โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
107) กลับบ้านเรา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความอาเธอร์ขอให้คนในหมู่บ้านเอาเกวียนไปส่ง เพราะเขาเห็นว่าดารีลนั้นอ่อนเพลียจนไม่น่าจะขี่ม้าเอง ในตอนแรกหนุ่มน้อยมีท่าทีดื้อดึง แต่ก็ถูกฟิโลโซเฟอร์ลากตัวขึ้นเกวียนไปจนได้ เขาแยกเขี้ยวใส่เด็กชายกลับได้เสียงหัวเราะชอบใจตอบกลับมา
เมื่อเกวียนเคลื่อนตัวไปบนถนน ดารีลที่กำลังเหนื่อยอ่อนก็หลับไปโดยที่เด็กชายคอยประคองอยู่ไม่ห่าง ม้าสีขาวตัวนั้นไม่ยอมให้ใครขึ้นขี่ เมื่อมีคนพยายามจะจับมันก็กลายร่างเป็นนกเรเวนบินขึ้นสูงลิบ
เมื่อไปถึงที่หมายดารีลก็ยังคงหลับอยู่ อาเธอร์จึงอุ้มเขาเข้าไปยังที่นอนของฟิโลโซเฟอร์ แม้หนุ่มน้อยคนนี้จะตัวสูง แต่เมื่ออยู่ในอ้อมแขนของหนุ่มใหญ่กลับดูบอบบางอย่างน่าประหลาด ใบหน้าที่กำลังหลับนั้นบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ริมฝีปากที่เย้ายวนจนอาเธอร์ต้องเบือนหน้าหนี ก่อนที่ความคิดจะเตลิดไปไกล
อดีตนายทหารกล้าต้องประหลาดใจ ว่าเหตุใดเด็กหนุ่มคนนี้จึงมีเสน่ห์ดึงดูดทางเพศที่รุนแรงนัก อาจจะมากกว่าหญิงงามโดยทั่วไปเสียด้วยซ้ำ อะไรบางอย่างในใบหน้านั้นสะท้อนในความทรงจำของเขาแปลกๆ
อาเธอร์วางร่างที่กำลังหลับใหลลงบนเตียงอย่างเบามือ กลิ่นหอมจางๆ ชวนลุ่มหลงนั้นแทบทำเอาสติหลุดกระเจิง เขากลั้นใจห่มผ้าให้แล้วคิดจะถอยออกไปอย่าเงียบเชียบ สุดท้ายอดใจไม่ไหวต้องก้มลงฝากรอยจูบไว้บนหน้าผาก
หนุ่มน้อยคนนั้นตอบโต้ได้รวดเร็วทีเดียว เขาคว้าคอเสื้อของอาเธอร์กระชากกลับมา ชายหนุ่มกำลังคิดหาข้อแก้ตัว แต่สุดท้ายก็พบว่าดารีลนั้นยังคงหลับอยู่ และกำลังกระซิบอะไรบางอย่าง เมื่อตั้งใจฟังให้ดีก็พอจะจับใจความได้ว่า เขากำลังวิงวอนถึงผู้เป็นบิดานั่นเอง
อาเธอร์รู้สึกประหลาดใจ พ่อมดน้อยคนนี้มักมีท่าทีเย็นชากับผู้คน แต่กลับยังมีบางช่วงบางเวลา ที่สามารถแสดงความอ่อนไหวออกมาได้
“ ท่านพ่อคิดจะทำอะไรน่ะ ”
เสียงของฟิโลโซเฟอร์ดึงสติเขากลับมา
“ อ้อ ข้าก็แค่พยายามจัดท่านอนให้เขาน่ะ ”
อาเธอร์ตอบ
เขาดึงมือพ่อมดน้อยไปวางแนบไว้ข้างตัว
“ ท่านแม่บอกว่าอาหารพร้อมแล้ว ว่าแต่เราควรปลุกดารีลหรือเปล่า ”
เด็กชายถาม
“ อย่าเลย ”
อาเธอร์ตอบ
“ เขาคงต้องการพักผ่อนมากกว่าจะดื่มกินอะไร ”
ทั้งสองจึงเดินไปยังห้องครัว
เพราะมีโต๊ะรับประทานอาหารวางอยู่ที่นั่น
ส่วนห้องรับแขกด้านหน้าจัดเป็นห้องนอนชั่วคราว
ตั้งแต่ครั้งป่วยหนักยังไม่มีการจัดเรียงใหม่
คาโอเรียนั่งอุ้มกระต่ายลูไว้บนตัก
แต่สายตาชำเลืองไปทางห้องรับแขก
ส่วนคาโลไรน์นั้นง่วนอยู่กับการจัดโต๊ะอาหาร
“ ดารีลล่ะ ”
นางถาม
“ ให้เขานอนไปเถอะ ”
คนเป็นสามีตอบ
“ วันนี้เหนื่อยมากแล้ว ”
“ คนที่หมู่บ้านเป็นอย่างไรบ้างคะ ”
เด็กหญิงผมสีทองถามขึ้นบ้าง
“ พวกเขาปรอดภัยดีแล้วและจะแข็งแรงได้ในอีกไม่ช้า โชคดีจริงๆ ที่ไม่มีใครตายเพราะการล้มป่วยในครั้งนี้ ”
บิดาของนางตอบ
“ เราจำเป็นต้องมีห้องนอนเพิ่ม ”
อยู่ๆ คาโลไรน์ก็เอ่ยขึ้น
“ เพื่อใครล่ะ ”
อาเธอร์เย้าแหย่
“ เจ้าคงไม่ได้หวังว่าเขาจะมานอนที่บ้านเราบ่อยๆ หรอกนะ ”
“ จะมาหรือไม่ เขาก็เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรา ถึงอย่างไรเขาต้องมีห้องเป็นของตัวเอง ”
นางตอบ
ด้วยสีหน้าจริงจัง
ในตอนนี้คาโลไรน์ได้ถือเอาดารีลเป็นเหมือนบุตรคนหนึ่ง
“ ดารีลนอนบนเตียงของข้าได้ ข้าไม่รู้สึกอึดอัดอะไร แต่ถ้าเขาไม่ชอบใจให้ข้านอนบนพื้นก็ยังได้ ”
ฟิโลโซเฟอร์ว่า
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว
คาโลไรน์กับบุตรสาวก็ช่วยกันเก็บจานไปล้าง
เด็กหญิงแอบเดินไปดูพ่อมดน้อยที่กำลังหลับอยู่
ก่อนจะอุ้มกระต่ายลูเดินเข้าห้องนอนไป
ห้องของคาโอเรียนั้นอยู่ชั้นสองของตัวบ้าน
ถัดขึ้นไปคือห้องใต้หลังคา
อันเป็นที่อยู่ของพี่ชายของนาง
แต่ในตอนนี้ฟิโลโซเฟอร์ต้องนอนที่ห้องรับแขกไปก่อน
เพราะเตียงของเขายังไม่ถูกขนย้ายกลับ
เมื่อความมืดกรายเข้ามา
อากาศก็เริ่มหนาวเย็น
แม้ตอนนี้คำสาปได้พ้นไปแล้ว
แต่ฤดูหนาวที่เดินทางมาถึง
จึงทำให้อากาศไม่สามารถอุ่นไปมากกว่านี้แล้ว
ฟิโลโซเฟอร์เดินเข้าไปในห้องนั้น
เติมถ่านหินให้กับเตาผิง
เขารู้สึกดีใจที่วันนี้ยังต้องนอนในห้องรับแขก
เพราะดารีลจะได้นอนหลับอย่างอบอุ่นตลอดทั้งคืน
ในช่วงเวลาที่หนาวเหน็บเช่นนี้
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ