแล้วว่าสู้ต่อไปก็มีแต่ความตายเท่านั้นที่รออยู่
แต่กาเอลไม่น่าจะวางแผนมาแบบนั้น
มันจะต้องมีทางออกอื่น
แล้วเขาก็นึกขึ้นได้
เพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่อสูรกายไม่อยากเข้าใกล้
เพียงเขาคนเดียวที่สามารถฝ่าวงล้อมออกไปได้
สิ่งที่เขามีแตกต่างจากคนอื่นคือคือลูกธนูสีดำของกาเอล
มันมีกลิ่นกำยานที่ฉุนเฉียว
กลิ่นเดียวกับกระถางไฟเผากำยานที่พ่อมดสายมืดคนนั้นถือไว้เมื่อครู่
และเขาได้ถือมันติดตัวไว้ตลอด
เพื่อหวังใช้เป็นเครื่องราง
ทันใดเจ้าชายก็นึกถึงภาพกาเอลฟาดอสูรกายด้วยกระถางนั้น
เขาจำได้ว่าร่างของมันแหลกสลายไปต่อหน้า
ไม่สามารถฟื้นกลับคืนมาได้อีก
เขาแน่ใจแล้วว่าต้องใช้สิ่งนี้
แต่เพียงดอกเดียวจะสามารถกำจัดพวกมันทั้งหมดได้อย่างไร
เสียงคำรามของตัวประหลาดร่างติดกันที่ยืนอยู่กลางวง
เรียกสติเข้าชายเอลานอสกลับมาอีกครั้ง
ทุกการคำรามของมันจะเรียกอสูรกายที่ล้มอยู่ให้ลุกขึ้นมา
เจ้าชายผู้สิ้นหวังได้ตัดสินใจที่จะเสี่ยงอีกครั้ง
เขาคว้าเอาธนูจากทหารที่อยู่ใกล้ๆ
แล้วยิงออกไปทันที
ทันทีที่ลูกธนูสีดำพุ่งทะลุอกของอสูรกายแฝดร่างติดกัน
ทุกสิ่งทุกอย่างได้ชะงักงัน
ผืนป่าเงียบกริบในบัลดล
จากนั้นอีกาที่อยู่ด้านบนเริ่มส่งเสียงร้องประหลาดก่อนจะทะยานหนีไป
ไอหมอกครึ้มที่เคยปกคลุมอยู่ก็จางหายไปพร้อมกับอสูรกายตัวนั้นล้มลง
แสงแดดยามบ่ายได้ลอดผ่านแมกไม้ลงมาอีกครั้ง
ส่องให้เห็นร่างทหารมากมายที่นอนตายเกลื่อนกลาด
แต่ไร้เงาซึ่งยมทูตที่ได้คร่าชีวิตของพวกเขาไป
ไม่มีแม้ร่อยรอยว่าสิ่งใดเคยมาเยือน
ผู้รอดชีวิตทั้งหลายต่างทรุดกายลงนั่งด้วยความเหนื่อยอ่อน
สภาพศพของเพื่อนร่วมรบนั้นสยดสยองจนต้องเบือนหน้าหนี
เจ้าชายเอลานอสหันไปมองพระราชบิดา
เมื่อเห็นว่าปลอดภัยดีจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
ราชินีวิเวียร่าปราดเข้ามาประคองกษัตริย์แฮโรดผู้เป็นสวามี
พระนางก็เป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิต
“ เจ้าชายน้อยคือผู้ช่วยชีวิตพวกเราทุกคนไว้ ”
ทหารเจ้าของคันธนูที่เอลานอสฉวยมาบอกเสียงดัง
“ เขาสังหารปีศาจร้ายที่เป็นนายแห่งปีศาจทั้งปวง ”
กษัตริย์แฮโรดได้เดินเข้ามาใกล้พระราชโอรส
และโดยไม่มีใครคาดคิดพระองค์ได้ฟาดเปรี้ยงใส่บุตรชายจนล้มลงคลุกฝุ่น
“ เสด็จพ่อนี่มันเรื่องอะไรกัน ”
เจ้าชานเอลานอสคลานลุกขึ้นด้วยอาการงุนงง
“ ข้าต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายถาม เจ้าทำอะไรลงไป ปีศาจพวกนั้นเกิดจากมนต์ดำ ถ้าเจ้าไม่ใช่คนเรียกมันมา แล้วเจ้าไล่มันไปได้อย่างไร ”
“ ข้าไม่รู้ ”
เอลาลอสตอบ
ซึ่งนั่นทำให้กษัตริย์ทรงกริ้วหนักว่าเดิม
พระองค์ก้มลงบีบคอบุตรชายอย่างแรง
ราชินีวิเวียร่ารีบเข้ามาห้าม
“ ทรงพระทัยเย็นก่อนฝ่าบาท ผู้ที่สามารถทำสิ่งนี้ได้มีเพียงผู้ใช้เวทมนต์เท่านั้น และเราทุกคนรู้ดีว่าเจ้าชายเอลานอสไม่ใช่ อย่าเพิ่งโทษกันเองเลย สถานการณ์ตอนนี้ยังวางใจไม่ได้ พวกเรารีบไปจากตรงนี้ดีกว่า เพราะหากคนร้ายยังอยู่แถวนี้ไม่แน่อาจมีการโจมตีเกิดขึ้นอีกครั้งก็ได้ ”
กษัตริย์จึงทรงยืดพระวรกายขึ้น
แต่ก็ยังไม่วายกล่าวตำหนิว่า
“ เจ้ามันตัวอัปรีย์อยู่ที่ไหนก็ก่อความเดือดร้อน คิดดูสิตอนข้ามาไม่เห็นมีเรื่องอะไร แต่ตอนกลับมีเจ้ามาด้วยก็มีเหตุร้ายจนแทบเอาชีวิตไม่รอด ให้เจ้าปกครองบ้านเมือง โอรีออนคงมีอันต้องล่มจมแบบไม่ต้องสงสัย ”
ตรัสเสร็จก็รีบเสด็จกลับไปยังรถม้าที่ประทับ
ปล่อยให้เจ้าชายตัวน้อยนั่งอึ้งอยู่กับที่
“ เจ้าชายเอลานอส ท่านบอกข้าได้นะว่ามันเกิดอะไรขึ้น ”
ราชินีวิเวียร่าถามด้วยเสียงอ่อนโยนที่เต็มไปด้วยความเสแสร้ง
เอลานอสไม่ตอบได้แต่กัดฟันกรอดด้วยความเจ็บแค้น
“ อย่าห่วงเลยพระบิดาทรงกริ้วไม่นานหรอก ข้าจะช่วยเหลือเจ้าเอง เพียงแต่เจ้ารู้อะไรก็บอกข้ามาเถิด ”
“ รู้อะไรอย่างนั้นหรือ ”
เจ้าชายเอลานอสว่า
“ ใช่ข้าคือผู้ใช้มนต์ดำ นี่ใช่ไหมที่เจ้าอยากฟัง และถ้าเป็นอย่างนั้นจริงเสด็จแม่ของข้าคงไม่ตาย แต่มันไม่มีอะไรแน่นอนหรอก บางสิ่งที่ท่านพ่อกล่าวมาต้องมีเรื่องจริงผสมอยู่ ข้าอาจพาหายนะมาสู่พวกเจ้าทุกคนก็ได้ ”
เมื่อกล่าวดังนั้นแล้วเจ้าชายผู้ขมขื่นก็เดินก้มหน้าออกมาจากลานกว้าง
ในหัวได้ยินแต่เสียงของกาเอล
ที่คอยย้ำเตือนอยู่เสมอว่า
ไม่ว่าจะทำดีแค่ไหนก็จะไม่มีใครเห็นค่า
เพราะเขาเหล่านั้นมีแต่ความเกลียดชัง
ผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด
เขาต้องเลือกว่าจะเป็นผู้ล่าหรือถูกล่าเสียเอง
ราชินีวิเวียร่าคงไม่ปล่อยเขาไว้
และกษัตริย์แฮโรดก็ไม่เคยเข้าข้างเขา
บางทียาพิษของกาเอลอาจเป็นทางเลือกที่ดี
แต่เขาควรใช้มันกับใครล่ะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ