โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  137.62K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

23) เรื่องราวของดารีล

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ทันทีที่พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า   แสงสีแดงเลือนหายไปกับความมืด   กำแพงใหญ่มองเห็นเป็นสีดำทอดยาวเหยียดในทุ่ง   เปลวเพลงปรากฏขึ้นเหนือกำแพงเป็นระยะๆ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ   ทหารยามช่วยกันหมุนฟันเฟือง   บานประตูเหล็กกล้าก็เลื่อนเข้าหากันจนปิดสนิท    หัวหน้าทหารยามจึงเป่าแตรขึ้นคบเพลิงขนาดใหญ่เหนือประตูก็ลุกพรึบ   เปลวไฟสีส้มแสดลุกโชติช่วง
 
“ คบไฟทั้งเจ็ดถูกจุดแล้วครับ ”
 
ทหารนายหนึ่งปีนกลับลงมาจากหอสูงเพื่อรายงาน  
หัวหน้าตามเฝ้าประตูพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ
 
“ ดีแล้วล่ะ ”
 
เขาตอบ
 
“ คบเพลิงทั้งเจ็ดหรือเหตุใดข้าเห็นเพียงแค่อันเดียว ”
 
ฟิโลโซเฟอร์สงสัย
 
“ กำแพงโอรีเวียมีประตูเจ็ดบาน   และเหนือประตูทุกด้านจะมีคบเพลิงตั้งอยู่   เจ้าต้องปีนขึ้นไปบนนั้นจึงจะมองเห็นทั้งหมด ”
 
อาเธอร์ชี้มือไปยังหอสูง
 
“ ใช่แล้ว   เมื่อประตูปิดเราก็จุดไฟ   หากประตูบานใดไม่จุดไฟแสดงว่าที่นั่นเกิดปัญหา ”
 
เนเมนเสริมขึ้น
 
“ พ่อมดที่นี่มีองครักษ์ด้วยหรือ ”
 
คาโลไรน์ถามขึ้นบ้าง
เพราะแม่มดขาวที่ซีนาร์ยหรือแม้แต่พ่อมดดีมีนต่างก็เป็นผู้สันโดษ
ไม่เห็นว่าจะมีผู้ติดตามมากมายอย่างนี้
 
“ คนเดียวนั่นแหละที่ต้องมีองครักษ์   ถ้าเดาไม่ผิดเจ้าคงหมายถึงพ่อมดน้อยดารีลใช่หรือไม่ ”
 
เมเนนพูดกลั้วเสียงหัวเราะ
 
“ เขายังเด็กอยู่เลย   ดูเหมือนจะแก่กว่าฟิโลโซเฟอร์ไม่กี่ปี   ข้าไม่เคยเห็นพ่อมดที่อายุยังน้อยแต่มีพลังมากมายอย่างนี้ ”
 
อาเธอร์ว่าบ้าง
 
“ เกิดอะไรขึ้นกับเขาล่ะหรือมีคนปองร้าย ”
 
คาโลไรน์ถาม
 
“ ไม่มีอะไรทั้งนั้น   เพียงแค่เขาเป็นหลานชายคนเดียวของหลอดเดเวอร์ลอส ” 
  
“ ลอร์ดเดเวอร์ลอส   ท่านเดเวอร์ลอสน่ะหรือ  แต่เชื้อสายของเขาไม่มีใครเป็นผู้ใช้เวทย์มนต์นี่นา   เด็กคนนี้เป็นบุตรของใครกันล่ะ ”
 
“  ว่ากันว่าบิดาของเขาคือดาเรน   ตายในสงครามหรือไม่ก็เป็นบ้าไปแล้วนี่ล่ะ   ส่วนมารดาของเขาก็ไม่เคยปรากฏนาม   บางทีนางอาจเป็นแม่มดแสนงาม   คงละอายแก่ใจที่มีรักกับคนธรรมดา   แถมเป็นคนในตระกูลลอร์ดเดเวอร์ลอส   จึงทิ้งเขาไปตั่งแต่ดารีลเพิ่งจะคลอด    ลอร์ดเดเวอร์ลอสเป็นผู้ชุบเลี้ยงเขามานับตั้งแต่นั้น ”
 
หัวหน้ายามเล่า
  
“ เป็นไปไม่ได้   มารดาที่ไหนจะทิ้งลูกตั้งแต่ยังเล็ก   แล้วตระกูลของลอร์ดเดเวอร์ลอสไม่ดีอย่างไร   เหตุใดนางจึงหนีหน้า ”
 
คาโลไรน์ว่า
 
“ เรื่องนี้จัดเป็นหนึ่งในเรื่องลึกลับของโอรีเวีย   จริงเท็จไม่มีใครรู้แน่   ที่ล่ำลือกันก็ล้วนแล้วแต่คิดเดาไปเอง   แต่คงมีเค้าความจริงอยู่บ้าง   เจ้าถามข้าข้าก็ว่าตามชาวบ้าน   ส่วนเรื่องของตระกูลลอร์ดเดเวอร์ลอส   อาเธอร์เจ้ารู้ดีนี่นา ”
 
เนเมนบอก
เขาเริ่มหั่นไก่ออกเป็นชิ้นๆ วางบนจานอย่างเป็นระเบียบ
กาต้มน้ำเดือดปุดๆ ส่งควันสิขาวลอยออกมาอย่างต่อเนื่อง
 
อาเธอร์นึกทบทวนอดีตที่ผ่านมาดาเรนชื่อนี้คุ้นมาก
พวกเขาเป็นนักเรียนรุ่นเดียวกันสมัยเรียนที่โอรีเวีย
แม้จะไม่สนิทชิดเชื้อแต่ก็เคยไปมาหาสู่
บ้านของดาเรนเขาไปนอนค้างมาแล้ว
เป็นการตามกลุ่มเพื่อนไปสนุกสนานเฮฮายามมีงานรื่นเริง
เพียงเท่านี้ก็ถือว่าคุ้นเคยพอสมควรแล้ว
 
“ มีเรื่องเล่าว่า   ตระกูลของลอร์ดเดเวอร์ลอสโดนคำสาปมาตั้งแต่โบราณ ”
 
อาเธอร์ย้อนความทรงจำ
 
“ ทายาทของคนที่เกิดในตระกูลนี้   ไม่ว่าหญิงหรือชายจะมีใบหน้าที่น่ากลัว   พวกเขาจึงต้องสวมใส่หน้ากากตลอดเวลา   พูดถึงข้าเองก็ไม่เคยเห็นคนในบ้านลอร์ดเดเวอร์ลอสถอดหน้ากากออกเลย   และพวกเขาก็ไม่เคยบอกเหตุผลว่าเหตุใดจึงสวมใส่   ส่วนเรื่องคำสาปอะไรนั่นข้าไม่ยืนยัน ”
 
“ แต่คนที่ใกล้ชิดกับตระกูลนี้บอกว่า   พวกเขามีใบหน้าที่หน้าเกลียดหน้ากลัวจริง ”
 
คนเฝ้ายามกล่าว
 
“ คนหน้าตาไม่ดี   ก็ไม่ได้หมายถึงว่า   จะเป็นคนไม่ดีด้วยนี่นา ”
 
คาโลไรน์แย้ง
 
“ เรื่องนั้นไม่ใช่หัวข้อที่ชาวบ้านสนใจหรอก   ที่พวกเขาสนใจคือ   เหตุใดทายาทรุ่นล่าสุดของตระกูลนี้จึงงดงามนัก   อีกทั้งยังเป็นผู้ใช้เวทมนตร์ที่ทรงพลังมาก ”
 
หัวหน้าทหารยามกล่าว
 
“ ก็ยังไม่พ้นเรื่องส่วนตัวของคนอื่นอยู่ดี ”
 
คาโลไรน์ส่ายหน้า
อาเธอร์ได้แต่ยิ้มแล้วพูดว่า
 
“ ถ้าอย่างนั้นก็มีความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง   คือมารดาของเขาเป็นแม่มด    และนางคงจะถอนคำสาปให้บุตรเรียบร้อยแล้ว   เกี่ยวกับหน้าตาของเขา   ข้าเคยได้ยินมาว่าก่อนโดนคำสาป   คนในตระกูลนี้ขึ้นชื่อเรื่องความสง่างาม   ส่วนเรื่องที่นางไม่ปรากฏตัวข้าไม่มีความเห็น ”
 
“ เรื่องประหลาดคือไม่มีใครรู้ว่าดาเรนมีบุตร   และลอร์ดเดเวอร์ลอสเลี้ยงดูเขาอย่างไร   เขาไม่เคยไปโรงเรียนไม่มีใครรู้จักตัวตนของเขา   จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อแปดปีที่แล้ว   เขาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ที่ประตูบานนี้ ”
 
“ มันยังไงกันหรือ ”
 
อาเธอเริ่มสนใจ
 
“ มันคือช่วงเวลาที่เลวร้ายของข้าและชาวเมืองโอรีเวีย   เวลานั้นกำลังบ่ายคล้อย   ข้าได้ยินเสียงลมอื้ออึงดังจากด้านนอกประตู   พร้อมกับเงาลางๆ ของบางสิ่ง   นาทีนั้นข้าคิดว่ามีมังกรกำลังบุกเข้ามาแต่สิ่งที่ปรากฏแก่สายตากลับน่าสะพรึงเสียยิ่งกว่า   มันมีช่วงลำตัวคล้ายมังกร   หัวคล้ายแพะและปีกเหมือนคางคาว   รูปร่างใหญ่โตผิวสีแดงคล้ำ   ข้าเคยได้อ่านเรื่องราวของมันจากบันทึกการสร้างเมืองโอรีเวีย   ถ้าเจ้าเคยได้อ่านคงรู้ว่ามันคืออะไร ”
 
“ สัตว์เลี้ยงของซาเหวจหลอด   นามของมันคือเคอร์คารอล   หรือในอีกชื่อหนึ่งคือผู้ส่งความตายอันโหดร้าย   แต่เรื่องของมันหายไปจากบันทึกนานแล้วนี่นา ”
 
ถึงจะพูดไปแบบนั้นแต่ในใจของเขากลับรู้สึกเจ็บแปลบ
 
“ และก็ไม่เคยมีในบันทึกว่ามันตายแล้ว   เมื่อเจ้าสัตว์ประหลาดนี้ปรากฏกายต่อหน้าข้า   สิ่งที่ข้าคิดคือตำนานเดิมย้อนคืนมาแล้ว ”
 
เนเมนเล่า
 
“ ข้าและทหารยามตัดสินใจปิดประตูเหล็กก่อนที่มันจะก้าวเข้ามา   เคอร์คารอลจึงถูกปิดกั้นอยู่ด้านนอก   และนี่จึงเป็นสาเหตุให้ต้องปิดประตูเมือง   ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ”
 
“ แล้วเจ้าสิ่งนั้นมันทำอย่างไรล่ะ   เมื่อไม่อาจผ่านประตูเข้ามาได้ ”
 
อาเธอร์ถาม
 
“ ข้าไม่เห็นกับตาหรอกแต่พวกนั้นลือกันว่ามันพ่นไฟใส่ประตู   ข้าที่ยืนอยู่ตรงนี้เห็นเพียงประตูเหล็กที่ร้อนแดงดังเหล็กที่อยู่ในเตาหลอม   ท่านจอมเวทย์วาลานส่งคนออกไปจัดการหลายคน   แต่ผู้กล้าล้วนต้องสละชีวิตไปอย่างไร้ผล   ผู้คนทั้งเมืองหวาดกลัวกันมาก   ข้าเองก็กลัว   กลัวว่าประตูเหล็กอาจหลอมละลาย   มันพ่นไฟอยู่อย่างนั้นถึงห้าวันห้าคืน   จนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ประตูฝั่งนี้   เข้าวันที่หกในยามบ่ายคล้อยก็มีใครคนหนึ่งขี่ม้าสีดำมาที่นี่   ในสายตาของพวกเรานั่นเป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง   เขาเดินเข้าไปใกล้ประตูอย่างไม่ครั่นคร้ามเอื้อมมือข้างหนึ่งไปแตะที่บานประตู   ฉับพลันประตูที่กำลังร้อนแดงก็มอดดับลง   แล้วประตูเหล็กก็เลื่อนเปิดเองโดยไร้การบังคับ   พวกเราทันได้เห็นปีศาจร้ายเคอร์คารอนกลับหลัง   แล้วทะยานขึ้นสู่อากาศมุ่งหน้ากลับเทือกเขาเงามรณะ   เจ้าเด็กนั่นซึ่งขณะนั้นอายุเพียงเจ็ดปีนั้นกระโดดขึ้นหลังม้า    ควบตามมันไปแล้วก็หายไปเลยสองวันเต็มๆ ท่ามกลางเสียงล่ำลือว่าเด็กคนนี้เป็นผู้ใด   ในตอนแรกพวกเราคิดว่าเขาคงไม่กลับมาแล้ว   แต่เขาก็กลับมาในเช้าของวันที่สามของการหายตัว   แน่นอนท่านวาลานได้เรียกเข้าไปพบในทันที   และท่านเดเวอร์ลอสจึงได้แสดงตัวเป็นปู่   เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นลอร์ดแห่งโอรีเวียไม่นานหลังจากนั้น ”
 
“ ช่างน่ารังเกียจนัก ”
 
คาร์โลไรว่า
 
“ หลานชายตัวน้อยหายตัวไปสองวันไม่คิดตามหา   พอเขามีชื่อเสียงกลับส่งคนตามประกบ ”
 
“ ไม่เอาน่าคาร์โลไร ”
 
อาเธอร์เตือน
 
“ ไม่เป็นไร   นางหาใช่คนเดียวที่พูดแบบนั้น ”
 
เนเมนว่า
 
“ แล้วเขาไปทำอะไรกับเคอร์คารอน ”
 
อาเธอร์ถาม
เขารู้สึกดีใจที่ไม่ได้เจอกับเคอร์คารอนตอนติดอยู่ในถ้ำ
 
“ เรื่องนั้นดูเหมือนจะมีเพียงท่านวาลานเท่านั้นที่รู้ ”
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา