โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
7.3
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
188 บทที่
11 วิจารณ์
137.63K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
153) สี่แยกเปลี่ยวร้าง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความพ่อมดดีมีนเดินทางมาถึงในเย็นวันถัดมา เขาได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในปราสาทขาวด้วยความวิตกกังวล เมื่อรู้ว่าดารีลถูกกักขังก็ยิ่งทำให้วิตกหนัก แต่พ่อมดน้อยคนนั้นก็ปฏิเสธการขอเจรจาจากเขา ทำให้จนปัญญาที่จะช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น และดูเหมือนหนุ่มน้อยดารีลจะไม่สนใจทางออกหรือความช่วยเหลือใดๆ ไม่สนแม้คำร้องขอของลอร์ดเดเวอร์ลอสผู้เป็นปู่
เมื่อผิดหวังจากดารีล พ่อมดดีมีนได้เข้าไปพบกับเด็กชายชาวซีนาร์ยถึงในหอนอน ซึ่งสร้างความตื่นตะลึงให้กับเพื่อนๆ ร่วมห้องเป็นอย่างมาก
“ เจ้ายังรู้สึกปลอดภัยดีหรือเปล่า ”
พ่อมดคนนั้นถาม
เขานั่งลงบนเตียงเดียวกับเด็กชายตัวน้อย
ความห่วงใยนั้นมีมากมายนัก
“ ไม่รู้สิ แต่ข้าก็ไม่ได้กลัวขนาดนั้น ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง ”
“ น่ากลัวว่าความวิตกกังวลในข่าวลือต่างๆ ได้แผ่ขยายไปทั่วทุกที่เสียแล้ว ผู้คนล้วนหวาดระแวงยากที่จะใช้ชีวิตอย่างปรกติสุข แต่ถ้าคำถามของเจ้าหมายถึงซีนาร์ย ข้ายังไม่มีโอกาสได้ย้อนกลับไปเลย ”
ดีมีนตอบตามตรง
“ แล้วข่าวลือที่ว่าดารีลถูกคุมขังนั้นจริงแท้แค่ไหน ”
ฟิโลโซเฟอร์ถามถึงสิ่งที่รบกวนใจเขาในตอนนี้
“ เขาก็แค่อยากพิสูจน์ตนเอง แย่หน่อยที่หนุ่มน้อยคนนั้นไม่ยอมฟังความคิดเห็นของใครเลย ”
“ แสดงว่าเป็นเรื่องจริงน่ะสิ ข้ารับรองได้เขาไม่ได้ทำเรื่องแบบนั้น ท่านต้องช่วยเขาแล้วล่ะ ท่านดีมีน ”
“ แม้แต่วาลานยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของเขา เขาปฏิเสธทุกอย่าง มุ่งหน้าไปทางเดียวที่ได้เลือกแล้ว ยากนักที่ใครจะเข้าถึงความคิดของเขา ”
คืนนั้นฟิโลโซเฟอร์นอนไม่หลับ เขาร้อนใจเกี่ยวกับเรื่องของดารีล หนุ่มน้อยท่าทางบอบบางคนนั้นว่าจะอยู่อย่างไรในคุกใต้ดิน ที่ๆ ผู้คนต่างล่ำลือกันว่าน่ากลัวยิ่งนัก
เมื่อทนความวิตกกังวลไม่ไหว เด็กชายตัวน้อยจึงแอบย่องจากเตียงในเวลาเที่ยงคืนนั้น ปีนลงจากหน้าต่างหอนอนหลุดพ้นจากสายตาของยามทั้งหลายลงสู่พื้นดิน คืนนี้ช่างมืดมิดแต่แสงไฟจากตะเกียงโคมหลายจุดก็ส่องสว่างพอให้เห็นทาง
ไอหมอกหนาแผ่กว้างทำให้บรรยากาศดูลึกลับไม่น่าไว้วางใจ เด็กน้อยเดินตัดผ่านสวนหย่อมอย่างเงียบเชียบ หวังว่าจะหาทางเล็ดลอดออกไปนอกกำแพงปราสาทสีขาวได้อย่างปลอดภัย
แต่แล้วเขาก็ต้องชะงัก ที่ใจกลางสวนหย่อม ตรงที่ทางเดินเล็กๆ ตัดผ่านกันสองสาย ร่างสูงสง่าในชุดคลุมดำกำลังนั่งอ่านหนังสือเล่มเล็กๆ อยู่บนม้านั่ง ทั้งที่แสงสว่างตรงนั้นน้อยเกินกว่าที่จะอ่านหนังสือได้
เด็กชายตัวน้อยเขม้นมองแล้วต้องประหลาดใจ ดารีลที่อยู่ในคุกใต้ดินมานั่งทำอะไรตรงนี้ ก่อนความคิดจะเตลิดไปไกลความสงสัยอย่างหนึ่งก็ผุดขึ้นมา นี่คือดารีลจริงน่ะหรือ เพราะแม้คนตรงหน้าจะคุ้นตาอย่างน่าประหลาด ดูอย่างไรก็ต้องใช่พ่อมดน้อยรูปงามคนนั้นอย่างแน่นอน แต่ทั้งที่เป็นอย่างนั้นกลับไม่คุ้นใจแม้แต่น้อย
เมื่ออยู่ใกล้ดารีลเขารู้สึกอบอุ่นปลอดภัย แต่กับคนนี้ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง สิ่งที่มองเห็นนั้นมืดครึ้มและซ่อนเร้น กลิ่นอันตรายก็รุนแรงนัก
เด็กชายตัวน้อยก้าวถอยหลัง มือเลื่อนไปจับดาบสีเงินของดารีลน่าที่พร้อมจะชักออกมาได้ทุกเมื่อ เจ้าของร่างงดงามนั้นเงยหน้าขึ้นจ้องมายังเด็กชาย คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากัน
“ ดึกดื่นป่านนี้เจ้ามาทำอะไรกัน เห็นข้าว่างมากหรืออย่างไรจึงคิดหาธุระมาให้ ”
เสียงขุ่นเข้มนั้นฟังอย่างไรก็เป็นเสียงดารีล
แต่ฟิโลโซเฟอร์กลับรู้สึกหนาวเยือกด้วยความหวาดระแวง
“ ข้าถามเจ้ายังไม่ยอมตอบอีก เถลไถลเกินไปแล้ว มานี่มาข้าจะไปส่งเจ้าบนห้องเวลานี้เจ้าควรอยู่บนเตียงมิใช่หรือ ”
คนผู้นั้นลุกขึ้นและเดินตรงเข้ามา
เด็กชายตัวน้อยชักดาบออกจากฝักโดยไม่ลังเล
เขายืนมั่นเต็มสองเท้าไม่ถอยหลังอีกต่อไปแล้ว
ปลายดาบหันไปทางผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“ เผยร่างจริงของเจ้าออกมาเสียไม่อย่างนั้นข้าไม่เกรงใจแล้ว ”
เมื่อเอ่ยเช่นนั้น
อัญมณีที่ประดับบนด้ามดาบก็เปล่งประกายขึ้น
“ ดารีลเคยบอกว่าข้าไม่สามารถตบตาเจ้าได้ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นความจริง ”
เสียงหวานใสของสตรีนางหนึ่งตอบกลับมา
ไอหมอกสีดำม้วนตัวหนาขึ้น
แล้วสตรีแสนงามในชุดสีแดงหรูหราก็ปรากฏตรงหน้า
ฟิโลโซเฟอร์เก็บดาบเข้าฝักด้วยท่าทีเหนียมอาย
เขาดึงชุดคลุมยาวให้กระชับเข้า
“ ตกลงเด็กชายคนดีของข้ากำลังจะไปที่แห่งใดกันหรือ คราวนี้ตอบข้าได้หรือยัง ”
นามถามอีกครั้งด้วยความเอ็นดู
“ ที่นี่แหละ ข้าก็นึกว่าต้องออกไปไกลถึงนอกเมือง ที่ไหนได้ใกล้กว่าที่คิดอีก ”
คำตอบของเด็กชายชาวซีนาร์ย
ทำเอาดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“ เจ้าตามหาข้าหรอกหรือ ตายจริง ข้าน่ะเฝ้ามองเจ้ามาโดยตลอดเป็นเพราะมีดารีลคอยขัดขวาง ไม่อย่างนั้นเราคงเป็นมิตรที่ดีต่อกันตั้งนานแล้ว ”
นางว่าพลางนั่งลง
แล้วกวักมือเรียกเด็กชายให้ปีนขึ้นมาบนตัก
ฟิโลโซเฟอร์นั้นทำเพียงแค่นั่งลงใกล้ๆ
สองมือวางบนเข่าของสตรีชุดแดง
แล้วช้อนตาขึ้นจ้องมองนางดังเด็กขี้ประจบ
“ ต๊าย! น่าเอ็นดู ”
นางว่า
“ น่าเสียดายที่เจ้ารู้จักกับดารีลก่อน หมอนั่นใจแคบน่าดูชมเลยทีเดียว ”
“ ไม่จริงหรอก ดารีลแค่ทำเป็นปากร้ายไปอย่างนั้นเองอันที่จริงเขาชื่นชมท่านมาก เขาบอกเสมอว่าคำแนะนำของท่านเชื่อถือได้ ”
“ จริงหรือ เช่นนั้นที่ตามหาข้าเจ้าปรารถนาสิ่งใดกัน ข้ารักเด็กทุกคนก็จริงแต่สำหรับเจ้าแล้วย่อมพิเศษอย่างแน่นอน ”
“ ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่เบื่อ ดารีลหายตัวไปเลยไม่มีเพื่อนเล่น กฎระเบียบในปราสาทขาวก็วุ่นวายข้าจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว ”
ฟิโลโซเฟอร์ตอบ
“ เด็กนอกคอกนี่นา เวลานี้ดารีลโดนกักขังในคุกใต้ดินคิดว่าไม่เกินสิบวันเขาก็ปล่อยตัวแล้วอย่ากังวลไปเลย จริงสิข้ายังไม่เคยให้ของขวัญแก่เจ้า อยากได้อะไรล่ะ สำหรับเจ้าแล้วข้าทุ่มเต็มที่ ”
“ ลูกกวาดสีสวยสักถุงใหญ่ๆ ”
เด็กชายตอบโดยไม่ลังเล
“ โอ้ไม่นะ ดารีลไม่ได้สอนเจ้าหรือต่อหน้าข้าเจ้าต้องขอสิ่งใด ”
สตรีชุดแดงมีท่าทีผิดหวัง
“ เขาบอกให้ข้าขอในสิ่งที่ต้องการมากที่สุด ตอนนี้ข้าอยากได้ลูกกวาดสีสดสวยและรสหอมหวาน เด็กผู้หญิงต้องพอใจแน่ถ้าข้ามอบให้พวกนาง ”
ฟิโลโซเฟอร์กล่าวหน้าตาเฉย
“ เด็กน้อยหนอเด็กน้อย ”
นางว่า
“ เจ้าอยากมีอาหารชั้นดีกับขนมเลิศรสวางรอเต็มโต๊ะในตอนเช้าหรือไม่ ”
เด็กชายชาวซีนาร์ยพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น
“ อยากมีหญิงงามมากมายคอยปรนนิบัติหรือไม่ ”
เขาก็พยักหน้าอีก
“ เจ้าจะได้สิ่งเหล่านี้และยิ่งกว่านี้เมื่อเจ้ามีอำนาจ ”
เด็กชายตัวน้อยกระพริบตาปริบๆ
แสดงออกถึงความข้องใจอย่างเต็มที่
“ เด็กเอ๋ยอำนาจนั้นมีพลังเป็นอย่างมาก มันจะบันดาลทุกสิ่งที่เจ้าปรารถนา ข้าสามารถนำอำนาจมาสู่เจ้าได้เพียงแต่เจ้าร้องขอ แล้วเจ้าจะกลายเป็นผู้ที่แม้แต่จอมเวทวาลานยังต้องยำเกรง สิ่งใดที่เจ้าต้องการแม้จะอยู่ในมือผู้อื่นก็ต้องเป็นของเจ้า แบบนี้ดีหรือไม่ เอาล่ะเด็กน้อยเพียงแค่บอกข้ามาว่าเจ้าต้องการสิ่งใด ”
สตรีแสนงามกล่าว
ในเวลานี้นางดูเร้นลับยิ่ง
เด็กชายตัวน้อยอ้าปากค้างด้วยตะลึงในตัวนาง
“ ข้าให้โอกาสเจ้าขอใหม่อีกครั้ง คราวนี้อย่าขอขนมหวานอีกล่ะ ”
เมื่อผิดหวังจากดารีล พ่อมดดีมีนได้เข้าไปพบกับเด็กชายชาวซีนาร์ยถึงในหอนอน ซึ่งสร้างความตื่นตะลึงให้กับเพื่อนๆ ร่วมห้องเป็นอย่างมาก
“ เจ้ายังรู้สึกปลอดภัยดีหรือเปล่า ”
พ่อมดคนนั้นถาม
เขานั่งลงบนเตียงเดียวกับเด็กชายตัวน้อย
ความห่วงใยนั้นมีมากมายนัก
“ ไม่รู้สิ แต่ข้าก็ไม่ได้กลัวขนาดนั้น ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง ”
“ น่ากลัวว่าความวิตกกังวลในข่าวลือต่างๆ ได้แผ่ขยายไปทั่วทุกที่เสียแล้ว ผู้คนล้วนหวาดระแวงยากที่จะใช้ชีวิตอย่างปรกติสุข แต่ถ้าคำถามของเจ้าหมายถึงซีนาร์ย ข้ายังไม่มีโอกาสได้ย้อนกลับไปเลย ”
ดีมีนตอบตามตรง
“ แล้วข่าวลือที่ว่าดารีลถูกคุมขังนั้นจริงแท้แค่ไหน ”
ฟิโลโซเฟอร์ถามถึงสิ่งที่รบกวนใจเขาในตอนนี้
“ เขาก็แค่อยากพิสูจน์ตนเอง แย่หน่อยที่หนุ่มน้อยคนนั้นไม่ยอมฟังความคิดเห็นของใครเลย ”
“ แสดงว่าเป็นเรื่องจริงน่ะสิ ข้ารับรองได้เขาไม่ได้ทำเรื่องแบบนั้น ท่านต้องช่วยเขาแล้วล่ะ ท่านดีมีน ”
“ แม้แต่วาลานยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของเขา เขาปฏิเสธทุกอย่าง มุ่งหน้าไปทางเดียวที่ได้เลือกแล้ว ยากนักที่ใครจะเข้าถึงความคิดของเขา ”
คืนนั้นฟิโลโซเฟอร์นอนไม่หลับ เขาร้อนใจเกี่ยวกับเรื่องของดารีล หนุ่มน้อยท่าทางบอบบางคนนั้นว่าจะอยู่อย่างไรในคุกใต้ดิน ที่ๆ ผู้คนต่างล่ำลือกันว่าน่ากลัวยิ่งนัก
เมื่อทนความวิตกกังวลไม่ไหว เด็กชายตัวน้อยจึงแอบย่องจากเตียงในเวลาเที่ยงคืนนั้น ปีนลงจากหน้าต่างหอนอนหลุดพ้นจากสายตาของยามทั้งหลายลงสู่พื้นดิน คืนนี้ช่างมืดมิดแต่แสงไฟจากตะเกียงโคมหลายจุดก็ส่องสว่างพอให้เห็นทาง
ไอหมอกหนาแผ่กว้างทำให้บรรยากาศดูลึกลับไม่น่าไว้วางใจ เด็กน้อยเดินตัดผ่านสวนหย่อมอย่างเงียบเชียบ หวังว่าจะหาทางเล็ดลอดออกไปนอกกำแพงปราสาทสีขาวได้อย่างปลอดภัย
แต่แล้วเขาก็ต้องชะงัก ที่ใจกลางสวนหย่อม ตรงที่ทางเดินเล็กๆ ตัดผ่านกันสองสาย ร่างสูงสง่าในชุดคลุมดำกำลังนั่งอ่านหนังสือเล่มเล็กๆ อยู่บนม้านั่ง ทั้งที่แสงสว่างตรงนั้นน้อยเกินกว่าที่จะอ่านหนังสือได้
เด็กชายตัวน้อยเขม้นมองแล้วต้องประหลาดใจ ดารีลที่อยู่ในคุกใต้ดินมานั่งทำอะไรตรงนี้ ก่อนความคิดจะเตลิดไปไกลความสงสัยอย่างหนึ่งก็ผุดขึ้นมา นี่คือดารีลจริงน่ะหรือ เพราะแม้คนตรงหน้าจะคุ้นตาอย่างน่าประหลาด ดูอย่างไรก็ต้องใช่พ่อมดน้อยรูปงามคนนั้นอย่างแน่นอน แต่ทั้งที่เป็นอย่างนั้นกลับไม่คุ้นใจแม้แต่น้อย
เมื่ออยู่ใกล้ดารีลเขารู้สึกอบอุ่นปลอดภัย แต่กับคนนี้ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง สิ่งที่มองเห็นนั้นมืดครึ้มและซ่อนเร้น กลิ่นอันตรายก็รุนแรงนัก
เด็กชายตัวน้อยก้าวถอยหลัง มือเลื่อนไปจับดาบสีเงินของดารีลน่าที่พร้อมจะชักออกมาได้ทุกเมื่อ เจ้าของร่างงดงามนั้นเงยหน้าขึ้นจ้องมายังเด็กชาย คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากัน
“ ดึกดื่นป่านนี้เจ้ามาทำอะไรกัน เห็นข้าว่างมากหรืออย่างไรจึงคิดหาธุระมาให้ ”
เสียงขุ่นเข้มนั้นฟังอย่างไรก็เป็นเสียงดารีล
แต่ฟิโลโซเฟอร์กลับรู้สึกหนาวเยือกด้วยความหวาดระแวง
“ ข้าถามเจ้ายังไม่ยอมตอบอีก เถลไถลเกินไปแล้ว มานี่มาข้าจะไปส่งเจ้าบนห้องเวลานี้เจ้าควรอยู่บนเตียงมิใช่หรือ ”
คนผู้นั้นลุกขึ้นและเดินตรงเข้ามา
เด็กชายตัวน้อยชักดาบออกจากฝักโดยไม่ลังเล
เขายืนมั่นเต็มสองเท้าไม่ถอยหลังอีกต่อไปแล้ว
ปลายดาบหันไปทางผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“ เผยร่างจริงของเจ้าออกมาเสียไม่อย่างนั้นข้าไม่เกรงใจแล้ว ”
เมื่อเอ่ยเช่นนั้น
อัญมณีที่ประดับบนด้ามดาบก็เปล่งประกายขึ้น
“ ดารีลเคยบอกว่าข้าไม่สามารถตบตาเจ้าได้ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นความจริง ”
เสียงหวานใสของสตรีนางหนึ่งตอบกลับมา
ไอหมอกสีดำม้วนตัวหนาขึ้น
แล้วสตรีแสนงามในชุดสีแดงหรูหราก็ปรากฏตรงหน้า
ฟิโลโซเฟอร์เก็บดาบเข้าฝักด้วยท่าทีเหนียมอาย
เขาดึงชุดคลุมยาวให้กระชับเข้า
“ ตกลงเด็กชายคนดีของข้ากำลังจะไปที่แห่งใดกันหรือ คราวนี้ตอบข้าได้หรือยัง ”
นามถามอีกครั้งด้วยความเอ็นดู
“ ที่นี่แหละ ข้าก็นึกว่าต้องออกไปไกลถึงนอกเมือง ที่ไหนได้ใกล้กว่าที่คิดอีก ”
คำตอบของเด็กชายชาวซีนาร์ย
ทำเอาดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“ เจ้าตามหาข้าหรอกหรือ ตายจริง ข้าน่ะเฝ้ามองเจ้ามาโดยตลอดเป็นเพราะมีดารีลคอยขัดขวาง ไม่อย่างนั้นเราคงเป็นมิตรที่ดีต่อกันตั้งนานแล้ว ”
นางว่าพลางนั่งลง
แล้วกวักมือเรียกเด็กชายให้ปีนขึ้นมาบนตัก
ฟิโลโซเฟอร์นั้นทำเพียงแค่นั่งลงใกล้ๆ
สองมือวางบนเข่าของสตรีชุดแดง
แล้วช้อนตาขึ้นจ้องมองนางดังเด็กขี้ประจบ
“ ต๊าย! น่าเอ็นดู ”
นางว่า
“ น่าเสียดายที่เจ้ารู้จักกับดารีลก่อน หมอนั่นใจแคบน่าดูชมเลยทีเดียว ”
“ ไม่จริงหรอก ดารีลแค่ทำเป็นปากร้ายไปอย่างนั้นเองอันที่จริงเขาชื่นชมท่านมาก เขาบอกเสมอว่าคำแนะนำของท่านเชื่อถือได้ ”
“ จริงหรือ เช่นนั้นที่ตามหาข้าเจ้าปรารถนาสิ่งใดกัน ข้ารักเด็กทุกคนก็จริงแต่สำหรับเจ้าแล้วย่อมพิเศษอย่างแน่นอน ”
“ ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่เบื่อ ดารีลหายตัวไปเลยไม่มีเพื่อนเล่น กฎระเบียบในปราสาทขาวก็วุ่นวายข้าจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว ”
ฟิโลโซเฟอร์ตอบ
“ เด็กนอกคอกนี่นา เวลานี้ดารีลโดนกักขังในคุกใต้ดินคิดว่าไม่เกินสิบวันเขาก็ปล่อยตัวแล้วอย่ากังวลไปเลย จริงสิข้ายังไม่เคยให้ของขวัญแก่เจ้า อยากได้อะไรล่ะ สำหรับเจ้าแล้วข้าทุ่มเต็มที่ ”
“ ลูกกวาดสีสวยสักถุงใหญ่ๆ ”
เด็กชายตอบโดยไม่ลังเล
“ โอ้ไม่นะ ดารีลไม่ได้สอนเจ้าหรือต่อหน้าข้าเจ้าต้องขอสิ่งใด ”
สตรีชุดแดงมีท่าทีผิดหวัง
“ เขาบอกให้ข้าขอในสิ่งที่ต้องการมากที่สุด ตอนนี้ข้าอยากได้ลูกกวาดสีสดสวยและรสหอมหวาน เด็กผู้หญิงต้องพอใจแน่ถ้าข้ามอบให้พวกนาง ”
ฟิโลโซเฟอร์กล่าวหน้าตาเฉย
“ เด็กน้อยหนอเด็กน้อย ”
นางว่า
“ เจ้าอยากมีอาหารชั้นดีกับขนมเลิศรสวางรอเต็มโต๊ะในตอนเช้าหรือไม่ ”
เด็กชายชาวซีนาร์ยพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น
“ อยากมีหญิงงามมากมายคอยปรนนิบัติหรือไม่ ”
เขาก็พยักหน้าอีก
“ เจ้าจะได้สิ่งเหล่านี้และยิ่งกว่านี้เมื่อเจ้ามีอำนาจ ”
เด็กชายตัวน้อยกระพริบตาปริบๆ
แสดงออกถึงความข้องใจอย่างเต็มที่
“ เด็กเอ๋ยอำนาจนั้นมีพลังเป็นอย่างมาก มันจะบันดาลทุกสิ่งที่เจ้าปรารถนา ข้าสามารถนำอำนาจมาสู่เจ้าได้เพียงแต่เจ้าร้องขอ แล้วเจ้าจะกลายเป็นผู้ที่แม้แต่จอมเวทวาลานยังต้องยำเกรง สิ่งใดที่เจ้าต้องการแม้จะอยู่ในมือผู้อื่นก็ต้องเป็นของเจ้า แบบนี้ดีหรือไม่ เอาล่ะเด็กน้อยเพียงแค่บอกข้ามาว่าเจ้าต้องการสิ่งใด ”
สตรีแสนงามกล่าว
ในเวลานี้นางดูเร้นลับยิ่ง
เด็กชายตัวน้อยอ้าปากค้างด้วยตะลึงในตัวนาง
“ ข้าให้โอกาสเจ้าขอใหม่อีกครั้ง คราวนี้อย่าขอขนมหวานอีกล่ะ ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ