โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
7.3
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
188 บทที่
11 วิจารณ์
138.17K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
136) พระอาทิตย์ที่คล้อยต่ำลง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความฟิโลโซเฟอร์เฝ้ามองหอสูงจากทางพื้นดินเบื้องล่าง เขารู้สึกหวั่นใจอย่างประหลาดกับเสียงกระซิบกระซาบรอบด้าน ดารีลนั้นคือผู้ต้องสงสัย เขามีปัญหากับอาจารย์โดเฮเกนก่อนเกิดเรื่องสยองขึ้น เด็กน้อยนั้นยังอ่อนด้อยนักจึงได้แต่หวาดกลัวปัญหาที่กำลังจะตามมา
วันนี้การเรียนการสอนต้องหยุดพักไปอีกวัน มีการตรวจค้นไปทั่วปราสาทแต่ไม่พบสิ่งใด ทั้งนักเรียนและครูผู้สอนต่างกระวนกระวายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก
เด็กชายชาวซีนาร์ยเข้าไปนั่งกันในสวนหย่อม ต่างปรึกษากันถึงเรื่องมากมาย ทั้งข่าวลือการตายของอาจารย์โดเฮเกน ทั้งเรื่องผู้ใช้มนต์ดำและเลยไปถึงชะตากรรมของดารีล
เป็นเวลาบ่ายคล้อยเมื่อเด็กๆ ได้เห็นพ่อมดน้อยคนนั้นเดินผ่านไป ฟิโลโซเฟอร์ตะโกนเรียกเขาแต่ก็ไร้การตอบรับทุกประการ เขาทั้งนิ่งเฉยและเย็นชา
ฟิโลโซเฟอร์ได้ลุกพรวดขึ้น เขาวิ่งตามหลังไปท่ามกลางเสียงห้ามปรามของเพื่อนฝูง เด็กน้อยตามมาทันเมื่อเกือบจะพ้นซุ้มประตูใหญ่ของปราสาทขาวออกไปแล้ว
“ ดารีลนี่มันอะไรกัน เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ ”
เด็กน้อยถามพลางหอบพลาง
แต่คนอายุมากกว่านั้นยังนิ่งเงียบ
และไม่มีทีท่าว่าจะลดความเร็วลงเลย
เด็กชายชาวซีนาร์ยนั้นไม่ยอมแพ้
เขากัดฟันไล่ตามไปตลอด
“ เจ้าจะตามข้าไปถึงเมื่อไหร่กัน ”
อยู่ๆ ดารีลก็หยุดเดิน
เขาถามทั้งที่ไม่ได้หันหน้ากลับมา
“ แล้วเจ้าล่ะกำลังจะไปไหน ”
เด็กชายตัวน้อยถามกลับคืนไปบ้าง
ดารีลเองก็ไม่ตอบเช่นกัน
เขาเดินไปโน้มกิ่งแอปเปิ้ล
เด็ดมาลูกหนึ่งแล้วโยนให้ฟิโลโซเฟอร์
เด็กชายตัวน้อยเพิ่งสังเกตเห็นว่า
ตอนนี้พวกเขาอยู่ในตรอกแคบๆ
ที่เต็มไปด้วยบันไดหิน
กับต้นแอปเปิ้ลเก่าแก่
ที่ดูคุ้นตา
ในคืนหนึ่งที่ผ่านมานาน
มันเคยมีเทียนหอมมากมายวางเรียงรายอยู่ข้างใต้
กิ่งก้านสาขา
ที่มีผลดกเต็มต้น
“ ต้นไม้ต้นนี้ ข้าเคยปีนมิใช่หรือ ”
เด็กชายทักขึ้น
หนุ่มน้อยคนนั้นหมุนตัว
และออกเดินอีกครั้ง
“ นี่เดี๋ยวสิ ใยไม่บอกข้าว่าเจ้าจะไปแห่งใด ”
พวกเขาเดินมาด้วยกันจนถึงสะพานหินข้ามคลอง
แล้วหยุดยืนอยู่ที่กลางสะพาน
ฟิโลโซเฟอร์ถึงกับก้มลงกุมท้อง
หอบเหนื่อยจนตัวโยน
“ นี่ดารีลข้าเหนื่อยจะแย่แล้วนะ เจ้าเป็นอะไรไป ”
หนุ่มน้อยยืนหลังพิงราวสะพาน
เขาหันมามองเด็กชายด้วยแววตาที่มีประกายแห่งความเศร้าหมอง
“ แล้วใครใช้ให้เจ้าตามมากันล่ะ ”
เขาว่าแล้วก้มลงดูเรือที่ผ่านไปมาทางใต้สะพาน
เด็กชายชาวซีนาร์ยวิ่งไปยืนเคียงข้าง
แล้วเกิดความคิดหนึ่ง
“ พายเรือเล่นกันดีไหม ”
ดารีลส่ายหน้าทันที
“ ไม่ล่ะ ข้ายังไม่อยากตัวเปียกน้ำ ”
“ แต่ข้าฝึกว่ายน้ำมาแล้วนะ ”
เด็กชายยังต่อรอง
หนุ่มน้อยไม่สนใจคำพูดนั้น
เขาก้าวเดินต่อไป
และเด็กชายตัวน้อยก็ยังคงไล่หลังตามมา
อย่างไม่ลดละ
“ ที่ประชุมวันนี้มีอะไรหรือเปล่า ”
นอกจากจะไม่ยอมตอบคำถามของเขา
แล้วดารีลยังก้าวเท้าเร็วขึ้น
จนเด็กชายตัวน้อยต้องวิ่งตาม
โดยปรกติดารีลนั้นเดินเร็ว
แต่ตอนนี้เกินกว่าเร็วไปอีก
“ ให้ตายสิดารีล ถ้าเจ้าไม่ชอบใจก็แค่สั่งให้หุบปากไปไม่ดีกว่าหรือ เล่นเดินหนีกันแบบนี้ข้าจะไม่ไหวเอานะ ”
ฟิโลโซเฟอร์เริ่มโอดครวญ
อยู่ๆ พ่อมดน้อยก็หยุดเดินไปเสียดื้อๆ
ทำเอาเด็กชายที่วิ่งตามหลังมาชนโคลมเข้าให้
“ อะไรอีกหล่ะ ”
ฟิโลโซเฟอร์บ่นอุบ
เด็กหนุ่มคนนั้นยังนิ่งขรึม
สายตาจ้องเข้าไปในอาคารนั้น
มันเป็นตึกสูงในย่านที่โอ่อ่า
ด้านบนเปิดเป็นห้องพัก
ส่วนด้านล่างคือร้านอาหาร
ฟิโลโซเฟอร์จำได้
นี่คือร้านอาหารที่พวกเขาเคยมานั่งกินด้วยกัน
เป็นครั้งแรก
เด็กชายตัวน้อยคว้ามือเพื่อนรักเอาไว้
เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะ
ก้าวเข้าไปในนั้น
“ อย่าเลยนะ ”
ฟิโลโซเฟอร์ว่า
“ ทำไมล่ะ หรือร้านนี้ไม่อร่อย เจ้าไม่ชอบ ”
คนอายุมากกว่าถาม
“ ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก แต่เราอย่าเข้าไปเลย ”
ดารีลจ้องมองพระอาทิตย์
ที่กำลังคล้อยต่ำลงไป
“ นี่ก็เย็นมากแล้วเจ้าไม่หิวหรือ ”
“ ร้านนี้แพงจะตายข้าจ่ายไม่ไหวหรอก ”
เด็กชายตัวน้อยว่าพลาง
ทั้งลากทั้งดึงดารีลให้เดินออกมา
“ ข้ามีปัญญาจ่ายเจ้าเดือดร้อนอะไรด้วยล่ะ ”
ดารีลแย้ง
แต่ก็ยอมตามมาแต่โดยดี
พวกเขาเดินไปตามถนนที่วกไปวนมาของโอรีเวีย
เหมือนว่าไม่มีจุดหมายปลายทาง
และไร้ที่สิ้นสุด
ดารีลนั้นไม่ยอมตอบคำถามใดๆ อีกเลย
เขานั้นนิ่งขรึมลงเรื่อยๆ
เหมือนพระอาทิตย์ในยามนี้
ที่คล้อยต่ำลง
วันนี้การเรียนการสอนต้องหยุดพักไปอีกวัน มีการตรวจค้นไปทั่วปราสาทแต่ไม่พบสิ่งใด ทั้งนักเรียนและครูผู้สอนต่างกระวนกระวายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก
เด็กชายชาวซีนาร์ยเข้าไปนั่งกันในสวนหย่อม ต่างปรึกษากันถึงเรื่องมากมาย ทั้งข่าวลือการตายของอาจารย์โดเฮเกน ทั้งเรื่องผู้ใช้มนต์ดำและเลยไปถึงชะตากรรมของดารีล
เป็นเวลาบ่ายคล้อยเมื่อเด็กๆ ได้เห็นพ่อมดน้อยคนนั้นเดินผ่านไป ฟิโลโซเฟอร์ตะโกนเรียกเขาแต่ก็ไร้การตอบรับทุกประการ เขาทั้งนิ่งเฉยและเย็นชา
ฟิโลโซเฟอร์ได้ลุกพรวดขึ้น เขาวิ่งตามหลังไปท่ามกลางเสียงห้ามปรามของเพื่อนฝูง เด็กน้อยตามมาทันเมื่อเกือบจะพ้นซุ้มประตูใหญ่ของปราสาทขาวออกไปแล้ว
“ ดารีลนี่มันอะไรกัน เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ ”
เด็กน้อยถามพลางหอบพลาง
แต่คนอายุมากกว่านั้นยังนิ่งเงียบ
และไม่มีทีท่าว่าจะลดความเร็วลงเลย
เด็กชายชาวซีนาร์ยนั้นไม่ยอมแพ้
เขากัดฟันไล่ตามไปตลอด
“ เจ้าจะตามข้าไปถึงเมื่อไหร่กัน ”
อยู่ๆ ดารีลก็หยุดเดิน
เขาถามทั้งที่ไม่ได้หันหน้ากลับมา
“ แล้วเจ้าล่ะกำลังจะไปไหน ”
เด็กชายตัวน้อยถามกลับคืนไปบ้าง
ดารีลเองก็ไม่ตอบเช่นกัน
เขาเดินไปโน้มกิ่งแอปเปิ้ล
เด็ดมาลูกหนึ่งแล้วโยนให้ฟิโลโซเฟอร์
เด็กชายตัวน้อยเพิ่งสังเกตเห็นว่า
ตอนนี้พวกเขาอยู่ในตรอกแคบๆ
ที่เต็มไปด้วยบันไดหิน
กับต้นแอปเปิ้ลเก่าแก่
ที่ดูคุ้นตา
ในคืนหนึ่งที่ผ่านมานาน
มันเคยมีเทียนหอมมากมายวางเรียงรายอยู่ข้างใต้
กิ่งก้านสาขา
ที่มีผลดกเต็มต้น
“ ต้นไม้ต้นนี้ ข้าเคยปีนมิใช่หรือ ”
เด็กชายทักขึ้น
หนุ่มน้อยคนนั้นหมุนตัว
และออกเดินอีกครั้ง
“ นี่เดี๋ยวสิ ใยไม่บอกข้าว่าเจ้าจะไปแห่งใด ”
พวกเขาเดินมาด้วยกันจนถึงสะพานหินข้ามคลอง
แล้วหยุดยืนอยู่ที่กลางสะพาน
ฟิโลโซเฟอร์ถึงกับก้มลงกุมท้อง
หอบเหนื่อยจนตัวโยน
“ นี่ดารีลข้าเหนื่อยจะแย่แล้วนะ เจ้าเป็นอะไรไป ”
หนุ่มน้อยยืนหลังพิงราวสะพาน
เขาหันมามองเด็กชายด้วยแววตาที่มีประกายแห่งความเศร้าหมอง
“ แล้วใครใช้ให้เจ้าตามมากันล่ะ ”
เขาว่าแล้วก้มลงดูเรือที่ผ่านไปมาทางใต้สะพาน
เด็กชายชาวซีนาร์ยวิ่งไปยืนเคียงข้าง
แล้วเกิดความคิดหนึ่ง
“ พายเรือเล่นกันดีไหม ”
ดารีลส่ายหน้าทันที
“ ไม่ล่ะ ข้ายังไม่อยากตัวเปียกน้ำ ”
“ แต่ข้าฝึกว่ายน้ำมาแล้วนะ ”
เด็กชายยังต่อรอง
หนุ่มน้อยไม่สนใจคำพูดนั้น
เขาก้าวเดินต่อไป
และเด็กชายตัวน้อยก็ยังคงไล่หลังตามมา
อย่างไม่ลดละ
“ ที่ประชุมวันนี้มีอะไรหรือเปล่า ”
นอกจากจะไม่ยอมตอบคำถามของเขา
แล้วดารีลยังก้าวเท้าเร็วขึ้น
จนเด็กชายตัวน้อยต้องวิ่งตาม
โดยปรกติดารีลนั้นเดินเร็ว
แต่ตอนนี้เกินกว่าเร็วไปอีก
“ ให้ตายสิดารีล ถ้าเจ้าไม่ชอบใจก็แค่สั่งให้หุบปากไปไม่ดีกว่าหรือ เล่นเดินหนีกันแบบนี้ข้าจะไม่ไหวเอานะ ”
ฟิโลโซเฟอร์เริ่มโอดครวญ
อยู่ๆ พ่อมดน้อยก็หยุดเดินไปเสียดื้อๆ
ทำเอาเด็กชายที่วิ่งตามหลังมาชนโคลมเข้าให้
“ อะไรอีกหล่ะ ”
ฟิโลโซเฟอร์บ่นอุบ
เด็กหนุ่มคนนั้นยังนิ่งขรึม
สายตาจ้องเข้าไปในอาคารนั้น
มันเป็นตึกสูงในย่านที่โอ่อ่า
ด้านบนเปิดเป็นห้องพัก
ส่วนด้านล่างคือร้านอาหาร
ฟิโลโซเฟอร์จำได้
นี่คือร้านอาหารที่พวกเขาเคยมานั่งกินด้วยกัน
เป็นครั้งแรก
เด็กชายตัวน้อยคว้ามือเพื่อนรักเอาไว้
เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะ
ก้าวเข้าไปในนั้น
“ อย่าเลยนะ ”
ฟิโลโซเฟอร์ว่า
“ ทำไมล่ะ หรือร้านนี้ไม่อร่อย เจ้าไม่ชอบ ”
คนอายุมากกว่าถาม
“ ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก แต่เราอย่าเข้าไปเลย ”
ดารีลจ้องมองพระอาทิตย์
ที่กำลังคล้อยต่ำลงไป
“ นี่ก็เย็นมากแล้วเจ้าไม่หิวหรือ ”
“ ร้านนี้แพงจะตายข้าจ่ายไม่ไหวหรอก ”
เด็กชายตัวน้อยว่าพลาง
ทั้งลากทั้งดึงดารีลให้เดินออกมา
“ ข้ามีปัญญาจ่ายเจ้าเดือดร้อนอะไรด้วยล่ะ ”
ดารีลแย้ง
แต่ก็ยอมตามมาแต่โดยดี
พวกเขาเดินไปตามถนนที่วกไปวนมาของโอรีเวีย
เหมือนว่าไม่มีจุดหมายปลายทาง
และไร้ที่สิ้นสุด
ดารีลนั้นไม่ยอมตอบคำถามใดๆ อีกเลย
เขานั้นนิ่งขรึมลงเรื่อยๆ
เหมือนพระอาทิตย์ในยามนี้
ที่คล้อยต่ำลง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ