โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
7.3
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
188 บทที่
11 วิจารณ์
137.56K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
47) แผนการของวีแกน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความดารีลยังอยู่ในห้องนั้นอีกนาน ถึงวีแกนจะเป็นคนประเภทที่ใครหลายคนบอกว่าไม่ได้เรื่อง แต่อย่างน้อยห้องของเขาก็สะอาดและเป็นระเบียบ คนเป็นครูใหญ่ก็ขยันหยิบโน่นหยิบนี่ออกมาอวด แม้จะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งที่ตนเองสะสมเอาไว้เลยก็ตาม
“ เจ้านี่แปลกคนจริง บางทีก็ทำเอาข้าตกใจกลัว แต่ก็นั่นแหละเพราะข้าพบเจ้า ข้าถึงมาอยู่จุดนี้ได้ถ้าไม่เช่นนั้น ตอนนี้คงยังเป็นไอ้ขี้เมาข้างถนน ”
วีแกนว่า
“ นั่นแหละข้าถึงอยากให้ท่านเลิกดื่มเสียที สุรามันทำให้เมืองทั้งเมืองย่อยยับลงได้ อย่าว่าแต่คนๆ เดียวเลย ”
หนุ่มน้อยบอกด้วยความจริงใจ
“ เจ้าพูดเล่นใช่หรือไม่ที่ว่าจะไปจากโอรีเวีย ”
“ พูดจริง ”
“ ทำไมล่ะเจ้าจะทิ้งข้า เบื่อข้าแล้วหรืออย่างไร ปล่อยข้าไว้แบบนี้แล้วข้าจะอยู่กับใคร ”
คนสูงอายุกว่าตัดพ้อ
“ ใจเย็นสิ นี่เป็นเรื่องสิบหรือยี่สิบปีข้างหน้า สักวันข้าต้องจากไปอยู่แล้ว เพราะถึงอย่างไรข้าก็ไม่ใช่ชาวเมืองโอรีเวีย ”
ดารีลบอก
“ ถึงตอนนั้นข้าเชื่อว่าท่านเองก็จะแกร่งขึ้น ”
“ แล้วจำเป็นต้องไปด้วยหรือ ข้าก็เกิดที่อื่นแต่ย้ายตามบิดามาที่นี่ ข้ายังไม่รู้สึกว่าจำเป็นต้องกลับไปยังบ้านเกิดเลย ”
ดารีลไม่มีคำตอบสำหรับข้อนี้
“ ช่างเถอะแต่ก่อนเจ้าจะไปมีเรื่องหนึ่งที่ต้องช่วยข้า ”
“ ว่ามาสิ ”
เด็กหนุ่มยกถ้วยชาขึ้นจิบ
“ ข้าต้องการเป็นใหญ่เหนือวาลาน ”
ประโยคนั้นทำเอาดารีลถึงกับสำลักน้ำชาพรวด
“ เดี๋ยวนะ ”
เขาว่าพลางวางถ้วยชาลง
หันไปเผชิญหน้ากับครูใหญ่วีแกนโดยตรง
“ เกิดอะไรขึ้น อยู่ดีๆ ก็จะหาเรื่องตายซะอย่างนั้น ”
“ ข้าเบื่อ คิดดูสิข้าเป็นถึงครูใหญ่มีอำนาจในปราสาทขาว แต่แทนที่ผู้คนจะก้มหัวให้พวกเขากลับเยาะเย้ยข้า ต่อหน้าทำเป็นพูดดี ลับหลังกลับคิดทำลาย มีทางเดียวที่จะทำให้คนพวกนั้นนอบน้อมก็คือข้าต้องยิ่งใหญ่ หลังจากนั้นใครหน้าไหนจะกล้าเหิมเกริม ”
“ อันที่จริงเรื่องนี้สามารถแก้ไขได้ เพียงแค่ท่านเปลี่ยนแปลงตัวเอง พูดให้น้อยลงและทำตัวให้น่าเกรงขาม ถึงอย่างไรเสียท่านก็มีผลงานมากมายสมตำแหน่ง เท่านี้ใครๆ ก็หาข้อตำหนิท่านไม่ได้แล้ว ”
ดารีลบอก
“ สรุปเจ้าจะไม่ช่วยข้า ”
วีแกนทำเสียงสลด
“ ไม่ใช่ไม่อยากช่วยแต่มันทำไม่ได้ การที่จะขึ้นไปแทนวาลานนั้นไม่ง่ายเลย ต้องมีทั้งกองกำลังที่ไว้ใจได้ พลังอำนาจ ความรู้ความสามารถ แล้วตอนนี้ท่านมีอะไร ”
“ ข้ามีเจ้า ”
ดารีลถึงกับกุมขมับ
“ มีข้าอีกร้อยคนก็ยังน้อยเกินไป อีกอย่างในเวลาที่เกิดเรื่องประหลาดมากมายเช่นนี้ เพียงท่านจอมวาลานคนเดียวเท่านั้นที่จะยุติทุกอย่างได้ เราอย่าหาเรื่องเดือดร้อนเลยนะเชื่อข้า อยู่แบบเดิมนี่หล่ะสบายดีแล้ว ”
“ วาลานก็ใช่ว่าจะเป็นคนดี เขาทำทุกอย่างเพื่อตัวเองทั้งนั้น ถึงแม้เขาจะมีกองกำลังมากมาย แต่ฝ่ายต่อต้านก็มีไม่น้อย หากเราสามารถทำให้ทั้งสองฝ่ายปะทะกันได้ ”
“ ก็จะเกิดหายนะขึ้นทันที ”
ดารีลพูดสอดขึ้นก่อนที่วีแกนจะพล่ามจบ
“ ใช่แล้วปล่อยให้พวกมันล่มจมไป แล้วจะมีเพียงเราเท่านั้นสามารถที่งอกงามขึ้นอย่างรวดเร็วจากซากปรักหักพัง เห็นไหมเราสามารถยิ่งใหญ่ได้โดยไม่ต้องออกแรง ”
วีแกนสรุป
“ ท่านไปเอาความคิดแบบนี้มาจากไหนกัน ”
พ่อมดน้อยมีท่าทีตกตะลึง
“ เจ้าอย่าคิดว่าข้าความรู้น้อย ข้าเคยอ่านตำราเล่มหนึ่งใช่แล้วมันคือบันทึกการสร้างเมืองโอรีเวีย ในตำนานบอกไว้ว่าหากมีใครที่มีอำนาจวาสนาในอนาคตจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ เขาจะได้พบกับคนผู้หนึ่งที่หัวมุมถนนในยามเที่ยงคืนอันมืดมิด และได้รับคำพยากรณ์พร้อมทั้งคำแนะนำที่ดีเลศ ”
วีแกนบอก
“ อย่าบอกนะว่าท่านพบนางเข้าแล้ว สตรีชุดแดงผู้นั้น ข้าต้องเตือนท่าน อย่าเชื่อใจนาง ”
ดารีลตกใจยิ่งกว่าเดิม
“ ในกลางดึกของคืนที่หนาวเหน็บ ข้าเมามายไร้สติเดินโซเชอยู่กลางถนนที่เปล่าเปลี่ยว ภาพที่เห็นรางเลือนดังความฝัน ”
วีแกนหลับตาพริ้มเหมือนจมอยู่ในอดีต
“ ใช่แล้วนางปรากฏกายขึ้นต่อหน้าข้า งดงามไร้ที่ติ อ่อนหวานและแสนดี นางตั้งใจฟังข้าพร่ำบ่นถึงความคับแค้นใจที่เป็นถึงทายาทผู้ใช้เวทมนตร์แต่กลับไร้ซึ่งพลัง เห็นอกเห็นใจที่ข้าโดนเหยียบย่ำมานานแสนนาน เมื่อข้ารู้สึกตัวนางก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับภาพมายาเหมือนว่าไม่มีอยู่จริง ข้าได้รวบรวมความกล้าเพื่อที่จะทำตามคำแนะนำของนาง คือเดินทางไปพบเจ้าในเช้าวันถัดมา นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ชีวิตข้าเปลี่ยนไปราวขอบฟ้ากับก้นเหว คำพยากรณ์ของนางไม่เคยผิดพลาด ”
วีแกนเล่า
“ ท่านคงอ่านตำราไม่จบ นางคนเดียวทำเมืองเก่าแก่ที่แข็งแกร่งที่สุดล่มสลายลงได้ จริงอยู่คำพูดของนางจำเป็นต้องตั้งใจฟัง แต่ไม่ควรนำไปปฏิบัติเป็นอย่างยิ่ง นางไม่ใช่ผู้พยากรณ์หากแต่เป็นผู้ขีดชะตาชีวิต ถ้าหากท่านเชื่อใจนางจะครอบงำท่าน ข้าถึงพยายามเตือนท่านมาตลอด ไว้ใจนางเท่ากับไปยืนที่ปากนรกแล้ว ”
คนอายุน้อยกว่าพูด
“ เจ้านั่นล่ะที่อ่านตำราไม่เข้าใจ ความจริงคือนางยืนฝั่งใดต่างหากล่ะ ตอนนี้นางยืนฝั่งข้าคนที่จะล่มจมคือวาลาน เจ้าที่ไม่เคยพบเห็นนางมาก่อนไม่มีวันเข้าใจหรอก ”
“ โอย ”
ดารีลคราง
เขากลอกตาขึ้นมองเพดานด้วยอารมณ์สิ้นหวัง
“ ถ้าอย่างนั้นท่านบอกข้าสิ นางพูดว่าอย่างไรบ้าง ”
“ นางบอกว่าข้าสามารถสัมผัสถึงสิ่งยิ่งใหญ่ พลังอำนาจและความน่าหวั่นเกรง รวมทั้งชีวิตที่เป็นนิรันดร์ ”
“ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ท่านจะสามารถล้มวาลานได้แล้วก้าวขึ้นเป็นเจ้าแห่งโอรีเวีย ”
ดารีลท้วง
“ นางยังบอกอีกว่าเมื่อความมืดเข้าครอบงำโอรีเวีย เจ้าจะเป็นผู้สร้างและทำลายความเป็นอมตะของข้า ”
ดารีลกระแทกผ่ามือลงบนโต๊ะดังปึก
“ นี่ท่านปล่อยให้นางพาดพิงมาถึงข้าด้วยงั้นรึ นางจะพยากรณ์ไม่ได้ถ้าเราไม่อนุญาต ”
“ ข้าไม่สนอะไรอีกแล้วขอเพียงได้มีชื่อในประวัติศาสตร์ และเป็นที่จดจำไปตลอดกาล แม้ต้องแลกกับสิ่งใดข้ายินยอมทั้งนั้น ”
“ ถ้าเช่นนั้นก็ดีเลย ข้าจะลับคมดาบไว้รอ ว่าแต่ข้าจะสังหารท่านเมื่อไหร่ล่ะ ”
ดารีลประชด
“ อย่าสนใจคำพูดของสตรีชุดแดงเลยนะ ตอนนี้ท่านก็กำลังไปได้ดีกับตำแหน่งครูใหญ่ วาลานน่ะแก่มากแล้วข้าว่ารอไปก่อน อีกไม่นานเจ้าแห่งโอรีเวียก็จะจากไป ช่วงเวลานี้เป็นโอกาสที่ดีที่ท่านจะสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ และข้าอยู่ข้างท่าน ”
คนอายุน้อยกว่าพยายามเกลี้ยกล่อม
“ ตาแก่เจ้าเล่ห์นั่นหรือจะตายไว ข้ายังเห็นมันแข็งแรงดีนี่นา ”
วีแกนว่า
“ เป็นเพราะยาต่างหากล่ะ ”
พ่อมดน้อยบอก
“ ข้าแน่ใจว่าตอนนี้วาลานมีชีวิตอยู่ได้ด้วยยา นี่เป็นสาเหตุที่เขาดิ้นรนอย่างมากในตอนนี้ ”
เสียงของดารีลเรียบเย็นจนน่าขนลุก
“ อ้อ ข้ามีความคิดหนึ่ง แหม่ข้านี่ฉลาดลึกล้ำยิ่งนัก ”
วีแกนยิ้มย่องอย่างภาคภูมิ
เขายกถ้วยชาขึ้นซดทีเดียวหมด
“ อะไรอีกล่ะ ”
ดารีลว่าพลางลากถ้วยชาของวีแกนมาไว้ใต้คางตัวเอง
“ ได้ยินมาว่ามีตำรายาอย่างหนึ่งที่สามารถทำให้คนเป็นอมตะ หนังสือเล่มนั้นมันต้องอยู่ในห้องลับสักที่ แต่มันมีอย่างแน่นอนพ่อของข้าที่เป็นบรรณารักษ์เคยเล่าให้ฟัง บางที่อาจอยู่ในหอสมุดต้องห้ามข้าจะไปหาดู ”
“ อยู่ที่ข้านี่แหละวาลานมอบให้เมื่อปีที่แล้ว ”
หนุ่มน้อยตอบเสียงเรื่อยเปื่อย
วีแกนทำตาโต
“ งั้นก็ดีเลย เจ้าเริ่มปรุงมันเลยสิ ขาดเหลืออะไรบอกข้าและเราจะเป็นคนกลุ่มแรกที่ทำเรื่องมหัสจรรย์ ถ้าเราปรุงได้สำเร็จ ”
“ เราก็ยกถ้วยนั้นให้วาลาน เขาคงดีใจ ไม่น่าเชื่อท่านนี่ใจดีเกินคาด ”
ดารีลพูด
เขาชำเลืองดูกากชามันมีสีซีดจางจนแทบจะกลืนไปกับถ้วยสีงาช้าง
“ โธ่เอ๋ยเด็กน้อยเจ้านี่ช่างไร้เดียงสานักเราก็ขายสิ เจ้านึกภาพออกไหมพวกเราจะร่ำรวยและมีชื่อเสียง ผู้คนทั้งหลายต้องก้มหัวอ้อนวอนเราดังเทพเจ้า ใครบ้างไม่อยากเป็นอมตะ ”
ชายร่างอ้วนกล่าวด้วยสีหน้าเพ้อฝัน
“ ยาแบบนั้นคงทำไม่ง่าย แม้แต่วาลานเองก็ยังทำไม่สำเร็จ ด้วยเหตุนี้เขาจึงยกตำราให้ข้า ”
หนุ่มน้อยหน้ามนบอก
“ อย่าเอาตัวเองไปเทียบกับวาลาน เจ้าสูงส่งกว่าเขานัก ”
วีแกนบอก
“ นี่ข้าพูดในหลักความเป็นจริงและยาแบบนั้นไม่มีหรอก ตำราที่วาลานให้มามันเป็นแค่บันทึกการคิดค้น ตัวยาแต่ละอย่างออกจะสยองขวัญเสียด้วยซ้ำ เชื่อข้าในฐานะที่อ่านตำรามามากมาย แม้คนที่กินเข้าไปสามารถเป็นอมตะได้จริงแต่เขาจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป เมื่อเป็นดังนี้แล้วเลิกคิดเสียเถอะ คนเก่งๆ ในรุ่นก่อนๆ ยังไม่มีใครคิดลอง ความสามารถระดับข้าแค่ให้คิดก็ผิดแล้ว ”
“ ดารีลหนอดารีลเจ้าก็เป็นแบบนี้ทุกที ”
ครูใหญ่ร่างอ้วนบ่น
“ จริงสินี่ทำให้ข้านึกขึ้นได้ ”
ดารีลว่าพลางเคาะนิ้วเรียวยาวบนปกหนังสือเล่มหนาที่วีแกนให้มา
“ ตำราเล่มนั้นคล้ายๆ กับสามเล่มนี้นั่นหมายความว่ามันเป็นของผู้ใช้มนต์ดำ ว่าแต่ท่านวาลานของเราไปงัดมาจากที่แห่งใด จึงได้มีของต้องห้ามไว้กับตัวเสียเอง ”
“ ข้าเคยบอกเจ้าแล้ววาลานน่ะเป็นเฒ่าเจ้าเล่ห์ เพื่อผลประโยชน์แล้วเขาทำได้ทุกอย่างแหละ เราอย่าไปสนใจคนประเภทนั้นเลย มาช่วยกันคิดหาทางมุ่งสู่ความรุ่งเรืองกันดีกว่า ”
วีแกนบอก
“ ที่ห้องประชุมวันนี้ วาลานมอบจดหมายภารกิจใดให้ท่านล่ะ ”
คนอายุน้อยกว่าพยายามเปลี่ยนเรื่อง
“ จะอะไรล่ะถ้าไม่ใช่เรื่องโรคระบาด วาลานไม่เคยมอบภารกิจสำคัญให้ข้าสักครั้ง ”
วีแกนว่าพลางโยนจดหมายที่ยังไม่เปิดให้กับดารีล
เจ้าของมืองามฉีกมันออกช้าๆ
เขาพยักหน้าเบาๆ
“ ใช่ โรคระบาดคืบคลานเข้าใกล้ โอรีเวียมาแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าท่านวาลานยังสามารถนิ่งเฉย ภารกิจนี้ใช่ว่าจะไม่สำคัญ ท่านสามารถชื้อใจผู้คนได้มากมาย ท่ามกลางความหวาดกลัวท่านคือความหวังหนึ่งเดียว แบบนี้ไม่ดีกว่าหรือ ”
“ แต่ข้าไม่อยากไต่บันไดทีละขั้น ข้ารอมานานมากแล้ว มีวิธีใดที่ข้าจะสามารถกระโดดถึงจุดสูงสุดข้าจะไปทางนั้น แค่ประชาชนตาดำๆ ที่ต่ำต้อย พวกเขาไม่มีประโยชน์อันใดหรอก ”
วีแกนกล่าว
“ เจ้าแห่งโอรีเวียต้องดูแลบรรดาผู้คนที่เดือดร้อน ท่านอย่าบอกว่าพวกเขาต่ำต้อยหากท่านต้องไปยืนตรงจุดนั้น ไม่อย่างนั้นท่านก็ไม่ต่างจากวาลาน ”
ดารีลเตือน
“ ข้ารู้น่า ให้ข้าได้นั่งเก้าอี้นั้นเสียก่อนอย่างอื่นค่อยว่ากัน จริงสิดารีลสิ่งที่คาทุพูดเจ้าคิดว่าอย่างไร มีเด็กเกิดใหม่จริงอย่างนั้นหรือ มันเป็นไปได้อย่างไร ”
ครูใหญ่วีแกนถาม
“ คำพูดของท่านคาทุเชื่อถือได้แน่นอน สิ่งที่เขาเห็นอาจเป็นนิมฟ์ ”
หนุ่มน้อยตอบ
“ แล้วพวกนิมฟ์ฝ่าฝืนคำสาปได้อย่างไรกัน เหตุใดพวกเขาจึงสามารถมีบุตรได้ ”
วีแกนสงสัย
“ ชาวนิมฟ์มีเพียงเพศหญิงเท่านั้น การตั้งครรภ์จึงแตกต่างจากมนุษย์ เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องประหลาดแต่อย่างใด แต่ที่น่าแปลกคือทำไมพวกเขาจึงละทิ้งป่าดำอันเป็นบ้านเกิด ชนกลุ่มนี้ไม่มีทางอยู่ร่วมกับมนุษย์ ต้องมีบางอย่างผิดปรกติแน่ ”
ดารีลตั้งข้อสังเกต
“ เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลังเถอะข้าคิดอะไรบางอย่างออกแล้ว ”
วีแกนบอก
“ ว่ามา ”
“ ตอนนี้ผู้คนต่างวิตกที่พวกเขาไม่สามารถให้กำเนิดบุตร คำตอบทั้งหมดตอนนี้อยู่ที่นิมฟ์ บางทีเรื่องมันอาจจะง่ายดายถ้าหากเราแอบเข้าป่าดำเพื่อล่วงรู้ความลับนั้น ”
“ ในขณะที่เจ้าของบ้านยังต้องเผ่นออกมา แต่พวกเราจะดันทุรังเข้าไปนี่นะ ไม่คิดว่าท่านเองก็ขยันหาเรื่องตายกับเขาอยู่เหมือนกัน อีกอย่างเข้าไปแล้วก็ไม่แน่ว่าจะพบอะไรในป่านั่น ท่านก็รู้ดีว่าชาวนิมฟ์ชื่นชอบการล่าหัวบุรุษ ไม่แน่บางทีเรื่องทั้งหมดอาจเป็นกับดัก ข้าว่าอย่าคิดเข้าไปเลย เว้นแต่ท่านอยากให้หัวของตัวเองไปเกาะอยู่ตามกิ่งไม้ในป่าดำ ”
ดารีลบอก
“ แต่ในที่ประชุมวันนี้เจ้ายังเสนอตัวจะเข้าไปในป่านั่นอยู่เลย ”
วีแกนแย้ง
“ ข้าแค่จะไปดูหมอกพิษ เมื่อไหร่กันที่พูดว่าจะเข้าป่า แม้แต่แม่มดลีลิน่ายังไม่กล้าเข้าไป ข้าเองก็ไม่ได้สิ้นคิดขนาดนั้น ”
หนุ่มน้อยพูดพลางคว่ำถ้วยชาของครูใหญ่วีแกนลง
“ แล้วต้องทำอย่างไรล่ะ นี่คือหนทางเดียวที่จะสร้างผลงานใหญ่มิใช่หรือ ข้าหมายถึงเรื่องที่จะทำให้มี
ชื่อเสียง และผู้คนมากมายต้องยอมรับ แล้วเหตุใดเราไม่พยายามถอนคำสาปบ้าง ”
วีแกนกุมขมับเพราะใช้ความคิดอย่างหนัก
“ ผู้ใช้เวทมนตร์มากมายพยายามเรื่องนี่มาเป็นสิบปีแล้ว ”
ดารีลตอบเสียงราบเรียบดังผืนน้ำที่ไร้ลมต้อง
“ ข้าหมายถึงให้เจ้าเป็นคนทำ ”
“ ก็นั่นแหละผู้ใช้เวทมนตร์ที่ว่ามาได้รวมข้าเข้าไปแล้ว เรื่องมันไม่ง่ายขนาดนั้น ”
“ เพราะเจ้าแก้ปัญหาไม่ถูกจุด คำสาปร่ายขึ้นโดยอาศัยอำนาจของวิเศษโบราณชิ้นหนึ่งจากเจ็ดชิ้น ดังนั้นเราต้องตามหาของวิเศษที่เหลือมาช่วยปลดคำสาป ”
วีแกนพูด
“ ใครเล่านิทานเรื่องนี้ให้ท่านฟัง อย่าบอกนะว่าเป็นแม่สาวชุดแดงจอมยั่วอะไรนั่น ”
ดารีลถาม
“ แล้วมันจริงหรือไม่ล่ะ ”
“ เรื่องของเรื่องคือ ถ้าหากมีของที่ว่าชิ้นหนึ่งยังไงก็ต้องยกให้จอมวาลานเป็นคนจัดการ แต่ถ้าอยากให้ข้าทำต้องใช้ถึงสี่ชิ้นเป็นอย่างน้อย ในตอนนี้แม้สักชิ้นเราก็ไม่มีเพราะฉะนั้นเลิกคิดไปเลย ”
“ แบบนี้ก็ไม่มีทางถอนคำสาปได้น่ะสิ ”
ดารีลไม่ตอบ
“ แต่เจ้าเก่งเรื่องปรุงยานี่นา ”
วีแกนยังคิดหาหนทางไม่เลิก
“ ยาที่ทำให้สตรีตั้งครรภ์น่ะหรือ ถ้าเหตุการณ์ปรกติมันก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ภายใต้คำสาปเช่นในเวลานี้ข้าว่าเสียเวลาเปล่า ”
ดารีลหลุบตาลงมองถ้วยชาที่เขาค่อยๆ แง้มด้วยท่าทีลุ้นระทึก
“ หืม ”
เขาอุทานพลางเหลือบมองหน้าคู่สนทนา
กากชากองรวมกันเป็นรูปคล้ายขนนก
“ เจ้าทำอะไรของเจ้านะ ”
วีแกนสงสัย
“ คำพยากรณ์จากกากชา ”
อีกฝ่ายหนึ่งตอบ
“ แล้วทำไมเจ้าไม่อ่านคำทำนายล่ะ ”
“ ไม่ดีกว่ามันฟังดูไม่เป็นมงคล ”
พูดยังไม่ทันขาดคำนกสีดำตัวหนึ่งก็พุ่งผ่านหน้าต่างเข้ามา
มันถลาลงบนโต๊ะจนเกือบชนเอากาน้ำร้อนล้มคว่ำ
“ เรเวน ”
ดารีลอุทานเสียงเขียว
“ ระวังหน่อยสิ อีกอย่างเจ้าจะเที่ยวบินเข้าห้องคนอื่นโดยพลการแบบนี้ไม่ได้ ”
แต่นกตัวนั้นก็หาฟังไม่มันกระพือปีกและส่งเสียงร้องแปลกหู
“ ได้ๆ ข้ารู้แล้ว ”
หนุ่มน้อยร่างบางระหงบอก
นกตัวนั้นจึงบินจากไปอย่างรวดเร็ว
“ เรเวน ชื่อเหมือนม้าของเจ้าเลยนะ ”
วีแกนว่า
“ ไม่ได้แค่เหมือนแต่มันเป็นตัวเดียวกันเลยต่างหาก ”
ดารีลตอบ
“ หมายความว่าอย่างไรตัวเดียวกัน ช่างเถอะเรื่องนั้นเรามาต่อเรื่องของเราดีกว่า ถ้าเจ้าช่วยทำให้หญิงสาวตั้งครรภ์ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นทำให้ผู้คนอายุยืนยาวขึ้นล่ะ ”
“ แบบว่าเป็นอมตะน่ะหรือ ”
ดารีลทำจมูกย่นสีหน้ารังเกียจ
“ ตามหลักแล้วทุกคนเกิดมาต้องตาย เพื่อเป็นการเปิดทางให้ไปสู่นรกหรือสวรรค์ หากมีชีวิตเป็นนิรันดร์ก็เท่ากับว่าได้หยุดเส้นทางของตัวเองไว้เพียงเท่านี้ ไม่อาจก้าวเดินต่อไป ข้าว่ามันไม่ใช่ความคิดที่ดี อะไรจะเกิดก็ต้องปล่อยทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติเถอะ ”
“ แล้วตอนนี้เจ้าคิดว่าทุกอย่างเป็นปรกติหรือ หญิงสาวไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้ ในขณะที่อายุก็หมุนไปข้างหน้า จนในที่สุดก็แก่ชราและตายลงโดยไม่มีเด็กเกิดใหม่ สุดท้ายจะไม่มีใครเหลืออยู่บนโลกแบบนี้ยังเรียกว่าปรกติได้อยู่หรือ ”
วีแกนว่า
“ ไม่ต้องถึงกับเป็นอมตะหรอก เอาแค่หยุดอายุพวกเขาไว้ รอจนกว่าคำสาปจะสลายไป แล้วเจ้าค่อยปล่อยให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม แบบนี้คิดว่าอย่างไร ”
คนอายุมากกว่าเสริม
ดารีลทำตาโต
“ นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านพูดอย่างมีเหตุผล แต่ก็นั่นแหละมันไม่ได้ง่ายเลย ข้าจะเอากลับไปทบทวนอีกครั้ง ”
หนุ่มน้อยยกหนังสือทั้งสามเล่มขึ้น
“ และอย่าลืมว่าแนวคิดวิปริตนี้มักอยู่ในตำรามนต์ดำ เพราะฉะนั้นจงอย่ารีบร้อน ข้อผิดพลาดเพียงน้อยนิดจากการใช้มนต์ดำสามารถก่อหายนะได้ ”
“ เจ้านี่แปลกคนจริง บางทีก็ทำเอาข้าตกใจกลัว แต่ก็นั่นแหละเพราะข้าพบเจ้า ข้าถึงมาอยู่จุดนี้ได้ถ้าไม่เช่นนั้น ตอนนี้คงยังเป็นไอ้ขี้เมาข้างถนน ”
วีแกนว่า
“ นั่นแหละข้าถึงอยากให้ท่านเลิกดื่มเสียที สุรามันทำให้เมืองทั้งเมืองย่อยยับลงได้ อย่าว่าแต่คนๆ เดียวเลย ”
หนุ่มน้อยบอกด้วยความจริงใจ
“ เจ้าพูดเล่นใช่หรือไม่ที่ว่าจะไปจากโอรีเวีย ”
“ พูดจริง ”
“ ทำไมล่ะเจ้าจะทิ้งข้า เบื่อข้าแล้วหรืออย่างไร ปล่อยข้าไว้แบบนี้แล้วข้าจะอยู่กับใคร ”
คนสูงอายุกว่าตัดพ้อ
“ ใจเย็นสิ นี่เป็นเรื่องสิบหรือยี่สิบปีข้างหน้า สักวันข้าต้องจากไปอยู่แล้ว เพราะถึงอย่างไรข้าก็ไม่ใช่ชาวเมืองโอรีเวีย ”
ดารีลบอก
“ ถึงตอนนั้นข้าเชื่อว่าท่านเองก็จะแกร่งขึ้น ”
“ แล้วจำเป็นต้องไปด้วยหรือ ข้าก็เกิดที่อื่นแต่ย้ายตามบิดามาที่นี่ ข้ายังไม่รู้สึกว่าจำเป็นต้องกลับไปยังบ้านเกิดเลย ”
ดารีลไม่มีคำตอบสำหรับข้อนี้
“ ช่างเถอะแต่ก่อนเจ้าจะไปมีเรื่องหนึ่งที่ต้องช่วยข้า ”
“ ว่ามาสิ ”
เด็กหนุ่มยกถ้วยชาขึ้นจิบ
“ ข้าต้องการเป็นใหญ่เหนือวาลาน ”
ประโยคนั้นทำเอาดารีลถึงกับสำลักน้ำชาพรวด
“ เดี๋ยวนะ ”
เขาว่าพลางวางถ้วยชาลง
หันไปเผชิญหน้ากับครูใหญ่วีแกนโดยตรง
“ เกิดอะไรขึ้น อยู่ดีๆ ก็จะหาเรื่องตายซะอย่างนั้น ”
“ ข้าเบื่อ คิดดูสิข้าเป็นถึงครูใหญ่มีอำนาจในปราสาทขาว แต่แทนที่ผู้คนจะก้มหัวให้พวกเขากลับเยาะเย้ยข้า ต่อหน้าทำเป็นพูดดี ลับหลังกลับคิดทำลาย มีทางเดียวที่จะทำให้คนพวกนั้นนอบน้อมก็คือข้าต้องยิ่งใหญ่ หลังจากนั้นใครหน้าไหนจะกล้าเหิมเกริม ”
“ อันที่จริงเรื่องนี้สามารถแก้ไขได้ เพียงแค่ท่านเปลี่ยนแปลงตัวเอง พูดให้น้อยลงและทำตัวให้น่าเกรงขาม ถึงอย่างไรเสียท่านก็มีผลงานมากมายสมตำแหน่ง เท่านี้ใครๆ ก็หาข้อตำหนิท่านไม่ได้แล้ว ”
ดารีลบอก
“ สรุปเจ้าจะไม่ช่วยข้า ”
วีแกนทำเสียงสลด
“ ไม่ใช่ไม่อยากช่วยแต่มันทำไม่ได้ การที่จะขึ้นไปแทนวาลานนั้นไม่ง่ายเลย ต้องมีทั้งกองกำลังที่ไว้ใจได้ พลังอำนาจ ความรู้ความสามารถ แล้วตอนนี้ท่านมีอะไร ”
“ ข้ามีเจ้า ”
ดารีลถึงกับกุมขมับ
“ มีข้าอีกร้อยคนก็ยังน้อยเกินไป อีกอย่างในเวลาที่เกิดเรื่องประหลาดมากมายเช่นนี้ เพียงท่านจอมวาลานคนเดียวเท่านั้นที่จะยุติทุกอย่างได้ เราอย่าหาเรื่องเดือดร้อนเลยนะเชื่อข้า อยู่แบบเดิมนี่หล่ะสบายดีแล้ว ”
“ วาลานก็ใช่ว่าจะเป็นคนดี เขาทำทุกอย่างเพื่อตัวเองทั้งนั้น ถึงแม้เขาจะมีกองกำลังมากมาย แต่ฝ่ายต่อต้านก็มีไม่น้อย หากเราสามารถทำให้ทั้งสองฝ่ายปะทะกันได้ ”
“ ก็จะเกิดหายนะขึ้นทันที ”
ดารีลพูดสอดขึ้นก่อนที่วีแกนจะพล่ามจบ
“ ใช่แล้วปล่อยให้พวกมันล่มจมไป แล้วจะมีเพียงเราเท่านั้นสามารถที่งอกงามขึ้นอย่างรวดเร็วจากซากปรักหักพัง เห็นไหมเราสามารถยิ่งใหญ่ได้โดยไม่ต้องออกแรง ”
วีแกนสรุป
“ ท่านไปเอาความคิดแบบนี้มาจากไหนกัน ”
พ่อมดน้อยมีท่าทีตกตะลึง
“ เจ้าอย่าคิดว่าข้าความรู้น้อย ข้าเคยอ่านตำราเล่มหนึ่งใช่แล้วมันคือบันทึกการสร้างเมืองโอรีเวีย ในตำนานบอกไว้ว่าหากมีใครที่มีอำนาจวาสนาในอนาคตจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ เขาจะได้พบกับคนผู้หนึ่งที่หัวมุมถนนในยามเที่ยงคืนอันมืดมิด และได้รับคำพยากรณ์พร้อมทั้งคำแนะนำที่ดีเลศ ”
วีแกนบอก
“ อย่าบอกนะว่าท่านพบนางเข้าแล้ว สตรีชุดแดงผู้นั้น ข้าต้องเตือนท่าน อย่าเชื่อใจนาง ”
ดารีลตกใจยิ่งกว่าเดิม
“ ในกลางดึกของคืนที่หนาวเหน็บ ข้าเมามายไร้สติเดินโซเชอยู่กลางถนนที่เปล่าเปลี่ยว ภาพที่เห็นรางเลือนดังความฝัน ”
วีแกนหลับตาพริ้มเหมือนจมอยู่ในอดีต
“ ใช่แล้วนางปรากฏกายขึ้นต่อหน้าข้า งดงามไร้ที่ติ อ่อนหวานและแสนดี นางตั้งใจฟังข้าพร่ำบ่นถึงความคับแค้นใจที่เป็นถึงทายาทผู้ใช้เวทมนตร์แต่กลับไร้ซึ่งพลัง เห็นอกเห็นใจที่ข้าโดนเหยียบย่ำมานานแสนนาน เมื่อข้ารู้สึกตัวนางก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับภาพมายาเหมือนว่าไม่มีอยู่จริง ข้าได้รวบรวมความกล้าเพื่อที่จะทำตามคำแนะนำของนาง คือเดินทางไปพบเจ้าในเช้าวันถัดมา นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ชีวิตข้าเปลี่ยนไปราวขอบฟ้ากับก้นเหว คำพยากรณ์ของนางไม่เคยผิดพลาด ”
วีแกนเล่า
“ ท่านคงอ่านตำราไม่จบ นางคนเดียวทำเมืองเก่าแก่ที่แข็งแกร่งที่สุดล่มสลายลงได้ จริงอยู่คำพูดของนางจำเป็นต้องตั้งใจฟัง แต่ไม่ควรนำไปปฏิบัติเป็นอย่างยิ่ง นางไม่ใช่ผู้พยากรณ์หากแต่เป็นผู้ขีดชะตาชีวิต ถ้าหากท่านเชื่อใจนางจะครอบงำท่าน ข้าถึงพยายามเตือนท่านมาตลอด ไว้ใจนางเท่ากับไปยืนที่ปากนรกแล้ว ”
คนอายุน้อยกว่าพูด
“ เจ้านั่นล่ะที่อ่านตำราไม่เข้าใจ ความจริงคือนางยืนฝั่งใดต่างหากล่ะ ตอนนี้นางยืนฝั่งข้าคนที่จะล่มจมคือวาลาน เจ้าที่ไม่เคยพบเห็นนางมาก่อนไม่มีวันเข้าใจหรอก ”
“ โอย ”
ดารีลคราง
เขากลอกตาขึ้นมองเพดานด้วยอารมณ์สิ้นหวัง
“ ถ้าอย่างนั้นท่านบอกข้าสิ นางพูดว่าอย่างไรบ้าง ”
“ นางบอกว่าข้าสามารถสัมผัสถึงสิ่งยิ่งใหญ่ พลังอำนาจและความน่าหวั่นเกรง รวมทั้งชีวิตที่เป็นนิรันดร์ ”
“ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ท่านจะสามารถล้มวาลานได้แล้วก้าวขึ้นเป็นเจ้าแห่งโอรีเวีย ”
ดารีลท้วง
“ นางยังบอกอีกว่าเมื่อความมืดเข้าครอบงำโอรีเวีย เจ้าจะเป็นผู้สร้างและทำลายความเป็นอมตะของข้า ”
ดารีลกระแทกผ่ามือลงบนโต๊ะดังปึก
“ นี่ท่านปล่อยให้นางพาดพิงมาถึงข้าด้วยงั้นรึ นางจะพยากรณ์ไม่ได้ถ้าเราไม่อนุญาต ”
“ ข้าไม่สนอะไรอีกแล้วขอเพียงได้มีชื่อในประวัติศาสตร์ และเป็นที่จดจำไปตลอดกาล แม้ต้องแลกกับสิ่งใดข้ายินยอมทั้งนั้น ”
“ ถ้าเช่นนั้นก็ดีเลย ข้าจะลับคมดาบไว้รอ ว่าแต่ข้าจะสังหารท่านเมื่อไหร่ล่ะ ”
ดารีลประชด
“ อย่าสนใจคำพูดของสตรีชุดแดงเลยนะ ตอนนี้ท่านก็กำลังไปได้ดีกับตำแหน่งครูใหญ่ วาลานน่ะแก่มากแล้วข้าว่ารอไปก่อน อีกไม่นานเจ้าแห่งโอรีเวียก็จะจากไป ช่วงเวลานี้เป็นโอกาสที่ดีที่ท่านจะสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ และข้าอยู่ข้างท่าน ”
คนอายุน้อยกว่าพยายามเกลี้ยกล่อม
“ ตาแก่เจ้าเล่ห์นั่นหรือจะตายไว ข้ายังเห็นมันแข็งแรงดีนี่นา ”
วีแกนว่า
“ เป็นเพราะยาต่างหากล่ะ ”
พ่อมดน้อยบอก
“ ข้าแน่ใจว่าตอนนี้วาลานมีชีวิตอยู่ได้ด้วยยา นี่เป็นสาเหตุที่เขาดิ้นรนอย่างมากในตอนนี้ ”
เสียงของดารีลเรียบเย็นจนน่าขนลุก
“ อ้อ ข้ามีความคิดหนึ่ง แหม่ข้านี่ฉลาดลึกล้ำยิ่งนัก ”
วีแกนยิ้มย่องอย่างภาคภูมิ
เขายกถ้วยชาขึ้นซดทีเดียวหมด
“ อะไรอีกล่ะ ”
ดารีลว่าพลางลากถ้วยชาของวีแกนมาไว้ใต้คางตัวเอง
“ ได้ยินมาว่ามีตำรายาอย่างหนึ่งที่สามารถทำให้คนเป็นอมตะ หนังสือเล่มนั้นมันต้องอยู่ในห้องลับสักที่ แต่มันมีอย่างแน่นอนพ่อของข้าที่เป็นบรรณารักษ์เคยเล่าให้ฟัง บางที่อาจอยู่ในหอสมุดต้องห้ามข้าจะไปหาดู ”
“ อยู่ที่ข้านี่แหละวาลานมอบให้เมื่อปีที่แล้ว ”
หนุ่มน้อยตอบเสียงเรื่อยเปื่อย
วีแกนทำตาโต
“ งั้นก็ดีเลย เจ้าเริ่มปรุงมันเลยสิ ขาดเหลืออะไรบอกข้าและเราจะเป็นคนกลุ่มแรกที่ทำเรื่องมหัสจรรย์ ถ้าเราปรุงได้สำเร็จ ”
“ เราก็ยกถ้วยนั้นให้วาลาน เขาคงดีใจ ไม่น่าเชื่อท่านนี่ใจดีเกินคาด ”
ดารีลพูด
เขาชำเลืองดูกากชามันมีสีซีดจางจนแทบจะกลืนไปกับถ้วยสีงาช้าง
“ โธ่เอ๋ยเด็กน้อยเจ้านี่ช่างไร้เดียงสานักเราก็ขายสิ เจ้านึกภาพออกไหมพวกเราจะร่ำรวยและมีชื่อเสียง ผู้คนทั้งหลายต้องก้มหัวอ้อนวอนเราดังเทพเจ้า ใครบ้างไม่อยากเป็นอมตะ ”
ชายร่างอ้วนกล่าวด้วยสีหน้าเพ้อฝัน
“ ยาแบบนั้นคงทำไม่ง่าย แม้แต่วาลานเองก็ยังทำไม่สำเร็จ ด้วยเหตุนี้เขาจึงยกตำราให้ข้า ”
หนุ่มน้อยหน้ามนบอก
“ อย่าเอาตัวเองไปเทียบกับวาลาน เจ้าสูงส่งกว่าเขานัก ”
วีแกนบอก
“ นี่ข้าพูดในหลักความเป็นจริงและยาแบบนั้นไม่มีหรอก ตำราที่วาลานให้มามันเป็นแค่บันทึกการคิดค้น ตัวยาแต่ละอย่างออกจะสยองขวัญเสียด้วยซ้ำ เชื่อข้าในฐานะที่อ่านตำรามามากมาย แม้คนที่กินเข้าไปสามารถเป็นอมตะได้จริงแต่เขาจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป เมื่อเป็นดังนี้แล้วเลิกคิดเสียเถอะ คนเก่งๆ ในรุ่นก่อนๆ ยังไม่มีใครคิดลอง ความสามารถระดับข้าแค่ให้คิดก็ผิดแล้ว ”
“ ดารีลหนอดารีลเจ้าก็เป็นแบบนี้ทุกที ”
ครูใหญ่ร่างอ้วนบ่น
“ จริงสินี่ทำให้ข้านึกขึ้นได้ ”
ดารีลว่าพลางเคาะนิ้วเรียวยาวบนปกหนังสือเล่มหนาที่วีแกนให้มา
“ ตำราเล่มนั้นคล้ายๆ กับสามเล่มนี้นั่นหมายความว่ามันเป็นของผู้ใช้มนต์ดำ ว่าแต่ท่านวาลานของเราไปงัดมาจากที่แห่งใด จึงได้มีของต้องห้ามไว้กับตัวเสียเอง ”
“ ข้าเคยบอกเจ้าแล้ววาลานน่ะเป็นเฒ่าเจ้าเล่ห์ เพื่อผลประโยชน์แล้วเขาทำได้ทุกอย่างแหละ เราอย่าไปสนใจคนประเภทนั้นเลย มาช่วยกันคิดหาทางมุ่งสู่ความรุ่งเรืองกันดีกว่า ”
วีแกนบอก
“ ที่ห้องประชุมวันนี้ วาลานมอบจดหมายภารกิจใดให้ท่านล่ะ ”
คนอายุน้อยกว่าพยายามเปลี่ยนเรื่อง
“ จะอะไรล่ะถ้าไม่ใช่เรื่องโรคระบาด วาลานไม่เคยมอบภารกิจสำคัญให้ข้าสักครั้ง ”
วีแกนว่าพลางโยนจดหมายที่ยังไม่เปิดให้กับดารีล
เจ้าของมืองามฉีกมันออกช้าๆ
เขาพยักหน้าเบาๆ
“ ใช่ โรคระบาดคืบคลานเข้าใกล้ โอรีเวียมาแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าท่านวาลานยังสามารถนิ่งเฉย ภารกิจนี้ใช่ว่าจะไม่สำคัญ ท่านสามารถชื้อใจผู้คนได้มากมาย ท่ามกลางความหวาดกลัวท่านคือความหวังหนึ่งเดียว แบบนี้ไม่ดีกว่าหรือ ”
“ แต่ข้าไม่อยากไต่บันไดทีละขั้น ข้ารอมานานมากแล้ว มีวิธีใดที่ข้าจะสามารถกระโดดถึงจุดสูงสุดข้าจะไปทางนั้น แค่ประชาชนตาดำๆ ที่ต่ำต้อย พวกเขาไม่มีประโยชน์อันใดหรอก ”
วีแกนกล่าว
“ เจ้าแห่งโอรีเวียต้องดูแลบรรดาผู้คนที่เดือดร้อน ท่านอย่าบอกว่าพวกเขาต่ำต้อยหากท่านต้องไปยืนตรงจุดนั้น ไม่อย่างนั้นท่านก็ไม่ต่างจากวาลาน ”
ดารีลเตือน
“ ข้ารู้น่า ให้ข้าได้นั่งเก้าอี้นั้นเสียก่อนอย่างอื่นค่อยว่ากัน จริงสิดารีลสิ่งที่คาทุพูดเจ้าคิดว่าอย่างไร มีเด็กเกิดใหม่จริงอย่างนั้นหรือ มันเป็นไปได้อย่างไร ”
ครูใหญ่วีแกนถาม
“ คำพูดของท่านคาทุเชื่อถือได้แน่นอน สิ่งที่เขาเห็นอาจเป็นนิมฟ์ ”
หนุ่มน้อยตอบ
“ แล้วพวกนิมฟ์ฝ่าฝืนคำสาปได้อย่างไรกัน เหตุใดพวกเขาจึงสามารถมีบุตรได้ ”
วีแกนสงสัย
“ ชาวนิมฟ์มีเพียงเพศหญิงเท่านั้น การตั้งครรภ์จึงแตกต่างจากมนุษย์ เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องประหลาดแต่อย่างใด แต่ที่น่าแปลกคือทำไมพวกเขาจึงละทิ้งป่าดำอันเป็นบ้านเกิด ชนกลุ่มนี้ไม่มีทางอยู่ร่วมกับมนุษย์ ต้องมีบางอย่างผิดปรกติแน่ ”
ดารีลตั้งข้อสังเกต
“ เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลังเถอะข้าคิดอะไรบางอย่างออกแล้ว ”
วีแกนบอก
“ ว่ามา ”
“ ตอนนี้ผู้คนต่างวิตกที่พวกเขาไม่สามารถให้กำเนิดบุตร คำตอบทั้งหมดตอนนี้อยู่ที่นิมฟ์ บางทีเรื่องมันอาจจะง่ายดายถ้าหากเราแอบเข้าป่าดำเพื่อล่วงรู้ความลับนั้น ”
“ ในขณะที่เจ้าของบ้านยังต้องเผ่นออกมา แต่พวกเราจะดันทุรังเข้าไปนี่นะ ไม่คิดว่าท่านเองก็ขยันหาเรื่องตายกับเขาอยู่เหมือนกัน อีกอย่างเข้าไปแล้วก็ไม่แน่ว่าจะพบอะไรในป่านั่น ท่านก็รู้ดีว่าชาวนิมฟ์ชื่นชอบการล่าหัวบุรุษ ไม่แน่บางทีเรื่องทั้งหมดอาจเป็นกับดัก ข้าว่าอย่าคิดเข้าไปเลย เว้นแต่ท่านอยากให้หัวของตัวเองไปเกาะอยู่ตามกิ่งไม้ในป่าดำ ”
ดารีลบอก
“ แต่ในที่ประชุมวันนี้เจ้ายังเสนอตัวจะเข้าไปในป่านั่นอยู่เลย ”
วีแกนแย้ง
“ ข้าแค่จะไปดูหมอกพิษ เมื่อไหร่กันที่พูดว่าจะเข้าป่า แม้แต่แม่มดลีลิน่ายังไม่กล้าเข้าไป ข้าเองก็ไม่ได้สิ้นคิดขนาดนั้น ”
หนุ่มน้อยพูดพลางคว่ำถ้วยชาของครูใหญ่วีแกนลง
“ แล้วต้องทำอย่างไรล่ะ นี่คือหนทางเดียวที่จะสร้างผลงานใหญ่มิใช่หรือ ข้าหมายถึงเรื่องที่จะทำให้มี
ชื่อเสียง และผู้คนมากมายต้องยอมรับ แล้วเหตุใดเราไม่พยายามถอนคำสาปบ้าง ”
วีแกนกุมขมับเพราะใช้ความคิดอย่างหนัก
“ ผู้ใช้เวทมนตร์มากมายพยายามเรื่องนี่มาเป็นสิบปีแล้ว ”
ดารีลตอบเสียงราบเรียบดังผืนน้ำที่ไร้ลมต้อง
“ ข้าหมายถึงให้เจ้าเป็นคนทำ ”
“ ก็นั่นแหละผู้ใช้เวทมนตร์ที่ว่ามาได้รวมข้าเข้าไปแล้ว เรื่องมันไม่ง่ายขนาดนั้น ”
“ เพราะเจ้าแก้ปัญหาไม่ถูกจุด คำสาปร่ายขึ้นโดยอาศัยอำนาจของวิเศษโบราณชิ้นหนึ่งจากเจ็ดชิ้น ดังนั้นเราต้องตามหาของวิเศษที่เหลือมาช่วยปลดคำสาป ”
วีแกนพูด
“ ใครเล่านิทานเรื่องนี้ให้ท่านฟัง อย่าบอกนะว่าเป็นแม่สาวชุดแดงจอมยั่วอะไรนั่น ”
ดารีลถาม
“ แล้วมันจริงหรือไม่ล่ะ ”
“ เรื่องของเรื่องคือ ถ้าหากมีของที่ว่าชิ้นหนึ่งยังไงก็ต้องยกให้จอมวาลานเป็นคนจัดการ แต่ถ้าอยากให้ข้าทำต้องใช้ถึงสี่ชิ้นเป็นอย่างน้อย ในตอนนี้แม้สักชิ้นเราก็ไม่มีเพราะฉะนั้นเลิกคิดไปเลย ”
“ แบบนี้ก็ไม่มีทางถอนคำสาปได้น่ะสิ ”
ดารีลไม่ตอบ
“ แต่เจ้าเก่งเรื่องปรุงยานี่นา ”
วีแกนยังคิดหาหนทางไม่เลิก
“ ยาที่ทำให้สตรีตั้งครรภ์น่ะหรือ ถ้าเหตุการณ์ปรกติมันก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ภายใต้คำสาปเช่นในเวลานี้ข้าว่าเสียเวลาเปล่า ”
ดารีลหลุบตาลงมองถ้วยชาที่เขาค่อยๆ แง้มด้วยท่าทีลุ้นระทึก
“ หืม ”
เขาอุทานพลางเหลือบมองหน้าคู่สนทนา
กากชากองรวมกันเป็นรูปคล้ายขนนก
“ เจ้าทำอะไรของเจ้านะ ”
วีแกนสงสัย
“ คำพยากรณ์จากกากชา ”
อีกฝ่ายหนึ่งตอบ
“ แล้วทำไมเจ้าไม่อ่านคำทำนายล่ะ ”
“ ไม่ดีกว่ามันฟังดูไม่เป็นมงคล ”
พูดยังไม่ทันขาดคำนกสีดำตัวหนึ่งก็พุ่งผ่านหน้าต่างเข้ามา
มันถลาลงบนโต๊ะจนเกือบชนเอากาน้ำร้อนล้มคว่ำ
“ เรเวน ”
ดารีลอุทานเสียงเขียว
“ ระวังหน่อยสิ อีกอย่างเจ้าจะเที่ยวบินเข้าห้องคนอื่นโดยพลการแบบนี้ไม่ได้ ”
แต่นกตัวนั้นก็หาฟังไม่มันกระพือปีกและส่งเสียงร้องแปลกหู
“ ได้ๆ ข้ารู้แล้ว ”
หนุ่มน้อยร่างบางระหงบอก
นกตัวนั้นจึงบินจากไปอย่างรวดเร็ว
“ เรเวน ชื่อเหมือนม้าของเจ้าเลยนะ ”
วีแกนว่า
“ ไม่ได้แค่เหมือนแต่มันเป็นตัวเดียวกันเลยต่างหาก ”
ดารีลตอบ
“ หมายความว่าอย่างไรตัวเดียวกัน ช่างเถอะเรื่องนั้นเรามาต่อเรื่องของเราดีกว่า ถ้าเจ้าช่วยทำให้หญิงสาวตั้งครรภ์ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นทำให้ผู้คนอายุยืนยาวขึ้นล่ะ ”
“ แบบว่าเป็นอมตะน่ะหรือ ”
ดารีลทำจมูกย่นสีหน้ารังเกียจ
“ ตามหลักแล้วทุกคนเกิดมาต้องตาย เพื่อเป็นการเปิดทางให้ไปสู่นรกหรือสวรรค์ หากมีชีวิตเป็นนิรันดร์ก็เท่ากับว่าได้หยุดเส้นทางของตัวเองไว้เพียงเท่านี้ ไม่อาจก้าวเดินต่อไป ข้าว่ามันไม่ใช่ความคิดที่ดี อะไรจะเกิดก็ต้องปล่อยทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติเถอะ ”
“ แล้วตอนนี้เจ้าคิดว่าทุกอย่างเป็นปรกติหรือ หญิงสาวไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้ ในขณะที่อายุก็หมุนไปข้างหน้า จนในที่สุดก็แก่ชราและตายลงโดยไม่มีเด็กเกิดใหม่ สุดท้ายจะไม่มีใครเหลืออยู่บนโลกแบบนี้ยังเรียกว่าปรกติได้อยู่หรือ ”
วีแกนว่า
“ ไม่ต้องถึงกับเป็นอมตะหรอก เอาแค่หยุดอายุพวกเขาไว้ รอจนกว่าคำสาปจะสลายไป แล้วเจ้าค่อยปล่อยให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม แบบนี้คิดว่าอย่างไร ”
คนอายุมากกว่าเสริม
ดารีลทำตาโต
“ นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านพูดอย่างมีเหตุผล แต่ก็นั่นแหละมันไม่ได้ง่ายเลย ข้าจะเอากลับไปทบทวนอีกครั้ง ”
หนุ่มน้อยยกหนังสือทั้งสามเล่มขึ้น
“ และอย่าลืมว่าแนวคิดวิปริตนี้มักอยู่ในตำรามนต์ดำ เพราะฉะนั้นจงอย่ารีบร้อน ข้อผิดพลาดเพียงน้อยนิดจากการใช้มนต์ดำสามารถก่อหายนะได้ ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ