โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
135) กล่าวหา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความที่ห้องประชุมสภาบนหอสูงสุดแห่งโอรีเวีย วาลานได้พาหนุ่มน้อยคนโปรดไปนั่งบนโต๊ะข้างๆ เขาจัดหาอาหารขนมหวานและเครื่องดื่มเลิศรสให้ แล้วปล่อยดารีลมีเวลาผ่อนคลายสบายใจ ในขณะที่คนอื่นยังวุ่นวายอยู่เบื้องล่าง และก่นด่าวาลานอยู่ในใจ
ที่ปรึกษาเบรนทรัสตามขึ้นมาเป็นลำดับต่อไป เขาจ้องดารีลไม่วางตาในขณะเดินไปยืนพิงกรอบหน้าต่าง แต่หนุ่มน้อยคนนั้นก็ยังทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว ทั้งที่เข้าใจอาการของเบรนทรัสดี
ครู่ใหญ่ๆ สมาชิกสภาก็ตามขึ้นมา ด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์ พร้อมกับรายงานว่าไม่สามารถต่อหัวให้เหยื่อผู้เคราะห์ร้าย เพราะบาดแผลนั้นต้องคำสาปทำให้ไม่สามารถแก้ไขสิ่งใดได้
“ เอาเถิดต่อไม่ได้ก็แล้วไป ”
จอมเวทวาลานว่า
“ จะมีหัวหรือหัวขาดถึงอย่างไรอาจารย์โดเฮเกนก็ตายอยู่ดี วุ่นวายไปก็เท่านั้น ทำเท่าที่ทำได้ก็แล้วกัน ”
“ แต่เขาก็เป็นคนสำคัญคนหนึ่งในโอรีเวีย ในเมื่อพวกเราช่วยไม่ได้ เหตุใดท่านไม่ลงมือ ”
เคียดันแย้ง
“ ท่านเคียดัน เรื่องบางเรื่องใส่ใจไปก็เท่านั้น ตอนนี้เรามีปัญหามากมาย จะวุ่นวายกับคนที่หัวขาดแล้วไปใย สู้ระวังหัวท่านเองให้ตั้งมั่นอยู่บนบ่าไม่ดีกว่าหรือ ”
เมื่อโดนติติงดังนั้น
พ่อมดชราหลังงองุ้มจึงนั่งลง
“ น่าแปลกอาจารย์โดเฮเกนถูกขังไว้ในห้องที่ปิดประตูหน้าต่างมิดชิดจากด้านใน แล้วคนร้ายหนีออกไปได้อย่างไร หรือเขาจะเป็นผู้ใช้มนต์ดำจริงๆ ”
หัวหน้าผู้พิทักษ์หน้ากากทองกล่าว
“ อาจจะจริงหรือเป็นเพียงกลลวงก็ได้ มีใครรู้บ้างว่าโดเฮเกนเคยมีเรื่องขัดแย้งกับผู้ใดหรือไม่ ท่านเคียดันเรื่องในโอรีเวียท่านรู้ดีมิใช่หรือ ”
วาลานบอก
แล้วหันไปตั้งคำถามกับเคียดัน
ซึ่งพ่อมดชรานั้นก็เหยียดยิ้มอย่างสมใจ
“ อาจารย์โดเฮเกนนั้นขึ้นชื่อในเรื่องรักสงบ สันโดษและสมถะ เขาจึงแทบไม่เคยบาดหมางกับผู้ใด แต่เชื่อหรือไม่เมื่อวานนี้เขามีปากเสียงกับคนผู้หนึ่ง ในชั่วโมงเรียนของเขา เรื่องนี้ล่ำลือในหมู่นักเรียนและดังกระฉ่อนออกไปถึงภายนอก มีพยานมากมายสามารถยืนยันเรื่องนี้ นอกจากนั้นข้ายังรู้มาอีกว่าพวกเขานัดจบปัญหากันเมื่อคืนหลังสามทุ่มก่อนที่โดเฮเกนจะถูกพบเป็นศพในวันต่อมา และผู้ที่ไปพบกับเขาเมื่อคืนก็นั่งอยู่ในหมู่ของพวกเราตอนนี้ ท่านสามารถถามเอาความจริงจากเขาได้ ”
“ เคียดันเอ๋ย ใยจึงเล่นลิ้นกับข้า ท่านจะกล่าวหาใครก็บอกตรงๆ ไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อม ข้าน่ะยินดีรับฟังเสมอ ไม่ว่าเรื่องนั้นจะจริงหรือเป็นแค่คำลวง ”
เจ้าแห่งนักเวทกล่าว
“ โอ้ ข้าไม่กล้าเอ่ยถึงเขาหรอก ได้แต่รอว่าคนแบบนั้นจะกล้าแสดงตัวหรือไม่ ”
จบคำพูดของเคียดัน
พ่อมดน้อยดารีลก็รีบยกมือ
ราวกับเด็กน้อยกลัวโดนแย่งของเล่น
“ ข้าเอง จริงอยู่ว่าข้ามีนัดกับเขาสามทุ่มแต่เอาเข้าจริงข้าไปถึงที่นั่นประมาณห้าทุ่ม พอดีว่าติดธุระสำคัญจนลืมเวลา ครูใหญ่วีแกนเป็นพยานเรื่องนี้ได้ ”
เขากล่าวเรื่อยๆ
ไม่ได้มีน้ำเสียงแห่งความวิตกกังวลแม้แต่น้อย
“ ท่านออกมาจากห้องนั้นเมื่อไหร่ โดเฮเกนมีท่าทีอย่างไร หลังจากนั้นมีใครไปพบเขาอีกไหมและพวกท่านคุยอะไรกันบ้าง ”
หัวหน้าผู้พิทักษ์หน้ากากทองเอ่ยถามบ้าง
คำถามเหล่านั้นทำเอาเบรนทรัส
ที่ยืนพิงกรอบหน้าต่างถึงกับหนวดกระตุก
เขาเดินมาอยู่เบื้องหลังวาลาน
ยกมือขึ้นกอดอก
จ้องมองดารีลสลับกับเคียดัน
แต่ก็ไม่ได้ว่ากล่าวสิ่งใดออกมา
“ ประมาณสักเที่ยงคืนครึ่งเห็นจะได้ ข้าก็ไม่แน่ใจนักส่วนท่านโดเฮเกนก็คงจะอารมณ์ดีได้อยู่หรอก ในเมื่อข้าไปสายขนาดนั้น เรื่องที่ว่าเรามีปากเสียงกันข้ายอมรับ มันเกี่ยวกับวิธีการสอนของท่านโดเฮเกน แต่เราก็คุยกันได้ เขายอมที่จะระวังในวิธีการสอนของเขาและข้าก็ได้กล่าวขอโทษเรื่องของเมื่อวานไปแล้ว ไม่ได้มีอะไรติดค้างต่อกัน ”
“ แล้วในคืนนั้นมีใครไปพบเขาอีกหรือไม่ ”
นางแม่มดวิเวียนถามย้ำ
“ เขาไม่ได้บอก และมิใช่ธุระของข้าที่ต้องรู้ด้วย ”
“ นั่นอย่างไรล่ะ ”
โธรินร้องออกมา
“ เขาไปพบกับโดเฮเกนเป็นคนสุดท้าย โธ่เอ๋ยโดเฮเกนที่น่าสงสาร เรื่องนี้จะสรุปว่าอย่างไร ”
มีหลายเสียงที่แสดงความเห็นคล้อยตามด้วย
“ ไม่มีอะไรต้องสรุปทั้งนั้น ”
เสียงเฉียบขาดของเบรนทรัสแทรกออกมา
ทำให้เหล่าผู้ใช้เวทย์มนต์ต้องหยุดนิ่ง
“ ในจดหมายบอกชัดอยู่แล้วว่าต้องการให้พวกเราสงสัยกันเอง นี่อะไรกัน เป็นถึงสมาชิกสภากลับโดนปั่นหัวด้วยเรื่องแค่นี้ ดูเอาเถิดท่านวาลาน คนเก่งๆ ท่านก็ส่งไปข้างนอกแทบไม่มีเวลากลับมา ส่วนคนที่เหลือในปราสาทขาวก็เป็นเสียแบบนี้ ข้าคงต้องหวั่นใจในเรื่องของวันข้างหน้าแล้ว ”
“ แล้วเหตุใดเราจะสงสัยเขาไม่ได้ล่ะในเมื่อพยานหลักฐานทุกอย่างมุ่งมาที่เขา อย่าคิดว่าพวกเราไม่รู้นะว่าดารีลกำลังศึกษาตำรามนต์ดำอยู่ ทายาทเมืองคาเลอะไรนั่นอาจไม่มีอยู่จริง แต่เป็นดารีลคนสนิทเพียงผู้เดียวของจอมเวทวาลาน ที่กำลังวางแผนชั่วร้ายอยู่แล้วโยนความผิดไปให้คนที่ไม่มีตัวตน ”
เคียดันว่า
“ เรื่องมนต์ดำข้าเป็นผู้มอบตำราให้เขา ”
วาลานว่า
“ ทั้งหมดอยู่ในความรับผิดชอบและไม่ได้พ้นไปจากสายตาของข้า ดารีลนั้นอาจใช้มนต์ดำแบบพลิกแพลงได้ แต่ที่เราเห็นในวันนี้มันคือแก่นแท้ของมนต์โบราณ พวกเจ้าก็รู้เงื่อนไขของมันดีมิใช่หรือ แล้วยังกล้ากล่าวหาคนกันเองอีก น่าผิดหวังนัก ”
“ เมื่อท่านกล่าวเช่นนั้นแล้วพวกเราคงหมดเรื่องที่จะพูด ”
เคียดันว่าพลางนั่งลง
สีหน้าขุ่นเคือง
“ ดารีลเจ้ามีอะไรจะเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ”
เจ้าแห่งโอรีเวียเอ่ยถาม
หนุ่มน้อยยกจอกทองคำขึ้นจิบพลางส่ายหน้า
“ ท่านเบรนทรัส ”
เขาหันไปยังที่ปรึกษา
“ เลิกประชุม ”
เขากล่าวเรียบๆ
“ แล้วกัน ข้าจะถามความเห็น ท่านกลับสั่งปิดประชุมเสียอย่างนั้น ”
วาลานติง
“ เรื่องใหญ่ขนาดนี้แต่ที่ประชุมกลับสามารถทำให้เป็นเรื่องไร้สาระได้ ขืนประชุมต่อก็รังแต่จะเสียเวลาเปล่าเท่านั้นเอง แยกย้ายกันไปไม่ดีกว่าหรือ ข้าไม่ได้ว่างมานั่งฟังอะไรพวกนี้ ”
เบรนทรัสเสียงเย็น
เคียดันเป็นคนแรกที่ลุกขึ้น
เขาโค้งให้วาลานแบบแข็งขืนแล้วเดินออกไป
ผู้ใช้เวทมนต์คนอื่นๆ ก็ลุกตามไปด้วย
ส่วนดารีลนั้น
เขาดื่มน้ำอย่างใจเย็นจนหมดจอก
แล้วลุกเดินออกไปบ้าง
วาลานได้คว้าไหล่ของเขาไว้
แล้วเอ่ยถาม
“ เจ้าไม่เป็นไรนะ ”
“ ข้าสบายดี ”
หนุ่มน้อยคนนั้นตอบ
“ เด็กดื้อ เจ้ารู้ข้าหมายถึงเรื่องใด เจ้ามีปัญหาอะไรหรือคับข้องใจยังไงสามารถบอกข้าได้ตลอดเข้าใจไหม ”
“ ช่างเถอะ ข้าชินแล้ว ไม่จำเป็นต้องใส่ใจหรอก ”
ว่าแล้วเขาก็เดินจากไปเงียบๆ
เมื่ออยู่ตามลำพังกับที่ปรึกษาเขาก็ดูเคร่งขรึมลงไป
“ ข้าเคยเตือนท่านหลายครั้งแล้วเกี่ยวกับเด็กคนนี้ ตอนนี้อายุน้อยยังหาคนรับมือลำบาก ถ้าขืนปล่อยให้โตไปกว่านี้เกรงว่าท่านเองที่จะไม่ใช่คู่มือของเขา ”
“ เขายังเชื่อฟังข้าด้วยดีนี่นา ถึงอย่างไรเสียเด็กก็ฝึกง่าย ข้ายังไม่เห็นว่าเขาจะเป็นปัญหา ”
วาลานแย้ง
“ ดารีลแสดงละครเก่ง ไม่ว่าบนเวทีหรือในชีวิตจริง เนื้อแท้ของเขาคือนักฆ่ามือหนึ่งต่อหน้าคนทั่วไปเขาคือผู้ใช้เวทมนตร์ที่สุขุมเยือกเย็น ต่อหน้าสภากลับกลายเป็นเด็กน้อยไร้เดียงสาที่ห่วงแต่เรื่องกิน ท่านคิดดูให้ดีตัวตนของเขาที่ท่านรู้จักมันใช่สิ่งที่เขาเป็นหรือเปล่า ”
“ เขาเป็นเด็กที่พยายามทำตัวให้โตเกินอายุ สิ่งที่แสดงออกมาจึงประหลาดเกินไปในบางครั้ง หรือท่านคิดว่าดารีลอยู่เบื้องหลังการสังหารในครั้งนี้ จึงตั้งข้อกังขาต่อเขา ”
“ เด็กคนนี้นั้นเป็นคนที่ชอบทำอะไรมีแบบแผน เมื่อเขาลงมือต่อหน้าเราจึงจะรู้ว่าเป็นเขา แต่เมื่อเขาลอบฆ่าร่องรอยทุกอย่างไม่เคยหลงเหลือให้เห็น ในครั้งนี้แตกต่างออกไปพยานหลักฐานทุกอย่างพุ่งตรงไปที่ดารีลเลยทีเดียว ถ้าจะกล่าวหาว่าเป็นเขา ก็จะเป็นการดูถูกฝีมือกันเกินไปหน่อย อีกอย่างข้าไม่เห็นเหตุผลที่เขาต้องลงมือแค่เรื่องทะเลาะเบาะแว้งมันเล็กน้อยเกินไป ”
เบรนทรัสว่า
“ เป็นครั้งแรกที่ท่านปกป้องดารีลน่าประทับใจนัก ”
“ ข้าก็ยังยืนยันว่านั้นดารีลเป็นภัยอันใหญ่หลวง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ ช่วยยืนยันในสิ่งที่ข้ากำลังวิตกกังวลได้เป็นอย่างดี ”
“ ใครก็ตามที่ทำเรื่องนี้แค่ต้องการกำจัดดารีลไปให้พ้นทางมิใช่หรือ ยังไงเสียเด็กหนุ่มคนนั้นก็ดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว พวกเราก็ช่วยดูแลอีกแรงแล้วยังมีเรื่องใดให้ต้องกังวล ”
“ นี่ไม่ใช่แผนกำจัด ท่านดูไม่ออกหรอกหรือแต่มันคือการบีบให้ย้ายข้าง ดารีลนั้นหลักแหลมเขามองเจตนาของผู้อื่นออก ใครบางคนกำลังชี้ให้ดารีลเห็นว่าคนในสภาและในโอรีเวียนั้นเป็นเช่นไร เมื่อเกิดเหตุแบบนี้เจ้าเด็กนั่นมีแต่จะเบื่อหน่าย สุดท้ายก็เอาใจออกห่างท่านแล้วทีนี้คงถูกดึงตัวไปที่อื่น ที่ๆ จะเป็นผลร้ายต่อพวกเรา ข้าจึงเตือนท่านอยู่เสมอว่าเด็กคนนี้น่ะ ถ้าไม่แน่ใจว่าจะสามารถยึดเอาไว้ได้ ท่านก็ต้องกำจัดเสียโดยไว ”
“ เรื่องนั้นข้ารู้อยู่หรอกน่า ”
วาลานว่า
“ แต่อย่างน้อยเขาก็ช่วยเรื่องปรุงยาและหาสมุนไพร ยากนักจะหาคนมาเทียบเขาได้ ส่วนเรื่องจะถูกดึงตัวไปอย่างไรนั้นในเมื่อเขาถูกจับตามองอยู่แล้ว คงยากที่ผู้อื่นจะเข้าถึง ”
“ ข้านั้นยังประหลาดใจไม่หายกับผู้ที่ท่านเลือกมาเป็นสมาชิกสภา ”
เบรนทรัสกล่าว
“ คนเก่งๆ ข้าก็ส่งไปทำงานที่เหมาะสมแล้วอย่างไรล่ะ ”
คนเป็นนายว่า
“ แล้วคนที่เหลือล่ะ มีตัวเลือกอื่นมากมายแต่ท่านกลับเลือกคนที่ดีแต่ปาก ”
“ คนมีความสามารถนั้นข้าเลือกมาจนเพียงพอแล้ว นอกจากนั้นข้าเลือกที่ความร่ำรวยและไม่ค่อยมีสมองมากนัก การดูแลรักษาบ้านเมืองนอกจากความฉลาดเงินตราก็สำคัญไม่น้อย คนที่ท่านกล่าวว่าดีแต่ปากนั้นเพียงข้ากระดิกนิ้วก็รีบขนเหรียญทองมากองตรงหน้านี้แล้ว ”
ที่ปรึกษาของเขาหัวเราะ
“ ก็ถึงว่าเหตุใดท่านจึงมีเงินใช้มากมายนัก จนสามารถสร้างกองกำลังลับได้ ”
วาลานไม่ได้กล่าวตอบโต้อะไร
เขาเดินไปพิงกรอบหน้าต่าง
จ้องมองออกไปไกลแสนไกล
เส้นผมนั้นหงอกจนขาวซีด
แต่เขาก็ยังแข็งแกร่งอยู่
“ ปลายทางของผู้ใช้เวทมนตร์เช่นพวกเรานั้นคือแดนสวรรค์ ”
เบรนทรัสว่า
เขาเดินมายืนเบื้อหลังนายของตน
แล้วมองท้องฟ้าอันเวิ้งว้าง
“ ที่นั่นคือที่หมายสุดท้ายและเราจะมีชีวิตเป็นอมตะนิรันดร์ในดินแดนอันสงบสุข ”
“ แล้วมันน่ายินดีที่ไหนกัน แดนสวรรค์เช่นนั้นหรือ ที่นั่นข้าก็เป็นแค่เศษธุลีแต่ที่นี่บนโลกนี้ข้าคือนายสูงสุดที่ผู้คนล้วนยำเกรง ”
วาลานว่า
สายตาที่เลื่อนลอยกลับแข็งกร้าวขึ้น
“ แดนสวรรค์ข้านั้นจักไปเยือนแน่ แต่ต้องเป็นเวลาที่ข้าพร้อมจะโค่นมันลงและขึ้นเป็นใหญ่แทน เช่นนั้นแล้วยาที่ใช้ต่อชีวิตให้ข้าจึงสำคัญนักในเวลานี้ ”
“ จะว่าไปดารีลกับครูใหญ่ปัญญานิ่มกำลังรวมหัวกันทำอะไรอยู่นะ ”
เบรนทรัสทำทีเป็นข้องใจ
“ ข้าให้ท่านเป็นคนไปสืบมิใช่หรือ คำตอบนั้นท่านย่อมรู้อยู่แก่ใจ ไม่เห็นต้องแสร้งทำเป็นสงสัย ”
“ ท่านวาลาน พวกเขาทั้งคู่กำลังพยายามปรุงยาแห่งความเป็นอมตะ ”
“ ก็ดีแล้ว ทุกอย่างราบรื่นใช่ไหม ”
วาลานถามเรื่อยๆ พลางเดินกลับมานั่งที่
“ นี่ท่านล้อข้าเล่นใช่หรือไม่ ตัวยาพวกนั้นมีต้นตอมาจากศาสตร์มืด เด็กหนุ่มคนนั้นจะปรุงเองได้อย่างไร ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากผู้ใช้มนต์ดำ ดารีลนั้นมีนิสัยอยากรู้อยากเห็นและชอบทดลอง มันไม่แปลกหรอกหากเขาจะแอบคบหากับผู้ใช้มนต์ดำ ท่านจอมวาลานโปรดไตร่ตรองดูว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร ก่อนที่ทุกอย่างจะยุ่งเหยิงมากไปกว่านี้ ”
“ ข้าไม่สนใจวิธีการ เป้าหมายต่างหากล่ะที่สำคัญที่สุด ขอเพียงได้มาครองต้องสนใจด้วยหรือว่าใครคือผู้นำมาให้ ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ