แก้วนพคุณ

-

เขียนโดย เวลา

วันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 16.59 น.

  38 บท
  0 วิจารณ์
  30.76K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) เที่ยวทะเล

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“พรุ่งนี้พ่อแกจะมารับกี่โมง?” ขจรรัฐถามขณะนั่งมองเพื่อนเก็บ    กระเป๋า ความจริงถ้าไม่ติดธุระกับทางบ้านเขาคงจะไปด้วย แต่มานัดตรงกันพอดีแบบนี้เขายกเลิกนัดที่บ้านไม่ทัน

   “ก็น่าจะสายๆ แหละ ดีแล้วจะได้ไม่ต้องรีบตื่น เสียดายแกไม่ได้ไปด้วยกัน” นพคุณบ่นไประหว่างจัดของ...เขาอยากให้เพื่อนไปด้วย อย่างน้อยก็จะได้มีเพื่อนคุยเวลาอยู่กับสาวๆ ตัวปัญหาพวกนั้น

   “ไว้คราวหน้า แกบอกล่วงหน้านะ ฉันไม่พลาดแน่นอน” ขจรรัฐนั่งเล่นอยู่สักพักแล้วเขาก็กลับไปแถวนอนของตัวเอง นพคุณจัดกระเป๋าไม่นาน เพราะเขาเอาเสื้อผ้าไปแค่สองชุดกับของใช้ส่วนตัวอีกนิดหน่อย จัดกระเป๋าเสร็จก็วางไว้ปลายเตียง...เตรียมพร้อมรอพ่อมารับ

   ช่วงเช้าก่อนที่พ่อจะมารับ นพคุณเดินไปส่งขจรรัฐกลับบ้านที่หน้าโรงเรียนและไปวิ่งออกกำลังกายตามปกติ ตุ๊ดเด็ก ตุ๊ดสาวบางส่วนก็ไม่ได้กลับบ้าน พวกหล่อนรวมตัวกันออกลีลาเต้นแอโรบิคอยู่ข้างสนามฟุตบอล    มีเด็กผู้ชายบางคนเข้าร่วมวงเต้นด้วยเป็นที่สนุกสนาน พวกหล่อนส่งเสียงหัวเราะสดใสจนนพคุณต้องหันไปมอง เพราะเสียงหัวเราะของพวกหล่อนถูกดัดแปลงจนฟังเผินๆ เหมือนเสียงผู้หญิงอยู่เหมือนกัน วิ่งเสร็จแล้ว นพคุณก็กลับเข้าหอพักไปอาบน้ำแต่งตัว นอนอ่านหนังสือรอพ่ออยู่บนเตียงจนสิบโมงเช้า คุณนพรักษ์ก็เดินทางมาถึงที่โรงเรียน รถจอดหน้าตึกหอนอน พ่อเดินยิ้มออกมาจากรถ แม่เลี้ยงเขานั่งด้านหน้าคู่กับพ่อเขา นพคุณถอนใจ งั้นเขาก็คงต้องนั่งด้านหลังสินะ

พริมาที่นั่งอยู่เบาะหลังเห็นเด็กหนุ่มแล้วตั้งแต่เขาเดินลงมาจากตึก ทำไมใจต้องเต้นแรงด้วยนะ เด็กหญิงไม่เข้าใจ...อาจจะเพราะหล่อนคิดถึงเขา ใช่! ก็คนรู้จักกันจะคิดถึงกันไม่ได้หรือไง เด็กหญิงส่งยิ้มสดใสไปให้เขา       นพคุณเหลือบมองแค่แวบเดียว...เขาไม่แม้แต่จะทักทายหรือยิ้มกลับเลยสักนิด อืม...คุณชายใหญ่ก็คือคุณชายใหญ่นั่นแหละ จะไปหวังอะไรกับเขามากมายนักหนา ระหว่างทางก่อนมาถึงบ้านพักริมทะเล พริมาพยายามชวนนพคุณคุยตลอดทาง ถามถึงสารทุกข์สุขดิบชวนคุยนู่นนี่ แต่เขาก็ไม่สนใจ หล่อนถามถึงจดหมายเขาก็เมินมองไปทางอื่น...เหมือนหล่อนพูดเรื่องไร้สาระ เขาเงียบหล่อนก็จนปัญญา

อืม...คุยเรื่องอะไรดีนะ เรื่องที่เขาชอบ พริมาเลยถามนพคุณเรื่องเรียน เท่านั้น แหละนพคุณพูดกับหล่อนยืดยาว คุยเรื่องเรียนอะไรสักอย่างที่หล่อนไม่เข้าใจ  เขาถามกลับมาเหมือนถามความเห็นในสิ่งที่เขาพูดอยู่ พริมาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาพูดเรื่องอะไร แล้วจะให้หล่อนเข้าใจที่เขาถามได้อย่างไร เห็นพริมาเงียบ เด็กหนุ่ม ก็ส่งสายตากลับมาประมาณว่าหล่อนนี่ช่างไม่รู้อะไรซะบ้างเลย น่าสงสารจริงๆ

“อ้อ...เธอคงไม่เข้าใจที่ฉันพูด ไม่เป็นไร” นพคุณพยักหน้าทำเหมือนเข้าใจหล่อนเป็นอย่างดี แต่สายตาของเขากลับทำให้พริมารู้สึกหดหู่      ตลอดทางที่เหลือนพคุณชนะ เขาทำให้หล่อนเงียบได้ และไม่รู้ตาฝาดหรือเปล่า...พริมาเห็นเขานั่งยิ้มตลอดทาง ใจร้ายชะมัด! แต่เด็กหญิงทนได้ ท่าทางแบบนี้เอาเข้าจริงหล่อนเริ่มจะชินเสียแล้ว นพคุณเสมอต้นเสมอปลาย ถ้าอยู่ๆ วันนี้เขาหันมาพูดดีกับหล่อนและทำตัวน่ารัก หล่อนคงจะทำตัวไม่ถูก

“เป็นแบบนี้น่ะดีแล้ว” เด็กหญิงพึมพำคนเดียว หล่อนตั้งใจไว้แล้วว่าจะทำให้แม่กับพ่อเลี้ยงสบายใจ รวมถึงจะเข้าใจเขาให้มากๆ ด้วย แค่นี้เองไม่ได้ลำบากอะไรเลย คิดได้แบบนี้หล่อนเองก็ยิ้มได้เหมือนกัน

นพคุณกำลังยิ้มสะใจกับความสำเร็จของตัวเอง ที่เขาสามารถหุบปากยัยเด็กนั่นได้สักที หล่อนพูดไปเรื่อยไม่ยอมหยุด แต่พอเขาถามเรื่องเรียนเข้าหน่อยกลับเงิบหน้าหงายไปเลย ทั้งที่ตัวเองเป็นคนเริ่มเองแท้ๆ โธ่! ตอนนี้เขาเริ่มจะสงสารแม่เลี้ยงปากแดงของเขาเสียแล้ว มีลูกสาวสมองกลวงแถมยังชอบทำตัวน่ารำคาญเป็นที่สุด ยิ่งคิดยิ่งอารมณ์ดี...พลันสายตาเหลือบไปมอง เอ๊ะ! ยัยตัวปัญหารุ่นเล็กมองเขาอยู่ก่อนแล้ว และที่สำคัญหล่อนส่งยิ้มหวานให้เขากลับมาด้วย...ยิ้มแบบเอ็นดูและเข้าใจ หล่อนปัญญาอ่อนรึไงนะ?      เขาเพิ่งตอกกลับให้หล่อนเสียหน้าไปเมื่อกี้...ตอนนี้หล่อนกลับมานั่งยิ้มให้เขาเหมือนแม่ที่เฝ้ามองดูการเติบโตของลูก แม้ลูกจะดื้อจะซนอย่างไรแม่ก็เข้าใจลูกเสมอ นั่นยิ่งทำให้นพคุณหงุดหงิด ใครว่าเขาชนะกัน? ยัยนั่นไม่ได้แข่งอะไรกับเขาเลย มีแต่เขาที่แข่งและนั่งนับคะแนนอยู่คนเดียว โถ!ภารดี...ลูกสาวของหล่อนนอกจากจะไม่ฉลาดแล้ว ยังปัญญาอ่อนอีกด้วย คนเขาว่าให้ขนาดนี้ ยังจะมีหน้ามายิ้มให้เขาอีก ไม่รู้ว่าเขาจะหงุดหงิดหล่อนหรือสงสารหล่อนดีกันแน่ นพคุณหลับตา เวลาที่เหลือเขาแกล้งหลับ...หลับๆ ไปซะ พริมามาแบบนี้เขารับมือไม่ถูก...ขอเวลาตั้งหลักก่อน รถมาจอดหน้าบ้านพักริมทะเล มีบ้านแบบเดียวกัน อยู่สามหลัง อีกสองหลังมีคนมาพักแล้วเช่นกัน นพคุณเดินตรงขึ้นไปสำรวจชั้นสองของบ้านอย่างไว ขณะที่ทุกคนกำลังง่วนอยู่กับการขนสัมภาระตัวเอง ข้างบนบ้านมีห้องนอนสามห้อง มีห้องนอนใหญ่อยู่ด้านหน้า และห้องนอนเล็กพื้นที่เท่ากันอีกสองห้อง พริมาเห็นนพคุณเดินเข้าไปห้องนอนเล็กห้องหนึ่งพร้อมกระเป๋าเป้ของเขา

“สงสัยจะเอาห้องนั้น” พริมาไม่มีปัญหา หล่อนนอนห้องไหนก็ได้      เมื่อเห็นเขาเข้าห้องตัวเองไป จึงไปสำรวจห้องอื่น ๆ ห้องนอนใหญ่ของแม่     งั้นก็เหลือห้องนี้สินะ ห้องนี้กว้างพอสมควรสำหรับการนอนคนเดียว      

“ว้าว...เห็นทะเลพอดีเลย” เด็กสาวออกจากห้องลงไปหยิบกระเป๋าของตัวเองด้านล่าง ข้างล่างแม่กับพ่อเลี้ยงกำลังวุ่นวายกับการขนของกินที่เตรียมมาจากบ้านลงจากรถ

“เป็นไงลูกแก้ว เลือกห้องกันรึยัง?” พ่อเลี้ยงถาม เขาเป็นคนเลือกที่พัก เพราะคราวก่อนเขาเพิ่งจะมาส่งนพคุณกลับโรงเรียนเลยผ่านที่พักสวยๆ หลายแห่งและเก็บนามบัตรที่พักที่สนใจไว้ให้ภารดีช่วยเลือกอีกคน

“ได้แล้วค่ะ ติดกับห้องแม่ เดี๋ยวลูกแก้วเอากระเป๋าไปเก็บก่อนนะคะ แล้วจะลงมาช่วยขนของ” สาวน้อยกลับขึ้นไปบนบ้านพร้อมสัมภาระของตัวเอง แต่พอเปิดประตูห้องจะเอาของเข้าไปเก็บกลับพบนพคุณนั่งเรียบร้อยอยู่บนเตียงพร้อมส่งสายตารำคาญมาให้…ไม่รู้เขาตั้งใจแย่งหรือว่าไม่รู้จริงๆ กันแน่

“หัดเคาะประตูซะบ้างนะ” นั่น! โดนไปหนึ่งดอก พริมาถอยหลัง     หล่อนงง...นี่เขาแกล้งหาเรื่องหล่อนอีกแล้วสินะ แต่หล่อนจะไม่เถียงกับเขาหรอก นอนห้องไหนก็ได้

“ฝั่งนี้ไม่เห็นทะเล...แต่มีต้นไม้ กับโรงแรมส่วนรีสอร์ตแทน ก็วิวดีเหมือนกัน” มองโลกในแง่ดีเสร็จ สาวน้อยก็สำรวจห้องนอนที่นพคุณทำเนียนขอเปลี่ยน (ความจริงก็ไม่ได้ขอสักคำ) ห้องนี้พื้นที่ใช้สอยน้อยกว่าห้องเดิม เพราะในห้องมีห้องน้ำในตัว แต่พื้นที่ห้องรวมๆ แล้วเท่ากัน

“เอ๊ะ! ห้องนี่มีห้องน้ำในตัวนี่นา” พริมาสงสัย แล้วคุณชายใหญ่ทำไมถึงอยากแลกห้องล่ะ เพราะห้องนั้นแม้พื้นที่จะดูเหมือนกว้างกว่าก็เพราะไม่มีห้องน้ำอยู่ในห้อง

“แล้วเขาจะสะดวกเหรอ? ช่างเถอะ เราไม่มีทางเดาใจเขาได้หรอก    ถามไปเดี๋ยวตอบกลับมาเป็นสูตรเคมีได้เงิบอีกแน่” พริมาวางกระเป๋าของหล่อน แล้วลงไปช่วยแม่ด้านล่าง คุณชายใหญ่ของหล่อนช่วยขนของอยู่ก่อนแล้ว  พริมาส่งยิ้มให้เขา นพคุณหงุดหงิด...เพราะสายตาของหล่อนนั่นแหละที่ทำให้เขาหงุดหงิด...สายตาหล่อนเหมือนแม่ที่ปลาบปลื้มในพัฒนาการของลูกน้อย ที่โตขึ้นมาเป็นคนดีแบบที่หล่อนต้องการ พูดรู้เรื่อง...ช่วยเหลือสังคม

 

ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายบรรยากาศดูสดใส ผู้คนต่างลงไปเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน พริมานั่งมองผู้คนอย่างเพลิดเพลิน

“ลูกไม่ลงไปเล่นน้ำบ้างเหรอ?” ภารดีลงนั่งบนทรายข้าง ๆ ลูกสาว

“ค่อยเล่นตอนเย็นๆ ดีกว่าค่ะ ไม่ไหวแดดร้อนเหลือเกิน” หล่อนเห็นแม่เปลี่ยนชุดแล้ว...ชุดเสื้อและกางเกงที่เข้าชุดกัน...แต่ข้างในสิ ภายใต้ชุดนี้เป็นชุดว่ายน้ำที่แม่หล่อนซื้อมาคู่กัน ชุดหนึ่งให้พริมาอีกชุดของภารดี เป็นชุดว่ายน้ำ คอลเลคชั่นแม่ลูก ที่มีเสื้อและกางเกงขาสั้นเป็นชุดเข้ากัน ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่พอถอดเหลือแต่ชุดบิกินีแล้ว...มันเซ็กซี่น่าดู!

“แม่ล่ะคะ จะลงน้ำตอนนี้เลยเหรอ?” สาวน้อยหันไปถามแม่        เพราะอากาศตอนนี้ร้อนเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน

“ไม่ไหวๆ ร้อน แต่ใส่ชุดเตรียมพร้อมไว้ก่อน” ภารดีนั่งมองเด็กๆ ที่เล่นเรือกล้วย...เรือยางที่ทำเป็นรูปกล้วยสีเหลือง มีที่นั่งซ้อนกันได้ประมาณ 5 คน แล้วใช้เจ็ทสกีลากพาไป จะช้าหรือเร็วแล้วแต่จังหวะและฝีมือคนขับเจ็ทสกีแต่ละคน แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่ายังไงต้องตบท้ายให้เรือคว่ำแล้วเทคนทั้งหมดลงน้ำกระจัดกระจายกันไปคนละทิศละทาง ภารดีนั่งมองไปก็หัวเราะไปกับพวกเขา ถ้าแดดไม่แรงหล่อนจะชวนพริมาและสองหนุ่มลงไปเล่นแน่นอน

พริมาคิดถึงอีกนพคุณที่หล่อนทิ้งไว้ที่บ้าน เมื่อเช้าก่อนออกจากบ้านหล่อนเอาไก่ใส่เล้าแล้วปิดไว้อย่างดี น้ำและอาหารพร้อมสำหรับ 1 วัน 1 คืน แต่คืนนี้หล่อนไม่ได้ร้องเพลงส่งมันเข้านอน ไม่รู้มันจะเป็นอย่างไรบ้าง         ถ้ามันมาเห็นทะเลคงจะชอบใจ สักวันหล่อนจะต้องพาไก่แสนรักมาเที่ยวทะเลให้ได้ สองแม่ลูกนั่งเล่นกันไปเรื่อยดูผู้คนจนแดดเริ่มอ่อนลง ภารดีถอดชุดเสื้อและกางเกงขาสั้นออกเผยให้เห็นชุดบิกินี่แสนเซ็กซี่ที่มีลายและสีเดียวกับชุดข้างนอก แต่ด้วยความที่หล่อนตัวเล็กส่วนสูงหล่อนน่าจะพอๆ กับพริมา จึงทำให้ดูเหมือนเด็กวัยรุ่นสาวๆ มากกว่า...ความเซ็กซี่จึงดรอปลงไปเล็กน้อย ภารดีเดินนวยนาดอวดหุ่นสวยบนชายหาด เรียกความสนใจจากหนุ่มๆ ไม่เบา พริมานั่งยิ้มหล่อนชอบมองเพราะว่าแม่สวย

“โอ้โห! เผลอหลับแป๊บเดียวนี่เกือบพลาดดูของดีไปเลยนะ แม่ของหนูนี่ร้ายไม่เบา ดูสิไอ้หนุ่มนั่นน้ำลายหกไหลมาเป็นทางแล้ว” คุณนพรักษ์เดินออกมาจากในบ้าน เขางีบไปเกือบสองชั่วโมง ตื่นมามองหาไม่เห็นใครเลยออกมาดูที่ชายหาด ทันเห็นภารดีเดินนวยนาดอวดหุ่นสวยพอดี

“หึงเหรอคะ?” พริมาหัวเราะเสียงใส คุณนพรักษ์นั่งลงข้างเด็กหญิงมองดูภรรยาตัวเองเดินยั่วสายตาหนุ่มๆ อยู่ที่ริมหาด ภารดีไม่ได้สนใจสายตาผู้ชายที่มองมา หล่อนมีชุดบิกินี่เป็นร้อยและใส่บ่อยจนชินแล้ว หล่อนเดินลงไปเล่นน้ำและหันมาโบกมือชวนพริมาให้ลงมาเล่นน้ำด้วยกัน เด็กหญิงส่ายหน้า  คุณนพรักษ์จึงลุกขึ้นและเดินตามลงน้ำไป หนุ่มๆ หลายคนคงอิจฉาเขาไม่เบา หนุ่มใหญ่รูปหล่อกับสาวสวยคราวลูกหลายคนคงคิดกันไปต่างๆ นาๆ นพคุณนั่งมองภาพนี้มาจากในห้อง พ่อเขาทำตัวอย่างกะวัยรุ่น...มีเมียเด็กมันทำให้เขาดูเด็กตามไปด้วย แต่นพคุณก็ภาวนาขออย่าให้พ่อเขาถึงขนาดต้องลดอายุสมองและวุฒิภาวะของตัวเองให้เด็กลงไปด้วยก็แล้วกัน แต่ดูจากตรงนี้พ่อเขายังไม่ได้ทำพฤติกรรมที่ดูแล้วน่าเกลียดอะไร เขาแค่ลงไปเล่นน้ำธรรมดาไม่ได้ไปใกล้ชิดกันจนเกินงาม หรือไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงให้เป็นที่อุจาดตาของคนรอบข้าง แค่นี้เขาก็เบาใจแล้ว ที่เหลืออยากจะทำอะไรก็ทำ! เด็กหนุ่มอ่านหนังสืออยู่ในห้องจนปวดตาเลยเดินออกมานอกระเบียงเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ จึงทันเห็นแม่เลี้ยงคนสวยของเขาถอดชุดข้างนอกออกพอดี ถึงจะดูสวยก็ตาม           แต่สำหรับเขา มันก็ดูจะขัดตาไปหน่อย...ผู้หญิงสมัยนี้ไม่มีความอายบ้างเลยหรือไง ความจริงชุดนั่นก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร เป็นบิกินี่แบบธรรมดาที่เห็นกันทั่วไป แต่เพราะมันอยู่ในร่างของภารดี จึงเรียกสายตาใครต่อใครไม่ว่าจะหนุ่มเล็กหนุ่มใหญ่ให้หันไปมองพร้อมกันไปหมด หล่อนเดินนวยนาดลงทะเลไปอย่างไม่แคร์สายตาใครด้วยซ้ำ แล้วตัวลูกสาวก็ไม่คิดจะห้ามแม่บ้างเลยรึไงนะ ปล่อยให้แม่ใส่ชุดวาบหวิวนั่นเดินโทงๆ ลงทะเลไปได้อย่างไร เขายืนดูอยู่สักพัก ก็กลับเข้าห้องตัวเอง กะว่าจะไปอ่านหนังสือต่ออีกสักหน่อย แต่ก็ไม่มีสมาธิ เด็กหนุ่มเก็บหนังสือเดินลงไปข้างล่าง

พริมานั่งมองแม่และพ่อเลี้ยงเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน ทำเอาหล่อนอยากกลับเข้าบ้านไปเปลี่ยนชุดลงมาร่วมวงด้วยอยู่เหมือนกัน แต่หล่อนไม่กล้าใส่ชุดว่ายน้ำแบบแม่ลงมาเล่นน้ำท่ามกลางสายตาผู้คนกลางวันแสกๆ แบบนี้ ถ้าเทียบกับความมั่นใจในตัวเองแล้ว พริมาไม่มีเอาเสียเลย ไว้เย็นๆ แดดร่มลมตกคนน้อยลงค่อยว่ากันอีกที นั่งมองแม่จากตรงนี้ก็สนุกแล้ว

“ทำตัวหยั่งกะวัยรุ่น ไม่รู้จักอายสายตาคนมองเสียบ้าง” พริมาขมวดคิ้ว นพคุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เขานั่งลงข้างหล่อนมองภาพตรงหน้า ความจริงเขาก็พูดเกินไป เพราะภาพที่เห็นไม่ได้น่าเกลียดอย่างที่เขาพูดเลยสักนิด

“คนมาทะเลก็ต้องเล่นน้ำสิคะ” พริมาเถียงแทนแม่กับพ่อเลี้ยง

“แล้วก็ต้องใส่ชุดว่ายน้ำเดินส่าย...อวดสายตาผู้ชายด้วยใช่ไหม?”     นพคุณยังไม่เลิก...คราวนี้หล่อนฉุนจริงๆ ปกติเขาว่าหล่อน พริมาจะไม่ตอบโต้เลย แต่ถ้าลามถึงแม่หล่อนคงยอมไม่ได้

“เพิ่งจะรู้เหมือนกัน ว่าคนที่คิดว่าตัวเองเก่ง ตัวเองฉลาด แต่ที่แท้แล้วมีความคิดหัวโบราณดักดานอยู่ในกะลา ชุดแบบนี้ใครๆ เขาก็ใส่กัน เขาใส่กันทั่วโลก...ถ้าจะด่าก็ต้องด่าคนทั้งโลก และมันก็ไม่ผิดกฎหมายที่จะใส่ชุดแบบนี้ เดินเล่นอยู่ชายหาด แม่ฉันไม่ได้ใส่ชุดนี้เดินไปตลาดหรือใส่ไปเดินในห้าง     แต่แม่ใส่ชุดว่ายน้ำไปว่ายน้ำที่ทะเล มันไม่ได้ผิดที่ผิดเวลา...มันก็อยู่ถูกที่ถูกกาลเทศะแล้ว อีกอย่างประเทศไทยก็เสรีไม่มีใครที่เขากีดกันหรือเหยียดเพศกันแล้ว แต่วันนี้ฉันได้เห็นแล้วว่าฉันคิดผิด ยังมีคนที่มีความคิดล้าหลัง       พวกโบราณเต่าล้านปี!!! ”พริมาใส่มาเป็นชุด และพอด่าเสร็จหล่อนก็ลุกเดินหนีเขาเข้าบ้านไปแล้ว ทิ้งนพคุณนั่งเงิบอยู่คนเดียว สิ่งที่พริมาด่าเป็นจริงทุกอย่าง ชุดว่ายน้ำใครก็ใส่กันทั้งนั้น แต่เขาไม่เคยมีความคิดเหยียดเพศแบบที่พริมาเข้าใจ เจ็บใจนัก!ทำไมเมื่อกี้เถียงไม่ทันวะ อยู่ ๆ มากล่าวหากันแบบนี้ ไม่รอให้เถียงกลับสักคำแถมมาเดินหนีไปอีก ตอนนี้รอบตัวภารดีมีเด็ก ๆ ไปร่วมเล่นน้ำกับหล่อนด้วย พ่อเขาก็ลอยตัวอยู่ห่างๆ จากที่เป็นที่สนใจของคนรอบข้าง         แต่ตอนนี้ดูเผินๆ เหมือนพวกเขามาจากที่เดียวกัน...เป็นครอบครัวใหญ่     ภารดีไปสนิทกับเด็กพวกนั้นตอนไหน เขาเห็นพวกนั้นเล่นปาทรายเปียกๆ     ใส่กัน...พวกเขาแบ่งกันเป็นสองฝั่งพลัดกันปาทรายใส่ฝั่งตรงข้าม ฝั่งไหนหลบทรายได้มากกว่าเป็นฝ่ายชนะ นพคุณมองภาพตรงหน้าอย่างทึ่งๆ จากที่เขาเห็นบนบ้าน...สายตาที่มองภารดีนั้นตีความหมายต่างๆ นาๆ แต่ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงภารดีกลับเปลี่ยนสายตาคนรอบข้างได้อย่างง่ายดาย...หล่อนทำได้อย่างไร
            พริมากลับเข้ามาสงบสติอารมณ์ในบ้าน หล่อนโมโหเขาจริงๆ สงสัยจะสปอยเขามากเกินไปแล้ว คราวหน้าถ้าเขาล้ำเส้นแบบนี้อีก ก็คงต้องปรามกันบ้าง การเป็นเด็กมีปัญหาก็ใช่ว่าจะมาว่าหรือแดกดันคนอื่นได้             เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พอเห็นชื่อปลายสายเป็นยามา อารมณ์ของเด็กหญิงก็ดีขึ้นเล็กน้อย

“สวัสดีสาวน้อย” ปลายสายทักมา พริมาหัวเราะ ยามาทำให้หล่อนยิ้มได้ตลอด
          “ไปเที่ยวทะเลสนุกไม๊? เสียดายไม่ได้ตามไปด้วย” ยามายิงคำถามทันที ถ้าไม่ติดว่าไม่สบายเป็นไข้นอนซมอยู่ที่บ้าน หล่อนก็คงจะตามมาเที่ยวด้วยกันแน่ๆ

“ก็สนุกดีจ๊ะ อยากให้ปลาทูมาเหมือนกัน ถ้าปลาทูมาลูกแก้วคงสนุกมาก”
          “แล้วพี่ชายล่ะ ไปเที่ยวกันแบบครอบครัวสุขสันต์ไม่สนุกรึไง?” พริมา เคยเล่าเรื่องนพคุณให้ยามาฟัง แต่ก็แค่คร่าวๆ ไม่ได้ลงรายละเอียด       หล่อนไม่อยากเล่าหมดหรือละเอียดมากนัก เพราะยามาเป็นคนรักแรงเกลียดแรง หล่อนกลัวว่ายามาจะไม่เข้าใจนพคุณ...อาจจะพาลไปเกลียดเขาเอาได้

“ก็ดีแหละ...แต่เขาชอบมองลูกแก้วเหมือนลูกแก้วโง่ตลอดเวลา” พริมาแอบฟ้องเพื่อนนิดหน่อย แต่ปลายสายหัวเราะเสียงดังกลับมา เล่นเอาคนฟ้องหน้าหงิกที่เพื่อนไม่เข้าข้าง

“ก็ลูกแก้วโง่จริงๆ จะโมโหทำไม เขาก็มองถูกแล้ว ฮ่าๆ” ยามาหัวเราะ พริมายิ่งหน้าหงิกเข้าไปใหญ่

“แล้วเขาก็ว่าแม่ใส่ชุดว่ายน้ำเดินส่ายไปมาอวดผู้ชาย”

“อะไรนะ!!!” คราวนี้เสียงปลายสายไม่ขำแล้ว น้ำเสียงจริงจังจนพริมา อยากตบปากตัวเอง

“ไอ้หมอนี่มันเกินไปแล้วนะ ถ้าเจอปลาทูได้โดนด่าหูชาแน่ๆ“ พริมา เลยเล่าให้เพื่อนฟังว่าหล่อนตอกกลับเขาไปยังไง

“โอ้ย! สุดยอด!!! นี่ใช่ลูกแก้วตัวจริงหรือเปล่า คนที่โดนลูกแก้วด่านะ ต้องสุดๆ จริงๆ ” คราวนี้ยามามีน้ำเสียงดีขึ้นมาก

“แล้วทำไมลูกแก้วไม่ใส่ชุดว่ายน้ำยืนด่ามันอีกคนล่ะ” ยามาจำได้ตอนที่ภารดีเอาชุดว่ายน้ำแม่ลูกมาอวด มันดูดีและราคาไม่ใช่ถูกๆ เลย ของแม่เซ็กซี่ ส่วนของลูกสาวก็น่ารักสมวัย

“ว่าจะใส่ตอนเย็น ให้คนน้อยลงกว่านี้หน่อย ไม่ไหวลูกแก้วไม่ใจกล้าแบบแม่หรอก”

“อยากเห็นจัง ส่งรูปมาให้ดูบ้างนะ”

“ลูกแก้วก็ว่าไปงั้นแหละ พอเอาเข้าจริงก็ไม่กล้าใส่หรอก” สองสาวคุยกัน อีกเกือบชั่วโมง จนภารดีและคุณนพรักษ์ขึ้นจากน้ำกลับเข้าบ้านมาอาบน้ำแต่งตัว พริมาถึงได้วางสาย ภารดีนัดกินข้าวตอนหกโมงเย็น เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมง พริมาจึงกลับขึ้นห้องไปรอเวลา...ไม่อยากเจอคุณชายใหญ่ตอนนี้ ถึงเวลานัดทั้งหมดก็ขับรถไปร้านอาหารดังที่อยู่ในละแวกนี้ ภารดีหาข้อมูลมาตามเคย หล่อนชอบเข้าไปอ่านรีวิวร้านดังและตามไปกินกับพริมาเสมอสมัยอยู่กันสองคน แม้ตอนนี้จะมีสมาชิกเพิ่มมาอีกสองคน นิสัยหาที่เที่ยวที่กินของภารดีก็ยังอยู่ และต้องคิดเพิ่มเผื่อคนอีกสองคนด้วย ตลอดทางพริมานั่งมองสองข้างทางไปตลอด หล่อนไม่สนใจนพคุณเลย และไม่คุยกับเขาสักคำเดียว ชิ! ไม่คุยก็ดีแล้ว      นึกหรือว่าเขาจะสน รถจอดแล้ว...ร้านอาหารคนค่อนข้างเยอะคงเพราะเป็นร้านดังและเป็นช่วงเวลาอาหารเย็นพอดี พวกเขาเดินเข้าไปมองหาที่นั่งสำหรับสี่คน แต่มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

“น้องพิมพ์ คุณนพ” เสียงผู้หญิงเรียกภารดีกับคุณนพรักษ์ พวกเขาหันไปมอง ต้นเสียงคือผู้หญิงวัยกลางคนที่มากับลูกชายสามคน เด็กชายสามคนสามวัย คนเล็กน่าจะอายุประมาณ 4 ขวบ คนกลางรุ่นๆ พริมา และคนโตอายุน่าจะประมาณนพคุณหรือไม่ก็แก่กว่า

“อ้าวพี่อ้อ” ภารดีทักทายเสียงใส และหันไปลูบหัวลูกชายคนเล็กของหล่อน เขายิ้มเขินอายเหมือนเด็กผู้ชายที่เจอสาวๆ สวยๆ ทั่วไป

“ทานด้วยกันสิคะ พี่เพิ่งจะมาถึง” อรพินเชิญชวน หล่อนมาเยี่ยมสามีที่มาทำงานที่ชลบุรี เพราะเขามารับตำแหน่งใหม่ และเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน แต่เย็นนี้เขาติดงานจึงไม่ได้มาด้วยกัน

“อ้าว แล้วคุณนัทไปไหนล่ะครับ?” คุณนพรักษ์ถามขึ้นพร้อมมองหาคนที่เขาถามถึง

“ติดเวรน่ะค่ะ เลยพาเด็กๆ ออกมากินกันเอง”

“คนนี้ไม่เคยเห็น เหมือนเมื่อตอนเย็นไม่เจอ” อรพินทักนพคุณ เด็กหนุ่มรู้งานเขายกมือไหว้หญิงสาวทันที

“ตาคุณไม่ได้ลงไปเล่นน้ำด้วยกันน่ะครับ” คุณนพรักษ์ตอบแทนลูกชาย ส่วนภารดีตอนนี้นั่งคุยอยู่กับน้องสามลูกชายคนที่สามของอรพิน หล่อนตั้งชื่อเอาง่าย หนี่ง สอง สาม...ตามนั้น!!!

“ลูกแก้วกินอะไรดี?” หนึ่งหรือสารัชชวนเด็กหญิงคุย นพคุณมองเขม็ง...พวกนี้สนิทกันตอนไหน?

“พี่หนึ่งอยากกินอะไรคะ ลูกแก้วเช็คในเน็ตมาเค้าบอกว่าทอดมันกุ้งร้านนี้อร่อย”

“ขนมเปี๊ยะไส้เผือกก็อร่อย” สองหรือสาวิชชวนคุย แต่หนึ่งดูจะไม่สนใจ พริมาถึงจะโง่แต่หล่อนก็ความรู้สึกไว พี่น้องสองคนนี้ดูจะไม่ค่อยถูกกันนัก

“ลูกแก้วทำเป็นนะคะขนมเปี๊ยะ ทำไม่ยากแต่หลายขั้นตอนเหมือนกัน กว่าจะเสร็จทั้งหมดเลยนะรวมกวนไส้ด้วยก็ไม่ต่ำกว่าสามชั่วโมงแน่นอน เพราะงั้นถ้าเขาทำอร่อยแล้วขายแพงลูกแก้วจะไม่บ่นเลย เพราะรู้อยู่ว่าเขาทำกันยังไง” ถ้าเรื่องขนมหรือของกินแล้วมาถูกทาง พริมาคุยได้ยาว หล่อนเล่าวิธีทำขนมให้สองพี่น้องฟัง และสองคนนั่นก็ตั้งใจฟังจริงๆ ไม่ใช่แค่อยากชวนคุยกับเด็กสาวหน้าตาน่ารัก แบบที่พวกผู้ชายชอบทำกัน นพคุณได้คำตอบแล้วว่าพวกเขารู้จักกันได้อย่างไร ก็เพราะเขาไม่ได้สังเกตอย่างอื่นนอกจากสิ่งที่ตัวเองอยากมองเท่านั้น ครอบครัวนี้คือครอบครัวเดียวกับที่ภารดีและพ่อของเขาไปเล่นน้ำด้วยเมื่อตอนเย็นนั่นเอง และพวกเขาก็อยู่บ้านพักติดกันกับพวกภารดี...หลังตรงกลางนั่นแหละ ตอนนี้น้องสามติดภารดีแจ เขามานั่งกินข้าวบนตักหญิงสาว ส่วนคุณนพรักษ์ ก็คุยเรื่องงานกับอรพิน หนึ่งกับสองก็คุยกับ พริมา...ส่วนเขาไม่เข้ากลุ่มกับใครเลย นพคุณนั่งเซ็งนี่ขนาดไม่ใช่ที่บ้านและคนแปดคนจับคู่ได้พอดี เขายังโดนเขี่ยออกมาเหลือตัวคนเดียว...หงุดหงิด!!!ถึงเวลาจ่ายเงินอรพินไม่ยอม หล่อนบอกว่ามื้อนี้ขอเลี้ยง เพราะหล่อนเป็นคนออกปากชวนเอง พวกเขาเถียงกันอยู่นาน เด็กๆ จึงแยกออกมา   ปล่อยให้พวกผู้ใหญ่คุยตกลงกัน พริมายืนคุยต่อกับหนึ่งและสอง ส่วนน้องสามวิ่งเล่นคนเดียวอยู่ใกล้ๆ พวกผู้ใหญ่ออกมาแล้ว และอรพินขอแยกตัวไปก่อน เพราะหล่อนจะเอากับข้าวที่สั่งจากร้านไปให้สามีที่ทำงาน ทั้งหมดจึงบอกลาแล้วแยกย้ายกันไป

“เดี๋ยวไปคุยต่อที่บ้านนะลูกแก้ว” สารัชหันมาบอก

“ได้เลยค่ะ ลูกแก้วเซฟเบอร์พี่หนึ่งไว้แล้ว เดี๋ยวไลน์ก็คงโผล่” เด็กหญิงโบกมือลาหนุ่มๆ ทั้งสามคน ภารดีเดินไปหอมแก้วน้องสามฟอดใหญ่          เขาไม่ขัดขืนได้แต่ยืนยิ้มจมูกบานเพราะเขินอาย เรียกเสียงหัวเราะให้ผู้ใหญ่ได้ดังทีเดียว กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็เกือบสองทุ่ม ทั้งหมดแยกย้ายกันเข้าห้องตัวเอง

พริมายืนมองวิวออกไปนอกหน้าต่าง ป่านนี้แม่กับพ่อเลี้ยงหล่อนคงนอนหลับสบายไปแล้ว เพราะเมื่อตอนเย็นพวกเขาใช้พลังงานไปเยอะกว่าทุกวัน ส่วนนพคุณ...เขาคงเข้าห้องอ่านหนังสือตามเคย เด็กหญิงเหลือบมองนาฬิกา...เกือบสามทุ่มแล้ว หล่อนเปลี่ยนชุดว่ายน้ำที่แม่ซื้อมาให้ใส่ดู มันไม่ได้โป๊เกินไปสำหรับชุดว่ายน้ำ แต่ก็โป๊เกินไปสำหรับการแต่งตัวตามปกติของหล่อน

“หืม...เหมือนใส่กางเกงในกับเสื้อในไปเดินเล่นเลย” พริมาพลิกตัวไปมามองตัวเองในกระจก หล่อนใส่เสื้อกับกางเกงที่เป็นชุดเดียวกันทับอีกที        มันเป็นชุดแบบเดียวกับของภารดีเพียงแต่ชุดว่ายน้ำข้างในต่างกัน

“ลงไปเดินเล่นหน่อยดีกว่า ป่านนี้แล้วคงไม่มีใครแล้วมั้ง”เด็กหญิงเดินเล่นที่ชายหาด...หันซ้ายแลขวา...มีผู้คนอยู่บนชายหาดประปราย และส่วนใหญ่อยู่ห่างออกไป

“ชุดว่ายน้ำก็ใส่มาแล้วลงไปเล่นซะหน่อยดีกว่า” พริมาถอดชุดคลุมออก หล่อนลงไปนั่งเล่นในน้ำทะเล เด็กหญิงรู้ดีว่าเล่นน้ำกลางคืนอันตราย      หล่อนจึงลงไปแค่เข่าแล้วนั่งแช่อยู่แค่นั้น น้ำทะเลยังอุ่นอยู่

“อุ่นสบายดีจัง” นั่งเล่นน้ำไปสายตาเหลือบไปเห็นเสื้อสีคุ้นๆ ลอยอยู่บนน้ำ พริมาไม่แน่ใจว่าจะใช่คนที่หล่อนคิดหรือไม่ แต่หล่อนไม่สน เด็กหญิงลุกพรวดวิ่งตรงไปยังที่ที่มีคนลอยคว่ำหน้าอยู่ เขาน่าจะลอยอยู่ตรงนั้นนานหลายนาทีแล้ว

“พี่!!! พี่คุณ” พริมาพลิกร่างนั้นด้วยหัวใจที่เต้นแรง ใจหล่อนหล่นไปอยู่ตาตุ่มแล้ว และภาพที่เห็นทำให้หัวใจของหล่อนแทบหยุดหายใจ คนที่คว่ำหน้าอยู่คือนพคุณจริงๆ เขาจะตายหรือเปล่า?

“ไม่!!!” เด็กหญิงมือไม้สั่น หล่อนลากนพคุณขึ้นฝั่ง...เขาไม่หายใจ      ทำยังไงดี? เด็กหญิงร้องไห้หล่อนไม่คิดว่าจะต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้

“พี่คุณ ตื่นสิ” พริมาทั้งเรียกทั้งทุบเขามั่วไปหมด

“ทำไมพี่คุณต้องคิดสั้นด้วย มีอะไรก็พูดกันดีๆ สิ”

“ถ้าไม่อยากให้ลูกแก้วกับแม่อยู่ก็บอกกันตรงๆ ลูกแก้วกับแม่จะไป ไม่ได้อยากจะทำให้ใครตายหรอกนะ” เด็กหญิงพูดน้ำตานองหน้า

“ตื่นสิ” หล่อนทุบอกเขา ทั้งเขย่าทั้งตี...เท่าที่เรี่ยวแรงของหล่อนจะมี...ทำยังไงดีนะ? คิดสิคิดลูกแก้ว เคยดูในทีวีต้องผายปอด…พริมาผายปอด อย่างทุลักทุเล หล่อนไม่เคยเรียนผายปอดมาก่อน เพียงแต่เคยดูในทีวีเท่านั้น และไม่รู้ด้วยว่าที่ทำไปถูกวิธีหรือเปล่า แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย       อย่างน้อยมันก็อาจจะเป็นวิธีที่ช่วยชีวิตเขาได้

   นพคุณออกมาเดินเล่น เขาไม่อยากอยู่แต่ในห้อง จะอ่านหนังสือก็    น่าเบื่อเกินไป...ไม่มีสมาธิเลย ไหนจะเรื่องรบกวนหัวใจเมื่อตอนเย็นอีก ออกมาเดินเล่นริมทะเลแบบนี้แล้วมันช่างสงบ กลับเข้าบ้านเมื่อกี้เขายังไม่ได้อาบน้ำ

“งั้นลงไปแช่น้ำหน่อยดีกว่า” เด็กหนุ่มเดินลงไปแช่น้ำ รอบข้างไม่มีผู้คนแล้ว...ช่างสงบดีแท้ นพคุณว่ายน้ำแข็ง เขาเป็นนักกีฬา ถึงจะเรียนเก่งแต่เรื่องกีฬาเขาก็ชอบ เด็กเรียนบางคนไม่เอากีฬาเลยเพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์   แต่นพคุณชอบเล่นกีฬาพอๆ กับเรื่องเรียน เขาจึงเล่นกีฬาได้เกือบทุกอย่าง เขากลั้นหายใจในน้ำได้นานเกือบ 5 นาที นพคุณจึงคว่ำหน้ากลั้นหายใจแล้วลอยตัวอยู่นิ่งๆ บนน้ำ...บางทีเขาอาจจะได้สถิติใหม่ แต่จู่ๆ ก็มีแรงกระชากพร้อมเสียงเรียกที่คุ้นเคย เขาลืมตาขึ้นมาเห็นพริมาลากเขากลับขึ้นฝั่ง         แต่หล่อนดูจะตกใจจนไม่สังเกตด้วยซ้ำว่าเขามองอยู่ ฮึ! เมื่อตอนเย็นยังโกรธเขาอยู่เลย มาตอนนี้ดูหล่อนจะเป็นห่วงเขาอยู่เหมือนกัน แกล้งเล่นซะเลยดีกว่า ยัยนี่ทำตัวน่าหมั่นไส้นักเมื่อตอนหัวค่ำ

พริมาทุบอกเขา..อุก! จุกเป็นบ้า หล่อนร้องไห้ไปก็ทุบเขาไป ปากก็ตัดพ้อ ว่าเขาทำไมถึงได้คิดสั้น นพคุณเกือบหลุดหัวเราะออกมาอยู่แล้วเชียว ถ้าไม่เพราะอยู่ๆ หล่อนก็นิ่งไป เขานึกว่าหล่อนจะจับได้ กำลังจะลืมตาขึ้นมาดู แต่พริมาประกบปากลงมาเสียก่อน...เด็กนี่แอบลักหลับเขา? เอ้อ..ไม่สิ         ดูเหมือนหล่อนกำลังพยายามจะผายปอด...แต่ใครเขาประกบปากแล้วไม่เป่ากัน พริมาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องเป่าลมเข้ามายังไง ยัยเพี้ยนประกบปากสลับกับทุบอก ทุบจริงๆ เลยนะ ทุบสองมือพร้อมกันดังแอ้ก! สอง! หล่อนประกบปากลงมาเป็นครั้งที่สอง คราวนี้เป่าลมเข้ามา...แต่ก็แค่ลมหายใจเบาๆ เท่านั้น...เปล่าประโยชน์ นพคุณคิดไม่ถึงว่าหล่อนจะทำแบบนี้ ตอนแรกแค่กะจะแกล้งเล่นเท่านั้น     แต่ตอนนี้เขาตื่นเต้น ใจเต้นแรงจนหูอื้อไปหมด หัวใจเต้นแรงขนาดนี้หล่อนจะได้ยินไหมนะ? สาม!!! พริมาประกบปากลงมาเป็นครั้งที่สาม ไม่ไหวแล้วโว้ย!!!! นพคุณลุกพรวดขึ้นมานั่งตะลึง แต่พริมาตะลึงยิ่งกว่า หล่อนดูตกใจกับภาพตรงหน้า นพคุณเห็นหน้าหล่อนมีน้ำตาเลอะเทอะไปหมด

“พี่คุณฟื้นแล้ว” พริมาพุ่งตัวมากอดเขาแน่น แน่นจริงๆ นอกจากปากที่ดูเหมือนจะเจ่อแล้ว ตอนนี้ซี่โครงเขาอาจจะหักไปทิ่มปอดด้วย แต่ถึงไม่หักไปทิ่มปอดตอนนั้น ก็คงจะขาดอากาศหายใจตายตอนนี้

“ฟื้นแล้วจริงๆ ด้วย หัวใจเต้นแรงมากเลย ลูกแก้วดีใจ” นพคุณโล่งอก ที่หล่อนตีความเป็นอย่างอื่น ตอนนี้หล่อนยังกอดเขาไม่ยอมปล่อย นพคุณเพิ่งจะมีเวลาสังเกต พริมาใส่ชุดว่ายน้ำ! และมันค่อนข้างน้อยชิ้น แถมตอนนี้ หล่อนก็กอดเขาแน่นไว้ทั้งตัว...ไม่ดีเลย นพคุณผลักเด็กหญิงออก

“ใส่ชุดบ้าอะไรของเธอ?” เด็กหนุ่มทำหน้ายุ่งถามเสียงเย็น

“ก็...ชุดว่ายน้ำไงคะ แม่ซื้อให้” พริมาเสียงห้วนขึ้นเล็กน้อย...นี่เขาจะชวนหล่อนเถียงเรื่องนี้อีกแล้วหรือ...แค่อ่านสายตาที่มองมาก็รู้แล้ว

“ฟื้นขึ้นมาก็เอาเรื่องเลยแฮะ” เด็กหญิงพึมพำกับตัวเอง หล่อนยกมือ ขึ้นป้ายน้ำตา ที่ก่อนหน้านี้ไหลนองอยู่เต็มหน้า นพคุณเห็นพริมาทำปากขมุบขมิบ เขาฟังไม่ออกว่าหล่อนพูดว่าอะไร แต่เขาไม่ชอบใจเลยที่เห็นหล่อนใส่ชุดนี้มาลงเล่นน้ำดึกๆ อยู่คนเดียว...เด็กนี่ไม่เคยระวังตัว แล้วภารดีคิดอย่างไรถึงซื้อชุดนี้ให้ลูกสาว แล้วหล่อนรู้หรือเปล่าว่าลูกสาวคนดีหนีมาเล่นน้ำอยู่คนเดียว ดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้ ถ้าหล่อนจมน้ำหรือลอยทะเลออกไปไกล ใครจะมาเห็น    เขาคิดไปถึงว่าถ้ามีใครผู้ชายผ่านมา...ผู้ชายไม่ได้น่าไว้ใจทุกคน

“แม่เธอรู้รึเปล่าว่าเธอมาเล่นลอยน้ำแล้วก็ใส่ชุดบ้านี่ดึกๆ แบบนี้” พริมา เพิ่งนึกได้ หล่อนไม่ได้บอกแม่ เพราะตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะลงน้ำ แค่ใส่ชุดออกมาเดินเล่นเท่านั้น แต่พอเห็นว่าไม่มีใคร ก็เลยถอดชุดลงน้ำเสียหน่อย ใครจะมาคิดว่าจะมีคนมาเห็น แล้วเขาล่ะ? ทีเขายังมาลงน้ำดึกๆ แบบนี้ได้เลย นี่ถ้าหล่อนไม่มาเห็นแล้วลากเขาขึ้นมา มีหรือเขาจะฟื้นขึ้นมาแล้วมายืนว่าหล่อนอยู่แบบนี้

“แม่ไม่รู้ค่ะ ลูกแก้วไม่ได้บอก...ดึกแล้ว” เด็กหญิงยอมรับ

“นี่เธอไม่รักแม่เธอรึไง?” นพคุณถามเรียบๆ คราวนี้เขาไม่ดุหล่อนเหมือนคราวก่อน เด็กหนุ่มเดินไปหยิบชุดเสื้อกับกางเกงที่หล่อนถอดวางไว้ บนทรายส่งมายื่นให้ เด็กหญิงรับไว้แล้วรีบใส่อย่างลวกๆ

“รักสิคะ ทำไมพี่คุณถามแบบนั้น ลูกแก้วรักแม่มาก แล้วตอนนี้ลูกแก้วรักคุณลุง...แล้วก็รักพี่คุณด้วยนะ” นพคุณอึ้งไปเล็กน้อย หล่อนรู้ความหมายของคำว่ารักหรือเปล่า ช่างเถอะ...เด็กนี่คิดอะไรลึกซึ้งไม่เป็นอยู่แล้ว

“ถ้ารักก็ดีแล้ว แฮ่ม! (สำลักเล็กน้อย) เธอมีแม่คนเดียว แม่ก็มีเธอคนเดียว แล้วถ้าวันนี้เธอจมน้ำตาย หรือถูกผู้ชายที่ไหนไม่รู้ลากไปทำมิดีมิร้าย...ตรงนี้มันมืดแล้วก็ไม่มีคน ถ้าเกิดอะไรขึ้น แล้วเธอเป็นอะไรไป เธอคิดรึเปล่าว่าแม่เธอจะอยู่ยังไง?” พริมาคิดตาม...หล่อนทำผิดจริงๆ

“ลูกแก้วไม่รู้...” เด็กหญิงสลดจริง เขาจับทางหล่อนถูกแล้ว เด็กนี่ไม่ใช่คนดื้อถ้าพูดกับหล่อนดีๆ ใช้เหตุผล หล่อนก็พร้อมจะเข้าใจ (แต่เหตุผลต้องเข้าใจง่ายๆ นะ ถ้าซับซ้อนเกินไปเดี๋ยวไม่เข้าใจอีก)

“กลับเข้าบ้านกันเถอะ” นพคุณหันหลังเดินเข้าบ้าน เขาเดินนำไปแล้ว พริมาคิดอะไรได้บางอย่าง หล่อนวิ่งไปดักหน้านพคุณ

“แล้วพี่คุณจมน้ำนี่คะ?” นพคุณลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท

“ไปหาหมอไหมคะ? มาลูกแก้วช่วยพยุง” พริมาทำท่าจะเข้าคลุกวงใน เขาจริงๆ นพคุณถอยหลัง...เขากลัว เด็กนี่ชอบพุ่งมากระแทกเขา วันนี้ซี่โครงเขาร้าวไปหมดแล้ว พอๆ

“ไม่ต้อง” นพคุณยกมือขึ้นห้าม เขาเห็นหล่อนชะงักเล็กน้อย อืม ....

“ฉันไม่ได้เป็นอะไรเลย แล้วก็ไม่ได้จมน้ำด้วย กำลังลอยน้ำกลั้นหายใจจับเวลาทำสถิติใหม่อยู่ดีๆ ใครก็ไม่รู้ลากขึ้นมา แถม...” เขาชี้ไปที่ริมฝีปากตัวเอง พริมามองตามท่าทางของเขา นพคุณชูนิ้ว...3 ครั้ง พริมาตาโต หล่อนพลาดอีกแล้ว!!! คราวนี้พลาดอย่างแรง

“เอาเป็นว่า...ฉันจะไม่บอกแม่เธอก็แล้วกันว่าเธอหนีออกมาเล่นน้ำตอนดึก แถมยังมาจูบผู้ชายอยู่ริมหาด” เขาพูดเกินจริงไปแล้ว พริมาหน้าร้อนผ่าว

“ไม่ได้นะ! ไม่ใช่...จูบ เอ้อ...”

“3 ครั้งเลยนะ...เธอขโมยจูบแรกของฉันด้วย เธอนี่มันร้าย!” นพคุณเห็นท่าทางของพริมาแล้ว ยิ่งอยากแกล้ง

“มันไม่ใช่จูบนะ! ไม่นับสิ! 3 ครั้งอะไรกันคะ ไม่ใช่นะ ห้ามนับเลย!!!” พริมากระทืบเท้าบนทรายอย่างขัดใจ นพคุณเพิ่งจะเคยเห็นหล่อนทำท่าทางแบบนี้เป็นครั้งแรก

“ฉันก็แค่ลอยน้ำอยู่เฉยๆ ใครจะไปรู้ว่าอยู่ดีๆ จะมีใครไม่รู้ลากขึ้นจากน้ำมา ทุบอกฉันจนจุกไปหมด จุกจนฉันขยับตัวไม่ได้แล้วก็....” เขาเว้นไว้แต่ยังคงชูสามนิ้วอยู่

“นั่นก็จูบแรกของลูกแก้วนะ! แล้วใครจะไปรู้ล่ะว่าคุณไม่ได้คิดสั้นน่ะ ใครเห็นแบบลูกแก้วก็ต้องคิดแบบเดียวกันทั้งนั้นแหละ แล้วการผายปอดก็ไม่ใช่การจูบด้วย ไม่นับค่ะ ไม่นับเด็ดขาด!!!” นพคุณกลั้นขำเด็กนี่หลอกง่ายชะมัด อยากให้หล่อนมีอารมณ์แบบไหนพูดต้อนให้ถูกทางหล่อน ก็ตามไม่ทันแล้ว

“ลูกแก้ว” เสียงผู้ชายเรียกพริมา การเถียงกันของทั้งสองคนจึงต้องยุติลง

“สอง” พริมาหันไปมองสาวิช ที่ตอนนี้กำลังเดินมาจากทางบ้านพักของเขา ก่อนออกมาเดินเล่นที่ชายหาดพริมาคุยไลน์กับเขา หล่อนบอกว่าจะออกมาเดินเล่น และเขาบอกว่าจะตามมา นพคุณมองคนต้นเสียง เด็กชายที่ร่วมโต๊ะอาหารกับพวกเขาเมื่อตอนหัวค่ำนั่นเอง หนึ่งในสองคนที่คุยกับพริมา อ้อ...นี่เขาคงจะเป็นห่วงหล่อนไปเอง เด็กนี่นัดผู้ชายไว้...และเขาดันมาเป็นก้างขวางคอ

“พี่คุณเข้าบ้านไปก่อนเลยค่ะ เดี๋ยวลูกแก้วตามไป” สั่งเสร็จแล้วพริมา ก็หันไปคุยสาวิช โดยไม่สนใจเขาอีกเลย นพคุณยักไหล่...ช่างสิ! ใครจะไปสน

 

   สาวิชเป็นลูกชายคนกลาง และเป็นคนที่หน้าตาดีกว่าพี่น้องทั้งหมด       ถ้าเดินกันมา 3 คนในบรรดาพี่น้องเขาดูโดดเด่นที่สุด ส่วนสารัชพี่ชายคนโตนั้น เขาดูสูงใหญ่ แต่เป็นผู้ชายที่ดูไม่ค่อยมีเสน่ห์นัก อาจเป็นเพราะเขาไม่ยิ้มแย้ม และดูจริงจังเกินไป ส่วนน้องคนเล็ก...สารินทร์น้องคนสุดท้องมีความน่ารักสมวัยของเขา

“นี่เธอลงน้ำเหรอ?” สาวิชขมวดคิ้ว พริมาไม่ตอบแต่พยายามจะขยับเสื้อผ้าให้เรียบร้อย

“เวลานี้เนี่ยนะ? แล้วมากับใคร? หรือว่าเล่นน้ำกับพี่...” ถ้าจำไม่ผิดเหมือนตอนกินข้าวเมื่อหัวค่ำพวกเขาคุยกันนี่นา ว่าสองคนนี่ไม่ใช่พี่น้องกัน และถึงจะบอกว่าเป็นพี่น้องกันก็คงไม่มีคนเชื่อ

“เธอสองคน...”

“เปล่าๆ ไม่ใช่อย่างนั้น” พริมาเล่าให้สาวิชฟังว่าเดิมทีแค่ลงมาเดินเล่น แต่อดใจไม่อยู่เลยลงไปนั่งแช่น้ำ (ไม่ได้ว่ายน้ำไปไกลเลย) แล้วก็บังเอิญมาเจอนพคุณ

“อ้อ” สาวิชดูไม่ค่อยจะเชื่อนักแต่ไม่ใช่เรื่องของเขา เขาก็ไม่อยากซักต่อ

“แล้วเธอเป็นยังไงบ้าง? บอกเขาไปตรงๆ รึยัง?”

“เฮ้อ... คุยกับเขาน่ะยากมากเลยรู้ไหม? เขาก็เหมือนพ่อนั่นแหละ” สาวิช นั่งลงบนทราย พริมานั่งลงตาม พวกเขารู้จักกันเมื่อตอนบ่าย...ตอนที่แม่กับพ่อเลี้ยงของหล่อนกำลังเล่นน้ำกับครอบครัวอรพิน พริมาลุกเลี่ยงไปเดินเล่นรอบๆ ห่างออกไปจากที่พวกเขาเล่นน้ำกัน อยู่ๆ สาวิชก็เข้ามาทักหล่อน     เขาเดินมาจากด้านหลังและเข้ามาทักทายอย่างดีใจ

“ขมิ้น!!! แกมาได้ยังไง? แกรู้ไหมฉันคิดถึงแกจะแย่ รอเปิดเทอมแทบไม่ไหว ฉันเดินไปดูฝั่งโน้นมาแกเอ้ย...ฝรั่งผู้ชายนอนแก้ผ้าอาบแดดกันเป็นแถว     เห็นแล้วอยากจะเข้าไปนอนฟินๆ สวยๆ ข้างๆ เลยล่ะ” สาวิชออกท่าออกทาง พริมาหันมามองเขาแบบงงๆ

“เอ่อ...”

“ห่ะ!!! เอ่อ...ขอโทษครับทักคนผิด” สาวิชเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว        พริมาได้แต่มองตาม เดินเล่นแล้วหล่อนกลับไปนั่งที่เดิม ถึงได้รู้ว่าครอบครัวอรพินยังมีลูกชายอีกคน เขาไม่ได้เล่นน้ำอยู่ตั้งแต่แรก แต่คงอย่างที่เขาบอก...เขาเดินไปดูผู้ชายชายนอนอาบแดด? ผู้ชายก็คงจะชอบดูผู้ชายนอนแก้ผ้าอาบแดดเหมือนกันล่ะมั้ง? พริมาไม่แน่ใจ บางทีก็อาจจะเป็นไปได้ มันเป็นความชอบของแต่ละคน แต่มันเป็นความชอบประเภทไหนกัน? สาวิชมองมา เขามีสีหน้าปั้นยาก เหมือนยังไม่รู้จะทำอย่างไรดี เด็กหญิงนั่งดูพวกเขาเล่นน้ำกันอยู่ตรงนี้ พริมาสังเกตเห็นพ่อของครอบครัวนี้คืออภินันท์ เขาดูมีความเป็นผู้นำและมีบุคลิกเฉพาะตัวแบบได้รับการฝึกมาอย่างดี “ไม่ทหารก็ตำรวจ” ส่วนคนเป็นแม่นั้นน่าจะเป็นแม่บ้านเต็มตัว เลี้ยงลูกชายสามคน...คนเล็กที่ยังเด็กมากกับอีกสองคนที่เป็นวัยรุ่น น่าจะเป็นอะไรที่หนักพอสมควร

“เธอไม่ลงไปเล่นน้ำด้วยกันเหรอ?” สารัชนั่นเอง เขาเดินมาถามเขามองพริมามาสักพักแล้ว

“อ้อ...ไม่ดีกว่าค่ะ” เด็กหญิงยิ้มตอบ

“ไปเล่นด้วยกันสิ” สาวิชตามมาสมทบ สารัชหันไปมองน้องชาย เขามีสีหน้าไม่พอใจ

“นี่นายจะต้องทำแบบนี้ตลอดเลยใช่ไหม?” สารัชถามน้องชายเสียงห้วน

“ฉันไม่คิดเล่นเกมส์อะไรกับนายหรอกนะ”แล้วสารัชก็เดินจากไป      พริมา ไม่เข้าใจสองคนพี่น้องทะเลาะอะไรกัน สาวิชนั่งลงข้างๆ เด็กหญิง

“เพื่อนสนิทเราที่โรงเรียนน่ะ...หน้าตาท่าทางคล้ายเธอเลย...คล้ายมากๆ” สาวิชพูดขึ้นมาลอยๆ

“ที่ชื่อ...ขมิ้นน่ะเหรอคะ?” พริมาจำชื่อนั้นได้ เพราะคนชื่อนี้ไม่น่าจะมีเยอะ

“ฮ่าๆ ใช่ๆ ชื่อนี้บอกทีเดียวก็จำได้แล้ว...ใช่ ขมิ้นเพื่อนเราเอง นี่แล้วรู้อะไรไหม? ถึงจะชื่อไทยขนาดนี้ แต่นางเป็นลูกครึ่งจ้า หน้าตาอินเตอร์   เหมือนเธอเลย” พริมานั่งฟัง หล่อนคิดว่าคงเพราะเป็นลูกครึ่งกระมัง เลยทำให้ดูเหมือนๆ กัน

“เมื่อกี้เราเลยเข้าใจผิดคิดว่าเธอคือขมิ้นนั่นแหละ ขอโทษที...ก็เธอสองคนคล้ายกันขนาดนี้ แต่ถ้าดูจริงๆ แล้วเหมือนเธอจะตัวเล็กกว่านะ เล็กกว่านิดนึง” สาวิชเอียงคอมอง

“แล้วเธอทะเลาะอะไรกับพี่ชายรึเปล่า เหมือนเขาจะพูดอะไรแปลกๆ” พริมาสงสัย หล่อนสังเกตเห็นตั้งแต่พวกนี้เล่นน้ำกันแล้ว ทั้งสาวิชและสารัช เล่นน้ำอยู่ห่างๆ กัน

“ก็...เฮ้อ คือขมิ้นอ่ะ นางเป็นเพื่อนของเรา...เพื่อนสนิทมากๆ เวลาไปไหนตัวติดกันตลอดจนหลายคนเข้าใจว่าเราเป็นแฟนกัน แต่คนที่แอบชอบนางก็เยอะนะ...พี่ชายเราก็หนึ่งในนั้น แต่พอพี่หนึ่งได้ยินข่าวลือก็เชื่อ          คือไอ้หมิ้นมันก็ทำเฉยอ่ะ ข่าวลือมันเลยเหมือนจริง แล้วทีนี้พอเราพยายามจะบอกพี่หนึ่งว่ามันไม่จริง เราไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่ไอ้หมิ้นมันเฉยทุกคนก็เลยเชื่อ...พี่เราก็เชื่อ เขาก็คงคิดว่าเหมือนโดนหักหลังล่ะมั้ง โดนน้องชายหักหลังแย่งผู้หญิงที่ตัวเองชอบ” สาวิชเล่าไปเขาก็มองพี่ชายตัวเองที่ตอนนี้เล่น       ปาทรายอยู่กับพวกภารดี

“ทั้งที่น้องชายไม่ได้ชอบผู้หญิงแบบนั้น ใช่ไหมคะ?” พริมาเว้นวรรค ผู้หญิงแบบนั้น...มันตีความได้หลายอย่าง ไม่ชอบผู้หญิง? หรือว่าไม่ชอบผู้หญิงแบบเพื่อนของเขา แต่หล่อนไม่ได้ขยายความต่อ สาวิชเองก็ไม่แก้ความเข้าใจของพริมา

“นั่นแหละ...ตั้งแต่นั้นเขาก็ตั้งแง่กับเรามาตลอด แล้วไอ้ที่ลำบากใจก็คือไอ้นังหมิ้นตัวดีมันก็วนเวียนอยู่รอบๆ ตัวเรา สถานการณ์มันก็เลยไม่ดีขึ้นเลย” สาวิชพูดถึงเพื่อนรัก ถึงจะบ่นแต่เขาก็ไม่ได้มีท่าทีลำบากใจอะไรอย่างที่พูด ...ไม่ลำบากใจกับเพื่อนแต่ลำบากใจกับพี่

“แล้วทำไมเธอไม่บอกพี่ชายไปตรงๆ ล่ะ ว่าไม่ได้ชอบแบบนั้น...แบบที่เขาเข้าใจ”

“เขาไม่ฟังหรอก เขาก็เหมือนพ่อ” ตอนนี้น้ำเสียงสาวิชฟังดูเศร้าๆ       พริมาเอื้อมมือไปจับมือสาวิช ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่หล่อนรู้สึกสนิทใจกับเขาอย่างประหลาด สาวิชพยักหน้ายิ้มให้

“เธอนี่เหมือนไอ้หมิ้นจริงๆ รู้ไหม? เจอเธอวันนี้เราหายเหงาเลยล่ะ” แล้วเขาก็ชวนพริมาไปเล่นน้ำ แต่เด็กหญิงปฏิเสธ เขาก็ไม่ได้คะยั้นคะยออะไร แต่พอตกดึกสาวน้อยกลับทำให้แปลกใจที่อยู่ๆ มาแอบเล่นน้ำอยู่แบบนี้

“พรุ่งนี้ก็กลับแล้ว ถ้าสองมีอะไรอยากปรึกษาก็คุยกับเราได้นะ เราไม่บอกใครหรอก ไลน์ก็ได้โทรมาก็ได้...ตลอดเลย เรายินดี” พริมาพูดจากใจจริง

“ขอบใจนะลูกแก้ว เดี๋ยวถึงกรุงเทพแล้วเรานัดเจอกันนะ” พวกเขานั่งคุยกันอีกสักพักจึงเดินเข้าบ้านเกือบห้าทุ่มแล้ว ตัวเริ่มจะแห้งต้องไปอาบน้ำสระผมอีก ปิดประตูชั้นล่างเรียบร้อย พริมาเดินขึ้นชั้นสอง นพคุณนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟา เขาอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว และตอนนี้กำลังมองหล่อนที่เดินขึ้นบันไดมาพอดี แต่พอเห็นหน้าพริมาเขาก็กลับไปสนใจกับหนังสือตรงหน้าต่อ เหมือนหล่อนแค่เดินมาทำให้เขาเสียสมาธิไปเล็กน้อยเท่านั้น

“ทำไมคุณชายใหญ่ยังไม่นอนอีกล่ะเนี้ย อ่านหนังสือตลอดเวลาอย่างนั้นได้ยังไงนะ เก่งจัง” พริมาพึมพำขณะเดินเข้าห้องตัวเอง

“คุยอะไรกันนักหนา ดึกดื่น” นพคุณมองพริมาที่เดินเข้าห้องตัวเองไปแล้ว ความจริงเขานั่งมองพวกนั้นคุยกันจากระเบียงด้านนอก พอพวกเขาลุกขึ้นกลับเข้าบ้าน นพคุณถึงกลับเข้ามานั่งตรงนี้ เห็นเด็กหญิงกลับเข้าบ้านดีแล้ว เขาจึงเก็บหนังสือกลับเข้าห้องตัวเอง วันนี้ภารดีเป็นหนี้เขา...เขาอุตส่าห์ช่วยสอดส่องดูแลลูกสาวของหล่อน ถ้าไม่ได้เขา คืนนี้ไม่แน่เด็กนั่นอาจโดนลากไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ได้ แถมเขายังโดนเด็กนั่นขโมยจูบอีก งานนี้มีแต่เสียกับเสีย นพคุณแตะปากตัวเองอย่างลืมตัว เขานึกถึงคำพูดของพริมาที่ว่าผายปอดไม่นับว่าเป็นจูบ...แต่ผายปอดของพริมามันประหลาด หล่อนแทบจะไม่เป่าลมเลยด้วยซ้ำ...แบบนั้นจะไปช่วยชีวิตใครได้กัน นพคุณส่ายหัว เด็กนั่นเถียงข้างๆ คูๆ

พริมานอนไม่ค่อยหลับ หล่อนอาบน้ำแต่งตัวใหม่เรียบร้อยเตรียม      เข้านอน แต่เรื่องเมื่อกี้ทำให้หล่อนนอนไม่หลับ นพคุณหาว่าหล่อนขโมย      จูบเขา! ใครเขาจะขโมยกัน

“หวังว่าเขาจะไม่เอาไปบอกใครนะ” ยิ่งกังวลยิ่งนอนไม่หลับ คิดถึงหน้าเขาทำไมใจมันถึงเต้นแรงแบบนี้นะ ตอนช่วยเขา...ตอนผายปอดก็ไม่เห็นจะรู้สึกอะไรเลย แต่พอรู้ว่าเขาไม่ได้เป็นอะไร แล้วที่หล่อนทำลงไปเขารู้ตัวตลอดเวลา

“บ้าจริง!” พริมาเอาหมอนปิดหน้า หล่อนอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้ว คราวนี้แกล้งกันแรงเกินไปแล้วนะคุณชายใหญ่

 

   เช้าวันนี้ทุกคนตื่นสายกว่าจะลงมาก็เกือบสิบเอ็ดโมงเช้า พริมาเห็น       บ้านอรพินกำลังขนของขึ้นรถ หล่อนเดินไปทักทาย สาวิชเดินยิ้มร่ามาต้อนรับ

“ไงคนสวย วันนี้แต่งตัวน่ารักจัง” สาวิชชมพริมา นี่ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่น หล่อนคงจะทำหน้าไม่ถูก แต่กับสาวิชหล่อนวางใจอย่างประหลาด วันนี้พริมา ใส่ชุดแซกสีชมพูยาวเหนือเข่า ผูกผมเป็นหางม้าไว้หลวมแบบไม่ตั้งใจนัก     แต่มันดูน่ารักสมวัยของหล่อน

“เธอรู้ไหมว่าพวกผู้ชายน่ะมันชอบผู้หญิงมัดผมหางม้า มันบอกว่าเวลาผมแกว่งๆ แบบนี้แล้วดูเซ็กซี่” สาวิชยกมือขึ้นแกว่งผมหางม้าของพริมา แสดงให้ดูว่าแกว่งแบบไหน สาวน้อยหัวเราะและพยายามแกว่งผมหางม้าของตัวเองให้เขาดู ว่าแบบไหนที่ว่าเซ็กซี่

“จริงเหรอ? แต่ผมหางม้านี่เป็นผมแบบ...สิ้นคิดเหมือนผัดกระเพราเลยนะ ถ้าไม่ขี้เกียจก็ไม่ได้สระผมนั่นแหละ ถึงจะชอบทำทรงนี้ ฮ่าๆ อาจจะมีบ้างบางคนที่ตั้งใจมัดจริงๆ “

“แล้ววันนี้เธอเป็นแบบไหนล่ะ?” สาวิชถามพร้อมรอยยิ้ม ยิ่งคุยเขายิ่งชอบพริมา หล่อนไม่มีจริตเหมือนผู้หญิงหลายคนที่โรงเรียน

“แหม...ก็ต้องตั้งใจสิ ลูกแก้วอยากเซ็กซี่” คราวนี้ทั้งสองคนหัวเราะผสานเสียงกัน เรียกความสนใจจากสายตาหลายคู่ สารัชยืนมองอยู่ที่ชั้นสองของบ้าน...เช่นเดียวกับนพคุณเขาเดินออกมาดู เพราะจำเสียงหัวเราะสดใสนั้นได้

“แล้วจะกลับกันแล้วเหรอ?” พริมาถามเพราะบ้านหล่อนน่าจะออกกันประมาณเที่ยง

“ใช่ๆ เดี๋ยวแวะหาพ่อก่อนกลับกรุงเทพ”

“เดี๋ยวไว้นัดเจอกันที่กรุงเทพนะ ถ้าสองเจอปลาทูต้องชอบมากแน่ๆ “ พริมาพูดเรื่องยามาให้สาวิชฟัง และเขาดูสนใจเด็กหญิงผมทรงสกินเฮดไม่เบา

“ได้ๆ ต้องเจอกันนะ เดี๋ยวจะนัดอีกทีว่าเมื่อไหร่ เราอยากให้ลูกแก้วเจอขมิ้นเหมือนกัน” ทั้งสองร่ำลากัน ก่อนพริมาจะแยกเดินกลับเข้าบ้าน

นพคุณยืนอยู่หน้าบ้าน พริมาเห็นเขามองมา หล่อนชะงักเล็กน้อย...นี่ไง คนต้นเหตุที่ทำให้หล่อนตื่นสาย เด็กหญิงใจเต้นอีกแล้ว หล่อนรีบเดินกลับเข้าบ้าน แต่...แต่เขายืนอยู่หน้าบ้าน ไม่สิ! หลบไปทางอื่นก่อนดีกว่า จังหวะที่เปลี่ยนใจกะทันหันนั่นเอง

“โอ๊ะ! “ เด็กหญิงอุทาน เท้าหล่อนพลิกเป็นเหตุให้เสียจังหวะ แต่ก่อนที่หล่อนจะล้มหน้าคว่ำ นพคุณดึงคอเสื้อจากด้านหลังไว้ได้ทันพอดี

“เธอนี่ไม่เคยระวังเลย” เขาเอ็ดหล่อนตามเคย พริมาโล่งอก โดนเขาเอ็ดก็ยังดีกว่าบาดเจ็บเป็นไหนๆ เด็กหญิงหันหน้ามาหาเขา แต่ดูเหมือนเขาจะเข้ามาใกล้มากเกินไป จังหวะหันมาหล่อนจึงชนกับเขาเข้าอย่างจัง กลิ่นตัว      นพคุณเหมือนมิ้นต์...หอมจัง กลิ่นผู้ชายหอมแบบนี้ทุกคนหรือเปล่าหล่อนก็ไม่แน่ใจ และดูเหมือนจะไม่รู้สึกตัว...พริมาเผลอหลับตาดมเสื้อนพคุณอย่างจริงจัง...หอม!

นพคุณแปลกใจ เด็กนี่ยืนหลับตาทำจมูกฟุดฟิดและดูเหมือนหล่อนจะเขยิบเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ยัยเด็กประหลาดนี่เป็นอะไรกันนะ เขาเอียงตัวหลบพร้อมกับจับหล่อนให้ถอยห่างออกไป...นั่นแหละ พริมาถึงรู้สึกตัว

“เอ่อ...ขอโทษค่ะ นี่กลิ่นอะไรเหรอคะ หอมๆ เหมือนมิ้นต์” หล่อนยังพยายามจะเข้ามาอีก

“ออกไปเลยนะ! เธอนี่มันพวกฉวยโอกาส” นพคุณว่าให้ พริมาทำหน้าเหวอ จะอธิบาย แต่เขาเดินหนีขึ้นชั้นสองกลับเข้าห้องตัวเองไปแล้ว

“เห็นนะ ยัยตัวแสบลวนลามผู้ชาย” สาวิชนั่นเอง นั่นเขายังไม่ไปอีกหรือ?

สาวิชเห็นทั้งสารัชและนพคุณที่ยืนมองอยู่บนชั้นสอง พี่ชายเขามีสีหน้าไม่พอใจ ไม่ใช่ว่าเขาชอบพริมา แต่เขาไม่ชอบพฤติกรรม (ที่เขาคิดว่าเป็น) ของน้องชายตัวเอง แต่อีกคนเขาก็เห็นว่าไม่พอใจเหมือนกัน แต่เขาก็เดาไม่ถูกว่านพคุณจะไม่พอใจอะไร...ต้องเดินตามมาดูซะหน่อย แล้วก็ทันเห็นฉากดมเสื้อพอดี สองคนนี่...น่าสนุกแล้วสิ เสียดายจังที่บ้านไม่ได้อยู่ติดกัน พริมาโบกมืกบ๊ายบายกลับไป สาวิชยิ้มเอ็นดู ยัยนี่น่ารักชะมัด!

ล้อหมุนเวลาเที่ยงตรงพอดี พวกเขาแวะรับประทานอาหารกันก่อน และจะแวะเที่ยวอีกสองสามแห่ง ก่อนจะไปส่งนพคุณที่โรงเรียน ช่วงบ่ายๆ ตลอดทางพริมาไม่ได้ชวนนพคุณคุยแบบตอนขามา หล่อนได้แต่นั่งก้มหน้ามองนิ้วมือตัวเอง นพคุณเหลือบมองเป็นระยะ ดีแล้ว! อย่ามาชวนเขาคุยนะ รำคาญ

พริมาไม่ได้คุยกับใครหล่อนนั่งมองมือตัวเองบ้าง นั่งมองออกไปข้างนอกบ้าง แต่ไม่กล้าหันไปอีกด้าน...ฝั่งที่นพคุณนั่งอยู่ หล่อนไม่กล้าทำอะไรเลย กลัวเขาจะว่าหล่อนอีก นั่งไปสักพักก็เริ่มง่วง งั้นนอนก็ได้...

นพคุณนั่งมองอะไรไปเรื่อยเปื่อย มาเที่ยวคราวนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย แต่รวมๆ แล้วเขาก็มีความสุขดี เขาเริ่มชินกับบรรยากาศที่มีภารดีกับพริมาเข้ามาอยู่ด้วยบ้างแล้ว เพราะพวกหล่อนไม่วุ่นวายอะไรกับเขา ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปก็ถือว่าพอจะทนได้ แต่จู่ๆ ก็มีอะไรมาชนแขนเขาเบาๆ ฮึ! มาจากฝั่งของพริมา...ใครว่าพวกหล่อนไม่วุ่นวาย เขาขอคิดใหม่! เด็กหนุ่มหันไปมอง...พริมาหลับคอพับคออ่อน และตอนนี้หล่อนก็คอพับมาทางเขา เด็กนี่ขนาดหลับก็ยังไม่ระวังตัวเหมือนเคย มองจากตรงนี้เขาเห็นหน้าหล่อนชัดเจน      หน้าขาวใสแก้มเป็นสีชมพูผิวหล่อนเหมือนเด็กเล็กๆ จนเขาเผลออยากจะลองจับดูว่ามันใช่ของจริงหรือเปล่า ตอนนี้หล่อนทำปากพึมพำอะไรสักอย่าง...สงสัยจะละเมอหรือไม่ก็ฝัน ปากสีชมพูนั่นขยับขึ้นลงเหมือนขัดใจอะไรสักอย่าง...สงสัยฝันร้าย นพคุณเผลอนั่งมองไปเรื่อยอยู่นาน จนรถเลี้ยวเข้าโรงเรียน เขาจึงดันหัวหล่อนออกไป...กลับไปฝั่งตัวเองสิ และตรงกับจังหวะรถเลี้ยวพอดี แรงเหวี่ยงจึงทำให้หัวเด็กหญิงกระแทกกับกระจกฝั่งที่หล่อนนั่งพอดี สาวน้อยตื่นทันทีพร้อมคลำหัวตัวเองป้อยๆ ภารดีกับคุณนพรักษ์หันมามองพร้อมกัน พวกเขาขำกันยกใหญ่ นพคุณก็แอบหันหน้าออกไปมองหน้าต่างฝั่งเขาและยิ้มน้อยๆ เช่นกัน

“อาทิตย์หน้าจะกลับบ้านไหม? พ่อจะมารับ” คุณนพรักษ์ถามลูกชายขณะพวกเขาช่วยกันขนของนพคุณลงจากรถ

“ถ้าผมกลับจะโทรบอกนะครับ” นพคุณไหว้ลาพ่อ และวันนี้เขาไหว้ภารดีด้วย พริมายืนอยู่ห่างๆ เหมือนรอจังหวะ นพคุณเหลือบตามองว่าหล่อนจะมาไม้ไหน เมื่อภารดีและพ่อเลี้ยงเดินขึ้นรถไปแล้ว เด็กหญิงจึงเดินเจี๋ยมเจี้ยมมาหาเขา

“เอ่อ...” พริมาพึมพำ นพคุณเลิกคิ้ว เขาก็อยากรู้ว่าหล่อนจะพูดอะไร

“ลูกแก้วขอให้พี่คุณโชคดี...แล้วก็ดูแลตัวเองด้วย มีคนที่บ้านรออยู่   ทุกคนคิดถึงพี่คุณนะคะ” ตอนนี้สาวน้อยแก้มแดงเป็นลูกตำลึง เขาคิดว่าหล่อนคงพยายามจะทำตัวเป็นทูตสันถวไมตรี

“ขอบใจนะ” พริมาดูจะแปลกใจกับคำตอบอยู่ไม่น้อย หล่อนยิ้มสดใสพร้อมยกมือไหว้เขา และก่อนที่จะหันหลังกลับขึ้นรถไป...ก็ได้ยินเสียงนพคุณบอก

“มีอะไรก็เขียนมา” นพคุณพูดสั้นๆ แล้วหมุนตัวเดินขึ้นหอพักตัวเองไป พริมาชะงัก หล่อนยืนมองแผ่นหลังนพคุณตลอดทาง...จนเขาเดินหายเข้าหอพักไป

“เขาอ่านนี่นา...” สาวน้อยยิ้มกว้าง หล่อนสงสัยมาตลอดว่าเขาได้รับจดหมายหรือเปล่า เขาอ่านมันหรือเปล่า แต่วันนี้หล่อนได้รู้แล้วว่าเขาได้รับและอ่านมัน...กลับไปคราวนี้หล่อนจะเขียนอีกแน่นอน ตอนแรกจะถอดใจแล้วเชียว นึกว่าเขาไม่ได้รับจดหมายหรืออาจจะไม่ยอมอ่านมันด้วยซ้ำ      แบบนี้ค่อยมีกำลังใจหน่อย เด็กหญิงเดินยิ้มกลับไปที่รถ ภารดีและคุณนพรักษ์นั่งรอในรถอยู่ก่อนแล้ว

“คุยอะไรกันน้า?” ภารดีถามลูกสาว...ที่ตอนนี้ยิ้มแก้มปริ

“ความลับค่ะ” พริมายังยิ้มอยู่ หล่อนภูมิใจกับหน้าที่ลับๆ ของตัวเอง...หน้าที่เยียวยาหัวใจคุณชายใหญ่นั่นเอง

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา