โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
106) ชายชราผู้ป่วยหนัก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความอาเธอร์พาพ่อมดน้อยมาถึงกลางหมู่บ้าน ฟิโลโซเฟอร์วิ่งเข้ามารับ การมาถึงของดารีลสร้างความตื่นตะลึงไม่น้อย เนื่องจากว่าไม่เคยมีเลยสักครั้งที่ผู้ใช้เวทมนตร์จะก้าวขาผ่านรั้วหมู่บ้านเข้ามา อีกทั้งรูปลักษณ์ของเขานั้นงดงามชวนหลงใหล ชาวบ้านที่ได้ยินข่าวจึงพากันมาเพื่อหวังได้เห็นกับตาสักครั้ง
หนุ่มน้อยไม่สนใจสิ่งอื่นใด เขาเดินตรงไปยังคนป่วยที่นอนแน่นิ่ง ใช้นิ้วจับต้นคอของชายชราคนนั้นไว้ด้วยใบหน้าเรียบเฉย ชาวบ้านต่างซุบซิบกันด้วยความประหลาดใจและคาดหวังไปต่างๆ นาๆ
“ จะบอกว่าตายแล้วก็ได้ หรือยังไม่ตายก็ไม่ผิด เอาเป็นว่าข้าจะลองดู ใครก็ได้หาถังไม้ใบใหญ่ๆ ให้ที ”
ดารีลออกคำสั่ง
ชาวจึงบ้านหาถังไม้โอ๊คมาให้ตามที่บอก
ดารีลได้เติมน้ำอุ่นและน้ำต้มยาจนเต็มถัง
พวกเขาช่วยกันนำร่างชายแก่ลงไปแช่ในน้ำที่อุ่นจัดนั้น
ภายในกระโจมผ้าใบพ่อมดน้อยเผากำยานไว้รอบทิศ
กลิ่นหอมประหลาดอบอวลไปทั่ว
นอกจากนั้นเขายังมอบเหรียญทองจำนวนหนึ่งให้อาเธอร์
เพื่อนำไปซื้ออาหารดีๆ มาให้ชาวบ้านผู้หิวโหย
“ ข้าไม่รับประกันว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ”
ดารีลบอกกับบุตรชายของชายชราคนนั้นและอาเธอร์
“ ข้าเข้าใจ และไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรสาบานได้ว่า จะไม่ตำหนิท่าน ”
หนุ่มร่างกำยำคนนั้นบอก
“ ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว จงเฝ้าระวังอย่าให้เตาเผากำยานดับและคอยเติมน้ำในอ่างเสมอ ตอนนี้ข้าอยากออกไปข้างนอกเสียหน่อย ฟิโลโซเฟอร์มากับข้าสิ ”
พูดจบเขาก็เดินออกไปทันทีโดยไม่รอฟังการตอบรับใดๆ
เด็กชายวิ่งตามไปโดยไม่รั้งรอเช่นกัน
พวกเขาเดินออกมาใกล้ๆ กับรั้วของด้านข้างของหมู่บ้าน
ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำลงมากมันสาดแสงสีแดงไปทั่วบริเวณ
อีกฟากหนึ่งเป็นทิวเขาสีดำทอดยาวในความเวิ้งว้าง
ทั้งๆ ที่คนในหมู่บ้านนั้นมีมากมาย
แต่บรรยากาศตอนนี้ตรงนี้กลับเงียบเหงาวังเวง
“ เจ้าเคยรู้สึกกลัวหรือไม่ ”
อยู่ๆ ดารีลก็ถามขึ้น
เขาเกาะคทาด้วยสองมือเหมือนจะใช้มันพยุงตัวไว้
ท่าทางของเขาเหมือนยังไม่ฟื้นตัวดี
“ กลัวสิ ข้าคิดว่าความกลัวเป็นเรื่องปรกติ และเจ้าสามารถกลัวได้ ”
พ่อมดน้อยจ้องเขม็งไปยังทิวเขาเหล่านั้น
คิ้วเรียวงามขมวดเข้าหากัน
“ บางสิ่งบางอย่างควรจะพักบ้างนะ ”
“ และท่านก็ควรพักได้แล้ว ข้าเสียใจที่ท่านต้องมาที่นี่ ”
ฟิโลโซเฟอร์ว่า
“ ช่างเถอะ ข้าว่าคืนนี้ข้าคงกลับบ้านไม่ทันประตูปิด ตอนนี้พวกเขากลับมาปิดประตูเมืองหลังตะวันตกดินอีกแล้ว คงไม่ว่าอะไรนะถ้าข้าจะขอไปนอนค้างบ้านของเจ้า ”
“ บ้านข้าเสียที่ไหน นั่นก็บ้านเจ้าเหมือนกันเจ้าไปที่นั่นได้ทุกเมื่อ เจ้าบอกว่าประตูเมืองไม่ช่วยอะไร ถ้าอย่างนั้นอยู่หลังกำแพงก็ใช่จะปรอดภัย แต่อย่ากลัวไปเลยอยู่กับข้า ข้าจะปกป้องเจ้าเอง ”
“ ให้เจ้าปกป้อง ข้าว่าให้ข้าขุดหลุมอยู่ยังจะอุ่นใจกว่า ”
ดารีลว่า
เขามองไปข้างหน้าอย่างเลื่อนลอย
ที่นั่นคือทุ่งหญ้าอันเวิ้งว้าง
“ ตรงนั้นคือที่ๆ เราพบกันครั้งแรก ”
ฟิโลโซเฟอร์พูด
ดารีลยิ้มขื่น
“ ในตอนที่ข้าเห็นเจ้ากำดาบเล่มใหญ่ มีมังกรไฟบินเฉี่ยวอยู่เหนือหัว เหมือนมีอะไรบางอย่างเตือนว่าชีวิตแสนเรียบง่ายของข้าได้พังทลายลงแล้ว และดูเหมือนจริงดังนั้น ”
“ ข้าคงจะนำปัญหาใหญ่มาให้เจ้าแล้ว ”
เด็กชายว่า
“ แต่ข้าเคยไม่นึกเสียใจที่ช่วยพวกเจ้าไว้ ”
“ เพราะฉะนั้นข้าจึงสาบานว่าจะอยู่เคียงข้างและปกป้องเจ้า ”
“ แล้วเจ้าจะต้องเสียใจกับคำพูดนั้น จงรู้เอาไว้ว่าข้าคือเป้าโจมตี ถ้าเจ้าอยู่ข้างข้านั่นหมายถึงความตาย ”
ดารีลเตือน
“ เอาไว้เวลานั้นมาถึงข้าจะบอกเจ้าว่าเสียใจหรือไม่ ว่าแต่เจ้าไม่เล่าเรื่องของตัวเองให้ข้าฟังบ้าง แม้แต่ชื่อของเจ้าข้ายังรู้มาจากผู้อื่น ”
“ เจ้าอยากฟังเรื่องไหนล่ะ ”
“ อะไรก็ได้ที่เจ้าอยากเล่า ”
ฟิโลโซเฟอร์รบเร้า
“ ชีวิตข้าราบเรียบจะตายเจ้าไม่อยากรู้หรอก ข้าเติบโตมาในห้องสมุดกว้างใหญ่แห่งหนึ่ง รายรอบกายมีแค่หนังสือกับชั้นหนังสือ ตั้งแต่จำความได้มีผู้คนมากมายผลัดกันอ่านหนังสือให้ข้าฟัง พอข้าเริ่มอ่านหนังสือได้ข้าก็อ่านของข้าเอง ชีวิตที่แทบไม่เห็นเดือนเห็นตะวันเว้นแต่วันที่ปีนหน้าต่างออกมาจากห้องนั้น แต่ข้าก็คุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้ จนข้าอายุราวๆ สักห้าขวบจึงถูกส่งตัวมาที่นี่ที่โอรีเวีย ตลอดทางมีเสียงใครบางคนกระซิบว่าโอรีเวียคือที่ของข้า หากข้าไม่รุ่งเรืองข้าก็กลับบ้านไม่ได้ ข้าในตอนนั้นมีแต่ความหวาดกลัวและสับสน ถูกส่งมาอยู่กับผู้ที่ถูกแนะนำว่าปู่ที่ต่างบ้านต่างเมือง สำหรับข้าแล้วทุกคนล้วนเป็นคนแปลกหน้า ข้าเลยไม่ออกไปไหนโชคดีที่หลอดยอมทำตามคำขอของข้า ปล่อยข้าไว้ในห้องและหาหนังสือมากมายมาให้ เอาเข้าจริงข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าเป็นหลานของลอร์ดเดเวอร์ลอสจริงหรือไม่ ”
“ ท่านอย่าเอาคำพูดของเจ้าชายมาใส่ใจ นั่นเป็นสาเหตุที่ไม่มีใครรู้จักท่านเพราะเขาขังเจ้าไว้ตลอด แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ามีพลังของผู้วิเศษ ”
เด็กชายคิดถึงคำแดกดันของเจ้าชายเอลานอสในวันนั้น
“ แน่นอนว่าย่อมรู้ ข้าเรียนการใช้คาถาและพลังตั้งแต่เริ่มอ่านหนังสือได้ แต่ในเวลานั้นท่านลอร์ดอาจยังไม่รู้ ”
มีคนเรียกพวกเขากลับเข้าไปด้านในเพราะคนชราฟื้นแล้ว
ดารีลเข้าไปตรวจอาการแล้วพยักหน้า
“ เขาจะกลับมาแข็งแรงอีกในเร็ววัน ”
พ่อมดน้อยให้คำมั่น
ชาวบ้านต่างร่ำให้คลานเข้ามาจุมพิตที่เท้าของเขา
ดารีลถอยหลังกรูด
สีหน้าตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด
“ อย่ามาแตะตัวข้า ข้ามาที่นี่ไม่ได้หมายความว่าพวกเจ้าจะตีตนเสมอข้าได้ ”
หนุ่มน้อยทำเสียงดุดัน
แต่พลังการข่มขู่ของเขาใช้ไม่ได้ผลเอาเสียเลย
ชาวบ้านหาได้ฟังเสียงไม่
พวกเขาคืบคลานเข้ามาขอเพียงได้สัมผัสแม้เศษธุลี
ดารีลถอยไปจนชิดผนัง
เขาหันไปหาอาเธอร์เป็นเชิงขอความช่วยเหลือ
อดีตนายทหารแห่งโอรีเวียจึงแหวกผู้คนเข้าไป
อุ้มดารีลขึ้นพาดบ่าพาเข้าไปในห้องๆ หนึ่งก่อนจะปิดประตู
“ ข้าไม่ได้จัดยาผิดนะ ”
ดารีลว่า
“ ทุกครั้งข้าจะปรุงยาอย่างระวังเสมอ เหตุใดพวกเขาจึงคุ้มคลั่ง ”
“ สิ่งที่เกิดขึ้นข้างนอกนั่นไม่ใช่ความคุ้มคลั่งหรอกอย่ากังวลใจไปเลย ”
อาเธอร์ตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เด็กชายตัวน้อยแห่งซีนาร์ยแหวกประตูตามเข้ามาจนได้
“ เอาล่ะอยู่กันในห้องนี้ก่อนนะข้าจะไปคุยกับพวกเขา ”
อาเธอร์บอก
ดารีลหยิบเอาหินแบนๆ ที่มีหลุมตรงกลางออกมาพร้อมกับลูกแก้ว เขาทิ้งสมุนไพรสองสามชนิดลงในหลุมหินนั้น ฟิโลโซเฟอร์อาสาช่วยคลึงลูกแก้วบดสมุนไพร พ่อมดน้อยเตรียมยาอีกสองสามชุดให้คนในหมู่บ้าน
และเป็นดังที่เขากังวล ฟ้ามืดแล้วแล้วประตูเมือได้งปิดลงและเขายังอยู่นอกกำแพง
*** วางหินซ้อนกัน บูชาเทพเจ้า ต้องห้ามในโอรีเวีย ค่อยเติมทีหลัง เผลอข้ามไปเฉยเลย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ