โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  138.17K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

50) โรงเรียนวันแรก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

คาโลไรน์เปิดประตูกว้างปล่อยให้ลมหนาวพรั่งพรูเข้ามา   เด็กๆ รีบเดินออกไปยืนคอยริมทางเดิน   ฟิโลโซเฟอร์หิ้วกระป๋องอาหารกลางวันไปด้วย   แม้ว่าในโรงเรียนจะมีอาหารกลางวันขาย   แต่คาโอเรียทานได้น้อยและฟิโลโซเฟอร์ก็ไม่ถูกกับเครื่องเทศเอาเสียเลย

 

อาเธอร์นำรถม้าออกมาจากประตูใหญ่ข้างกำแพง   ชายหนุ่มได้รถม้าคันนี้มาจากวอลค่อนมันเป็นรถคันเก่าที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว   อาเธอร์ส่งทุกคนขึ้นไปก่อนจะปิดประตูแม้ตัวรถจะเก่าแต่ผ้าม่านที่หน้าต่างนั้นเป็นของใหม่สีชมพูสดใส   เบตตี้กับเบตเตอร์ดูร่าเริงเป็นพิเศษมันรู้ว่าวันนี้จะได้วิ่งคู่กันไปบนถนน

 

รถม้าสีน้ำตาลเทาพาพวกเขามุ่งไปตามถนนที่คับคั่ง   คาโอเรียนั่งนิ่งเพราะรู้สึกตื่นกลัวที่ต้องไปรู้จักกับโรงเรียนใหม่และเพื่อนใหม่จากต่างเมือง   ส่วนพี่ชายของนางก็นั่งอย่างสงบเหมือนกัน   เขากำลังคาดหวังกับสิ่งที่จะต้องพบเจอในปราสาทขาว   เมืองใหญ่มีเรื่องราวมากมายให้ต้องเรียนรู้ไม่จบสิ้น  

 

คาโลไรน์เปิดผ้าม่านฝั่งคนขับแล้วชะโงกหน้าไปถาม

 

“ เราจะไปส่งพวกเขาที่โรงเรียนทุกเช้าหรือเปล่า ”  

 

“ ไม่หรอก   เด็กๆ เดินกันเองได้ เพราะมันไม่ไกลมากนัก   หรือถ้าไม่อยากเดินฟิโลโซเฟอร์ก็สามารถพาน้องขึ้นรถม้าโดยสาร   ทำแบบนี้ดีกว่าลูกของเราจะได้ปรับตัวเข้ากับคนในเมือง ” 

 

เสียงอาเธอร์ตอบกลับมา           

     

 

พวกเขาจอดรถม้าไว้ที่ข้างกำแพงสีขาว   อาเธอร์ปล่อยเด็กๆ เดินฝ่าอากาศหนาวเย็นไปเข้าไปด้านในด้วยตัวเอง   คาโลไรน์ชะโงกหน้าผ่านประตูรถโบกมือให้ทั้งคู่   คาโอเรียจ้องหน้าพี่ชายเพื่อเรียกความมั่นใจก่อนก้าวผ่านรั้วประตูสู่ปราสาทขาว   เด็กน้อยทั้งสองไม่รู้ตัวเลยว่าโลกใบใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้วและพวกเขาจะไม่สามารถหวนกลับมาใช้ชีวิตเรียบง่ายดังเช่นในอดีตได้อีกต่อไป  

 

ระหว่างทางเด็กๆ พบกับอาจารย์แก่ๆ และภารโรงหลายคนยืนรอต้อนรับ   คนเหล่านั้นต่างชี้ทางให้นักเรียนมุ่งตรงไปปราสาทขาว       ขณะเดินผ่านอนุสาวรีย์ฟิโลโซเฟอร์อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองจนสุดปลายยอด   มันสูงสง่าตั้งตระหง่านนานนับพันปี   แต่กลับดูใหม่อย่างประหลาดราวกับเพิ่งสร้างเสร็จเมื่อวาน   เด็กชายหมุนกายไปรอบๆ เรื่องประหลาดในคืนนั้นยังฝังแน่นในความทรงจำ   ทั้งกลิ่นเลือด   เปลวเพลิงและความตาย   ในวันนี้ทุกอย่างดูสะอาดสะอ้านไม่ทิ้งร่องรอยความน่าสะพรึงเอาไว้แม้แต่น้อย   ประหนึ่งความฝันที่ผ่านแล้วก็เลยไป

 

คาโอเรียกระตุกแขนของพี่ชายให้เดินต่อไป   เบื้องหน้าคือปราสาทสีขาวงดงามตระการตา   มันคือที่ๆ ดารีลบอกให้เขาเข้าไปซ่อนตัว   ในคืนนั้นเด็กชายตัวน้อยไม่ได้เห็นมันแต่ตอนนี้เขากำลังก้าวเข้าไป   จากประตูด้านหน้าคือห้องโถงใหญ่เพดานสูง   เด็กนักเรียนทั้งชายหญิงแออัดกันที่หน้าประตู   บางคนมีผู้ปกครองมาด้วยพวกเขาทั้งหมดล้วนอยู่ในอาภรณ์ที่สวยงาม

 

ฟิโลโซเฟอร์พาน้องสาวแหวกผู้คนเข้าไปด้านใน   เพราะพวกเขามากันแค่สองคนจึงไม่มีเหตุผลที่ต้องยืนอยู่ด้านนอก   เหมือนกับบางคนที่นัดเพื่อนเอาไว้ 

 

“ เราต้องทำอะไรบ้าง ”

 

คาโอเรียถามหวั่นๆ

 

“ ไม่รู้เหมือนกัน   เอาเป็นว่าตามๆ เขาไปก่อน   เดี๋ยวคงจะมีคนมาบอกให้เราไปยังห้องเรียน   ใช้เวลาว่างตอนนี้หาเพื่อนสิ ”

 

ฟิโลโซเฟอร์ว่า

 

“ หาเพื่อน ”

 

คนเป็นน้องทำเสียงสูง

 

“ ในที่แบบนี้หรือ   ได้ยังไงล่ะ ”

 

“ จะไปยากอะไร   คนมากมายแหละดี   เดินตรงดิ่งเข้าไปใครกล้าสบตาเจ้าก็ลากคอออกมาเลย ”

 

“ ทำแบบนั้นมันใช่หรือ ”

 

คาโอเรียรู้สึกไม่เห็นด้วยเป็นอย่างมาก

แต่เมื่อมองไปรอบๆ ก็พบว่ามีบางคนกำลังส่งสายตาให้นางอยู่จริงๆ

 

“ ไปสิ   ไปเลย ”

 

พี่ชายของนางกระตุ้น

 

คาโอเรียจึงเดินเข้าไปหาเด็กสาวกลุ่มหนึ่ง

ซึ่งพวกนางก็ต้อนรับด้วยรอยยิ้ม

 

ฟิโลโซเฟอร์ยืนกอดอกมองดูน้องสาวด้วยความภูมิใจ

ผู้หญิงเวลาอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่มมักสดใสร่าเริงขึ้น

จากนั้นเขาก็กวาดสายตามองไปรอบๆ

หวังว่าจะพบใครสักคนที่รู้จักกัน

 

แล้วเขาก็มองเห็นเด็กชายผู้หนึ่งร่างอ้วนจ้ำม่ำ

เดินแทะน่องไก่ชิ้นโตแบบไม่สนใจโลก

เป็นเหตุให้เด็กคนนั้นชนโน่นชนนี่ตลอดทาง

 

ฟิโลโซเฟอร์กำลังนึกสงสัยว่าเด็กคนนี้จะเดินไปที่ไหน

ทันใดเขาก็พบว่าคาโอเรียยืนอยู่แถวนั้น

เด็กชายจึงได้แหวกผู้คนเข้าไปหาน้องสาว

เจ้าเด็กจอมแทะน่องไก่ดันสะดุดเท้าของเพื่อนนักเรียนเข้า

เขาเซถลาไปทางคาโอเรียที่กำลังยืนหันหลัง

ฟิโลโซเฟอร์พุ่งทะยานไปคว้าเอวน้องสาวดึงให้พ้นจากการปะทะ

กระป๋องอาหารจึงหลุดมือปลิวไป

 

เด็กร่างอ้วนล้มหลังกระแทกพื้นเสียงดัง แอ๊ก!

แต่ยังไม่วายคว้าเอากระป๋องโลหะของฟิโลโซเฟอร์ที่ลอยผ่านหน้ามากอดเอาไว้ได้

ขณะที่น่องไก่ชิ้นโปรดก็คาอยู่ในปากอย่างปรอดภัย

 

เด็กๆ ที่อยู่รายรอบพากันแตกตื่นถอยออกไปจากทั้งคู่

ครั้นเมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจึงพากันหัวเราะ

 

ฟิโลโซเฟอร์พยุงเด็กอ้วนคนนั้นให้ลุกขึ้น

 

เจ้าหนูนั่นเปิดดูข้างในกล่องโลหะแล้วพูดว่า

 

“ ของล้ำค่าจริงๆ ด้วยโชคดีที่ข้าไหวตัวทันไม่อย่างนั้นคงหล่นเสียหายหมด ”

 

“ ไม่ใช่ของมีราคาหรอกก็แค่กล่องอาหารกลางวัน   เจ้าตาฝาดแล้ว ”

 

ฟิโลโซเฟอร์บอก

 

“ ช่างไม่รู้อะไรคนเราไม่มีทองยังพอทนไหว   แต่ไม่มีข้าวนี่ถึงตายเลยนะ ”

 

เด็กอ้วนว่าในขณะที่ปากยังเคี้ยวตุ่ยๆ

 

“ ข้าเห็นแล้วว่าเจ้าฉลาดที่สุดในหมู่คนทั้งหลาย   ในขณะที่คนอื่นตัวเปล่าแต่เจ้าพกอาหารมาด้วย   ข้าติดใจเจ้าแล้วเรามาเป็นเพื่อนกันเถอะ   รอบคอบแบบนี้ไปกับเจ้าข้าคงไม่ต้องกลัวอดตาย ”

 

เขาว่าแก้วก้มลงสูดกลิ่นอาหาร

 

“ โห   หอมขนาดนี้ต้องอร่อยมากอย่างแน่นอน ”

 

“ แน่อยู่แล้วล่ะ   เรื่องปรุงอาหารเชื่อใจมารดาของข้าได้ ”

ฟิโลโซเฟอร์ว่าพลางดึงเอากระป๋องอาหารกลับ

 

“ อ้อ   จริงสิเมื่อครู่เจ้าเกือบชนน้องสาวของข้าเข้าให้แล้ว   ขอโทษนางเสีย ”

 

เขาดันคาโอเรียมาข้างหน้า

เจ้าเด็กหัวแดงร่างอ้วนเห็นดังนั้นก็ทำตาโต

 

“ อู๊   นางฟ้าข้าเคยได้ยินมาว่าที่เมืองโอรีเวียมีนางฟ้าอยู่ด้วย   ไม่นึกว่าจะเป็นเรื่องจริง   ยิ่งใหญ่สมคำร่ำลือนัก ”

 

เด็กนั่นโยนน่องไก่ทิ้ง

จัดการเช็ดมือกับชายเสื้อ

 

คาโอเรียเมื่อถูกชมซึ่งๆ หน้าก็อายจนแก้มแดง

นางยื่นมือไปให้จับแต่โดยดี

 

เจ้าเด็กร่างอ้วนคว้าหมับด้วยมือทั้งสองข้าง

ยังดีที่เขาเขย่าเบาๆ ไม่อย่างนั้นเด็กหญิงอาจหน้าทิ่มเพราะแรงดึง

 

“ ข้าเป็นเด็กใหม่นามว่าโลธอร์มาจากแถบเทือกเขาคีรีคาร์   เป็นเด็กบ้านนอกบ้านนาที่ไม่รู้กฎประเพณี   ถ้าข้าทำอะไรผิดไปตักเตือนได้เลยนะ   ไม่ต้องเกรงใจ ” 

 

ฟิโลโซเฟอร์ดึงมือน้องสาวออกมาจากการเกาะกุมนั้นแล้วพูดว่า

 

“ พวกเราก็เป็นเด็กใหม่   เพิ่งย้ายมาจากซีนาร์ย   น้องสาวของข้าชื่อคาโอเรียส่วนข้าชื่อฟิโลโซเฟอร์   ยินดีที่ได้รู้จัก ”

 

“ ซีนาร์ยหรือ ”

 

เด็กนั่นทำตาปริบๆ

 

“ ที่ไหนกันซีนาร์ยไม่เห็นเคยได้ยิน   แต่ช่างเถอะ   ข้าชื่อโลธอร์ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน ”  

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา