แก้วนพคุณ

-

เขียนโดย เวลา

วันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 16.59 น.

  38 บท
  0 วิจารณ์
  30.64K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) เพื่อนทางจดหมาย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

คุณนพรักษ์ติดต่อเรื่องการย้ายโรงเรียนในเทอมหน้าของนพคุณเรียบร้อย ผ.อ.ออกปากบ่นเสียดาย ที่จะต้องเสียนักเรียนที่เรียนดีไปหนึ่งคน นพคุณเป็นที่จดจำของพวกครู ครูคนไหนที่เคยสอนส่วนใหญ่จะจำเขาได้ เพราะเขาหน้าตาดีก็ส่วนหนึ่ง แต่เพราะเด็กหนุ่มเรียนเก่ง เขาเรียนเก่งเป็นที่ 3 ของชั้น ในชั้น ม.4 นั้น มีทั้งหมด 10 ห้อง โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนดังประจำจังหวัด และแน่นอนขึ้นชื่อว่าสอบเข้าเรียนยากอันดับต้นๆ ของประเทศ จึงถือได้ว่าเด็กที่สอบเข้ามาเรียนในโรงเรียนนี้ได้ล้วนเป็นเด็กหัวกะทิทั้งสิ้น เด็กห้อง 1 ถึงห้อง 10 แทบจะไม่มีความแตกต่างกันเลย เพราะทุกคนเรียนดีเกินค่ามาตรฐานกันหมด แต่ที่นพคุณสนใจจะเลือกเรียนที่นี่ เพราะเป็นโรงเรียนชายล้วน เขาไม่ชอบโรงเรียนสหที่มีทั้งนักเรียนชายและหญิงเรียนรวมกัน เพราะมันวุ่นวาย...เด็กผู้หญิงช่างวุ่นวายเหลือเกิน เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนเขาในเวลาเรียน   เขาจึงเลือกเรียนโรงเรียนชายล้วน แต่พอได้เข้ามาแล้ว จึงได้รู้ว่าโรงเรียนชายล้วนก็มีเด็กผู้ชายที่วุ่นวายไม่ต่างกัน ถึงแม้ไม่มีเด็กผู้หญิงในโรงเรียนชายล้วน แต่ก็มีสิ่งที่ทดแทนเด็กผู้หญิงได้เหมือนกัน...และมันค่อนข้างเกินหญิงปกติ  ไปหลายเท่าตัวเสียด้วย พวกหล่อนเป็นชายหัวใจหญิง และที่สำคัญ “เล่นใหญ่” ได้อย่างเป็นปกติ ไม่ว่าจะดีใจ ตกใจ เสียใจ พวกหล่อน “เล่นใหญ่” เกินจริตของผู้หญิงทั่วไปจนบางครั้งก็ดูเกินงามไปสักหน่อย นพคุณไม่เคยรังเกียจ  เด็กพวกนี้ เขาออกจะเอ็นดูด้วยซ้ำ เพราะดูๆ ไปก็น่ารักดี แต่ความตั้งใจที่จะหนีความวุ่นวายกลับกลายเป็นว่าเขาต้องมาเจอกับความวุ่นวายที่คิดไม่ถึงหนักกว่าเดิมเสียอีก เขาถูกตุ๊ดทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ตามกรี๊ดซะยิ่งกว่าตอนที่    โดนรุ่นน้องรุ่นพี่สาวๆ ตามกรี๊ดเสียอีก แล้วตุ๊ดโรงเรียนชายล้วนนี่เป็นอะไร     ที่เหนียวแน่นดีแท้ เพราะพวกหล่อนจะค้นหาคนประเภทเดียวกันและ       เกาะกลุ่มกันได้อย่างดีเยี่ยม นพคุณคิดว่าคงจะเป็นเพราะพวกหล่อนกินนอนอยู่โรงเรียนประจำด้วยกันตลอดกระมัง ถึงทำให้ความสนิทสนมกันมีมากกว่า  ตุ๊ดโรงเรียนทั่วไป…ที่สำคัญพวกหล่อนเรียนเก่ง!

นพคุณชอบเล่นกีฬา และกีฬาของผู้ชายส่วนใหญ่ในโรงเรียนนี้จะเป็นฟุตบอลกับบาสเก็ตบอล...ที่มีตุ๊ดมาเล่นด้วยประปราย แต่ส่วนใหญ่กีฬา      ที่พวกหล่อนชอบมากเป็นพิเศษจะเป็นวอลเล่ย์บอล ซึ่งนพคุณก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพวกหล่อนถึงชอบมาตีวอลเล่ย์บอลกันที่สนามฟุตบอลนักหนา           แต่เพราะทีมวอลเล่ย์บอลของโรงเรียนนี้โด่งดังอยู่ในระดับต้น ๆ ของประเทศ การที่พวกหล่อนจะตีวอลเล่ย์บอลไปทั่วโรงเรียน จึงไม่มีใครกล้าเข้าไปว่า    นพคุณได้เรียนรู้อย่างหนึ่ง สาวๆ (เทียม) ในโรงเรียนเขาเป็นเด็กเรียนดีเรียนเก่ง และบางคนก็เก่งกีฬา แต่ก็มีผู้ชายบางคนที่ไม่ชอบพวกหล่อน...พวกนี้หัวโบราณมีความคิดเหมือนคนสมัยก่อน แต่ถ้าหนึ่งในพวกนั้นเผลอเป็นตัวของตัวเองและไปแซวสาวๆ พวกนั้นเข้าล่ะก็ เตรียมตัวเจอนรกของจริงได้เลย เพราะพวกหล่อนมีเครือข่าย...ข่าวจะส่งต่อกันไปไวมาก ครั้งหนึ่งมีเด็กผู้ชายใจกล้าไปแซวตุ๊ด เพราะเห็นว่าหล่อนเรียบร้อยไม่น่าจะมีพิษสงอะไร หลังจากนั้น ไม่นานเขาก็โดนแก๊งส์นางฟ้าประจำโรงเรียนเล่นงานชนิดอยู่ไม่สุขไปตลอดเทอม และอย่าได้คิดว่าจะด่าหรือเถียงชนะพวกเธอได้เป็นอันขาด เพราะพวกหล่อนจะด่ายัน 7 ชั่วโคตรหรือเลยไปกว่านั้นถ้ามีเวลา นพคุณโชคดีที่พวกหล่อนไม่ได้หมายหัว เพราะเขาไม่ได้มีปัญหากับการเป็นสาวของพวกหล่อน        แต่เขาโดนหมายหัวในแบบอื่นมากกว่า นี่ถ้าพวกหล่อนรู้ว่าเขาจะย้ายโรงเรียนไม่รู้จะว่าอย่างไรบ้าง

   “น่าเสียดาย นี่ผมจะต้องเสียนักเรียนอันดับ 3 ของชั้น ม.4 เลยนะครับ” ผ.อ. บอกคุณนพรักษ์ เขาโน้มน้าวคุณนพรักษ์อยู่นาน ถึงขนาดเสนอทุนการศึกษาให้กับนพคุณจนถึง ม.6 ด้วยซ้ำ

   “ผมก็อยากจะรับไว้ครับ ยินดีมากๆ แต่สุดท้ายแล้วคนที่ตัดสินใจก็คือนพคุณแหละครับ” คุณนพรักษ์บอกอย่างเกรงใจ เป็นอันว่าในส่วนของ  คุณนพรักษ์เขาติดต่อและยื่นเอกสารการย้ายโรงเรียนไว้เรียบร้อย แต่ในส่วนของนพคุณ ผ.อ. บอกว่าจะขออนุญาตคุณนพรักษ์เจรจากับนพคุณใหม่อีกที

   “ไม่มีปัญหาครับ ถ้าลูกชายว่ายังไง ผมก็ตามนั้น” คุณนพรักษ์ไหว้ลา ผ.อ.ที่ดูแล้วจะอายุห่างกันไม่มากนัก เขาออกไปลาลูกชายก่อนจะกลับกรุงเทพฯ พร้อมบอกเขาว่า ผ.อ. อาจจะเรียกเขาไปพบหลังจากที่พ่อกลับไปแล้ว นพคุณเพียงแค่พยักหน้า แต่คุณนพรักษ์มั่นใจ...ยิ่งเห็นหน้าลูกชายตอนนี้ ยิ่งมั่นใจว่าเขาจะไม่เปลี่ยนใจแน่นอน

   “อาทิตย์นี้จะกลับบ้านไหม พ่อจะมารับ?” ก่อนกลับเขาถามลูกชาย

   “ถ้าผมจะกลับบ้านแล้วจะโทรบอกนะครับ เหลืออีกแค่ 4 เดือนเอง ระหว่างนี้อาจจะกลับบ้างไม่กลับบ้าง แต่ถ้าอาทิตย์ไหนผมจะกลับบ้านพ่อไม่ต้องมารับหรอกครับ มีเพื่อนที่อยู่กรุงเทพฯ หลายคน ผมขออาศัยรถเพื่อนกลับบ้านได้ครับ“ คุณนพรักษ์กอดลาลูกชาย นพคุณยกมือไหว้พร้อมยืนส่งพ่อขับรถออกไปจากหน้าตึก

   “ได้ข่าวแกจะกลับไปเรียนกรุงเทพฯ ?” ขจรรัฐเดินเข้ามากอดไหล่ นพคุณแปลกใจ...ข่าวเขาไปไวกว่าที่คิด

   “ใช่...ก็เสียดายนะ แต่อยากไปอยู่กับพ่อน่ะ” ขจรรัฐพยักหน้า        เขาเข้าใจ เขาไม่มีทั้งพ่อกับแม่ เขาโตมากับยาย แต่เขาก็ไม่เคยมีปมด้อยเรื่องนี้ เพราะยายรักเขามากกว่าใคร แต่ถ้าเขามีพ่อให้ไปหา เขาก็คงเลือกจะอยู่กับพ่อเหมือนกัน หลังจากข่าวแพร่ออกไป มีตุ๊ด ม.ต้น ตุ๊ด ม.ปลาย มาร้องห่มร้องไห้เสียดายนพคุณกันอยู่หลายวัน จนขจรรัฐเองยังเหน็บ

    “ร้องไห้กันหยั่งกะมารับจ้างร้องไห้หน้างานศพ” เขาไม่เข้าใจว่าพวกหล่อน จะร้องไห้ทำไมนักหนา ญาติหรือก็ไม่ใช่ เขายังไม่รู้เลยว่าถ้าญาติพวกหล่อนเสีย พวกหล่อนจะร้องไห้ “เล่นใหญ่” แบบนี้หรือเปล่า แต่พอเรื่องผ่านไปสักพักตุ๊ดเล็กตุ๊ดใหญ่ก็เงียบหายไป...พวกหล่อนคงมองหาเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจรายใหม่ได้แล้วแน่ๆ

    เดือนแรกนพคุณไม่ได้กลับบ้าน เขาอยู่ที่หอพัก แต่ก็โทรหาพ่อเกือบทุกวัน คุณนพรักษ์เองก็ไม่ได้รบเร้าอะไร เพียงแต่บอกว่าถ้าเขาจะกลับบ้านก็ให้บอก พ่อเขาจะมารับเอง นพคุณอยากใช้เวลาสุดสัปดาห์อ่านหนังสือมากกว่า       เสาร์อาทิตย์เป็นเวลาที่เงียบสงบ นักเรียนส่วนใหญ่กลับบ้านไปหมด           เหลือนักเรียนบางส่วนอยู่บ้างแค่ไม่กี่คน

สุดสัปดาห์นี้นพคุณมีเรื่องแปลกใจ...เขาได้รับจดหมาย แค่เห็นลายมือ   เขาก็จำได้ทันที...ตัวปัญหารุ่นเล็ก! เขานั่งจ้องจดหมายในมืออยู่นาน          จนเพื่อนๆ เดินมาดูถึงได้รู้สึกตัว

   “ยัยตัวแสบส่งอะไรมาวะ?” นพคุณพึมพำ

   “นี่ถ้าแกไม่กล้าเปิด ฉันเปิดอ่านให้ฟังก็ได้นะ” ขจรรัฐนั่นเอง        ตอนแรกเขาก็ไม่สนใจ แต่พอเห็นท่าทางของเพื่อนที่นั่งมองจดหมายลายการ์ตูนฉบับนั้น ก็เกิดสงสัยขึ้นมาทันที

   “ฉันก็แค่งง...คิดไม่ถึงว่าจะได้รับจดหมาย” ขณะพูดเขายังยกจดหมายขึ้นส่องกับแสงไฟ และเป็นขจรรัฐเองที่ทนไม่ไหว เขาดึงจดหมาย  เปิดผนึกออกแล้วยื่นให้นพคุณ

   “ฉันช่วยแกะ เอ้า! ไม่ได้อยากอ่านหรอกนะ แต่เห็นแล้วรำคาญ” ขจรรัฐ ยัดจดหมายใส่กลับไปในมือนพคุณ แล้วเขาก็เดินเข้าตึกไป นพคุณนั่งอ่านจดหมายลายการ์ตูนฉบับนั้นที่โต๊ะในสวนหน้าตึกหอนอน แค่เห็นลายมือเขาก็จำได้แล้ว...ลายมือขยุกขยิกเหมือนเด็กหัดเขียนหนังสือ เขาเคยอ่านมาแล้ว   สองครั้ง...นพคุณยิ้มอย่างลืมตัว

   “แฮ่ม!!!” เขาทำเสียงเตือนตัวเองเบาๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะวางมาดไปทำไม...แถวนี้ไม่มีคนด้วยซ้ำ

   เรียน     คุณนพคุณ

            คุณนพคุณไม่ได้กลับบ้านมาเกือบเดือนแล้ว คุณลุงเป็นห่วงและดูเหมือนจะคิดถึงคุณมากด้วยค่ะ พวกเราที่บ้านทุกคนสบายดี (ไก่ก็สบายดีนะคะ ถ้าคุณอยากรู้) ใครจะไปอยากรู้กัน ไอ้ไก่ปีศาจ อ่านมาถึงตรงนี้เขานึกถึงไก่แจ้ตัวน้อยที่ชื่อเดียวกับเขา และเขาเชื่อว่าตอนนี้มันก็ยังคงใช้ชื่อนี้อยู่ เพราะมันชอบ!!!

               ช่วงนี้ลูกแก้วจัดระเบียบหลังบ้านใหม่ค่ะ คุณลุงบอกว่าเมื่อก่อนตรงเล้าไก่เคยเป็นพื้นที่สวนครัวของคุณป้า แต่ตอนนี้เป็นเล้าไก่ไปเสียแล้ว ลูกแก้วเลยคิดว่าถ้าจะรื้อเล้าไก่แล้วย้ายไปไว้ตรงอื่นคงจะลำบาก ลูกแก้วก็เลยทำสวนครัวใหม่อีกมุมหนึ่งขึ้นมาแทน ปลูกผักไว้ให้ครบเหมือนเดิมเลยค่ะ ความจริงตอนลูกแก้วมาอยู่ใหม่ๆ      สวนครัวหลังบ้านก็ไม่มีแล้วนะคะ ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าสร้างเล้าไก่ตรงนั้นแน่นอนค่ะ     เพื่อเป็นการขอโทษ ที่ลูกแก้วใช้พื้นที่ตรงนั้นโดยพลการ ลูกแก้วขอชดเชยด้วยการทำสวนครัวให้ใหม่นะคะ ตอนนี้ผลผลิตหลังบ้านดีมากเลยค่ะ กินไม่ไหว...ต้องเอาไปแจกข้างบ้าน หรือบางทีก็เอาไปให้เพื่อนที่โรงเรียน เพื่อนๆ ชอบใจกันใหญ่ ตอนนี้ลูกแก้วก็มีแผนสำหรับสวนหน้าบ้านด้วยนะคะ ลูกแก้วอยากจะปลูกเป็นไม้ดอกที่ออกดอกได้ตลอดทั้งปี ลูกแก้วคิดว่าจะเลือกเป็นพวกที่ไม่ต้องใช้การดูแลมากนัก จึงเขียนจดหมายมาบอกคุณก่อนค่ะ หรือถ้าให้ถูกจะเรียกว่าเขียนจดหมายมาขออนุญาตก็ได้ หวังว่าคุณนพคุณจะไม่ว่าอะไร

                                                               คิดถึง

                                                   ลูกแก้ว

 

   นพคุณอ่านจดหมายวนไปวนมาอีกหลายรอบ เด็กนี่ใช้คำลงท้ายประหลาดอีกแล้ว มันตรงข้ามกับความเป็นจริงอย่างแรง จะเป็นไปได้อย่างไรที่หล่อนจะรู้สึก “คิดถึง” จริงๆ อย่างในจดหมาย เขาเดาเอาว่าหล่อนอาจจะไปลอกรูปแบบจดหมายมาจากที่ไหนสักแห่ง หรือไม่เจ้าตัวก็คงไม่ได้คิดอะไรให้มากพอ แต่ก็แปลก...นพคุณไม่ยักโมโหที่หล่อนจะไปจุ้นจ้านกับสวนหลังบ้านของเขา แต่กลับรู้สึกดี เด็กหนุ่มดูรูปถ่ายที่พริมาแนบมากับจดหมาย   เป็นรูปสวนครัวฝีมือหล่อน เด็กนั่นจัดสวนออกมาได้น่ารักทีเดียว ไม่ใช่ปลูกทุกอย่างระเกะระกะไปหมด แต่หล่อนจัดระเบียบและใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า นพคุณนั่งมองรูปอย่างทึ่งๆ เด็กนั่นมีพรสวรรค์ เขาเอารูปวางไว้ตรงหัวเตียง  มีอยู่รูปหนึ่งถ่ายติดไก่แจ้ตัวแสบของหล่อนมาด้วย จากที่เคยคิดว่าไม่อยากเห็นหน้ามัน แต่พอได้เห็นรูปมัน เขากลับคิดถึงมันอย่างประหลาด...ประหลาดจริงๆ นั่นแหละ เขาคิดถึงศัตรูได้อย่างไร?

   “ไก่ใครเนี้ย? ลักษณะดีทีเดียว” ขจรรัฐนั่นเอง เขาชะโงกหน้ามาดูรูปที่วางอยู่ที่หัวเตียงของเพื่อน

   “ไก่ที่บ้านน่ะ” เขาตอบเพื่อนสั้นๆ ขจรรัฐก็แค่ยักไหล่ เขาไม่ได้ต้องการคำตอบแบบจริงจังอะไร

   “แล้วแกจะกลับบ้านเมื่อไหร่ เห็นไม่ได้กลับมาเป็นเดือนแล้ว”

   “เห็นพ่อโทรมาบอกว่าวันเสาร์นี้จะมารับไปนอนริมทะเลน่ะ ตอนแรกว่าจะกลับอาทิตย์นี้แหละ แต่พ่อจะมาหาแทนเลยไม่ต้องไป...รออยู่ที่นี่เลย”

   “แม่เลี้ยงจะมาด้วยรึเปล่าล่ะ?”

   “ก็คงจะมามั้ง ฉันก็ไม่ได้ถาม...แกว่างรึเปล่า ไปด้วยกันไหม?”      นพคุณชวนเพื่อนรัก เขามีเวลาอยู่กับขจรรัฐอีกไม่กี่เดือนเท่านั้น

   “เสียดายสิ นัดยายไว้แล้ว จะไปบ้านญาติที่ต่างจังหวัด”  เป็นอันว่าขจรรัฐไปด้วยไม่ได้ ถึงแม้จะเสียดายแต่เขาก็เข้าใจ

   “แต่ที่เสียดายมากกว่า...อยากเห็นเจ้าของกระเป๋าใบใหญ่ อืม...สงสัยเจ้าของกระเป๋าใบใหญ่ก็จะเป็นเจ้าของเดียวกันกับจดหมายด้วยแฮะ” ขจรรัฐสะบัดรูปไก่ในมือไปด้วย นพคุณเลือกที่จะไม่ตอบ เพราะเพื่อนเขาฉลาด พูดอะไรมากไปมีแต่จะเสีย ระหว่างสัปดาห์ที่รอพ่อมารับ นพคุณได้รับจดหมายอีกฉบับ...แน่นอนเขาเห็นลายมือที่จ่าหน้าซองก็จำได้ทันที...ลายมือเด็กอนุบาลจับดินสอด้วยมือข้างที่ไม่ถนัด! เขารับจดหมายมาแต่พับใส่กระเป๋ากางเกงไว้ก่อน ยังอ่านตอนนี้ไม่ได้...คนเยอะเกินไป ลับตาคนแล้ว   นพคุณจึงเอาจดหมายออกมาอ่าน และคราวนี้แค่อ่านบรรทัดแรกก็ทำเอาเขาขมวดคิ้ว

   เรียน พี่คุณที่รัก ....พี่คุณเหรอ? คราวนี้เด็กนี่อัพเลเวลให้เขาเป็นพี่แล้ว หล่อนเรียกเขาอย่างสนิทสนมเลยทีเดียว ฉบับก่อนเขายังเป็นคุณนพคุณอยู่เลย (ดีเท่าไหร่แล้วหล่อนไม่ใส่นามสกุลมาด้วย) แล้วเขาไปเป็นที่รักของเด็กนั่นตอนไหน? เด็กนี่เพี้ยนสุดๆ

               คุณลุงบ่นคิดถึงพี่คุณตลอดเลยค่ะ คุณลุงบอกว่าอีกไม่กี่เดือน พี่คุณก็กลับมาอยู่บ้านแล้ว ดูเหมือนคุณลุงจะมีความสุขมากๆ ที่พี่คุณจะกลับมา    ลูกแก้วก็ดีใจนะคะ ตอนนี้สวนหน้าบ้านลงต้นไม้ไว้หมดแล้ว แต่ลูกแก้วไม่บอกดีกว่าว่าเป็นต้นอะไร รอให้พี่คุณกลับมาดูเอง เหตุการณ์ที่บ้านก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปมากนัก  จากจดหมายฉบับก่อน ฉบับนี้ลูกแก้วเลยไม่มีอะไรจะเขียนเล่าเลย แต่ลูกแก้ว      มีนิทานจะเล่าให้พี่คุณอ่านแทนก็แล้วกัน

               กาลครึ่งหนึ่งนานมาแล้ว มีบ้านแสนสุขอยู่หลังหนึ่ง บ้านหลังนั้นมีคุณพ่อใจดีอาศัยอยู่กับลูกชาย ผู้คนต่างเรียกลูกชายของบ้านหลังนี้ว่า “คุณชายใหญ่” พวกเขาอยู่ด้วยกันมาอย่างมีความสุข จนวันหนึ่งคุณพ่อใจดีก็พาแม่เลี้ยงกับลูกสาว เข้ามาอยู่ในบ้าน คุณชายใหญ่โกรธมากคิดว่าแม่เลี้ยงกับลูกจะมาแย่งคุณพ่อใจดีและสมบัติทุกอย่างในบ้านไป แต่พวกเธอไม่ได้ต้องการอะไรเลย แม่เลี้ยงกับลูกสาวรักคุณพ่อใจดีและคุณชายใหญ่มาก ส่วนคุณพ่อใจดีก็รักคุณชายใหญ่ที่สุด พวกเขาทั้งหมดรักคุณชายใหญ่ แต่คุณชายใหญ่เหมือนจะไม่เข้าใจ เขาคิดว่าไม่มีใครรักเขาเลย เขาจึงหนีออกจากบ้าน แม่เลี้ยงและลูกสาวออกตามหาจนพบคุณชายใหญ่หลบซ่อนตัว อยู่ในป่า พวกเขาให้สัญญาว่าจะไม่แย่งคุณพ่อใจดีและสมบัติในบ้านที่เป็นของคุณชายใหญ่มาเป็นของตัวเองแม้แต่ชิ้นเดียว คุณชายใหญ่จึงวางใจและกลับไปอยู่ที่บ้าน ทั้งคุณพ่อใจดี แม่เลี้ยงและลูกสาว...ทุกคนรักคุณชายใหญ่ สุดท้ายพวกเขาก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขไปนานแสนนาน

            นิทานของลูกแก้วสนุกไหมคะ ลูกแก้วแต่งเองหวังว่าพี่คุณจะชอบ    วันเสาร์ที่จะถึงนี้คุณลุงบอกว่าจะไปรับพี่คุณที่โรงเรียน พวกเราจะไปพักที่บ้านริมทะเล ลูกแก้วชอบทะเลมากๆเลย และก็ดีใจด้วยที่เราทั้งหมดจะได้ไปเที่ยวด้วยกัน    อยากให้ถึงวันเสาร์นี้เร็วๆจังเลยค่ะ

                                                              รัก

                                                            ลูกแก้ว

 

   นพคุณได้แต่นั่งอึ้ง...เขาอยากหัวเราะกับนิทานของพริมา แต่เขาขำไม่ออก เขาเชื่อแล้วเด็กนี่เพี้ยนสุดๆ หล่อนแต่งนิทานให้เขาอ่าน

   “นิทานบ้าบออะไรวะเนี้ย” นพคุณยังอึ้งไม่หาย เขาอ่านซ้ำไปซ้ำมาอีกหลายรอบ นี่ยัยเด็กนั่นเรียกเขาว่าคุณชายใหญ่เหรอ? อ่านยังไงนี่มันก็เรื่องของเขา!!! ดูก็รู้ว่าหล่อนจะสื่ออะไร นพคุณสับสน ไม่รู้ว่าจะรู้สึกอย่างไรดี    เขาทั้งโมโหและตลกในพฤติกรรมของพริมาอย่างที่สุด

   “เธอลืมใส่ไอ้ไก่บ้าของเธอไว้ในนิทานด้วยนะยัยเพี้ยน” นพคุณพับจดหมายเก็บใส่ซองไว้ตามเดิม ใจหนึ่งก็อยากจะฉีกทิ้ง แต่เขาก็ทำไม่ลง

   “หลบมาอยู่นี่เอง” ขจรรัฐนั่งลงตรงข้าม เขาเห็นนพคุณนั่งอยู่ตรงนี้ พร้อมจดหมายมานานเกือบชั่วโมงแล้ว กระดาษแผ่นเดียวนั่นทำเพื่อนเขาอ่านได้นานเกือบชั่วโมงทีเดียว ความจริงเขาไม่อยากยุ่ง แต่สีหน้านพคุณ    น่าเป็นห่วง

    “อ่านสิ” นพคุณขี้เกียจพูดมาก เขายื่นจดหมายให้ขจรรัฐอ่านแทนคำตอบ

   “ฮ่า....ฮ่า..ฮ่าๆๆๆๆ” ขจรรัฐอ่านจดหมายไปหัวเราะไปตลอด        จนนพคุณเริ่มโมโหเพื่อนเขาแทนคนที่เขียนจดหมายมา

   “ฉันชอบนิทานนี่ว่ะ มันล้ำมาก ฮ่า ๆๆๆๆ คุณชายใหญ่...นี่มันแกชัดๆ เลยนะไอ้คุณ” นพคุณยักคิ้ว ขจรรัฐเห็นแล้วสิว่าลูกเลี้ยงพ่อเขากวนประสาทขนาดไหน หล่อนไม่ได้อยู่ที่นี่แต่ก็ยังอุตส่าห์เขียนจดหมายมาป่วนเขา         ถึงโรงเรียน และหล่อนก็ทำสำเร็จ

   “ล้ำบ้าล้ำบออะไร นี่มันบ้าชัดๆ “

   “ก็เขาพยายามบอกแกไง ว่าเขากับแม่ไม่ได้ต้องการมาแย่งพ่อกับสมบัติของแก เขาจะบอกแกว่าให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข...ให้แกอย่าหนีออกจากบ้านเลย ฮ่า ๆๆๆๆ” นพคุณดึงจดหมายจากมือขจรรัฐมาทำท่าจะฉีก แต่เพื่อนเขาไวกว่ารีบแย่งจดหมายไปพับเก็บใส่ซองนำมันมาใส่กระเป๋าเสื้อนพคุณอย่างรวดเร็ว

   “จะฉีกทำไม คนเขียนเค้าอุตส่าห์ตั้งใจ นิทานนี่ดูจะแต่งยากอยู่เหมือนกันนะ ฮ่าๆ โอเคๆ ฉันไม่ล้อแล้ว แต่เชื่อฉันเถอะ แกเก็บจดหมายนี่ไว้เถอะอย่าฉีกทิ้งเลย สงสารคนเขียน...เขาคงตั้งใจมาก” ขจรรัฐอิจฉา           ถ้าเขาเป็นนพคุณ เขาจะไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่ก็อย่างว่า...เรื่องแบบนี้ไม่เจอกับตัวก็ไม่รู้หรอก เขาเข้าใจเพื่อนดี แต่ก็ชักอยากจะเจอเจ้าของจดหมายนักแต่งนิทานเสียแล้วสิ

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา