โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  135.49K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

123) ดาบสีเงิน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

หลังจากทุกอย่างสงบลง   เด็กๆ ต่างจับกลุ่มกันพูดคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น   และบางคนได้ไปตามหาผู้ที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องต่างๆ

 

สภาพภายในห้องโถงนั้นพังพินาศ   เมื่องานรื่นเริงกลายเป็นลานสังหาร   เด็กหลายคนเสียขวัญบางคนรู้สึกสนุกที่ได้ฆ่าฟัน   แต่ยังมีคนที่เฉยเมยกับเหตุดังกล่าว

 

ดารีลผละออกจากกลุ่มไปเงียบๆ เขาก้าวออกจากตัวปราสาท   เพื่อสำรวจความเสียหายภายนอก   เสียงอึกทึกโกลาหลเงียบลงแล้ว   เมื่อสิ่งชั่วร้ายได้จากไป   เหลือเพียงความเสียหายที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

 

พ่อมดน้อยนั่งลงในสวน   ท้องฟ้าเบื้องบนค่อยๆ ใสกระจ่างแสงจันทร์สาดลงมาอาบร่างของเขาทำให้ดูขาวซีด   ถ้าไม่มองไปทางปราสาทอีกหลังที่กำลังลุกไหม้   คืนนี้ก็ดูปรกติดี

 

อีเลียสก้าวมายืนข้างๆ เขาพร้อมกับส่งคทาที่หักเป็นสองท่อนคืนให้

 

“ เสียใจด้วยนะสำหรับเรื่องนี้ ”

 

“ เจ้าก็เห็นแล้วนี่ว่าข้ามีหลายอัน   พังไปสักอันข้าก็ไม่เดือดร้อน ”

 

ถึงจะกล่าวเช่นนั้นแต่เขาก็รับคืนมา

 

“ ดารีลข้ามีเรื่องอยากขอร้องท่าน ”

 

เด็กร่างผอมมีท่าทีอ้ำอึ้ง

 

“ ว่ามาสิ   เจ้าขอมาถ้าข้าทำได้ก็คือได้   ถ้าไม่ได้ก็จบแค่นั้น   ไม่เห็นต้องกังวล ”  

 

“ เป็นไปได้หรือเปล่าถ้าข้าอยากได้ปลายหอกเล่มนั้น ”

 

อีเลียสพูดอย่างเร็ว

เหมือนกับว่าถ้ารอช้าไปกว่านี้เขาอาจไม่กล้าพูดออกมา

 

ดารีลขมวดคิ้ว

สุดท้ายเขาก็เข้าใจ

 

“ มันเป็นสมบัติของโอรีเวีย ”

 

เขาว่า

 

“ ได้วางอยู่ตรงนั้นประวัติคงดีไม่น้อย   ข้ารู้เจ้าคิดอะไร   เตือนไว้ก่อนเคอร์คารอลน่ะเป็นอมตะ   ไม่มีใครสามารถฆ่ามันได้   อย่างมากก็แค่ส่งกลับนรก   แต่เอาเถอะข้าจะลองถามท่านวาลานดู ”

 

“ ขอบคุณ ” 

 

เด็กคนนั้นบอก

 

“ ขอบคุณตอนนี้ไม่เร็วไปหน่อยหรือ ”

 

คำพูดนั้นทำให้อีเลียสหัวเราะแห้งๆ

 

“ ไม่นึกว่าหลังจบเรื่องสยองเจ้าจะอารมณ์ดีได้เร็วขนาดนี้ ”

 

เสียงของโลธอร์ดังขึ้น

พวกเขาได้ออกตามหาคนทั้งคู่จนพบ

 

ฟิโลโซเฟอร์ส่งสัญญาณให้เพื่อนๆ ออกไปก่อน

แล้วเขาก็นั่งลงข้างๆ ดารีล

 

ที่ตอนนี้ทำเป็นนิ่งเงียบ

ไม่นำพาต่อสิ่งใด

 

“ ข้าทำเจ้าโกรธอีกแล้วสิ ”

 

“ เปล่า ”

 

หนุ่มน้อยคนนั้นตอบสั้นๆ แล้วเงียบไปอีก

 

เด็กชายเห็นดังนั้นจึงไม่พูดอะไร

เขาไม่อยากขัดใจดารีลมากไปกว่านี้

 

ทั้งสองอยู่ด้วยกันโดยปราศจากคำพูดใด

สุดท้ายกลายเป็นดารีลเองที่เอ่ยปาก

 

“ ข้าขอโทษเจ้า ”

 

“ เรื่องอะไรล่ะ ”

 

เด็กชายตัวน้อยประหลาดใจ

 

“ ดาบเล่มนั้นบิดาของเจ้าซื้อให้มิใช่หรือ   ข้าไม่สมควรโยนมันเข้ากองไฟ   แต่ดูเหมือนว่าจะมือไวเกินไปหน่อย ”

 

เขากล่าว

 

“ อ้อ   เช่นนั้นเอง   เจ้าไม่เห็นต้องกังวลมันเป็นแค่ดาบไม้   และข้าทำหักไปหลายอันแล้ว ”

 

“ จนป่านนี้แล้วเหตุใดเจ้ายังถือดาบไม้อยู่ล่ะ ”

 

“ บิดาของข้าคงไม่อยากให้ข้าเดินทางสายผู้กล้า   ถึงเขาจะไม่เคยห้ามปรามหรือพูดออกมาตรงๆ แต่การกระทำหลายอย่างก็พอจะเข้าใจไปแบบนั้นได้ ”

 

ฟิโลโซเฟอร์ว่า

 

“ จริงๆ มันเป็นความคิดที่ดีไม่น้อย   ถ้าข้าเลือกได้   ป่านนี้ข้าหนีเข้าป่าลึกไปแล้ว ”

 

“ เหตุใดเจ้าจึงเลือกไม่ได้ล่ะ ”

 

“ เพราะข้าโดนหมายหัวแล้วเจ้าเองก็เช่นกัน ”

 

ดารีลบอก

 

“ ข้าไม่เข้าใจ ”

 

“ เคอร์คารอลเป็นปีศาจร้ายที่ไม่ได้มุ่งฆ่าคนเพียงอย่างเดียว   มันจะสร้างเงามืดขึ้นในจิตใจของเหยื่อ   เพื่อการันตีว่าคนผู้นั้นต้องลงนรกอย่างแน่นอน   ข้านั้นชั่งใจอยู่นานว่าสมควรให้เจ้าเข้ามาเกี่ยวของกับเรื่องนี้หรือไม่   แต่เจ้าถูกหมายหัวมาก่อนหน้านั้นแล้ว   หากจะถูกเพ่งเล็งอีกรอบก็คงไม่ต่างกัน   ถึงอย่างไรข้าต้องขอชื่นชมเจ้าคืนนี้ทำได้ดีมาก   อย่างน้อยก็ได้ช่วยชีวิตข้าและปกป้องหัวใจของผู้อื่นเอาไว้   ช่างกล้าหาญนัก   ถึงจะโง่ไปหน่อยก็ตามที   ผู้กล้าน่ะเจ้าเป็นได้อยู่แล้วหากเจ้าคิดจะเลือกทางนั้น ”

 

“ จริงหรือ   ไม่ใช่ข้าทำเจ้าโกรธแทบตายหรอกนะ ”

 

นี่เป็นครั้งแรกที่ดารีลชมเขาตรงๆ

จึงชวนให้ประหลาดใจอยู่ไม่น้อย

 

“ เมื่อปีศาจร้ายตนนั้นได้ปรากฏกายขึ้นตรงหน้า   ข้านั้นก็มีทางเลือกแค่สองทาง   หนึ่งคือหนีไปแล้วปล่อยให้ทุกคนถูกฆ่าตาย   ผลคือความรู้สึกผิดบาปจะติดตามข้าไปจนตลอดชีวิต   สองคือข้าต้องสู้จนตัวตายแล้วคนที่ยืนมองข้าตายโดยไม่เข้ามาช่วย   คนที่แสดงความเห็นแก่ตัวออกมา   คนนั้นก็จะรอด ”

 

“ เจ้าเลยเลือกที่จะตายคนเดียว   แล้วปล่อยให้คนที่เหลือต้องมีตราบาปไปตลอดชีวิต ”

 

ฟิโลโซเฟอร์ตกใจ

 

“ ข้าบอกแล้วอย่างไรล่ะว่ามันไม่ง่ายเลย   เรามีเวลาไม่มากนักสำหรับเหตุการณ์นั้น   ข้าจึงหวังในทางเลือกที่สามซึ่งก็คือเจ้านั่นเอง ”

 

พ่อมดน้อยบอก

 

“ ข้าหรือ   อย่างไรกัน ”

 

“ ความซื่อสัตย์   ความรัก   ความดี   ความเสียสละเคอร์คารอลเกลียดชังสิ่งเหล่านี้ที่สุด   มันจะไม่ทำลายชีวิตของผู้ที่มันได้เลือกแล้ว   แต่มันจะใช้เล่ห์กลทำให้จิตวิญญาณอันบริสุทธิ์ต้องพังทลายลง   ในคืนนี้เจ้าได้แสดงความเสียสละให้มันได้เห็น   ความเกลียดชังทำให้มันหน้ามืดจนลืมคิดว่าคืนนี้ตั้งใจมาทำสิ่งใด   เป็นเหตุให้มันต้องถอยร่นกลับไปเพื่อวางแผนอีกครั้ง   โดยไม่ได้ฆ่าใครแม้แต่คนเดียว   จะบอกว่าเจ้าไม่ได้ช่วยอะไรเลยก็เป็นไปไม่ได้แล้ว   ในวันนี้เจ้าพยายามจะตายแทนข้า   แต่ในวันข้างหน้าเคอร์คารอลจะทำให้เจ้าต้องหันปลายดาบมาที่ข้าด้วยความเคียดแค้น ”

 

“ เป็นไปไม่ได้   ให้ข้าตายดีกว่าจะคิดร้ายกับเจ้า   ข้าไม่มีวันทำแบบนั้นเด็ดขาด ” 

 

เด็กชายตัวน้อยว่า

 

“ เคอร์คารอลมีความสามารถหาจุดอ่อนในใจของผู้คน   ต้องมีสักเรื่องที่จะทำให้เราขัดแย้งกันจนได้ ” 

 

ดารีลบอก

 

“ ว่ามาสิ ”

 

“ บุรุษมักมีปัญหาหัวใจ   ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีล่ะ ”

 

ฟิโลโซเฟอร์หัวเราะ

 

“ เจ้าไม่ได้ชอบผู้หญิงคนเดียวกับข้า   ข้าน่ะสามารถเทิดทูลเจ้าหญิงลูเซียน่าได้   แต่ไม่มีวันรักนางแบบชู้สาวแน่นอน   เพราะข้ามีคนรักอยู่แล้ว ”

 

“ แล้วถ้าเกิดว่าข้าเผลอทำคนที่เจ้ารักตายล่ะ ”

 

“ จิตใจของเจ้าเป็นอย่างไรข้านั้นรู้ดี   ถ้าเกิดเหตุแบบนั้นขึ้นจริง   สิ่งเดียวที่ข้าจะทำคือปลอบใจเจ้า ”

 

“ ตอนนี้พูดอย่างไรก็ได้อยู่หรอก   แต่เมื่อวันนั้นมาถึง   ข้าก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าผู้ใดที่ต้องเสียใจ ”

 

ดารีลกล่าว

 

“ จริงสิ   หากเจ้าหวังอยากให้ข้าช่วยอยู่แล้ว   เหตุใดจึงเกรี้ยวกราดใส่ข้านัก ”

 

“ เป็นเพราะข้าไม่แน่ใจว่ามีสายของปีศาจร้ายอยู่ในกลุ่มเราหรือไม่   จึงแกล้งออกอาการไปอย่างนั้น   ข้าไม่อยากให้มันรู้ว่ามีใครรู้ทันก็เท่านั้นเอง   เจ้าก็รู้นี่ถ้าข้าอยากให้เจ้าไปเจ้าไม่มีทางได้ยืนอยู่ตรงนั้นนานนักหรอก   แม้แต่เจ้าหญิงลูเซียน่ายังต้องเสด็จเลย ”

 

“ ข้าไม่เหมือนเจ้าหญิง   ที่ทรงรักเจ้ามาก   จนต้องทำตามคำขอของเจ้าทุกอย่างโดยไม่สนเหตุผลใด ”

 

“ อ้อ   เช่นนั้นเจ้าก็ไม่ได้รักข้าเลยล่ะสิ   ถึงได้ดื้อดึงกับข้านัก ” 

 

หนุ่มน้อยคนนั้นย้อน

 

เด็กชายไม่ตอบ

แต่แกล้งมองไปทางอื่น

 

เขาแน่ใจว่าตอนเกิดเรื่องได้สารภาพความในใจออกไปแล้ว

ต่อหน้าเคอร์คารอลเสียด้วย

 

ดารีลหยิบคทาที่หักสองท่อนขึ้นมา

มันละลายเป็นไอสีเงินแล้วหลอมรวมกันอีกครั้ง

 

ดาบเล่มงามปรากฏขึ้นในมือของเขา

ฝักดาบสลักลวดลายเถาวัลย์ที่คุ้นตา

เพราะมันเป็นลายเดียวกันกับดาบโบราณเล่มนั้น

 

หนุ่มน้อยร่างบางได้ยื่นมันให้กับฟิโลโซเฟอร์

 

“ เจ้าจำเป็นต้องมีแล้วล่ะ   ดาบเล่มนี้ข้าเพิ่งตีขึ้นมาไม่นาน   แน่นอนว่ายังไม่เคยเปื้อนเลือด   ถือเอาไว้จนกว่าจะหาดาบที่เหมาะกับตนเองพบ   แล้วจึงคืนให้ข้า   ถ้าบิดาของเจ้าไม่ชอบใจก็บอกให้มาเจรจากับข้าได้ ”

 

ฟิโลโซเฟอร์รับดาบมา

รู้สึกผูกพันขึ้นมาทันทีที่ปลายนิ้วสัมผัส

 

ประกายสีฟ้าเข้มเรื่อเรืองของเพทายที่ประดับตรงด้ามดาบ

ส่องประกายขึ้นในมือของเขา

 

“ จริงๆ มันเป็นอาวุธเวทแต่เจ้าก็ใช้ได้อยู่หรอกแม้จะไม่เต็มอำนาจที่มีก็ตามที   อย่างน้อยก็สามารถต้านทานคำสาปบางประเภทได้   ถึงกระนั้นเจ้าก็อย่าลำพองไปจำเอาไว้ว่าเหนือกว่าข้าก็ยังมีผู้อื่น ”

 

ดารีลเตือน

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา