โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  135.61K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

45) วาลาน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ขณะเดินออกมากับท่านลอร์ดและคณะผู้คุ้มกัน   ดารีลมองเห็นอาจารย์ใหญ่วีแกนกำลังยืนคุยกับพ่อมดโธรินด้วนสีหน้าไม่สู้ดี   แต่ทั้งหมดก็ไม่ได้ใส่ใจต่างลงบันใดไปอย่างเร่งรีบ   จนเมื่อถึงโถงใหญ่ที่ประดับด้วยรูปสลักหินอ่อน   วีแกนก็เดินเข้ามาแทรก

 

“ ดารีลเจ้าต้องมากับข้า ”

 

อยู่ๆ เขาก็พูดขึ้น

 

“ ท่านนี่ไม่เคยมีมารยาทเลยสินะ ”

 

ลอร์ดเดเวอร์ลอสกล่าวตำหนิ

แต่ครูใหญ่วีแกนก็เดินเลยไปแล้ว

 

“ ท่านลอร์ดเราแยกกันตรงนี้เถอะ ”

 

ดารีลพูดกับคนเป็นปู่

 

“ เจ้าแน่ใจนะว่าจะไปกับหมอนั่น   คนอื่นไม่มีให้คบแล้วหรืออย่างไร ”

 

ลอร์ดเดเวอร์ลอสย่นจมูกทำท่าขยะแขยง

 

“ ข้ามีธุระ ”

 

“ ถ้าเช่นนั้นให้คนพวกนี้อยู่เฝ้า ”

 

เขาชี้ไปที่ทหารองครักษ์

 

“ ในปราสาทแห่งโอรีเวียนี่นะ   ท่านรู้หรือไม่ว่ากำลังทำให้ข้าดูแย่ ”

 

ดารีลว่า

 

“ เกิดเรื่องเมื่อคืนเจ้ายังจะเถียงอีก ”

 

คนอายุมากกว่าเสียงเข้ม

 

“ ถ้าเจอกับคนเมื่อคืน   ข้าบอกได้เลยว่าคนของท่านต่อให้มีเป็นร้อยก็ไร้ประโยชน์   ดูทหารเกราะทองของท่านวาลานเป็นตัวอย่างสิ   แต่อย่าห่วงไปเลยข้าไม่ใช่คนดื้อรั้น   สู้ไม่ได้ก็ถอยข้าไม่สู้จนตัวตายหรอก   อีกอย่างคนผู้นี้คงไม่ลงมือซ้ำสองในเร็ววันนัก   และเป้าหมายก็ไม่ใช่ข้าอีกด้วย   ท่านอย่ากังวลนักเลย ”

 

 

            เมื่อเหล่าสมาชิกสภาทยอยกันออกไปจนหมด   ไม่เว้นแม้แต่ผู้พิทักษ์หน้ากากทอง   ในห้องนั้นก็เหลือเพียงจอมวาลานกับที่ปรึกษาคนสนิท   เจ้าแห่งโอรีเวียในเวลานี้ดูแก่และทรุดโทรมเป็นอย่างมาก   ไม่เหมือนกับตอนที่อยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย   เขาก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารที่ได้มาในตอนประชุมอย่างละเอียด   ส่วนเบรนทรัสที่ปรึกษาของเขานั้นยืนเกาะขอบหน้าต่าง   สายตาทอดยาวออกไปไกล       

 

“ ท่านเจ้าแห่งโอรีเวีย   ข้ามีเรื่องอยากปรึกษาแต่ไม่แน่ใจว่าจะเหมาะสมหรือไม่ ”

 

อยู่ๆ เขาก็เอ่ยขึ้น

 

“ ว่ามา ”

 

วาลานพูดโดยไม่ยอมเงยหน้า

 

“ เรื่องเกี่ยวกับดารีลท่านเห็นว่าเขาเป็นอย่างไร ”

 

“ อ้อ   เด็กคนนั้นรึแล้วท่านมีปัญหาอะไรกับเขา   ดารีลยังเด็ก   แม้จะเก่งเพียงใดก็ตาม ”

 

วาลานว่า

 

“ ใช่และข้าเกรงว่าเขาอาจจะเก่งเกินไป   วันข้างหน้าอาจเป็นภัยใหญ่หลวงของท่าน ”

 

“ สิ่งที่มีประโยชน์ย่อมมีโทษควบคู่กัน   ข้ายังไม่กังวลเรื่องนี้ตราบที่ข้ายังสามารถควบคุมเขาได้ ”

 

“ ท่านไม่ประหลาดใจบ้างหรือ   เจ้าเด็กนั่นไม่สนิทกับใครเลยคนที่เขาไว้ใจกลับเป็นคนอย่างวีแกน   เจ้าคนไม่เอาไหนคนนั้น   ท่านต้องการเอาใจดารีลถึงกับยอมรับวีแกน   แต่ถึงกระนั้นสำหรับท่านแล้วยิ่งเดินเข้าไปหาเขากลับยิ่งทิ้งระยะห่าง   แบบนี้จะเรียกว่าควบคุมได้อย่างไรกัน   ในความเห็นของข้า   ถ้าไม่สามารถดึงมาเข้าพวกได้ก็ต้องรีบกำจัดเสียแต่เนิ่นๆ ตัดหนามเสียตั้งแต่ยังเล็กดีกว่าปล่อยให้กลายเป็นดงหนามยักษ์อย่างแน่นอน ”

 

เบรนทรัสแย้ง

 

“ เด็กคนนี้มีพรสวรรค์เรื่องปรุงยา ”

 

วาลานว่าพลางหมุนเก้าอี้มาทางที่ปรึกษา

 

“ ข้าต้องการใช้เขา   แต่เด็กนั่นมีทัศนคติที่ไม่ดีเกี่ยวกับการเป็นอมตะและการคืนชีพ   ดังนั้นหากเราใช้วิธีบีบบังคับผลออกมาย่อมเป็นไปในทางร้าย   สำหรับวีแกนแล้วก็เป็นได้แค่ตัวตลกเท่านั้นแม้จะพยายามเพียงใดก็ตาม   หมากตัวหนึ่งควบคุมยาก   หมากอีกตัวก็คือไอ้งั่งที่ลวงให้ไปทิศทางใดก็ได้   เราแค่เดินหมากตัวที่เดินง่าย   สำหรับดารีลแล้วการติดกับไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เอาเสียเลย ”

 

วาลานอธิบาย

 

“ แล้วเหตุใดท่านไม่ส่งเขาไปที่ป่าดำล่ะ   ข้าว่านั่นจะสามารถซื้อใจของเขาได้มากทีเดียว   เด็กคนนี้อยากรู้อยากเห็น   อีกอย่างเขาสามารถช่วยเรื่องหมอกพิษได้อย่างแน่นอน ”

 

“ ก็เพราะเขาสำคัญเกินกว่าจะส่งไปตายน่ะสิ   ถ้าเป็นเมื่อก่อนข้าอาจส่งไป   แต่ตอนนี้ข้าแน่ใจว่าพวกนิมฟ์ไม่ได้อยู่ในป่า   อาจจะบางส่วนหรือทั้งหมด   ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกโจมตีนอกอาณาเขตหมอก ”

 

“ อ้อ   เช่นนี้นี่เอง   แล้วเรื่องที่พวกนิมฟ์ออกมาจากป่า   ท่านคิดว่าเพราะเหตุใด ” 

 

ที่ปรึกษาถามต่อ

 

“ ข้าไม่สนใจเรื่องนั้น   เรื่องสำคัญคือในป่ามีอะไรแล้วเราจะเข้าไปได้อย่างไร   การที่คิดจะเข้าไปอันตรายยิ่งนัก   แต่เรื่องมันจะง่ายขึ้นถ้าเราจับนิมฟ์ตัวเป็นๆ ได้สักตัว   ดังนั้นข้าจึงให้ความสำคัญกับคาทุที่กำลังไล่ล่านิมฟ์มากกว่าที่จะรีบเดินฝ่าหมอกพิษเข้าป่าต้องห้าม ”

 

วาลานตอบ

 

“ แต่คำพูดหนึ่งของลีลิน่าก็น่าสนใจ ”

 

ที่ปรึกษาเบรนทรัสบอก

 

“ ป่าดำมีหมอกปกคลุมอยู่ตลอดก็จริงแต่ไม่เคยเป็นพิษ   แม้แต่ชาวบ้านท้องถิ่นยังรู้สึกประหลาดใจ   การที่ชาวนิมฟ์ต้องอพยพออกจากป่าอาจเป็นเพราะสาเหตุนี้ก็ได้   ข้าคิดว่าต้องมีความผิดปรกติบางอย่างเกิดขึ้น   นานนับพันปีมาแล้วที่พวกเขาไม่เคยก้าวขาพ้นแนวเขตป่า   บางทีหมอกพิษกับการล่มสลายของเมืองคาเลอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกัน   ชายหน้ากากเหล็กกับโรคระบาทก็เป็นเรื่องเดียวกัน ”  

 

ได้ยินดังนั้นวาลานก็ชะงักไป

 

“ ความคิดนี้น่าสนใจ ”

 

เขาว่า

 

“ ข้าคงต้องทบทวนใหม่อีกครั้ง ”

 

“ พูดถึงบุรุษหน้ากากเหล็กท่านอยากให้ข้าจัดการหรือไม่   คนผู้นั้นต้องมีแผนการบางอย่างแน่นอน   เขาอาจมีคนในโอรีเวียคอยหนุนหลัง   ปีนี้มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นมากมายเหลือเกิน   บางทีก้าวๆ แรกของบางสิ่งบางอย่างอาจเริ่มขึ้นแล้ว ”

 

เบรนทรัสเสนอ

 

“ ปล่อยไปก่อน ”

 

วาลานตอบ

 

“ ข่าวลือพวกนั้นข้าได้ยินเหมือนกัน   กองกำลังที่กระด้างกระเดื่องผู้คนที่เสื่อมศรัทธาต่อโอรีเวียและต่อข้า   คนผู้หนึ่งได้สร้างความสับสนวุ่นวายโดยการใช้โรคระบาดและความหวาดกลัว   ซึ่งนั่นเป็นผลดีเพราะเมื่อชีวิตตกอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ยาก   ความแข็งแกร่งถูกลดทอนไป   คนที่เป็นปรปักษ์ย่อมยากจะรวมตัวเพื่อโค่นล้มข้า ”

 

“ ถ้าอย่างนั้นก่อนงานนี้จะจบท่านอาจต้องสังเวยชีวิตไพร่พลไปพอสมควร ”

 

ที่ปรึกษาของเขาบอก

 

“ จะเป็นไรไปเสียล่ะถึงอย่างไรคนเหล่านั้นก็มีหน้าที่ต้องตายเพื่อข้า   จะตายในสถานการณ์แบบไหนก็ช่างปะไร   ถึงอย่างไรก็ได้ทำหน้าที่โดยสมบูรณ์แล้ว ”

 

วาลานตอบพลางยกจอกน้ำทองคำประดับเพชรพลอยขึ้นจิบ

 

“ ถ้าเช่นนั้นแล้วท่านปล่อยให้ดารีลคิดค้นยารักษาโรคระบาดไปทำไม ”

 

เบรนทรัสมีสีหน้าฉงน

 

“ ดารีลกำลังเรียนรู้   เขายังเด็กและขาดประสบการณ์ดังนั้นข้าจึงปล่อยให้เขาทำโน่นทำนี่ได้ตามใจ   เพียงแต่ต้องอยู่ในสายตาของข้าเท่านั้น   แน่นอนว่าเมื่อเขาเติบโตขึ้นเด็กคนนี้จะก่อประโยชน์อเนกอนันต์ให้แก่ข้า ”

 

“ และอย่าลืมว่า   ถ้าเด็กคนนี้ตกไปอยู่ในมือของคนอื่น   เขาก็จะก่อภัยอย่างมหาศาลเช่นกัน ”

 

ที่ปรึกษาของวาลานกล่าวเตือน

 

“ ข้าไม่ค่อยห่วงเรื่องนี้   ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนเก็บตัว   คนอื่นยากที่จะเข้าถึง ”

 

เบรนทรัสเอนกายพิงกรอบหน้าต่าง

แม้เขาจะชราแต่ก็ยังยืดหลังตรงและดูสง่ามากกว่าวาลานที่ในตอนนี้อยู่ในสภาพแก่หง่อม

 

“ แล้วท่านคิดว่าอะไรทำให้วีแกนได้ใจเด็กคนนั้นแทนที่จะเป็นท่าน ”

 

เขาเอ่ยถามเสียงราบเรียบ

 

“ คนหนึ่งเป็นเด็กกำลังซน   ใช่หลายคนอาจคิดว่าดารีลชอบอยู่ในกรอบแต่แท้ที่จริงเขานั้นดื้อเงียบ   ส่วนวีแกนก็บ้าบอ   สองคนเวลาอยู่ด้วยกันย่อมมีเรื่องสนุกสนานตามประสาแน่นอน ”

 

เบรนทรัสยืดตัวออกนอกหน้าต่างใบหน้าเงยขึ้นไปบนฟ้า  

วันนี้อากาศดีมีเมฆน้อยบ้านเมืองจึงพบกับแสงแดดอุ่นๆ

พระอาทิตย์ลอยเด่นเหนือยอดแหลมของปราสาท

 

“ ข้าจะไปที่อันดอรีส ”

 

ที่ปรึกษาวาลานบอก

 

“ กษัตริย์เอลาดอนแห่งเมืองอันดอรีสหายไปแบบนี้มันเรื่องอะไรกันแน่ ”

 

“ รีบไปรีบมาล่ะ   ทั้งหมดที่ข้าไว้ใจได้มีเพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้น ”

 

วาลานย้ำ

 

“ ไม่ต้องกังวลข้าจะกลับมาก่อนค่ำ ”

 

ว่าแล้วเขาก็ทิ้งตัวลงจากหน้าต่างเสื้อคลุมสีดำสะบัดตามแรงลม

ก่อนจะกลายร่างเป็นหงส์บินหายลับไป

ทิ้งไว้แต่วาลานที่งองุ้มกับเอกสารที่กองสุมอยู่บนโต๊ะ

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา