โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
7.3
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
188 บทที่
11 วิจารณ์
137.52K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
21) ทหารคุ้มกัน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหนุ่มน้อยพ่อมดในชุดคลุมดำกระโดดกลับขึ้นไปบนหลังม้า
เขามองดูพระอาทิตย์ที่คล้อยต่ำลงเรื่อยๆ
“ ข้าไม่รู้ว่าพวกท่านได้ยินเรืองราวของเมืองโอรีเวียมาอย่างไร แต่ข้าอยากจะเตือนเอาไว้สิ่งที่เคยฟังมาอาจไม่จริงทั้งหมด เมื่อไปถึงที่นั่นก็จงอย่าคาดหวังให้มาก ”
“ ข้าเกิดและเติบโตที่โอรีเวีย ที่นั่นเคยเป็นบ้านของข้า ”
“ ถ้าเช่นนั้นท่านต้องรู้ว่าประตูเมืองจะปิดหลังตะวันตกดิน ”
เจ้าของร่างบอบบางในชุดคลุมดำเหลือบดูพระอาทิตย์อีกครั้ง
ม้าของเขาขยับเท้าอย่างสับสนราวกับจิตใจของผู้ขับขี่
“ นอกกำแพงเมืองไร้การป้องกันใดๆ ทั้งสิ้น ท่านมาโอ้เอ้อยู่ในทุ่งนี้นานเกินไปแล้ว และข้าเองก็เช่นกัน ”
“ อะไรนะประตูเมืองจะปิดอย่างนั้นหรือเพราะอะไร ”
เสียงของอาเธอร์ตื่นตระหนก
จากนี้ไปถึงประตูเมืองนั้นไกลนัก
ความหวังที่จะไปก่อนตะวันตกดินนั้นเป็นไปไม่ได้เลย
“ ท่านคงจากที่นี่นานเกินไป ”
เขาว่าแล้วชะงัก
“ พวกนั้นมากันแล้ว ”
เสียงพึมพำนั่นเหมือนจะเอ่ยกับตัวเอง
ม้าสีขาวขยับเท้าไปมาเร็วขึ้นราวกับอยากออกวิ่งเต็มที
ฟิโลโซเฟอร์เพิ่งสังเกตเห็นว่าดวงตาของม้าตัวนั้นเป็นสีแดงฉาน
“ ใจเย็นน่าเรเวน ไม่พบกับพวกเขาตอนนี้ก็ต้องพบกันที่บ้าน วิ่งหนีไปก็เท่านั้น ข้าว่าตอนนี้เราอาจมีเรื่องสนุก ”
หนุ่มน้อยก้มลงพูดกับม้าของตน
ทหารม้าห้านายปรากฏตัวขึ้นในทุ่งหญ้า
ทั้งหมดพุ่งมาตรงที่ม้าสีขาวยืนอยู่
มีคนหนึ่งสวมเกราะอ่อนส่วนที่เหลือสวมเพียงชุดหนังธรรมดา
แต่ทั้งหมดมีอาวุธครบมือและสวมหน้ากากกระเบื้องสีขาว
“ ท่านดารีล ตะวันคล้อยลงมากแล้วเหตุใดจึงโอเอ้อยู่ ”
ผู้ที่สวมเกราะอ่อนกล่าวด้วยท่าทีกังวล
“ ท่านก็เห็นแล้วว่าข้ากำลังมีแขก ”
ผู้ถูกถามตอบด้วยน้ำเสียงละมุนแต่แววตานั้นเยือกเย็น
“ คนพวกนี้หรือที่ท่านเรียกว่าแขกพระเจ้าทรงโปรด ”
ทหารอีกคนพูดขึ้น
พวกนั้นจ้องมองอาเธอร์ด้วยสีหน้าไม่พึงพอใจ
“ คนจรจัดชัดๆ ”
อาเธอร์ก้มลงสำรวจตัวเอง
สารรูปของเขาก็ไม่ต่างไปจากที่ทหารคนนั้นกล่าวหาสักเท่าไหร่
จึงไม่ได้ตอบโต้อะไร
“ กลับกันเถอะนายน้อยก่อนที่ประตูเมืองจะปิด ”
“ จริงท่านดารีล นี่ก็จวนจะมืดแล้วยังมีอะไรต้องทำอีก กลับไปพร้อมกับพวกเราดีกว่า ”
เหล่าทหารต่างแย่งกันเชิญ
“ ช้าก่อนท่านทั้งหลาย ”
อาเธอร์พูดแทรกขึ้น
“ โอรีเวียต้องปิดประตูเมืองอย่างนั้นหรือเป็นเพราะเหตุใดกัน ”
“ เพราะว่าท่านเจ้าเมืองเกรงว่าจะถูกโจมตีจากกองทัพมังกรดำ สัตว์ร้ายพวกนั้นบินข้ามกำแพงเมืองโอรีเวียไม่ได้ ส่วนเรื่องที่พวกมันจะเดินเท้าผ่านเข้าทางประตูเป็นไปได้ยากยิ่ง แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังออกกฎที่ดูพิลึกอยู่ดี เมื่อท่านไปถึงโอรีเวียแล้วจะพบกับหลายอย่างที่ท่านไม่เคยรู้ เมืองนั้นเปลี่ยนแปลงไปมาก ”
เด็กหนุ่มรูปงามตอบ
“ นายน้อยขอรับอย่าไปสนใจคนพวกนี้เลยรีบกลับกันเถอะ ”
“ ข้าเป็นนักโทษของพวกเข้าหรือไง ”
เด็กหนุ่มพูดเสียงเย็น
เขาหันไปมองพระอาทิตย์ที่กำลังคล้อยลงต่ำ
แล้วหันมามองครอบครัวอาเธอร์
“ เห็นทีคืนนี้พวกเจ้าคงไม่แคล้วต้องนอนนอกกำแพง หมู่นี้มีคนอพยพมากเหลือเกิน และโอรีเวียก็ไม่ได้เป็นมิตรกับทุกคนหรอกนะ ”
“ โอรีเวียเป็นบ้านเกิดข้า ”
อาเธอร์บอก
ทหารบางคนส่งเสียงพรืดออกทางจมูก
“ ใครๆ ก็พูดแบบนี้ ”
พ่อมดอายุน้อยยิ้มเจ้าเล่ห์
ใบหน้าแฝงมนต์เสน่ห์ฉายแววลึกลับขึ้นทันที
“ เอาล่ะ! ข้านึกอะไรออกแล้ว เพื่อเป็นการตอบแทนที่พวกเจ้าทำข้าหนีทหารคุ้มกันไม่ทัน ดังนั้นข้าจะให้พวกเขาไปส่งพวกเจ้าที่หน้าประตูเมือง ”
“ อะไรนะ ”
เหล่าทหารต่างตกใจ
“ ได้ยินชัดแล้วนี่ ”
น้ำเสียงของเขาราบเรียบแต่ทว่าจริงจัง
“ ไม่ได้นะนายน้อย คนพวกนี้ท่าทางไม่น่าไว้วางใจ และไม่สมควรได้รับความกรุณาจากท่าน อีกอย่างการพาคนแปลกหน้าเข้าในเมืองก็ไม่ใช่เรื่องดี พวกเราทั้งหมดอาจรับผิดชอบเรื่องนี้ไม่ไหว ”
“ เหตุใดไม่ได้หรือท่านอยากวิ่งไล่จับกับข้าอีกสักรอบ ข้าว่าคราวนี้พวกเจ้าคงได้กลับไปหาลอร์ดเดเวอร์ลอส โดยไร้ข้า ว่าอย่างไรท่านฟรานซิส หรือจะรอให้ค่ำมืดเสียก่อน ฟังให้ดีนะ ปล่อยพวกเขาลงที่หน้าประตูเมือง ทำเพียงเท่านี้ ส่วนเรื่องที่เหลือไม่ต้องสนใจแล้ว ความรับผิดชอบที่ท่านหวาดกลัวก็ไม่เกิดขึ้นเลย ”
ทหารแต่ละนายกระโดดลงจากหลังม้าด้วยท่าทีจำใจ
พวกเขาอุ้มเด็กๆ และพยุงคาโลไรน์ขึ้นบนหลังม้า
อาเธอร์เองก็ไปกับนายทหารผิวเผือกคนหนึ่ง
ใจจริงเขาไม่อยากไปกับทหารพวกนี้
แต่เป็นเพราะเขาเกรงว่าหากต้องตกค้างอยู่นอกประตูเมือง
คืนนี้พวกเขาอาจต้องเผชินชะตากรรมที่เลวร้าย
เขามองดูพระอาทิตย์ที่คล้อยต่ำลงเรื่อยๆ
“ ข้าไม่รู้ว่าพวกท่านได้ยินเรืองราวของเมืองโอรีเวียมาอย่างไร แต่ข้าอยากจะเตือนเอาไว้สิ่งที่เคยฟังมาอาจไม่จริงทั้งหมด เมื่อไปถึงที่นั่นก็จงอย่าคาดหวังให้มาก ”
“ ข้าเกิดและเติบโตที่โอรีเวีย ที่นั่นเคยเป็นบ้านของข้า ”
“ ถ้าเช่นนั้นท่านต้องรู้ว่าประตูเมืองจะปิดหลังตะวันตกดิน ”
เจ้าของร่างบอบบางในชุดคลุมดำเหลือบดูพระอาทิตย์อีกครั้ง
ม้าของเขาขยับเท้าอย่างสับสนราวกับจิตใจของผู้ขับขี่
“ นอกกำแพงเมืองไร้การป้องกันใดๆ ทั้งสิ้น ท่านมาโอ้เอ้อยู่ในทุ่งนี้นานเกินไปแล้ว และข้าเองก็เช่นกัน ”
“ อะไรนะประตูเมืองจะปิดอย่างนั้นหรือเพราะอะไร ”
เสียงของอาเธอร์ตื่นตระหนก
จากนี้ไปถึงประตูเมืองนั้นไกลนัก
ความหวังที่จะไปก่อนตะวันตกดินนั้นเป็นไปไม่ได้เลย
“ ท่านคงจากที่นี่นานเกินไป ”
เขาว่าแล้วชะงัก
“ พวกนั้นมากันแล้ว ”
เสียงพึมพำนั่นเหมือนจะเอ่ยกับตัวเอง
ม้าสีขาวขยับเท้าไปมาเร็วขึ้นราวกับอยากออกวิ่งเต็มที
ฟิโลโซเฟอร์เพิ่งสังเกตเห็นว่าดวงตาของม้าตัวนั้นเป็นสีแดงฉาน
“ ใจเย็นน่าเรเวน ไม่พบกับพวกเขาตอนนี้ก็ต้องพบกันที่บ้าน วิ่งหนีไปก็เท่านั้น ข้าว่าตอนนี้เราอาจมีเรื่องสนุก ”
หนุ่มน้อยก้มลงพูดกับม้าของตน
ทหารม้าห้านายปรากฏตัวขึ้นในทุ่งหญ้า
ทั้งหมดพุ่งมาตรงที่ม้าสีขาวยืนอยู่
มีคนหนึ่งสวมเกราะอ่อนส่วนที่เหลือสวมเพียงชุดหนังธรรมดา
แต่ทั้งหมดมีอาวุธครบมือและสวมหน้ากากกระเบื้องสีขาว
“ ท่านดารีล ตะวันคล้อยลงมากแล้วเหตุใดจึงโอเอ้อยู่ ”
ผู้ที่สวมเกราะอ่อนกล่าวด้วยท่าทีกังวล
“ ท่านก็เห็นแล้วว่าข้ากำลังมีแขก ”
ผู้ถูกถามตอบด้วยน้ำเสียงละมุนแต่แววตานั้นเยือกเย็น
“ คนพวกนี้หรือที่ท่านเรียกว่าแขกพระเจ้าทรงโปรด ”
ทหารอีกคนพูดขึ้น
พวกนั้นจ้องมองอาเธอร์ด้วยสีหน้าไม่พึงพอใจ
“ คนจรจัดชัดๆ ”
อาเธอร์ก้มลงสำรวจตัวเอง
สารรูปของเขาก็ไม่ต่างไปจากที่ทหารคนนั้นกล่าวหาสักเท่าไหร่
จึงไม่ได้ตอบโต้อะไร
“ กลับกันเถอะนายน้อยก่อนที่ประตูเมืองจะปิด ”
“ จริงท่านดารีล นี่ก็จวนจะมืดแล้วยังมีอะไรต้องทำอีก กลับไปพร้อมกับพวกเราดีกว่า ”
เหล่าทหารต่างแย่งกันเชิญ
“ ช้าก่อนท่านทั้งหลาย ”
อาเธอร์พูดแทรกขึ้น
“ โอรีเวียต้องปิดประตูเมืองอย่างนั้นหรือเป็นเพราะเหตุใดกัน ”
“ เพราะว่าท่านเจ้าเมืองเกรงว่าจะถูกโจมตีจากกองทัพมังกรดำ สัตว์ร้ายพวกนั้นบินข้ามกำแพงเมืองโอรีเวียไม่ได้ ส่วนเรื่องที่พวกมันจะเดินเท้าผ่านเข้าทางประตูเป็นไปได้ยากยิ่ง แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังออกกฎที่ดูพิลึกอยู่ดี เมื่อท่านไปถึงโอรีเวียแล้วจะพบกับหลายอย่างที่ท่านไม่เคยรู้ เมืองนั้นเปลี่ยนแปลงไปมาก ”
เด็กหนุ่มรูปงามตอบ
“ นายน้อยขอรับอย่าไปสนใจคนพวกนี้เลยรีบกลับกันเถอะ ”
“ ข้าเป็นนักโทษของพวกเข้าหรือไง ”
เด็กหนุ่มพูดเสียงเย็น
เขาหันไปมองพระอาทิตย์ที่กำลังคล้อยลงต่ำ
แล้วหันมามองครอบครัวอาเธอร์
“ เห็นทีคืนนี้พวกเจ้าคงไม่แคล้วต้องนอนนอกกำแพง หมู่นี้มีคนอพยพมากเหลือเกิน และโอรีเวียก็ไม่ได้เป็นมิตรกับทุกคนหรอกนะ ”
“ โอรีเวียเป็นบ้านเกิดข้า ”
อาเธอร์บอก
ทหารบางคนส่งเสียงพรืดออกทางจมูก
“ ใครๆ ก็พูดแบบนี้ ”
พ่อมดอายุน้อยยิ้มเจ้าเล่ห์
ใบหน้าแฝงมนต์เสน่ห์ฉายแววลึกลับขึ้นทันที
“ เอาล่ะ! ข้านึกอะไรออกแล้ว เพื่อเป็นการตอบแทนที่พวกเจ้าทำข้าหนีทหารคุ้มกันไม่ทัน ดังนั้นข้าจะให้พวกเขาไปส่งพวกเจ้าที่หน้าประตูเมือง ”
“ อะไรนะ ”
เหล่าทหารต่างตกใจ
“ ได้ยินชัดแล้วนี่ ”
น้ำเสียงของเขาราบเรียบแต่ทว่าจริงจัง
“ ไม่ได้นะนายน้อย คนพวกนี้ท่าทางไม่น่าไว้วางใจ และไม่สมควรได้รับความกรุณาจากท่าน อีกอย่างการพาคนแปลกหน้าเข้าในเมืองก็ไม่ใช่เรื่องดี พวกเราทั้งหมดอาจรับผิดชอบเรื่องนี้ไม่ไหว ”
“ เหตุใดไม่ได้หรือท่านอยากวิ่งไล่จับกับข้าอีกสักรอบ ข้าว่าคราวนี้พวกเจ้าคงได้กลับไปหาลอร์ดเดเวอร์ลอส โดยไร้ข้า ว่าอย่างไรท่านฟรานซิส หรือจะรอให้ค่ำมืดเสียก่อน ฟังให้ดีนะ ปล่อยพวกเขาลงที่หน้าประตูเมือง ทำเพียงเท่านี้ ส่วนเรื่องที่เหลือไม่ต้องสนใจแล้ว ความรับผิดชอบที่ท่านหวาดกลัวก็ไม่เกิดขึ้นเลย ”
ทหารแต่ละนายกระโดดลงจากหลังม้าด้วยท่าทีจำใจ
พวกเขาอุ้มเด็กๆ และพยุงคาโลไรน์ขึ้นบนหลังม้า
อาเธอร์เองก็ไปกับนายทหารผิวเผือกคนหนึ่ง
ใจจริงเขาไม่อยากไปกับทหารพวกนี้
แต่เป็นเพราะเขาเกรงว่าหากต้องตกค้างอยู่นอกประตูเมือง
คืนนี้พวกเขาอาจต้องเผชินชะตากรรมที่เลวร้าย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ