โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  137.79K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

171) เห็นข้าเป็นปีศาจมนต์ดำหรือไร

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

สัตว์ปีศาจตนนั้นมีรูปร่างใหญ่โต   ใบหน้ายื่นยาวพร้อมกับเขี้ยวแหลมคมราวกับสุนัข   ดวงตาสีส้มแสดของมันวาวโรจด้วยความหิวกระหาย   ดูเผินๆ เจ้านี่ก็เหมือนมนุษย์หมาป่าที่พบเห็นโดยทั่วไปตามภาพวาดในตำรา   หากแต่มันกลับมีเขาคู่หนึ่ง  ทำให้มันต่างออกไป

 

“ เจ้าหมาน้อยข้าไม่ได้รักสัตว์นะอย่ามาทำก้าวร้าวกับข้า ”

 

โลธอร์คำราม

เขาพุ่งเข้าไปหามันอีกครั้งอย่างไม่กลัวเกรง

และสัตว์ปีศาจตัวนั้นก็จ้องโดดใส่เขาเช่นกัน

 

เด็กชายร่างอ้วนไถลตัวหลบอย่างเฉียดฉิว

ปีศาจร่างเหมือนหมาเอี้ยวตัวกลับจะตะปบกรงเล็บเข้าใส่

ในขณะที่เด็กชายคนนั้นยังตั้งหลักไม่ได้

 

แต่มันก็ต้องพบกับฟิโลโซเฟอร์ที่พุ่งสวนเข้ามา

พร้อมกับดาบในมือ

 

สัตว์ปีศาจจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนเป้าหมาย

มันสะบัดเขาหวังจะแทงใส่ผู้มาใหม่

 

เด็กชายชาวซีนาร์ยนั้นว่องไวไม่น้อย

ตวัดดาบฝันเขาแหลมคมขาดกระเด็น

ก่อนจะทิ้งตัวกลิ้งกลบกรงเล็บที่ตามมาติดๆ

 

สัตว์ปีศาจตนนั้นโกรธจัด

เขาของมันไม่สามารถงอกกลับออกมาอีกครั้ง

 

มันจ้องดาบที่เปล่งประกายประหลาดในมือของเด็กน้อย

ด้วยความตกตะลึง

แต่เพียงครู่เดียวก็แปรเปลี่ยน

เป็นความคลั่งแค้นอย่างที่สุด

 

มันยืดกายสูงขึ้น

แล้วคว้าสิ่งของทุ่มเข้าใส่เด็กชายทั้งสอง

 

ฟิโลโซเฟอร์พุ่งเข้าไปคว้าสหายร่างอ้วน

ลากเข้าไปหลบในซอกเล็กๆ ซอกหนึ่ง

 

“ อย่าห้ามข้าแค่จะตีหัวหมาน้อยเอง”  

 

โลธอร์ทำเป็นฮึดฮัด

 

“ ไม่อยากเอาไปเลี้ยงหรือ   คงเฝ้าบ้านได้ดีพิลึก ”

 

แต่ยังไม่วายล้อเล่นอยู่

 

“ เจ้าเล่นโจมตีแบบไม่รอโอกาสแบบนั้น   ข้าว่าคงไม่ทันได้แก่ตาย ”

 

เด็กชายชาวซีนาร์ยตำหนิ

ไม่มีอารมณ์เล่นด้วย

 

ในเวลานี้พวกเขาต่างทำตัวลีบ

เพื่อให้พ้นจากกรงเล็บที่พยายามสอดเข้ามา

 

ฟิโลโซเฟอร์นั้นไม่กลัวสิ่งนี้เพราะคิดว่ามันคือหมาป่า  

ในเมื่อหมาป่าทั้งฝูงเขายังรอดมาได้

นี่แค่ตัวเดียว

เพียงแต่ใหญ่ไปหน่อยเท่านั้นเอง

 

“ จริงๆ เจ้าก็รักเพื่อนนะ   ข้าบอกอยากได้เขาเป็นของที่ระลึกเจ้าก็ฟันมันให้ข้า   ใยไม่ฟันคอล่ะเพื่อนฝูง ”

 

โลธอร์ว่า

เขาโยนหินก้อนหนึ่งผ่านช่องแคบเข้าไปในปากที่พยายามกัดเข้ามา

มองดูมันกลืนลงท้องแล้วหัวเราะ

 

“ ถ้าฟันถึงข้าทำไปแล้ว   เชิญขำไปเถอะอีกสักพักก็โดนทับตัวแบนแล้ว   ผนังนี่ไม่ได้แข็งแรงขนาดนั้น ”

 

เด็กชายตัวน้อยกำดาบมั่นอีกครั้ง

เพื่อรอโอกาสจะพุ่งออกไป

 

ส่วนด้านนอกนั้นก็โกลาหลไม่น้อย

เลโอน่าง้างธนูยืนตระหง่านแต่ยังหาจุดยิงที่จะสร้างรอยบาดเจ็บไม่ได้

 

อีเลียสนั้นทั้งตะโกนทั้งปาก้อนอิฐเข้าใส่

จนเผลอปาสมุดสุดหวงหลุดมือไปด้วย

แต่มันก็ไม่แม้จะหันมาสนใจ

 

สัตว์ปีศาจตนนั้น

ตะกุยตะกายเอาเศษอิฐที่ขวางทางออกอย่างเอาเป็นเอาตาย

 

ท่ามกลางความวุ่นวายนั้น

ก็เกิดเสียงเคร้งดังขึ้นครั้งหนึ่ง

 

ทุกคนต่างหยุดชะงัก

และเมื่อหันกลับไปมองก็พบว่า

เป็นคาโอเรียนั่นเองที่เอามีดทำครัวฟาดกับกระทะ

 

เหมือนจะได้ผล

เจ้าสัตว์ร้ายเกลียดเสียงโลหะกระทบกัน

มันหันกลับมาแยกเขี้ยวใส่นาง

 

“ มานี่มาเจ้ามาน้อย   หิวอยู่มิใช่หรือ ”

 

นางท้าทายพลางจับกระทะมั่นด้วยสองมือ

หมายจะฟาดให้หัวหลุด

 

เด็กหญิงผมทองผู้นี้เคยยืนอยู่ต่อหน้ามังกรดำมาแล้ว

เพียงแค่หมาป่าปีศาจจึงไม่อาจทำให้หวาดหวั่นขึ้นมาได้

 

สัตว์ร้ายตนนั้นกางกรงเล็บแล้วพุ่งเข้าใส่

แต่เลโอน่าไปถึงที่นั่นก่อน

จึงผลักนางออกให้พ้นระยะโจมตี

แล้วกลิ้งตัวกลบไปอีกทาง

 

อีเลียสพุ่งเข้ามาจากด้านข้าง

ปาผงกำยานใส่หน้ามันทั้งถุง

 

ในขณะเดียวกันฟิโลโซเฟอร์ก็ไต่ขึ้นมาบนหลังอย่างรวดเร็ว

เป้าหมายคือลำคอของปีศาจร้าย

 

สัตว์ร้ายตนนั้นไม่มีทางเลือกจึงต้องสลัดคนที่อยู่บนหลังลงมาก่อน

ทำให้ไม่มีโอกาสตบเด็กชายที่บังอาจฟาดผงกำยานใส่เต็มหน้า

จนฝุ่นผงกลิ่นฉุนฟุ้งไปทั่ว

 

เด็กชายชาวซีนาร์ยทิ้งตัวลงสู่พื้น

กลิ้งตัวไปหลายตลบก่อนจะลุกขึ้นสำลัก

 

“ อีเลียสเจ้าเห็นข้าเป็นปีศาจมนต์ดำหรือไรปาผงกำยานมาได้เต็มหัวแบบนี้ ”

 

เขาตะโกนบอกด้วยอารมณ์ขันมากกว่าจะโกรธจริงจัง

มือข้างหนึ่งพยายามฟัดฝุ่นออกจากผมสีน้ำตาลเข้ม

เพราะกลิ่นมันรุนแรงเกินไป

 

“ ใครจะไปนึกล่ะ   ว่าคนที่ขี่ม้าไม่เป็น   จะทะลึ่งขึ้นไปขี่หลังหมา ”

 

เสียงเจ้าของผงกำยานตวาดกลับมา

พลางถอยร่นออกไปยืนชิดผนัง

 

“ พวกเจ้าหยุดเสียที   ให้ตายสิกัดกันไม่เลือกที่แบบนี้ได้ตายทั้งกลุ่มแน่   เจ้าตัวนี้เราคงฆ่ามันไม่ได้หาทางหนีก่อนไม่ดีกว่าหรือ ”

 

ฟีไลร่าร้องเตือน

นางกอดเด็กหญิงผมทองผู้ถือกระทะเป็นอาวุธเอาไว้

พลางนึกในใจ

 

‘ สองคนนี่เป็นลูกชาวนาจริงหรือใยเถื่อนยิ่งกว่าทหารแนวหน้าอีก ’

 

เจ้าสัตว์ร้ายสลัดหัวด้วยความมึนงง

หางที่ยาวเหมือนงูป่ายปัดสะบัดไปทั่ว

 

ด้วยผงกำยานทำให้ดวงตาพร่ามัว

จึงยังไม่สามารถ

ตั้งหลักโจมตีได้อีกครั้ง

 

สัตว์ปีศาจตนนี้ไปที่ใดก็มีแต่คนหวาดหวั่น

ไม่นึกว่าจะโดนเด็กตัวเล็กๆ รุมทึ้งได้ขนาดนี้

และดูแต่ละคน

ไม่เกรงกลัวมันแม้แต่น้อย

 

จึงทำให้มัน

รู้สึกเดือดดาลยิ่งขึ้นไปอีก

 

ขณะที่ทุกคนจดจ่ออยู่กับปีศาจสุนัขมีเขาตรงหน้า

โลธอร์ก็แอบไปโค่นเสาประดับต้นหนึ่ง

 

จนล้มกลิ้งลงไปตามบันไดหิน

กวาดเอาผีร้ายที่กำลังขึ้นมาให้ม้วนกลับข้างล่างอีกครั้ง

 

“ พวกเจ้าเล่นอะไรกันวุ่นวายจริง   ดูสิเอะอะเสียงดังจนเรียกผีดิบมาเป็นฝูงแล้ว ”

 

เขาร้องเตือน

 

“ หนีลงข้างล่างเร็ว   พวกเราต้องไปที่สนามหญ้า ”

 

เลโอน่าว่า

นางฉวยมือฟีไลร่าให้วิ่งนำไปก่อน

 

พวกเด็กๆ ต่างหนีลงบันไดกลับไปยังชั้นห้า

แต่ยังหนีไปไม่ทันไรสัตว์ปีศาจตัวนั้นก็ทุบพื้นตามลงมา

 

ฝุ่นผงพร้อมทั้งเศษอิฐเศษดินปลิวว่อน

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา