โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
48) บุรุษหน้ากากเหล็ก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความกลางดึกของคืนนั้น ผู้คนในเมืองโอรีเวียบางส่วนก็หลับใหลบางส่วนก็ยังเดินเที่ยวเตร่ เหตุการณ์ร้ายแรงของคืนวันวานผ่านไปดังฝันร้าย ผู้คนแม้ไม่อาจลืมเลือนแต่ก็ยังดำเนินชีวิตต่อไปราวกับไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้น
ณ สวนสวยแห่งโอรีเวีย ในมุมที่เงียบสงัดปลอดผู้คน กระโจมน้อยหลังหนึ่งตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางอากาศหนาวเย็น เจ้าของกระโจมเป็นสตรีผิวขาวผุดผาด แม้ใบหน้าจะไม่อ่อนเยาว์เป็นสาวน้อยแต่ก็จัดว่าสวยงามสมวัย ผมสีดำขลับ ดวงตาคมเข้มชวนลุ่มหลง และปากอวบอิ่มสีสดราวกลีบกุหลาบนั้นเย้ายวนนัก ทุกอย่างหลอมรวมกันอย่างประณีต ดุจดังรูปสลักของยอดฝีมือ
นางนั่งสงบอยู่บนเก้าอี้ สองมือประสานกันบนโต๊ะ เบื้องหน้าคือลูกแก้วกลมใส ทุกอย่างในห้องนั้นเงียบงันไร้การไหวติง เช่นเดียวกับจิตใจของนางที่ราบเรียบ
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ในที่สุดก็มีความเคลื่อนไหวปรากฏขึ้นที่หน้ากระโจม ใบหน้าเรียบเฉยของสตรีในอาภรณ์สีแดงมีรอยยิ้มสว่างขึ้น
“ ร้ายเหลือเกินนะ ปล่อยให้สุภาพสตรีเช่นข้าคอยอยู่เป็นค่อนคืน แบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน ”
เสียงออดอ้อนฉอเลาะทักขึ้นก่อน
ประตูกระโจมถูกเปิดออก ร่างหนึ่งก้าวเข้ามาพร้อมกับกลิ่นกำยานหอมฉุนเฉียว เขาสวมชุดคลุมยาวสีดำ ใบหน้าซุกซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากเหล็ก มือข้างหนึ่งถือโซ่ห้อยกระถางไฟ
“ นั่งก่อนสิ ข้ามีทั้งน้ำชาและขนมหวาน เจ้าต้องการอะไรบอกข้าได้ทั้งนั้น ”
เจ้าของกระโจมเชื้อเชิญอย่างมีไมตรี
“ กล้าดีอย่างไรปลอมเป็นข้า ”
บุรุษผู้นั้นกล่าวเสียงขุ่น
เขาวางกระถางไฟไว้บนโต๊ะไอกำยานสีเขียวอ่อนลอยออกมาพอเห็นเป็นเงาจางๆ
“ แหมกาเอล ข้าทำเพื่อเจ้าหรอกนะ อย่าทำเป็นอารมณ์เสียไปเลย ”
นางว่า
“ เจ้าเองก็หลบหน้าข้ามาตลอด ถ้าข้าไม่ก่อเรื่องเจ้าคงไม่มาที่นี่สินะ เมื่อเป็นเช่นนั้นคงมีเรื่องสนุกเกิดขึ้นในเมืองนี้อีกแน่ ”
“ ข้าพยายามเดินตามแผน ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าจะทำทุกอย่างพังพินาศ ”
คนสวมหน้ากากเหล็กว่าพลางนั่งลง
“ คนที่ทำพังคือเจ้าต่างหากล่ะ ข้าอุตส่าห์จุดไฟขึ้นแต่เจ้ากลับนิ่งเฉย ปล่อยให้ไฟดับไปเสียอย่างนั้น หรือแท้จริงแล้วเจ้าเป็นคนขี้ขลาด ”
กาเอลลุกพรวดขึ้นกระชากคอขาวผ่องของนางเข้ามาใกล้
แต่นางหากลัวไม่โน้มกายเข้ามาหมายจะจูบเขาเสียอย่างนั้น
บุรุษในชุดคลุมดำจึงต้องปล่อยมือและนั่งลงเหมือนเดิม
“ เจ้าพาดาบของบิดาข้าออกมาจากหุบเขา เพื่ออะไรกัน ”
กาเอลถาม
“ ข้าเปล่า ”
นางปฏิเสธเสียงสูง
“ ความจริงเรื่องนี้อยู่นอกแผน การที่พวกเขาเข้าไปในหุบเขาและรอดออกมาพร้อมกับดาบโบราณ นั่นเป็นเพราะโชคชะตา ”
“ โกหก พวกเขาต้องตายก่อนถึงป่าซีดาร์เสียด้วยซ้ำ ถ้าหากว่าเจ้าไม่เปิดทางให้ และเป็นเจ้าอีกนั่นแหละที่พาเด็กคนนั้นไปยังที่ซ่อนสมบัติ บอกข้ามาว่าคิดอะไรอยู่กันแน่ ”
กาเอลว่า
“ แหม รู้ทันข้าอีกแล้ว บอกตามตรงนะของวิเศษทั้งเจ็ดชิ้นตอนนี้ซุกซ่อนอยู่ในเงามืด ผู้ที่ถือครองอยู่ล้วนปิดปากเงียบ ข้าจึงได้วางแผนให้ชิ้นหนึ่งปรากฏ เพื่อล่อชิ้นที่เหลือให้แสดงตัวออกมา ”
สตรีชุดแดงตอบ
“ แล้วเป็นอย่างไรล่ะ ทุกอย่างเงียบกริบ แผนการอันยิ่งใหญ่ของเจ้าคือเด็กบ้านๆ คนหนึ่งอย่างนั้นหรือ นี่เจ้าตกต่ำจนถึงขั้นต้องล่อลวงหนูน้อยที่ยังอ่อนต่อโลก แล้วแผนการต่อไปของเจ้าล่ะ คงไม่ใช่คนชราที่ลุกจากเตียงไม่ไหวหรอกนะ ”
“ อันที่จริงข้าเล็งคนพ่อไว้น่ะ นึกไม่ถึงเจ้านั่นจะตาขาวเพียงนั้น ก็ยังดีเด็กที่ชื่อฟิโลโซเฟอร์ถือติดมือออกมา แต่ก็นั่นแหละ ”
นางยกไหล่แบมือสองข้าง
“ ข้าถึงบอกให้เจ้าเลิกก้าวก่ายเรื่องของข้า แผนของเจ้าจะทำทุกอย่างพัง ดาบนั่นเป็นของข้าเก็บในถ้ำก็ดีอยู่แล้ว แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าตกไปอยู่ในมือของคนอื่น ถ้าเรื่องไม่ยุ่งขึ้นมาข้าต้องยอมรับเจ้าเป็นอาจารย์แล้วล่ะ ”
คนสวมหน้ากากว่า
“ ถ้าเจ้าไม่ชอบใจ เหตุใดไม่สังหารพวกเขาเสียตั้งแต่ยังไม่พ้นปากถ้ำ กลับปล่อยให้หลุดรอดไปจนถึงมือดารีลเสียอย่างนั้น ตอนนี้จะมาพร่ำบ่นไปก็ไร้ประโยชน์ แต่วางใจเถิดเพื่อเจ้าแล้วข้าทุ่มสุดตัว รับรองว่าไม่มีอะไรเสียเปล่า รอดูต่อไปเถอะ ว่าแต่ข้าไว้ใจเจ้าเรื่องของดารีลได้อยู่หรือไม่ ”
“ แน่นอนว่าข้าสามารถควบคุมเขาได้ ”
กาเอลตอบ
“ ถ้าเช่นนั้นก็ไม่เห็นต้องกังวล หาทางจับเด็กฟิโลโซเฟอร์ผูกไว้กับหนุ่มน้อยของเจ้า เพียงเท่านี้ดาบโบราณก็จะยังอยู่ในสายตาของเราต่อไป ข้ารู้สึกว่าเด็กนั่นเชื่อใจดารีลยิ่งนัก อยู่ๆ ก็มีปลามาติดเบ็ดเพิ่มอีกตัวคิดดูสิ แบบนี้ไม่เรียกว่าโชคเข้าข้างแล้วจะเรียกว่าอะไร ”
“ ข้าเกลียดคำว่าโชคของเจ้าที่สุด ว่าแต่คิดไว้หรือยังว่าต้องเก็บดารีลเมื่อไหร่ ”
“ ต๊าย พูดอะไรน่ากลัวเยี่ยงนั้น เขาเป็นหมากที่ข้าสู้อุตส่าห์ปั้นมาเสียดิบดีคงไม่เขี่ยทิ้งในเร็ววันนัก ถึงอย่างไรก็ต้องเดินในกระดานของเราไปจนจบแผน ”
“ แต่ข้าเริ่มจะทนหมอนี่ไม่ไหวแล้ว ”
กาเอลบอกด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก
“ เจ้าทนไม่ไหว เป็นเพราะเจ้าอิจฉาเขาใช่หรือไม่ ”
สตรีชุดแดงว่า
นั่นทำให้คนในชุดคลุมดำถึงกับยืดตัวตรง
“ ดารีลมีทุกอย่าง แต่เจ้ากาเอล เจ้าสูญสิ้นแล้วทุกอย่าง ซ้ำยังไม่อาจเรียกคืนแม้ความเป็นธรรมให้กับตัวเอง เจ้าเคยสูงศักดิ์แต่บัดนี้ไม่มีแม้แต่ตัวตน ต้องหลบซ่อนในถิ่นของศัตรู ไร้ซึ่งมิตรและผู้ที่สามารถไว้วางใจ ”
กาเอลเงียบกริบไม่ตอบโต้อันใด
นางที่นั่งอยู่ตรงข้ามจึงโน้มกายเข้ามาหา
สองมือประคองใบหน้าเขาไว้อย่างทะนุถนอมราวกับสิ่งของล้ำค่า
“ โถ โถ เด็กน้อยที่น่าสงสาร ต่อให้เจ้าสวมหน้ากากหนาเป็นสิบชั้นข้าก็รับรู้ถึงความเศร้าโศกของเจ้า โลกใบนี้ช่างโหดร้ายยิ่งนัก ใครไหนเลยที่จะเข้าใจความเจ็บปวดนี้ ไม่มี ไม่มีเลย แต่อย่าห่วงไป เพียงเราสองคนร่วมมือกันผู้คนทั้งหลายก็จะได้เรียนรู้ในสิ่งที่เจ้าพบเจอ เมื่อเจ้าไม่สามารถเรียกคืนสิ่งที่เสียไปได้ พวกเขาเหล่านั้นจะต้องชดใช้ให้อย่างเท่าเทียม ”
กาเอลปัดมือของนางออก
“ เลิกเล่นบทโศกเสียที ข้ามิได้เปราะบางเช่นนั้น มีอะไรจะพูดก็พูดมาเสียให้หมด ส่วนคำหวานเคลือบยาพิษของเจ้ากลืนมันลงไปเสียเถอะ ข้าไม่อยากรับรู้ ถ้ายังพล่ามอะไรฟังไม่รู้เรื่องอีกล่ะก็อย่าหาว่าไม่เตือน ”
“ เจ้านี่ปากร้ายจริง แต่ดิบเถื่อนแบบนี้ถูกใจข้ายิ่งนัก ”
นางว่าพลางส่งสายตาเย้ายวน
“ จริงสิวันนี้ข้าได้ฝากตำราไปกับวีแกน ตอนนี้ก็อยู่ในมือดารีลน้อยของเราเรียบร้อยแล้ว ข้าอยากให้แน่ใจว่าเขาจะปรุงยาตามสูตรที่ให้ไป และเจ้าจะต้องเป็นคนจัดการเรื่องนี้ ”
“ ถ้ามันสำคัญนักเหตุใดเจ้าไม่ปรุงเองล่ะ หรือไม่เชื่อมือตัวเองแล้ว แต่ไปให้ราคากับเด็กเมื่อวานซืนแทน ”
หนุ่มน้อยในชุดหน้ากากเหล็กเอ่ยถาม
เขาเอนกายไปด้านข้างเท้าคางด้วยมือข้างหนึ่ง
ท่าทางดูผ่อนคลาย
“ พูดได้ดี ใช่ต้องเป็นเขาเท่านั้น เพราะเขาเป็นหมากตัวแรกและเมื่อเขาติดกับคนอื่นๆ ที่เกี่ยวพันด้วยก็จะตกหลุมพรางตามๆ ไป เปรียบดังคนที่ถูกมัดขารวมกันไว้ เมื่อคนหนึ่งตกหน้าผาก็จะลากคนที่เหลือไปด้วย ถ้าเจ้าแน่ใจว่าดารีลยังอยู่ในเงื้อมมือ แผนนี้ไม่มีทางสะดุด ครูใหญ่วีแกนก็น่าสนใจ ไม่เสียแรงที่ข้าส่งไปหาเขา ใครจะรู้ว่าคนแบบนั้นสามารถทำให้แผนของเราราบรื่น ”
“ เรื่องล่อลวงคนไร้สติต้องยกให้เจ้า แล้วเด็กใหม่นั่นจะว่าอย่างไร เตรียมแผนอะไรไว้ให้หรือยัง ”
หญิงงามในชุดสีแดงจัดจ้านถอนหายใจยาว
“ ข้าต้องยอมรับว่าเรื่องนี้ผิดแผนไปมาก ข้าหวังว่าดาบโบราณที่ปรากฏจะเรียกความสนใจของผู้ใฝ่อำนาจ กลับกลายเป็นว่าดาบถูกเปลี่ยนที่ซ่อนเสียอย่างนั้น อาเธอร์นะอาเธอร์ ข้าเคยมองเห็นความทะเยอทะยานในตัวเขา ไม่นึกว่าเหนือกว่าความทะเยอทะยานก็คือความขี้ขลาด แต่เอาเถอะข้ายังมีหมากตัวอื่นที่พอจะทำหน้าที่แทนได้ ส่วนเด็กน้อยคนนั้น ข้าหลงใหลความกล้าหาญของเขานัก ขอเวลาศึกษาตัวตนของเขาอีกนิด บางทีเราอาจได้หมากดีๆ เพิ่มมาอีกตัวก็ได้ ว่าแต่เจ้าเถอะกาเอลในเวลานี้คิดจะทำอะไรกันแน่ ”
“ หึ ”
กาเอลขำแห้งๆ
“ คนของข้ายังไม่พร้อม แต่เจ้าดันลั่นระฆังสงครามเสียอย่างนั้น คิดว่าข้าจะทำอะไรล่ะ ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ