โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
46) น้ำชาและกลิ่นกำยาน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเมื่อเดินไปถึงหน้าประตูห้องส่วนตัวของครูใหญ่วีแกน ดารีลก็ยกห่วงทองเหลืองขึ้นเคาะ ประตูบานนั้นทำจากไม้โอ๊คสีน้ำตาลทอง มองดูเรียบเนียนไร้ที่ติ
“ เปิดอยู่แล้ว ”
มีเสียงอู้อี้ลอดออกมา
เขาจึงเปิดประตูแล้วก้าวเข้าไป
ในห้องนั้นมืดสลัวดารีลถึงกับยกมือปิดปากปิดจมูก
เมื่อกลิ่นบางอย่างพุ่งเข้ามาปะทะ
“ นี่ท่านเผากำยานอยู่หรือไง ”
หนุ่มน้อยพ่อมดเดินไปกระชากฝ้าม่านพร้อมกับเปิดหน้าต่างออก
ปล่อยให้แสงสว่างและสายลมไหลเข้ามา
“ ข้าเปล่าเสียหน่อย ”
วีแกนว่า
“ ใครให้กำยานมามันมีพิษหลอนประสาทแบบอ่อนๆ ”
เขาถามย้ำ
“ นี่เจ้าคิดว่าข้าโกหกงั้นหรือ ”
ดารีลหรี่ตาดูคู่สนทนาแล้วส่ายหน้า
“ นึกแล้วว่าท่านต้องดื่ม ”
เขาว่าพลางรวบทั้งขวดและแก้วเหล้าปาเข้าผนังหินอ่อนแตกกระจายเกลื่อน
“ นั่นแพงมากเลยนะ ”
ครูใหญ่อุทาน
“ ข้าเคยบอกแล้วว่าจะไม่คุยกับคนเมา ท่านดื่มได้แต่ไม่ใช่เวลาที่เรียกข้ามา ”
เขาว่าแล้วหมุนกายนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง
ผายมือไปทางชายร่างอ้วนด้วยท่าทีเชื้อเชิญ
“ มีอะไรว่ามา ”
ครูใหญ่เดินหมุนกระสับกระส่ายแล้วนั่งกระแทกลงบนเก้าอี้ตรงข้ามเขา
“ เจ้าก็เห็นแล้วในที่ประชุม ”
วีแกนถอนหายใจหนัก
“ ว่า ”
ดารีลเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง
“ คนพวกนั้นใส่ความเจ้าและเหยียดหยามข้า ”
ดารีลเป็นฝ่ายถอนหายใจบ้าง
“ สิ่งที่ข้าบอกท่านเสมอคือ ถ้าได้นั่งอยู่ตรงนั้นก็อย่าได้ใส่ใจเรื่องเล็กน้อย คำพูดเผ็ดร้อนของโธรินจงปล่อยไปเสีย อย่างน้อยก็ไม่มีใครให้ราคา ”
“ นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ”
วีแกนสวนทันที
“ คนพวกนั้นตั้งใจโจมตีเรา เพราะเราแตกต่างเราไม่เหมือนพวกเขา ทั้งหมดจึงต่อต้านเรา ”
เขาแผดเสียงหน้าแดงก่ำ
“ มันถือว่าเป็นเลือดบริสุทธิ์ ส่วนเราเป็นครึ่งพันธ์ชั้นต่ำถึงได้เหยียดหยามเรา ทั้งที่เรามีเลือดของนักเวทย์แต่ไม่ได้รับการยกย่องอย่างเท่าเทียม ”
“ ข้าว่าท่านใช้อารมณ์พูดมากเกินไปแล้ว เอาอย่างนี้ท่านชงชาให้ข้าหน่อยชาแบบที่ข้าสอนท่านน่ะ ใช้เตานั่นได้หรือเปล่า ”
อยู่ๆ ดารีลก็เปลี่ยนเรื่อง
เขาชี้ไปที่เตาโลหะบนนั้นมีหม้อใบเล็กเดือดปุดๆ
วีแกนที่กำลังงุนงงเพราะปรับอารมณ์ไม่ทันจึงพูดว่า
“ ได้ ได้สิ ไม่มีอะไรสำคัญในหม้อนั้นหรอก ”
วีแกนยกหม้อดินเผาลงแล้วเปลี่ยนเป็นกาทองเหลือง
“ ถามหน่อยนั่นหม้ออะไรกลิ่นมันพิกล ”
ดารีลว่าพลางลุกมานั่งใกล้ๆ
“ ข้าพยายามปรุงยาตามแบบที่เจ้าใช้รักษาคนเป็นโรคระบาดที่เมืองซีนาร์ย ”
“ ไม่ใช่ละ ”
ดารีลใช้ช้อนก้านยาวตักตัวยาขึ้นมาดูใกล้ๆ
“ จะบอกว่าขี้ขลาดก็ได้แต่ลักษณะนี้ข้าไม่กล้าชิม ”
“ ข้าชิมไปแล้ว ”
ดารีลถึงกับผงะเมื่อได้ยินดังนั้น
“ ทั้งที่กลิ่นไม่น่าไว้วางใจอย่างนี้นี่นะ ”
เขาตักสิ่งที่อยู่ในหม้อใส่ลงในถาดแล้วเกลี่ยดู
“ ตัวยาก็ไม่มีอะไรแปลกนี่นา แล้วส่วนที่เปื่อยยุ่ยไปนี่คืออะไร ใช่เห็ดเบรมสโตนหรือเปล่า ”
“ ข้าหาเห็ดอย่างที่เจ้าบอกไม่ได้ เลยใช้เห็ดอย่างอื่น ที่มีสีเหลืองเหมือนกันแทน ”
“ เห็ดอะไร เก็บจากที่ไหนล่ะ ”
ดารีลสงสัย
“ ข้าไม่รู้ชื่อ เห็นขึ้นอยู่ตามขอบหลุมศพเลยเก็บมา ”
“ เอาจริงดิ ”
เด็กน้อยทำตาปริบๆ แบบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
เขาตักยาขึ้นจิบอึกหนึ่งแล้วรีบคายทิ้ง
“ เป็นพิษจริงด้วย เอาล่ะข้าต้องเตือนท่านแล้ว การปรุงยามันง่ายก็จริงแต่ท่านต้องเข้มงวดเรื่องวัตถุดิบ ถ้าพลาดแม้แต่ตัวเดียวยาก็จะเปลี่ยนสรรพคุณทันที ว่าแต่ท่านดื่มเข้าไปนานเท่าไหร่แล้ว ”
“ ก่อนเข้าประชุม ”
วีแกนตอบ
“ ถึงว่าท่านดูเลอะเลือน ”
ดารีลหยิบแก้วทรงสูงสำหรับดื่มวายขึ้นมาสองอัน
หยดน้ำจากขวดแก้วใบเล็กลงสามหยดไปส่งให้ครูใหญ่ใบหนึ่ง
และของเขาใบหนึ่ง
“ มาชนแก้วดื่มให้สำหรับความไร้เดียงสาของพวกเรา ”
หนุ่มน้อยนักเวทบอก
“ มันคืออะไร ”
ครูใหญ่วีแกนสงสัยแต่เขาก็ยอมดื่มแต่โดยดี
“ ยาถอนพิษ เห็ดที่ท่านนำมามันคือเห็ดเทียนไขศพ โชคดีที่ท่านหยิบดอกสีเหลืองถ้าหยิบสีเหลืองขอบดำแล้วล่ะก็ ”
เขาว่าพลางกลับไปนั่งเก้าอี้ตัวเดิม
“ ให้ตายสิข้าคิดว่าได้กลิ่นกำยานจริงๆ นะ แน่ใจว่าไม่ได้เผลอเทลงในหม้อต้มยา ”
ดารีลยังข้องใจ
“ ข้าไม่ได้จุด ถ้าไม่เชื่อก็ค้นห้องของข้าได้เลย ว่าแต่เจ้าไม่ชอบกลิ่นกำยานหรือความจริงก็หอมดีออก ”
“ เปล่า มันไม่ใช่กำยานแบบปรกติอาจมีคนกำลังเล่นตลก ท่านไม่ได้กลิ่นหรือไง ”
“ ไม่รู้สิ แต่ตอนนี้ข้ารู้สึกมึนๆ คงโดนพิษเข้าให้แล้ว ”
วีแกนบอกด้วยน้ำเสียงตระหนก
“ อ้อ นั่นมันผลจากการดื่มสุราต่างหาก ช่างเถอะตอนนี้กลิ่นจางไปมากแล้ว บางทีข้าอาจกังวลเกินเหตุ ตอนนี้น้ำกำลังเดือดได้ที่ เรามาดื่มชากัน ”
ดารีลชวน
พลางขนชุดถ้วยชางาช้างออกมาจากตู้
“ ข้าไม่ชงชาของเจ้าล่ะ เพราะข้ามีนี่ ”
วีแกนหยิบห่อกระดาษจากชั้นบนสุดของตู้ลงมา
ตอนนี้เขามีสีหน้าดีขึ้นแล้ว
“ ชาจากยอดเขาสูงราคาแพงระยับเหมาะสำหรับคนมีระดับ เก็บเกี่ยวได้ปีละครั้ง และส่วนใหญ่ถูกจองหมดก่อนจะออกจากถิ่นกำเนิดเสียด้วยซ้ำ ”
เจ้าของห้องโอ้อวดอย่างภาคภูมิใจ
ดารีลแกะห่อกระดาษออกดู
ใบชาแห้งสีเขียวซีดจางจนแทบจะเป็นสีขาวกองอยู่ในนั้น
เขาหยิบใบนึ่งขึ้นมาดมแล้วขมวดคิ้วให้กับปริมาณที่น้อยนิด
“ เป็นอย่างไรบ้าง ”
ครูใหญ่ถามพลางถูมือด้วยสีหน้าคาดหวัง
“ ไม่รู้สิ ”
คนอ่อนวัยกว่าหยิบชาใส่ถ้วยสองถ้วยแล้วเติมน้ำจากกาทองเหลือง
จากนั้นเลื่อนถ้วยชามาที่ขอบโต๊ะ
จรดจมูกลงสูดไอร้อนที่ระเหยขึ้นมาแล้วกระตุกยิ้มแปลกประหลาด
“ ไม่ดีหรือ ”
ครูใหญ่มีท่าทีผิดหวัง
“ แต่นี่ของหายากและราคาแพงสุดๆ เลยนะ ”
“ อย่าเพิ่งสิข้าแค่ไม่ชินกับของแบบนี้ หมายถึงข้าเคยดื่มเฉพาะชาที่ปรุงแล้ว ”
ว่าแล้วหนุ่มน้อยก็ยกถ้วยขึ้นจิบ
คราวนี้เขากัดริมฝีปากมุมขวา
ช้อนตาขึ้นไปมองครูใหญ่ด้วยแววสงสัย
ครูใหญ่ยกชาของตัวเองขึ้นจิบบ้าง
“ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส ให้ตายสิข้าจ่ายสิบเหรียญทองเพื่อสิ่งนี้ ”
ดารีลอมยิ้มแก้มป่องขณะจิบชาไปเรื่อยๆ
“ ชาร้อนๆ นี่ดีจริงๆ เราดื่มเพื่อสุขภาพมากกว่าความอภิรมย์ ”
“ เจ้าประชด ”
วีแกนเสียงขุ่นและเริ่มทำหน้างอ
“ ข้าเปล่า ชานี่มาจากเทือกเขาแถบไอโอเนีย ของแบบนี้ใช้เป็นสมุนไพรมากกว่าจะชงดื่มเป็นของว่าง เห็นได้ชัดว่าพวกเราร่ำรวยล้นฟ้า ถึงได้เอาของล้ำค่ามาละลายน้ำร้อนเล่นอย่างนี้ ”
ดารีลบอก
“ เออจริงสิข้าพบนี่ ”
วีแกนนึกขึ้นได้
เขายื่นสมุดปกหนาสามเล่มให้ดารีล
มันเก่าแก่เสียจนราสีเขียวขึ้นลามไปทั่ว
“ ข้าค้นพบมันที่ห้องใต้ดินที่บ้านเก่าแต่ข้าอ่านมันไม่ออก เจ้าคิดว่าเป็นตำราประเภทไหน ”
“ ข้าเองก็อ่านไม่ออกแม้จะดูคุ้นตาอยู่บ้าง คงต้องพยายามแกะตัวอักษรดู หนังสือพวกนี้เป็นอักษรโบราณ ”
ดารีลเปิดหนังสือทีละหน้าละอองเชื้อราก็ฟุ้งกระจาย
สายตากวาดดูตัวหนังสืออย่างละเอียดแล้วสีหน้าก็แสดงความเศร้าหมองออกมา
“ ข้าว่าสิบปีที่ผ่านมาเจ้าอ่านหนังสือจนหมดทั้งโอรีเวียแล้วมั้ง ว่าแต่เจ้าจะเอาหนังสือพวกนี้ไปทำไม ”
ครูใหญ่วีแกนว่าพลางส่งเสียงไอเพราะเขาแพ้ฝุ่น
“ กฎข้อแรกของการเป็นพ่อมดคือความรอบรู้ ท่านต้องหัดอ่านให้มากกว่านี้ ถ้าข้าไม่มีหนังสือที่จะอ่านแล้วข้าคงหนีไปเมืองอื่นเพื่อตามหาหนังสือเล่มใหม่ ว่าแต่ท่านได้หนังสือนี่มาอย่างไร ”
“ ข้าก็บอกแล้วว่าค้นมาจากห้องใต้ดิน พ่อของข้าเคยเป็นบรรณลักษณ์ห้องสมุดประจำเมืองโอรีเวีย คิดว่าคงเป็นหนังสือเก่าที่ถูกโละทิ้ง เขาเป็นคนหัวเก่าน่ะคงเสียดายเลยแอบเก็บไว้ ”
วีแกนตอบ
“ แน่ใจนะว่าทั้งหมดมีเท่านี้ ”
“ ก็แหงสิข้ารื้อจนห้องกระจุยหมดแล้ว ทำไมล่ะเจ้าชอบหรือ บางทีข้าอาจหาได้อีกจากร้านขายของเก่า ”
“ อย่าทีเดียวเชียว ”
ดารีลเสียงเครียด
“ ข้านึกออกแล้ว มันคือตำรามนต์ดำ ตัวหนังสือพวกนี้มีลักษณะเฉพาะ มองเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย ถ้าเกิดวาลานรู้ว่าท่านมีหนังสือแบบนี้เกิดเรื่องใหญ่แน่ ”
วีแกนได้ยินดังนั้นก็หน้าซีด
“ แล้วห้องสมุดแห่งโอรีเวียมีของแบบนี้ได้อย่างไร ”
ครูใหญ่ร่างอ้วนถาม
“ นั่นแหละที่ข้าสงสัย บางทีโอรีเวียกับเมืองคาเลอาจเคยมีความสำพันธ์ที่ดี แต่เราคงหาความจริงเรื่องนี้กับวาลานไม่ได้ ”
“ แล้วเราจะทำอย่างไรกับพวกมัน เผาทิ้งดีไหมก่อนที่ใครจะมาเห็น ”
วีแกนชี้ที่หนังสือด้วยท่าทีวุ่นวายใจ
หนุ่มน้อยจ้องมองอย่างใช้ความคิด
“ อย่าเพิ่งเลย ”
เขาตอบ
มือก็ปิดหนังสือลง
“ ข้าจะเก็บไว้เอง ”
“ มันจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าภายหลังหรือ ข้ารู้ว่าเจ้าชอบหาความรู้ แต่นี่มันบ้ามาก ถ้าวาลานรู้เข้านี่ถึงตายเลยนะ ”
วีแกนแย้ง
“ มีบางคนใช้มนต์ดำในโอรีเวีย เป็นคาถาเก่าแก่ยากที่จะรับมือ ข้าคิดว่าหนังสือพวกนี้สามารถช่วยข้าได้ ”
“ หมายถึงเจ้าจะเข้าสู่สายมืดเหมือนหมอนั่น ”
วีแกนทำท่าขนลุก
ดารีลได้แต่หัวเราะ
“ พลังของมนต์ดำมีลักษณะตายตัว ใช่ว่าแค่อ่านตำราแล้วจะทำได้ มันเกี่ยวข้องกับสายเลือดด้วยจึงยากที่คนภายนอกจะเข้าถึง นั่นเป็นเหตุให้ผู้ใช้มนต์ดำมีจำนวนน้อยมาก ข้าแค่อยากศึกษาอย่างน้อยก็เพื่อให้รู้ลักษณะการโจมตีของมนต์ดำ แต่ที่ข้าทำได้อย่างแน่นอนคือการปรุงยา หวังว่าในสามเล่มนี้คงมีสักเล่มนะที่ใช่ ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ