โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  137.79K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

164) เจ้าต้องให้คำสัญญา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
แต่ก่อนที่หนุ่มน้อยคนนั้นจะทันได้ตอบโต้อะไร
ก็เกิดเสียงดังที่หน้าประตู
พวกเขาหันไปทางนั้นพร้อมกัน
 
ฟิโลโซเฟอร์ชักดาบออกจากฝัก
แต่ดารีลกลับพับแผนที่เก็บอย่างใจเย็น
 
“ เช่นนั้นข้ายืมนี่ก่อนก็แล้วกัน ”
 
“ เอาไปเถอะ   ของๆ ข้าก็คือของๆ เจ้านั่นแหละ ”
 
เขาว่า
แต่สายตาจ้องไปที่ประตูไม่ลดละ
 
เมื่อประตูเปิดออกเขาก็เห็นสองร่างหล่นลงมาพร้อมกัน
คนหนึ่งอ้วนอีกคนหนึ่งผอม
และทั้งสองก็เปียกโชกไปด้วยน้ำ
 
เมื่อเห็นดังนั้นเขาก็เก็บดาบเข้าฝัก
พร้อมกับหัวเราะออกมา
 
“ ฟิลอซอเฟิสนั่นเจ้าใช่หรือไม่ ”
 
โลธอร์คำรามด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด
 
“ ปล่อยพวกเราตามหาแทบแย่มาแอบทำ... ”
 
เขาหยุดเมื่อมองเห็นใครในกรงขัง
 
เด็กทั้งสองจึงวิ่งมาดูให้แน่ใจ
 
“ พวกเจ้าตามมาถูกได้อย่างไร ”
 
ฟิโลโซเฟอร์สงสัย
 
“ อีเลียสเป็นคนแกะรอย ”
 
สหายร่างอ้วนกล่าวอย่างภูมิใจ
 
“ เป็นเพราะเจ้าทิ้งร่องรอยเอาไว้มากมายต่างหากล่ะ   แต่รอยทั้งหมดก็ได้หายไปตรงจุดนี้ ”
 
อีเลียสว่าพลางชี้ไปที่ประตู
 
“ พวกเราเลยลองเปิดดู ”
 
“ ก็ข้าหนีค้างคาวผีนั่นนี่นาเลยหลบเข้ามาในนี้โชคดีที่เจอดารีลเข้า   แล้วพวกเจ้าทำอย่างไรล่ะจึงหลบพ้น ”
 
ฟิโลโซเฟอร์ถาม
 
“ อีเลียสบอกให้มุดน้ำและมันก็ได้ผลจริงเมื่อมันไม่เห็นพวกเรามันก็ไป   แต่ตอนกลับขึ้นฝั่งมามองไม่เห็นเจ้าพวกเราตกใจแทบตาย   ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ ”
 
โลธอร์ต่อว่า
 
“ ก็ว่าอยู่ว่า   เหตุใดพวกเจ้าจึงเปียกปอนได้ถึงเพียงนี้ ”
 
เด็กน้อยร่างอ้วนยิ้มเขาหันไปมองคนที่อยู่ในกรงขัง
 
“ เจ้านี่ ”
 
โลธอร์ว่า
 
“ คงสบายดีอยู่ในกรงน่ะกลางคืนโดนผีหลอกบ้างหรือเปล่า   ทีหลังอย่าซนอีกนะประเดี๋ยวจะลำบากพวกเรามาเยี่ยม   แบบนี้ไม่ไหวเลย ”
 
“ โลธอร์อย่าไปยั่วโมโหผู้ใช้เวทมนตร์สิ ”
 
อีเลียสเตือนด้วยความตกใจ
 
“ ทำไมก็ตอนนี้เขาถูกขังอยู่แถมคทาโดนยึดไปแล้วด้วยข้ายังต้องกลัวอะไรล่ะ ”
 
ดารีลดีดนิ้วครั้งหนึ่ง
ไฟทั้งห้องก็ดับลงทั้งหมดจึงตกอยู่ในความมืดมิด
 
และเมื่อเขาดีดนิ้วเป็นครั้งที่สอง
ห้องก็กลับมาสว่างไสวเช่นเดิม
 
เจ้าเด็กร่างอ้วนถึงกับอ้าปากค้าง
เพราะเขายังติดอยู่ในความเชื่อเดิมที่ว่า
ผู้ใช้เวทมนตร์ต้องถือคทาเท่านั้นจึงจะใช้พลังได้
และยังมีผู้คนอีกมาก
ที่มีความเชื่อเช่นนี้
 
“ เด็กน้อย ”
 
ดารีลเดินมาใกล้จนหน้าผากชนกับลูกกรงเหล็ก
เขาส่งยิ้มสยองไปให้
แล้วพูดต่ออีกว่า
 
“ ไม่ใช่เพราะความซุกซนหรอกนะที่ข้าต้องมาอยู่ในนี้   แต่เป็นเพราะข้าเผลอฆ่าคนไปถึงสามคนด้วยความหิวโหย   และตอนนี้ข้าก็อดโซมาหลายวันแล้วเจ้าน่ะน่ารักจริงอุตส่าห์มาเยี่ยมได้   เข้ามานี่สิข้ามีเรื่องสำคัญจะบอก   มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่สมควรรู้ ”
 
โลธอร์ถึงกับถอยกรูดส่ายหน้าระรัว
 
“ เจ้าอย่าบังอาจคิดไม่ซื่อกับข้า   ข้าไม่ใช่เด็ก   ข้าไม่โง่และสำคัญที่สุดเนื้อข้าไม่อร่อยหรอกนะ ”
 
ว่าแล้วเขาก็ทำท่าเหมือนจะร้องไห้
อีเลียสถอยไปยืนตัวสั่นข้างสหาย
 
“ ที่ลือกันว่าดารีลเสียสติไปแล้วมันจริงใช่ไหมฟิโลโซเฟอร์ ”
 
เด็กร่างผอมกระซิบถามเบาๆ
 
ดารีลหัวเราะแล้วว่า
 
“ เกิดเป็นเจ้านี่ดีจริงข้านึกไม่ออกเลยว่าเคยหัวเราะอย่างนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่   ไม่แปลกใจเลยที่เป็นสหายของฟิโลโซเฟอร์หลอกง่ายเสียจริง ”
 
เด็กชายทั้งสองถอยหลังไปชนกรงฝั่งตรงกันข้าม
โดนไม่ทันระวังจึงถูกผีร้ายดึงเสื้อเอาไว้
 
เมื่อสลัดพ้นแล้ว
พวกเขาจึงสังเกตว่าที่นี่ไม่ได้ว่างเปล่าอย่างที่คิด
เกือบทุกกรงล้วนแล้วแต่มีศพคืนชีพ
 
“ เกิดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไรกัน ”
 
อีเลียสถึงกับอุทานออกมา
 
“ โอรีเวียถูกสร้างโดยนักบุญมนต์ขาว   แล้วเหตุใดจึงมีศพฟื้นเต็มไปหมดสิ่งเหล่านี้ใช่จะเกิดขึ้นเองได้โดยง่าย   นี่ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่   แต่ด้วยเหตุใดล่ะ   มันเป็นไปได้อย่างไร    เมืองที่แสนบริสุทธิ์เช่นโอรีเวียด้านล่างกลับดำมืด   ได้อย่างไรกัน ”
 
“ ดูเหมือนเจ้าจะเชื่อมั่นในตำราเอามากๆ อีเลียสใครกันที่คิดพลิกดูใต้ผืนพรมมันทั้งหนาและหนักออกอย่างนั้น   ผู้คนล้วนแต่เฝ้ามองหน้าฉากที่แสนงดงาม   โดยไม่สนว่าเบื้องล่างซ่อนสิ่งใดไว้   ในซากเมืองแพสทรูแลนด์ล้วนแล้วแต่มีวิญญาณอาฆาต   และด้วยพลังของผู้ใช้มนต์ขาวที่หลงผิดมันจะพลิกฟื้นเมืองโบราณที่ล่มสลายไปแห่งนี้   ให้คืนชีพกลับมาอีกครั้ง   อย่างยิ่งใหญ่ ” 
 
“ หมายความว่าใครบางคนต้องการฟื้นเมืองแพสทรูแลนด์   และเรียกราชินีเซเลียน่ากลับคืนมา ”
 
เด็กชายร่างผอมสงสัย
 
“ มาหรือไม่หาสำคัญไม่   ข้าคิดว่าใครบางคนกำลังมีแผนทำสิ่งน่ากลัวยิ่งกว่าการเปลี่ยนโอรีเวียให้กลายเป็นแดนผีร้าย   นี่แค่จุดเริ่มเล็กๆ เพียงเท่านั้น ”
 
“ เจ้าเตือนข้าเองว่าเมืองใต้ดินของโอรีเวียมีสิ่งชั่วร้าย   แล้วไงตอนนี้จึงประหลาดใจเสียเองล่ะ ”  
 
ฟิโลโซเฟอร์ท้วง
เขานั่งลงหยิบอาหารแห้งออกมาจากกระเป๋า
ยื่นผ่านกรงเข้าไปให้ดารีล
 
“ ข้าแค่ขู่เจ้าเล่นเท่านั้น   ไม่คิดว่าจะมีจริงหรอก   ก็ใครจะไปคิดล่ะแต่เรื่องที่ข้าบอกเจ้าน่ะมันมีเขียนไว้จริงนะ   แต่มิใช่ในตำรามันเป็นหนังสือนิทานบ้าบอเล่มหนึ่งเท่านั้น ”
 
“ ฟิลอสเจ้าลำเอียง ”
 
โลธอร์โวยวาย
 
“ เพื่อเจ้าแล้วข้าต้องวิ่งหนีตายทั้งหิวทั้งเหนื่อย   แต่ดูทำเข้าสิไม่แบ่งข้าสักชิ้นเลย   แบบนี้มันใช่หรือ ”
 
เขาว่าเช่นนั้น
เมื่อเห็นฟิโลโซเฟอร์ยื่นอาหารทั้งหมดให้ดารีลไปแล้ว
 
“ เอาน่าดารีลใจดีออกลองขอเขาสิ ”
 
อีเลียสแกล้งผลักสหายร่างอ้วนเข้าไปหา
 
“ หยุดนะเจ้านั่นหน้ามืดจนจะแทะกรงกินแทนข้าวแล้ว   เจ้าทำเช่นนี้เกรงว่าแม้แต่กระดูกก็คงไม่เหลือ ”
 
ดารีลฟังแล้วได้แต่ส่ายหน้า
 
“ พวกเจ้าเพี้ยนกันขนาดนี้ยังสามารถมีชีวิตรอดมาได้   ข้าต้องขอบคุณสิ่งใดกัน   จริงสิตอนนี้เวลาได้ล่วงเลยไปมากแล้ว   พวกเจ้าต้องรีบกลับไปก่อนที่ผีร้ายจะตื่นขึ้นมาหมด   ส่งคบเพลิงมาให้ข้าอันหนึ่งสิ ”
 
อีเลียยื่นให้ทันที
และด้วยเวทมนตร์ของดารีล
 
คบเพลิงที่เปียกชุ่มก็ลุกโชนขึ้น
ด้วยเปลวไฟสีเงินอมเทา
 
“ เจ้าถือนี่ไปเปลวไฟจะให้แสงสว่างแก่พวกเจ้าเพียงเท่านั้น   พวกเจ้าจะรอดพ้นจากสายตาของผู้คนและภูตผี   แต่จงระวังผู้ใช้เวทมนตร์ให้ดี   พวกเขาอาจรู้ได้ด้วยพลังของเขาเอง ”
 
จากนั้นยื่นห่อกำยานให้อีเลียส
 
“ เมื่อถึงที่หมายแล้วจงทำลายมันในเตาผิง   ผงกำยานจะช่วยกลบรอยเวทมนตร์   ไม่อย่างนั้นหากมีใครรู้เข้าพวกเจ้าได้ตอบคำถามกันลำบากแน่   เอาล่ะไปได้แล้วก่อนที่โอกาสทั้งปวงจะหมดลง ”  
 
ดารีลกล่าวเตือน
 
อีเลียสรับของและเตรียมพร้อมออกเดินทาง
แต่ฟิโลโซเฟอร์กลับคว้าลูกกรงไว้
 
“ เจ้าบอกว่าปีศาจร้ายกำลังจะตื่นแล้วให้พวกเราหนีไปในขณะที่เจ้ายังอยู่ในกรงนี่นะ ”
 
“ กรงนี่ไม่ได้ใช้สำหรับขังข้า   และถ้าไม่มีคนขวางข้าหนีได้ไวมากเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล ”
 
ว่าแล้วก็หันไปทางโลธอร์
 
“ พาเขาไป ”
 
เจ้าเด็กร่างอ้วนไม่รอช้าคว้าคอของฟิโลโซเฟอร์ลากออกไป
แต่เด็กชายตัวน้อยก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ
 
“ เดี๋ยวเจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่ ”
 
หนุ่มน้อยร่างงามยืนนิ่ง
เพิกเฉยต่อคำถามนี้
นั่นยิ่งทำให้เด็กชายร้อนใจมากขึ้นไปอีก
 
“ เจ้าบ้า   อย่ามาทำตัวโง่ๆ ในเวลาแบบนี้นะ   ไม่เช่นนั้นพวกเราจะตายกันหมด ”
 
โลธอร์คำราม
เขารู้สึกประหลาดใจไม่น้อยที่สู้แรงของฟิโลโซเฟอร์ไม่ได้
 
“ เช่นนั้นเจ้าต้องให้คำสัญญาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเจ้าต้องกลับไปหาข้า ”
 
ดารีลยิ้มเศร้า
เขาค่อยๆ แกะมือของฟิโลโซเฟอร์ออก
โดยไม่ยอมสบตาด้วยแม้เพียงชั่วแวบเดียว
 
เด็กชายตัวน้อยตั้งใจจะแผดเสียงใส่
แต่อีเลียสไหวตัวทันเขารีบอุดปากฟิโลโซเฟอร์เอาไว้
 
แล้วช่วยกันกับโลธอร์
ลากตัวคนกำลังคลั่งออกไปจนสำเร็จ
 
ดารีลนั้นยืนแนบกับกรง
จ้องมองพวกเขาจากไปจนลับตา

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา