โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
23) เรื่องราวของดารีล
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความทันทีที่พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า แสงสีแดงเลือนหายไปกับความมืด กำแพงใหญ่มองเห็นเป็นสีดำทอดยาวเหยียดในทุ่ง เปลวเพลงปรากฏขึ้นเหนือกำแพงเป็นระยะๆ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทหารยามช่วยกันหมุนฟันเฟือง บานประตูเหล็กกล้าก็เลื่อนเข้าหากันจนปิดสนิท หัวหน้าทหารยามจึงเป่าแตรขึ้นคบเพลิงขนาดใหญ่เหนือประตูก็ลุกพรึบ เปลวไฟสีส้มแสดลุกโชติช่วง
“ คบไฟทั้งเจ็ดถูกจุดแล้วครับ ”
ทหารนายหนึ่งปีนกลับลงมาจากหอสูงเพื่อรายงาน
หัวหน้าตามเฝ้าประตูพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ
“ ดีแล้วล่ะ ”
เขาตอบ
“ คบเพลิงทั้งเจ็ดหรือเหตุใดข้าเห็นเพียงแค่อันเดียว ”
ฟิโลโซเฟอร์สงสัย
“ กำแพงโอรีเวียมีประตูเจ็ดบาน และเหนือประตูทุกด้านจะมีคบเพลิงตั้งอยู่ เจ้าต้องปีนขึ้นไปบนนั้นจึงจะมองเห็นทั้งหมด ”
อาเธอร์ชี้มือไปยังหอสูง
“ ใช่แล้ว เมื่อประตูปิดเราก็จุดไฟ หากประตูบานใดไม่จุดไฟแสดงว่าที่นั่นเกิดปัญหา ”
เนเมนเสริมขึ้น
“ พ่อมดที่นี่มีองครักษ์ด้วยหรือ ”
คาโลไรน์ถามขึ้นบ้าง
เพราะแม่มดขาวที่ซีนาร์ยหรือแม้แต่พ่อมดดีมีนต่างก็เป็นผู้สันโดษ
ไม่เห็นว่าจะมีผู้ติดตามมากมายอย่างนี้
“ คนเดียวนั่นแหละที่ต้องมีองครักษ์ ถ้าเดาไม่ผิดเจ้าคงหมายถึงพ่อมดน้อยดารีลใช่หรือไม่ ”
เมเนนพูดกลั้วเสียงหัวเราะ
“ เขายังเด็กอยู่เลย ดูเหมือนจะแก่กว่าฟิโลโซเฟอร์ไม่กี่ปี ข้าไม่เคยเห็นพ่อมดที่อายุยังน้อยแต่มีพลังมากมายอย่างนี้ ”
อาเธอร์ว่าบ้าง
“ เกิดอะไรขึ้นกับเขาล่ะหรือมีคนปองร้าย ”
คาโลไรน์ถาม
“ ไม่มีอะไรทั้งนั้น เพียงแค่เขาเป็นหลานชายคนเดียวของหลอดเดเวอร์ลอส ”
“ ลอร์ดเดเวอร์ลอส ท่านเดเวอร์ลอสน่ะหรือ แต่เชื้อสายของเขาไม่มีใครเป็นผู้ใช้เวทย์มนต์นี่นา เด็กคนนี้เป็นบุตรของใครกันล่ะ ”
“ ว่ากันว่าบิดาของเขาคือดาเรน ตายในสงครามหรือไม่ก็เป็นบ้าไปแล้วนี่ล่ะ ส่วนมารดาของเขาก็ไม่เคยปรากฏนาม บางทีนางอาจเป็นแม่มดแสนงาม คงละอายแก่ใจที่มีรักกับคนธรรมดา แถมเป็นคนในตระกูลลอร์ดเดเวอร์ลอส จึงทิ้งเขาไปตั่งแต่ดารีลเพิ่งจะคลอด ลอร์ดเดเวอร์ลอสเป็นผู้ชุบเลี้ยงเขามานับตั้งแต่นั้น ”
หัวหน้ายามเล่า
“ เป็นไปไม่ได้ มารดาที่ไหนจะทิ้งลูกตั้งแต่ยังเล็ก แล้วตระกูลของลอร์ดเดเวอร์ลอสไม่ดีอย่างไร เหตุใดนางจึงหนีหน้า ”
คาโลไรน์ว่า
“ เรื่องนี้จัดเป็นหนึ่งในเรื่องลึกลับของโอรีเวีย จริงเท็จไม่มีใครรู้แน่ ที่ล่ำลือกันก็ล้วนแล้วแต่คิดเดาไปเอง แต่คงมีเค้าความจริงอยู่บ้าง เจ้าถามข้าข้าก็ว่าตามชาวบ้าน ส่วนเรื่องของตระกูลลอร์ดเดเวอร์ลอส อาเธอร์เจ้ารู้ดีนี่นา ”
เนเมนบอก
เขาเริ่มหั่นไก่ออกเป็นชิ้นๆ วางบนจานอย่างเป็นระเบียบ
กาต้มน้ำเดือดปุดๆ ส่งควันสิขาวลอยออกมาอย่างต่อเนื่อง
อาเธอร์นึกทบทวนอดีตที่ผ่านมาดาเรนชื่อนี้คุ้นมาก
พวกเขาเป็นนักเรียนรุ่นเดียวกันสมัยเรียนที่โอรีเวีย
แม้จะไม่สนิทชิดเชื้อแต่ก็เคยไปมาหาสู่
บ้านของดาเรนเขาไปนอนค้างมาแล้ว
เป็นการตามกลุ่มเพื่อนไปสนุกสนานเฮฮายามมีงานรื่นเริง
เพียงเท่านี้ก็ถือว่าคุ้นเคยพอสมควรแล้ว
“ มีเรื่องเล่าว่า ตระกูลของลอร์ดเดเวอร์ลอสโดนคำสาปมาตั้งแต่โบราณ ”
อาเธอร์ย้อนความทรงจำ
“ ทายาทของคนที่เกิดในตระกูลนี้ ไม่ว่าหญิงหรือชายจะมีใบหน้าที่น่ากลัว พวกเขาจึงต้องสวมใส่หน้ากากตลอดเวลา พูดถึงข้าเองก็ไม่เคยเห็นคนในบ้านลอร์ดเดเวอร์ลอสถอดหน้ากากออกเลย และพวกเขาก็ไม่เคยบอกเหตุผลว่าเหตุใดจึงสวมใส่ ส่วนเรื่องคำสาปอะไรนั่นข้าไม่ยืนยัน ”
“ แต่คนที่ใกล้ชิดกับตระกูลนี้บอกว่า พวกเขามีใบหน้าที่หน้าเกลียดหน้ากลัวจริง ”
คนเฝ้ายามกล่าว
“ คนหน้าตาไม่ดี ก็ไม่ได้หมายถึงว่า จะเป็นคนไม่ดีด้วยนี่นา ”
คาโลไรน์แย้ง
“ เรื่องนั้นไม่ใช่หัวข้อที่ชาวบ้านสนใจหรอก ที่พวกเขาสนใจคือ เหตุใดทายาทรุ่นล่าสุดของตระกูลนี้จึงงดงามนัก อีกทั้งยังเป็นผู้ใช้เวทมนตร์ที่ทรงพลังมาก ”
หัวหน้าทหารยามกล่าว
“ ก็ยังไม่พ้นเรื่องส่วนตัวของคนอื่นอยู่ดี ”
คาโลไรน์ส่ายหน้า
อาเธอร์ได้แต่ยิ้มแล้วพูดว่า
“ ถ้าอย่างนั้นก็มีความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง คือมารดาของเขาเป็นแม่มด และนางคงจะถอนคำสาปให้บุตรเรียบร้อยแล้ว เกี่ยวกับหน้าตาของเขา ข้าเคยได้ยินมาว่าก่อนโดนคำสาป คนในตระกูลนี้ขึ้นชื่อเรื่องความสง่างาม ส่วนเรื่องที่นางไม่ปรากฏตัวข้าไม่มีความเห็น ”
“ เรื่องประหลาดคือไม่มีใครรู้ว่าดาเรนมีบุตร และลอร์ดเดเวอร์ลอสเลี้ยงดูเขาอย่างไร เขาไม่เคยไปโรงเรียนไม่มีใครรู้จักตัวตนของเขา จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อแปดปีที่แล้ว เขาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ที่ประตูบานนี้ ”
“ มันยังไงกันหรือ ”
อาเธอเริ่มสนใจ
“ มันคือช่วงเวลาที่เลวร้ายของข้าและชาวเมืองโอรีเวีย เวลานั้นกำลังบ่ายคล้อย ข้าได้ยินเสียงลมอื้ออึงดังจากด้านนอกประตู พร้อมกับเงาลางๆ ของบางสิ่ง นาทีนั้นข้าคิดว่ามีมังกรกำลังบุกเข้ามาแต่สิ่งที่ปรากฏแก่สายตากลับน่าสะพรึงเสียยิ่งกว่า มันมีช่วงลำตัวคล้ายมังกร หัวคล้ายแพะและปีกเหมือนคางคาว รูปร่างใหญ่โตผิวสีแดงคล้ำ ข้าเคยได้อ่านเรื่องราวของมันจากบันทึกการสร้างเมืองโอรีเวีย ถ้าเจ้าเคยได้อ่านคงรู้ว่ามันคืออะไร ”
“ สัตว์เลี้ยงของซาเหวจหลอด นามของมันคือเคอร์คารอล หรือในอีกชื่อหนึ่งคือผู้ส่งความตายอันโหดร้าย แต่เรื่องของมันหายไปจากบันทึกนานแล้วนี่นา ”
ถึงจะพูดไปแบบนั้นแต่ในใจของเขากลับรู้สึกเจ็บแปลบ
“ และก็ไม่เคยมีในบันทึกว่ามันตายแล้ว เมื่อเจ้าสัตว์ประหลาดนี้ปรากฏกายต่อหน้าข้า สิ่งที่ข้าคิดคือตำนานเดิมย้อนคืนมาแล้ว ”
เนเมนเล่า
“ ข้าและทหารยามตัดสินใจปิดประตูเหล็กก่อนที่มันจะก้าวเข้ามา เคอร์คารอลจึงถูกปิดกั้นอยู่ด้านนอก และนี่จึงเป็นสาเหตุให้ต้องปิดประตูเมือง ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ”
“ แล้วเจ้าสิ่งนั้นมันทำอย่างไรล่ะ เมื่อไม่อาจผ่านประตูเข้ามาได้ ”
อาเธอร์ถาม
“ ข้าไม่เห็นกับตาหรอกแต่พวกนั้นลือกันว่ามันพ่นไฟใส่ประตู ข้าที่ยืนอยู่ตรงนี้เห็นเพียงประตูเหล็กที่ร้อนแดงดังเหล็กที่อยู่ในเตาหลอม ท่านจอมเวทย์วาลานส่งคนออกไปจัดการหลายคน แต่ผู้กล้าล้วนต้องสละชีวิตไปอย่างไร้ผล ผู้คนทั้งเมืองหวาดกลัวกันมาก ข้าเองก็กลัว กลัวว่าประตูเหล็กอาจหลอมละลาย มันพ่นไฟอยู่อย่างนั้นถึงห้าวันห้าคืน จนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ประตูฝั่งนี้ เข้าวันที่หกในยามบ่ายคล้อยก็มีใครคนหนึ่งขี่ม้าสีดำมาที่นี่ ในสายตาของพวกเรานั่นเป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง เขาเดินเข้าไปใกล้ประตูอย่างไม่ครั่นคร้ามเอื้อมมือข้างหนึ่งไปแตะที่บานประตู ฉับพลันประตูที่กำลังร้อนแดงก็มอดดับลง แล้วประตูเหล็กก็เลื่อนเปิดเองโดยไร้การบังคับ พวกเราทันได้เห็นปีศาจร้ายเคอร์คารอนกลับหลัง แล้วทะยานขึ้นสู่อากาศมุ่งหน้ากลับเทือกเขาเงามรณะ เจ้าเด็กนั่นซึ่งขณะนั้นอายุเพียงเจ็ดปีนั้นกระโดดขึ้นหลังม้า ควบตามมันไปแล้วก็หายไปเลยสองวันเต็มๆ ท่ามกลางเสียงล่ำลือว่าเด็กคนนี้เป็นผู้ใด ในตอนแรกพวกเราคิดว่าเขาคงไม่กลับมาแล้ว แต่เขาก็กลับมาในเช้าของวันที่สามของการหายตัว แน่นอนท่านวาลานได้เรียกเข้าไปพบในทันที และท่านเดเวอร์ลอสจึงได้แสดงตัวเป็นปู่ เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นลอร์ดแห่งโอรีเวียไม่นานหลังจากนั้น ”
“ ช่างน่ารังเกียจนัก ”
คาร์โลไรว่า
“ หลานชายตัวน้อยหายตัวไปสองวันไม่คิดตามหา พอเขามีชื่อเสียงกลับส่งคนตามประกบ ”
“ ไม่เอาน่าคาร์โลไร ”
อาเธอร์เตือน
“ ไม่เป็นไร นางหาใช่คนเดียวที่พูดแบบนั้น ”
เนเมนว่า
“ แล้วเขาไปทำอะไรกับเคอร์คารอน ”
อาเธอร์ถาม
เขารู้สึกดีใจที่ไม่ได้เจอกับเคอร์คารอนตอนติดอยู่ในถ้ำ
“ เรื่องนั้นดูเหมือนจะมีเพียงท่านวาลานเท่านั้นที่รู้ ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ