โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  137.93K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

132) ศีรษะบนถาดทองคำ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
เบรนทรัส   ที่ปรึกษาแห่งจอมเวทวาลานอ่านข้อความในกระดาษนั้นอย่างละเอียด   ใบหน้าที่มึนตึงจากอารมณ์ขุ่นมัวเมื่อครู่ดูคลายออก   คิ้วหงอกขาวขมวดมุ่นเข้าหากัน
 
พ่อมดโธรินนั้นแสดงออกว่าอยากรู้อยากเห็นเต็มเปี่ยม   เมื่อเห็นว่าที่ปรึกษาวาลานอ่านจบแล้ว   เขาจึงกล่าวขึ้นว่า
 
“ ในจดหมายบอกใช่ไหมว่ามันเป็นใครและต้องการอะไร   ให้ข้าเดา   ต้องเป็นกาเอลทายาทของควอซาร์อย่างแน่นอน   เขาเคยทำสิ่งนี้มาแล้วถึงสองครั้ง   ต้องเป็นเขาแน่ๆ ”
 
เบรนทรัสถอนหายใจ
แล้วส่งกระดาษนั้นให้ผู้อื่นต่อ
 
“ มันเป็นลายมือของโดเฮเกนเอง   ทั้งที่ถูกบังคับลายมือกลับยังมั่นคงสม่ำเสมอ   ราวกับว่าเขาไม่ได้หวั่นกลัวต่ออันตรายเลย ”
 
“ เขาโดนมนต์สะกด ”
 
วาลานว่า
 
“ ที่เขายังนั่งหลังตรงอยู่ได้ก็ด้วยมนต์สะกดเช่นเดียวกัน ”
 
“ แล้วข้อความในกระดาษนั้นคืออะไรล่ะ ”
 
โธรินดูร้อนรนเพราะความอยากรู้
เนื่องจากเขานั้นยังไม่ได้เห็นเสียที
 
นักเวทย์ทั้งหลายส่งต่อกันไปมาแต่ไม่เคยถึงมือเขา
 
“ จะเขียนว่าอย่างไรก็ช่างเถิด   ในเมื่อทั้งหมดคือความลวง   รู้ไปก็ไร้ค่า ”
 
เบรนทรัสว่า
 
“ ถึงจะลวงอย่างไร   อย่างน้อยก็ช่วยเดาใจผู้เขียนข้อความได้มิใช่หรือ ”
 
ดารีลกล่าว
เมื่อเห็นว่าเบรนทรัสจ้องหน้า
เขาจึงแกล้งเดินไปทางอื่น
 
แต่ทางที่เขาไป
นั้นมีร่างของโดเฮเกนนั่งอยู่
 
“ คนร้ายนั้นอยู่ในหมู่พวกเราหรือ ”
 
เสียงของแม่มดอาร์ลีนอุทานออกมา
ทำให้สายตาทุกคู่หันไปที่นาง
 
แม้แต่ดารีลก็ยังเงยหน้าขึ้นจากลำคอด้วนๆ ของอาจารย์โดเฮเกน
 
“ ข้าบอกแล้วไงว่าเป็นคำลวง ”
 
โธรินทำเสียงดุ
ทั้งที่ความจริง
มันเป็นคำเตือนของเบรนทรัส
 
“ แต่ แต่   ถ้าโดเฮเกนเป็นคนเขียนข้อความนี้จริงๆ ล่ะ ”
 
“ เขาเขียนแน่   แต่ด้วยตกอยู่ในอำนาจของมนต์สะกด   ดังนั้นข้อความพวกนี้เชื่อถือไม่ได้   แค่นี้ก็ไม่เข้าใจหรือ ”
 
โธรินบ่น
ราวกับเป็นผู้ที่รู้จริง
 
“ กระดาษนี่วางอย่างเปิดเผย   คนร้ายคงมองเห็นแล้วและปล่อยทิ้งเอาไว้อย่างนั้นหรือ   เป็นไปไม่ได้หรอก   และถ้าโดเฮเกนพยายามชี้ตัวคนร้าย   บอกชื่อมาเลยไม่ง่ายกว่าหรือ   ข้อความกำกวมพวกนี้รังแต่จะสร้างความหวาดระแวงในหมู่พวกเรา   และนี่คือจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของมัน   ทำให้พวกเราแตกแยกกันเองอย่างไรล่ะ ”
 
เบรนทรัสว่า
 
“ ใช่แล้วมีแต่คนโง่เท่านั้นที่อ่านเจตนาเหล่านี้ไม่ออก ”
 
โธรินได้ทีตอกย้ำเพิ่มเติม
 
“ ข้าดูจดหมายนั่นบ้างได้ไหม ”
 
ดารีลเอ่ยขอ
แม่มดคนนั้นจึงส่งไปให้
 
หนุ่มน้อยคนนั้นอ่าน
แล้วมีอันต้องขมวดคิ้วเช่นกัน
 
“ ข้าเคยเห็นลายมือท่านโดเฮเกน ”
 
เขาว่าพลางรื้อหาสมุดบันทึกของผู้เสียชีวิต
แล้วกางออกเทียบกัน
 
“ ลายมือเหมือนกันก็จริงแต่ท่านโดเฮเกนหนักต้นแต่แผ่วปลาย   ส่วนตรงนี้น้ำหนักเสมอกันไปหมด ”
 
ว่าแล้วก็ดึงปากกาขนนกจากมือของร่างไร้ชีวิตมาขีดๆ
 
“ ดูนี่   จดหมายเขียนด้วยเลือด   แต่ปากกานี้ยังเป็นหมึกธรรมดา   ทั้งที่เป็นคนฉลาดกลับจงใจทิ้งข้อผิดพลาดมากมาย   คงตั้งใจปั่นหัวเราเล่นเท่านั้น ”
 
เขามองตัวหนังสือสองชุดสลับกันไปมาแล้วส่ายหน้า
 
“ ลายมือพวกนี้เหมือนกันมาก   คนที่สามารถฝึกเลียนแบบลายมือผู้อื่น   ก็มักฝึกการปลอมตัวร่วมด้วย   บางทีข้อความพวกนี้อาจไม่โกหก   เขาอาจอยู่ในหมู่ของพวกเราจริงๆ ” 
 
“ ได้อย่างไรกัน ”
 
“ ไม่รู้สิ   เขาอาจสังหารใครคนหนึ่งแล้วสวมรอยแทน   หรือไม่ใช่แบบนั้นก็ได้   แต่จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาข้าเชื่อว่าคนผู้นั้นอยู่ในโอรีเวียนี่แหละ   เพราะเขาเดาทางพวกเราออกขนาดนี้แสดงว่ามองเห็นความเคลื่อนไหวของพวกเราอยู่ตลอด   สิ่งที่ทำตอนนี้บางทีไม่ได้หวังผลอะไรเลยก็ได้   คงเป็นเกมส์เล็กๆ ที่สร้างขึ้นเพื่อวัดความสามารถของคู่ต่อสู้เท่านั้น ”  
 
ดารีลว่า
ทันใดสายตาก็มองเห็นเบรนทรัส
 
“ ไม่ต้องเชื่อข้าก็ได้   แค่เด็กเมื่อวานซืน   เพ้อเจ้อได้เรื่อยๆ นั่นล่ะ ”
 
รอยยิ้มที่มอบให้ที่ปรึกษาวาลานนั้น
มีแววท้าทายเล็กๆ
 
“ ดารีลเจ้ามานี่มา ”
 
จอมเวทวาลานเรียก
หนุ่มน้อยคนนั้น
จึงเดินไปยืนข้างเจ้านายสูงสุดอย่างว่าง่าย
ท่ามกลางสายตาแผดเผาของใครหลายคน
 
ที่ปรึกษาเบรนทรัสกอดอกจ้องดูร่างไร้ชีวิตนั้น
ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
 
“ น่าแปลกที่เขาสามารถตัดคอเหยื่อได้โดยที่เลือดไม่สาดกระจาย ”
 
ผู้พิทักษ์หน้ากากทองคนหนึ่งเดินเข้ามา
แล้วเอ่ยทักขึ้น
 
“ เขาสาปร่างนี้ให้จับแข็งแล้วจึงตัดคอ   หรือไม่ก็สูบเลือดจนหมดตัว   ผลออกมาก็เป็นเช่นนี้ ” 
 
วาลานว่า
แล้วหันไปจ้ององครักษ์ของตน
 
“ บาดแผลนั้นเรียบเนียนนักถ้าไม่ถูกตัดด้วยอาวุธชั้นเลิศคนลงมือก็คงฝีมือไม่น้อย ”
 
เขากล่าวชม
แล้วกล่าวรายงานต่อไปว่า
 
“ ฝ่าบาทคนของเราพบส่วนหัวของอาจารย์โดเฮเกนข้าจึงมารายงานท่าน ”
 
“ ที่ไหน ”
 
“ เหนืออนุสาวรีย์วางอยู่บนถาดทองคำพร้อมกับดาบเล่มหนึ่ง ”
 
“ พาเข้ามาซิ ”
 
ผู้พิทักษ์คนนั้นส่งสัญญาณมือ
พวกที่เหลือจึงถือถาดใบนั้นเข้ามา
 
หัวของโดเฮเกนวางอยู่ตรงกลาง
ปากยังอ้าค้างดวงตาเบิกกว้าง
 
มีผลไม้และดอกไม้วางประดับรอบๆ ถาดอย่างประณีตบรรจง
ถ้าไม่ติดว่ามีหัวคนวางอยู่
ถาดทองคำนั้นก็ดูน่ากินไม่น้อย
 
จอมเวทย์วาลานเดินไปจ้องส่วนหัวนั้น
 
“ น่าเสียดายดวงตาของเขาไม่ฉายเงามือสังหารแม้แต่น้อย ”
 
วาลานว่า
 
“ เขาคงร่ายคาถาลบมันออกไป   แกล้งทิ้งร่องรอยบางอย่างไว้แต่ส่วนสำคัญก็กำจัดสิ้น   แผนการของเขาท้าทายยิ่งนัก   เหมือนเราเจอรอยเท้าแต่สิ้นสุดที่ทางตัน ”  
 
เบรนทรัสออกความเห็น
 
ดารีลเดินไปรับดาบเล่มนั้น
 
“ เหมือนว่าข้าเคยเห็นดาบเล่มนี้ ”
 
เขาว่าพลางชักดาบออกดู
 
“ เป็นดาบโบราณที่มีลักษณะเฉพาะคนครอบครองคงไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา ”
 
หนุ่มน้อยนักเวทประคองมันด้วยสองมือ
แล้วพาไปยื่นให้เบรนทรัสพิจารณาดู
 
เพราะเขามั่นใจว่า
ท่านที่ปรึกษาผู้นี้คือผู้ที่มีความรอบรู้มากที่สุด
 
“ ของเก่าแก่   แค่มีเงินก็ครอบครองได้แล้ว   บางทีอาจเป็นแค่ของเลียนแบบ ”
 
พ่อมดโธรินว่าด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม
 
“ ดาบนี่ถูกตีขึ้นในสมัยของกษัตริย์เอนลิน   มีอายุกว่าแปดร้อยปีมาแล้ว   ชื่อของมันคือบาเรียน ”
 
ท่านที่ปรึกษาตอบเรียบๆ
 
“ ดาบของครูฝึกดาบเฮอร์เมส ”
 
จอมเวทวาลานกล่าวต่อ
 
“ ไปพาตัวเขามา ”
 
พ่อมดน้อยดารีลมองตามหลังผู้พิทักษ์หน้ากากทอง
คิ้วเรียวงามขมวดเข้าหากันอีกครั้ง
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา