โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
7.3
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
188 บทที่
11 วิจารณ์
137.99K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
148) กล่าวลา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความดารีลไปปรากฏตัวที่หอนอนของเจ้าหญิงลูเซียน่าตั้งแต่เช้าตรู่ เขานำของกำนัลมากมายติดมือไปด้วย เมื่อหญิงรับใช้ต้อนรับเขาเข้าห้อง หนุ่มน้อยคนนั้นก็มอบของกำนัลแก่พวกนาง มีเพียงกล่องไม้ขัดเงาสีน้ำตาลทองเท่านั้นที่เขายังเก็บไว้ไม่มอบให้ผู้ใด
“ หลังๆ มานี้เจ้าไม่เคยแจ้งล่วงหน้าก่อนมาพบข้าเลย ดูสิอาหารที่เตรียมไว้ต้อนรับเลยมีได้เท่านี้ พวกนางกำนัลก็หมดปัญญาที่จะหาของชั้นดีได้ในเวลาอันรวดเร็ว ”
พระนางตัดพ้อ
ทั้งที่ความจริงอาหารที่ตั้งบนโต๊ะก็ถือว่าดีพอสมควรแล้ว
“ แค่น้ำชากับขนมปังปิ้งสองสามชิ้นก็เพียงพอแล้ว อย่าลำบากเพราะข้าเลย ”
ดารีลว่า
พลางลุกขึ้นมาเลื่อนเก้าอี้ให้เจ้าหญิงแสนสวยนั่งหันหน้าเข้าหาเขา
“ กล่าวเช่นนี้ข้ายิ่งรู้สึกผิดที่บกพร่องหนัก ความพึงพอใจของเจ้าคือความยินดีของข้า เพื่อเจ้าแล้วทุกอย่างต้องดีที่สุด ”
หญิงรับใช้ได้นำของกำนัลที่ดารีลมอบให้มาแสดงให้เจ้าหญิงดู
ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องประดับล้ำค่า
“ เจ้าคงไม่ได้ตั้งใจมาหาข้า เพียงเพราะของเหล่านี้หรอกนะ ดูไม่เหมือนเจ้าเอาเสียเลย ”
พระนางตรัสเช่นนั้น
แม้จะพึงใจในของกำนัลที่เขามอบให้ไม่น้อย
“ อันที่จริง ข้ามาที่นี่เพราะมีเรื่องหนึ่งต้องรับผิดต่อท่าน ”
ดารีลกบอกเรียบๆ
หลังจากจิบน้ำน้ำชาไปอึกหนึ่ง
พระนางจึงจ้องหน้าเขา
ด้วยดวงหทัยที่หวาดหวั่น
เค้าลางของความกังวล
ได้ปรากฏชัดตรงหน้าแล้ว
“ เจ้าทำอะไรลงไปอย่างนั้นหรือ ”
“ หลังจากทบทวนมาหลายครั้ง ข้าต้องประหลาดใจที่พวกเราสามารถมาได้ไกลขนาดนี้ ทั้งที่ความเป็นจริงไม่ควรเป็นเช่นนี้เลย แต่สุดท้ายมีสิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับ เราทั้งคู่เดินมาสุดจนทางแล้ว ”
ดารีลกล่าวทั้งหมดโดยไม่สะทกสะท้าน
“ เจ้ากำลังจะบอกอะไรกันแน่ ”
“ ข้าได้ส่งจดหมายไปยังเมืองอันดอรีสเพื่อให้ส่งคนมารับตัวท่านกลับไป นับจากวันนี้ข้าไม่อาจรับรองความปรอดภัยให้ท่านได้ ”
“ ข้าจะไปต่อเมื่อเจ้าไปด้วยเท่านั้น ”
เจ้าหญิงลูเซียน่าตรัส
พระสุระเสียงนั้นเด็ดขาดยิ่งนัก
“ ไม่มีใครสมควรอยู่เคียงข้างข้า ท่านเองก็รู้ ข้าไม่ได้เป็นผู้ที่ท่านวาดฝันอีกต่อไปแล้ว มันจะดีที่สุดหากเราไม่พบกัน ข้าจึงอยากให้ท่านไปเสีย หลบให้พ้นจากทุกสายตา รวมทั้งข้าด้วย ”
“ ข้าขอร้องให้เจ้าปล่อยวาง คิดไม่ถึงสิ่งที่เจ้าปล่อยไปกลับกลายเป็นข้าเอง ดารีลอย่าทำแบบนี้เลยนะเจ้ายังมีทางเลือก หรือหากเจ้ายังดึงดันจะเลือกทางนั้นก็ให้ข้าไปด้วยเถิด ”
“ ท่านหญิง ชีวิตข้านั้นมืดมนนักในเมื่อท่านคือแสงสว่างเดียวของข้า ก็อยากรักษาไว้ให้นาน ได้โปรดเชื่อฟังข้าอีกสักครั้ง ข้าให้คำมั่นว่าหากเรื่องร้ายๆ จบลงและเราทั้งคู่ยังมีชีวิตอยู่ ข้าจะตามหาท่านต่อให้พลิกแผ่นดินแผ่นฟ้าข้าก็จะตามหาท่านจนพบ เมื่อถึงเวลานั้นแล้วเราจะไม่พรากจากจากกันอีกเลย ”
พ่อมดน้อยได้กล่าวคำสัญญา
“ เจ้าไม่ใช่ผู้อยู่รอด หากเจ้าเลือกทางนั้นมีเพียงความตายที่รออยู่ ข้าสามารถมองเห็นทุกอย่างได้จากตรงนี้ ”
พระนางกล่าว
“ สิ่งที่ท่านเห็นคือความคิดของข้า หาใช่ความจริงในอนาคตไม่ เมื่อเวลาเปลี่ยนข้าอาจเปลี่ยนก็ได้ ”
“ เจ้าไม่เปลี่ยนหรอก ”
“ ในเมื่อท่านรู้แน่เช่นนี้แล้วเหตุใดจึงพยายามอยู่ ”
“ เจ้าบอกให้ข้าไป แต่กับเด็กน้อยคนนั้นเจ้ากลับให้อยู่ เพราะอะไรกัน ”
เจ้าหญิงลูเซียน่าถามถึงฟิโลโซเฟอร์
“ เด็กคนนั้นมีชะตากรรมเป็นของตนเอง แต่ถึงอย่างไรข้าก็ได้บอกลาเขาล่วงหน้าไปแล้ว ที่ให้เขาอยู่เพราะว่าข้าจะเป็นคนจากไปเอง ในวันหนึ่งข้างหน้า ”
“ แต่ข้ารักเจ้าอย่าให้ข้าไปเลยนะ ข้าไม่อยากรอฟังข่าวร้ายของเจ้า ไม่ว่าเรื่องใดๆ ก็ตาม ”
“ ท่านเห็นชะตากรรมของท่านหรือไม่ ”
ดารีลย้อนถาม
“ ข้าไม่สน ข้าจะอยู่กับเจ้า หรืออย่างน้อยได้ตายในอ้อมแขนของเจ้าก็ยังดี อย่าให้ข้าจากไปเลยนะข้าต้องขาดใจตายแน่ถ้าไม่มีเจ้า ”
“ ท่านหญิง เมื่อแรกข้าได้พบท่านข้าก็หวังให้ท่านเป็นสุข นี่คือสิ่งที่ข้าทุ่มเททั้งความสามารถและเวลาเพื่อท่าน ”
เขาว่าพลางเปิดกล่องไม้นั้น
เม็ดยาสีอำพันเม็ดหนึ่งวางอยู่บนผ้ากำมะหยี่สีเข้ม
“ ท่านจะกลับมาแข็งแรงดังคนทั่วไป โดยไม่ต้องพึ่งสิ่งวิเศษใดๆ อีก ”
ว่าแล้วก็เลื่อนไปให้เจ้าหญิง
พระนางลูเซียน่าคุกเข่าลง
ด้วยสีหน้าเจ็บปวด
หนุ่มน้อยคนนั้นได้คว้าคว้ามือบอบบางนั้น
ไว้แต่ไม่ดึงให้ลุกขึ้น
“ อย่าลดเกียรติตนเองเพื่อข้าเลย ”
“ ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็จะปล่อยมือข้าไปอย่างนั้นหรือ ”
ดารีลได้แต่ก้มหน้ารับผิด
เขาไม่อาจทำชีวิตให้ดีกว่านี้อีกแล้ว
ไม่นานหลังจากนั้น
เจ้าหญิงลูเซียน่าก็จากไปพร้อมกับขบวนเสด็จที่แข็งแกร่ง
ในวันนั้น
ไร้วี่แววของพ่อมดน้อยดารีล
ที่มายืนส่งเสด็จเหมือนเช่นเคย
เจ้าหญิงได้แต่เฝ้ามองกลับหลัง
ดูปราสาทขาวที่ห่างไกลออกไป
เรื่องราวแสนหวานดังเทพนิยายได้พังทลายลง
พร้อมกับน้ำพระเนตรที่ร่วงหล่น
วันข้างหน้าช่างมืดมิดและสิ้นหวังเหลือเกิน
มีเสียงเล่าลือมากมายเกี่ยวกับการจากไปของเจ้าหญิง
เป็นเรื่องให้ซุบซิบได้ไม่เว้นแต่ละวัน
“ ได้ยินมาว่าพวกเขาเลิกคบกัน ”
โลธอร์โอดครวญ
“ อุตส่าห์คิดว่าจะได้ไปร่วมงานอภิเษกสมรส หมดกันขนมหวานแห่งอันดอรีส ”
“ นี่คือทั้งหมดที่เจ้าคิดหรือ ”
ฟีไลร่าท้วง
“ แล้วมันไม่ดีหรือไง งานมงคลน่ะ ”
“ เจ้ารู้หรือเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้น ข้าได้ยินมาว่าเป็นเพราะเจ้าหญิงลูเซียน่าทนนิสัยประหลาดของดารีลไม่ไหว เดี๋ยวคุ้มดีคุ้มร้าย อาละวาดผู้คนไปทั่ว จนพระนางเบื่อที่ต้องคอยตามล้างตามเช็ดให้ ”
เลโอน่าหันไปถามเด็กชายชาวซีนาร์ย
“ ข้าจะไม่ถามเขา เว้นแต่เขาจะพูดออกมาเอง ข้าบอกได้อย่างหนึ่งดารีลนั้นเศร้าใจเป็นอย่างมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น และสำหรับข้าแล้วข่าวลือที่ว่ามาล้วนแต่ไร้สาระทั้งสิ้น ”
“ แต่ข้าไม่คิดเช่นนั้นเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล ”
อีเลียสว่าบ้าง
“ ทั้งที่ไม่มีเค้าลางมาก่อน พวกเขากลับเลือกที่จะแยกจากกันเรื่องนี้ต้องมีเหตุผล ข้าเชื่อฟิโลโซเฟอร์ข่าวลือพวกนี้ไม่เป็นจริง คนปล่อยข่าวอาจเป็นดารีลเองด้วยซ้ำ เจ้าหญิงนั้นหลงใหลในตัวหมอนั่นมากไม่มีทางตัดใจได้แน่ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม ”
เด็กน้อยร่างผอมว่าพลางเคาะนิ้วเป็นจังหวะกับหนังสือปกหนา
“ ด้วยนิสัยของดารีลที่ชอบวางแผนและทำอะไรเป็นขั้นเป็นตอน คงจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ เขาจึงผลักดันเจ้าหญิงลูเซียน่าออกไปก่อนที่จะเกิดเหตุร้าย ”
“ แล้วเหตุใดเขาจึงไม่บอกพวกเราบ้างล่ะ ”
ฟีไลร่าท้วง
“ ก็เราไม่สำคัญอย่างไรล่ะ คิดว่าเราเป็นใครคิดว่าหมอนั่นเป็นคนแบบไหน ถ้าไม่มีผลประโยชน์บางอย่างเขาไม่แลใครหรอกนะ และเราก็ไร้ค่าเกินไปสำหรับเขา ”
“ เจ้ากล่าวเกินไปแล้วอีเลียส ถ้าว่ากันตามตรงจอมเวทวาลานนั้นสามารถก่อประโยชน์ให้เขาไม่น้อยเลย แม้ต่อหน้าเขาจะกล่าวเข้าข้างจอมเวทวาลานแต่ในความเป็นจริงที่เรารู้ๆ กันว่าดารีลนั้นทำตัวห่างเหินพ่อมดเฒ่านั่นอยู่ตลอด ”
ฟิโลโซเฟอร์แย้ง
“ อาจเป็นเพราะจอมเวทวาลานนั้นรู้เท่าทัน ว่าแต่เจ้าล่ะคนพลัดถิ่นตัวน้อย เขาได้บอกอะไรเจ้าบ้างเกี่ยวกับตัวตนของเขาหรือเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้นในโอรีเวียแห่งนี้ ”
เด็กชายตัวน้อยนิ่งอึ้งไป
เรื่องราวในค่ำคืนนอกกำแพงเมืองโอรีเวียวนเวียนอยู่ในหัว
เขารู้ว่าหนุ่มน้อยรูปงามคนนั้นพยายามบอกเขาถึงบางสิ่งบางอย่าง
แต่ก็ช่างเถิด
เมื่อลมหายใจของพวกเขาเป่ารดกันและกัน
เรื่องราวของวันข้างหน้าก็สุดแล้วแต่จะเป็นไป
ส่วนเรื่องราวในคืนนั้น
ก็จดจำกันสองคนก็พอ
“ หลังๆ มานี้เจ้าไม่เคยแจ้งล่วงหน้าก่อนมาพบข้าเลย ดูสิอาหารที่เตรียมไว้ต้อนรับเลยมีได้เท่านี้ พวกนางกำนัลก็หมดปัญญาที่จะหาของชั้นดีได้ในเวลาอันรวดเร็ว ”
พระนางตัดพ้อ
ทั้งที่ความจริงอาหารที่ตั้งบนโต๊ะก็ถือว่าดีพอสมควรแล้ว
“ แค่น้ำชากับขนมปังปิ้งสองสามชิ้นก็เพียงพอแล้ว อย่าลำบากเพราะข้าเลย ”
ดารีลว่า
พลางลุกขึ้นมาเลื่อนเก้าอี้ให้เจ้าหญิงแสนสวยนั่งหันหน้าเข้าหาเขา
“ กล่าวเช่นนี้ข้ายิ่งรู้สึกผิดที่บกพร่องหนัก ความพึงพอใจของเจ้าคือความยินดีของข้า เพื่อเจ้าแล้วทุกอย่างต้องดีที่สุด ”
หญิงรับใช้ได้นำของกำนัลที่ดารีลมอบให้มาแสดงให้เจ้าหญิงดู
ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องประดับล้ำค่า
“ เจ้าคงไม่ได้ตั้งใจมาหาข้า เพียงเพราะของเหล่านี้หรอกนะ ดูไม่เหมือนเจ้าเอาเสียเลย ”
พระนางตรัสเช่นนั้น
แม้จะพึงใจในของกำนัลที่เขามอบให้ไม่น้อย
“ อันที่จริง ข้ามาที่นี่เพราะมีเรื่องหนึ่งต้องรับผิดต่อท่าน ”
ดารีลกบอกเรียบๆ
หลังจากจิบน้ำน้ำชาไปอึกหนึ่ง
พระนางจึงจ้องหน้าเขา
ด้วยดวงหทัยที่หวาดหวั่น
เค้าลางของความกังวล
ได้ปรากฏชัดตรงหน้าแล้ว
“ เจ้าทำอะไรลงไปอย่างนั้นหรือ ”
“ หลังจากทบทวนมาหลายครั้ง ข้าต้องประหลาดใจที่พวกเราสามารถมาได้ไกลขนาดนี้ ทั้งที่ความเป็นจริงไม่ควรเป็นเช่นนี้เลย แต่สุดท้ายมีสิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับ เราทั้งคู่เดินมาสุดจนทางแล้ว ”
ดารีลกล่าวทั้งหมดโดยไม่สะทกสะท้าน
“ เจ้ากำลังจะบอกอะไรกันแน่ ”
“ ข้าได้ส่งจดหมายไปยังเมืองอันดอรีสเพื่อให้ส่งคนมารับตัวท่านกลับไป นับจากวันนี้ข้าไม่อาจรับรองความปรอดภัยให้ท่านได้ ”
“ ข้าจะไปต่อเมื่อเจ้าไปด้วยเท่านั้น ”
เจ้าหญิงลูเซียน่าตรัส
พระสุระเสียงนั้นเด็ดขาดยิ่งนัก
“ ไม่มีใครสมควรอยู่เคียงข้างข้า ท่านเองก็รู้ ข้าไม่ได้เป็นผู้ที่ท่านวาดฝันอีกต่อไปแล้ว มันจะดีที่สุดหากเราไม่พบกัน ข้าจึงอยากให้ท่านไปเสีย หลบให้พ้นจากทุกสายตา รวมทั้งข้าด้วย ”
“ ข้าขอร้องให้เจ้าปล่อยวาง คิดไม่ถึงสิ่งที่เจ้าปล่อยไปกลับกลายเป็นข้าเอง ดารีลอย่าทำแบบนี้เลยนะเจ้ายังมีทางเลือก หรือหากเจ้ายังดึงดันจะเลือกทางนั้นก็ให้ข้าไปด้วยเถิด ”
“ ท่านหญิง ชีวิตข้านั้นมืดมนนักในเมื่อท่านคือแสงสว่างเดียวของข้า ก็อยากรักษาไว้ให้นาน ได้โปรดเชื่อฟังข้าอีกสักครั้ง ข้าให้คำมั่นว่าหากเรื่องร้ายๆ จบลงและเราทั้งคู่ยังมีชีวิตอยู่ ข้าจะตามหาท่านต่อให้พลิกแผ่นดินแผ่นฟ้าข้าก็จะตามหาท่านจนพบ เมื่อถึงเวลานั้นแล้วเราจะไม่พรากจากจากกันอีกเลย ”
พ่อมดน้อยได้กล่าวคำสัญญา
“ เจ้าไม่ใช่ผู้อยู่รอด หากเจ้าเลือกทางนั้นมีเพียงความตายที่รออยู่ ข้าสามารถมองเห็นทุกอย่างได้จากตรงนี้ ”
พระนางกล่าว
“ สิ่งที่ท่านเห็นคือความคิดของข้า หาใช่ความจริงในอนาคตไม่ เมื่อเวลาเปลี่ยนข้าอาจเปลี่ยนก็ได้ ”
“ เจ้าไม่เปลี่ยนหรอก ”
“ ในเมื่อท่านรู้แน่เช่นนี้แล้วเหตุใดจึงพยายามอยู่ ”
“ เจ้าบอกให้ข้าไป แต่กับเด็กน้อยคนนั้นเจ้ากลับให้อยู่ เพราะอะไรกัน ”
เจ้าหญิงลูเซียน่าถามถึงฟิโลโซเฟอร์
“ เด็กคนนั้นมีชะตากรรมเป็นของตนเอง แต่ถึงอย่างไรข้าก็ได้บอกลาเขาล่วงหน้าไปแล้ว ที่ให้เขาอยู่เพราะว่าข้าจะเป็นคนจากไปเอง ในวันหนึ่งข้างหน้า ”
“ แต่ข้ารักเจ้าอย่าให้ข้าไปเลยนะ ข้าไม่อยากรอฟังข่าวร้ายของเจ้า ไม่ว่าเรื่องใดๆ ก็ตาม ”
“ ท่านเห็นชะตากรรมของท่านหรือไม่ ”
ดารีลย้อนถาม
“ ข้าไม่สน ข้าจะอยู่กับเจ้า หรืออย่างน้อยได้ตายในอ้อมแขนของเจ้าก็ยังดี อย่าให้ข้าจากไปเลยนะข้าต้องขาดใจตายแน่ถ้าไม่มีเจ้า ”
“ ท่านหญิง เมื่อแรกข้าได้พบท่านข้าก็หวังให้ท่านเป็นสุข นี่คือสิ่งที่ข้าทุ่มเททั้งความสามารถและเวลาเพื่อท่าน ”
เขาว่าพลางเปิดกล่องไม้นั้น
เม็ดยาสีอำพันเม็ดหนึ่งวางอยู่บนผ้ากำมะหยี่สีเข้ม
“ ท่านจะกลับมาแข็งแรงดังคนทั่วไป โดยไม่ต้องพึ่งสิ่งวิเศษใดๆ อีก ”
ว่าแล้วก็เลื่อนไปให้เจ้าหญิง
พระนางลูเซียน่าคุกเข่าลง
ด้วยสีหน้าเจ็บปวด
หนุ่มน้อยคนนั้นได้คว้าคว้ามือบอบบางนั้น
ไว้แต่ไม่ดึงให้ลุกขึ้น
“ อย่าลดเกียรติตนเองเพื่อข้าเลย ”
“ ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็จะปล่อยมือข้าไปอย่างนั้นหรือ ”
ดารีลได้แต่ก้มหน้ารับผิด
เขาไม่อาจทำชีวิตให้ดีกว่านี้อีกแล้ว
ไม่นานหลังจากนั้น
เจ้าหญิงลูเซียน่าก็จากไปพร้อมกับขบวนเสด็จที่แข็งแกร่ง
ในวันนั้น
ไร้วี่แววของพ่อมดน้อยดารีล
ที่มายืนส่งเสด็จเหมือนเช่นเคย
เจ้าหญิงได้แต่เฝ้ามองกลับหลัง
ดูปราสาทขาวที่ห่างไกลออกไป
เรื่องราวแสนหวานดังเทพนิยายได้พังทลายลง
พร้อมกับน้ำพระเนตรที่ร่วงหล่น
วันข้างหน้าช่างมืดมิดและสิ้นหวังเหลือเกิน
มีเสียงเล่าลือมากมายเกี่ยวกับการจากไปของเจ้าหญิง
เป็นเรื่องให้ซุบซิบได้ไม่เว้นแต่ละวัน
“ ได้ยินมาว่าพวกเขาเลิกคบกัน ”
โลธอร์โอดครวญ
“ อุตส่าห์คิดว่าจะได้ไปร่วมงานอภิเษกสมรส หมดกันขนมหวานแห่งอันดอรีส ”
“ นี่คือทั้งหมดที่เจ้าคิดหรือ ”
ฟีไลร่าท้วง
“ แล้วมันไม่ดีหรือไง งานมงคลน่ะ ”
“ เจ้ารู้หรือเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้น ข้าได้ยินมาว่าเป็นเพราะเจ้าหญิงลูเซียน่าทนนิสัยประหลาดของดารีลไม่ไหว เดี๋ยวคุ้มดีคุ้มร้าย อาละวาดผู้คนไปทั่ว จนพระนางเบื่อที่ต้องคอยตามล้างตามเช็ดให้ ”
เลโอน่าหันไปถามเด็กชายชาวซีนาร์ย
“ ข้าจะไม่ถามเขา เว้นแต่เขาจะพูดออกมาเอง ข้าบอกได้อย่างหนึ่งดารีลนั้นเศร้าใจเป็นอย่างมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น และสำหรับข้าแล้วข่าวลือที่ว่ามาล้วนแต่ไร้สาระทั้งสิ้น ”
“ แต่ข้าไม่คิดเช่นนั้นเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล ”
อีเลียสว่าบ้าง
“ ทั้งที่ไม่มีเค้าลางมาก่อน พวกเขากลับเลือกที่จะแยกจากกันเรื่องนี้ต้องมีเหตุผล ข้าเชื่อฟิโลโซเฟอร์ข่าวลือพวกนี้ไม่เป็นจริง คนปล่อยข่าวอาจเป็นดารีลเองด้วยซ้ำ เจ้าหญิงนั้นหลงใหลในตัวหมอนั่นมากไม่มีทางตัดใจได้แน่ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม ”
เด็กน้อยร่างผอมว่าพลางเคาะนิ้วเป็นจังหวะกับหนังสือปกหนา
“ ด้วยนิสัยของดารีลที่ชอบวางแผนและทำอะไรเป็นขั้นเป็นตอน คงจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ เขาจึงผลักดันเจ้าหญิงลูเซียน่าออกไปก่อนที่จะเกิดเหตุร้าย ”
“ แล้วเหตุใดเขาจึงไม่บอกพวกเราบ้างล่ะ ”
ฟีไลร่าท้วง
“ ก็เราไม่สำคัญอย่างไรล่ะ คิดว่าเราเป็นใครคิดว่าหมอนั่นเป็นคนแบบไหน ถ้าไม่มีผลประโยชน์บางอย่างเขาไม่แลใครหรอกนะ และเราก็ไร้ค่าเกินไปสำหรับเขา ”
“ เจ้ากล่าวเกินไปแล้วอีเลียส ถ้าว่ากันตามตรงจอมเวทวาลานนั้นสามารถก่อประโยชน์ให้เขาไม่น้อยเลย แม้ต่อหน้าเขาจะกล่าวเข้าข้างจอมเวทวาลานแต่ในความเป็นจริงที่เรารู้ๆ กันว่าดารีลนั้นทำตัวห่างเหินพ่อมดเฒ่านั่นอยู่ตลอด ”
ฟิโลโซเฟอร์แย้ง
“ อาจเป็นเพราะจอมเวทวาลานนั้นรู้เท่าทัน ว่าแต่เจ้าล่ะคนพลัดถิ่นตัวน้อย เขาได้บอกอะไรเจ้าบ้างเกี่ยวกับตัวตนของเขาหรือเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้นในโอรีเวียแห่งนี้ ”
เด็กชายตัวน้อยนิ่งอึ้งไป
เรื่องราวในค่ำคืนนอกกำแพงเมืองโอรีเวียวนเวียนอยู่ในหัว
เขารู้ว่าหนุ่มน้อยรูปงามคนนั้นพยายามบอกเขาถึงบางสิ่งบางอย่าง
แต่ก็ช่างเถิด
เมื่อลมหายใจของพวกเขาเป่ารดกันและกัน
เรื่องราวของวันข้างหน้าก็สุดแล้วแต่จะเป็นไป
ส่วนเรื่องราวในคืนนั้น
ก็จดจำกันสองคนก็พอ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ