โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  135.47K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

153) สี่แยกเปลี่ยวร้าง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

พ่อมดดีมีนเดินทางมาถึงในเย็นวันถัดมา   เขาได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในปราสาทขาวด้วยความวิตกกังวล   เมื่อรู้ว่าดารีลถูกกักขังก็ยิ่งทำให้วิตกหนัก   แต่พ่อมดน้อยคนนั้นก็ปฏิเสธการขอเจรจาจากเขา   ทำให้จนปัญญาที่จะช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น   และดูเหมือนหนุ่มน้อยดารีลจะไม่สนใจทางออกหรือความช่วยเหลือใดๆ ไม่สนแม้คำร้องขอของลอร์ดเดเวอร์ลอสผู้เป็นปู่

 

เมื่อผิดหวังจากดารีล   พ่อมดดีมีนได้เข้าไปพบกับเด็กชายชาวซีนาร์ยถึงในหอนอน   ซึ่งสร้างความตื่นตะลึงให้กับเพื่อนๆ ร่วมห้องเป็นอย่างมาก

 

“ เจ้ายังรู้สึกปลอดภัยดีหรือเปล่า ”  

 

พ่อมดคนนั้นถาม

เขานั่งลงบนเตียงเดียวกับเด็กชายตัวน้อย

ความห่วงใยนั้นมีมากมายนัก

 

“ ไม่รู้สิ   แต่ข้าก็ไม่ได้กลัวขนาดนั้น   ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง ”

 

“ น่ากลัวว่าความวิตกกังวลในข่าวลือต่างๆ ได้แผ่ขยายไปทั่วทุกที่เสียแล้ว   ผู้คนล้วนหวาดระแวงยากที่จะใช้ชีวิตอย่างปรกติสุข   แต่ถ้าคำถามของเจ้าหมายถึงซีนาร์ย   ข้ายังไม่มีโอกาสได้ย้อนกลับไปเลย ”

 

ดีมีนตอบตามตรง

 

“ แล้วข่าวลือที่ว่าดารีลถูกคุมขังนั้นจริงแท้แค่ไหน ”

 

ฟิโลโซเฟอร์ถามถึงสิ่งที่รบกวนใจเขาในตอนนี้

 

“ เขาก็แค่อยากพิสูจน์ตนเอง   แย่หน่อยที่หนุ่มน้อยคนนั้นไม่ยอมฟังความคิดเห็นของใครเลย ”

 

“ แสดงว่าเป็นเรื่องจริงน่ะสิ   ข้ารับรองได้เขาไม่ได้ทำเรื่องแบบนั้น   ท่านต้องช่วยเขาแล้วล่ะ   ท่านดีมีน ”

 

“ แม้แต่วาลานยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของเขา   เขาปฏิเสธทุกอย่าง   มุ่งหน้าไปทางเดียวที่ได้เลือกแล้ว   ยากนักที่ใครจะเข้าถึงความคิดของเขา ”

 

 

            คืนนั้นฟิโลโซเฟอร์นอนไม่หลับ   เขาร้อนใจเกี่ยวกับเรื่องของดารีล   หนุ่มน้อยท่าทางบอบบางคนนั้นว่าจะอยู่อย่างไรในคุกใต้ดิน   ที่ๆ ผู้คนต่างล่ำลือกันว่าน่ากลัวยิ่งนัก

 

เมื่อทนความวิตกกังวลไม่ไหว   เด็กชายตัวน้อยจึงแอบย่องจากเตียงในเวลาเที่ยงคืนนั้น   ปีนลงจากหน้าต่างหอนอนหลุดพ้นจากสายตาของยามทั้งหลายลงสู่พื้นดิน   คืนนี้ช่างมืดมิดแต่แสงไฟจากตะเกียงโคมหลายจุดก็ส่องสว่างพอให้เห็นทาง

 

ไอหมอกหนาแผ่กว้างทำให้บรรยากาศดูลึกลับไม่น่าไว้วางใจ   เด็กน้อยเดินตัดผ่านสวนหย่อมอย่างเงียบเชียบ   หวังว่าจะหาทางเล็ดลอดออกไปนอกกำแพงปราสาทสีขาวได้อย่างปลอดภัย  

 

แต่แล้วเขาก็ต้องชะงัก   ที่ใจกลางสวนหย่อม   ตรงที่ทางเดินเล็กๆ ตัดผ่านกันสองสาย   ร่างสูงสง่าในชุดคลุมดำกำลังนั่งอ่านหนังสือเล่มเล็กๆ อยู่บนม้านั่ง   ทั้งที่แสงสว่างตรงนั้นน้อยเกินกว่าที่จะอ่านหนังสือได้  

 

เด็กชายตัวน้อยเขม้นมองแล้วต้องประหลาดใจ   ดารีลที่อยู่ในคุกใต้ดินมานั่งทำอะไรตรงนี้   ก่อนความคิดจะเตลิดไปไกลความสงสัยอย่างหนึ่งก็ผุดขึ้นมา   นี่คือดารีลจริงน่ะหรือ   เพราะแม้คนตรงหน้าจะคุ้นตาอย่างน่าประหลาด   ดูอย่างไรก็ต้องใช่พ่อมดน้อยรูปงามคนนั้นอย่างแน่นอน   แต่ทั้งที่เป็นอย่างนั้นกลับไม่คุ้นใจแม้แต่น้อย  

 

เมื่ออยู่ใกล้ดารีลเขารู้สึกอบอุ่นปลอดภัย   แต่กับคนนี้ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง   สิ่งที่มองเห็นนั้นมืดครึ้มและซ่อนเร้น   กลิ่นอันตรายก็รุนแรงนัก

 

เด็กชายตัวน้อยก้าวถอยหลัง   มือเลื่อนไปจับดาบสีเงินของดารีลน่าที่พร้อมจะชักออกมาได้ทุกเมื่อ   เจ้าของร่างงดงามนั้นเงยหน้าขึ้นจ้องมายังเด็กชาย   คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากัน

 

“ ดึกดื่นป่านนี้เจ้ามาทำอะไรกัน   เห็นข้าว่างมากหรืออย่างไรจึงคิดหาธุระมาให้ ”

 

เสียงขุ่นเข้มนั้นฟังอย่างไรก็เป็นเสียงดารีล

แต่ฟิโลโซเฟอร์กลับรู้สึกหนาวเยือกด้วยความหวาดระแวง

 

“ ข้าถามเจ้ายังไม่ยอมตอบอีก   เถลไถลเกินไปแล้ว   มานี่มาข้าจะไปส่งเจ้าบนห้องเวลานี้เจ้าควรอยู่บนเตียงมิใช่หรือ ” 

 

คนผู้นั้นลุกขึ้นและเดินตรงเข้ามา

 

เด็กชายตัวน้อยชักดาบออกจากฝักโดยไม่ลังเล

เขายืนมั่นเต็มสองเท้าไม่ถอยหลังอีกต่อไปแล้ว

ปลายดาบหันไปทางผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้า

 

“ เผยร่างจริงของเจ้าออกมาเสียไม่อย่างนั้นข้าไม่เกรงใจแล้ว ”

 

เมื่อเอ่ยเช่นนั้น

อัญมณีที่ประดับบนด้ามดาบก็เปล่งประกายขึ้น

 

“ ดารีลเคยบอกว่าข้าไม่สามารถตบตาเจ้าได้   นึกไม่ถึงว่าจะเป็นความจริง ”

 

เสียงหวานใสของสตรีนางหนึ่งตอบกลับมา

ไอหมอกสีดำม้วนตัวหนาขึ้น

แล้วสตรีแสนงามในชุดสีแดงหรูหราก็ปรากฏตรงหน้า

 

ฟิโลโซเฟอร์เก็บดาบเข้าฝักด้วยท่าทีเหนียมอาย

เขาดึงชุดคลุมยาวให้กระชับเข้า

 

“ ตกลงเด็กชายคนดีของข้ากำลังจะไปที่แห่งใดกันหรือ   คราวนี้ตอบข้าได้หรือยัง ”

 

นามถามอีกครั้งด้วยความเอ็นดู

   

“ ที่นี่แหละ   ข้าก็นึกว่าต้องออกไปไกลถึงนอกเมือง   ที่ไหนได้ใกล้กว่าที่คิดอีก ”

 

คำตอบของเด็กชายชาวซีนาร์ย

ทำเอาดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้นด้วยความประหลาดใจ

 

“ เจ้าตามหาข้าหรอกหรือ   ตายจริง   ข้าน่ะเฝ้ามองเจ้ามาโดยตลอดเป็นเพราะมีดารีลคอยขัดขวาง   ไม่อย่างนั้นเราคงเป็นมิตรที่ดีต่อกันตั้งนานแล้ว ”

 

นางว่าพลางนั่งลง

แล้วกวักมือเรียกเด็กชายให้ปีนขึ้นมาบนตัก

 

ฟิโลโซเฟอร์นั้นทำเพียงแค่นั่งลงใกล้ๆ

สองมือวางบนเข่าของสตรีชุดแดง

แล้วช้อนตาขึ้นจ้องมองนางดังเด็กขี้ประจบ

 

“ ต๊าย! น่าเอ็นดู ”

 

นางว่า

 

“ น่าเสียดายที่เจ้ารู้จักกับดารีลก่อน   หมอนั่นใจแคบน่าดูชมเลยทีเดียว ”

 

“ ไม่จริงหรอก   ดารีลแค่ทำเป็นปากร้ายไปอย่างนั้นเองอันที่จริงเขาชื่นชมท่านมาก   เขาบอกเสมอว่าคำแนะนำของท่านเชื่อถือได้ ”

 

“ จริงหรือ   เช่นนั้นที่ตามหาข้าเจ้าปรารถนาสิ่งใดกัน   ข้ารักเด็กทุกคนก็จริงแต่สำหรับเจ้าแล้วย่อมพิเศษอย่างแน่นอน ” 

 

“ ไม่มีอะไรหรอก   ข้าแค่เบื่อ   ดารีลหายตัวไปเลยไม่มีเพื่อนเล่น   กฎระเบียบในปราสาทขาวก็วุ่นวายข้าจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว ”

 

ฟิโลโซเฟอร์ตอบ

 

“ เด็กนอกคอกนี่นา   เวลานี้ดารีลโดนกักขังในคุกใต้ดินคิดว่าไม่เกินสิบวันเขาก็ปล่อยตัวแล้วอย่ากังวลไปเลย   จริงสิข้ายังไม่เคยให้ของขวัญแก่เจ้า   อยากได้อะไรล่ะ   สำหรับเจ้าแล้วข้าทุ่มเต็มที่ ”

 

“ ลูกกวาดสีสวยสักถุงใหญ่ๆ ” 

 

เด็กชายตอบโดยไม่ลังเล

 

“ โอ้ไม่นะ   ดารีลไม่ได้สอนเจ้าหรือต่อหน้าข้าเจ้าต้องขอสิ่งใด ”

 

สตรีชุดแดงมีท่าทีผิดหวัง

 

“ เขาบอกให้ข้าขอในสิ่งที่ต้องการมากที่สุด   ตอนนี้ข้าอยากได้ลูกกวาดสีสดสวยและรสหอมหวาน   เด็กผู้หญิงต้องพอใจแน่ถ้าข้ามอบให้พวกนาง ”

 

ฟิโลโซเฟอร์กล่าวหน้าตาเฉย

 

“ เด็กน้อยหนอเด็กน้อย ”

 

นางว่า

 

“ เจ้าอยากมีอาหารชั้นดีกับขนมเลิศรสวางรอเต็มโต๊ะในตอนเช้าหรือไม่ ”

 

เด็กชายชาวซีนาร์ยพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น

 

“ อยากมีหญิงงามมากมายคอยปรนนิบัติหรือไม่ ”

 

เขาก็พยักหน้าอีก

 

“ เจ้าจะได้สิ่งเหล่านี้และยิ่งกว่านี้เมื่อเจ้ามีอำนาจ ”

 

เด็กชายตัวน้อยกระพริบตาปริบๆ

แสดงออกถึงความข้องใจอย่างเต็มที่

 

“ เด็กเอ๋ยอำนาจนั้นมีพลังเป็นอย่างมาก   มันจะบันดาลทุกสิ่งที่เจ้าปรารถนา   ข้าสามารถนำอำนาจมาสู่เจ้าได้เพียงแต่เจ้าร้องขอ   แล้วเจ้าจะกลายเป็นผู้ที่แม้แต่จอมเวทวาลานยังต้องยำเกรง   สิ่งใดที่เจ้าต้องการแม้จะอยู่ในมือผู้อื่นก็ต้องเป็นของเจ้า   แบบนี้ดีหรือไม่   เอาล่ะเด็กน้อยเพียงแค่บอกข้ามาว่าเจ้าต้องการสิ่งใด ”

 

สตรีแสนงามกล่าว

ในเวลานี้นางดูเร้นลับยิ่ง

 

เด็กชายตัวน้อยอ้าปากค้างด้วยตะลึงในตัวนาง

 

“ ข้าให้โอกาสเจ้าขอใหม่อีกครั้ง   คราวนี้อย่าขอขนมหวานอีกล่ะ ”

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา