โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  135.61K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

146) ศพในพุ่มไม้

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ที่อนุสาวรีย์แห่งภราดรภาพโคมไฟส่งวิญญาณวางเรียงรายสว่างไสว   แต่บรรยากาศกลับดูเงียบเหงาวังเวง   เมื่อฟีไลร่าไปถึงที่นั่นคนอื่นๆ ก็เข้าไปในปราสาทหมดแล้ว   นางจึงวางตะเกียงแล้วเดินฝ่ากลางสวนไปยังประตูปราสาท

 

หิงห้อยตัวนั้นจึงถูกปล่อยเป็นอิสระ   เด็กหญิงแห่งไอโอเนียได้แต่เฝ้ามองแสงสีเหลืองทองดวงน้อยๆ ที่ค่อยๆ ปลิวหายไปในความมืด   สิ่งล้ำค่าที่นางเฝ้าปรารถนาแม้อยู่ใกล้เพียงนี้   ก็ไม่อาจไขว่คว้ามาเป็นของคน   ดังหิงห้อยตัวนี้ที่จำต้องปล่อยไป   

 

 

ฟีไลร่าไปยังโถงอาหาร   ซึ่งตอนนี้เหลือเพียงหนึ่งซุ้มที่กำลังเก็บข้าวของเตรียมตัวกลับ   แต่สตรีขายของก็ยังเอื้อเฟื้อ   มอบขนมปังแท่งยาวพร้อมกับน้ำซุบก้นหม้อที่กำลังจะเย็นชืดให้โดยไม่คิดราคา   

 

เด็กคนอื่นๆ ต่างเข้าหอนอนกันหมดแล้ว   ตามโถงทางเดินจึงว่างเปล่าไร้ผู้คน   แต่ที่ห้องนั่งเล่นกลับยังมีเสียงพูดคุยกันอยู่

 

“ ข้าต้องออกไป   ท่านเข้าใจไหม   ข้าจำเป็นต้องไปตามหานาง ”

 

เลโอน่าเสียงดัง

 

“ ไม่ได้   นี่มันจะวุ่นวายกันไปใหญ่แล้ว   มีคนหายไปสองคนแล้วยังมีศพของยามอีก   ถ้าข้าปล่อยพวกเจ้าออกไปก็มีแต่จะเกิดเรื่องวุ่นวาย   กลับเข้านอนได้แล้ว   เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า   คนของปราสาทขาวจะจัดการทุกอย่างเอง   พรุ่งนี้เช้าค่อยมาตามข่าวก็ยังไม่สาย ”

 

อาจารย์เลวิชว่าอย่างใจเย็น

 

“ ไม่เกี่ยวได้อย่างไรพวกเขาล้วนเป็นเพื่อนของเรา   ถ้าเพื่อนกันยังไม่คิดไปช่วย   จะหวังให้คนอื่นช่วยมันถูกต้องหรือ ”

 

ฟิโลโซเฟอร์แย้ง

 

“ หยุดนะ   พวกเจ้าล้วนเป็นเด็ก   เรื่องนี้มันใหญ่เกินตัว   ปล่อยให้ผู้ใหญ่เขาตามหาเถอะ ”

 

ครูที่ปรึกษาของพวกเขาบอก

 

“ แค่ตามหาคนหายนี่หรือเรื่องใหญ่   โธ่เอ๋ย   ท่านเลวิซท่านยังสติดีหรือไม่ ”

 

อีเลียสว่า

 

“ แต่ก็นะ   ข้างนอกมีศพคนตายด้วย   ข้าว่าเราอย่าออกไปเลย   พวกเขาไม่เป็นไรหรอก ”

 

จากนั้นก็กลับคำหน้าตาเฉย

เมื่อนึกได้ว่าเกิดเหตุฆาตกรรมเมื่อไม่นานมานี้

 

“ ใครไม่ไปก็ช่างสิ   ถึงอย่างไรข้าก็ต้องไป   ท่านห้ามข้าไม่ได้หรอก   ท่านอาจจะคิดว่าก็แค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งแต่สำหรับข้ามันต่างกัน   ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไรข้าก็ต้องพานางกลับมา ”

 

เลโอน่าว่าพลางหันหลังจากมา

ไม่สนคำทัดทานของครูที่ปรึกษา

 

ฟิโลโซเฟอร์กับโลธอร์วิ่งตามหลังโดยไม่ลังเล

ส่วนอีเลียสคว้าร่างของคาโอเรียไว้

กำชับให้นางกลับเข้าห้อง

แล้วรีบตามกลุ่มเพื่อนไป

 

แต่ก่อนจะพ้นประตูห้องนั่งเล่น

พวกเขาก็เห็นฟีไลร่ายืนอยู่

 

เลโอน่าคว้าไหล่ของนางเขย่าอย่างแรง

 

“ บ้าจริงเจ้าหายไปไหนมา   พวกเราเป็นห่วงแทบแย่ ”

 

“ ข้าก็ตามหาเจ้าอย่างไรหล่ะ   คิดว่าตามหลังมาแท้ๆ แต่กลับไม่ใช่   กว่าจะนึกได้ว่าควรมารอเจ้าบนห้องก็ดึกมากแล้ว ”

 

เด็กหญิงผมสีเงินตอบเลี่ยงๆ

 

“ เอาล่ะๆ กลับมาโดยปรอดภัยก็ดีแล้ว   ข้างนอกวุ่นวายมากแล้วพวกเจ้าก็ควรเข้านอนกันอย่าไปไหนอีก   ส่วนข้าจะไปแจ้งผู้คุมกฎว่าพบเจ้าแล้ว ”

 

ครูเลวิซว่า

 

พวกเด็กๆ จึงนั่งพักกันในห้องนั่งเล่น

 

“ เจ้าเห็นดารีลบ้างหรือไม่   เขาก็หายตัวไปเหมือนกัน ”

 

ฟิโลโซเฟอร์ร้อนใจ

 

“ ตอนนี้เขาอยู่บนหอสำนึกบาป   อันที่จริงข้าเผลอทำตะเกียงส่งวิญญาณแตกและเขาได้รับผิดแทน   ส่วนเรื่องที่ข้าล่าช้านั้นเป็นเพราะพลัดหลงหรอกไม่ได้เกี่ยวกับผู้ใด ”

 

“ เจ้าคงไม่ได้แกล้งทำแตกเพื่อยั่วใครหรอกนะ ”

 

เลโอน่ากระซิบถาม

 

“ ข้าเปล่าเสียหน่อยมันเป็นอุบัติเหตุ ”

 

ฟีไลร่าตอบ

 

“ ตะเกียงแตกนี่มีโทษด้วยหรือ   แล้วเป็นโทษแบบไหนกันหมอนั่นจึงต้องรับหน้าแทน ”

 

เด็กชายร่างอ้วนสงสัย

 

“ ก็แค่ไปคุกเข่าในหอสำนึกบาป   ดารีลคงไม่อยากให้เด็กผู้หญิงต้องอยู่คนเดียวในที่เปลี่ยวเลยอาสาแทน   แต่แบบนี้เป็นลางไม่ดีเลย   ถ้าคนทำแตกไม่คุกเข่าด้วยตนเอง   ปีศาจร้ายจะตื่นขึ้น ”

 

อีเลียสว่า

 

“ เจ้าเชื่อเรื่องโชคลางด้วยหรือ   มันแค่คำขู่เพื่อให้คนระมัดระวังกับของสำคัญเท่านั้นเอง ”

 

เด็กสาวผิวเข้มแย้ง

 

“ ว่าแต่มีใครเป็นอะไรหรือเปล่า   ข้าได้ยินว่ามีคนตาย ”

 

ฟีไลร่าถามขึ้นบ้าง

 

“ ยามเฝ้าหน้าประตูน่ะ   มีคนมาแจ้งอาจารย์เลวิซเมื่อครู่   พวกเราเลยกังวลใจกันมาก ”

 

อีเลียสบอก

 

“ เมื่อไหร่กัน   ตอนข้าเข้ามาทุกอย่างยังอยู่ดี   เพียงแต่ไม่มีใครอยู่ยาม   ครูใหญ่วีแกนบอกว่าคนเฝ้ายามป่วยเลยกลับไปก่อน   คนที่ตายเป็นใครยามผลัดต่อมาหรือ   ถ้าเช่นนั้นเรื่องคงเกิดเมื่อครู่นี่เอง ”

 

เด็กหญิงว่า

รู้สึกตกใจปนโล่งใจที่ตนเองผ่านเหตุร้ายมาอย่างเฉียดฉิว

 

“ ท่านวีแกนอยู่ตรงนั้นหรือ   ตอนพวกเราเข้ามาก็ไม่เห็นใครแล้ว   รวมทั้งยามที่ป้อมด้วย   แต่คนที่ตายเป็นใครยังไม่รู้แน่   คนที่มาแจ้งข่าวไม่ได้ให้รายละเอียด   พวกเราจะเซ้าซี้มากก็ไม่ได้ ”  

 

 

            เช้าตรู่วันถัดมา   เด็กๆ ลงมารับประทานอาหารที่โถงอาหารตามปรกติ   จึงได้ยินข่าวลืออันร้อนแรง   เกี่ยวกับความตายของยามเมื่อคืนนี้

 

เขาคือยามผลัดแรกที่ครูใหญ่วีแกนอ้างว่าป่วยและได้กลับไปพักผ่อน   ว่ากันว่า   ร่างของเขาถูกซุกซ่อนในพุ่มไม้ไกลจากป้อมยามพอสมควร   ด้วยสภาพตัวฉีกขาดเนื้อบางส่วนถูกกัดกิน   ชิ้นส่วนที่เหลือกองรวมกันราวกับเศษชิ้นเนื้อ

 

อีเลียสพยายามบอกเพื่อนๆ ว่าข่าวลือนั้นมักจะประหลาดเกินจริง

แต่หลายคนก็เชื่อไปแล้วว่า

นี่เป็นฝีมือของมนุษย์หมาป่า

 

ทั้งที่ความจริง

มันสูญพันธุ์ไปนานแล้ว

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา