โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
7.3
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
188 บทที่
11 วิจารณ์
137.98K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
147) ฝัน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความในค่ำคืนนั้น
ฟีไลร่าฝันไปว่าได้เดินไปตามทางอันมืดมิด
มีเพียงตะเกียงอันเล็กที่ใช้ส่องนำทาง
ไร้ผู้คนไร้จุดหมาย
แม้สรรพเสียงใดๆ ก็ไม่ปรากฏให้ได้ยิน
หมอกมืดมัวรอบกายชวนให้หวาดวิตก
สองข้างทางล้วนแต่เงามืดของแนวป่าทึบ
เด็กหญิงผมสีเงินแห่งเมืองไอโอเนียได้แต่ตื่นกลัวต่อฝันประหลาดนี้
ไม่ว่าจะมองไปทางใดก็ไร้ที่พึ่ง
ที่ปลายสุดของแสงตะเกียง
มีร่างหนึ่งเดินอยู่ห่างออกไปข้างหน้า
คนผู้นั้นแลดูสูงโปร่งอยู่ในชุดคลุมดำคุ้นตาเป็นที่สุด
ฟีไลร่าไม่รอช้ารีบวิ่งตามไป
แต่เหมือนยิ่งตามยิ่งห่าง
เด็กหญิงได้พยายามอย่างไม่ลดละ
จนมาถึงสี่แยกแห่งหนึ่ง
ร่างนั้นจึงหยุดท่ามกลางหมอกหนาขมุกขมัว
เด็กหญิงผมสีเงินจึงไล่ตามมาทัน
และเมื่อร่างนั้นหันกลับมา
เมื่อหมอกค่อยๆ จางหาย
สตรีนางหนึ่งก็ยืนอยู่ตรงหน้า
งดงามไร้ที่ติ
ดวงตาคมวาวริมฝีปากอิ่มสีสด
กับรอยยิ้มหวานหยาดเยิ้มเชิญชวนที่ให้ความหวังบางอย่างแก่ผู้ได้พบเห็น
เด็กหญิงคนนั้นต้องสะดุดกึก
สตรีทรงเสน่ห์ตรงหน้าชวนให้สงสัย
นางต้องเคยพบมาก่อนอย่างแน่นอน
ด้วยอาภรหรูหราสีแดงดูโดดเด่น
แม้กิริยาท่าทางนั้นจะอ่อนโยนและเป็นมิตร
แต่เด็กหญิงตัวน้อยก็ยังสัมผัสถึงพลังอำนาจที่ร้ายกาจคุกคาม
ที่ซ่อนอยู่ในแววตาคู่สวยนั้น
“ แม่หนูน้อยหลงทางอย่างนั้นหรือ ”
รอยยิ้มว่าหวานแล้วน้ำเสียงกลับหวานเสียยิ่งกว่า
แต่ฟีไลร่าตอบสนองการทักทายนั้นด้วยการก้าวถอยหลัง
“ ตายจริงขี้ตื่นหรือนี่ โถน่าสงสารจริงเด็กเอ๋ยเด็กน้อย เจ้าคงโดดเดี่ยวล่ะสิมารดาของเจ้าไม่เคยกอดเจ้าหรือไร ว้าเหว่หรือเปล่าเงียบเหงาหรือเปล่า มานี่มาข้าน่ะสามารถปลอบใจเจ้าได้นะ ”
เด็กหญิงผมสีเงินส่ายหัว
ดวงตากลมโตจ้องหญิงตนนั้นแทบไม่กระพริบ
นางเริ่มจำสตรีตรงหน้าได้แล้ว
“ นี่จะกลัวข้าไปใย พวกเราเคยพบกัน ข้าให้ที่พักหลบลมหนาวแล้วก็ขนมแสนอร่อย ”
“ ไม่จริง นี่คือความฝันนางไม่มีอยู่จริง ”
ฟีไลร่าเอ่ยขึ้นเป็นครั้งแรก
ด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“ เพ้อเจ้อแล้วฝันที่ไหนกัน นี่คือจริงที่สุด จับมือข้าสิเดินมากับข้า เจ้าเหน็บหนาวและว้าเหว่ข้าเองที่รู้ ”
นางว่าพลางนั่งลงและอ้าแขนออก
“ มาหาข้าให้ข้าได้กอดเจ้า ข้าจะเป็นดังมารดาของเจ้ารักเจ้าและเข้าใจเจ้าให้มากกว่าบิดาของเจ้า ”
คำพูดนั้นล้วนเต็มไปด้วยความหวัง
และหนทางที่ดูเป็นไปได้
ฟีไลร่านั้นมีปรารถนามากมาย
ที่ไม่อาจเป็นจริงได้สตรีนางนี้คือหนทางเดียว
ที่จะนำมาซึ่งทุกสิ่ง
ตำนานสตรีรูปงามแห่งโอรีเวียวิ่งผ่านเข้ามาในหัว
ผู้ซึ่งทุกคนต่างอยากพบเจอ
เพื่อปรารถนาจะบรรลุผล
แม้ต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม
เด็กหญิงแห่งไอโอเนียก้าวขาเข้าไปหา
แม้ความคิดจะสับสนวุ่นวาย
ทั้งความกลัวและหวาดระแวง
แต่ความต้องการเบื้องลึกนั้นมีมากกว่า
ก่อนจะเอื้อมมือไปถึงนาง
ภาพของสตรีนางหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในใจ
ทั้งขาวซีดและเศร้าหมอง
แววตาสิ้นหวังนั้นจ้องมองมา
“ เจ้าต้องอดทนและคิดถึงส่วนรวมให้มาก ”
สตรีนางนั้นกระซิบเสียงแผ่ว
“ และจงจำไว้ ข้านั้นรักเจ้าและจะรักเจ้าไปตราบนานเท่านาน ”
รอยยิ้มบางๆ จับที่ริมฝีปาก
ราวกับกำลังเอ่ยคำลาที่ยากแสน
ฟีไลร่าสะดุ้งตื่นจากภวังค์
สตรีชุดแดงตรงหน้ายังคงอยู่
งดงามอ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยเล่ห์กล
กิริยาอ่อนหวานเจือด้วยการเสแสร้ง
แม้คำเชิญชวนก็ยังมีอำนาจแห่งการบังคับ
“ ข้าไม่หลงเชื่อเจ้าหรอก ”
เด็กหญิงว่า
“ แล้วกันยังไม่ทันไรก็หาว่าข้าคิดร้ายเสียแล้ว ”
สตรีนางนั้นตัดพ้อ
“ เจ้ามาหาข้าต้องการอะไรแน่ ”
ฟีไลร่าทำเสียงแข็ง
“ ข้าอยากให้เจ้าเป็นสุขทำไมล่ะผิดด้วยหรือ ”
นางตัดพ้อ
“ ต่อหน้าเจ้าไม่มีใครเป็นสุขได้ ”
“ เจ้ารู้จักข้าด้วยหรือ ”
นางกล่าวพลางยืดกายขึ้น
สูงสง่าและข่มขวัญ
เด็กหญิงตัวน้อยแห่งไอโอเนียกลั้นหายใจ
แต่ไม่ยอมถอยหลังไปอีก
“ ใช่ ”
นางว่า
“ ข้ารู้จักสตรีเช่นเจ้า หญิงแพศยาแห่งโอรีเวีย ”
จบคำพูดนั้นเสียงกรีดร้องก็ดังก้องขึ้นในความมืด
ทั้งเจ็บแค้นและสิ้นหวัง
กรีดลึกลงในใจของผู้ได้ยิน
ก่อนที่ทุกอย่างจะสงบลง
และ
เด็กหญิงตัวน้อยได้ลืมตาขึ้น
บนเตียงนุ่มๆ ที่อบอุ่น
ของหอนอนหญิง
แห่งโอรีเวีย
ฟีไลร่าฝันไปว่าได้เดินไปตามทางอันมืดมิด
มีเพียงตะเกียงอันเล็กที่ใช้ส่องนำทาง
ไร้ผู้คนไร้จุดหมาย
แม้สรรพเสียงใดๆ ก็ไม่ปรากฏให้ได้ยิน
หมอกมืดมัวรอบกายชวนให้หวาดวิตก
สองข้างทางล้วนแต่เงามืดของแนวป่าทึบ
เด็กหญิงผมสีเงินแห่งเมืองไอโอเนียได้แต่ตื่นกลัวต่อฝันประหลาดนี้
ไม่ว่าจะมองไปทางใดก็ไร้ที่พึ่ง
ที่ปลายสุดของแสงตะเกียง
มีร่างหนึ่งเดินอยู่ห่างออกไปข้างหน้า
คนผู้นั้นแลดูสูงโปร่งอยู่ในชุดคลุมดำคุ้นตาเป็นที่สุด
ฟีไลร่าไม่รอช้ารีบวิ่งตามไป
แต่เหมือนยิ่งตามยิ่งห่าง
เด็กหญิงได้พยายามอย่างไม่ลดละ
จนมาถึงสี่แยกแห่งหนึ่ง
ร่างนั้นจึงหยุดท่ามกลางหมอกหนาขมุกขมัว
เด็กหญิงผมสีเงินจึงไล่ตามมาทัน
และเมื่อร่างนั้นหันกลับมา
เมื่อหมอกค่อยๆ จางหาย
สตรีนางหนึ่งก็ยืนอยู่ตรงหน้า
งดงามไร้ที่ติ
ดวงตาคมวาวริมฝีปากอิ่มสีสด
กับรอยยิ้มหวานหยาดเยิ้มเชิญชวนที่ให้ความหวังบางอย่างแก่ผู้ได้พบเห็น
เด็กหญิงคนนั้นต้องสะดุดกึก
สตรีทรงเสน่ห์ตรงหน้าชวนให้สงสัย
นางต้องเคยพบมาก่อนอย่างแน่นอน
ด้วยอาภรหรูหราสีแดงดูโดดเด่น
แม้กิริยาท่าทางนั้นจะอ่อนโยนและเป็นมิตร
แต่เด็กหญิงตัวน้อยก็ยังสัมผัสถึงพลังอำนาจที่ร้ายกาจคุกคาม
ที่ซ่อนอยู่ในแววตาคู่สวยนั้น
“ แม่หนูน้อยหลงทางอย่างนั้นหรือ ”
รอยยิ้มว่าหวานแล้วน้ำเสียงกลับหวานเสียยิ่งกว่า
แต่ฟีไลร่าตอบสนองการทักทายนั้นด้วยการก้าวถอยหลัง
“ ตายจริงขี้ตื่นหรือนี่ โถน่าสงสารจริงเด็กเอ๋ยเด็กน้อย เจ้าคงโดดเดี่ยวล่ะสิมารดาของเจ้าไม่เคยกอดเจ้าหรือไร ว้าเหว่หรือเปล่าเงียบเหงาหรือเปล่า มานี่มาข้าน่ะสามารถปลอบใจเจ้าได้นะ ”
เด็กหญิงผมสีเงินส่ายหัว
ดวงตากลมโตจ้องหญิงตนนั้นแทบไม่กระพริบ
นางเริ่มจำสตรีตรงหน้าได้แล้ว
“ นี่จะกลัวข้าไปใย พวกเราเคยพบกัน ข้าให้ที่พักหลบลมหนาวแล้วก็ขนมแสนอร่อย ”
“ ไม่จริง นี่คือความฝันนางไม่มีอยู่จริง ”
ฟีไลร่าเอ่ยขึ้นเป็นครั้งแรก
ด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“ เพ้อเจ้อแล้วฝันที่ไหนกัน นี่คือจริงที่สุด จับมือข้าสิเดินมากับข้า เจ้าเหน็บหนาวและว้าเหว่ข้าเองที่รู้ ”
นางว่าพลางนั่งลงและอ้าแขนออก
“ มาหาข้าให้ข้าได้กอดเจ้า ข้าจะเป็นดังมารดาของเจ้ารักเจ้าและเข้าใจเจ้าให้มากกว่าบิดาของเจ้า ”
คำพูดนั้นล้วนเต็มไปด้วยความหวัง
และหนทางที่ดูเป็นไปได้
ฟีไลร่านั้นมีปรารถนามากมาย
ที่ไม่อาจเป็นจริงได้สตรีนางนี้คือหนทางเดียว
ที่จะนำมาซึ่งทุกสิ่ง
ตำนานสตรีรูปงามแห่งโอรีเวียวิ่งผ่านเข้ามาในหัว
ผู้ซึ่งทุกคนต่างอยากพบเจอ
เพื่อปรารถนาจะบรรลุผล
แม้ต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม
เด็กหญิงแห่งไอโอเนียก้าวขาเข้าไปหา
แม้ความคิดจะสับสนวุ่นวาย
ทั้งความกลัวและหวาดระแวง
แต่ความต้องการเบื้องลึกนั้นมีมากกว่า
ก่อนจะเอื้อมมือไปถึงนาง
ภาพของสตรีนางหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในใจ
ทั้งขาวซีดและเศร้าหมอง
แววตาสิ้นหวังนั้นจ้องมองมา
“ เจ้าต้องอดทนและคิดถึงส่วนรวมให้มาก ”
สตรีนางนั้นกระซิบเสียงแผ่ว
“ และจงจำไว้ ข้านั้นรักเจ้าและจะรักเจ้าไปตราบนานเท่านาน ”
รอยยิ้มบางๆ จับที่ริมฝีปาก
ราวกับกำลังเอ่ยคำลาที่ยากแสน
ฟีไลร่าสะดุ้งตื่นจากภวังค์
สตรีชุดแดงตรงหน้ายังคงอยู่
งดงามอ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยเล่ห์กล
กิริยาอ่อนหวานเจือด้วยการเสแสร้ง
แม้คำเชิญชวนก็ยังมีอำนาจแห่งการบังคับ
“ ข้าไม่หลงเชื่อเจ้าหรอก ”
เด็กหญิงว่า
“ แล้วกันยังไม่ทันไรก็หาว่าข้าคิดร้ายเสียแล้ว ”
สตรีนางนั้นตัดพ้อ
“ เจ้ามาหาข้าต้องการอะไรแน่ ”
ฟีไลร่าทำเสียงแข็ง
“ ข้าอยากให้เจ้าเป็นสุขทำไมล่ะผิดด้วยหรือ ”
นางตัดพ้อ
“ ต่อหน้าเจ้าไม่มีใครเป็นสุขได้ ”
“ เจ้ารู้จักข้าด้วยหรือ ”
นางกล่าวพลางยืดกายขึ้น
สูงสง่าและข่มขวัญ
เด็กหญิงตัวน้อยแห่งไอโอเนียกลั้นหายใจ
แต่ไม่ยอมถอยหลังไปอีก
“ ใช่ ”
นางว่า
“ ข้ารู้จักสตรีเช่นเจ้า หญิงแพศยาแห่งโอรีเวีย ”
จบคำพูดนั้นเสียงกรีดร้องก็ดังก้องขึ้นในความมืด
ทั้งเจ็บแค้นและสิ้นหวัง
กรีดลึกลงในใจของผู้ได้ยิน
ก่อนที่ทุกอย่างจะสงบลง
และ
เด็กหญิงตัวน้อยได้ลืมตาขึ้น
บนเตียงนุ่มๆ ที่อบอุ่น
ของหอนอนหญิง
แห่งโอรีเวีย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ