โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
44) ห้องประชุมสภา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเช้าตรู่ของวันถัดมา ณ ห้องประชุมสภาผู้ใช้เวทมนตร์บนยอดหอคอยของปราสาทขาว โต๊ะสีดำขัดเงามันระยับตั้งอยู่ตรงกลางห้อง บนโต๊ะตัวนั้นเต็มไปด้วยอาหารนาๆ ชนิด เก้าอี้แต่เดิมทีมีสิบเอ็ดแต่ตอนนี้มีถึงสิบสาม เป็นเพราะเจ็ดปีที่แล้วได้มีสมาชิกเพิ่มมาถึงสองคน และที่พิเศษคือหนึ่งในนั้นเป็นคนธรรมดา
วาลานนั่งหัวโต๊ะ ฝั่งขวามือของเขาคือดารีลถัดมาก็เป็นลอร์ดเดเวอร์ลอส จากนั้นก็เป็นสมาชิกคนอื่นๆ ไล่เลียงกันไปตามระดับความสำคัญ ตามริมประตูหน้าต่างผู้พิทักษ์หน้ากากทองในชุดคลุมยาวสีขาวกระจายกันอยู่ ที่ผนังห้องด้านหนึ่งเป็นทหารชั้นสูงยืนเรียงแถวกันอย่างเป็นระเบียบ
“ เอาล่ะท่านเคียดันช่วยสรุปเรื่องเมื่อคืนนี้ที ”
เจ้าแห่งนครโอรีเวียเอ่ยขึ้น
“ เมื่อเวลาประมาณสามทุ่ม ใครบางคนได้ก่อเหตุร้ายด้วยการจุดไฟปีศาจก่อความวุ่นวายในงานเฉลิมฉลอง เหล่าทหารเกราะทองและทหารเกราะดำได้เข้าไประงับเหตุ ผลจากการประทะส่งผลให้เราเสียนักรบไปถึงสิบสามคน ”
พ่อมดร่างแก่หลังงองุ้มกล่าวรายงาน
“ และคนร้ายหนีไปได้มีใครเห็นหน้าผู้ก่อเหตุหรือไม่ ”
วาลานสรุปให้เสียงขรึมพร้อมกับถามคำถามต่อไป
“ ผู้รอดชีวิตบอกแต่ว่าเขาสวมชุดคลุมเข้มและหน้ากากเหล็กสีดำ เคลื่อนไหวว่องไวและเงียบราวกับเป็นเงา เชื่อหรือไม่แม้จะไม่เห็นหน้า แต่เขาก็มีลักษณะบางอย่างเหมือนสมาชิกบางคนที่อยู่ในห้องนี้ และเป็นเพียงผู้เดียวที่ไม่ได้อยู่ในงานตอนพิธีเปิด ทั้งที่ความจริงเขาต้องนั่งอยู่เคียงข้างท่านดังเช่นในเช้านี้ ”
จบคำพูดนั้นทุกสายตาก็จับจ้องมาทางเดียวคือฝั่งขวามือของท่านจอมวาลาน
“ เหลวไหล ”
ลอร์ดเดเวอร์ลอสตบโต๊ะดังปัง
“ คนของข้าบอกว่านอกจากทหารสองหน่วยนั้นแล้ว ดารีลคือนักเวทย์เขาคนเดียวที่ยืนหยัดต่อสู้กับมารร้ายตนนั้น เขาทั้งอายุน้อยทั้งอ่อนประสบการณ์ในขณะที่พวกท่านไปมุดอยู่ที่ใด เวลาเช่นนี้กลับปากกล้ายิ่งนัก ”
ดารีลเอื้อมมือไปกระตุกเสื้อคนเป็นปู่จากด้านหลังเพื่อให้เขาหยุดพูด
“ นั่นมันหลานท่านและก็สมุนของท่าน คำพูดเหล่านั้นล้วนขาดความน่าเชื่อถือ แต่สิ่งที่เรารู้ในตอนนี้คือไม่มีใครสามารถยืนยันที่อยู่ของเขาในเวลาเกิดเหตุได้ นอกจากนั้นเขายังใช้ผงยาสลบมอมเหล่าทหารในป่า เรื่องนี้เขาเป็นคนยอมรับเอง ”
เคียดันว่า
มีทหารสองสามนายส่งเสียงพึมพำทำนองว่าเห็นด้วย
“ คนของข้าบอกว่าเป็นเพราะผู้ใช้มนต์ดำหลบหนีไปแล้ว และทหารสองหน่วยกำลังสู้กันเอง ดารีลจึงให้เอายาสลบไปโปรยก่อนที่จะมีคนตายมากไปกว่านี้ ”
ลอร์ดเดเวอร์ลอสเถียง
“ พูดไปใครจะเชื่อ เขาวางยาพวกเราเพื่อให้ถูกสังหารง่ายขึ้นต่างหาก ”
นายทหารคนหนึ่งว่า
“ หุบปาก ข้ายังไม่อนุญาตห้ามใครออกความคิดเห็นทั้งนั้น ”
วาลานตวาดพลางหันไปทางดารีล
ซึ่งขณะนี้กำลังตักกินซุปบีทรูทสีแดงสดจากชามทองคำอย่างไม่เดือดร้อน
ราวกับไม่ได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่
“ เป็นอะไรไปดารีล อาหารไม่อร่อยหรือเหตุใดทานแค่ซุบแบบนั้น ”
วาลานถาม
“ หมู่นี้เจ้าผอมลงไปนะต้องทานอาหารให้มากกว่านี้ ”
น้ำเสียงและกิริยาของเขานั้นอ่อนโยนราวกับกำลังเอาใจหลานชายคนโปรด
ดารีลไม่ตอบเราเพียงแต่หันไปยิ้มให้ด้วยสายตาใสซื่อราวกับเด็กน้อย
“ อยากได้อะไรเพิ่มก็จงบอก ข้าสามารถหาให้เจ้าได้ทุกอย่าง ”
“ ฝ่าบาทท่านได้ฟังที่ข้าบอกหรือไม่ ”
เคียดันเริ่มมีอารมณ์ขุ่นมัว
“ เอาล่ะข้าฟังจบแล้วนั่งลงได้ ”
วาลานตอบแบบไร้ซึ่งความใส่ใจ
พ่อมดเฒ่าจึงนั่งลงอย่างอารมณ์ไม่สู้ดี
“ ฝ่าบาทขออนุญาตที่ข้าต้องลุกขึ้น ”
ชายร่างอ้วนในชุดคลุมสีม่วงพูดขึ้นบ้าง
“ แต่เมื่อคืนข้าอยู่กับดารีล ดังนั้นเขาไม่มีทางเป็นชายปริศนาหน้ากากเหล็กไปได้ และเขายังเป็นคนต้านทานกับมังกรไฟปีศาจที่ลานหน้าอนุสาวรีย์และข้าไล่ตามคนร้ายไป ไม่นึกว่าจะไปพบเข้ากับกลุ่มนักรบจนเกิดความสูญเสีย ”
“ โอ้อวดยิ่งนัก ช่วยบอกข้าทีวีแกน ว่าท่านไล่ตามคนที่สังหารนักรบพร้อมกันสิบสามคนได้อย่างไร ถ้าท่านสามารถถึงเพียงนั้นเหตุไดไม่ลงสนามไปที่หุบเขามรณะนั่น จะมานั่งเบื้อเป็นครูใหญ่อยู่ที่นี่ไปเพื่อ ”
คนที่นั่งข้างวีแกนกล่าวเสียงเย้ยหยัน
“ มันไม่ใช่ธุระของข้านี่นา ท่านจะหาว่าข้าโอ้อวดไม่ได้ ผลงานข้ามีมากมาย อย่างๆ ”
ครูใหญ่วีแกนอึกอักพลางหันไปมองดารีลเป็นเชิงขอความช่วยเหลือ
แต่เด็กหนุ่มส่ายหน้าช้าๆ มองกลับมาด้วยสายตาคมกริบ
เขาจึงนั่งลงอย่างเงียบเชียบ
“ ดีมีนเรื่องของท่านไปถึงไหนแล้ว ”
ท่านวาลานเหมือนจะหมดความสนใจในเรื่องเมื่อคืนไปแล้ว
“ ฝ่าบาทโรคระบาดในซีนาร์ยได้ยุติลงแล้ว แต่ความเสียหายนั้นมากมายนัก ”
“ นั่นไงๆ ใช่แล้ว ยารักษาโรคละบาดข้าเป็นคนคิดค้น เห็นไหมในนี้ใครทำได้ ไม่มี ข้าเอง ข้าเท่านั้น อย่างท่านมีผลงานอะไรกล้าหาว่าข้าโอ้อวด ท่านมันแค่ตาแก่ปากดีขี้อิจฉา ”
วีแกนลุกพรวดขึ้นปากก็พล่ามไม่หยุด
ทุกคนหันไปจับจ้องเขาทั่วทั้งห้องเงียบกริบ
เว้นแต่ดารีลที่หลบตาทำทีประหนึ่งว่าไม่รู้จักกัน
เหมือนกับว่าครูใหญ่วีแกนจะเพิ่งได้สติเขาจึงนั่งลงอย่างขัดเขิน
“ ท่านดีมีนข้าให้ท่านไปทำเรื่องสำคัญในเมืองร้าง ไม่คิดว่าท่านจะเลอะเลือนจนลืมคำสั่ง ซีนาร์ยอะไรกันนั่นไม่ได้อยู่ในแผนสักนิด ”
วาลานพูดกับพ่อมดเฒ่าราวกับว่าเมื่อครู่ไม่ได้ถูกขัดจังหวะ
“ ถ้าเป็นเรื่องนั้นข้ายังไม่พบความผิดปรกติใด มันเงียบมากเงียบจนน่าตกใจ แต่สิ่งชั่วร้ายหรืออะไรที่เรากังวลไม่ได้ปรากฏที่นั่น ”
พ่อมดดีมีนรายงาน
“ เอาล่ะข้าเข้าใจแล้วนั่งลงได้และเตรียมตัวไปยังจุดต่อไปที่ข้าให้ไปสำรวจ ”
วาลานผายมือให้เขานั่งลง
“ ฝ่าบาทแล้วเรื่องของซีนาร์ย ”
ดีมีนยังพยายามต่อ
“ ข้าจะพิจารณาหาคนที่สมควรไป ท่านก็รู้ตอนนี้เรามีภาระมาก ข้าต้องจัดการเรื่องอื่นที่สำคัญกว่า และท่านก็สำคัญเกินกว่าจะไปทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง ”
ท่านจอมวาลานว่า
ดีมีนจึงนั่งลงแล้วถอนหายใจ
“ ท่านลีลิน่าถึงตาท่านแล้ว ”
เขาหันไปทางแม่มดในชดคลุมสีเขียวอมเทา
“ ข้าเดินทางไปถึงป่าดำตามคำบอกของท่านและพบว่าป่าเต็มไปด้วยหมอก ”
“ แต่ป่าแถบนั้นมีหมอกหนาเป็นเรื่องปรกติ เรื่องแบบนี้ต้องรายงานด้วยหรือ ”
พ่อมดคนหนึ่งแย้ง
“ แต่มันคือหมอกพิษและหมอกนั่นก็คืบคลานออกมาเรื่อยๆ ชาวบ้านในละแวกนั้นหวาดกลัวกันมากพวกเขายังยืนยันอีกว่า เพิ่งเห็นหมอกแบบนี้เกิดขึ้นเมื่อสิบห้าปีที่แล้ว ”
เมื่อได้ยินดังนั้น
ดารีลที่กำลังพลิกดูลวดลายบนขนมอย่างตั้งใจก็เงยหน้าขึ้น
แล้วก็กลับไปสนใจสิ่งเดิมต่อ
“ ท่านมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ”
วาลานถาม
“ เบื้องต้นข้ายังไม่ทราบชนิดพิษของหมอกนั่น แต่ต่อให้เรากำจัดพิษได้ ด้วยความที่เป็นป่าทึบ หากบุ่มบ่ามเข้าไปถ้าถูกลอบโจมตีก็มีแต่จะเสียเปรียบ ”
นางบอกแล้วตั้งคำถามกับวาลานต่อ
“ ว่าแต่เวลาเช่นนี้ ท่านมองหาอะไรในป่านั่น ”
“ ข้ามองหาสิ่งที่จะเยียวยาพลเมืองทั้งหลายจากคำสาป พวกเจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ ”
“ พิษหมอกนั่นอาจเกิดจากพืชบางชนิด ท่านไม่ลองส่งข้าไปล่ะ ”
เสียงละมุนหูของดารีลดังขึ้น
มือข้างหนึ่งของเขายังชูค้างอยู่เมื่อวาลานหันมามอง
“ เด็กดี ข้ารู้เจ้ามีความสามารถ แต่เจ้าก็เคยอ่านตำราเก่าๆ เกี่ยวกับป่าดำมาแล้ว คงเข้าใจเหตุผลที่ข้าจะไม่มีวันส่งเจ้าไปนะ ”
วาลานลูบหัวของเขาอย่างอบอุ่น
พ่อมดวันเยาว์ทำแก้มป่องเล็กน้อยเหมือนเด็กโดนขัดใจ
“ ท่านวาลานแล้วเรื่องชายหน้ากากเหล็ก ”
เคียดันว่า
เพราะเรื่องของเขาดูเหมือนจะถูกข้ามไปเฉยๆ
“ ข้าเห็นพลังของเขาแล้ว เป็นคนๆ เดียวกับที่ก่อเรื่องทุกปีไม่ได้มีอะไรใหม่ เป็นแค่พวกก่อกวนไม่มีน้ำยาเหตุใดต้องใส่ใจ ”
วาลานว่า
“ แต่ปีนี้เขาสังหารคนของเราไปสิบสามคน ยังไม่รวมกับประชาชนที่บาดเจ็บล้มตายในกองไฟนั่น ”
เคียดันบอก
“ ถึงอย่างไรข้าก็เห็นเป็นความคึกคะนอง ข่าวลือต่างๆ ทำให้เกิดคนประเภทนี้ได้ ถ้าเขาต้องการจะสังหารหมู่จริงคงมีความสูญเสียมากกว่านี้ ท่านมีเรื่องจะพูดเท่านี้หรือ ”
“ ถ้าท่านเห็นว่าเรื่องนี้เล็กน้อยข้าก็หมดเรื่องที่จะพูดแล้ว ”
พ่อมดคนนั้นกล่าวแล้วนั่งลงด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“ คาทุแล้วภารกิจของท่านเป็นอย่างไรบ้าง ”
“ ข้ามีเรื่องน่าประหลาดใจ ”
พ่อมดคาทุเล่า
“ ว่ามา ”
“ ข้าเดินทางไปตามเมืองต่างๆ ตามคำสั่งของท่าน และในชนบทห่างไกลข้าค้นพบเด็กหญิงคนหนึ่ง อายุต่ำกว่าสิบปี ”
มีเสียงพึมพำดังขึ้น
“ ท่านแน่ใจสิ่งนี้ ”
วาลานถามย้ำ
“ ด้วยพลังของข้า ข้าย่อมรู้ดี ”
“ แล้วเหตุใดท่านไม่พานางมาพบข้า ”
“ นางเดินทางมากับคนกลุ่มหนึ่ง พวกเขาล้วนแต่งกายด้วยชุดคลุมดำและหายไปอย่างไร้ร่องรอยในตอนเช้า ”
พ่อมดคาทุอธิบาย
“ เรื่องนี้ดูไม่สมเหตุสมผลเป็นอย่างมาก ”
พ่อมดโธรินว่า
“ ถ้ามีใครสามารถต้านทานคำสาปได้ย่อมต้องอยากแสดงตัว เพื่อประโยชน์ของคนหมู่มากหรืออย่างน้อยก็เพื่อชื่อเสียง แต่นี่กลับหนีหายไปอย่างลึกลับ ”
เขากล่าวต่อ
“ เอาล่ะๆ ”
วาลานยกมือห้าม
“ ข้อมูลท่านมีประโยชน์มากและมากที่สุดในตอนนี้ ดังนั้นจงตามหาต่อไป สะกดรอยอย่าให้ใครรู้ตัวจนพบว่าพวกเขาพักอยู่ที่ใดแล้วมารายงานข้า ”
“ รับทราบขอรับท่าน ”
คาทุก้มหัวและนั่งลง
“ ท่านเบรนทรัสขอแผนที่ให้ข้าที ”
วาลานพูดกับที่ปรึกษาที่ยืนอยู่ข้างหลัง
ชายคนนั้นยื่นม้วนกระดาษหนังวัวอ่อนข้ามไหล่มาให้
จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่กางมันออกเหนือโต๊ะไม้สีดำตัวนั้น
“ เดี๋ยวก่อน ท่านเชื่อคำพูดของเขาหรือ คำกล่าวแบบไม่มีหลักฐานเช่นนี้ถึงอย่างไรก็ต้องตรวจสอบก่อน ไม่อย่างนั้นทิศทางการทำงานของเราจะเป็นอย่างไร ถ้าเกิดว่ามันเป็นแค่เรื่องโกหกหรือเรื่องเข้าใจผิด ถ้าเรามุ่งไปทางนั้นไม่ใช่ว่าจะเสียเวลาเปล่าหรือ ”
โธรินว่า
แต่ดูเหมือนวาลานจะไม่สนใจฟัง
เขาลากนิ้วไปตามแผนที่
“ ที่ไหนนะที่เจ้าพบเด็ก ”
เขาหันไปถามคาทุ
“ มันเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ใกล้กับเทือกเขาพาทออฟเฮฟเว่น ”
“ โกล มันคือหมู่บ้านโกล ”
ที่ปรึกษาของวาลานตอบมาจากด้านหลัง
“ ใช่ๆ นั่นหล่ะ ข้าเพียงแต่ไม่แน่ใจ อีกอย่างพวกคนในหมู่บ้านดูหวาดระแวงคนต่างถิ่นเป็นอย่างมาก ข้าจึงหาข้อมูลได้อย่างยากลำบาก ”
พ่อมดคาทุบอก
“ ไม่เป็นไรเจ้าทำดีแล้ว ”
วาลานกล่าว
ซึ่งนั่นทำให้พ่อมดคาทุยิ้มหน้าบาน
“ เอาล่ะมีใครจะรายงานอะไรอีกไหม ”
เจ้าแห่งโอรีเวียหันไปรอบๆ โต๊ะ
“ กษัตริย์แห่งอัลดอรีสหายตัวไป ”
แม่มดเรนนาย่ากล่าวพลางลุกขึ้น
“ และข่าวลือเกี่ยวกับการแอบซ่องสุมกองกำลังของชนบางกลุ่ม ”
โธรินขำพรืด
“ นี่เจ้ากล้าเล่าเรื่องเหลวไหลในห้องประชุมสภาหรือ เรนนาย่าเจ้าคิดว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ ข่าวแบบนั้นข้าได้ยินทุกวัน โดยเฉพาะจากพวกขี้เมาในร้านเหล้า ”
“ แล้วท่านเข้าไปทำอะไรในที่เสื่อมอย่างนั้นเล่า ”
เรนนาย่าถามกลับ
พ่อมดโธรินไม่ตอบ
แต่แก้มสองข้างแดงจัดด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด
“ พอได้แล้ว ”
วาลานห้ามก่อนที่เรื่องจะบานปราย
“ เรนนาย่าเจ้ามีอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ”
“ โรคระบาดค่ะท่าน มันจบจากซีนาร์ยแต่มันไปเกิดที่อื่น และที่สำคัญมันใกล้โอรีเวียเข้ามาทุกที ”
“ เรื่องนั้นข้าไม่ห่วง ”
วาลานบอก
“ ไม่ห่วงไม่ได้นะท่านถ้ามาถึงโอรีเวียเมืองนี้คงเกิดจลาจล ”
แม่มดสาวบอกเสียงตระหนก
“ จะกลัวอะไรไปเล่าในเมื่อเรามีท่านวีแกนอยู่ทั้งคน ”
เจ้าแห่งโอรีเวียผายมือไปทางครูใหญ่
วีแกนตบอกผางแล้วหัวเราะเสียงดัง
ทำเอาหลายคนในนั้นต้องส่ายหน้าด้วยความระอา
“ มีใครจะกล่าวอะไรอีกไหม ”
วาลานว่า
ทั้งห้องเงียบกริบ
“ ดี ถ้าอย่างนั้น ”
มีเลียงกระแอมดังขัดขึ้นเสียก่อน
“ อ้า ท่านโธรินเชิญ ”
“ เรียนฝ่าบาท ”
โธรินลุกขึ้นอย่างสง่าผ่าเผย
พูดด้วยเสียงนอบน้อมสุดขีดราวกับกำลังเสแสร้ง
“ ตัวข้านั้นเป็นคนกว้างขวาง มีสายข่าวมากมายเพราะผู้คนล้วนนับหน้าถือตา สิ่งที่ท่านอื่นๆ ว่ามานั้นข้าได้ยินมาก่อนนานแล้วด้วย เพียงแต่ว่าข้าไม่อยากทำเป็นแตกตื่นให้เสียกิริยา ด้วยความสัจจริงฝ่าบาท ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาข้านั้นทำงานอย่างหนักแข่งกับเวลา รู้ว่าอีกไม่นานจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นอย่างจริงแท้แน่นอน แต่ถึงกระนั้นข้อมูลทุกอย่างควรจะถูกต้องชัดเจน ไม่ใช่เอาข่าวลอยลมมาพูดกันให้เสียขวัญ ชีวิตข้านั้นทุ่มเทแล้วเพื่อส่วนรวม ดังนั้น ”
คำพูดของเขาสะดุดลงเมื่อเรนนาย่ายกมือขึ้น
“ ขอสรุปสามคำสั้นๆ ได้หรือไม่ ตอนนี้ข้ารู้สึกอาหารเป็นพิษขืนช้าไปกว่านี้คงได้คายของเก่าออกมาแน่ ”
นางว่า
“ ถ้าอย่างนั้นท่านโธรินช่วยรวบรัดที ”
วาลานเห็นด้วย
“ อ้า อ้อ คือข้าแค่อยากจะบอกว่าตอนนี้ข้ามีข้อมูลอยู่กับตัวมากมาย รอให้ข้าสรุปทุกอย่างเสียก่อน ฝ่าบาทจะต้องได้ข่าวใหญ่อย่างที่ไม่มีใครทำได้แน่นอน ”
พ่อมดคนนั้นว่าแล้วนั่งลงด้วยท่าทีขัดเคือง
“ ดี ทำได้ดี ”
วาลานว่า
จากนั้นก็หันไปทางพ่อมดที่อายุน้อยที่สุดในห้องประชุม
“ เด็กดีของข้า มีอะไรจะกล่าวหรือไม่ ”
ดารีลเงยหน้าขึ้น
สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่เขา
เจ้าของใบหน้างดงามสมบูรณ์แบบส่ายหัวเบาๆ
“ ไม่เอาน่า พูดอะไรหน่อยสิ ข้าอยากให้เจ้าฝึกเอาไว้ มันจะดีกับเจ้าในอนาคต ”
วาลานยังคงรบเร้า
“ เมื่อคืนมีคนร่ายมนต์ดำในโอรีเวีย ”
ดารีลว่า
“ อิโธ่ นี่หรือเรื่องที่จะพูดเขารู้กันหมดแล้ว ไม่บอกด้วยล่ะว่าเป็นฝีมือเจ้าเอง ”
“ หุบปาก ”
ไม่ทันที่โธรินจะเย้ยจบวาลานก็ตวาดเสียงดัง
พ่อมดคนนั้นถึงกับหน้าซีด
“ ว่ามาสิเจ้าเห็นเป็นอย่างไร ”
เสียงที่พูดกับดารีลนั้นเอ็นดูยิ่งนัก
“ ข้าคิดว่าถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง คนผู้นั้นอาจก่อความยากลำบากให้พวกเราได้ อย่างน้อยเรื่องที่เกิดขึ้นก็สะเทือนความน่าเชื่อถือของสภา เพราะเขาก่อเหตุในพื้นที่ของปราสาทขาว รวมกับข่าวลือที่ไม่ควรกล่าวถึงอีก มันสามารถรวมเป็นเรื่องเดียวกันได้ ”
“ ฉลาดมาก เจ้าอ่านความคิดของผู้ก่อเหตุได้ขาดทีเดียวเด็กน้อยเอ๋ย แต่คนผู้นั้นยังไม่แกร่งพอ เขายังทำไม่สำเร็จในเร็ววันอย่างแน่นอน แต่ถ้าเจ้าวิตกปีหน้าข้าจะเพิ่มกองกำลังให้เต็มป่า อย่าให้ใครจุดพลุไฟได้แม้แต่คนเดียว แบบนี้เป็นอย่างไร ”
ดารีลไม่ตอบเขาเพียงหยิบขนมขึ้นมากินเงียบๆ
“ เอาล่ะๆ การประชุมวันนี้เป็นอันสิ้นสุด ข้ามีจดหมายปิดผนึกสำหรับทุกท่าน มันคือภารกิจต่อไป ”
วาลานว่าพลางส่งสัญญาณให้ที่ปรึกษา
จดหมายถูกส่งต่อไปยังทุกคนเว้นแต่ดารีลคนเดียวเท่านั้น
เจ้าแห่งโอรีเวียเคยให้เหตุผลว่าเพราะดารีลสามารถคิดเองได้
เขาจึงไห้อิสระแต่มีข้อแม้ว่าต้องอยู่ในสายตาของวาลานตลอดเวลา
เมื่อได้รับจดหมายแล้วทุกคนก็ลุกออกไป
ดารีลก็เช่นกันแต่เจ้าแห่งโอรีเวียคว้าแขนเอาไว้เสียก่อน
“ เจ้าอยากไปที่บ้านของข้าหรือไม่ ที่นั่นมีวัตถุวิเศษของแปลกๆ ที่เจ้าจะต้องสนใจ รวมทั้งหนังสือตำราเก่าแก่ ”
“ เขาจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ”
ท่านลอร์ดเดเวอร์ลอสว่าพลางคว้าไหล่หลานชาย
“ ข้าเหนื่อยมากคิดว่าต้องพักผ่อน ”
ดารีลตัดบท
“ เอาอย่างนั้นก็ได้ แต่อย่าลืมนะประตูบ้านของข้าเตรียมเปิดรับเจ้าเสมอ ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ