โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
7.3
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
188 บทที่
11 วิจารณ์
137.79K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
164) เจ้าต้องให้คำสัญญา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความแต่ก่อนที่หนุ่มน้อยคนนั้นจะทันได้ตอบโต้อะไร
ก็เกิดเสียงดังที่หน้าประตู
พวกเขาหันไปทางนั้นพร้อมกัน
ฟิโลโซเฟอร์ชักดาบออกจากฝัก
แต่ดารีลกลับพับแผนที่เก็บอย่างใจเย็น
“ เช่นนั้นข้ายืมนี่ก่อนก็แล้วกัน ”
“ เอาไปเถอะ ของๆ ข้าก็คือของๆ เจ้านั่นแหละ ”
เขาว่า
แต่สายตาจ้องไปที่ประตูไม่ลดละ
เมื่อประตูเปิดออกเขาก็เห็นสองร่างหล่นลงมาพร้อมกัน
คนหนึ่งอ้วนอีกคนหนึ่งผอม
และทั้งสองก็เปียกโชกไปด้วยน้ำ
เมื่อเห็นดังนั้นเขาก็เก็บดาบเข้าฝัก
พร้อมกับหัวเราะออกมา
“ ฟิลอซอเฟิสนั่นเจ้าใช่หรือไม่ ”
โลธอร์คำรามด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด
“ ปล่อยพวกเราตามหาแทบแย่มาแอบทำ... ”
เขาหยุดเมื่อมองเห็นใครในกรงขัง
เด็กทั้งสองจึงวิ่งมาดูให้แน่ใจ
“ พวกเจ้าตามมาถูกได้อย่างไร ”
ฟิโลโซเฟอร์สงสัย
“ อีเลียสเป็นคนแกะรอย ”
สหายร่างอ้วนกล่าวอย่างภูมิใจ
“ เป็นเพราะเจ้าทิ้งร่องรอยเอาไว้มากมายต่างหากล่ะ แต่รอยทั้งหมดก็ได้หายไปตรงจุดนี้ ”
อีเลียสว่าพลางชี้ไปที่ประตู
“ พวกเราเลยลองเปิดดู ”
“ ก็ข้าหนีค้างคาวผีนั่นนี่นาเลยหลบเข้ามาในนี้โชคดีที่เจอดารีลเข้า แล้วพวกเจ้าทำอย่างไรล่ะจึงหลบพ้น ”
ฟิโลโซเฟอร์ถาม
“ อีเลียสบอกให้มุดน้ำและมันก็ได้ผลจริงเมื่อมันไม่เห็นพวกเรามันก็ไป แต่ตอนกลับขึ้นฝั่งมามองไม่เห็นเจ้าพวกเราตกใจแทบตาย ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ ”
โลธอร์ต่อว่า
“ ก็ว่าอยู่ว่า เหตุใดพวกเจ้าจึงเปียกปอนได้ถึงเพียงนี้ ”
เด็กน้อยร่างอ้วนยิ้มเขาหันไปมองคนที่อยู่ในกรงขัง
“ เจ้านี่ ”
โลธอร์ว่า
“ คงสบายดีอยู่ในกรงน่ะกลางคืนโดนผีหลอกบ้างหรือเปล่า ทีหลังอย่าซนอีกนะประเดี๋ยวจะลำบากพวกเรามาเยี่ยม แบบนี้ไม่ไหวเลย ”
“ โลธอร์อย่าไปยั่วโมโหผู้ใช้เวทมนตร์สิ ”
อีเลียสเตือนด้วยความตกใจ
“ ทำไมก็ตอนนี้เขาถูกขังอยู่แถมคทาโดนยึดไปแล้วด้วยข้ายังต้องกลัวอะไรล่ะ ”
ดารีลดีดนิ้วครั้งหนึ่ง
ไฟทั้งห้องก็ดับลงทั้งหมดจึงตกอยู่ในความมืดมิด
และเมื่อเขาดีดนิ้วเป็นครั้งที่สอง
ห้องก็กลับมาสว่างไสวเช่นเดิม
เจ้าเด็กร่างอ้วนถึงกับอ้าปากค้าง
เพราะเขายังติดอยู่ในความเชื่อเดิมที่ว่า
ผู้ใช้เวทมนตร์ต้องถือคทาเท่านั้นจึงจะใช้พลังได้
และยังมีผู้คนอีกมาก
ที่มีความเชื่อเช่นนี้
“ เด็กน้อย ”
ดารีลเดินมาใกล้จนหน้าผากชนกับลูกกรงเหล็ก
เขาส่งยิ้มสยองไปให้
แล้วพูดต่ออีกว่า
“ ไม่ใช่เพราะความซุกซนหรอกนะที่ข้าต้องมาอยู่ในนี้ แต่เป็นเพราะข้าเผลอฆ่าคนไปถึงสามคนด้วยความหิวโหย และตอนนี้ข้าก็อดโซมาหลายวันแล้วเจ้าน่ะน่ารักจริงอุตส่าห์มาเยี่ยมได้ เข้ามานี่สิข้ามีเรื่องสำคัญจะบอก มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่สมควรรู้ ”
โลธอร์ถึงกับถอยกรูดส่ายหน้าระรัว
“ เจ้าอย่าบังอาจคิดไม่ซื่อกับข้า ข้าไม่ใช่เด็ก ข้าไม่โง่และสำคัญที่สุดเนื้อข้าไม่อร่อยหรอกนะ ”
ว่าแล้วเขาก็ทำท่าเหมือนจะร้องไห้
อีเลียสถอยไปยืนตัวสั่นข้างสหาย
“ ที่ลือกันว่าดารีลเสียสติไปแล้วมันจริงใช่ไหมฟิโลโซเฟอร์ ”
เด็กร่างผอมกระซิบถามเบาๆ
ดารีลหัวเราะแล้วว่า
“ เกิดเป็นเจ้านี่ดีจริงข้านึกไม่ออกเลยว่าเคยหัวเราะอย่างนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ไม่แปลกใจเลยที่เป็นสหายของฟิโลโซเฟอร์หลอกง่ายเสียจริง ”
เด็กชายทั้งสองถอยหลังไปชนกรงฝั่งตรงกันข้าม
โดนไม่ทันระวังจึงถูกผีร้ายดึงเสื้อเอาไว้
เมื่อสลัดพ้นแล้ว
พวกเขาจึงสังเกตว่าที่นี่ไม่ได้ว่างเปล่าอย่างที่คิด
เกือบทุกกรงล้วนแล้วแต่มีศพคืนชีพ
“ เกิดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไรกัน ”
อีเลียสถึงกับอุทานออกมา
“ โอรีเวียถูกสร้างโดยนักบุญมนต์ขาว แล้วเหตุใดจึงมีศพฟื้นเต็มไปหมดสิ่งเหล่านี้ใช่จะเกิดขึ้นเองได้โดยง่าย นี่ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ แต่ด้วยเหตุใดล่ะ มันเป็นไปได้อย่างไร เมืองที่แสนบริสุทธิ์เช่นโอรีเวียด้านล่างกลับดำมืด ได้อย่างไรกัน ”
“ ดูเหมือนเจ้าจะเชื่อมั่นในตำราเอามากๆ อีเลียสใครกันที่คิดพลิกดูใต้ผืนพรมมันทั้งหนาและหนักออกอย่างนั้น ผู้คนล้วนแต่เฝ้ามองหน้าฉากที่แสนงดงาม โดยไม่สนว่าเบื้องล่างซ่อนสิ่งใดไว้ ในซากเมืองแพสทรูแลนด์ล้วนแล้วแต่มีวิญญาณอาฆาต และด้วยพลังของผู้ใช้มนต์ขาวที่หลงผิดมันจะพลิกฟื้นเมืองโบราณที่ล่มสลายไปแห่งนี้ ให้คืนชีพกลับมาอีกครั้ง อย่างยิ่งใหญ่ ”
“ หมายความว่าใครบางคนต้องการฟื้นเมืองแพสทรูแลนด์ และเรียกราชินีเซเลียน่ากลับคืนมา ”
เด็กชายร่างผอมสงสัย
“ มาหรือไม่หาสำคัญไม่ ข้าคิดว่าใครบางคนกำลังมีแผนทำสิ่งน่ากลัวยิ่งกว่าการเปลี่ยนโอรีเวียให้กลายเป็นแดนผีร้าย นี่แค่จุดเริ่มเล็กๆ เพียงเท่านั้น ”
“ เจ้าเตือนข้าเองว่าเมืองใต้ดินของโอรีเวียมีสิ่งชั่วร้าย แล้วไงตอนนี้จึงประหลาดใจเสียเองล่ะ ”
ฟิโลโซเฟอร์ท้วง
เขานั่งลงหยิบอาหารแห้งออกมาจากกระเป๋า
ยื่นผ่านกรงเข้าไปให้ดารีล
“ ข้าแค่ขู่เจ้าเล่นเท่านั้น ไม่คิดว่าจะมีจริงหรอก ก็ใครจะไปคิดล่ะแต่เรื่องที่ข้าบอกเจ้าน่ะมันมีเขียนไว้จริงนะ แต่มิใช่ในตำรามันเป็นหนังสือนิทานบ้าบอเล่มหนึ่งเท่านั้น ”
“ ฟิลอสเจ้าลำเอียง ”
โลธอร์โวยวาย
“ เพื่อเจ้าแล้วข้าต้องวิ่งหนีตายทั้งหิวทั้งเหนื่อย แต่ดูทำเข้าสิไม่แบ่งข้าสักชิ้นเลย แบบนี้มันใช่หรือ ”
เขาว่าเช่นนั้น
เมื่อเห็นฟิโลโซเฟอร์ยื่นอาหารทั้งหมดให้ดารีลไปแล้ว
“ เอาน่าดารีลใจดีออกลองขอเขาสิ ”
อีเลียสแกล้งผลักสหายร่างอ้วนเข้าไปหา
“ หยุดนะเจ้านั่นหน้ามืดจนจะแทะกรงกินแทนข้าวแล้ว เจ้าทำเช่นนี้เกรงว่าแม้แต่กระดูกก็คงไม่เหลือ ”
ดารีลฟังแล้วได้แต่ส่ายหน้า
“ พวกเจ้าเพี้ยนกันขนาดนี้ยังสามารถมีชีวิตรอดมาได้ ข้าต้องขอบคุณสิ่งใดกัน จริงสิตอนนี้เวลาได้ล่วงเลยไปมากแล้ว พวกเจ้าต้องรีบกลับไปก่อนที่ผีร้ายจะตื่นขึ้นมาหมด ส่งคบเพลิงมาให้ข้าอันหนึ่งสิ ”
อีเลียยื่นให้ทันที
และด้วยเวทมนตร์ของดารีล
คบเพลิงที่เปียกชุ่มก็ลุกโชนขึ้น
ด้วยเปลวไฟสีเงินอมเทา
“ เจ้าถือนี่ไปเปลวไฟจะให้แสงสว่างแก่พวกเจ้าเพียงเท่านั้น พวกเจ้าจะรอดพ้นจากสายตาของผู้คนและภูตผี แต่จงระวังผู้ใช้เวทมนตร์ให้ดี พวกเขาอาจรู้ได้ด้วยพลังของเขาเอง ”
จากนั้นยื่นห่อกำยานให้อีเลียส
“ เมื่อถึงที่หมายแล้วจงทำลายมันในเตาผิง ผงกำยานจะช่วยกลบรอยเวทมนตร์ ไม่อย่างนั้นหากมีใครรู้เข้าพวกเจ้าได้ตอบคำถามกันลำบากแน่ เอาล่ะไปได้แล้วก่อนที่โอกาสทั้งปวงจะหมดลง ”
ดารีลกล่าวเตือน
อีเลียสรับของและเตรียมพร้อมออกเดินทาง
แต่ฟิโลโซเฟอร์กลับคว้าลูกกรงไว้
“ เจ้าบอกว่าปีศาจร้ายกำลังจะตื่นแล้วให้พวกเราหนีไปในขณะที่เจ้ายังอยู่ในกรงนี่นะ ”
“ กรงนี่ไม่ได้ใช้สำหรับขังข้า และถ้าไม่มีคนขวางข้าหนีได้ไวมากเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล ”
ว่าแล้วก็หันไปทางโลธอร์
“ พาเขาไป ”
เจ้าเด็กร่างอ้วนไม่รอช้าคว้าคอของฟิโลโซเฟอร์ลากออกไป
แต่เด็กชายตัวน้อยก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ
“ เดี๋ยวเจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่ ”
หนุ่มน้อยร่างงามยืนนิ่ง
เพิกเฉยต่อคำถามนี้
นั่นยิ่งทำให้เด็กชายร้อนใจมากขึ้นไปอีก
“ เจ้าบ้า อย่ามาทำตัวโง่ๆ ในเวลาแบบนี้นะ ไม่เช่นนั้นพวกเราจะตายกันหมด ”
โลธอร์คำราม
เขารู้สึกประหลาดใจไม่น้อยที่สู้แรงของฟิโลโซเฟอร์ไม่ได้
“ เช่นนั้นเจ้าต้องให้คำสัญญาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเจ้าต้องกลับไปหาข้า ”
ดารีลยิ้มเศร้า
เขาค่อยๆ แกะมือของฟิโลโซเฟอร์ออก
โดยไม่ยอมสบตาด้วยแม้เพียงชั่วแวบเดียว
เด็กชายตัวน้อยตั้งใจจะแผดเสียงใส่
แต่อีเลียสไหวตัวทันเขารีบอุดปากฟิโลโซเฟอร์เอาไว้
แล้วช่วยกันกับโลธอร์
ลากตัวคนกำลังคลั่งออกไปจนสำเร็จ
ดารีลนั้นยืนแนบกับกรง
จ้องมองพวกเขาจากไปจนลับตา
ก็เกิดเสียงดังที่หน้าประตู
พวกเขาหันไปทางนั้นพร้อมกัน
ฟิโลโซเฟอร์ชักดาบออกจากฝัก
แต่ดารีลกลับพับแผนที่เก็บอย่างใจเย็น
“ เช่นนั้นข้ายืมนี่ก่อนก็แล้วกัน ”
“ เอาไปเถอะ ของๆ ข้าก็คือของๆ เจ้านั่นแหละ ”
เขาว่า
แต่สายตาจ้องไปที่ประตูไม่ลดละ
เมื่อประตูเปิดออกเขาก็เห็นสองร่างหล่นลงมาพร้อมกัน
คนหนึ่งอ้วนอีกคนหนึ่งผอม
และทั้งสองก็เปียกโชกไปด้วยน้ำ
เมื่อเห็นดังนั้นเขาก็เก็บดาบเข้าฝัก
พร้อมกับหัวเราะออกมา
“ ฟิลอซอเฟิสนั่นเจ้าใช่หรือไม่ ”
โลธอร์คำรามด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด
“ ปล่อยพวกเราตามหาแทบแย่มาแอบทำ... ”
เขาหยุดเมื่อมองเห็นใครในกรงขัง
เด็กทั้งสองจึงวิ่งมาดูให้แน่ใจ
“ พวกเจ้าตามมาถูกได้อย่างไร ”
ฟิโลโซเฟอร์สงสัย
“ อีเลียสเป็นคนแกะรอย ”
สหายร่างอ้วนกล่าวอย่างภูมิใจ
“ เป็นเพราะเจ้าทิ้งร่องรอยเอาไว้มากมายต่างหากล่ะ แต่รอยทั้งหมดก็ได้หายไปตรงจุดนี้ ”
อีเลียสว่าพลางชี้ไปที่ประตู
“ พวกเราเลยลองเปิดดู ”
“ ก็ข้าหนีค้างคาวผีนั่นนี่นาเลยหลบเข้ามาในนี้โชคดีที่เจอดารีลเข้า แล้วพวกเจ้าทำอย่างไรล่ะจึงหลบพ้น ”
ฟิโลโซเฟอร์ถาม
“ อีเลียสบอกให้มุดน้ำและมันก็ได้ผลจริงเมื่อมันไม่เห็นพวกเรามันก็ไป แต่ตอนกลับขึ้นฝั่งมามองไม่เห็นเจ้าพวกเราตกใจแทบตาย ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ ”
โลธอร์ต่อว่า
“ ก็ว่าอยู่ว่า เหตุใดพวกเจ้าจึงเปียกปอนได้ถึงเพียงนี้ ”
เด็กน้อยร่างอ้วนยิ้มเขาหันไปมองคนที่อยู่ในกรงขัง
“ เจ้านี่ ”
โลธอร์ว่า
“ คงสบายดีอยู่ในกรงน่ะกลางคืนโดนผีหลอกบ้างหรือเปล่า ทีหลังอย่าซนอีกนะประเดี๋ยวจะลำบากพวกเรามาเยี่ยม แบบนี้ไม่ไหวเลย ”
“ โลธอร์อย่าไปยั่วโมโหผู้ใช้เวทมนตร์สิ ”
อีเลียสเตือนด้วยความตกใจ
“ ทำไมก็ตอนนี้เขาถูกขังอยู่แถมคทาโดนยึดไปแล้วด้วยข้ายังต้องกลัวอะไรล่ะ ”
ดารีลดีดนิ้วครั้งหนึ่ง
ไฟทั้งห้องก็ดับลงทั้งหมดจึงตกอยู่ในความมืดมิด
และเมื่อเขาดีดนิ้วเป็นครั้งที่สอง
ห้องก็กลับมาสว่างไสวเช่นเดิม
เจ้าเด็กร่างอ้วนถึงกับอ้าปากค้าง
เพราะเขายังติดอยู่ในความเชื่อเดิมที่ว่า
ผู้ใช้เวทมนตร์ต้องถือคทาเท่านั้นจึงจะใช้พลังได้
และยังมีผู้คนอีกมาก
ที่มีความเชื่อเช่นนี้
“ เด็กน้อย ”
ดารีลเดินมาใกล้จนหน้าผากชนกับลูกกรงเหล็ก
เขาส่งยิ้มสยองไปให้
แล้วพูดต่ออีกว่า
“ ไม่ใช่เพราะความซุกซนหรอกนะที่ข้าต้องมาอยู่ในนี้ แต่เป็นเพราะข้าเผลอฆ่าคนไปถึงสามคนด้วยความหิวโหย และตอนนี้ข้าก็อดโซมาหลายวันแล้วเจ้าน่ะน่ารักจริงอุตส่าห์มาเยี่ยมได้ เข้ามานี่สิข้ามีเรื่องสำคัญจะบอก มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่สมควรรู้ ”
โลธอร์ถึงกับถอยกรูดส่ายหน้าระรัว
“ เจ้าอย่าบังอาจคิดไม่ซื่อกับข้า ข้าไม่ใช่เด็ก ข้าไม่โง่และสำคัญที่สุดเนื้อข้าไม่อร่อยหรอกนะ ”
ว่าแล้วเขาก็ทำท่าเหมือนจะร้องไห้
อีเลียสถอยไปยืนตัวสั่นข้างสหาย
“ ที่ลือกันว่าดารีลเสียสติไปแล้วมันจริงใช่ไหมฟิโลโซเฟอร์ ”
เด็กร่างผอมกระซิบถามเบาๆ
ดารีลหัวเราะแล้วว่า
“ เกิดเป็นเจ้านี่ดีจริงข้านึกไม่ออกเลยว่าเคยหัวเราะอย่างนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ไม่แปลกใจเลยที่เป็นสหายของฟิโลโซเฟอร์หลอกง่ายเสียจริง ”
เด็กชายทั้งสองถอยหลังไปชนกรงฝั่งตรงกันข้าม
โดนไม่ทันระวังจึงถูกผีร้ายดึงเสื้อเอาไว้
เมื่อสลัดพ้นแล้ว
พวกเขาจึงสังเกตว่าที่นี่ไม่ได้ว่างเปล่าอย่างที่คิด
เกือบทุกกรงล้วนแล้วแต่มีศพคืนชีพ
“ เกิดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไรกัน ”
อีเลียสถึงกับอุทานออกมา
“ โอรีเวียถูกสร้างโดยนักบุญมนต์ขาว แล้วเหตุใดจึงมีศพฟื้นเต็มไปหมดสิ่งเหล่านี้ใช่จะเกิดขึ้นเองได้โดยง่าย นี่ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ แต่ด้วยเหตุใดล่ะ มันเป็นไปได้อย่างไร เมืองที่แสนบริสุทธิ์เช่นโอรีเวียด้านล่างกลับดำมืด ได้อย่างไรกัน ”
“ ดูเหมือนเจ้าจะเชื่อมั่นในตำราเอามากๆ อีเลียสใครกันที่คิดพลิกดูใต้ผืนพรมมันทั้งหนาและหนักออกอย่างนั้น ผู้คนล้วนแต่เฝ้ามองหน้าฉากที่แสนงดงาม โดยไม่สนว่าเบื้องล่างซ่อนสิ่งใดไว้ ในซากเมืองแพสทรูแลนด์ล้วนแล้วแต่มีวิญญาณอาฆาต และด้วยพลังของผู้ใช้มนต์ขาวที่หลงผิดมันจะพลิกฟื้นเมืองโบราณที่ล่มสลายไปแห่งนี้ ให้คืนชีพกลับมาอีกครั้ง อย่างยิ่งใหญ่ ”
“ หมายความว่าใครบางคนต้องการฟื้นเมืองแพสทรูแลนด์ และเรียกราชินีเซเลียน่ากลับคืนมา ”
เด็กชายร่างผอมสงสัย
“ มาหรือไม่หาสำคัญไม่ ข้าคิดว่าใครบางคนกำลังมีแผนทำสิ่งน่ากลัวยิ่งกว่าการเปลี่ยนโอรีเวียให้กลายเป็นแดนผีร้าย นี่แค่จุดเริ่มเล็กๆ เพียงเท่านั้น ”
“ เจ้าเตือนข้าเองว่าเมืองใต้ดินของโอรีเวียมีสิ่งชั่วร้าย แล้วไงตอนนี้จึงประหลาดใจเสียเองล่ะ ”
ฟิโลโซเฟอร์ท้วง
เขานั่งลงหยิบอาหารแห้งออกมาจากกระเป๋า
ยื่นผ่านกรงเข้าไปให้ดารีล
“ ข้าแค่ขู่เจ้าเล่นเท่านั้น ไม่คิดว่าจะมีจริงหรอก ก็ใครจะไปคิดล่ะแต่เรื่องที่ข้าบอกเจ้าน่ะมันมีเขียนไว้จริงนะ แต่มิใช่ในตำรามันเป็นหนังสือนิทานบ้าบอเล่มหนึ่งเท่านั้น ”
“ ฟิลอสเจ้าลำเอียง ”
โลธอร์โวยวาย
“ เพื่อเจ้าแล้วข้าต้องวิ่งหนีตายทั้งหิวทั้งเหนื่อย แต่ดูทำเข้าสิไม่แบ่งข้าสักชิ้นเลย แบบนี้มันใช่หรือ ”
เขาว่าเช่นนั้น
เมื่อเห็นฟิโลโซเฟอร์ยื่นอาหารทั้งหมดให้ดารีลไปแล้ว
“ เอาน่าดารีลใจดีออกลองขอเขาสิ ”
อีเลียสแกล้งผลักสหายร่างอ้วนเข้าไปหา
“ หยุดนะเจ้านั่นหน้ามืดจนจะแทะกรงกินแทนข้าวแล้ว เจ้าทำเช่นนี้เกรงว่าแม้แต่กระดูกก็คงไม่เหลือ ”
ดารีลฟังแล้วได้แต่ส่ายหน้า
“ พวกเจ้าเพี้ยนกันขนาดนี้ยังสามารถมีชีวิตรอดมาได้ ข้าต้องขอบคุณสิ่งใดกัน จริงสิตอนนี้เวลาได้ล่วงเลยไปมากแล้ว พวกเจ้าต้องรีบกลับไปก่อนที่ผีร้ายจะตื่นขึ้นมาหมด ส่งคบเพลิงมาให้ข้าอันหนึ่งสิ ”
อีเลียยื่นให้ทันที
และด้วยเวทมนตร์ของดารีล
คบเพลิงที่เปียกชุ่มก็ลุกโชนขึ้น
ด้วยเปลวไฟสีเงินอมเทา
“ เจ้าถือนี่ไปเปลวไฟจะให้แสงสว่างแก่พวกเจ้าเพียงเท่านั้น พวกเจ้าจะรอดพ้นจากสายตาของผู้คนและภูตผี แต่จงระวังผู้ใช้เวทมนตร์ให้ดี พวกเขาอาจรู้ได้ด้วยพลังของเขาเอง ”
จากนั้นยื่นห่อกำยานให้อีเลียส
“ เมื่อถึงที่หมายแล้วจงทำลายมันในเตาผิง ผงกำยานจะช่วยกลบรอยเวทมนตร์ ไม่อย่างนั้นหากมีใครรู้เข้าพวกเจ้าได้ตอบคำถามกันลำบากแน่ เอาล่ะไปได้แล้วก่อนที่โอกาสทั้งปวงจะหมดลง ”
ดารีลกล่าวเตือน
อีเลียสรับของและเตรียมพร้อมออกเดินทาง
แต่ฟิโลโซเฟอร์กลับคว้าลูกกรงไว้
“ เจ้าบอกว่าปีศาจร้ายกำลังจะตื่นแล้วให้พวกเราหนีไปในขณะที่เจ้ายังอยู่ในกรงนี่นะ ”
“ กรงนี่ไม่ได้ใช้สำหรับขังข้า และถ้าไม่มีคนขวางข้าหนีได้ไวมากเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล ”
ว่าแล้วก็หันไปทางโลธอร์
“ พาเขาไป ”
เจ้าเด็กร่างอ้วนไม่รอช้าคว้าคอของฟิโลโซเฟอร์ลากออกไป
แต่เด็กชายตัวน้อยก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ
“ เดี๋ยวเจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่ ”
หนุ่มน้อยร่างงามยืนนิ่ง
เพิกเฉยต่อคำถามนี้
นั่นยิ่งทำให้เด็กชายร้อนใจมากขึ้นไปอีก
“ เจ้าบ้า อย่ามาทำตัวโง่ๆ ในเวลาแบบนี้นะ ไม่เช่นนั้นพวกเราจะตายกันหมด ”
โลธอร์คำราม
เขารู้สึกประหลาดใจไม่น้อยที่สู้แรงของฟิโลโซเฟอร์ไม่ได้
“ เช่นนั้นเจ้าต้องให้คำสัญญาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเจ้าต้องกลับไปหาข้า ”
ดารีลยิ้มเศร้า
เขาค่อยๆ แกะมือของฟิโลโซเฟอร์ออก
โดยไม่ยอมสบตาด้วยแม้เพียงชั่วแวบเดียว
เด็กชายตัวน้อยตั้งใจจะแผดเสียงใส่
แต่อีเลียสไหวตัวทันเขารีบอุดปากฟิโลโซเฟอร์เอาไว้
แล้วช่วยกันกับโลธอร์
ลากตัวคนกำลังคลั่งออกไปจนสำเร็จ
ดารีลนั้นยืนแนบกับกรง
จ้องมองพวกเขาจากไปจนลับตา
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ