โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  137.66K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

122) ยืนหยัดต่อหน้า

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ฟิโลโซเฟอน์นั้นถูกดารีลมัดไว้ด้วยเงื่อนประหลาด   เขาใช้เวลาอยู่นานก็ไม่สามารถแก้มัดได้   แต่ด้วยการปรายตาเพียงครั้งเดียวของปีศาจร้ายตัวนั้น   สิ่งที่พันอยู่รอบกายเขาก็ได้หลุดออก
 
เด็กชายตัวน้อยรู้ดีว่ามันไม่ปรกติ   ริ้วผ้าสีทองผืนนี้ไม่ได้บังเอิญหลุดเอง   หากแต่มันหลุดอย่างมีเป้าหมาย   ถึงจะคิดได้ดังนั้นเด็กชายตัวน้อยก็ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
 
เขาก้มลงหยิบดาบเปื้อนเลือดที่วางทิ้งอยู่ตรงนั้น   เพราะเจ้าของเดิมไม่อยู่ในสภาพจะถือมันต่อไปได้   แล้วพุ่งเข้าใส่ปีศาจร้ายตรงหน้า
 
ดาบเปื้อนเลือดฟาดเปรี้ยงลงบนแขน   กลับไม่ได้สร้างรอยขีดข่วนแม้แต่น้อย   กลายเป็นดาบเล่มนั้นที่แตกยับ   เคอร์คารอลหันมาทางเขาแล้วเงื้อดาบสีดำของมันขึ้น  
 
ดารีลพุ่งเข้ามาขวางอีกครั้ง   เขาเหวี่ยงคทารับดาบเล่มนั้น   และกลายเป็นว่าคทาของเขาต้องขาดเป็นสองท่อน   แหวนรูปงูบนนิ้วมือได้เรืองแสงขึ้น   เมื่อเขาร่ายคาถาสร้างม่านน้ำแข็ง  
 
แต่ก็ถูกตบแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย   ดารีลสะบัดเสื้อคลุมปิดทับร่างเด็กชายไว้   เพื่อกันไม่ให้โดนสะเก็ดน้ำแข็งที่หล่นลงมา  
 
ตอนนี้พวกเขาทั้งสองได้ตกอยู่ในมุมอับแล้ว   ด้านหลังคือผนังหนาและด้านหน้าคือความตาย   ลำพังดารีลคนเดียว   ด้วยความรวดเร็วของเขานั้นสามารถหลบออกมาจากตรงนั้นได้ไม่ยาก   แต่เมื่อมีเด็กชายชาวซีนาร์ยอยู่ด้วย   เขาจึงทำได้เพียงยืนแข็งทื่อ
 
เคอร์คารอลนั้นยืนจังก้า   มองคนทั้งคู่อย่างสาสมแก่ใจ   ดาบเล่มใหญ่ก็กวัดแกว่งอยู่ในมือ
 
ฟิโลโซเฟอร์สลัดเสื้อคลุมออก
 
“ ไม่บาดเจ็บนะ ” 
 
เขาถามลนลาน
 
“ บาดเจ็บน่ะเรื่องเล็ก   ตอนนี้นับถอยหลังเตรียมตัวตายได้เลย   อยู่ดีไม่ว่าดีวิ่งเข้ามาติดกับดักเสียได้   เจ้าเด็กโง่ข้าถึงบอกให้ถอยไปห่างๆ อย่างไรล่ะ   สุดท้ายเจ้าก็ไม่ฟัง ” 
 
เสียงของดารีลนั้นเดือดดาลไม่น้อย
 
ตอนนี้ปีศาจร้ายลดความแข็งกร้าวลงแต่ก็ยังมีท่าทีคุกคามอยู่
มันค่อยๆ ต้อนคนทั้งสองให้ถอยหลังไปเรื่อย
 
“ ดารีลข้ามีเรื่องสำคัญจะบอก   คืนนี้ต้องมีคนตายคนหนึ่ง   บิดาของข้าเคยเล่าให้ฟัง   เคอร์คารอลชอบสร้างรอยด่างขึ้นในจิตใจของมนุษย์   มันจะไม่ฆ่าเราแต่จะบีบให้คนผู้หนึ่งแสดงความเห็นแก่ตัวออกมา   และคนผู้นั้นจะมีชีวิตรอด ”
 
“ ไม่ต้องมาทำเป็นรู้ดีกว่าข้า ”  
 
พ่อมดน้อยสวน
 
“ แสดงว่าเจ้ารู้อยู่ก่อนแล้วว่าเรื่องต้องเป็นแบบนี้   ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย   ฟังนะไม่ว่าคืนนี้จะเกิดอะไรขึ้น   ข้าอยากให้เจ้าคือผู้ที่รอดออกไป ” 
 
เด็กชายบอก
 
“ ความคิดเห็นของเจ้ามันเห่ยสิ้นดี ”
 
ดารีลว่าพลางก้าวถอยหลัง
แต่ยังไม่ลืมดึงเอาเด็กชายตัวน้อยให้ถอยตามไปด้วย
จนในที่สุดพวกเขาก็ไม่มีที่ให้ถอยอีกต่อไปแล้ว
 
ปีศาจร้ายตนนั้นคำรามลั่นจนพื้นสะเทือน
เศษอิฐเศษหินหล่นกระจาย
 
เด็กชายตัวน้อยถูกกดลงแนบพื้น
โดยที่ดารีลคร่อมร่างไว้ด้านบน
เพื่อปกป้องเขาจากอันตรายทั้งปวง
 
“ ข้ามาช่วยเจ้านะ ”
 
ฟิโลโซเฟอร์แยกเขี้ยว
พลางจับหนุ่มน้อยคนนั้นพลิกลงด้านล่าง
 
“ อย่างเจ้าน่ะช่วยตัวเองยังไม่รอดเลย ”
 
ดารีลตวาดแล้วกลิ้งตัวกลับ
 
“ แต่ข้าตายแทนเจ้าได้   มันต้องการแค่นั้น   แค่หนึ่งชีวิต ”
 
เด็กชายว่า
 
“ สำคัญตนเองมากเกินไปแล้ว   คิดว่าเป็นใครกันจึงจะตายแทนข้าได้ ”
 
“ ข้าบอกเจ้าแล้ว   เจ้าไม่ฟังหรือไม่เข้าใจกันแน่ ”
 
คนทั้งสองต่างทุ่มเถียงและยื้อยุดกัน
เพื่อที่ตนเองจะได้ยืนหยัดอยู่ต่อหน้าปีศาจร้าย
ที่ขึ้นชื่อว่าน่ากลัวที่สุด
 
โดยไม่ทันได้สังเกต
ว่าสหายอ้วนผอมพยายามเข้ามาช่วย
แต่ถูกฟาดกระเด็นไป
 
ไม่นำพา
ต่อเคอร์คารอลที่ทั้งขู่คำราม
หรือตั้งท่าจะพุ่งเข้าใส่
 
นานเท่าไดไม่รู้
กว่าทั้งสองจะโดยลากออกจากกัน
ด้วยมือของเพื่อนผู้กล้าทั้งหลาย
 
“ หยุดทะเลาะกันเสียที   ป่านนี้ปีศาจร้ายตัวนั้นกลับเข้าบ้านนอนไปแล้วมั๊ง ”
 
โลธอร์ตวาด
เขาโอบแขนรอบไหล่ของพ่อมดน้อยแล้วลากออกมา
 
“ ไปแล้วหรือ   ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน   เหตุใด   อย่างไรกัน ”
 
ฟิโลโซเฟอร์สงสัย
 
“ ตั้งแต่พวกเจ้าพยายามสารภาพรักกันแล้วมั๊ง   ให้ตายสิบ้าระห่ำอะไรเยี่ยงนี้   อยู่ต่อหน้าความตายแท้ๆ ยังกัดกันไม่เลิก   เหลือเชื่อจริงๆ ”
 
อีเลียสว่า
 
“ มันจากไปเฉยๆ น่ะหรือทำไมกัน   แล้วจุดประสงค์ที่มันมาที่นี่ล่ะ ”
 
เขาหันไปถามดารีล
 
แต่หนุ่มน้อยคนนั้นยังคุมสติที่เดือดพล่านไม่อยู่
เขาพุ่งเข้าไปบีบคอฟิโลโซเฟอร์
 
“ มันอยากให้ข้าสังหารเจ้าอย่างไรล่ะ   รู้ดีนักมิใช่หรือ   เจ้าเด็กพ่อแม่สั่งสอนไม่รู้จักจำ   ต้องให้บอกด้วยหรือว่าเวลาเลือกคู่ต่อสู้ต้องเลือกที่เท่าเทียม   ตัวเองเป็นกบยังคิดสู้กับงูใหญ่   ไม่ตายอย่างเขียดก็ไห้รู้ไปสิ ”
 
เด็กชายชาวซีนาร์ยนั้นพูดก็ไม่ได้หายใจก็ไม่ออก
ทำได้แค่ดิ้นรน
จนโลธอร์ต้องเข้ามาช่วยลากคู่กรณีออกไปอีกครั้ง
 
“ โว๊ๆ   ใจเย็นสิดารีลต่อหน้าผู้คนมากมาย   ทำแบบนี้มันไม่งามนะ ”
 
เจ้าเด็กร่างอ้วนว่า
ดารีลจึงได้สติและสงบลง
 
เขาก้มลงสำรวจตนเอง
แล้วต้องตกใจกับสภาพยุ่งเหยิง
 
“ บ้าจริง   ข้าไม่เคยสู้กับใครแล้วต้องเละเทะขนาดนี้   เจ้านี่มันตัวแสบจริงๆ ยังไงล่ะทีนี้   กลับบ้านไปโดนบ่นชุดใหญ่แน่ ” 
 
พ่อมดน้อยว่า
พลางพยายามจัดชุดให้เข้าที่
 
“ ถ้าเจ้าโดนบ่นเพราะเรื่องนี้   บอกข้าได้   เดี๋ยวข้าพาหนีเอง   คนบ้านเจ้าต้องเสียสติไปแล้วอย่างแน่นอน ”
 
อีเลียสกล่าวขึ้นบ้าง
 
“ แต่ข้ายังประหลาดใจ   เหตุใดมันจากไปเฉยๆ ”  
 
โลธอร์ถาม
 
“ ข้าพอรู้มาบ้าง ”
 
สหายร่างผอมแห้งตอบ
 
“ ในบางครั้ง   เคอร์คารอลจะเลือกคนมาสองคน   ไล่ต้อนจนหมดหนทางในที่สุดใครคนหนึ่งก็จะทิ้งเพื่อน   และหนีเอาตัวรอดเพียงลำพัง   ในวันนี้   มันหวังให้คนทั้งสองเลือกผลักใครคนหนึ่งออกมาสู่ความตาย   แต่กลายเป็นว่า   พวกเขาล้วนต้องการที่จะอยู่ด้านหน้าเพื่อรอรับความตายเสียเอง   เคอร์คารอลชิงชังสิ่งนี้มันจึงไม่ลงมือใดๆ เพราะมันหวังว่าสักวันหนึ่ง   จะสามารถหาทางทำให้คนทั้งคู่แตกหักกันจนได้ ”
 
“ หมายความว่ามันจะตามราวีข้าอยู่อย่างนั้นหรือ ”
 
เด็กชายชาวซีนาร์ยตกใจ
 
“ ใครใช้ให้เจ้าเผยความในใจให้มันเห็นล่ะ   มันเกลียดสิ่งนี้   หัวใจของคนแบบเจ้านั่นแหละ   สบายใจเถอะว่ามันจะไม่สังหารเจ้าในเร็ววัน   แต่มันจะทำให้หัวใจเจ้าแตกเป็นเสียงๆ ”
 
ดารีลว่า
 
“ ไม่มีทางหรอก   เพราะสิ่งเดียวที่จะทำให้ข้าล่มสลายได้   ข้าจะรักษาไว้ด้วยชีวิต ”
 
เสียงของฟิโลโซเฟอร์นั้นมุ่งมั่นนัก
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา