แก้วนพคุณ

-

เขียนโดย เวลา

วันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 16.59 น.

  38 บท
  0 วิจารณ์
  30.62K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) คุณชายใหญ่กลับบ้าน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

วันนี้เป็นวันปิดเทอมวันแรก เทอมหน้าพริมาก็จะขึ้น ม.3 แล้ว     เวลาสี่เดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตลอดเทอมที่ผ่านมาหล่อนเริ่มปรับตัวกับโรงเรียนใหม่ได้แล้ว เทอมหน้าหล่อนจึงไม่ค่อยตื่นเต้นนัก วันนี้ไม่ได้ไปไหนและอยู่บ้านคนเดียว พริมาจึงใช้เวลาส่วนใหญ่ทำสวนและเลี้ยงไก่แจ้ของหล่อนได้อย่างเต็มที่ คุณนพรักษ์บอกว่าอาทิตย์หน้าโรงเรียนของ นพคุณก็จะปิดแล้วเช่นกัน เขาจะไปรับเด็กหนุ่มกลับมาอยู่ที่บ้านอย่างถาวร พริมาตื่นเต้น...วันนี้หล่อนจัดสวนไว้อย่างสวยงามรอต้อนรับเขากลับบ้าน    เขาจะต้องชอบสวนผักหลังบ้านของหล่อนมากแน่ๆ เพราะพริมาพยายามทำสวนถอดแบบออกมาจากในรูป ที่หล่อนรื้อมาดูจากในอัลบั้ม แต่อาจจะเปลี่ยนไปบ้างเล็กน้อย เพราะมีบางอย่างที่หล่อนดัดแปลงเพื่อให้สามารถใช้พื้นที่สวนได้อย่างเต็มที่ หลายเดือนมานี่หล่อนเขียนจดหมายหาเขาหลายฉบับ แต่เขาไม่เคยตอบกลับมาเลย...ไม่เป็นไร แค่รู้ว่าเขาอ่านจดหมายหล่อนก็ดีใจแล้ว พริมาเขียนบอกเล่าเรื่องราวประจำวันที่เกิดขึ้นในบ้านตลอด เพื่อที่พอนพคุณกลับมาเขาจะได้ไม่รู้สึกเป็นส่วนเกินและเข้าใจเรื่องราวเวลาที่พวกเขาคุยกัน พริมาพยายามอย่างเต็มที่...หล่อนก็ช่วยได้เท่านี้ ขอแค่เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้บ้านน่าอยู่และทุกคนอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข...ให้หล่อนทำอะไรหล่อนยินดี

วันที่คุณนพรักษ์ไปรับนพคุณ พริมารออยู่ที่บ้าน ส่วนภารดีไปทำงาน พริมาทำอาหารไว้หลายอย่างเพื่อรอต้อนรับเขากลับบ้านในตอนเย็น วันนี้ยามา มาเที่ยวที่บ้าน หล่อนรู้ข่าวว่าพี่ชายคนโตของบ้านจะกลับมา ก็อยากมาเห็นหน้า

“เคยได้ยินแต่ชื่อ ต้องมาดูให้เห็นกับตาสิ” ยามาบอกเพื่อน

“จะมาดูหรือมากินกันแน่ปลาทู” พริมายิ้มไปทำขนมไป วันนี้พริมาเลือกทำขนมเป็นบัวลอยไข่หวานที่ยามาจะสามารถช่วยทำได้ เพราะมันไม่ยากเลยแค่ปั้นแป้งเป็นก้อนกลมๆ เท่านั้น และยามาก็ดูจะชอบใจไม่น้อย หล่อนดูภูมิใจที่ทำขนมออกมาได้เป็นชิ้นเป็นอัน

“แบบนี้ค่อยมีกำลังใจหน่อย” ยามาดูผลงานตัวเองที่ปั้นแป้งออกมาได้กล๊มกลมสมใจนึก พริมายิ้มหวาน วันนี้ลูกศิษย์หล่อนมีสมาธิทำได้นานและไม่บ่นเลยสักคำ ยามามาเที่ยวที่นี่บ่อย หล่อนมาอยู่บ้านพริมาแทบจะบ่อยกว่าอยู่บ้านของตัวเอง เด็กหญิงชอบมาคุยเล่นกับภารดี หล่อนบอกว่าอิจฉาพริมาที่มีแม่แบบภารดี เพราะแม่ของหล่อนไม่มีเวลาว่างมากนัก        จะหยุดก็แค่วันอาทิตย์เท่านั้น และวันอาทิตย์ส่วนใหญ่แม่หล่อนก็จะนอนแทบทั้งวัน แต่ยามาก็เข้าใจแม่ของหล่อนดี เลิกกับพ่อทำให้แม่ต้องทำงานหนัก และภาระของยามาหลายอย่างตกอยู่ที่แม่คนเดียว สายสุดาแม่ของยามารู้จักกับภารดีและพริมาเป็นอย่างดี และบ่อยครั้งหล่อนมารับยามากลับบ้านตอนค่ำ...บางวันก็ดึก เพราะหล่อนต้องทำงานติดพัน จึงต้องฝากยามาไว้ที่บ้านนี้...อย่างน้อยก็ยังดีกว่าปล่อยให้ยามาอยู่บ้านคนเดียว แต่ภารดีกับ    พริมายินดี เพราะยามาไม่ได้ทำให้พวกหล่อนลำบากอะไรเลย แถมยามายังช่วย “เข็น” ให้พริมามีผลการเรียนดีขึ้นอีกด้วย

“เหลือแต่ไก่ทอด เดี๋ยวค่อยทอดตอนเย็น...ก่อนจะกินดีกว่า”

“นี่ถ้าเอาไอ้นพคุณมาทอด คุณชายใหญ่อาจจะชอบใจก็ได้นะ” ยามา ได้ยินมาว่าทั้งสอง...คนกับไก่นั้นไม่ถูกกัน

“บ้า! อย่าพูดดังนะเดี๋ยวนพคุณมาได้ยินจะเสียใจ” พริมามองไปทางหลังบ้าน หล่อนไม่อยากให้ไก่ของหล่อนมาได้ยินเข้า เดี๋ยวมันจะน้อยใจ โชคดีที่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ยิน เพราะตอนนี้มันยืนไซร้ขนตัวเองอยู่บนคอน พริมาเอานพคุณของหล่อนไปยืนบนคอนและคล้องโซ่เล็กๆ ไว้กับคอน กันเจ้าไก่น้อยบินหนีออกไปไกลเกินไป และเป็นการฝึกให้มันยืนบนคอนจนชิน เพราะถ้าวันหนึ่ง   นพคุณเข้าสู่สังเวียนการแข่งขัน (แข่งกันขันจริงๆ นะ) มันจะได้คุ้นกับคอนไม่ตื่นเต้นจนเกินไป แต่พอใกล้ถึงเวลาที่คุณนพรักษ์จะกลับมา ยามากลับมีธุระด่วน ต้องรีบกลับไปบ้านก่อน ทำให้วันนี้ยามากับนพคุณจึงยังไม่ได้เจอกัน

“เสียดายจัง อุตส่าห์ช่วยทำบัวลอยเสร็จพอดี เดี๋ยวลูกแก้วเอาใส่กล่องให้นะ ปลาทูจะได้เอากลับไปกินที่บ้าน”

“ปลาทูก็เสียดายเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวคราวหน้าค่อยมาใหม่”

ภารดีกลับมาถึงบ้านก่อนสามี หล่อนซื้อของมามากมาย พริมาช่วยแม่จัดของลงโต๊ะอาหาร รวมอาหารที่ภารดีซื้อมากับของพริมาแล้วมันมากมายล้นโต๊ะทีเดียว...กินกันสี่คนดูจะมากไปด้วยซ้ำ เสียงรถของพ่อเลี้ยงมาถึงแล้ว พริมากำลังรดน้ำต้นไม้อยู่หลังบ้าน หล่อนวางสายยางปิดน้ำ และวิ่งไปยืนรอที่ประตูหน้าบ้าน ไม่รู้ด้วยความที่หล่อนเขียนจดหมายถึงเขามาตลอดเวลาสี่เดือน หรืออย่างไร จึงทำให้พริมารู้สึกเหมือนผูกพันและสนิทกับนพคุณเป็นพิเศษ (ทั้งที่เขาไม่เคยตอบกลับมาเลย) วันนี้เขากลับมาหล่อนถึงได้ดีใจขนาดนี้

นพคุณเห็นแล้ว...เด็กผู้หญิงคนนั้น เขาไม่ได้เจอหล่อนเลยตั้งแตไปเที่ยวทะเลคราวนั้น กี่เดือนแล้วนะ...สองสามเดือนเห็นจะได้ หล่อนดูไม่ได้เปลี่ยนไปเลย แต่ที่เปลี่ยนไปคือความรู้สึก...เขารู้สึกดีใจประหลาดๆ ที่เห็นหล่อน แปลกที่ไม่ได้เจอกันเลย แต่เหมือนเขากับหล่อนคุยกันอยู่ตลอดเวลา อาจเป็นเพราะจดหมายประหลาดของหล่อนสินะ พริมาเขียนจดหมายมาหาเขาทุกอาทิตย์ บางอาทิตย์มากกว่าหนึ่งฉบับด้วยซ้ำ ดูหล่อนจะสนุกกับการเขียนจดหมายมาหาเขาเสียเต็มประดา จนเพื่อนๆ ที่โรงเรียนล้อเขาว่านพคุณมีสาวน้อยจากกรุงเทพฯ ติดใจเขาจนเขียนจดหมายมาหาวันเว้นวัน พวกนั้นล้อเขา จนเขาเองก็เผลอไปดูจดหมาย วันเว้นวันไปด้วยเหมือนกัน (ไม่ใช่ว่ารอหรอกนะ กลัวว่าเพื่อนจะแกล้งเอาจดหมายของเขาไปอ่านต่างหาก) แต่พอเห็นแบบนี้ เขาก็รู้สึกเสียดายอยู่เหมือนกัน เพราะมาอยู่บ้านแล้ว ต่อไปนี้เขาก็คงจะไม่ได้รับจดหมายประหลาดๆ นั่นอีก

พริมายืนรออยู่หน้าบ้าน นพคุณลงมาจากรถแล้ว เขาง่วนอยู่กับการขนของลงจากรถ...มองจากตรงนี้เหมือนเขาจะสูงขึ้นเล็กน้อย หล่อขึ้นนิดหน่อย...เด็กหญิงหน้าแดง หล่อนเป็นอะไรไปนะ...สงสัยอากาศจะร้อนเกินไป

“อ้าวลูกแก้ว มารอรับพี่เขาเหรอ?” คุณนพรักษ์ทักขึ้น เด็กหญิงพยักหน้า พร้อมยิ้มสดใส นพคุณใจหวิวประหลาดๆ เด็กนี่ซื่อจริงๆ หล่อนเปิดเผยและซื่อตรงเสมอ

“แฮ่ม! พ่อครับเดี๋ยวผมเอาของขึ้นไปเก็บก่อนนะครับ” นพคุณยกของขึ้นไปข้างบน สาวน้อยยืนยิ้มอยู่ตรงประตู เหมือนหล่อนกำลังคิดหาคำพูดอยู่     แต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรดี นพคุณเดินผ่านหล่อนขึ้นไปบนห้องแล้ว พริมาได้แต่มองตาม

“เฮ้อ..นี่เราหวังอะไรนะ? ให้เขายิ้มและเข้ามาทักทายอย่างนั้นเหรอ” พริมาเพิ่งนึกได้ ที่คิดว่าเขากับหล่อนสนิทกันนั้น หล่อนคงคิดเองฝ่ายเดียว เขาไม่ได้สนิทด้วยเสียหน่อย

 

   ตลอดปิดเทอมใหญ่นี้ นพคุณกับพริมาไม่ได้เจอกันอีกเลย        หลังจากวันนั้น ดูเหมือนภารดีจะมีธุระสำคัญเกี่ยวกับเรื่องงาน      ให้ต้องไปจัดการ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่าภารดีทำงานอะไร แต่ดูเหมือนงานของหล่อนจะกะเวลาที่แน่นอนไม่ได้ บางทีก็มีเรื่องด่วนให้ไปจัดการและดูเหมือนช่วงนี้งานหล่อนจะยุ่งพอสมควร แรกๆ ภารดีกลับบ้านดึก แต่พอหลังๆ หล่อนก็หายไปพร้อมพริมา

“คุณพิมพ์กับลูกแก้วไปอยู่ที่บ้านโน้นน่ะ” พ่อเขาบอกในวันหนึ่ง (ความจริงเขาก็ไม่ได้ถาม) ช่วงนี้คุณนพรักษ์มีหน้าที่ดูแลสวนของพริมา (ความจริงมันเป็นสวนของแม่เขา เด็กนั่นยึดเป็นของตัวเอง)

“ช่วงนี้งานคุณพิมพ์ยุ่งมากต้องกลับบ้านดึกๆ ทุกวัน เป็นห่วงลูกแก้วด้วย คุณพิมพ์ก็เลยพาลูกแก้วไปอยู่ที่บ้านโน้นด้วยกัน มันใกล้กับที่ทำงานเขาน่ะ” พ่อเขายังเล่าต่อไปอีก เป็นอันว่าเขาได้เจอพริมาแค่วันแรกที่เขากลับมาเท่านั้นเอง...แต่ก็ดี...และที่ดีที่สุดก็คือหล่อนเอาไก่บ้านั่นไปด้วย บ้านสงบลงไปเยอะ ความจริงจะไม่เอากลับมาเลยก็ได้นะ...เขาเกลียดสายตามัน นอกจากปากแล้ว สายตามันยังจิกได้อีกต่างหาก

 

   ก่อนเปิดเทอมสองสามวันภารดีกลับมาบ้านพร้อมลูกสาว        หล่อนขนของกินมาเต็มบ้านเหมือนทุกครั้งที่หล่อนขนมาเวลากลับมาจาก “บ้านโน้น” พริมามาถึงบ้านหล่อนก็ตรงไปเล้าไก่ทันที เจ้าไก่แจ้ ยังสบายดีอยู่ มันดูตื่นเต้น เพราะพอหล่อนปล่อยมันออกจากกระเป๋าแล้ว   มันเดินไปเดินมาทั่วสวนเหมือนคนคิดถึงบ้าน...ไม่ได้กลับบ้านมานาน นพคุณมองจากข้างบน สาวน้อยเดินไปดูสวนของหล่อน (ความจริงสวนของแม่เขาต่างหาก แม้หลังๆ ต้นไม้ทั้งหมดหล่อนจะเป็นคนปลูกก็ตาม) นพคุณมองจากตรงนี้...ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงโวยวายที่เด็กนั่นไปยุ่งวุ่นวายกับสวนรอบบ้านของเขา แต่ก็น่าแปลกใจที่เขาไม่รู้สึกโมโหเลยสักนิด กลับรู้สึกพอใจ เพราะอะไรกันนะ? เพราะพริมาเหมือนคุณอารี เด็กหญิงคนนี้เหมือนแม่เขา แม่เขาที่เป็นเหมือนน้ำเย็นที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ หล่อนไม่ชอบความวุ่นวาย และไม่คิดร้ายกับใคร เด็กนั่นเดินไปขุดตรงนั้นตัดตรงนี้ นพคุณไม่รู้ตัวว่าเขายืนมองอยู่ตรงนี้นานแค่ไหนแล้ว แต่เขาชอบเหลือเกินกับภาพที่เห็น จนเมื่อสาวน้อยมองขึ้นมานั่นแหละ เขาถึงรู้สึกตัว พวกเขายืนจ้องกันอยู่นาน เหมือนเวลาหยุดนิ่ง...จนเจ้าไก่แจ้ตัวดีนั่นขันขึ้นมานั่นแหละพวกเขาถึงรู้สึกตัว พริมายิ้มกว้างสดใสพร้อมโบกมือให้เขา นพคุณตกใจ เขาตั้งตัวไม่ทัน...เด็กนั่นทำตัวประหลาดเสมอ และเมื่อกี้เขาเป็นอะไรไป เขาจะไปชอบใจกับการกระทำของหล่อนได้อย่างไร          แล้วอย่างพริมาเนี้ยนะจะเหมือนกับคุณอารี เขาเผลอเอาเด็กนั่นไปเทียบกับแม่ได้ยังไงนะ โอ้ย! หงุดหงิด! พริมายืนยิ้มค้างอยู่อย่างนั้น เพราะนพคุณ     หนีเข้าห้องเขาไปแล้ว สาวน้อยยักไหล่หล่อนชินกับท่าทีของเขาอยู่แล้ว

“เราก็ทำดีกับเขาบ่อยๆ เดี๋ยวเขาก็จะชินกับเราแบบที่เราชินกับเขานั่นแหละ” พริมาหันไปคุยกับนพคุณที่อยู่ตรงสนามแทน เพราะนพคุณที่อยู่ตรงระเบียงคงไม่อยากคุยกับหล่อนเท่าไหร่นัก

“คนเราเจอกันก็ต้องยิ้มทักทายสิ จะให้หน้าบึ้งแบบนั้นได้ไงไม่น่ารักเลย” ไก่แจ้ของพริมาตอนนี้เอียงคอมองหล่อน เหมือนมันตั้งใจฟังที่หล่อนพูดอยู่อย่างนั้นแหละ

“เข้าใจไม๊ตาคุณ ทำตัวน่ารักๆ นะ ฮิฮิ” พริมาหัวเราะคิกคัก

“แฮ่ม” พริมาตาโต...เสียงนี้หล่อนคุ้นๆ คุณชายใหญ่ลงมาจากหอคอยหรือนี่ เด็กหญิงหันไปยิ้มหวานให้เขา พริมาเห็นหน้าเขาแล้ว ตอนนี้มันหงิกแบบสุดๆ หัวคิ้วแทบจะเป็นปมเลยทีเดียว

“นี่เธอยังไม่เปลี่ยนชื่อมันอีกเหรอ?” นพคุณถาม เพราะเขายังได้ยินหล่อนเรียกชื่อไก่ด้วยชื่อของเขาอยู่

“เอ่อ...” พริมาคิดไม่ออกว่าจะตอบว่าอย่างไรดี หล่อนเคยเปลี่ยนชื่อให้มันแล้ว แต่มันไม่ชอบ...มันไม่ชอบจริงๆ หล่อนไม่ได้โกหก

“พี่คุณหิวข้าวไหมคะ?” ตอบคำถามไม่ได้ก็เปลี่ยนเรื่องคุยแล้วกัน

“วันนี้ลูกแก้วกับแม่ซื้อขนมมาเยอะเลยค่ะ ของที่บ้าน...ที่ตลาดน่ะค่ะ  มีของกินอร่อยๆ เยอะแยะไปหมดเลย พี่คุณลองกินดูนะคะ ชอบอะไรก็บอกได้เลย กลับบ้านคราวหน้าลูกแก้วจะได้เอามาฝากอีก” พริมาพยายามประจบเอาใจเขาเต็มที่ แต่ดูเหมือนหน้าหงิกๆ ของเขาก็ยังคงหงิกอยู่เหมือนเดิม

“ฉันเป็นลูกคนเดียว” นพคุณตอบสั้นๆ พริมาชะงักเล็กน้อย

“และฉันไม่มีน้องสาว...เราไม่ได้เป็นพี่น้องกัน” นพคุณไม่ชอบที่พริมา จะมาทำตัวเป็นน้องสาวเขา หล่อนไม่มีทางเป็นน้องได้ เขาต้องทำให้หล่อนเข้าใจ
พริมามองนิ่ง ใช่...หล่อนถือวิสาสะเรียกเขาว่าพี่อย่างสนิทสนม เพราะไม่อยากให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนนอกหรือส่วนเกิน แบบที่หล่อนเคยเห็นเขาร้องไห้กับรูปแม่ของเขาเมื่อปีก่อน หล่อนจึงพยายามทำทุกอย่างให้เขารู้สึกว่ายังมีคนที่รักและเป็นห่วง และยังมีครอบครัวที่คอยอยู่เคียงข้างเขาเสมอ       แต่หล่อนอาจจะคิดไปเองคนเดียว เพราะสิ่งเหล่านั้นเขาอาจจะไม่ต้องการ   พริมาคิดไม่ออกถ้าเขาไม่ให้หล่อนเรียกว่าพี่แล้วหล่อนจะเรียกเขาว่าอะไร

“ขอโทษค่ะ ฉันก็ลืมไป” คราวนี้คนที่ชะงักเป็นนพคุณ พอเจอคำพูดแบบนี้ แทนที่จะพอใจ เขากลับรู้สึกหงุดหงิดอย่างประหลาด

“ถ้าฉันทำอะไรให้คุณนพคุณไม่พอใจก็ขออภัยด้วยนะคะ” สาวน้อย  ยกมือไหว้เขา แล้วเดินเลี่ยงเข้าบ้านไป

“พั่บๆๆๆ” เสียงแฝดคนละฝาของนพคุณตีปีก เขาหันไปมองไอ้ไก่ตัวแสบ มันก็มองตอบเขาอยู่เหมือนกัน เพียงแต่ว่ามันโจมตีเขาไม่ได้ เพราะขาติดโซ่เล็กๆ ที่พริมาปักไว้บนดินกันเจ้าตัวแสบหนีหายไปไกล

“สมน้ำหน้า!” นพคุณพูดช้าๆ ให้มันได้ยินด้วย และอ่านปากเขาด้วย เขาเห็นมันนิ่งเหมือนมันตั้งใจฟังด้วยและอ่านปากเขาด้วยจริงๆ ขนลุกชะมัด! ช่วงเย็นพวกเขากินข้าวด้วยกันตามปกติ แต่พริมาไม่พูดอะไรเลยสักคำ...ผิดปกติ เพราะปกตินั้นหล่อนจะชวนทุกคนคุยตลอดเวลา แต่วันนี้นั่งเงียบ

“ลูกแก้วไม่สบายรึเปล่าลูก?” คุณนพรักษ์ถามลูกเลี้ยง สาวน้อยเพียงส่ายหน้าน้อยๆ เท่านั้น แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ ตกดึกสาวน้อยนอนไม่หลับ      คืนนี้หล่อนไม่ได้ลงไปที่เล้าไก่เหมือนเช่นเคย แต่พริมาเดินไปนั่งเล่นหน้าบ้าน ซุ้มไม้หน้าบ้านที่หล่อนปลูกต้นเล็บมือนางไว้ ตอนนี้มันออกดอกชูช่อสวยงามส่งกลิ่นหอมไปทั่ว พริมาชอบมานั่งเล่นแถวนี้ในตอนกลางคืน เพราะมันมีกลิ่นหอมชื่นใจ อากาศคืนนี้เย็นสบายได้กลิ่นดอกไม้ลอยคละคลุ้งแบบนี้ยิ่งสบายใจใหญ่ หล่อนคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี

“ทำอะไรก็ไม่พอใจสักอย่าง ลูกแก้วจนปัญญาแล้วนะ” พริมา         เด็ดดอกไม้มาช่อหนึ่ง ปกติหล่อนไม่ชอบเด็ดดอกไม้ แต่วันนี้เว้นหนึ่งวันแล้วกัน สาวน้อยเอาดอกเล็บมือนางมาต่อกันยาวจนคล้องได้เป็นมงกุฎ มงกุฎดอกไม้ของหล่อนน่ารัก

“หาอะไรทำจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน เดี๋ยวเอาไปคล้องให้นพคุณด้วยดีกว่า”     พอพูดชื่อนี้หล่อนก็กลับมาจิตตกอีกครั้ง สาวน้อยเผลอทำปากยื่นอย่างลืมตัว

“เอาล่ะ! ลูกแก้วจะอดทน อยากว่าอะไรก็ว่าไป ดูสิใครจะทนกว่ากัน” สาวน้อยเอามงกุฎคล้องลงบนหัวตัวเอง กลิ่นหอมอ่อนๆ ให้ความรู้สึกสบายใจได้อย่างประหลาด

“เอาไปคล้องคอนพคุณด้วยดีกว่า นพคุณก็คือนพคุณชื่อนี้ไม่ได้มีลิขสิทธิ์ซะหน่อย จะตั้งให้ใครก็ได้... ตั้งให้คนก็ได้ ตั้งให้ไก่ก็ได้” พริมาเดินอ้อมจากตรงนี้ไปหลังบ้าน ไก่น้อยของหล่อนยังไม่หลับ มันยังเดินอยู่ที่เดิม
            “ตายแล้วลูกแก้วลืมเอานพคุณเข้าเล้า ยืนอยู่ตรงนี้เมื่อยไหมจ๊ะ?”     พริมาเข้าไปอุ้มไก่แล้วไปนั่งเล่นที่แคร่ข้างๆ เล้าของมัน หล่อนเอาดอกไม้ไปคล้องคอเจ้าไก่มันดูน่ารัก แต่ดูเหมือนนพคุณของหล่อนจะไม่ค่อยชอบสร้อยคอนัก มันพยายามจะก้มลงมาจิกแต่จิกไม่ถึง ท่าทางจึงดูประหลาด    พริมาหัวเราะเสียงใส หล่อนไม่รู้เลยว่าเสียงหัวเราะของหล่อนดังขึ้นไปถึงข้างบน...ดังไปถึงห้องของใครบางคน

“เสียดายวันนี้ปลาทูไม่มา นพคุณคิดถึงปลาทูเหมือนลูกแก้วใช่ไหม? เดี๋ยวพรุ่งนี้โรงเรียนเปิด...พรุ่งนี้ก็เจอกันแล้ว” นั่งอยู่เกือบชั่วโมงสาวน้อย     จึงเอาไก่เข้าเล้าแล้วหล่อนก็ขึ้นบ้านไปนอน ระหว่างทางขึ้นบันไดหล่อนเห็น   นพคุณกำลังเดินลงมา ทั้งสองคนชะงักเล็กน้อย พริมาชะลอให้เขาลงมาก่อน เพราะไม่อยากสวนกับเขาตรงบันได

นพคุณกำลังอ่านหนังสือ แต่คืนนี้เขาไม่ค่อยมีสมาธินัก เพราะเรื่องเมื่อตอนเย็น พอเขาบอกว่าหล่อนไม่ใช่น้องสาวเขา...แต่สรรพนามที่หล่อนเปลี่ยนมาเรียกเขานั้น ทำไมมันช่างน่าหงุดหงิดนัก แถมตอนหัวค่ำหล่อนไม่มองหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ   หล่อนจะมาโกรธเขาได้อย่างไร ก็เขาพูดความจริง...อย่างพริมาไม่มีทางจะมาเป็นน้องสาวของเขาได้ ความรู้สึกของเขามันบอก ทำไมหล่อนถึงอยากจะมาเป็นน้องสาวเขานักนะ ระหว่างที่เขานั่งคิดเรื่องของพริมา เสียงหัวเราะของหล่อนก็ดังเข้ามา...นี่หล่อนหัวเราะเยาะเขาหรือ? ขนาดในความคิดเด็กนั่นยังจะตามมาหลอกหลอนเขาอีกงั้นหรือ? ไม่ใช่นี่นา...หล่อนอยู่ข้างล่าง           อยู่ที่นั่น...ที่ที่หล่อนชอบไปนั่งเล่นอยู่เป็นประจำ

“หิวน้ำจัง” นพคุณพึมพำเบาๆ เหมือนเขาบอกเหตุผลกับตัวเอง

“หิวน้ำก็ต้องไปกินน้ำสิ ร่างกายขาดน้ำไม่ดี” นพคุณปิดหนังสือ        คืนนี้เขาต้องเข้านอนเร็วกว่าปกติหน่อย เพราะพรุ่งนี้โรงเรียนเปิดแล้ว         ไม่รู้ว่าจะเจอเรื่องวุ่นวายอะไรบ้าง ระหว่างที่เขาจะลงไปข้างล่าง พริมาก็กลับเข้าบ้านมาพอดี หล่อนอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว ใส่ชุดนอนกระโปรงยาวสีชมพูลายดอกไม้ปล่อยผมสยาย แต่ที่ทำให้หล่อนดูน่ามองคือดอกไม้ที่อยู่บน     หัวนั่น...เหมือนนางฟ้าตัวน้อยๆ นพคุณยืนมองลงไปจากตรงบันได เขาเห็นหล่อนหลบทางออกไปเหมือนรอให้เขาลงไปก่อน เด็กหนุ่มเดินลงบันไดไปกำลังจะถึงตัวหล่อนอยู่แล้ว จู่ๆ ดอกไม้แสนสวยก็หลุดหล่นจากหัวหล่อนตกลงไปที่พื้น

“อุ๊ย!” พริมาก้มลงจะหยิบ แต่นพคุณไวกว่า เขาหยิบดอกไม้มาต่อแล้วทำท่าเหมือนจะใส่ให้ แต่ชะงักไปเล็กน้อยเหมือนนึกอะไรได้

“เอ้า!” นพคุณเอามงกุฎดอกไม้ของพริมารวบเป็นก้อนแล้ววางลง                        บนหัวของหล่อน เขาเหมือนจะขำแต่ก็ปรับสีหน้าได้อย่างรวดเร็ว พริมายืน    อ้าปากค้างโดยมีกองดอกไม้วางอยู่บนหัว หล่อนมองตามนพคุณที่เดินผ่านเข้าไปในครัว...สาวน้อยหยิบกองดอกไม้บนหัวมาใส่ใหม่เป็นมงกุฎตามเดิมพร้อมทำปากยื่นอย่างลืมตัวแบบที่หล่อนชอบทำ แต่เพราะคนวางดอกไม้   บนหัวเจ้าหล่อนไม่ได้อยู่รอดูผลงาน...เขาจึงไม่เห็นว่าสาวน้อยที่สวมมงกุฎดอกไม้อยู่ตอนนี้แก้มแดงเป็นลูกตำลึงขนาดไหน

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา