โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  135.59K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

137) หนีปัญหา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เด็กชายตัวน้อยนั้นไม่รู้ตัวเลยว่าเดินมานานแค่ไหนและไกลเพียงใด   จนเมื่อสองข้างทางได้เปลี่ยนแปลงไปจากตึกรามบ้านช่องกลายเป็นป่าเขียวขจี   กับถนนกว้างใหญ่ที่ดูเปล่าเปลี่ยวที่ดูคุ้นเคย   เหมือนครั้งหนึ่งเคยได้เห็นมาก่อน   จนเมื่อกำแพงหินสูงใหญ่ปรากฏตรงหน้า   ฟิโลโซเฟอร์นั้นถึงกับชะงักงัน   ความหวั่นใจบางย่างเริ่มปรากฏเป็นเค้าลางสีจางๆ

 

เสียงระฆังดังหกครั้ง   วันแว่วสะท้อนมาจากที่ไกลๆ ในตอนนี้พวกเขายืนอยู่หน้าประตูเหนือกำแพงแห่งโอรีเวีย   สิ้นเสียงระฆังเหล่าทหารยามก็เดินไปหมุนฟันเฟือง   ประตูโลหะสีดำค่อยๆ เลื่อนปิดลง

 

 

ฟิโลโซเฟอร์จำได้ดี   ตรงนี้คือประตูบานที่เขาใช้ผ่านเข้ามา   เมื่อครั้งเดินทางมาถึงโอรีเวียในครั้งแรก   ไม่ต้องเดาก็นึกออก   สิ่งใดกันที่อยู่ตรงหน้า   เขาหยุดนิ่งอยู่กับที่จ้องมองผ่านประตูเมืองออกไปอย่างพรั่นพรึง   ในขณะที่ประตูเมืองค่อยๆ ปิดลง

 

แต่ดารีลไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น   เขาก้าวผ่านประตูออกไป   สงบเยือกเย็นและไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งใด   ท้องฟ้ายามเย็นเริ่มมีสีแดงแต่งแต้ม   เหล่านกกลางคืนพากันบินฉวัดเฉวียนพลางส่งเสียงร้องแกรกกรากชวนขนลุก

 

เด็กชายนั้นยืนตะลึงตัวแข็งทื่อ   เหมือนว่าดารีลได้ฝ่าฝืนกฎของตนเอง   ก้าวออกจากโอรีเวีย   โดยไร้ทั้งม้าและคทาประจำกาย   ในขณะที่ประตูกำลังจะปิดลง

 

เขาจะไปไหน   ไปทำอะไรหรืออยู่อย่างไรในข้างนอกที่มืดมิดเปล่าเปลี่ยว   ฟิโลโซเฟอร์พยายามตะโกนเรียกให้เขากลับมา   แต่เหมือนจะไร้ผล   หนุ่มน้อยคนนั้นได้เดินหายเข้าไปในไอหมอกที่มืดมัว   ขณะที่ประตูก็ใกล้จะปิดลงโดยสมบูรณ์

 

เด็กชายตัวน้อยกลั้นหายใจ   พุ่งตัวผ่านช่องแคบที่เหลือนั้นออกไป   เขาล้มกลิ้งลงกับพื้น   พอหันมาประตูก็ปิดสนิทแล้ว   รอบกายมีแต่ความดำมืด

 

ฟิโลโซเฟอร์ยังลุกไม่ขึ้น   เขาทั้งมึนงงทั้งหวาดหวั่นเมื่อมองไปทางใดก็ไม่พบใครเลย   ไอหมอกลึกลับโอบล้อมเขาเอาไว้เสียแล้ว

 

“ เจ้าก็ยังคงเป็นเจ้าเหมือนเดิม   ดื้อดึงไม่เคยเปลี่ยน ”  

 

เสียงนุ่มนวลคุ้นหูดังมาจากที่ใกล้ๆ

เขาเอื้อมมือไปทางเสียงนั้น

 

เมื่อสัมผัสกับมือของใครบางคน

หมอกสีดำก็สลายหายไปทันที

 

ดารีลดึงให้เขาลุกขึ้น

เด็กชายตัวน้อยมองไปรอบๆ

 

นอกกำแพงฝั่งนี้เงียบสงัดและวังเวง

กับถนนที่รกร้างเต็มไปด้วยหญ้าสูง

 

นั่นเป็นเพราะว่า

ถนนสายนี้น้อยคนนักจะเดินทางผ่าน

 

เบื้องหน้าคือเงาดำสูงตระหง่าน

ของเทือกเขาที่ลึกลับน่ากลัว

 

นามของมันคือ

เทือกเขาเงาปีศาจ

 

ที่ๆ เด็กชายฟิโลโซเฟอร์เคยตั้งคำมั่นไว้ว่า

จะไม่ย่างเท้าเข้าไปอีก

เว้นแต่จะมีเหตุจำเป็นจริงๆ

 

ดารีลมุ่งหน้าไปทางนั้น

ฝ่าเข้าไปในทุ่งหญ้าที่สูงชัน

 

“ เจ้ากำลังจะไปไหนกัน ”

 

เด็กชายร้องถาม

แต่แม้ว่าจะไม่ได้คำตอบใด

 

เขาก็ยังคงตามไป

อย่างไม่ลดละ

 

พ่อมดน้อยนั้นก้าวเท้าช้าลง

เหมือนจงใจให้เด็กน้อยตามมาทัน

 

ท้องฟ้าปรากฏสีแดงเข้มขึ้นเรื่อยๆ

ในขณะที่ดวงอาทิตย์จมลงในพื้นหญ้า

 

เป็นบรรยากาศยามเย็นที่แสนประหลาด

ดูซ่อนเร้นและข่มขวัญ

 

แต่สำหรับเด็กชายตัวน้อยแล้ว

เพียงแค่มีดารีลทุกอย่างก็งดงามขึ้น

 

ต่อให้ท้องฟ้าจะมืดมัวเพียงใดก็ตาม

 

“ ดารีลเจ้ากำลังจะทำอะไรกันแน่ ”

 

เด็กน้อยเปลี่ยนคำถาม

 

“ ข้ากำลังหนีปัญหา ”

 

คนอายุมากกว่าตอบมาเป็นครั้งแรก

 

“ แบบนี้หรือที่เรียกว่าหนีปัญหา   เจ้ากำลังพุ่งเข้าใจกลางปัญหา   ด้วยมือเปล่าเสียมากกว่า ”

 

เทือกเขาสีดำเริ่มเด่นชัดขึ้นตรงหน้า

มันสูงตระหง่านและทรงอำนาจ

 

เด็กชายชาวซีนาร์ยวิ่งไปขวางหน้าไว้

ความหวาดกลัวและแคลงใจมากมายถาโถมเข้ามา

 

“ เจ้าไม่ได้ตั้งใจจะเข้าไปในหุบเขานั่นจริงๆ หรอกใช่ไหม ”

 

เมื่อเห็นว่าเขาไม่ตอบ

ฟิโลโซเฟอร์ก็ยิ่งร้อนใจ

 

“ อย่าเข้าไปเลยนะ   ข้างในน่ะข้าเคยไปมาแล้วมันไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก   ยังมีที่อื่นอีกมากมาย   ส่วนหุบเขาเดนตายนั้นเจ้าเปลี่ยนใจจากมันเสียเถอะ ”

 

“ ที่นี่ต่างหากล่ะ ”

 

ดารีลตอบ

 

“ ที่นั่นไกลเกินไปและยังไม่ถึงเวลา ”

 

“ ที่นี่ ”

 

เด็กชายทวนคำด้วยสีหน้างุนงง

 

เขามองไปรอบๆ

แล้วเห็นภาพหนึ่งที่คุ้นตา

 

ร่างสูงสง่าในชุดคลุมสีดำ

ตัดกับท้องฟ้าสีแดงคล้ำ

 

ในวันนี้เขาไม่ได้อยู่บนหลังมาและถือคทาเงิน

แต่เขาก็เป็นหนุ่มน้อยคนเดิม

ที่มีใบหน้าเรียบเฉย

 

“ ที่นี่คือ   ที่ที่เราพบกันเป็นครั้งแรก   อย่างนั้นหรือ ”

 

เด็กชายว่า

 

ดารีลไม่พูดอะไร

เขานั่งลงเงียบๆ และนิ่งอยู่อย่างนั้น

 

ฟิโลโซเฟอร์คิดย้อนไป

เมื่อครั้งที่ถูกมังกรดำไล่ล่า

 

การปรากฏกายของพ่อมดน้อยคนนี้

หยุดทุกความหวาดกลัวทั้งปวง

 

เด็กชายผู้พลัดถิ่นแห่งซีนาร์ยในตอนนั้น

ได้แต่ตะลึงงัน

 

จนไม่อาจเอ่ยถ้อยคำใดออกมาได้

เขาจึงสาบานกับตนเอง

 

ว่าหากมีโอกาสได้พบกันอีกครั้ง

จะไม่มีทางปล่อยให้

 

คนผู้นี้

หลุดมือไปได้เลย

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา