โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
7.3
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
188 บทที่
11 วิจารณ์
137.71K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
182) มีดสีเงิน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความดารีลนั้นไม่ได้ฟังคำเตือนของผู้ใดเขามุ่งไปในทางที่เขาเลือกแล้ว รวดเร็วและมั่นคง เพียงเวลาไม่นานก็ลับหายไปจากสายตาของเด็กๆ ที่ต่างยืนอึ้งไม่รู้จะทำประการใด
“ ยังไงล่ะทีนี้ ”
โลธอร์เป็นผู้เอ่ยขึ้นก่อน
“ ดารีลบอกให้พวกเราหนีไปมิใช่หรือ งานนี้คงมิใช่หน้าที่ของเราแล้วอยู่ไปก็เกะกะเสียเปล่า เราออกไปข้างนอกกันเถอะ ”
คู่หูร่างผอมของเขาเสนอ
“ ใช่เราควรออกไป ”
เลโอน่าเห็นด้วย
“ แต่ดารีลคนเดียวจะรับมือหมาป่าปีศาจตัวนั้นได้หรือ ”
ฟีไลร่าแย้ง
“ เขาไม่ได้ตัวคนเดียว ยังมีทหารเกราะทองและพวกผู้พิทักษ์แห่งโอรีเวียนั่นอีก พวกเราต่างหากล่ะที่อาการน่าเป็นห่วง ”
อีเลียสว่า
ฟิโลโซเฟอร์ยืนเงียบอยู่นาน
เขาได้แต่จ้องมองดาบสีเงินในมือ
ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจ
มุ่งหน้าไปทางเสียงแห่งการต่อสู้
“ เฮ้! เจ้าคนโง่ทำอะไรตามอำเภอใจอีกแล้ว ไม่เข้าใจเสียงส่วนมากหรือไง คิดอยากไปไหนก็ไปได้หรือ ”
โลธอร์ร้องขึ้น
ด้วยน้ำเสียงที่เริ่มมีโมโห
เด็กชายชาวซีนาร์ยไม่ตอบโต้อะไร
แต่ยังคงมุ่งหน้าไปทางเดิมโดยไร้ซึ่งความลังเล
เพื่อนๆ จึงไม่มีทางเลือกอื่น
ได้แต่วิ่งตามเขาไป
“ เจ้าอยู่กับหมอนั่นนานเกินไปแล้ว จนติดนิสัยงี่เง่ามาด้วย ”
อีเลียสประณาม
“ ใครใช้ให้ตามมาล่ะข้าไม่ได้ชวนสักนิด ”
ฟิโลโซเฟอร์ว่า
“ ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่นา จะปล่อยเจ้าไปตายโดยไม่คิดทำอะไรคงเป็นไปไม่ได้ ”
เด็กชายร่างอ้วนบอก
“ ใช่ และหากมีใครเป็นอะไรก็ยกความผิดให้เจ้าคนเดียวเลย ”
อีเลียสกล่าวสำทับ
เด็กๆ วิ่งไปด้วยกันเป็นกลุ่ม
แม้ไม่มีใครรู้ว่าพ่อมดน้อยคนนั้นไปทางไหนแน่
ก็พอเดาออกว่าเขาต้องไปยังที่ๆ มีการต่อสู้
แต่เมื่อถึงระเบียงทางโค้ง
พวกเขาก็เห็นดารีลยืนอยู่ที่นั่นกับใครคนหนึ่ง
มองเผินๆ เหมือนว่าทั้งคู่กำลังกอดกัน
ฟิโลโซเฟอร์จำผมยาวสีแดงเข้มนั้นได้
เด็กชายรู้สึกโล่งใจที่ในที่สุดคนทั้งคู่ก็หากันจนพบ
เรื่องร้ายๆ จะได้จบเสียที
แต่ความโล่งใจก็คงอยู่ไม่นาน
เมื่อได้เห็นความจริง
เจ้าหญิงลูเซียน่าทรุดลงในอ้อมแขนของดารีล
หนุ่มน้อยคนนั้นถนอมวางร่างคนรักนอนราบลงกับพื้น
แก้มของเขาแนบกับจมูกของนาง
เพื่อฟังเสียงลมหายใจซึ่งขณะนี้หยุดนิ่งไปแล้ว
มือข้างซ้ายกำมีดสีเงิน
ค่อยๆ ดึงออกมาจากกลางอกของเจ้าหญิง
มันเป็นมีดเล่มเล็กประดับเพชรพลอยล้ำค่า
สลักลวดลายอ่อนช้อยงดงามราวกับเครื่องประดับสตรี
ทันใดนั้นดัลลัจนักรบฝึกหัดที่หลงรักเจ้าหญิงลูเซียน่ามาเนิ่นนาน
ก็โผล่พรวดพราดออกมาจากอีกฝากหนึ่ง
เขาตะลึงงันกับสิ่งที่เห็น
แต่ดารีลไม่สนใจสิ่งอื่นใดแล้ว
ปล่อยมีดเล่มนั้นร่วงหล่นจากมือ
กอดแนบหญิงคนรักไปเสียทุกส่วน
เรียกร้องหาไออุ่นจากกายนางก่อนที่มันจะเลือนหายไปตลอดกาล
เหลือเพียงร่างที่เย็นเยือกไร้สีสันแห่งชีวิต
“ เจ้า เจ้า ดารีลเจ้า ”
ดัลลัจเอ่ยตะกุกตะกัก
“ เจ้าฆ่านาง ทั้งที่นางรักเจ้ายิ่งกว่าชีวิตแต่เจ้ากลับฆ่านาง เพราะอะไรกันเจ้าคนชั่วเจ้าปีศาจร้าย ”
ดารีลไม่ได้ตอบโต้ถ้อยคำเผ็ดร้อนนั้น
เขาเพียงแต่ซบหน้าลงบนเกศาของเจ้าหญิง
นักรบฝึกหัดหายจากอาการตกตะลึง
ความเกี้ยวกราดก็เข้าแทนที่
“ ตอบข้ามาสิเจ้าทำอะไรลงไป เจ้าทำแบบนี้เพื่ออะไร ”
หนุ่มน้อยกล้ามแน่นคนนั้นพุ่งเข้าใส่ดารีล
ที่กำลังทำตัวไม่สนโลกอยู่
แต่ฟิโลโซเฟอร์นั้นไวกว่า
พุ่งเข้าไปขวาง
“ หยุดนะดัลลัจ ”
เด็กชายชาวซีนาร์ยตะโกนก้อง
เขาคว้าผมของหนุ่มคนนั้นกระชากจนหงายหลังตึง
ดัลลัจงุนงงพยายามตะกายลุกขึ้น
แต่ก็โดนเตะซ้ำจนกลิ้งไปสองตลบ
“ ใจเย็นก่อนดัลลัจมันไม่ใช่อย่างที่เจ้าเห็น ”
ฟิโลโซเฟอร์บอก
เขาพุ่งเข้าไปคร่อมหนุ่มน้อยคนนั้นที่พยายามคลานหนี
กระทืบไม่ยั้งจนหลับไป
โลธอร์กับอีเลียสเป็นคนลากเขาออกมา
ก่อนที่ดัลลัจจะน่วมไปกว่านั้น
“ เจ้าสิใจเย็น ”
เด็กชายร่างอ้วนตวาดเรียกสติ
“ ใช่ ใจเย็นก่อนหมอนั่นยังไม่ได้ทำอะไร ”
อีเลียสเตือน
“ ไม่ทำบ้าสิ ปล่อยข้า ข้าจะห้ามเขาดัลลัจเสียสติไปแล้ว ”
ฟิโลโซเฟอร์ดิ้น
พยายามจะพุ่งเข้าใส่อีก
“ เจ้าต่างหากเสียสติ ดัลลัจสลบไปแล้ว ”
โลธอร์ตบกะโหลกเข้าให้
เด็กชายชาวซีนาร์ยกระพริบตาปริบๆ ด้วยความงุนงง
สุดท้ายก็เข้าใจสถานการณ์
“ ตายจริงเพื่อนยาก เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหมข้าไม่ได้ทำเจ้าบาดเจ็บนะ ”
ฟิโลโซเฟอร์เข้าไปประคองหนุ่มนักกล้ามคนนั้น
พาไปนอนพักตรงมุมห้อง
“ ยังไงล่ะทีนี้ ”
โลธอร์เป็นผู้เอ่ยขึ้นก่อน
“ ดารีลบอกให้พวกเราหนีไปมิใช่หรือ งานนี้คงมิใช่หน้าที่ของเราแล้วอยู่ไปก็เกะกะเสียเปล่า เราออกไปข้างนอกกันเถอะ ”
คู่หูร่างผอมของเขาเสนอ
“ ใช่เราควรออกไป ”
เลโอน่าเห็นด้วย
“ แต่ดารีลคนเดียวจะรับมือหมาป่าปีศาจตัวนั้นได้หรือ ”
ฟีไลร่าแย้ง
“ เขาไม่ได้ตัวคนเดียว ยังมีทหารเกราะทองและพวกผู้พิทักษ์แห่งโอรีเวียนั่นอีก พวกเราต่างหากล่ะที่อาการน่าเป็นห่วง ”
อีเลียสว่า
ฟิโลโซเฟอร์ยืนเงียบอยู่นาน
เขาได้แต่จ้องมองดาบสีเงินในมือ
ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจ
มุ่งหน้าไปทางเสียงแห่งการต่อสู้
“ เฮ้! เจ้าคนโง่ทำอะไรตามอำเภอใจอีกแล้ว ไม่เข้าใจเสียงส่วนมากหรือไง คิดอยากไปไหนก็ไปได้หรือ ”
โลธอร์ร้องขึ้น
ด้วยน้ำเสียงที่เริ่มมีโมโห
เด็กชายชาวซีนาร์ยไม่ตอบโต้อะไร
แต่ยังคงมุ่งหน้าไปทางเดิมโดยไร้ซึ่งความลังเล
เพื่อนๆ จึงไม่มีทางเลือกอื่น
ได้แต่วิ่งตามเขาไป
“ เจ้าอยู่กับหมอนั่นนานเกินไปแล้ว จนติดนิสัยงี่เง่ามาด้วย ”
อีเลียสประณาม
“ ใครใช้ให้ตามมาล่ะข้าไม่ได้ชวนสักนิด ”
ฟิโลโซเฟอร์ว่า
“ ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่นา จะปล่อยเจ้าไปตายโดยไม่คิดทำอะไรคงเป็นไปไม่ได้ ”
เด็กชายร่างอ้วนบอก
“ ใช่ และหากมีใครเป็นอะไรก็ยกความผิดให้เจ้าคนเดียวเลย ”
อีเลียสกล่าวสำทับ
เด็กๆ วิ่งไปด้วยกันเป็นกลุ่ม
แม้ไม่มีใครรู้ว่าพ่อมดน้อยคนนั้นไปทางไหนแน่
ก็พอเดาออกว่าเขาต้องไปยังที่ๆ มีการต่อสู้
แต่เมื่อถึงระเบียงทางโค้ง
พวกเขาก็เห็นดารีลยืนอยู่ที่นั่นกับใครคนหนึ่ง
มองเผินๆ เหมือนว่าทั้งคู่กำลังกอดกัน
ฟิโลโซเฟอร์จำผมยาวสีแดงเข้มนั้นได้
เด็กชายรู้สึกโล่งใจที่ในที่สุดคนทั้งคู่ก็หากันจนพบ
เรื่องร้ายๆ จะได้จบเสียที
แต่ความโล่งใจก็คงอยู่ไม่นาน
เมื่อได้เห็นความจริง
เจ้าหญิงลูเซียน่าทรุดลงในอ้อมแขนของดารีล
หนุ่มน้อยคนนั้นถนอมวางร่างคนรักนอนราบลงกับพื้น
แก้มของเขาแนบกับจมูกของนาง
เพื่อฟังเสียงลมหายใจซึ่งขณะนี้หยุดนิ่งไปแล้ว
มือข้างซ้ายกำมีดสีเงิน
ค่อยๆ ดึงออกมาจากกลางอกของเจ้าหญิง
มันเป็นมีดเล่มเล็กประดับเพชรพลอยล้ำค่า
สลักลวดลายอ่อนช้อยงดงามราวกับเครื่องประดับสตรี
ทันใดนั้นดัลลัจนักรบฝึกหัดที่หลงรักเจ้าหญิงลูเซียน่ามาเนิ่นนาน
ก็โผล่พรวดพราดออกมาจากอีกฝากหนึ่ง
เขาตะลึงงันกับสิ่งที่เห็น
แต่ดารีลไม่สนใจสิ่งอื่นใดแล้ว
ปล่อยมีดเล่มนั้นร่วงหล่นจากมือ
กอดแนบหญิงคนรักไปเสียทุกส่วน
เรียกร้องหาไออุ่นจากกายนางก่อนที่มันจะเลือนหายไปตลอดกาล
เหลือเพียงร่างที่เย็นเยือกไร้สีสันแห่งชีวิต
“ เจ้า เจ้า ดารีลเจ้า ”
ดัลลัจเอ่ยตะกุกตะกัก
“ เจ้าฆ่านาง ทั้งที่นางรักเจ้ายิ่งกว่าชีวิตแต่เจ้ากลับฆ่านาง เพราะอะไรกันเจ้าคนชั่วเจ้าปีศาจร้าย ”
ดารีลไม่ได้ตอบโต้ถ้อยคำเผ็ดร้อนนั้น
เขาเพียงแต่ซบหน้าลงบนเกศาของเจ้าหญิง
นักรบฝึกหัดหายจากอาการตกตะลึง
ความเกี้ยวกราดก็เข้าแทนที่
“ ตอบข้ามาสิเจ้าทำอะไรลงไป เจ้าทำแบบนี้เพื่ออะไร ”
หนุ่มน้อยกล้ามแน่นคนนั้นพุ่งเข้าใส่ดารีล
ที่กำลังทำตัวไม่สนโลกอยู่
แต่ฟิโลโซเฟอร์นั้นไวกว่า
พุ่งเข้าไปขวาง
“ หยุดนะดัลลัจ ”
เด็กชายชาวซีนาร์ยตะโกนก้อง
เขาคว้าผมของหนุ่มคนนั้นกระชากจนหงายหลังตึง
ดัลลัจงุนงงพยายามตะกายลุกขึ้น
แต่ก็โดนเตะซ้ำจนกลิ้งไปสองตลบ
“ ใจเย็นก่อนดัลลัจมันไม่ใช่อย่างที่เจ้าเห็น ”
ฟิโลโซเฟอร์บอก
เขาพุ่งเข้าไปคร่อมหนุ่มน้อยคนนั้นที่พยายามคลานหนี
กระทืบไม่ยั้งจนหลับไป
โลธอร์กับอีเลียสเป็นคนลากเขาออกมา
ก่อนที่ดัลลัจจะน่วมไปกว่านั้น
“ เจ้าสิใจเย็น ”
เด็กชายร่างอ้วนตวาดเรียกสติ
“ ใช่ ใจเย็นก่อนหมอนั่นยังไม่ได้ทำอะไร ”
อีเลียสเตือน
“ ไม่ทำบ้าสิ ปล่อยข้า ข้าจะห้ามเขาดัลลัจเสียสติไปแล้ว ”
ฟิโลโซเฟอร์ดิ้น
พยายามจะพุ่งเข้าใส่อีก
“ เจ้าต่างหากเสียสติ ดัลลัจสลบไปแล้ว ”
โลธอร์ตบกะโหลกเข้าให้
เด็กชายชาวซีนาร์ยกระพริบตาปริบๆ ด้วยความงุนงง
สุดท้ายก็เข้าใจสถานการณ์
“ ตายจริงเพื่อนยาก เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหมข้าไม่ได้ทำเจ้าบาดเจ็บนะ ”
ฟิโลโซเฟอร์เข้าไปประคองหนุ่มนักกล้ามคนนั้น
พาไปนอนพักตรงมุมห้อง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ