โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
7.3
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
188 บทที่
11 วิจารณ์
137.91K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
45) วาลาน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความขณะเดินออกมากับท่านลอร์ดและคณะผู้คุ้มกัน ดารีลมองเห็นอาจารย์ใหญ่วีแกนกำลังยืนคุยกับพ่อมดโธรินด้วนสีหน้าไม่สู้ดี แต่ทั้งหมดก็ไม่ได้ใส่ใจต่างลงบันใดไปอย่างเร่งรีบ จนเมื่อถึงโถงใหญ่ที่ประดับด้วยรูปสลักหินอ่อน วีแกนก็เดินเข้ามาแทรก
“ ดารีลเจ้าต้องมากับข้า ”
อยู่ๆ เขาก็พูดขึ้น
“ ท่านนี่ไม่เคยมีมารยาทเลยสินะ ”
ลอร์ดเดเวอร์ลอสกล่าวตำหนิ
แต่ครูใหญ่วีแกนก็เดินเลยไปแล้ว
“ ท่านลอร์ดเราแยกกันตรงนี้เถอะ ”
ดารีลพูดกับคนเป็นปู่
“ เจ้าแน่ใจนะว่าจะไปกับหมอนั่น คนอื่นไม่มีให้คบแล้วหรืออย่างไร ”
ลอร์ดเดเวอร์ลอสย่นจมูกทำท่าขยะแขยง
“ ข้ามีธุระ ”
“ ถ้าเช่นนั้นให้คนพวกนี้อยู่เฝ้า ”
เขาชี้ไปที่ทหารองครักษ์
“ ในปราสาทแห่งโอรีเวียนี่นะ ท่านรู้หรือไม่ว่ากำลังทำให้ข้าดูแย่ ”
ดารีลว่า
“ เกิดเรื่องเมื่อคืนเจ้ายังจะเถียงอีก ”
คนอายุมากกว่าเสียงเข้ม
“ ถ้าเจอกับคนเมื่อคืน ข้าบอกได้เลยว่าคนของท่านต่อให้มีเป็นร้อยก็ไร้ประโยชน์ ดูทหารเกราะทองของท่านวาลานเป็นตัวอย่างสิ แต่อย่าห่วงไปเลยข้าไม่ใช่คนดื้อรั้น สู้ไม่ได้ก็ถอยข้าไม่สู้จนตัวตายหรอก อีกอย่างคนผู้นี้คงไม่ลงมือซ้ำสองในเร็ววันนัก และเป้าหมายก็ไม่ใช่ข้าอีกด้วย ท่านอย่ากังวลนักเลย ”
เมื่อเหล่าสมาชิกสภาทยอยกันออกไปจนหมด ไม่เว้นแม้แต่ผู้พิทักษ์หน้ากากทอง ในห้องนั้นก็เหลือเพียงจอมวาลานกับที่ปรึกษาคนสนิท เจ้าแห่งโอรีเวียในเวลานี้ดูแก่และทรุดโทรมเป็นอย่างมาก ไม่เหมือนกับตอนที่อยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย เขาก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารที่ได้มาในตอนประชุมอย่างละเอียด ส่วนเบรนทรัสที่ปรึกษาของเขานั้นยืนเกาะขอบหน้าต่าง สายตาทอดยาวออกไปไกล
“ ท่านเจ้าแห่งโอรีเวีย ข้ามีเรื่องอยากปรึกษาแต่ไม่แน่ใจว่าจะเหมาะสมหรือไม่ ”
อยู่ๆ เขาก็เอ่ยขึ้น
“ ว่ามา ”
วาลานพูดโดยไม่ยอมเงยหน้า
“ เรื่องเกี่ยวกับดารีลท่านเห็นว่าเขาเป็นอย่างไร ”
“ อ้อ เด็กคนนั้นรึแล้วท่านมีปัญหาอะไรกับเขา ดารีลยังเด็ก แม้จะเก่งเพียงใดก็ตาม ”
วาลานว่า
“ ใช่และข้าเกรงว่าเขาอาจจะเก่งเกินไป วันข้างหน้าอาจเป็นภัยใหญ่หลวงของท่าน ”
“ สิ่งที่มีประโยชน์ย่อมมีโทษควบคู่กัน ข้ายังไม่กังวลเรื่องนี้ตราบที่ข้ายังสามารถควบคุมเขาได้ ”
“ ท่านไม่ประหลาดใจบ้างหรือ เจ้าเด็กนั่นไม่สนิทกับใครเลยคนที่เขาไว้ใจกลับเป็นคนอย่างวีแกน เจ้าคนไม่เอาไหนคนนั้น ท่านต้องการเอาใจดารีลถึงกับยอมรับวีแกน แต่ถึงกระนั้นสำหรับท่านแล้วยิ่งเดินเข้าไปหาเขากลับยิ่งทิ้งระยะห่าง แบบนี้จะเรียกว่าควบคุมได้อย่างไรกัน ในความเห็นของข้า ถ้าไม่สามารถดึงมาเข้าพวกได้ก็ต้องรีบกำจัดเสียแต่เนิ่นๆ ตัดหนามเสียตั้งแต่ยังเล็กดีกว่าปล่อยให้กลายเป็นดงหนามยักษ์อย่างแน่นอน ”
เบรนทรัสแย้ง
“ เด็กคนนี้มีพรสวรรค์เรื่องปรุงยา ”
วาลานว่าพลางหมุนเก้าอี้มาทางที่ปรึกษา
“ ข้าต้องการใช้เขา แต่เด็กนั่นมีทัศนคติที่ไม่ดีเกี่ยวกับการเป็นอมตะและการคืนชีพ ดังนั้นหากเราใช้วิธีบีบบังคับผลออกมาย่อมเป็นไปในทางร้าย สำหรับวีแกนแล้วก็เป็นได้แค่ตัวตลกเท่านั้นแม้จะพยายามเพียงใดก็ตาม หมากตัวหนึ่งควบคุมยาก หมากอีกตัวก็คือไอ้งั่งที่ลวงให้ไปทิศทางใดก็ได้ เราแค่เดินหมากตัวที่เดินง่าย สำหรับดารีลแล้วการติดกับไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เอาเสียเลย ”
วาลานอธิบาย
“ แล้วเหตุใดท่านไม่ส่งเขาไปที่ป่าดำล่ะ ข้าว่านั่นจะสามารถซื้อใจของเขาได้มากทีเดียว เด็กคนนี้อยากรู้อยากเห็น อีกอย่างเขาสามารถช่วยเรื่องหมอกพิษได้อย่างแน่นอน ”
“ ก็เพราะเขาสำคัญเกินกว่าจะส่งไปตายน่ะสิ ถ้าเป็นเมื่อก่อนข้าอาจส่งไป แต่ตอนนี้ข้าแน่ใจว่าพวกนิมฟ์ไม่ได้อยู่ในป่า อาจจะบางส่วนหรือทั้งหมด ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกโจมตีนอกอาณาเขตหมอก ”
“ อ้อ เช่นนี้นี่เอง แล้วเรื่องที่พวกนิมฟ์ออกมาจากป่า ท่านคิดว่าเพราะเหตุใด ”
ที่ปรึกษาถามต่อ
“ ข้าไม่สนใจเรื่องนั้น เรื่องสำคัญคือในป่ามีอะไรแล้วเราจะเข้าไปได้อย่างไร การที่คิดจะเข้าไปอันตรายยิ่งนัก แต่เรื่องมันจะง่ายขึ้นถ้าเราจับนิมฟ์ตัวเป็นๆ ได้สักตัว ดังนั้นข้าจึงให้ความสำคัญกับคาทุที่กำลังไล่ล่านิมฟ์มากกว่าที่จะรีบเดินฝ่าหมอกพิษเข้าป่าต้องห้าม ”
วาลานตอบ
“ แต่คำพูดหนึ่งของลีลิน่าก็น่าสนใจ ”
ที่ปรึกษาเบรนทรัสบอก
“ ป่าดำมีหมอกปกคลุมอยู่ตลอดก็จริงแต่ไม่เคยเป็นพิษ แม้แต่ชาวบ้านท้องถิ่นยังรู้สึกประหลาดใจ การที่ชาวนิมฟ์ต้องอพยพออกจากป่าอาจเป็นเพราะสาเหตุนี้ก็ได้ ข้าคิดว่าต้องมีความผิดปรกติบางอย่างเกิดขึ้น นานนับพันปีมาแล้วที่พวกเขาไม่เคยก้าวขาพ้นแนวเขตป่า บางทีหมอกพิษกับการล่มสลายของเมืองคาเลอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกัน ชายหน้ากากเหล็กกับโรคระบาทก็เป็นเรื่องเดียวกัน ”
ได้ยินดังนั้นวาลานก็ชะงักไป
“ ความคิดนี้น่าสนใจ ”
เขาว่า
“ ข้าคงต้องทบทวนใหม่อีกครั้ง ”
“ พูดถึงบุรุษหน้ากากเหล็กท่านอยากให้ข้าจัดการหรือไม่ คนผู้นั้นต้องมีแผนการบางอย่างแน่นอน เขาอาจมีคนในโอรีเวียคอยหนุนหลัง ปีนี้มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นมากมายเหลือเกิน บางทีก้าวๆ แรกของบางสิ่งบางอย่างอาจเริ่มขึ้นแล้ว ”
เบรนทรัสเสนอ
“ ปล่อยไปก่อน ”
วาลานตอบ
“ ข่าวลือพวกนั้นข้าได้ยินเหมือนกัน กองกำลังที่กระด้างกระเดื่องผู้คนที่เสื่อมศรัทธาต่อโอรีเวียและต่อข้า คนผู้หนึ่งได้สร้างความสับสนวุ่นวายโดยการใช้โรคระบาดและความหวาดกลัว ซึ่งนั่นเป็นผลดีเพราะเมื่อชีวิตตกอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ยาก ความแข็งแกร่งถูกลดทอนไป คนที่เป็นปรปักษ์ย่อมยากจะรวมตัวเพื่อโค่นล้มข้า ”
“ ถ้าอย่างนั้นก่อนงานนี้จะจบท่านอาจต้องสังเวยชีวิตไพร่พลไปพอสมควร ”
ที่ปรึกษาของเขาบอก
“ จะเป็นไรไปเสียล่ะถึงอย่างไรคนเหล่านั้นก็มีหน้าที่ต้องตายเพื่อข้า จะตายในสถานการณ์แบบไหนก็ช่างปะไร ถึงอย่างไรก็ได้ทำหน้าที่โดยสมบูรณ์แล้ว ”
วาลานตอบพลางยกจอกน้ำทองคำประดับเพชรพลอยขึ้นจิบ
“ ถ้าเช่นนั้นแล้วท่านปล่อยให้ดารีลคิดค้นยารักษาโรคระบาดไปทำไม ”
เบรนทรัสมีสีหน้าฉงน
“ ดารีลกำลังเรียนรู้ เขายังเด็กและขาดประสบการณ์ดังนั้นข้าจึงปล่อยให้เขาทำโน่นทำนี่ได้ตามใจ เพียงแต่ต้องอยู่ในสายตาของข้าเท่านั้น แน่นอนว่าเมื่อเขาเติบโตขึ้นเด็กคนนี้จะก่อประโยชน์อเนกอนันต์ให้แก่ข้า ”
“ และอย่าลืมว่า ถ้าเด็กคนนี้ตกไปอยู่ในมือของคนอื่น เขาก็จะก่อภัยอย่างมหาศาลเช่นกัน ”
ที่ปรึกษาของวาลานกล่าวเตือน
“ ข้าไม่ค่อยห่วงเรื่องนี้ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนเก็บตัว คนอื่นยากที่จะเข้าถึง ”
เบรนทรัสเอนกายพิงกรอบหน้าต่าง
แม้เขาจะชราแต่ก็ยังยืดหลังตรงและดูสง่ามากกว่าวาลานที่ในตอนนี้อยู่ในสภาพแก่หง่อม
“ แล้วท่านคิดว่าอะไรทำให้วีแกนได้ใจเด็กคนนั้นแทนที่จะเป็นท่าน ”
เขาเอ่ยถามเสียงราบเรียบ
“ คนหนึ่งเป็นเด็กกำลังซน ใช่หลายคนอาจคิดว่าดารีลชอบอยู่ในกรอบแต่แท้ที่จริงเขานั้นดื้อเงียบ ส่วนวีแกนก็บ้าบอ สองคนเวลาอยู่ด้วยกันย่อมมีเรื่องสนุกสนานตามประสาแน่นอน ”
เบรนทรัสยืดตัวออกนอกหน้าต่างใบหน้าเงยขึ้นไปบนฟ้า
วันนี้อากาศดีมีเมฆน้อยบ้านเมืองจึงพบกับแสงแดดอุ่นๆ
พระอาทิตย์ลอยเด่นเหนือยอดแหลมของปราสาท
“ ข้าจะไปที่อันดอรีส ”
ที่ปรึกษาวาลานบอก
“ กษัตริย์เอลาดอนแห่งเมืองอันดอรีสหายไปแบบนี้มันเรื่องอะไรกันแน่ ”
“ รีบไปรีบมาล่ะ ทั้งหมดที่ข้าไว้ใจได้มีเพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้น ”
วาลานย้ำ
“ ไม่ต้องกังวลข้าจะกลับมาก่อนค่ำ ”
ว่าแล้วเขาก็ทิ้งตัวลงจากหน้าต่างเสื้อคลุมสีดำสะบัดตามแรงลม
ก่อนจะกลายร่างเป็นหงส์บินหายลับไป
ทิ้งไว้แต่วาลานที่งองุ้มกับเอกสารที่กองสุมอยู่บนโต๊ะ
“ ดารีลเจ้าต้องมากับข้า ”
อยู่ๆ เขาก็พูดขึ้น
“ ท่านนี่ไม่เคยมีมารยาทเลยสินะ ”
ลอร์ดเดเวอร์ลอสกล่าวตำหนิ
แต่ครูใหญ่วีแกนก็เดินเลยไปแล้ว
“ ท่านลอร์ดเราแยกกันตรงนี้เถอะ ”
ดารีลพูดกับคนเป็นปู่
“ เจ้าแน่ใจนะว่าจะไปกับหมอนั่น คนอื่นไม่มีให้คบแล้วหรืออย่างไร ”
ลอร์ดเดเวอร์ลอสย่นจมูกทำท่าขยะแขยง
“ ข้ามีธุระ ”
“ ถ้าเช่นนั้นให้คนพวกนี้อยู่เฝ้า ”
เขาชี้ไปที่ทหารองครักษ์
“ ในปราสาทแห่งโอรีเวียนี่นะ ท่านรู้หรือไม่ว่ากำลังทำให้ข้าดูแย่ ”
ดารีลว่า
“ เกิดเรื่องเมื่อคืนเจ้ายังจะเถียงอีก ”
คนอายุมากกว่าเสียงเข้ม
“ ถ้าเจอกับคนเมื่อคืน ข้าบอกได้เลยว่าคนของท่านต่อให้มีเป็นร้อยก็ไร้ประโยชน์ ดูทหารเกราะทองของท่านวาลานเป็นตัวอย่างสิ แต่อย่าห่วงไปเลยข้าไม่ใช่คนดื้อรั้น สู้ไม่ได้ก็ถอยข้าไม่สู้จนตัวตายหรอก อีกอย่างคนผู้นี้คงไม่ลงมือซ้ำสองในเร็ววันนัก และเป้าหมายก็ไม่ใช่ข้าอีกด้วย ท่านอย่ากังวลนักเลย ”
เมื่อเหล่าสมาชิกสภาทยอยกันออกไปจนหมด ไม่เว้นแม้แต่ผู้พิทักษ์หน้ากากทอง ในห้องนั้นก็เหลือเพียงจอมวาลานกับที่ปรึกษาคนสนิท เจ้าแห่งโอรีเวียในเวลานี้ดูแก่และทรุดโทรมเป็นอย่างมาก ไม่เหมือนกับตอนที่อยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย เขาก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารที่ได้มาในตอนประชุมอย่างละเอียด ส่วนเบรนทรัสที่ปรึกษาของเขานั้นยืนเกาะขอบหน้าต่าง สายตาทอดยาวออกไปไกล
“ ท่านเจ้าแห่งโอรีเวีย ข้ามีเรื่องอยากปรึกษาแต่ไม่แน่ใจว่าจะเหมาะสมหรือไม่ ”
อยู่ๆ เขาก็เอ่ยขึ้น
“ ว่ามา ”
วาลานพูดโดยไม่ยอมเงยหน้า
“ เรื่องเกี่ยวกับดารีลท่านเห็นว่าเขาเป็นอย่างไร ”
“ อ้อ เด็กคนนั้นรึแล้วท่านมีปัญหาอะไรกับเขา ดารีลยังเด็ก แม้จะเก่งเพียงใดก็ตาม ”
วาลานว่า
“ ใช่และข้าเกรงว่าเขาอาจจะเก่งเกินไป วันข้างหน้าอาจเป็นภัยใหญ่หลวงของท่าน ”
“ สิ่งที่มีประโยชน์ย่อมมีโทษควบคู่กัน ข้ายังไม่กังวลเรื่องนี้ตราบที่ข้ายังสามารถควบคุมเขาได้ ”
“ ท่านไม่ประหลาดใจบ้างหรือ เจ้าเด็กนั่นไม่สนิทกับใครเลยคนที่เขาไว้ใจกลับเป็นคนอย่างวีแกน เจ้าคนไม่เอาไหนคนนั้น ท่านต้องการเอาใจดารีลถึงกับยอมรับวีแกน แต่ถึงกระนั้นสำหรับท่านแล้วยิ่งเดินเข้าไปหาเขากลับยิ่งทิ้งระยะห่าง แบบนี้จะเรียกว่าควบคุมได้อย่างไรกัน ในความเห็นของข้า ถ้าไม่สามารถดึงมาเข้าพวกได้ก็ต้องรีบกำจัดเสียแต่เนิ่นๆ ตัดหนามเสียตั้งแต่ยังเล็กดีกว่าปล่อยให้กลายเป็นดงหนามยักษ์อย่างแน่นอน ”
เบรนทรัสแย้ง
“ เด็กคนนี้มีพรสวรรค์เรื่องปรุงยา ”
วาลานว่าพลางหมุนเก้าอี้มาทางที่ปรึกษา
“ ข้าต้องการใช้เขา แต่เด็กนั่นมีทัศนคติที่ไม่ดีเกี่ยวกับการเป็นอมตะและการคืนชีพ ดังนั้นหากเราใช้วิธีบีบบังคับผลออกมาย่อมเป็นไปในทางร้าย สำหรับวีแกนแล้วก็เป็นได้แค่ตัวตลกเท่านั้นแม้จะพยายามเพียงใดก็ตาม หมากตัวหนึ่งควบคุมยาก หมากอีกตัวก็คือไอ้งั่งที่ลวงให้ไปทิศทางใดก็ได้ เราแค่เดินหมากตัวที่เดินง่าย สำหรับดารีลแล้วการติดกับไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เอาเสียเลย ”
วาลานอธิบาย
“ แล้วเหตุใดท่านไม่ส่งเขาไปที่ป่าดำล่ะ ข้าว่านั่นจะสามารถซื้อใจของเขาได้มากทีเดียว เด็กคนนี้อยากรู้อยากเห็น อีกอย่างเขาสามารถช่วยเรื่องหมอกพิษได้อย่างแน่นอน ”
“ ก็เพราะเขาสำคัญเกินกว่าจะส่งไปตายน่ะสิ ถ้าเป็นเมื่อก่อนข้าอาจส่งไป แต่ตอนนี้ข้าแน่ใจว่าพวกนิมฟ์ไม่ได้อยู่ในป่า อาจจะบางส่วนหรือทั้งหมด ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกโจมตีนอกอาณาเขตหมอก ”
“ อ้อ เช่นนี้นี่เอง แล้วเรื่องที่พวกนิมฟ์ออกมาจากป่า ท่านคิดว่าเพราะเหตุใด ”
ที่ปรึกษาถามต่อ
“ ข้าไม่สนใจเรื่องนั้น เรื่องสำคัญคือในป่ามีอะไรแล้วเราจะเข้าไปได้อย่างไร การที่คิดจะเข้าไปอันตรายยิ่งนัก แต่เรื่องมันจะง่ายขึ้นถ้าเราจับนิมฟ์ตัวเป็นๆ ได้สักตัว ดังนั้นข้าจึงให้ความสำคัญกับคาทุที่กำลังไล่ล่านิมฟ์มากกว่าที่จะรีบเดินฝ่าหมอกพิษเข้าป่าต้องห้าม ”
วาลานตอบ
“ แต่คำพูดหนึ่งของลีลิน่าก็น่าสนใจ ”
ที่ปรึกษาเบรนทรัสบอก
“ ป่าดำมีหมอกปกคลุมอยู่ตลอดก็จริงแต่ไม่เคยเป็นพิษ แม้แต่ชาวบ้านท้องถิ่นยังรู้สึกประหลาดใจ การที่ชาวนิมฟ์ต้องอพยพออกจากป่าอาจเป็นเพราะสาเหตุนี้ก็ได้ ข้าคิดว่าต้องมีความผิดปรกติบางอย่างเกิดขึ้น นานนับพันปีมาแล้วที่พวกเขาไม่เคยก้าวขาพ้นแนวเขตป่า บางทีหมอกพิษกับการล่มสลายของเมืองคาเลอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกัน ชายหน้ากากเหล็กกับโรคระบาทก็เป็นเรื่องเดียวกัน ”
ได้ยินดังนั้นวาลานก็ชะงักไป
“ ความคิดนี้น่าสนใจ ”
เขาว่า
“ ข้าคงต้องทบทวนใหม่อีกครั้ง ”
“ พูดถึงบุรุษหน้ากากเหล็กท่านอยากให้ข้าจัดการหรือไม่ คนผู้นั้นต้องมีแผนการบางอย่างแน่นอน เขาอาจมีคนในโอรีเวียคอยหนุนหลัง ปีนี้มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นมากมายเหลือเกิน บางทีก้าวๆ แรกของบางสิ่งบางอย่างอาจเริ่มขึ้นแล้ว ”
เบรนทรัสเสนอ
“ ปล่อยไปก่อน ”
วาลานตอบ
“ ข่าวลือพวกนั้นข้าได้ยินเหมือนกัน กองกำลังที่กระด้างกระเดื่องผู้คนที่เสื่อมศรัทธาต่อโอรีเวียและต่อข้า คนผู้หนึ่งได้สร้างความสับสนวุ่นวายโดยการใช้โรคระบาดและความหวาดกลัว ซึ่งนั่นเป็นผลดีเพราะเมื่อชีวิตตกอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ยาก ความแข็งแกร่งถูกลดทอนไป คนที่เป็นปรปักษ์ย่อมยากจะรวมตัวเพื่อโค่นล้มข้า ”
“ ถ้าอย่างนั้นก่อนงานนี้จะจบท่านอาจต้องสังเวยชีวิตไพร่พลไปพอสมควร ”
ที่ปรึกษาของเขาบอก
“ จะเป็นไรไปเสียล่ะถึงอย่างไรคนเหล่านั้นก็มีหน้าที่ต้องตายเพื่อข้า จะตายในสถานการณ์แบบไหนก็ช่างปะไร ถึงอย่างไรก็ได้ทำหน้าที่โดยสมบูรณ์แล้ว ”
วาลานตอบพลางยกจอกน้ำทองคำประดับเพชรพลอยขึ้นจิบ
“ ถ้าเช่นนั้นแล้วท่านปล่อยให้ดารีลคิดค้นยารักษาโรคระบาดไปทำไม ”
เบรนทรัสมีสีหน้าฉงน
“ ดารีลกำลังเรียนรู้ เขายังเด็กและขาดประสบการณ์ดังนั้นข้าจึงปล่อยให้เขาทำโน่นทำนี่ได้ตามใจ เพียงแต่ต้องอยู่ในสายตาของข้าเท่านั้น แน่นอนว่าเมื่อเขาเติบโตขึ้นเด็กคนนี้จะก่อประโยชน์อเนกอนันต์ให้แก่ข้า ”
“ และอย่าลืมว่า ถ้าเด็กคนนี้ตกไปอยู่ในมือของคนอื่น เขาก็จะก่อภัยอย่างมหาศาลเช่นกัน ”
ที่ปรึกษาของวาลานกล่าวเตือน
“ ข้าไม่ค่อยห่วงเรื่องนี้ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนเก็บตัว คนอื่นยากที่จะเข้าถึง ”
เบรนทรัสเอนกายพิงกรอบหน้าต่าง
แม้เขาจะชราแต่ก็ยังยืดหลังตรงและดูสง่ามากกว่าวาลานที่ในตอนนี้อยู่ในสภาพแก่หง่อม
“ แล้วท่านคิดว่าอะไรทำให้วีแกนได้ใจเด็กคนนั้นแทนที่จะเป็นท่าน ”
เขาเอ่ยถามเสียงราบเรียบ
“ คนหนึ่งเป็นเด็กกำลังซน ใช่หลายคนอาจคิดว่าดารีลชอบอยู่ในกรอบแต่แท้ที่จริงเขานั้นดื้อเงียบ ส่วนวีแกนก็บ้าบอ สองคนเวลาอยู่ด้วยกันย่อมมีเรื่องสนุกสนานตามประสาแน่นอน ”
เบรนทรัสยืดตัวออกนอกหน้าต่างใบหน้าเงยขึ้นไปบนฟ้า
วันนี้อากาศดีมีเมฆน้อยบ้านเมืองจึงพบกับแสงแดดอุ่นๆ
พระอาทิตย์ลอยเด่นเหนือยอดแหลมของปราสาท
“ ข้าจะไปที่อันดอรีส ”
ที่ปรึกษาวาลานบอก
“ กษัตริย์เอลาดอนแห่งเมืองอันดอรีสหายไปแบบนี้มันเรื่องอะไรกันแน่ ”
“ รีบไปรีบมาล่ะ ทั้งหมดที่ข้าไว้ใจได้มีเพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้น ”
วาลานย้ำ
“ ไม่ต้องกังวลข้าจะกลับมาก่อนค่ำ ”
ว่าแล้วเขาก็ทิ้งตัวลงจากหน้าต่างเสื้อคลุมสีดำสะบัดตามแรงลม
ก่อนจะกลายร่างเป็นหงส์บินหายลับไป
ทิ้งไว้แต่วาลานที่งองุ้มกับเอกสารที่กองสุมอยู่บนโต๊ะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ