โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
154) คำร้องขอ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความในกาลก่อนนั้น ผู้คนมากมายล้วนปรารถนาจะได้พบสตรีนางหนึ่ง ผู้ซึ่งได้รับคำกล่าวขานถึงความงามอันลึกลับ เพื่อจะทำคำร้องขออันเป็นความต้องการสูงสุดของตนให้สำฤทธิ์ผล ไม่ว่าต้องแลกด้วยสิ่งใดก็ตามที นี่เป็นครั้งแรกที่นางผู้สวมชุดสีแดงกรุยกรายได้มาพบกับเด็กชายตัวเล็กๆ เพื่อทำความปรารถนาให้เป็นจริง แต่สิ่งที่เด็กน้อยคนนั้นต้องการกลับเป็นเพียงขนมหวานห่อหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าย่อมสร้างความขัดเคืองใจแก่สตรีนางนั้นอยู่ไม่น้อย อาจเป็นเพราะเขานั้นเยาว์วัยเกินไป จึงไร้เดียงสาเกินกว่าที่จะขอสิ่งล้ำค่าอื่นใด ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นสตรีชุดแดงก็ยังไม่ละความพยายาม นางพยายามสอนพลางโน้มน้าวเด็กชายตัวน้อยจากแดนซีนาร์ยให้เขาปรารถนาในสิ่งที่นางอยากมอบให้
ฟิโลโซเฟอร์นั้นนิ่งคิดอยู่นาน
สองมือยังวางบนเข่าของสตรีชุดแดง
ปลายนิ้วชี้เขี่ยคางตนเองเล่นอย่างเกียจคร้าน
“ ถ้าข้าขอท่านจะมอบให้ข้าอย่างนั้นหรือไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร ”
เด็กชายยังคงกังขา
“ แน่นอนอยู่แล้ว เด็กดีเช่นเจ้าข้าเอ็นดูนัก ถ้าเจ้าขอมีหรือข้าจะไม่ให้ขอเพียงแต่ ”
เสียงของนางเงียบไป
“ เพียงแต่ว่าอะไรล่ะ ”
เด็กชายยืดตัวขึ้นถาม
“ อย่าได้ขอลูกกวาดแสนหวานจากข้าเลยนะ ของแบบนั้นน่ะถึงเจ้าไม่ขอข้าก็มีให้อยู่แล้ว ”
ฟิโลโซเฟอร์หัวเราะ
สตรีนางนั้นก็หัวเราะเช่นกัน
เสียงของนางหวานใสราวกับระฆังแก้วใบน้อยๆ
“ เช่นนั้นข้าขอแผนที่ทางที่จะลงสู่คุกใต้ดินแห่งโอรีเวียได้โดยง่าย ”
เด็กชายว่า
สตรีชุดแดงถึงกับหยุดหัวเราะ
“ ท่านไม่มีหรือ ”
ฟิโลโซเฟอร์หน้าเสีย
“ ตายจริงเด็กน้อย ที่อื่นศิวิไลซ์กว่ามีมากมายเจ้าอยากลงไปทำอะไรในที่อัปมงคลแบบนั้น ”
นางเอามือทาบอกสีหน้าผิดหวังราวกับคำขอนั้นผิดบาปมหันต์
“ ถ้าข้าอยากไปไหนต้องมีเหตุผลด้วยหรือ ”
เด็กชายทำตีมึน
“ ก็แหม ถ้ามีเด็กชายแสนซนคนหนึ่งบอกว่าอยากกระโจนเข้าไปในกองไฟที่ร้อนแดง ถ้าไม่ถามที่ไปที่มาเสียก่อนแล้วปล่อยเลยตามเลย ผู้คนคงได้ตำหนิข้าว่าเป็นคนล่อลวงเด็กให้ทำเช่นนั้นแน่ ไม่เอาล่ะชื่อเสียงของข้าป่นปี้กันพอดี เด็กหนอเด็กเจ้านี่ร้ายเสียจริง ”
“ คุกใต้ดินของโอรีเวียอันตรายขนาดนั้นเลยหรือ ”
หัวใจของฟิโลโซเฟอร์หล่นไปถึงตาตุ่ม
เขาร้อนรนจนแทบทนไม่ไหว
“ เป็นธรรมดาของที่ๆ ถูกปิดตาย ความมืดที่เงียบงันมักสร้างสิ่งชั่วร้าย คุกใต้ดินถูกปิดร้างมานานมากแล้วเพียงพอที่จะบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความตาย ”
สตรีชุดแดงอธิบายอย่างใจดี
“ ถ้าเช่นนั้นขอแผนที่มาเร็วๆ เถอะ หรืออย่างน้อยบอกแค่ทางลงไปก็ยังดี ”
เด็กชายว่า
“ แล้วกัน เจ้าไม่กลัวคำขู่ของข้าหรอกหรือ เด็กน้อยเจ้าเป็นอะไรไปเหตุใดจึงหาเรื่องตายเช่นนั้น คับข้องใจอย่างไรบอกข้าได้ คนสวยเช่นข้าไม่นินทาเจ้าลับหลังแน่ เกิดเรื่องใดกับเจ้ากันนะพ่อแม่ไม่รักรึก็ไม่ น้องสาวแกล้งก็ไม่เท่าไหร่ หรือโดนสาวที่หมายตาหักอกให้แล้ว ไม่เอาน่าเรื่องไร้สาระทั้งนั้น ถ้าจะไปตายเพราะเรื่องแค่นี้ขายหน้าแย่เลย ”
สตรีชุดแดงกล่าวยั่วเย้า
นางเชยคางเด็กน้อยขึ้นมาสบตากัน
“ ก็ดารีลถูกขังอยู่ที่นั่นนี่นา ”
ฟิโลโซเฟอร์ตอบตามตรง
“ อ้อ เรื่องนี้ ”
“ ท่านบอกเองว่าที่นั่นอันตรายข้าจะไปช่วยเพื่อนมันผิดด้วยหรือ ”
เด็กชายว่า
“ ช่วยเพื่อนไม่ผิดหรอก แต่ผิดที่คิดจะไปช่วยดารีล เจ้าอยู่ด้วยกันตั้งนานยังไม่รู้อีกหรือว่าแท้จริงเขาซุกซนแค่ไหน ”
สตรีชุดแดงบอก
“ ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น ”
ฟิโลโซเฟอร์กล่าวด้วยอารมณ์บูด
สตรีนางนั้นถอนหายใจยาว
“ ดารีลน่ะไม่ใช่คนที่ใครจะทำอะไรเขาได้ง่ายๆ ถ้าเขาไม่อยากไปใครก็พาเขาไปไม่ได้ ในทางกลับกันถ้าเขาจะไปใครก็หยุดเขาไม่ได้เช่นกัน เขาเป็นคนที่เดินตามทางที่ตนเองขีดขึ้นมาเท่านั้น ที่ต้องลงไปคุกใต้ดินก็เป็นความต้องการของเขาเอง ”
“ แล้วคนบ้าที่ไหนอยากโดนขังในคุกมืดที่แสนอันตรายบ้าง ”
เด็กชายแย้ง
“ ข้านึกว่าเจ้าจะรู้ จริงๆ แล้วปราสาทแห่งโอรีเวียสร้างทับเมืองเก่าเอาไว้ และคุกใต้ดินมีทางเชื่อมไปยังเมืองโบราณที่ฝังอยู่ใต้ดินนั้น ทีนี้พอเข้าใจหรือยังว่าเหตุใดดารีลจึงอยากไปที่นั่น เจ้าอย่าตามเขาไปเลยนะคนพิลึกแบบนั้นน่าเบื่อจะตาย ”
“ แต่ท่านเคยชมว่าเขาเก่งนี่นา ”
“ จริง แล้วอย่างไรล่ะ ”
นางว่า
พลางรู้สึกสงสัย
เด็กชายตัวน้อยนี่กำลังจะกล่าวสิ่งใด
“ ส่วนข้าไม่เก่งอะไรเลย ดารีลนั้นทั้งเก่งทั้งฉลาด ข้าตั้งใจจะลงไปเพื่อซื้อใจเขา ในกาลข้างหน้าเขาจะเป็นกำลังสำคัญที่จะผลักข้าขึ้นเป็นใหญ่เหนือคนทั้งปวง ”
สตรีชุดแดงถึงกับกระพริบตาปริบๆ
ด้วยความพิศวง
“ หนุ่มน้อยหน้ามนคนนั้นไม่ใช่ของเล่น เจ้ารับมือเขาไม่ได้ คิดจะหลอกใช้ดารีลเจ้าเจ้าคิดผิดแล้ว เขาน่ะร้ายกาจเกินกว่าเจ้าจะคิดถึง เด็กเอ๋ยข้อเสนอนี้ของเจ้าน่าสนใจ ติดแค่มันเป็นไปได้ยาก ”
นางกล่าวด้วยสีหน้าสุดเอ็นดู
“ เลี้ยงลูกงูพิษให้เชื่องเป็นเรื่องท้าทาย ถ้าสามารถดึงดารีลมาเป็นพวกย่อมเกิดประโยชน์ไม่น้อย ข้าแค่อยากลงไป เพื่อให้พ่อมดน้อยคนนั้นเห็นว่าข้าจริงใจกับเขา เมื่อต้องการปีนขึ้นสู่จุดสูงสุดบันไดย่อมเป็นสิ่งทุ่นแรงที่จำเป็นต้องมีมิใช่หรือ ”
เด็กชายตัวน้อยบอก
“ อู้ ไม่นึกว่าเจ้าจะฉลาดคิดได้ถึงเพียงนี้ แต่เชื่อเถอะข้าน่ะจริงใจที่สุดแล้วดารีลไม่ได้ใจดีอย่างที่แสดงให้เห็น ถ้าหากแนวทางแตกต่างกันเขาก็พร้อมจะพังเจ้าเอาง่ายๆ หนุ่มน้อยคนนั้นไม่รู้จักอ่อนข้อ ทางเลือกของเขามีแค่หักกับขาด แม้บางครั้งเขาจะยอมลงให้แต่ในความจริงคือเขาคิดแผนตลบหลังอยู่ คนแบบนี้เจ้าอย่าหวังพึ่งให้เสียเวลาเลย ในกาลข้างหน้าเขานั้นจะเป็นภัย ”
“ แต่ข้าเชื่อมั่นว่าของอันตรายย่อมมีประโยชน์อนันต์ เมื่อใฝ่สูงก็ควรต้องเสี่ยง ”
“ เจ้านี่ดื้อดึงเสียจริง แต่เอาเถอะถ้าอยากลองก็คงต้องเป็นตามนั้น ถือว่าข้าเตือนเจ้าแล้วนะ ”
เมื่อกล่าวเช่นนั้นแล้ว
สตรีแสนงามผู้สวมชุดคลุมสีแดง
ก็มอบม้วนกระดาษหนังสีน้ำตาลอ่อนให้เขา
กลุ่มไอหมอกสีดำม้วนตัวใกล้เข้ามา
แล้วทุกอย่างก็ดับลง
ฟิโลโซเฟอร์ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
บนเตียงของตนเอง
ในหอนอนแห่งโอรีเวีย
ม้วนกระดาษนั้นยังกำแน่นอยู่ในมือ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ