แก้วนพคุณ
-
17) บ้านลุงเจริญ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความพริมากับยามาแต่งตัวเสร็จแล้วกำลังจะออกไปขึ้นรถเพื่อไปบ้าน คเชนทร์ แต่นพคุณรออยู่แล้ว เขาบอกสั้นๆ เมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของสองสาว
“พ่อบอกให้ขับรถไปส่ง” บอกให้หายสงสัยก็เข้าไปนั่งรอในรถเรียบร้อย ทิ้งให้สองสาวยืนนิ่งอ้าปากหวอ
“เออเฮอะ! บทจะใช้ให้ไปก็ง่ายดีนะ” ยามาแขวะ หล่อนไม่เชื่อหรอก ว่าคุณนพรักษ์จะบังคับให้ลูกชายไปส่งพริมาได้ถ้าเขาไม่เต็มใจขับรถไปส่งเองเผลอๆ เสนอตัวเองหรือเปล่าก็ไม่รู้น่าสงสัย ไม่รู้หมอนี่จะอยากไปจับผิดอะไรหรือเปล่าหล่อนไม่แน่ใจ
“ไปเปิดประตูรั้วด้วย” นพคุณไม่สนใจสีหน้าสงสัยของยามา เขาเปิดกระจกฝั่งคนขับสั่งให้หล่อนไปเปิดประตูรั้ว ยามาหมั่นไส้ แต่ก็เดินไปเปิดประตูรั้วตามที่เด็กหนุ่มบอกโดยดี
“เห็นว่าจะพาไปส่งหรอกนะ ดี! จะได้ไม่ต้องไปรอรถให้เสียเวลา แถมไม่ต้องเสียตังค์อีกต่างหาก” ยามาบ่นพึมพำขณะเดินไปเปิดประตูรั้ว ส่วนพริมารู้งานหล่อนขนขนมขึ้นรถและเปิดประตูขึ้นไปนั่งข้างคนขับ
“ขอบคุณนะคะ” พริมาหันไปบอกคนโดนพ่อบังคับ พร้อมส่งยิ้มสดใสให้เขา
“อืม” นพคุณรับคำเบาๆ พริมาส่งไลน์ไปบอกคเชนทร์ว่าไม่ได้ไป รถสองแถวแล้ว แต่คุณนพรักษ์ให้นพคุณขับรถไปส่งแทน ให้เขาส่งโลเคชั่นบ้านมาให้หน่อย จะได้ไม่ต้องออกมารับที่คิวรถสองแถวอย่างที่นัดแนะกันไว้ในตอนแรก
“พี่ตุลย์ส่งโลเคชั่นมาแล้วค่ะ” พริมายื่นโทรศัพท์ของหล่อนให้นพคุณ
“ขับออกมาสิ เดี๋ยวจะได้ปิดประตู” ยามาตะโกนเรียกจากหน้าบ้าน ท่าเท้าเอวของหล่อนกลายเป็นท่ายืนประจำตัวไปเสียแล้ว แรกๆ นพคุณก็ขัดใจ เพื่อนพริมาคนนี้บางทีก็ชอบปีนเกลียว นพคุณคิดว่าหล่อนไม่ค่อยจะมีมารยาทนัก และที่สำคัญยามาไม่เคยเรียกเขาว่า “พี่” แม้แต่คเชนทร์หล่อนก็ไม่เรียกเหมือนกัน เขาส่ายหน้ากับท่ายืนเอาเรื่องนั้น หลังๆ มานี้ พอเจอบ่อยๆ ก็เริ่มชิน
ยามามาเที่ยวเล่นอยู่บ้านเขาเป็นประจำ และตั้งแต่ปะทะคารมกันคราวก่อน...วันที่หล่อนมาวาดรูปเล่นบนผนังบ้านเขาคราวนั้น ดูเหมือนว่าเขาจะถูกหล่อนหมายหัวเอาไว้เสียแล้ว...สำหรับนพคุณถือว่าลำบากมากเพราะเขาไม่ชอบทะเลาะกับใคร ให้มาเถียงกันไปมาตลอดเวลานั้นเขาไม่ถนัดจริงๆ และที่สำคัญเพื่อนสาวของพริมาคนนี้ช่างกวนบาทาได้น่ารักเสียเหลือเกิน! งานนี้เขาพลาดเอง เขาไม่น่าจะไปยุ่งกับยามาตั้งแต่ต้น เด็กนี่ชอบแขวะเขา ตลอดเวลา หล่อนทำได้ตลอดไม่ไว้หน้าอินทร์หน้าพรหมทั้งต่อหน้าและลับหลัง (แม้กระทั่งต่อหน้าพ่อเขาหล่อนก็ไม่เว้น) ถ้าเขาไม่ไปยุ่งกับพวกหล่อนในวันนั้น วันนี้ก็คงจะต่างคนต่างอยู่ แต่โชคก็ยังพอจะเข้าข้างเขาอยู่บ้าง...ยังมีอีกคนที่ยามาไม่ค่อย จะชอบนัก เผลอๆ น่าจะสูสีกับเขาหรือมากกว่าเสียด้วย คนนั้นก็คือคเชนทร์ นพคุณไม่รู้ว่าสองคนนี้ไปมีเรื่องอะไรกัน แต่ถ้ามีเขาและคเชนทร์อยู่ด้วยกัน ยามาจะหันไปเล่นงานคเชนทร์ก่อนเสมอ เขาก็จะอยู่สบายไปสักพักหนึ่ง (จนกว่ายามาจะนึกได้ล่ะนะ) แต่ถึงจะโดนเล่นงานเป็นคนแรกก็ใช่ว่ายามาจะจัดการกับคเชนทร์ได้ง่ายเหมือนเขาเสียที่ไหน ทั้งยามาและคเชนทร์ก็กวน บาทาได้สูสีกันนั่นแหละ เขาก็แค่ภาวนาขออย่าให้มีวันที่สองคนนี่จับมือกันและหันมาเล่นงานเขาก็แล้วกัน ถ้าเป็นแบบนั้นเขาคงรับไม่ไหวจริงๆ
“หิวจัง” ยามาบ่นหลังจากที่ปิดประตูรั้วแล้วเข้ามานั่งในรถเรียบร้อย เช้านี้สองสาวไม่ได้กินข้าวจากบ้าน เพราะคเชนทร์ส่งไลน์มาบอกแต่เช้าว่าแม่เขาเตรียมอาหารเช้าไว้ให้ไปกินพร้อมกัน
“ไม่ไกลหรอก เดี๋ยวก็ถึง” พริมาหันมาคุยกับเพื่อน
“คุณนพคุณหิวข้าวรึยังคะ?” พริมาหันมาถามนพคุณ สรรพนามที่หล่อนเรียก เล่นเอาทั้งคนถูกเรียกและคนที่อยู่เบาะหลังขมวดคิ้วพร้อมกัน ยามาเบะปาก
“โฮ้! นี่มันจะเยอะไปหน่อยนะ” เพื่อนสาวพริมาเริ่มแล้วไง นพคุณมองกระจกหลัง เห็นยามามองเขาอยู่เหมือนกัน ไม่ต่อล้อต่อเถียงน่าจะดีกว่า
“ดิฉันก็ต้องขอขอบพระคุณ คุณท่านนพคุณเป็นอย่างสูง...อย่างยิ่ง ที่พ่อเจ้าประคุณท่านสละเวลาพาพวกดิฉันสองคนไปท่องเที่ยวทัศนา...โอ๊ย!” ยามาพูดไม่ทันจบประโยคก็โดนพริมาตีแขนไปหนึ่งที
“ลูกแก้วมาตีแขนปลาทูทำไมเนี้ยยย!!! ปลาทูกำลังสรรเสิญ เอ้ย! ขอบพระคุณคุณพี่เค้าอยู่!” พริมาส่ายหน้าส่งสัญญาณให้เพื่อนหยุด หล่อนเหลือบไปมองนพคุณ เห็นเขาไม่มีท่าทีอะไรก็เบาใจ พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตอบโต้ยามาจึงเฉยเสีย ถ้าเขาไม่เถียงหรือว่าอะไรหล่อนก็มีความเป็นผู้ใหญ่พอไม่เล่นอะไรแบบเด็กๆ หรอก โตๆ กันแล้ว
“อ่ะโด่วววว” ไม่วายขอสักคำปิดท้าย
รถแล่นไปผ่านดงกล้วยที่พริมาเคยมาวิ่งเล่นเมื่อไม่นานมานี้ หล่อนนั่งมองสองข้างทาง นึกถึงวันนั้นที่ตัวเองหลงทางเข้ามาถึงในนี้ โชคดีแค่ไหนแล้วที่ไม่เกิดเรื่องอะไรที่ไม่ดี
“ดงกล้วยนี่รึเปล่าลูกแก้ว?” เสียงยามาถามมาจากเบาะหลัง นพคุณเอง ก็สงสัยเพราะฟังจากที่พวกคเชนทร์เล่าคราวก่อนที่ร้านอาหาร พวกนั้นเจอ พริมาครั้งแรกในดงกล้วย
“อืม...เลยไปก็คงเป็นตลาดแล้วมั้ง” พริมาตอบเสียงแผ่ว และเมื่อรถเลยดงกล้วยข้ามสะพานก็เป็นตลาดอย่างที่นักมวยสองคนว่าจริงๆ
“ตลาดใหญ่เสียด้วย...นั่นไงคิวรถสองแถว” ยามาชี้ให้เพื่อนดู แววตาหล่อนวิบวับมีแววขบขัน
“นั่งเลยมาอีกนิดนึงก็คงไม่ต้องไปวิ่งเล่นในดงกล้วยเนอะ” ยามาออกความเห็น นพคุณยิ้มมุมปาก ยามาพูดแทนเขาได้หลายคำเลย แต่ละคำที่หล่อนพูดกับพริมาช่างโดนใจ จากโลเคชั่นที่คเชนทร์ส่งมาให้นั้น พอลงสะพานแล้วต้องเลี้ยวซ้าย ขับมาอีกประมาณ 2 กิโลเมตรพวกเขาก็เห็นป้ายค่ายมวยนรสิงห์เด่นมาแต่ไกล
“นั่นไงคะค่ายมวย! บ้านพี่ตุลย์อยู่ติดกับค่ายมวย งั้นก็คงแถวๆ นี้แหละค่ะ พี่เอ้ย! คุณนพคุณขับช้าๆ หน่อยค่ะ เดี๋ยวลูกแก้วช่วยดู” เสียงพริมาตื่นเต้น จนคนฟังชวนหงุดหงิด จะตื่นเต้นอะไรนักหนา บ้านลุงเจริญสังเกตเห็นได้ไม่ยาก เพราะมันเป็นบ้านไม้เรือนไทยหลังใหญ่เด่นมองเห็นตัวบ้านชัดได้จากบนถนน นพคุณเลี้ยวรถเข้าไปจอดหน้าบ้านพร้อมกับเสียง GPS ของพริมาบอกสิ้นสุดจุดหมายปลายทาง คเชนทร์ยืนอยู่หน้าบ้านพอดีตอนรถเข้าไปถึง ข้างๆ กันนั้นเป็นผู้ชายหนวดเฟิ้มร่างสูง ดูๆ แล้วอายุน่าจะประมาณห้าสิบกว่าๆ
“สวัสดีค่ะ” พริมากับยามายกมือไหว้คุณลุงคนนั้นพร้อมกัน นพคุณตามลงมาทีหลัง
“นี่ลุงเจริญ” คเชนทร์แนะนำพ่อตัวเองให้เพื่อนๆ รู้จัก ลุงเจริญรับไหว้เด็กๆ พร้อมรอยยิ้มทรงเสน่ห์ พวกเขาคิดตรงกันว่าคเชนทร์น่าจะได้ความหล่อ มาจากพ่อ ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา รูปร่าง และส่วนสูง แต่ดูแล้วลุงเจริญนั้น สูงกว่าคเชนทร์เสียอีก
“อย่าเพิ่งตัดสิน ยังไม่ได้เจอแม่เลย ไปๆ เข้าบ้าน” ลุงเจริญหัวเราะร่วน เขาเดาความคิดของเด็กๆ ได้อย่างถูกต้องหยั่งกะอ่านใจได้อย่างนั้นแหละ
“นี่ถ้าลุงเจริญอายุเท่าเรานะ ปลาทูจะตามจีบเลยคอยดู” ยามากระซิบบอกพริมา นพคุณที่เดินรั้งท้ายได้ยินเข้าพอดี เขายินดีกับลุงเจริญอย่างยิ่งที่แก่และรอดพ้นมาได้ มันจะน่าขนลุกขนาดไหนที่มีผู้หญิงอย่าง ยามามาตามจีบ...บรื๋อ! ขนลุก!!!
ลุงเจริญพาสองสาวเดินไปใต้ถุนบ้านที่มีสาวใหญ่อายุน่าจะปลายสี่สิบ และมีผู้หญิงอีกสามคนนั่งอยู่ด้วย ทั้งสี่คนกำลังง่วนอยู่กับการทำอะไรสักอย่าง แต่ด้วยเสียงอันดังของลุงเจริญจากการทักทายเด็กๆ ที่หน้าบ้าน จึงทำให้ สี่สาวในบ้านพอเดาได้ว่าแขกคงมาถึงกันแล้ว
“หิวกันรึยังเด็กๆ “ คุณอมราถามพร้อมส่งยิ้มหวานแสนสวยมาให้ พริมาและยามายกมือไหว้ผู้สูงวัยกว่า รวมทั้งสามสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วย สามสาวนั่งมองสองสาวที่เดินเข้ามา ก่อนที่พริมาและยามาจะทันสังเกตเสียอีก เพราะคเชนทร์ไม่เคยพาเพื่อนผู้หญิงมาเที่ยวที่บ้าน เพราะฉะนั้นสองคนนี้น่าจะมีสักคนหนึ่งที่มีอะไรพิเศษแน่ๆ
“แกว่าคนไหนวะ?” คณิสราพี่สาวคนโตหันไปถามน้องสาวทั้งสองคนที่ดูเหมือนจะใช้ความคิดและวิเคราะห์อยู่เหมือนกัน
“เดายากว่ะ ไอ้ตุลย์มันก็ชอบไปทั่วแหละ ฉันเห็นมันยิ้มหว่านเสน่ห์ทีนี่ สาวๆ ตามกันเป็นพรวน แต่ไม่เคยเห็นตามถึงบ้านนี่สิ เดายากๆ ” คณิตพี่สาวคนที่สามออกความเห็นบ้าง
“ฉันว่าน้องตัวเล็กนั่นแหละ ตัวขาวๆ นั่นไง” คริษฐาพี่สาวคนรองชะเง้อมอง หล่อนเห็นเพื่อนๆ ของคเชนทร์ก่อนคนอื่น และยืนดูอยู่ตั้งแต่สองสาวลงจากรถแล้ว
“แต่ไม่แน่นะ อาจจะเป็นน้องคนตัวสูงๆ อืม....แปลก” คณิตยังไม่หยุดเดา ดูเหมือนหล่อนกำลังสนุกมากกว่าอยากรู้คำตอบที่แท้จริง
“มั่วแล้วไอ้กันย์ไม่ใช่ว่าน้องคนตัวสูงเป็นแฟนกับน้องคนตัวขาวเหรอ ดูจากทรงผมน่าจะเป็นทอม คงจะตามมาคุมเชิงแฟนสาวที่มาเที่ยวบ้านผู้ชาย แล้วไอ้ตุลย์ของเราก็ไปตามจีบแฟนทอม ฮ่าๆ งานนี้เจอรักสามเศร้าแล้วแหละ” คริษฐาเข้าร่วมวงด้วย
“ฉันว่าพวกแกมั่วทั้งสองคนนั่นแหละ ดูนั่น! มีตัวละครใหม่ว่ะ” คณิสราหันไปบอกน้องๆ เมื่อเห็นนพคุณเดินตามรั้งท้ายทุกคนเข้ามา แต่ก่อนที่สามสาวจะสนุกไปมากกว่านี้ พวกพริมาก็เดินมาถึงใต้ถุนเรือนเสียก่อน ทั้งหมดจึงต้องยุติเรื่องที่กำลังคาดเดากันอยู่
“นี่ลูกแก้ว นี่ปลาทู แล้วก็นี่...นพคุณ” คเชนทร์แนะนำเพื่อนๆ ให้พี่ๆ และแม่รู้จัก ยามาสังเกตพี่สาวทั้งสามคนของคเชนทร์สวยๆ ทั้งนั้น สวยเหมือนนางเอกหนังอินเดียที่หล่อนชอบดูไม่มีผิด แต่คนที่สวยที่สุดน่าจะเป็นคนที่มีอายุมากที่สุด นั่นคือคุณอมรานั่นเอง
“โห...คุณป้าสวยจังค่ะ” ยามาพูดออกมาตามที่คิด เล่นเอาคนถูกชมยิ้มไม่หุบ
“หนูนี่ตาถึงเหมือนลุงไม่มีผิด” ลุงเจริญหัวเราะชอบใจ
“พี่ๆ ก็สวยค่ะ บ้านนี้หน้าตาดีกันทั้งบ้านเลย” พริมาออกความเห็นบ้าง
“โอ๊ย! ลูกแก้วอย่าไปชมพวกนี้มาก มาๆ มานั่งตรงนี้ก่อน เดี๋ยวกินข้าวแล้วพี่พาไปเที่ยวค่ายมวย” คเชนทร์ตัดบทพร้อมลากแขนพริมาเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหาร คริษฐาเอาศอกกระทุ้งคณิตพร้อมพยักเพยิดส่งสายตาว่า “เห็นไหมฉันบอกแล้ว” นพคุณที่ยืนอยู่หันไปเห็นพอดี เขาขมวดคิ้วสงสัยว่าพี่สาวคเชนทร์สองคนนี้คุยอะไรกัน เพราะพวกหล่อนกำลังมองไปทางพริมา
“น้องนี่หน้าตาดีนะ แต่ตัดผมแปลก...เป็นทอมเหรอ?” คณิสราถามตรง เล่นเอาคนถูกถามสะอึกอยู่เหมือนกัน ดูเหมือนพี่สาวคนโตของคเชนทร์จะให้ความสนใจกับเด็กหญิงตัวสูงที่ยืนดูคเชนทร์ลากแขนพริมาไปที่โต๊ะอาหารหน้าห้องครัวอยู่ไม่น้อย เด็กผู้หญิงคนนี้สะดุดตาหล่อน...เพราะยามาหน้าตาคมคายและตัวสูงโดดเด่น ถ้าเทียบกับเด็กผู้หญิงวัยเดียวกัน หล่อนคงจะสูงกว่าหลายๆ คนทีเดียว แต่ด้วยวัยที่อยู่ระหว่างเด็กหญิงกับผู้หญิงที่กำลังจะโตเป็นสาวจึงทำให้หล่อนดูเก้งก้างขัดหูขัดตาไปบ้าง แต่คณิสราเชื่อว่าถ้าโตขึ้นเมื่อไหร่เด็กหญิงผิวเข้มตัวสูงคนนี้คงจะสวยสะดุดตาไม่เบาทีเดียว แต่ถ้าหล่อนจะโตขึ้นและกลายเป็นสาวหล่อก็คงจะน่าเสียดายอยู่เหมือนกัน
“เอ่อ...” เจอคนตรงถามตรงแบบนี้ ยามานักเล่านิทานก็ไปไม่ถูกเหมือนกัน
“อุ๊บ!!!” นพคุณกับคเชนทร์กลั้นหัวเราะพร้อมกัน พี่สาวคนโตของคเชนทร์ช่างถามคำถามได้ถูกใจพวกเขาจริงๆ
“ไม่ใช่หรอกค่ะ ปลาทูเป็นผู้หญิง....ผู้หญิงแท้ๆ เลย ลูกแก้วยืนยันได้” ขณะที่สองหนุ่มรอดูเชิงอยู่ว่ายามาจะตอบว่าอะไร พริมารีบตอบคำถามแทนเพื่อน คเชนทร์เองก็ขัดใจอยู่ไม่น้อย เขาอยากดูพี่สาวกับเพื่อนสาวพริมาลับฝีปากกันสักยก
“ผู้หญิงค่ะ แต่ทะเลาะกับลูกของเมียใหม่พ่อ ปลาทูเสียผม แต่ยัยนั่นเสียคิ้วไปข้างหนึ่ง” ยามาตอบเรียบๆ แต่สายตาทอดยาวไกลเหมือนนึกถึงความหลัง “อืม...ก็หวังอยู่นะว่าจะไม่ขึ้นมาอีกเลย” ยามาเล่าไปเรื่อยๆ พริมาเอง ก็เคยได้ยินเรื่องที่มาของทรงผมสกรีนเฮดของเพื่อนหล่อนเมื่อปีก่อน และเรื่องที่ว่าพ่อของยามามีเมียใหม่มาบ้าง แต่หล่อนไม่เคยถามถึงรายละเอียดมากนัก แต่คนอื่นที่ไม่เคยรู้เรื่องมาก่อนมีความคิดแตกต่างกันไป คนแรกคือนพคุณ...เขาเคยสงสัยอยู่ว่าทำไมเด็กหญิงถึงตัดผมทรงประหลาดแบบนั้นได้ แต่พอรู้จักกับยามาสักพักความสงสัยก็หายไป เพราะเพื่อนพริมาคนนี้ค่อนข้างประหลาด ทำอะไรไม่สนใจใครอยู่แล้ว การที่หล่อนจะโกนผมหรือตัดผมทรงแปลกๆ นั่นก็อาจจะเป็นสไตล์หรือความชอบส่วนตัวของหล่อนก็เป็นได้ ส่วนคเชนทร์ยืนจ้องยามานิ่งพร้อมคิดตาม...การที่คนเราจะทะเลาะกันถึงขนาดกล้อนผมกล้อนคิ้วกันได้นั้นจะต้องเกลียดกันมากขนาดไหน เขาคิดไม่ออกเลยว่าเด็กผู้หญิงตัวแค่นี้จะเจอเรื่องอะไรมาบ้าง
“ฮ่าๆ เจ๋งอ่ะ!!!” คณิสราหัวเราะเสียงดังแหวกความเงียบ เล่นเอาน้องสาวทั้งสองคนของหล่อนสะดุ้งพร้อมกัน
“ฉันเชียร์น้องปลาทูว่ะ เถื่อนๆ แบบนี้แหละเหมาะกับบ้านเรา” คณิสราเดินไปสมทบกับน้องสาวทั้งสองคนของหล่อนพร้อมกระซิบให้พอได้ยิน กันสามคน
“ไปเด็กๆ ไปกินข้าวกันดีกว่า วันนี้แม่ทำกับข้าวไว้เยอะเชียวเห็นเจ้าตุลย์ บอกว่านัดสองสิงห์นักมวยไว้นี่นา เดี๋ยวจะสายไปกันใหญ่” คำชวนของคุณอมราช่วยทำลายบรรยากาศแห่งความอึดอัดได้ดีทีเดียว ระหว่างกินข้าวคเชนทร์เล่าให้ฟังว่าเขารู้จักกับพริมาได้อย่างไร เพราะก่อนที่พริมาจะมาเที่ยวที่บ้านนั้น เขาบอกที่บ้านแต่เพียงว่าจะพาสาวมากินข้าว ทิ้งความสงสัยไว้ให้พวกพี่ๆ ของเขา และดูเหมือนคเชนทร์เองก็สนุกที่ทำให้พวกพี่ๆ ของเขาอยากรู้....แต่ไม่ได้รู้
“นี่โชคดีนะที่ตุลย์ผ่านไปพอดี และคนที่หนูเจอวันนั้นเป็นไอ้ทองกับไอ้ชาญน่ะ” ลุงเจริญหันไปบอกพริมาหลังจากฟังเรื่องทั้งหมด
“คราวหลังหนูต้องระวังตัวให้มากกว่านี้นะรู้ไหม” คุณอมราช่วยเสริมอีกคน นพคุณที่นั่งกินข้าวอยู่ข้างๆ แม่ของคเชนทร์พยักหน้าหงึกๆ เห็นด้วย เหมือนคุณอมรากับลุงเจริญพูดแทนความคิดของเขาได้ไม่มีผิด
“ไม่กล้าแล้วค่ะ ลูกแก้วเข็ดไปจนตายเลย” พริมารับเสียงอ่อย
“ถ้าวันไหนแม่ไม่ว่างไปส่งก็บอกพี่ได้นะ เดี๋ยวแว๊นไปรับ” คเชนทร์ ยักคิ้วหันไปบอก
“หู้ยยยยย” เสียงพี่สาวสามคนประสานเสียงกัน
“อะไรของพวกแก” คเชนทร์หันไปแหวใส่ พี่สาวแต่ละคนบ้างก็เบะปาก บ้างก็ยักไหล่
“ลูกแก้วอย่าไปหลงคารมมัน ไอ้นี่มันหน้าหม้อ” คณิตได้ทีเสี้ยม
“ใช่ๆ เดือนก่อนยังเห็นควงเด็กโรงเรียนเก่าฉันอยู่เลย แกเลิกกันแล้วเหรอ” คณิสราเอาบ้าง
“ไม่เคยเว้ย! พวกแกอย่ามามั่วไอ้เมษ์! ไอ้กันย์!”
“ลูกแก้วไม่ได้หลงคารมหรอกค่ะ พี่ตุลย์ใจดีจะตาย” พริมาหวังจะช่วยห้ามทัพ แต่ดูเหมือนจะเรียกความหมั่นไส้ให้คเชนทร์แทนที่จะช่วยเขาเสียมากกว่า
“แหวะ!”
“เป็นอะไรจ๊ะน้องปลาทู...ไหม้” แม้จะนั่งห่างออกไปแต่คเชนทร์ก็หูดีได้ยินชัดทีเดียว ยามาไม่ตอบแต่หล่อนแค่เบะปากเบาๆ พริมาเขย่าแขนปรามเพื่อน แต่ก็เบาใจเพราะเพื่อนของหล่อนไม่ได้มีท่าทีจะโต้ตอบอะไร ส่วนนพคุณนั้น ตั้งแต่เข้าบ้านมา หล่อนยังไม่ได้ยินเขาพูดอะไรสักคำเดียว...และตอนนี้ก็ดูเหมือนเขาจะตั้งหน้าตั้งตากินข้าวอย่างตั้งใจ...ตั้งใจเกินไปด้วยซ้ำ ทำไมเห็นแล้วรู้สึกหนาวๆ พิกล
“น่าสนใจแฮะ” คณิสรานั่งดูเหตุการณ์อยู่...ตอนแรกก็สนุกดีหรอก แต่ถ้ามองผ่านความสนุกก็จะเห็นอะไรน่าสนใจทีเดียว เริ่มจากการแซวกันสนุกปากของพวกหล่อนและน้องๆ คเชนทร์ที่ปกติจะไม่สนใจว่าใครจะคิดยังไงก็ดูจะร้อนตัวพิกล ส่วนเด็กหนุ่มหน้าใสที่นั่งเงียบตั้งใจ กินข้าวอยู่ตรงข้ามหล่อนนี่ซิ หล่อนเห็นเขาเหลือบมองพริมาอยู่บ่อยๆ แต่ดูเหมือนเจ้าตัวเองก็ยังไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ ส่วนพริมาก็คอยมองไปทางเขาเช่นกัน...งานนี้ดูเหมือนถ้าน้องชายของหล่อนชอบพริมาอย่างที่พวกหล่อนแซวเล่นกันจริงๆ ล่ะก็ มีหวังน้องชายหล่อนต้องรุกหนักเลยทีเดียว...เฮ้อ! น่าสงสารวุ้ย คณิสราใจลอยคิดอะไรเพลินไปหน่อย จึงไม่รู้ตัวว่าตอนนี้เด็กหนุ่มหน้าใสที่หล่อนสังเกตเขาในตอนแรกนั้น ตอนนี้ก็กำลังนั่งมองหล่อนอยู่เช่นกัน อุ๊วะ! ไอ้หนุ่มนี่...ช่างสังเกตแล้วก็เซ้นส์แรงเหมือนกันแฮะ!
“น้องคนนี้ชื่ออะไรนะพี่ลืม... เห็นไอ้ตุลย์บอกว่าเป็นเพื่อนห้องเดียวกัน” คณิสราถามแก้เก้อ ความจริงหล่อนจำชื่อเขาได้ ไม่ได้ลืมอย่างที่บอก
“ชื่อคุณไง! เมษ์...แกนี่ก็ลืมไปได้ยังไง หล่อสะดุดตาขนาดนี้ บอกทีเดียวฉันก็จำได้ไม่ลืมหรอก” คณิตบอกยิ้มๆ หล่อนก็ไม่ค่อยจะเชื่อนัก ว่าน้องชายจะมีเพื่อนดูดีขนาดนี้ เพราะเพื่อนๆ ของคเชนทร์ส่วนใหญ่ พวกหล่อนรู้จักเกือบหมด คนนี้ก็เพิ่งเคยได้ยินชื่อและก็เห็นหน้าด้วยซ้ำ
“ไอ้...เอ้อคุณเนี้ย เป็นเพื่อนตั้งแต่อนุบาลเลยนา” คเชนทร์เห็นพี่สาวหันไปสนใจเรื่องอื่นเขาก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง
“ไม่จริงอ่ะ แกอย่ามาอำพวกฉัน เพื่อนแกกี่คนพวกฉันรู้จักหมด” คริษฐาที่นั่งฟังอยู่ทำหน้าเหมือนคเชนทร์กำลังโกหกคำโตใส่พวกหล่อนเลยทีเดียว
“จริงครับ” นพคุณเองที่เป็นคนตอบ เล่นเอาคเชนทร์ที่กำลังตั้งท่าจะเถียงกับพี่สาวชะงักอย่างแปลกใจ
“จริงดิ!!!” คริษฐาครางอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ทำไมไอ้มีน? ฉันจะมีเพื่อนหน้าตาแบบนี้ไม่ได้รึไง?” คเชนทร์ถามอย่างเหลืออด
“ได้ๆ ดีนะ...ดีเกินมาตรฐานเลย” คริษฐาพยักหน้าให้น้องชาย
“เออๆ ฉันชอบเพื่อนๆ ล๊อตนี้ของแกว่ะ งานดีทั้งนั้นเลย คราวหน้า มากันอีกนะจ๊ะ” คณิสราเข้าร่วมวงเหน็บน้องชาย และไม่วายหันไปชวนเพื่อนๆ ของเขา
“มาค่ะ มา” ยามาพยักหน้า หล่อนเจอพวกเข้าให้แล้ว งานนี้มีอะไรสนุกๆ ให้ดูอีกเยอะเลย
“เห็นลูกแก้วบอกว่าพี่เมษ์ชอบงานศิลปะ?” ยามาถาม เพราะพริมา เคยเล่าให้หล่อนฟัง และยังให้หล่อนกดถูกใจหน้าเพจของคณิสราอีกด้วย
“ใช่ๆ ตอนนี้กำลังบ้าทำพวงกุญแจ อยากดูไหมล่ะ?”
“ปลาทูก็ชอบงานศิลปะค่ะ วาดรูปเก่งด้วย ตอนนี้กำลังจะไปเรียนตัดผ้าค่ะ” พริมาอวยเพื่อน นพคุณที่นั่งฟังอยู่แอบยิ้ม เขารู้แล้วว่าทำไมคนอย่างพริมาและยามาถึงมาสนิทกันได้ เพราะพวกหล่อนไม่เคยอิจฉากันและกันเลย พริมานั้นไม่ทันคน แต่ยามานั้นฉลาดเป็นกรด...หล่อนเลือกคบคนไม่ผิด เพราะถึงแม้ยามาจะมีท่าทางหรือนิสัยที่ดูแข็งกร้าวไปบ้าง แต่ก็ถือได้ว่าพริมาโชคดีที่ได้ยามาเป็นเพื่อน
“สมัยก่อนเมษ์ก็บ้าวาดแพทเทิร์นอยู่พักหนึ่งนะ ฮ่าๆ เห็นว่าตอนนั้นอยากเป็นดีไซน์เนอร์ แต่ไหงตอนนี้ไปเรียนบัญชีก็ไม่รู้” คณิตเล่าให้เพื่อนๆ ของคเชนทร์ฟัง แต่ความจริงเรื่องนี้หล่อนเองก็ยังสงสัยอยู่เหมือนกัน
“แหม...ความฝันกับความจริงมันก็ต่างกันแบบนี้แหละ” คณิสราตอบยิ้มๆ
เสร็จจากกินข้าวกันแล้ว คเชนทร์พาพวกพริมาเดินไปเที่ยวค่ายมวย สองสิงห์นักมวยรออยู่แล้ว เพราะคเชนทร์นัดไว้ว่าพวกพริมาจะมากันวันนี้ ภารดีฝากของขวัญขอบคุณมาให้สองหนุ่มด้วย คราวก่อนของคเชนทร์หล่อนฝากพริมาเอาไปให้ที่โรงเรียน วันนี้ได้โอกาสจึงฝากของสองสิงห์มาเสียด้วยเลย พริมาแยกถุงมาจากบ้านเรียบร้อยแล้วข้างในใส่ขนมของหล่อนและของขวัญของภารดีอย่างละถุง พวกเขาอยู่เล่นที่ค่ายมวยเสียนานจนลุงเจริญต้องเดินมาดู
“สองคนนี้เชิงมวยใช้ได้เลยนะ” อำนาจออกปากชมยามากับนพคุณ ที่ลองชกมวย วันนี้นอกจากพวกเขาแล้วยังมีเด็กๆ อีกสองสามคนที่มาเรียนมวยที่นี่ พริมาเองก็ลองชกมวยดูบ้างเหมือนกัน
“น่าสนุกดีค่ะ แต่ไม่ไหวจริงๆ งานนี้ไม่เหมาะกับลูกแก้ว” พริมาที่ชกไปได้สองสามหมัดก็หมดแรงโอดครวญอย่างยอมแพ้ หลังจากยอมแพ้อย่างราบคาบ หล่อนก็เดินไปดูคนอื่นๆ ชกมวยกันอย่างเพลิดเพลิน
“ไม่ไหวๆ ชกเองคงไม่ไหวแต่ดูคนอื่นชกแล้วสนุกดีค่ะ”
“มาลองใหม่สิลูกแก้ว ฝึกไว้ก็ดีนะ” ยามาหันมาชวนเพื่อน หล่อนชอบเล่นกีฬา นอกจากวิ่งแล้วสงสัยต้องลองหันมาฝึกมวยไทยดูบ้างก็น่าจะดี
“เป็นไงกันบ้าง? หายกันมาหลายชั่วโมงเลย พวกพี่ๆ แกชะเง้อมองกัน จนคอจะยาวมาถึงนี่แล้ว” ลุงเจริญส่งเสียงดังมาก่อนที่ตัวจะเดินมาถึงเสียด้วยซ้ำ นพคุณเห็นพวกนักมวยยกมือไหว้เขากันอย่างพร้อมเพรียง แสดงว่าลุงเจริญคงมาที่นี่เป็นประจำอย่างแน่นอน
“ไงไอ้เจ๋ง! ชกเก่งขึ้นบ้างรึยัง? นี่ถ้าแกจะขึ้นแข่งเดี๋ยวลุงเป็นสปอนเซอร์ให้” ลุงเจริญแวะทักทายเด็กผู้ชายคนหนึ่ง อายุน่าจะสัก 12 – 13 ปี แต่ดูจากหุ่นแล้วเหมือนเขากินมามากกว่าอายุตัวเองสักสองสามเท่า อายุน้อยแค่นี้แต่ดูเหมือนว่าน้ำหนักเขาจะเกินหน้าอายุไปหลายปีทีเดียว
“ทุกคนเป็นพยานเลยนะ” เด็กชายหันไปบอกเพื่อนๆ ตอนแรกเขาไม่ค่อยเต็มใจจะมาเรียนมวยไทยมากนัก ถ้าไม่ใช่เพราะแม่บังคับมีหรือเด็กติดเกมส์อย่างเขาจะมาออกกำลังกายแบบนี้ ถ้าไม่เพราะเขาต้องโดนหามส่งโรงพยาบาลเพราะเล่นเกมส์มากเกินไป แถมหมอยังบอกว่าเขาเป็นโรคอ้วนอีกด้วย นั่งกินนอนกินแถมนอนก็น้อยถ้าไม่เลิกหรือลด รับรองเขาได้ไปเข้าเฝ้ายมบาลตั้งแต่อายุยังน้อยอย่างแน่นอน ตอนแรกๆ เด็กชายไม่ค่อยให้ความร่วมมือนัก แต่พอได้ทำไปสักพักเขาก็พบว่าเขาชอบมันมากกว่าที่คิดเสียอีก
“เออ! ข้าพูดจริงๆ เว้ย ถ้าเอ็งฝึกจนเก่งถึงขนาดขึ้นชกได้เมื่อไหร่ เอ็งมาบอกข้าได้เลย ข้าจะสนับสนุนเอ็งเต็มที่” ลุงเจริญหัวเราะชอบใจ เขาได้ยินมาเยอะเรื่องเด็กติดเกมส์ พอมาเจอตัวเป็นๆ ทำให้รู้เลยว่าเขาโชคดีแค่ไหนที่ลูกๆ ไม่มีใครทำอะไรให้หนักใจเลย แม้จะมีแกล้งกันบ้าง แต่ก็ตามประสาพี่น้อง
“อ้าวพ่อ” คเชนทร์หันไปทักพ่อ ตอนนี้เหงื่อเขาท่วมตัวเหมือนคนเพิ่งขึ้นมาจากน้ำ
“เออ ก็ข้าน่ะสิ ไหนแกบอกว่าจะแวะมาค่ายมวยแป๊บเดียวแล้วจะพาสาวๆ ไปดูไก่ ข้าก็รอจนทั้งคนทั้งไก่จะหลับคาเล้ากันไปหมดแล้ว”
“ฮ่าๆ ขอโทษทีพ่อ พอดีชกมวยกันสนุกลืมเวลาไปหน่อย”
หลังจากลุงเจริญเดินมาตาม พริมากับเพื่อนๆ จึงลาพวกนักมวยแล้วเดินตามลุงเจริญกลับไปที่บ้าน คเชนทร์ขึ้นบ้านไปเปลี่ยนเสื้อ ส่วนคนอื่นๆ เดินตามลุงเจริญไปเล้าไก่
“จะไม่ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อจริงเหรอ? ใส่เสื้อไอ้ตุลย์ก็ได้เยอะแยะ” คณิตคะยั้นคะยอหลังจากเห็นสภาพนพคุณที่เหงื่อท่วมตัวไม่แพ้น้องชาย
“ไม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวก็กลับบ้านแล้ว ขอบคุณครับ” นพคุณยิ้มตอบเผยให้เห็นลักยิ้มทรงเสน่ห์ สามสาวพี่สาวคเชนทร์สะกิดกันหัวเราะคิกคัก พริมาไม่เคยเห็นลักยิ้มนพคุณใกล้ๆ แบบนี้มาก่อน...จะว่าเคยก็คงจะเห็นจากในรูปที่บ้านตอนที่หล่อนเอาอัลบั้มรูปเก่าๆ ของเขาออกมาดูคราวก่อนแค่นั้น แต่รอยยิ้มจริงๆ ใกล้ๆ แบบนี้ หล่อนไม่เคยเห็นเขายิ้มที่บ้านแบบนี้เลยสักครั้งวันนี้เขามีความสุขหรือเปล่า? ถ้าเขาจะยิ้มแบบนี้บ่อยๆ ก็คงจะดี หล่อนพอจะทำอะไรให้เขาได้บ้างไหมนะ ดูเหมือนสาวน้อยจะคิดแต่เรื่องของตัวเองโดยไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่ามีสายตาหลายคู่ก็สังเกตหล่อนเช่นกัน
“มองอะไร?” นพคุณถามเสียงเข้ม ตอนแรกเขายังไม่เห็นว่าพริมายืนจ้องหน้าเขาอยู่แบบเอาเป็นเอาตาย แต่เขาเห็นเอาจากสายตาของคนอื่นๆ ที่มองไปทางสาวน้อยอย่างสงสัย...ถึงได้เห็น และเขาไม่ชอบใจเลย เด็กนี่ทำให้เขาเป็นเป้าสายตา...แล้วใจมันก็เต้นแรงแปลกๆ นพคุณเกลียดอะไรที่เขาควบคุมไม่ได้แบบนี้อย่างที่สุด
“เอ่อ...” พริมาก็ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน
“น้องลูกแก้วยืนมองหน้าน้องคุณเหมือนต้องมนต์เลยจ้า น้ำลายนี่แทบจะยืดออกมาเลยนะ” คริษฐาแซว หล่อนอดไม่ได้ เห็นท่าทางสาวน้อยที่ยืนมองนพคุณตาละห้อยแล้วตลกดี
“คือ...คือ ปกติลูกแก้วไม่เคยเห็นคุณนพคุณยิ้มน่ะค่ะ ก็เลยแปลกใจ” คำตอบของสาวน้อยทำเอาคนแซวแปลกใจยิ่งกว่า แต่คนที่หงุดหงิดคือ นพคุณ...เด็กนี่จะประจานเขาต่อหน้าคนอื่นว่าเขากับหล่อนไม่ค่อยจะได้พูดจากันดีๆ สักเท่าไหร่ หล่อนจะเที่ยวฟ้องคนอื่นๆ ว่าเขาใจร้ายเพื่อหาพวกแบบนี้ไม่ได้
“อืม...” คริษฐาพยักหน้างงๆ
“ก็เวลาอยู่บ้านเราไม่ค่อยได้เจอกัน ลูกแก้วก็เพิ่งจะมาอยู่บ้านพี่ได้ไม่นาน จะว่าไปเราเพิ่งจะได้เจอกันบ่อยๆ ก็ตอนช่วงเปิดเทอมที่พี่กลับมาอยู่บ้านนี่เอง แต่เราก็ยังไม่ค่อยจะสนิทกันเท่าไหร่ อีกอย่างพี่เองก็คุยสนิทสนมกับคนไม่ค่อยเก่ง ถ้าเราไม่ได้คุยเล่นกันก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนนี่นา” นพคุณร่ายยาว เขาจะไม่ปล่อยให้พริมาเที่ยวเอาเรื่องที่บ้านมาพูดไปเรื่อยแน่ๆ
“คะ?” คราวนี้พริมาทำหน้าต้องมนตร์หนักกว่าครั้งแรกเสียอีก...หล่อนไม่เคยเห็นนพคุณพูดมากเกินสิบคำด้วยซ้ำ แถมเขายังแทนตัวเองว่า “พี่” ที่ตอนแรกยืนยันนักหนาว่าไม่ให้หล่อนเรียกเขาว่าพี่เด็ดขาด วันนี้นพคุณทำเอาหล่อนอึ้งไปหลายอย่างเลยทีเดียว ยิ้มด้วย พูดก็ตั้งหลายคำ แล้วก็แทนตัวเองว่าพี่อีก ถ้ามากกว่านี้หล่อนคงรับไม่ไหวแน่ๆ นี่ใช่นพคุณตัวจริงหรือเปล่า?
“พี่เมษ์...ปลาทูเหนียวตัวจังค่ะ ขออาบน้ำแล้วยืมเสื้อพวกพี่ใส่กลับบ้านได้ไหมคะ” ยามาเห็นท่าไม่ดี กลัวคุณชายใหญ่จะมาแว้ดๆ ใส่เพื่อนหล่อน และดูเหมือนสามสาวกำลังประมวลผลความสัมพันธ์ของเพื่อนหล่อนกับเพื่อนคเชนทร์ (ก็เพื่อนร่วมห้องล่ะนะ) พวกหล่อนคงจะแปลกใจว่าทำไมสองคนนี้ ถึงอยู่บ้านเดียวกัน และถ้าจะให้เล่ากันคงอีกยาว
“อ้อ...ได้สิ ไปๆ เดี๋ยวพี่พาไปที่ห้อง”
“แล้วลูกแก้วล่ะ ไม่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใช่ไหม?”
“ไม่เป็นไรค่ะ ลูกแก้วแทบไม่มีเหงื่อเลย ชกไปสองสามหมัดก็หมดแรง เดี๋ยวลูกแก้วนั่งรอตรงนี้แล้วกันนะปลาทู” พริมาตอบคำถามของคริสราและหันไปบอกเพื่อนพร้อมกัน
คนอื่นๆ แยกย้ายกันไปหมดแล้ว เหลือแต่หล่อนกับนพคุณที่ตอนนี้นั่งหน้าคว่ำเหมือนปกติที่หล่อนเห็นประจำ...นี่! แบบนี้สิถึงเรียกว่าตัวจริง
“ทำไมฉันต้องยิ้มด้วย?” จู่ๆ คุณชายใหญ่ก็พูดโพร่งขึ้นมา
“คะ?”
“ฉันถามว่าทำไมฉันต้องยิ้มด้วย”
“ก็...ไม่ต้องยิ้มนะคะ” พริมาไม่รู้ว่านพคุณพูดเรื่องอะไร เขาถามแบบนี้ หล่อนตอบไม่ถูกจริงๆ
“ก็เธอบอกแปลกใจ...จะแปลกใจทำไม หรือฉันต้องยิ้มให้เธอทุกวันถึงจะพอใจ”
“ไม่ต้องยิ้มเลยค่ะ ไม่ต้องเลย...คุณนพคุณอยากทำอะไรก็ทำไปเลยค่ะ ลูกแก้ว..ฉันไม่ได้ว่าอะไร” พริมาเริ่มหงุดหงิดบ้าง นี่เขาจะไม่หาเรื่องว่าหล่อนสักวันจะได้ไหม
“ฉันจะไปนั่งรอพี่ตุลย์กับปลาทูตรงโน้นนะคะ” พูดจบทำท่าจะลุก แต่นพคุณกระชากหล่อนกลับลงมานั่งอย่างเร็ว สาวน้อยไม่ทันตั้งตัวเกือบหงายหลังไปเหมือนกัน
“อุ๊ย!”
“ทำไม? นั่งตรงนี้แล้วมันทำไม?” นพคุณเสียงแข็ง เขาบีบมือหล่อนแน่น มันไม่ได้ทำให้เจ็บ แต่มันแน่นจนแกะไม่ออก
“คุณนพคุณจะเอายังไงคะ? ฉันก็จะไปนั่งตรงโน้นแล้วไง...ยังไม่พอใจอีกเหรอ นี่ฉันไม่รู้จะทำยังไงแล้วนะคุณถึงจะพอใจ” พริมาตัดพ้อพออยู่กันสองคน ความหวังที่หล่อนคิดว่าเขาจะยิ้มหรืออารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง คงจะไม่มีทางเป็นไปได้ เขาไม่มีทางพูดดีหรือยิ้มให้หล่อนแน่ๆ มีแต่จะหงุดหงิดรำคาญ แล้วก็หาเรื่องว่ากันไปเรื่อย...คิดแล้วน้ำตาก็เริ่มมา พริมาพยายามแกะมือที่เขาจับไว้ แต่แกะอย่างไรก็แกะไม่ออก
“ร้องไห้ทำไม?” นพคุณเสียงเบาลง ฟังดูเหมือนเขาแปลกใจจริงๆ
“ไม่ได้ร้อง!” สาวน้อยพยายามหลบตา แต่นพคุณตั้งใจมองอยู่ เขาไม่เข้าใจอยู่ๆ เด็กนี่ก็น้ำตาคลอ เมื่อกี้ยังพูดคุยกับคนอื่นสีหน้าสดใส แต่พออยู่กับเขากลับทำหน้าเหมือนจะตาย แล้วไอ้สรรพนามนั่น...แม้เขาจะเป็นคนบอกให้หล่อนเรียกเอง แต่พอได้ยินเข้าจริงๆ ทำไมมันหงุดหงิดและก็ฟังดูขัดหูพิลึก
“ไม่ต้องเรียกคุณแล้ว...แล้วก็แทนตัวเองแบบเดิมด้วย” นพคุณสั่งเสียงเข้ม พริมาไม่ตอบหล่อนก้มหน้ามองพื้น...แต่เขารู้ว่าตอนนี้หล่อนกำลังคิดตามว่าที่เขาพูดนั้นหมายความว่าอย่างไร และเมื่อใช้ความคิดอย่างหนักหรือมีอะไรที่ขัดใจบางทีพริมาก็เผลอทำปากยื่นอย่างไม่รู้ตัว และตอนนี้หล่อนก็กำลังทำแบบนั้นอยู่
“คิ้วจะผูกโบว์ได้อยู่แล้ว แล้วปากก็ยื่นออกมาจนจะยาวลากพื้น เห็นสภาพตัวเองรึเปล่า? น่าเกลียดมาก” นพคุณเอานิ้วชี้สองข้างของเขาจิ้มคิ้วพริมาและดึงเบาๆ แยกคิ้วสาวน้อยออกจากกัน เขากำลังยิ้มให้หล่อน ยิ้มแบบเมื่อกี้เลย นพคุณเพิ่งรู้ตัวว่าเขาชอบเวลาที่พริมาทำปากยื่นแบบนั้น มันดูตลกและก็น่ารักดี ไม่สิ! ไม่ได้น่ารักเสียหน่อย
“มาจิ้มหน้าฉัน..เอ่อ ลูกแก้วทำไม” สาวน้อยหันหน้าหนีพร้อมเอามือปัด พัลวัน อยู่ๆ นพคุณมายิ้มให้หล่อนยังไม่พอ ยังเอานิ้วมาจิ้มหน้าจิ้มคิ้วหล่อนอีก วันนี้เขาเป็นอะไรของเขากันแน่
“ก็คิ้วเธอจะผูกกันไง จะดึงออกให้” พริมาหน้าร้อนผ่าว หล่อนรู้สึกร้อนไปหมดทั้งหน้า แต่ที่นพคุณเห็นคือแก้มสาวน้อยมีสีชมพูระเรื่อขึ้นมาจนเขาอดแหย่เล่นไม่ได้
“แฮ่ม!” คเชนทร์ลงบันไดบ้าน เดินตรงมาที่สองคนนั่งรออยู่ นพคุณปรับสีหน้ากลับมาทำขรึมแบบเดิมได้อย่างมืออาชีพ แต่สาวน้อยนี่สิจะปรับสีแก้มให้หายแดงก็คงจะทำไม่ได้
“รอนานไหมลูกแก้ว นี่พี่วิ่งผ่านน้ำอย่างไวเลยนะ” พูดกับพริมาแต่หันไปยักคิ้วให้นพคุณ...ไอ้หมอนี่มันกวนประสาทเขาตลอด ตั้งแต่สมัยเรียนมาแล้ว คเชนทร์มักกวนประสาทเขาเป็นประจำ
“ป่ะ! ไปเล้าไก่กัน อยากได้ตัวไหนบอกได้เลยพี่จัดให้” ไม่พูดเปล่ามือก็ถึงด้วย คเชนทร์กอดคอพริมาลากให้เดินไปด้วยกันหน้าตาเฉย ทิ้งให้นพคุณ นั่งหน้าคว่ำอยู่ที่โต๊ะใต้ถุนบ้านอยู่คนเดียว
“แล้วปลาทูล่ะคะ? ลูกแก้วบอกปลาทูไว้ว่าจะรอตรงนี้”
“โอ๊ย! เพื่อนลูกแก้วน่ะจมูกไวจะตาย เดี๋ยวก็ตามมาเจอ ไปกันเถอะไปๆ” คเชนทร์เหลือบมองเห็นนพคุณยังนั่งอยู่ที่เดิมไม่ได้ลุกเดินตามพวกเขามา...ฮึ! ไม่สนุกเลยแฮะ เมื่อกี้ยังเห็นยิ้มตาหวานอยู่เลย ตัวเองจะรู้ตัวไหมว่าเมื่อกี้น่ะน่าหมั่นไส้ขนาดไหน อีกคนก็อายม้วน อีกคนก็ทำเป็นเข้ม แต่หน้านี่ระรื่น...ยิ้มจนปากจะฉีกถึงหูอยู่แล้ว นี่ถ้าพวกพี่สาวเขามาเห็นเข้าล่ะก็ พวกนั้นคงจะมีเรื่องเม้าส์มอยไปอีกหลายวัน เผลอๆ ต้องลากเขาเข้าไปอยู่ในเรื่องเม้าส์มอย ของพวกหล่อนด้วย ไม่เอาๆ เขาไม่ยอมเป็นหนึ่งในตัวละครบ้าบอของพวกพี่สาวเด็ดขาด
ที่เล้าไก่...ลุงเจริญรออยู่แล้ว เขาอุ้มไก่แจ้ไว้ตัวหนึ่ง ดูเผินๆ คล้ายกับนพคุณไก่แจ้ตัวโปรดของพริมาอยู่เหมือนกัน แต่ดูอ้วนและใหญ่กว่ามากทีเดียว
“มากันแล้วเหรอ มาๆ เห็นตุลย์บอกที่บ้านหนูก็มีไก่แจ้อยู่ตัวหนึ่ง” ขณะที่เดินไปยังเล้าไก่นั้น ภาพผู้ชายตัวใหญ่หนวดเฝิ้มยืนอุ้มไก่แจ้ที่ตัวโตเกินมาตรฐาน แม้ดูรวมๆ แล้วจะดูประหลาดไปบ้าง แต่ก็เป็นภาพที่น่าดูทีเดียว คงเป็นเพราะผู้ชายที่อุ้มไก่อยู่นั้นแม้จะอายุมากแล้วแต่ก็ยังดูหล่อเหลาอยู่มาก พริมาอยากเห็นเหลือเกินว่าตอนหนุ่มๆ คุณลุงเจริญคนนี้จะหล่อวัวตายควายล้มขนาดไหน
“ลูกแก้วรอด้วย!” เสียงยามาตะโกนมาจากข้างหลัง พริมาหันไปมองตามเสียงเห็นเจ้าของเสียงกำลังวิ่งอย่างไวมาทางหล่อนกับคเชนทร์
“คุณชายใหญ่บอกว่าลูกแก้วโดนลากคอมา เฮ้อ...” ยามาหอบแฮ่ก หล่อนวิ่งตามมาหลังจากที่ลงมาแล้วเห็นแต่นพคุณนั่งหน้าคว่ำอยู่คนเดียว ถามจากเขาก็ได้ความว่าคเชนทร์ลากคอเพื่อนหล่อนไปตั้งนานแล้ว เบื้องหลังห่างออกไป คเชนทร์เห็นนพคุณเดินเรื่อยๆ ตามมาจากทางบ้าน ถึงจะดูเหมือน เดินเรื่อยๆ แต่ถ้าสังเกตจริงๆ เด็กหนุ่มเดินเรื่อยๆ ได้เร็วทีเดียว
“เห็นไหม? พี่บอกแล้วว่าเพื่อนลูกแก้วน่ะจมูกไว นี่ยังไม่ถึง 5 นาที ก็วิ่งแจ้นตามมาถึงนี่แล้ว”
“นี่!!!” ยามาเท้าเอวตั้งท่ารออยู่แล้ว นพคุณเดินตามมาจนถึงที่ พวกเขายืนคุยกัน...ทันได้ยินคำของคเชนทร์พอดี เขารู้ทันทีว่าหมอนี่รู้อยู่เต็มอก ว่าพูดจาแบบนี้เดี๋ยวได้เกิดเรื่องอีกแน่ แต่ดูเหมือนพี่ชายกวนประสาทของพริมา จะชอบปะทะวาจากับเพื่อนสาวกวนบาทาของหล่อนอยู่ไม่น้อย
“นี่น่ะสิ...นี่มันเสื้อฉัน” คเชนทร์ชี้ไปที่เสื้อของเขา ที่ตอนนี้ยามาใส่อยู่ พริมาหันไปมองจึงเห็นว่าเพื่อนของหล่อนอาบน้ำแต่งตัวใหม่เรียบร้อยแล้ว ชุดที่ใส่ก็ไม่ใช่ชุดเดิมที่ใส่ตอนมา ยามาตอนนี้ใส่เสื้อยืดสีเขียวตัวใหญ่โคร่งกับกางเกงวอร์มสีน้ำเงิน
“ห๊ะ! นี่ไม่ใช่ชุดพี่เมษ์เหรอ?”
“กางเกงน่ะใช่ แต่เสื้อน่ะของฉัน” คเชนทร์ยักคิ้วให้ยามาเหมือนที่ ยักคิ้วกวนประสาทให้นพคุณไม่มีผิด
“พี่เมษ์บอกว่าชุดพี่เมษ์...ใส่ได้เลย”
“ใส่ได้! ให้ยืม...พี่ใจกว้างอยู่แล้วน้อง” คเชนทร์ทำสีหน้าใจกว้างแบบสุดๆ นพคุณแอบเบ้ปาก หมอนี่น่าหมั่นไส้ชะมัด แต่ที่ดูน่าขันน่าจะเป็นเพื่อนพริมา ยามาอยู่ในชุดที่ใหญ่โคร่งเกินตัวอยู่มากทีเดียว และผมรองทรงของหล่อนทำให้หล่อนดูเหมือนลูกชายที่แอบเอาชุดพ่อมาใส่ก็ไม่ปาน นพคุณไม่แน่ใจว่าคณิสราบอกกับยามาว่าอย่างไร แต่ดูเหมือนพี่สาวของคเชนทร์กำลังจะเล่นสนุกอะไรสักอย่าง
“ฮ่าๆ นั่นมันเสื้อตัวโปรดไอ้ตุลย์เลยนะนั่น” ลุงเจริญเข้าร่วมวงสนทนา
“เดี๋ยวถอดคืนให้เดี๋ยวนี้เลยค่ะ” ยามาหน้าตาเลิ่กลั่ก นพคุณกลั้นขำเขาไม่เคยเห็นภาพแบบนี้มาก่อน
“จะถอดทำไม ไอ้ตุลย์มันไม่ว่าหรอกหนู ใส่ไปเถอะ” ลุงเจริญโบกไม้โบกมือ
“พี่ไม่ใช่คนหวงของหรอกน้อง พี่ใจกว้าง” คเชนทร์ได้ทีเข้าเสริมทัพ ยิ่งทำให้ ยามารู้สึกหงุดหงิด และยิ่งเห็นเพื่อนพริมาหงุดหงิด คเชนทร์ก็ยิ่งดูมีความสุข
“วันนี้สนุกดีนะว่าไหม?” คเชนทร์หันไปพูดกับพริมา แต่นพคุณรู้ว่าเขามีความหมายอย่างอื่นด้วย
“ค่ะ สนุกมากๆ เลย” พริมาคนซื่อสินะ ช่างไม่รู้อะไรเลย พวกเขาอยู่ดูไก่ของลุงเจริญอยู่พักใหญ่ เล้าไก่ลุงเจริญมีไก่แจ้อยู่ราวสามสิบตัว ลุงเจริญเล่าให้ฟังว่าแรกเริ่มเขาก็เลี้ยงแค่ตัวสองตัวแต่อยู่ไปอยู่มาก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ไม่ถึงปีก็มีไก่มากกว่าเดิมหลายเท่า
“นี่ก็ให้เขาไปเยอะแล้วนะ...หนูสนใจตัวไหนล่ะ? ลุงให้” พริมาตาวาว แต่จังหวะที่กำลังจะตอบก็รู้สึกได้ถึงสายตาอำมหิต นพคุณยืนจ้องหล่อนตาแทบถลนออกจากเบ้า...ไม่ต้องเอ่ยคำพูดก็เข้าใจได้
“ไม่ดีกว่าค่ะ ที่บ้านก็มีแล้ว” ตอบไปแบบนี้ก็เสียดายอยู่เหมือนกัน ถ้าได้ไก่แจ้ตัวเมียสวยๆ ไปฝากนพคุณสักตัวก็คงจะดีไม่น้อย นพคุณโล่งใจที่พริมาเข้าใจสัญญาณที่เขาส่งไปให้ ใครจะไปยอมกัน...แค่ไอ้ไก่บ้านั่นตัวเดียว เขาก็จะบ้าตายอยู่แล้ว นี่ถ้าเพิ่มอีกตัว หรืออีกหน่อยมันออกลูกออกหลานเขาคงต้องย้ายบ้านหนี
“ถ้าเปลี่ยนใจจะมาเอาไก่เมื่อไหร่ก็บอกนะ เดี๋ยวให้ไอ้ตุลย์เอาไปให้” ลุงเจริญยังไม่ยอมแพ้ นพคุณเริ่มสงสัยว่าเขาอยากให้ไก่พริมาจริงๆ หรือกำลังหาตัวช่วยถ่ายเทไก่กันแน่ ดูแล้วประชากรไก่ของลุงเจริญจะมีเพิ่มอีกหลายตัว...แต่ไก่แจ้ตัวหนึ่งก็ราคาไม่ใช่น้อย ถ้าขายคงได้เงินดี ลุงเจริญอาจจะอยากให้ไก่แจ้กับพริมาจริงๆ
กว่าพวกพริมาจะเดินเล่นดูไก่เสร็จ ก็เกือบบ่ายสามโมง คุณอมราชวนกินข้าวเย็นแต่เพราะเริ่มจะเย็นแล้ว พวกเขาจึงขอตัวกลับบ้านกันก่อน
“ไว้คราวหน้ามาใหม่ค่ะ วันนี้เริ่มจะเย็นแล้ว กว่าปลาทูจะถึงบ้านก็คงมืด” พริมาปฏิเสธคุณอมราที่คะยั้นคะยอให้พวกเด็กๆ อยู่กินข้าวกันก่อน
“อย่าลืมมาเที่ยวกันอีกล่ะ แล้วก็ขนมอร่อยมากเลย คราวหน้ามาสอนพวกพี่ทำมั่งนะ” คณิตเดินตามออกมาส่งพวกพริมาที่รถในมือก็ถือกล่องขนมของพริมาเดินกินมาด้วย
“พี่ก็ไม่ทันได้ดูว่าตัวนี้มันของไอ้ตุลย์ พอดีมันมีสองตัวน่ะ...เหมือนกันเปี๊ยบ เอาน่าใส่ตัวนี้แหละดีแล้ว ไอ้ตุลย์มันก็ไม่ได้ว่าอะไรไม่ใช่เหรอ” เสียงคณิสราดังอยู่ข้างหลัง
“ไปๆ เพื่อนๆ รออยู่ในรถแล้ว ยังจะมาเสียเวลาเปลี่ยนเสื้ออยู่ทำไม” ยามาจำต้องบอกลาและเข้าไปนั่งในรถอย่างช่วยไม่ได้ หล่อนพยายามจะเอาเสื้อคืนให้คณิสรา แล้วใส่เสื้อตัวเองกลับบ้านเหมือนเดิม แต่พี่สาวคเชนทร์ไม่ยอม
“ใส่ไปเถอะจ๊ะน้องปลาทู พี่บอกแล้วไง พี่ไม่หวงของพี่ใจกว้าง” คเชนทร์ได้ยินพี่สาวกับยามาคุยกันก็เข้าร่วมวงทันที...แหมนานๆ ทีจะมีโอกาสแบบนี้มีหรือเขาจะพลาด
รถแล่นออกไปไกลแล้วเหลือคเชนทร์ที่ยืนมองรถอยู่กับคณิสราที่ยืนกอดอกมองน้องชาย ส่วนคนอื่นๆ แยกย้ายกันเข้าบ้านไปแล้ว
“คนไหน?” คณิสราถามทันที
“คนไหนอะไรของแก” คเชนทร์สวนกลับ เขารู้อยู่ก่อนแล้วว่าการพาเพื่อนผู้หญิงมาเที่ยวบ้านย่อมไปเตะต่อมมโนของพวกพี่สาว ป่านนี้ไอ้พวกนี้คงคิดกันไปไกลแล้วว่าเขาชอบหนึ่งในสองสาวที่มาวันนี้แน่ๆ พริมาก็น่ารักดีเวลาคุยด้วยก็สนุก ส่วนยามา...ไม่ไหว หล่อนเหมือนรวมพี่สาวสามคนของเขาไว้ในร่างๆ เดียวก็ไม่ปาน แค่รับมือพี่สาวสามคนก็เหนื่อยพอแล้ว จะให้ไปชอบหรือมีแฟนเหมือนพวกนี้เขาคงปวดหัวตายไม่ไหว ไม่ไหวจริงๆ
“ก็สองสาววันนี้ไง คนไหนของแก...สองหญิงสองชายพอดีเลยนะหารกันลงตัว อืม...แต่ถ้าแกจะไปหารตัวเดียวกันกับของน้องคุณ ฉันว่างานนี้แกเหนื่อยว่ะ นอกจากจะไม่ลงตัวแล้ว...ถ้ามันหารแล้วมีเศษ ฉันว่าไอ้เศษน่ะมันจะเป็นแกนะ”
“แกก็เลยจะช่วยฉันให้หารถูกตัวว่างั้น?” คเชนทร์หรี่ตามองพี่สาว
“แล้วไอ้เสื้อตัวที่แกเอาให้ยัยปลาทูยืมไปนั่นน่ะมันก็มีตัวเดียว ฉันไม่เคยเห็นว่าแกจะมีเสื้อแบบนั้นตอนไหน...แกกำลังเล่นอะไรไอ้เมษ์?”
“ก็กำลังเล่นอะไรสนุกๆ ไง” คณิสรายักคิ้วให้น้องชาย...คเชนทร์ ได้แต่ส่ายหัว พี่สาวเขานับวันยิ่งหนัก...สงสัยไอ้หนังสือนิยายเล่มละสิบบาทในห้องนอนหล่อนนั้นเขาคงต้องแอบเอาไปเผาทิ้งบ้างแล้ว นับวันยิ่งจะแยกชีวิตจริงกับในละครไม่ออก วันนี้เขาและเพื่อนๆ คงไปเป็นตัวละครในนิยายสิบบาทเล่มไหนสักเล่มของหล่อนแน่ๆ
“สนุกก็ให้มีขอบเขตนะไอ้เมษ์ ชีวิตจริงกับละครน่ะต้องแยกให้ออก”
“เดี๋ยวแกก็รู้ว่าชีวิตจริงกับละครน่ะ บางทีมันก็เหมือนกันจนแยกไม่ออก” คณิสราตบไหล่น้องชายแล้วหันหลังเดินเข้าบ้านไป คเชนทร์หมั่นไส้พี่สาวเหลือเกิน นึกว่าตัวเองเป็นผู้กำกับหนังหรืออย่างไร หล่อนก็น่าจะโตพอที่จะเข้าใจได้แล้วว่าจินตนาการกับชีวิตจริงน่ะมันไปด้วยกันไม่ได้
“พ่อบอกให้ขับรถไปส่ง” บอกให้หายสงสัยก็เข้าไปนั่งรอในรถเรียบร้อย ทิ้งให้สองสาวยืนนิ่งอ้าปากหวอ
“เออเฮอะ! บทจะใช้ให้ไปก็ง่ายดีนะ” ยามาแขวะ หล่อนไม่เชื่อหรอก ว่าคุณนพรักษ์จะบังคับให้ลูกชายไปส่งพริมาได้ถ้าเขาไม่เต็มใจขับรถไปส่งเองเผลอๆ เสนอตัวเองหรือเปล่าก็ไม่รู้น่าสงสัย ไม่รู้หมอนี่จะอยากไปจับผิดอะไรหรือเปล่าหล่อนไม่แน่ใจ
“ไปเปิดประตูรั้วด้วย” นพคุณไม่สนใจสีหน้าสงสัยของยามา เขาเปิดกระจกฝั่งคนขับสั่งให้หล่อนไปเปิดประตูรั้ว ยามาหมั่นไส้ แต่ก็เดินไปเปิดประตูรั้วตามที่เด็กหนุ่มบอกโดยดี
“เห็นว่าจะพาไปส่งหรอกนะ ดี! จะได้ไม่ต้องไปรอรถให้เสียเวลา แถมไม่ต้องเสียตังค์อีกต่างหาก” ยามาบ่นพึมพำขณะเดินไปเปิดประตูรั้ว ส่วนพริมารู้งานหล่อนขนขนมขึ้นรถและเปิดประตูขึ้นไปนั่งข้างคนขับ
“ขอบคุณนะคะ” พริมาหันไปบอกคนโดนพ่อบังคับ พร้อมส่งยิ้มสดใสให้เขา
“อืม” นพคุณรับคำเบาๆ พริมาส่งไลน์ไปบอกคเชนทร์ว่าไม่ได้ไป รถสองแถวแล้ว แต่คุณนพรักษ์ให้นพคุณขับรถไปส่งแทน ให้เขาส่งโลเคชั่นบ้านมาให้หน่อย จะได้ไม่ต้องออกมารับที่คิวรถสองแถวอย่างที่นัดแนะกันไว้ในตอนแรก
“พี่ตุลย์ส่งโลเคชั่นมาแล้วค่ะ” พริมายื่นโทรศัพท์ของหล่อนให้นพคุณ
“ขับออกมาสิ เดี๋ยวจะได้ปิดประตู” ยามาตะโกนเรียกจากหน้าบ้าน ท่าเท้าเอวของหล่อนกลายเป็นท่ายืนประจำตัวไปเสียแล้ว แรกๆ นพคุณก็ขัดใจ เพื่อนพริมาคนนี้บางทีก็ชอบปีนเกลียว นพคุณคิดว่าหล่อนไม่ค่อยจะมีมารยาทนัก และที่สำคัญยามาไม่เคยเรียกเขาว่า “พี่” แม้แต่คเชนทร์หล่อนก็ไม่เรียกเหมือนกัน เขาส่ายหน้ากับท่ายืนเอาเรื่องนั้น หลังๆ มานี้ พอเจอบ่อยๆ ก็เริ่มชิน
ยามามาเที่ยวเล่นอยู่บ้านเขาเป็นประจำ และตั้งแต่ปะทะคารมกันคราวก่อน...วันที่หล่อนมาวาดรูปเล่นบนผนังบ้านเขาคราวนั้น ดูเหมือนว่าเขาจะถูกหล่อนหมายหัวเอาไว้เสียแล้ว...สำหรับนพคุณถือว่าลำบากมากเพราะเขาไม่ชอบทะเลาะกับใคร ให้มาเถียงกันไปมาตลอดเวลานั้นเขาไม่ถนัดจริงๆ และที่สำคัญเพื่อนสาวของพริมาคนนี้ช่างกวนบาทาได้น่ารักเสียเหลือเกิน! งานนี้เขาพลาดเอง เขาไม่น่าจะไปยุ่งกับยามาตั้งแต่ต้น เด็กนี่ชอบแขวะเขา ตลอดเวลา หล่อนทำได้ตลอดไม่ไว้หน้าอินทร์หน้าพรหมทั้งต่อหน้าและลับหลัง (แม้กระทั่งต่อหน้าพ่อเขาหล่อนก็ไม่เว้น) ถ้าเขาไม่ไปยุ่งกับพวกหล่อนในวันนั้น วันนี้ก็คงจะต่างคนต่างอยู่ แต่โชคก็ยังพอจะเข้าข้างเขาอยู่บ้าง...ยังมีอีกคนที่ยามาไม่ค่อย จะชอบนัก เผลอๆ น่าจะสูสีกับเขาหรือมากกว่าเสียด้วย คนนั้นก็คือคเชนทร์ นพคุณไม่รู้ว่าสองคนนี้ไปมีเรื่องอะไรกัน แต่ถ้ามีเขาและคเชนทร์อยู่ด้วยกัน ยามาจะหันไปเล่นงานคเชนทร์ก่อนเสมอ เขาก็จะอยู่สบายไปสักพักหนึ่ง (จนกว่ายามาจะนึกได้ล่ะนะ) แต่ถึงจะโดนเล่นงานเป็นคนแรกก็ใช่ว่ายามาจะจัดการกับคเชนทร์ได้ง่ายเหมือนเขาเสียที่ไหน ทั้งยามาและคเชนทร์ก็กวน บาทาได้สูสีกันนั่นแหละ เขาก็แค่ภาวนาขออย่าให้มีวันที่สองคนนี่จับมือกันและหันมาเล่นงานเขาก็แล้วกัน ถ้าเป็นแบบนั้นเขาคงรับไม่ไหวจริงๆ
“หิวจัง” ยามาบ่นหลังจากที่ปิดประตูรั้วแล้วเข้ามานั่งในรถเรียบร้อย เช้านี้สองสาวไม่ได้กินข้าวจากบ้าน เพราะคเชนทร์ส่งไลน์มาบอกแต่เช้าว่าแม่เขาเตรียมอาหารเช้าไว้ให้ไปกินพร้อมกัน
“ไม่ไกลหรอก เดี๋ยวก็ถึง” พริมาหันมาคุยกับเพื่อน
“คุณนพคุณหิวข้าวรึยังคะ?” พริมาหันมาถามนพคุณ สรรพนามที่หล่อนเรียก เล่นเอาทั้งคนถูกเรียกและคนที่อยู่เบาะหลังขมวดคิ้วพร้อมกัน ยามาเบะปาก
“โฮ้! นี่มันจะเยอะไปหน่อยนะ” เพื่อนสาวพริมาเริ่มแล้วไง นพคุณมองกระจกหลัง เห็นยามามองเขาอยู่เหมือนกัน ไม่ต่อล้อต่อเถียงน่าจะดีกว่า
“ดิฉันก็ต้องขอขอบพระคุณ คุณท่านนพคุณเป็นอย่างสูง...อย่างยิ่ง ที่พ่อเจ้าประคุณท่านสละเวลาพาพวกดิฉันสองคนไปท่องเที่ยวทัศนา...โอ๊ย!” ยามาพูดไม่ทันจบประโยคก็โดนพริมาตีแขนไปหนึ่งที
“ลูกแก้วมาตีแขนปลาทูทำไมเนี้ยยย!!! ปลาทูกำลังสรรเสิญ เอ้ย! ขอบพระคุณคุณพี่เค้าอยู่!” พริมาส่ายหน้าส่งสัญญาณให้เพื่อนหยุด หล่อนเหลือบไปมองนพคุณ เห็นเขาไม่มีท่าทีอะไรก็เบาใจ พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตอบโต้ยามาจึงเฉยเสีย ถ้าเขาไม่เถียงหรือว่าอะไรหล่อนก็มีความเป็นผู้ใหญ่พอไม่เล่นอะไรแบบเด็กๆ หรอก โตๆ กันแล้ว
“อ่ะโด่วววว” ไม่วายขอสักคำปิดท้าย
รถแล่นไปผ่านดงกล้วยที่พริมาเคยมาวิ่งเล่นเมื่อไม่นานมานี้ หล่อนนั่งมองสองข้างทาง นึกถึงวันนั้นที่ตัวเองหลงทางเข้ามาถึงในนี้ โชคดีแค่ไหนแล้วที่ไม่เกิดเรื่องอะไรที่ไม่ดี
“ดงกล้วยนี่รึเปล่าลูกแก้ว?” เสียงยามาถามมาจากเบาะหลัง นพคุณเอง ก็สงสัยเพราะฟังจากที่พวกคเชนทร์เล่าคราวก่อนที่ร้านอาหาร พวกนั้นเจอ พริมาครั้งแรกในดงกล้วย
“อืม...เลยไปก็คงเป็นตลาดแล้วมั้ง” พริมาตอบเสียงแผ่ว และเมื่อรถเลยดงกล้วยข้ามสะพานก็เป็นตลาดอย่างที่นักมวยสองคนว่าจริงๆ
“ตลาดใหญ่เสียด้วย...นั่นไงคิวรถสองแถว” ยามาชี้ให้เพื่อนดู แววตาหล่อนวิบวับมีแววขบขัน
“นั่งเลยมาอีกนิดนึงก็คงไม่ต้องไปวิ่งเล่นในดงกล้วยเนอะ” ยามาออกความเห็น นพคุณยิ้มมุมปาก ยามาพูดแทนเขาได้หลายคำเลย แต่ละคำที่หล่อนพูดกับพริมาช่างโดนใจ จากโลเคชั่นที่คเชนทร์ส่งมาให้นั้น พอลงสะพานแล้วต้องเลี้ยวซ้าย ขับมาอีกประมาณ 2 กิโลเมตรพวกเขาก็เห็นป้ายค่ายมวยนรสิงห์เด่นมาแต่ไกล
“นั่นไงคะค่ายมวย! บ้านพี่ตุลย์อยู่ติดกับค่ายมวย งั้นก็คงแถวๆ นี้แหละค่ะ พี่เอ้ย! คุณนพคุณขับช้าๆ หน่อยค่ะ เดี๋ยวลูกแก้วช่วยดู” เสียงพริมาตื่นเต้น จนคนฟังชวนหงุดหงิด จะตื่นเต้นอะไรนักหนา บ้านลุงเจริญสังเกตเห็นได้ไม่ยาก เพราะมันเป็นบ้านไม้เรือนไทยหลังใหญ่เด่นมองเห็นตัวบ้านชัดได้จากบนถนน นพคุณเลี้ยวรถเข้าไปจอดหน้าบ้านพร้อมกับเสียง GPS ของพริมาบอกสิ้นสุดจุดหมายปลายทาง คเชนทร์ยืนอยู่หน้าบ้านพอดีตอนรถเข้าไปถึง ข้างๆ กันนั้นเป็นผู้ชายหนวดเฟิ้มร่างสูง ดูๆ แล้วอายุน่าจะประมาณห้าสิบกว่าๆ
“สวัสดีค่ะ” พริมากับยามายกมือไหว้คุณลุงคนนั้นพร้อมกัน นพคุณตามลงมาทีหลัง
“นี่ลุงเจริญ” คเชนทร์แนะนำพ่อตัวเองให้เพื่อนๆ รู้จัก ลุงเจริญรับไหว้เด็กๆ พร้อมรอยยิ้มทรงเสน่ห์ พวกเขาคิดตรงกันว่าคเชนทร์น่าจะได้ความหล่อ มาจากพ่อ ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา รูปร่าง และส่วนสูง แต่ดูแล้วลุงเจริญนั้น สูงกว่าคเชนทร์เสียอีก
“อย่าเพิ่งตัดสิน ยังไม่ได้เจอแม่เลย ไปๆ เข้าบ้าน” ลุงเจริญหัวเราะร่วน เขาเดาความคิดของเด็กๆ ได้อย่างถูกต้องหยั่งกะอ่านใจได้อย่างนั้นแหละ
“นี่ถ้าลุงเจริญอายุเท่าเรานะ ปลาทูจะตามจีบเลยคอยดู” ยามากระซิบบอกพริมา นพคุณที่เดินรั้งท้ายได้ยินเข้าพอดี เขายินดีกับลุงเจริญอย่างยิ่งที่แก่และรอดพ้นมาได้ มันจะน่าขนลุกขนาดไหนที่มีผู้หญิงอย่าง ยามามาตามจีบ...บรื๋อ! ขนลุก!!!
ลุงเจริญพาสองสาวเดินไปใต้ถุนบ้านที่มีสาวใหญ่อายุน่าจะปลายสี่สิบ และมีผู้หญิงอีกสามคนนั่งอยู่ด้วย ทั้งสี่คนกำลังง่วนอยู่กับการทำอะไรสักอย่าง แต่ด้วยเสียงอันดังของลุงเจริญจากการทักทายเด็กๆ ที่หน้าบ้าน จึงทำให้ สี่สาวในบ้านพอเดาได้ว่าแขกคงมาถึงกันแล้ว
“หิวกันรึยังเด็กๆ “ คุณอมราถามพร้อมส่งยิ้มหวานแสนสวยมาให้ พริมาและยามายกมือไหว้ผู้สูงวัยกว่า รวมทั้งสามสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วย สามสาวนั่งมองสองสาวที่เดินเข้ามา ก่อนที่พริมาและยามาจะทันสังเกตเสียอีก เพราะคเชนทร์ไม่เคยพาเพื่อนผู้หญิงมาเที่ยวที่บ้าน เพราะฉะนั้นสองคนนี้น่าจะมีสักคนหนึ่งที่มีอะไรพิเศษแน่ๆ
“แกว่าคนไหนวะ?” คณิสราพี่สาวคนโตหันไปถามน้องสาวทั้งสองคนที่ดูเหมือนจะใช้ความคิดและวิเคราะห์อยู่เหมือนกัน
“เดายากว่ะ ไอ้ตุลย์มันก็ชอบไปทั่วแหละ ฉันเห็นมันยิ้มหว่านเสน่ห์ทีนี่ สาวๆ ตามกันเป็นพรวน แต่ไม่เคยเห็นตามถึงบ้านนี่สิ เดายากๆ ” คณิตพี่สาวคนที่สามออกความเห็นบ้าง
“ฉันว่าน้องตัวเล็กนั่นแหละ ตัวขาวๆ นั่นไง” คริษฐาพี่สาวคนรองชะเง้อมอง หล่อนเห็นเพื่อนๆ ของคเชนทร์ก่อนคนอื่น และยืนดูอยู่ตั้งแต่สองสาวลงจากรถแล้ว
“แต่ไม่แน่นะ อาจจะเป็นน้องคนตัวสูงๆ อืม....แปลก” คณิตยังไม่หยุดเดา ดูเหมือนหล่อนกำลังสนุกมากกว่าอยากรู้คำตอบที่แท้จริง
“มั่วแล้วไอ้กันย์ไม่ใช่ว่าน้องคนตัวสูงเป็นแฟนกับน้องคนตัวขาวเหรอ ดูจากทรงผมน่าจะเป็นทอม คงจะตามมาคุมเชิงแฟนสาวที่มาเที่ยวบ้านผู้ชาย แล้วไอ้ตุลย์ของเราก็ไปตามจีบแฟนทอม ฮ่าๆ งานนี้เจอรักสามเศร้าแล้วแหละ” คริษฐาเข้าร่วมวงด้วย
“ฉันว่าพวกแกมั่วทั้งสองคนนั่นแหละ ดูนั่น! มีตัวละครใหม่ว่ะ” คณิสราหันไปบอกน้องๆ เมื่อเห็นนพคุณเดินตามรั้งท้ายทุกคนเข้ามา แต่ก่อนที่สามสาวจะสนุกไปมากกว่านี้ พวกพริมาก็เดินมาถึงใต้ถุนเรือนเสียก่อน ทั้งหมดจึงต้องยุติเรื่องที่กำลังคาดเดากันอยู่
“นี่ลูกแก้ว นี่ปลาทู แล้วก็นี่...นพคุณ” คเชนทร์แนะนำเพื่อนๆ ให้พี่ๆ และแม่รู้จัก ยามาสังเกตพี่สาวทั้งสามคนของคเชนทร์สวยๆ ทั้งนั้น สวยเหมือนนางเอกหนังอินเดียที่หล่อนชอบดูไม่มีผิด แต่คนที่สวยที่สุดน่าจะเป็นคนที่มีอายุมากที่สุด นั่นคือคุณอมรานั่นเอง
“โห...คุณป้าสวยจังค่ะ” ยามาพูดออกมาตามที่คิด เล่นเอาคนถูกชมยิ้มไม่หุบ
“หนูนี่ตาถึงเหมือนลุงไม่มีผิด” ลุงเจริญหัวเราะชอบใจ
“พี่ๆ ก็สวยค่ะ บ้านนี้หน้าตาดีกันทั้งบ้านเลย” พริมาออกความเห็นบ้าง
“โอ๊ย! ลูกแก้วอย่าไปชมพวกนี้มาก มาๆ มานั่งตรงนี้ก่อน เดี๋ยวกินข้าวแล้วพี่พาไปเที่ยวค่ายมวย” คเชนทร์ตัดบทพร้อมลากแขนพริมาเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหาร คริษฐาเอาศอกกระทุ้งคณิตพร้อมพยักเพยิดส่งสายตาว่า “เห็นไหมฉันบอกแล้ว” นพคุณที่ยืนอยู่หันไปเห็นพอดี เขาขมวดคิ้วสงสัยว่าพี่สาวคเชนทร์สองคนนี้คุยอะไรกัน เพราะพวกหล่อนกำลังมองไปทางพริมา
“น้องนี่หน้าตาดีนะ แต่ตัดผมแปลก...เป็นทอมเหรอ?” คณิสราถามตรง เล่นเอาคนถูกถามสะอึกอยู่เหมือนกัน ดูเหมือนพี่สาวคนโตของคเชนทร์จะให้ความสนใจกับเด็กหญิงตัวสูงที่ยืนดูคเชนทร์ลากแขนพริมาไปที่โต๊ะอาหารหน้าห้องครัวอยู่ไม่น้อย เด็กผู้หญิงคนนี้สะดุดตาหล่อน...เพราะยามาหน้าตาคมคายและตัวสูงโดดเด่น ถ้าเทียบกับเด็กผู้หญิงวัยเดียวกัน หล่อนคงจะสูงกว่าหลายๆ คนทีเดียว แต่ด้วยวัยที่อยู่ระหว่างเด็กหญิงกับผู้หญิงที่กำลังจะโตเป็นสาวจึงทำให้หล่อนดูเก้งก้างขัดหูขัดตาไปบ้าง แต่คณิสราเชื่อว่าถ้าโตขึ้นเมื่อไหร่เด็กหญิงผิวเข้มตัวสูงคนนี้คงจะสวยสะดุดตาไม่เบาทีเดียว แต่ถ้าหล่อนจะโตขึ้นและกลายเป็นสาวหล่อก็คงจะน่าเสียดายอยู่เหมือนกัน
“เอ่อ...” เจอคนตรงถามตรงแบบนี้ ยามานักเล่านิทานก็ไปไม่ถูกเหมือนกัน
“อุ๊บ!!!” นพคุณกับคเชนทร์กลั้นหัวเราะพร้อมกัน พี่สาวคนโตของคเชนทร์ช่างถามคำถามได้ถูกใจพวกเขาจริงๆ
“ไม่ใช่หรอกค่ะ ปลาทูเป็นผู้หญิง....ผู้หญิงแท้ๆ เลย ลูกแก้วยืนยันได้” ขณะที่สองหนุ่มรอดูเชิงอยู่ว่ายามาจะตอบว่าอะไร พริมารีบตอบคำถามแทนเพื่อน คเชนทร์เองก็ขัดใจอยู่ไม่น้อย เขาอยากดูพี่สาวกับเพื่อนสาวพริมาลับฝีปากกันสักยก
“ผู้หญิงค่ะ แต่ทะเลาะกับลูกของเมียใหม่พ่อ ปลาทูเสียผม แต่ยัยนั่นเสียคิ้วไปข้างหนึ่ง” ยามาตอบเรียบๆ แต่สายตาทอดยาวไกลเหมือนนึกถึงความหลัง “อืม...ก็หวังอยู่นะว่าจะไม่ขึ้นมาอีกเลย” ยามาเล่าไปเรื่อยๆ พริมาเอง ก็เคยได้ยินเรื่องที่มาของทรงผมสกรีนเฮดของเพื่อนหล่อนเมื่อปีก่อน และเรื่องที่ว่าพ่อของยามามีเมียใหม่มาบ้าง แต่หล่อนไม่เคยถามถึงรายละเอียดมากนัก แต่คนอื่นที่ไม่เคยรู้เรื่องมาก่อนมีความคิดแตกต่างกันไป คนแรกคือนพคุณ...เขาเคยสงสัยอยู่ว่าทำไมเด็กหญิงถึงตัดผมทรงประหลาดแบบนั้นได้ แต่พอรู้จักกับยามาสักพักความสงสัยก็หายไป เพราะเพื่อนพริมาคนนี้ค่อนข้างประหลาด ทำอะไรไม่สนใจใครอยู่แล้ว การที่หล่อนจะโกนผมหรือตัดผมทรงแปลกๆ นั่นก็อาจจะเป็นสไตล์หรือความชอบส่วนตัวของหล่อนก็เป็นได้ ส่วนคเชนทร์ยืนจ้องยามานิ่งพร้อมคิดตาม...การที่คนเราจะทะเลาะกันถึงขนาดกล้อนผมกล้อนคิ้วกันได้นั้นจะต้องเกลียดกันมากขนาดไหน เขาคิดไม่ออกเลยว่าเด็กผู้หญิงตัวแค่นี้จะเจอเรื่องอะไรมาบ้าง
“ฮ่าๆ เจ๋งอ่ะ!!!” คณิสราหัวเราะเสียงดังแหวกความเงียบ เล่นเอาน้องสาวทั้งสองคนของหล่อนสะดุ้งพร้อมกัน
“ฉันเชียร์น้องปลาทูว่ะ เถื่อนๆ แบบนี้แหละเหมาะกับบ้านเรา” คณิสราเดินไปสมทบกับน้องสาวทั้งสองคนของหล่อนพร้อมกระซิบให้พอได้ยิน กันสามคน
“ไปเด็กๆ ไปกินข้าวกันดีกว่า วันนี้แม่ทำกับข้าวไว้เยอะเชียวเห็นเจ้าตุลย์ บอกว่านัดสองสิงห์นักมวยไว้นี่นา เดี๋ยวจะสายไปกันใหญ่” คำชวนของคุณอมราช่วยทำลายบรรยากาศแห่งความอึดอัดได้ดีทีเดียว ระหว่างกินข้าวคเชนทร์เล่าให้ฟังว่าเขารู้จักกับพริมาได้อย่างไร เพราะก่อนที่พริมาจะมาเที่ยวที่บ้านนั้น เขาบอกที่บ้านแต่เพียงว่าจะพาสาวมากินข้าว ทิ้งความสงสัยไว้ให้พวกพี่ๆ ของเขา และดูเหมือนคเชนทร์เองก็สนุกที่ทำให้พวกพี่ๆ ของเขาอยากรู้....แต่ไม่ได้รู้
“นี่โชคดีนะที่ตุลย์ผ่านไปพอดี และคนที่หนูเจอวันนั้นเป็นไอ้ทองกับไอ้ชาญน่ะ” ลุงเจริญหันไปบอกพริมาหลังจากฟังเรื่องทั้งหมด
“คราวหลังหนูต้องระวังตัวให้มากกว่านี้นะรู้ไหม” คุณอมราช่วยเสริมอีกคน นพคุณที่นั่งกินข้าวอยู่ข้างๆ แม่ของคเชนทร์พยักหน้าหงึกๆ เห็นด้วย เหมือนคุณอมรากับลุงเจริญพูดแทนความคิดของเขาได้ไม่มีผิด
“ไม่กล้าแล้วค่ะ ลูกแก้วเข็ดไปจนตายเลย” พริมารับเสียงอ่อย
“ถ้าวันไหนแม่ไม่ว่างไปส่งก็บอกพี่ได้นะ เดี๋ยวแว๊นไปรับ” คเชนทร์ ยักคิ้วหันไปบอก
“หู้ยยยยย” เสียงพี่สาวสามคนประสานเสียงกัน
“อะไรของพวกแก” คเชนทร์หันไปแหวใส่ พี่สาวแต่ละคนบ้างก็เบะปาก บ้างก็ยักไหล่
“ลูกแก้วอย่าไปหลงคารมมัน ไอ้นี่มันหน้าหม้อ” คณิตได้ทีเสี้ยม
“ใช่ๆ เดือนก่อนยังเห็นควงเด็กโรงเรียนเก่าฉันอยู่เลย แกเลิกกันแล้วเหรอ” คณิสราเอาบ้าง
“ไม่เคยเว้ย! พวกแกอย่ามามั่วไอ้เมษ์! ไอ้กันย์!”
“ลูกแก้วไม่ได้หลงคารมหรอกค่ะ พี่ตุลย์ใจดีจะตาย” พริมาหวังจะช่วยห้ามทัพ แต่ดูเหมือนจะเรียกความหมั่นไส้ให้คเชนทร์แทนที่จะช่วยเขาเสียมากกว่า
“แหวะ!”
“เป็นอะไรจ๊ะน้องปลาทู...ไหม้” แม้จะนั่งห่างออกไปแต่คเชนทร์ก็หูดีได้ยินชัดทีเดียว ยามาไม่ตอบแต่หล่อนแค่เบะปากเบาๆ พริมาเขย่าแขนปรามเพื่อน แต่ก็เบาใจเพราะเพื่อนของหล่อนไม่ได้มีท่าทีจะโต้ตอบอะไร ส่วนนพคุณนั้น ตั้งแต่เข้าบ้านมา หล่อนยังไม่ได้ยินเขาพูดอะไรสักคำเดียว...และตอนนี้ก็ดูเหมือนเขาจะตั้งหน้าตั้งตากินข้าวอย่างตั้งใจ...ตั้งใจเกินไปด้วยซ้ำ ทำไมเห็นแล้วรู้สึกหนาวๆ พิกล
“น่าสนใจแฮะ” คณิสรานั่งดูเหตุการณ์อยู่...ตอนแรกก็สนุกดีหรอก แต่ถ้ามองผ่านความสนุกก็จะเห็นอะไรน่าสนใจทีเดียว เริ่มจากการแซวกันสนุกปากของพวกหล่อนและน้องๆ คเชนทร์ที่ปกติจะไม่สนใจว่าใครจะคิดยังไงก็ดูจะร้อนตัวพิกล ส่วนเด็กหนุ่มหน้าใสที่นั่งเงียบตั้งใจ กินข้าวอยู่ตรงข้ามหล่อนนี่ซิ หล่อนเห็นเขาเหลือบมองพริมาอยู่บ่อยๆ แต่ดูเหมือนเจ้าตัวเองก็ยังไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ ส่วนพริมาก็คอยมองไปทางเขาเช่นกัน...งานนี้ดูเหมือนถ้าน้องชายของหล่อนชอบพริมาอย่างที่พวกหล่อนแซวเล่นกันจริงๆ ล่ะก็ มีหวังน้องชายหล่อนต้องรุกหนักเลยทีเดียว...เฮ้อ! น่าสงสารวุ้ย คณิสราใจลอยคิดอะไรเพลินไปหน่อย จึงไม่รู้ตัวว่าตอนนี้เด็กหนุ่มหน้าใสที่หล่อนสังเกตเขาในตอนแรกนั้น ตอนนี้ก็กำลังนั่งมองหล่อนอยู่เช่นกัน อุ๊วะ! ไอ้หนุ่มนี่...ช่างสังเกตแล้วก็เซ้นส์แรงเหมือนกันแฮะ!
“น้องคนนี้ชื่ออะไรนะพี่ลืม... เห็นไอ้ตุลย์บอกว่าเป็นเพื่อนห้องเดียวกัน” คณิสราถามแก้เก้อ ความจริงหล่อนจำชื่อเขาได้ ไม่ได้ลืมอย่างที่บอก
“ชื่อคุณไง! เมษ์...แกนี่ก็ลืมไปได้ยังไง หล่อสะดุดตาขนาดนี้ บอกทีเดียวฉันก็จำได้ไม่ลืมหรอก” คณิตบอกยิ้มๆ หล่อนก็ไม่ค่อยจะเชื่อนัก ว่าน้องชายจะมีเพื่อนดูดีขนาดนี้ เพราะเพื่อนๆ ของคเชนทร์ส่วนใหญ่ พวกหล่อนรู้จักเกือบหมด คนนี้ก็เพิ่งเคยได้ยินชื่อและก็เห็นหน้าด้วยซ้ำ
“ไอ้...เอ้อคุณเนี้ย เป็นเพื่อนตั้งแต่อนุบาลเลยนา” คเชนทร์เห็นพี่สาวหันไปสนใจเรื่องอื่นเขาก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง
“ไม่จริงอ่ะ แกอย่ามาอำพวกฉัน เพื่อนแกกี่คนพวกฉันรู้จักหมด” คริษฐาที่นั่งฟังอยู่ทำหน้าเหมือนคเชนทร์กำลังโกหกคำโตใส่พวกหล่อนเลยทีเดียว
“จริงครับ” นพคุณเองที่เป็นคนตอบ เล่นเอาคเชนทร์ที่กำลังตั้งท่าจะเถียงกับพี่สาวชะงักอย่างแปลกใจ
“จริงดิ!!!” คริษฐาครางอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ทำไมไอ้มีน? ฉันจะมีเพื่อนหน้าตาแบบนี้ไม่ได้รึไง?” คเชนทร์ถามอย่างเหลืออด
“ได้ๆ ดีนะ...ดีเกินมาตรฐานเลย” คริษฐาพยักหน้าให้น้องชาย
“เออๆ ฉันชอบเพื่อนๆ ล๊อตนี้ของแกว่ะ งานดีทั้งนั้นเลย คราวหน้า มากันอีกนะจ๊ะ” คณิสราเข้าร่วมวงเหน็บน้องชาย และไม่วายหันไปชวนเพื่อนๆ ของเขา
“มาค่ะ มา” ยามาพยักหน้า หล่อนเจอพวกเข้าให้แล้ว งานนี้มีอะไรสนุกๆ ให้ดูอีกเยอะเลย
“เห็นลูกแก้วบอกว่าพี่เมษ์ชอบงานศิลปะ?” ยามาถาม เพราะพริมา เคยเล่าให้หล่อนฟัง และยังให้หล่อนกดถูกใจหน้าเพจของคณิสราอีกด้วย
“ใช่ๆ ตอนนี้กำลังบ้าทำพวงกุญแจ อยากดูไหมล่ะ?”
“ปลาทูก็ชอบงานศิลปะค่ะ วาดรูปเก่งด้วย ตอนนี้กำลังจะไปเรียนตัดผ้าค่ะ” พริมาอวยเพื่อน นพคุณที่นั่งฟังอยู่แอบยิ้ม เขารู้แล้วว่าทำไมคนอย่างพริมาและยามาถึงมาสนิทกันได้ เพราะพวกหล่อนไม่เคยอิจฉากันและกันเลย พริมานั้นไม่ทันคน แต่ยามานั้นฉลาดเป็นกรด...หล่อนเลือกคบคนไม่ผิด เพราะถึงแม้ยามาจะมีท่าทางหรือนิสัยที่ดูแข็งกร้าวไปบ้าง แต่ก็ถือได้ว่าพริมาโชคดีที่ได้ยามาเป็นเพื่อน
“สมัยก่อนเมษ์ก็บ้าวาดแพทเทิร์นอยู่พักหนึ่งนะ ฮ่าๆ เห็นว่าตอนนั้นอยากเป็นดีไซน์เนอร์ แต่ไหงตอนนี้ไปเรียนบัญชีก็ไม่รู้” คณิตเล่าให้เพื่อนๆ ของคเชนทร์ฟัง แต่ความจริงเรื่องนี้หล่อนเองก็ยังสงสัยอยู่เหมือนกัน
“แหม...ความฝันกับความจริงมันก็ต่างกันแบบนี้แหละ” คณิสราตอบยิ้มๆ
เสร็จจากกินข้าวกันแล้ว คเชนทร์พาพวกพริมาเดินไปเที่ยวค่ายมวย สองสิงห์นักมวยรออยู่แล้ว เพราะคเชนทร์นัดไว้ว่าพวกพริมาจะมากันวันนี้ ภารดีฝากของขวัญขอบคุณมาให้สองหนุ่มด้วย คราวก่อนของคเชนทร์หล่อนฝากพริมาเอาไปให้ที่โรงเรียน วันนี้ได้โอกาสจึงฝากของสองสิงห์มาเสียด้วยเลย พริมาแยกถุงมาจากบ้านเรียบร้อยแล้วข้างในใส่ขนมของหล่อนและของขวัญของภารดีอย่างละถุง พวกเขาอยู่เล่นที่ค่ายมวยเสียนานจนลุงเจริญต้องเดินมาดู
“สองคนนี้เชิงมวยใช้ได้เลยนะ” อำนาจออกปากชมยามากับนพคุณ ที่ลองชกมวย วันนี้นอกจากพวกเขาแล้วยังมีเด็กๆ อีกสองสามคนที่มาเรียนมวยที่นี่ พริมาเองก็ลองชกมวยดูบ้างเหมือนกัน
“น่าสนุกดีค่ะ แต่ไม่ไหวจริงๆ งานนี้ไม่เหมาะกับลูกแก้ว” พริมาที่ชกไปได้สองสามหมัดก็หมดแรงโอดครวญอย่างยอมแพ้ หลังจากยอมแพ้อย่างราบคาบ หล่อนก็เดินไปดูคนอื่นๆ ชกมวยกันอย่างเพลิดเพลิน
“ไม่ไหวๆ ชกเองคงไม่ไหวแต่ดูคนอื่นชกแล้วสนุกดีค่ะ”
“มาลองใหม่สิลูกแก้ว ฝึกไว้ก็ดีนะ” ยามาหันมาชวนเพื่อน หล่อนชอบเล่นกีฬา นอกจากวิ่งแล้วสงสัยต้องลองหันมาฝึกมวยไทยดูบ้างก็น่าจะดี
“เป็นไงกันบ้าง? หายกันมาหลายชั่วโมงเลย พวกพี่ๆ แกชะเง้อมองกัน จนคอจะยาวมาถึงนี่แล้ว” ลุงเจริญส่งเสียงดังมาก่อนที่ตัวจะเดินมาถึงเสียด้วยซ้ำ นพคุณเห็นพวกนักมวยยกมือไหว้เขากันอย่างพร้อมเพรียง แสดงว่าลุงเจริญคงมาที่นี่เป็นประจำอย่างแน่นอน
“ไงไอ้เจ๋ง! ชกเก่งขึ้นบ้างรึยัง? นี่ถ้าแกจะขึ้นแข่งเดี๋ยวลุงเป็นสปอนเซอร์ให้” ลุงเจริญแวะทักทายเด็กผู้ชายคนหนึ่ง อายุน่าจะสัก 12 – 13 ปี แต่ดูจากหุ่นแล้วเหมือนเขากินมามากกว่าอายุตัวเองสักสองสามเท่า อายุน้อยแค่นี้แต่ดูเหมือนว่าน้ำหนักเขาจะเกินหน้าอายุไปหลายปีทีเดียว
“ทุกคนเป็นพยานเลยนะ” เด็กชายหันไปบอกเพื่อนๆ ตอนแรกเขาไม่ค่อยเต็มใจจะมาเรียนมวยไทยมากนัก ถ้าไม่ใช่เพราะแม่บังคับมีหรือเด็กติดเกมส์อย่างเขาจะมาออกกำลังกายแบบนี้ ถ้าไม่เพราะเขาต้องโดนหามส่งโรงพยาบาลเพราะเล่นเกมส์มากเกินไป แถมหมอยังบอกว่าเขาเป็นโรคอ้วนอีกด้วย นั่งกินนอนกินแถมนอนก็น้อยถ้าไม่เลิกหรือลด รับรองเขาได้ไปเข้าเฝ้ายมบาลตั้งแต่อายุยังน้อยอย่างแน่นอน ตอนแรกๆ เด็กชายไม่ค่อยให้ความร่วมมือนัก แต่พอได้ทำไปสักพักเขาก็พบว่าเขาชอบมันมากกว่าที่คิดเสียอีก
“เออ! ข้าพูดจริงๆ เว้ย ถ้าเอ็งฝึกจนเก่งถึงขนาดขึ้นชกได้เมื่อไหร่ เอ็งมาบอกข้าได้เลย ข้าจะสนับสนุนเอ็งเต็มที่” ลุงเจริญหัวเราะชอบใจ เขาได้ยินมาเยอะเรื่องเด็กติดเกมส์ พอมาเจอตัวเป็นๆ ทำให้รู้เลยว่าเขาโชคดีแค่ไหนที่ลูกๆ ไม่มีใครทำอะไรให้หนักใจเลย แม้จะมีแกล้งกันบ้าง แต่ก็ตามประสาพี่น้อง
“อ้าวพ่อ” คเชนทร์หันไปทักพ่อ ตอนนี้เหงื่อเขาท่วมตัวเหมือนคนเพิ่งขึ้นมาจากน้ำ
“เออ ก็ข้าน่ะสิ ไหนแกบอกว่าจะแวะมาค่ายมวยแป๊บเดียวแล้วจะพาสาวๆ ไปดูไก่ ข้าก็รอจนทั้งคนทั้งไก่จะหลับคาเล้ากันไปหมดแล้ว”
“ฮ่าๆ ขอโทษทีพ่อ พอดีชกมวยกันสนุกลืมเวลาไปหน่อย”
หลังจากลุงเจริญเดินมาตาม พริมากับเพื่อนๆ จึงลาพวกนักมวยแล้วเดินตามลุงเจริญกลับไปที่บ้าน คเชนทร์ขึ้นบ้านไปเปลี่ยนเสื้อ ส่วนคนอื่นๆ เดินตามลุงเจริญไปเล้าไก่
“จะไม่ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อจริงเหรอ? ใส่เสื้อไอ้ตุลย์ก็ได้เยอะแยะ” คณิตคะยั้นคะยอหลังจากเห็นสภาพนพคุณที่เหงื่อท่วมตัวไม่แพ้น้องชาย
“ไม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวก็กลับบ้านแล้ว ขอบคุณครับ” นพคุณยิ้มตอบเผยให้เห็นลักยิ้มทรงเสน่ห์ สามสาวพี่สาวคเชนทร์สะกิดกันหัวเราะคิกคัก พริมาไม่เคยเห็นลักยิ้มนพคุณใกล้ๆ แบบนี้มาก่อน...จะว่าเคยก็คงจะเห็นจากในรูปที่บ้านตอนที่หล่อนเอาอัลบั้มรูปเก่าๆ ของเขาออกมาดูคราวก่อนแค่นั้น แต่รอยยิ้มจริงๆ ใกล้ๆ แบบนี้ หล่อนไม่เคยเห็นเขายิ้มที่บ้านแบบนี้เลยสักครั้งวันนี้เขามีความสุขหรือเปล่า? ถ้าเขาจะยิ้มแบบนี้บ่อยๆ ก็คงจะดี หล่อนพอจะทำอะไรให้เขาได้บ้างไหมนะ ดูเหมือนสาวน้อยจะคิดแต่เรื่องของตัวเองโดยไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่ามีสายตาหลายคู่ก็สังเกตหล่อนเช่นกัน
“มองอะไร?” นพคุณถามเสียงเข้ม ตอนแรกเขายังไม่เห็นว่าพริมายืนจ้องหน้าเขาอยู่แบบเอาเป็นเอาตาย แต่เขาเห็นเอาจากสายตาของคนอื่นๆ ที่มองไปทางสาวน้อยอย่างสงสัย...ถึงได้เห็น และเขาไม่ชอบใจเลย เด็กนี่ทำให้เขาเป็นเป้าสายตา...แล้วใจมันก็เต้นแรงแปลกๆ นพคุณเกลียดอะไรที่เขาควบคุมไม่ได้แบบนี้อย่างที่สุด
“เอ่อ...” พริมาก็ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน
“น้องลูกแก้วยืนมองหน้าน้องคุณเหมือนต้องมนต์เลยจ้า น้ำลายนี่แทบจะยืดออกมาเลยนะ” คริษฐาแซว หล่อนอดไม่ได้ เห็นท่าทางสาวน้อยที่ยืนมองนพคุณตาละห้อยแล้วตลกดี
“คือ...คือ ปกติลูกแก้วไม่เคยเห็นคุณนพคุณยิ้มน่ะค่ะ ก็เลยแปลกใจ” คำตอบของสาวน้อยทำเอาคนแซวแปลกใจยิ่งกว่า แต่คนที่หงุดหงิดคือ นพคุณ...เด็กนี่จะประจานเขาต่อหน้าคนอื่นว่าเขากับหล่อนไม่ค่อยจะได้พูดจากันดีๆ สักเท่าไหร่ หล่อนจะเที่ยวฟ้องคนอื่นๆ ว่าเขาใจร้ายเพื่อหาพวกแบบนี้ไม่ได้
“อืม...” คริษฐาพยักหน้างงๆ
“ก็เวลาอยู่บ้านเราไม่ค่อยได้เจอกัน ลูกแก้วก็เพิ่งจะมาอยู่บ้านพี่ได้ไม่นาน จะว่าไปเราเพิ่งจะได้เจอกันบ่อยๆ ก็ตอนช่วงเปิดเทอมที่พี่กลับมาอยู่บ้านนี่เอง แต่เราก็ยังไม่ค่อยจะสนิทกันเท่าไหร่ อีกอย่างพี่เองก็คุยสนิทสนมกับคนไม่ค่อยเก่ง ถ้าเราไม่ได้คุยเล่นกันก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนนี่นา” นพคุณร่ายยาว เขาจะไม่ปล่อยให้พริมาเที่ยวเอาเรื่องที่บ้านมาพูดไปเรื่อยแน่ๆ
“คะ?” คราวนี้พริมาทำหน้าต้องมนตร์หนักกว่าครั้งแรกเสียอีก...หล่อนไม่เคยเห็นนพคุณพูดมากเกินสิบคำด้วยซ้ำ แถมเขายังแทนตัวเองว่า “พี่” ที่ตอนแรกยืนยันนักหนาว่าไม่ให้หล่อนเรียกเขาว่าพี่เด็ดขาด วันนี้นพคุณทำเอาหล่อนอึ้งไปหลายอย่างเลยทีเดียว ยิ้มด้วย พูดก็ตั้งหลายคำ แล้วก็แทนตัวเองว่าพี่อีก ถ้ามากกว่านี้หล่อนคงรับไม่ไหวแน่ๆ นี่ใช่นพคุณตัวจริงหรือเปล่า?
“พี่เมษ์...ปลาทูเหนียวตัวจังค่ะ ขออาบน้ำแล้วยืมเสื้อพวกพี่ใส่กลับบ้านได้ไหมคะ” ยามาเห็นท่าไม่ดี กลัวคุณชายใหญ่จะมาแว้ดๆ ใส่เพื่อนหล่อน และดูเหมือนสามสาวกำลังประมวลผลความสัมพันธ์ของเพื่อนหล่อนกับเพื่อนคเชนทร์ (ก็เพื่อนร่วมห้องล่ะนะ) พวกหล่อนคงจะแปลกใจว่าทำไมสองคนนี้ ถึงอยู่บ้านเดียวกัน และถ้าจะให้เล่ากันคงอีกยาว
“อ้อ...ได้สิ ไปๆ เดี๋ยวพี่พาไปที่ห้อง”
“แล้วลูกแก้วล่ะ ไม่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใช่ไหม?”
“ไม่เป็นไรค่ะ ลูกแก้วแทบไม่มีเหงื่อเลย ชกไปสองสามหมัดก็หมดแรง เดี๋ยวลูกแก้วนั่งรอตรงนี้แล้วกันนะปลาทู” พริมาตอบคำถามของคริสราและหันไปบอกเพื่อนพร้อมกัน
คนอื่นๆ แยกย้ายกันไปหมดแล้ว เหลือแต่หล่อนกับนพคุณที่ตอนนี้นั่งหน้าคว่ำเหมือนปกติที่หล่อนเห็นประจำ...นี่! แบบนี้สิถึงเรียกว่าตัวจริง
“ทำไมฉันต้องยิ้มด้วย?” จู่ๆ คุณชายใหญ่ก็พูดโพร่งขึ้นมา
“คะ?”
“ฉันถามว่าทำไมฉันต้องยิ้มด้วย”
“ก็...ไม่ต้องยิ้มนะคะ” พริมาไม่รู้ว่านพคุณพูดเรื่องอะไร เขาถามแบบนี้ หล่อนตอบไม่ถูกจริงๆ
“ก็เธอบอกแปลกใจ...จะแปลกใจทำไม หรือฉันต้องยิ้มให้เธอทุกวันถึงจะพอใจ”
“ไม่ต้องยิ้มเลยค่ะ ไม่ต้องเลย...คุณนพคุณอยากทำอะไรก็ทำไปเลยค่ะ ลูกแก้ว..ฉันไม่ได้ว่าอะไร” พริมาเริ่มหงุดหงิดบ้าง นี่เขาจะไม่หาเรื่องว่าหล่อนสักวันจะได้ไหม
“ฉันจะไปนั่งรอพี่ตุลย์กับปลาทูตรงโน้นนะคะ” พูดจบทำท่าจะลุก แต่นพคุณกระชากหล่อนกลับลงมานั่งอย่างเร็ว สาวน้อยไม่ทันตั้งตัวเกือบหงายหลังไปเหมือนกัน
“อุ๊ย!”
“ทำไม? นั่งตรงนี้แล้วมันทำไม?” นพคุณเสียงแข็ง เขาบีบมือหล่อนแน่น มันไม่ได้ทำให้เจ็บ แต่มันแน่นจนแกะไม่ออก
“คุณนพคุณจะเอายังไงคะ? ฉันก็จะไปนั่งตรงโน้นแล้วไง...ยังไม่พอใจอีกเหรอ นี่ฉันไม่รู้จะทำยังไงแล้วนะคุณถึงจะพอใจ” พริมาตัดพ้อพออยู่กันสองคน ความหวังที่หล่อนคิดว่าเขาจะยิ้มหรืออารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง คงจะไม่มีทางเป็นไปได้ เขาไม่มีทางพูดดีหรือยิ้มให้หล่อนแน่ๆ มีแต่จะหงุดหงิดรำคาญ แล้วก็หาเรื่องว่ากันไปเรื่อย...คิดแล้วน้ำตาก็เริ่มมา พริมาพยายามแกะมือที่เขาจับไว้ แต่แกะอย่างไรก็แกะไม่ออก
“ร้องไห้ทำไม?” นพคุณเสียงเบาลง ฟังดูเหมือนเขาแปลกใจจริงๆ
“ไม่ได้ร้อง!” สาวน้อยพยายามหลบตา แต่นพคุณตั้งใจมองอยู่ เขาไม่เข้าใจอยู่ๆ เด็กนี่ก็น้ำตาคลอ เมื่อกี้ยังพูดคุยกับคนอื่นสีหน้าสดใส แต่พออยู่กับเขากลับทำหน้าเหมือนจะตาย แล้วไอ้สรรพนามนั่น...แม้เขาจะเป็นคนบอกให้หล่อนเรียกเอง แต่พอได้ยินเข้าจริงๆ ทำไมมันหงุดหงิดและก็ฟังดูขัดหูพิลึก
“ไม่ต้องเรียกคุณแล้ว...แล้วก็แทนตัวเองแบบเดิมด้วย” นพคุณสั่งเสียงเข้ม พริมาไม่ตอบหล่อนก้มหน้ามองพื้น...แต่เขารู้ว่าตอนนี้หล่อนกำลังคิดตามว่าที่เขาพูดนั้นหมายความว่าอย่างไร และเมื่อใช้ความคิดอย่างหนักหรือมีอะไรที่ขัดใจบางทีพริมาก็เผลอทำปากยื่นอย่างไม่รู้ตัว และตอนนี้หล่อนก็กำลังทำแบบนั้นอยู่
“คิ้วจะผูกโบว์ได้อยู่แล้ว แล้วปากก็ยื่นออกมาจนจะยาวลากพื้น เห็นสภาพตัวเองรึเปล่า? น่าเกลียดมาก” นพคุณเอานิ้วชี้สองข้างของเขาจิ้มคิ้วพริมาและดึงเบาๆ แยกคิ้วสาวน้อยออกจากกัน เขากำลังยิ้มให้หล่อน ยิ้มแบบเมื่อกี้เลย นพคุณเพิ่งรู้ตัวว่าเขาชอบเวลาที่พริมาทำปากยื่นแบบนั้น มันดูตลกและก็น่ารักดี ไม่สิ! ไม่ได้น่ารักเสียหน่อย
“มาจิ้มหน้าฉัน..เอ่อ ลูกแก้วทำไม” สาวน้อยหันหน้าหนีพร้อมเอามือปัด พัลวัน อยู่ๆ นพคุณมายิ้มให้หล่อนยังไม่พอ ยังเอานิ้วมาจิ้มหน้าจิ้มคิ้วหล่อนอีก วันนี้เขาเป็นอะไรของเขากันแน่
“ก็คิ้วเธอจะผูกกันไง จะดึงออกให้” พริมาหน้าร้อนผ่าว หล่อนรู้สึกร้อนไปหมดทั้งหน้า แต่ที่นพคุณเห็นคือแก้มสาวน้อยมีสีชมพูระเรื่อขึ้นมาจนเขาอดแหย่เล่นไม่ได้
“แฮ่ม!” คเชนทร์ลงบันไดบ้าน เดินตรงมาที่สองคนนั่งรออยู่ นพคุณปรับสีหน้ากลับมาทำขรึมแบบเดิมได้อย่างมืออาชีพ แต่สาวน้อยนี่สิจะปรับสีแก้มให้หายแดงก็คงจะทำไม่ได้
“รอนานไหมลูกแก้ว นี่พี่วิ่งผ่านน้ำอย่างไวเลยนะ” พูดกับพริมาแต่หันไปยักคิ้วให้นพคุณ...ไอ้หมอนี่มันกวนประสาทเขาตลอด ตั้งแต่สมัยเรียนมาแล้ว คเชนทร์มักกวนประสาทเขาเป็นประจำ
“ป่ะ! ไปเล้าไก่กัน อยากได้ตัวไหนบอกได้เลยพี่จัดให้” ไม่พูดเปล่ามือก็ถึงด้วย คเชนทร์กอดคอพริมาลากให้เดินไปด้วยกันหน้าตาเฉย ทิ้งให้นพคุณ นั่งหน้าคว่ำอยู่ที่โต๊ะใต้ถุนบ้านอยู่คนเดียว
“แล้วปลาทูล่ะคะ? ลูกแก้วบอกปลาทูไว้ว่าจะรอตรงนี้”
“โอ๊ย! เพื่อนลูกแก้วน่ะจมูกไวจะตาย เดี๋ยวก็ตามมาเจอ ไปกันเถอะไปๆ” คเชนทร์เหลือบมองเห็นนพคุณยังนั่งอยู่ที่เดิมไม่ได้ลุกเดินตามพวกเขามา...ฮึ! ไม่สนุกเลยแฮะ เมื่อกี้ยังเห็นยิ้มตาหวานอยู่เลย ตัวเองจะรู้ตัวไหมว่าเมื่อกี้น่ะน่าหมั่นไส้ขนาดไหน อีกคนก็อายม้วน อีกคนก็ทำเป็นเข้ม แต่หน้านี่ระรื่น...ยิ้มจนปากจะฉีกถึงหูอยู่แล้ว นี่ถ้าพวกพี่สาวเขามาเห็นเข้าล่ะก็ พวกนั้นคงจะมีเรื่องเม้าส์มอยไปอีกหลายวัน เผลอๆ ต้องลากเขาเข้าไปอยู่ในเรื่องเม้าส์มอย ของพวกหล่อนด้วย ไม่เอาๆ เขาไม่ยอมเป็นหนึ่งในตัวละครบ้าบอของพวกพี่สาวเด็ดขาด
ที่เล้าไก่...ลุงเจริญรออยู่แล้ว เขาอุ้มไก่แจ้ไว้ตัวหนึ่ง ดูเผินๆ คล้ายกับนพคุณไก่แจ้ตัวโปรดของพริมาอยู่เหมือนกัน แต่ดูอ้วนและใหญ่กว่ามากทีเดียว
“มากันแล้วเหรอ มาๆ เห็นตุลย์บอกที่บ้านหนูก็มีไก่แจ้อยู่ตัวหนึ่ง” ขณะที่เดินไปยังเล้าไก่นั้น ภาพผู้ชายตัวใหญ่หนวดเฝิ้มยืนอุ้มไก่แจ้ที่ตัวโตเกินมาตรฐาน แม้ดูรวมๆ แล้วจะดูประหลาดไปบ้าง แต่ก็เป็นภาพที่น่าดูทีเดียว คงเป็นเพราะผู้ชายที่อุ้มไก่อยู่นั้นแม้จะอายุมากแล้วแต่ก็ยังดูหล่อเหลาอยู่มาก พริมาอยากเห็นเหลือเกินว่าตอนหนุ่มๆ คุณลุงเจริญคนนี้จะหล่อวัวตายควายล้มขนาดไหน
“ลูกแก้วรอด้วย!” เสียงยามาตะโกนมาจากข้างหลัง พริมาหันไปมองตามเสียงเห็นเจ้าของเสียงกำลังวิ่งอย่างไวมาทางหล่อนกับคเชนทร์
“คุณชายใหญ่บอกว่าลูกแก้วโดนลากคอมา เฮ้อ...” ยามาหอบแฮ่ก หล่อนวิ่งตามมาหลังจากที่ลงมาแล้วเห็นแต่นพคุณนั่งหน้าคว่ำอยู่คนเดียว ถามจากเขาก็ได้ความว่าคเชนทร์ลากคอเพื่อนหล่อนไปตั้งนานแล้ว เบื้องหลังห่างออกไป คเชนทร์เห็นนพคุณเดินเรื่อยๆ ตามมาจากทางบ้าน ถึงจะดูเหมือน เดินเรื่อยๆ แต่ถ้าสังเกตจริงๆ เด็กหนุ่มเดินเรื่อยๆ ได้เร็วทีเดียว
“เห็นไหม? พี่บอกแล้วว่าเพื่อนลูกแก้วน่ะจมูกไว นี่ยังไม่ถึง 5 นาที ก็วิ่งแจ้นตามมาถึงนี่แล้ว”
“นี่!!!” ยามาเท้าเอวตั้งท่ารออยู่แล้ว นพคุณเดินตามมาจนถึงที่ พวกเขายืนคุยกัน...ทันได้ยินคำของคเชนทร์พอดี เขารู้ทันทีว่าหมอนี่รู้อยู่เต็มอก ว่าพูดจาแบบนี้เดี๋ยวได้เกิดเรื่องอีกแน่ แต่ดูเหมือนพี่ชายกวนประสาทของพริมา จะชอบปะทะวาจากับเพื่อนสาวกวนบาทาของหล่อนอยู่ไม่น้อย
“นี่น่ะสิ...นี่มันเสื้อฉัน” คเชนทร์ชี้ไปที่เสื้อของเขา ที่ตอนนี้ยามาใส่อยู่ พริมาหันไปมองจึงเห็นว่าเพื่อนของหล่อนอาบน้ำแต่งตัวใหม่เรียบร้อยแล้ว ชุดที่ใส่ก็ไม่ใช่ชุดเดิมที่ใส่ตอนมา ยามาตอนนี้ใส่เสื้อยืดสีเขียวตัวใหญ่โคร่งกับกางเกงวอร์มสีน้ำเงิน
“ห๊ะ! นี่ไม่ใช่ชุดพี่เมษ์เหรอ?”
“กางเกงน่ะใช่ แต่เสื้อน่ะของฉัน” คเชนทร์ยักคิ้วให้ยามาเหมือนที่ ยักคิ้วกวนประสาทให้นพคุณไม่มีผิด
“พี่เมษ์บอกว่าชุดพี่เมษ์...ใส่ได้เลย”
“ใส่ได้! ให้ยืม...พี่ใจกว้างอยู่แล้วน้อง” คเชนทร์ทำสีหน้าใจกว้างแบบสุดๆ นพคุณแอบเบ้ปาก หมอนี่น่าหมั่นไส้ชะมัด แต่ที่ดูน่าขันน่าจะเป็นเพื่อนพริมา ยามาอยู่ในชุดที่ใหญ่โคร่งเกินตัวอยู่มากทีเดียว และผมรองทรงของหล่อนทำให้หล่อนดูเหมือนลูกชายที่แอบเอาชุดพ่อมาใส่ก็ไม่ปาน นพคุณไม่แน่ใจว่าคณิสราบอกกับยามาว่าอย่างไร แต่ดูเหมือนพี่สาวของคเชนทร์กำลังจะเล่นสนุกอะไรสักอย่าง
“ฮ่าๆ นั่นมันเสื้อตัวโปรดไอ้ตุลย์เลยนะนั่น” ลุงเจริญเข้าร่วมวงสนทนา
“เดี๋ยวถอดคืนให้เดี๋ยวนี้เลยค่ะ” ยามาหน้าตาเลิ่กลั่ก นพคุณกลั้นขำเขาไม่เคยเห็นภาพแบบนี้มาก่อน
“จะถอดทำไม ไอ้ตุลย์มันไม่ว่าหรอกหนู ใส่ไปเถอะ” ลุงเจริญโบกไม้โบกมือ
“พี่ไม่ใช่คนหวงของหรอกน้อง พี่ใจกว้าง” คเชนทร์ได้ทีเข้าเสริมทัพ ยิ่งทำให้ ยามารู้สึกหงุดหงิด และยิ่งเห็นเพื่อนพริมาหงุดหงิด คเชนทร์ก็ยิ่งดูมีความสุข
“วันนี้สนุกดีนะว่าไหม?” คเชนทร์หันไปพูดกับพริมา แต่นพคุณรู้ว่าเขามีความหมายอย่างอื่นด้วย
“ค่ะ สนุกมากๆ เลย” พริมาคนซื่อสินะ ช่างไม่รู้อะไรเลย พวกเขาอยู่ดูไก่ของลุงเจริญอยู่พักใหญ่ เล้าไก่ลุงเจริญมีไก่แจ้อยู่ราวสามสิบตัว ลุงเจริญเล่าให้ฟังว่าแรกเริ่มเขาก็เลี้ยงแค่ตัวสองตัวแต่อยู่ไปอยู่มาก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ไม่ถึงปีก็มีไก่มากกว่าเดิมหลายเท่า
“นี่ก็ให้เขาไปเยอะแล้วนะ...หนูสนใจตัวไหนล่ะ? ลุงให้” พริมาตาวาว แต่จังหวะที่กำลังจะตอบก็รู้สึกได้ถึงสายตาอำมหิต นพคุณยืนจ้องหล่อนตาแทบถลนออกจากเบ้า...ไม่ต้องเอ่ยคำพูดก็เข้าใจได้
“ไม่ดีกว่าค่ะ ที่บ้านก็มีแล้ว” ตอบไปแบบนี้ก็เสียดายอยู่เหมือนกัน ถ้าได้ไก่แจ้ตัวเมียสวยๆ ไปฝากนพคุณสักตัวก็คงจะดีไม่น้อย นพคุณโล่งใจที่พริมาเข้าใจสัญญาณที่เขาส่งไปให้ ใครจะไปยอมกัน...แค่ไอ้ไก่บ้านั่นตัวเดียว เขาก็จะบ้าตายอยู่แล้ว นี่ถ้าเพิ่มอีกตัว หรืออีกหน่อยมันออกลูกออกหลานเขาคงต้องย้ายบ้านหนี
“ถ้าเปลี่ยนใจจะมาเอาไก่เมื่อไหร่ก็บอกนะ เดี๋ยวให้ไอ้ตุลย์เอาไปให้” ลุงเจริญยังไม่ยอมแพ้ นพคุณเริ่มสงสัยว่าเขาอยากให้ไก่พริมาจริงๆ หรือกำลังหาตัวช่วยถ่ายเทไก่กันแน่ ดูแล้วประชากรไก่ของลุงเจริญจะมีเพิ่มอีกหลายตัว...แต่ไก่แจ้ตัวหนึ่งก็ราคาไม่ใช่น้อย ถ้าขายคงได้เงินดี ลุงเจริญอาจจะอยากให้ไก่แจ้กับพริมาจริงๆ
กว่าพวกพริมาจะเดินเล่นดูไก่เสร็จ ก็เกือบบ่ายสามโมง คุณอมราชวนกินข้าวเย็นแต่เพราะเริ่มจะเย็นแล้ว พวกเขาจึงขอตัวกลับบ้านกันก่อน
“ไว้คราวหน้ามาใหม่ค่ะ วันนี้เริ่มจะเย็นแล้ว กว่าปลาทูจะถึงบ้านก็คงมืด” พริมาปฏิเสธคุณอมราที่คะยั้นคะยอให้พวกเด็กๆ อยู่กินข้าวกันก่อน
“อย่าลืมมาเที่ยวกันอีกล่ะ แล้วก็ขนมอร่อยมากเลย คราวหน้ามาสอนพวกพี่ทำมั่งนะ” คณิตเดินตามออกมาส่งพวกพริมาที่รถในมือก็ถือกล่องขนมของพริมาเดินกินมาด้วย
“พี่ก็ไม่ทันได้ดูว่าตัวนี้มันของไอ้ตุลย์ พอดีมันมีสองตัวน่ะ...เหมือนกันเปี๊ยบ เอาน่าใส่ตัวนี้แหละดีแล้ว ไอ้ตุลย์มันก็ไม่ได้ว่าอะไรไม่ใช่เหรอ” เสียงคณิสราดังอยู่ข้างหลัง
“ไปๆ เพื่อนๆ รออยู่ในรถแล้ว ยังจะมาเสียเวลาเปลี่ยนเสื้ออยู่ทำไม” ยามาจำต้องบอกลาและเข้าไปนั่งในรถอย่างช่วยไม่ได้ หล่อนพยายามจะเอาเสื้อคืนให้คณิสรา แล้วใส่เสื้อตัวเองกลับบ้านเหมือนเดิม แต่พี่สาวคเชนทร์ไม่ยอม
“ใส่ไปเถอะจ๊ะน้องปลาทู พี่บอกแล้วไง พี่ไม่หวงของพี่ใจกว้าง” คเชนทร์ได้ยินพี่สาวกับยามาคุยกันก็เข้าร่วมวงทันที...แหมนานๆ ทีจะมีโอกาสแบบนี้มีหรือเขาจะพลาด
รถแล่นออกไปไกลแล้วเหลือคเชนทร์ที่ยืนมองรถอยู่กับคณิสราที่ยืนกอดอกมองน้องชาย ส่วนคนอื่นๆ แยกย้ายกันเข้าบ้านไปแล้ว
“คนไหน?” คณิสราถามทันที
“คนไหนอะไรของแก” คเชนทร์สวนกลับ เขารู้อยู่ก่อนแล้วว่าการพาเพื่อนผู้หญิงมาเที่ยวบ้านย่อมไปเตะต่อมมโนของพวกพี่สาว ป่านนี้ไอ้พวกนี้คงคิดกันไปไกลแล้วว่าเขาชอบหนึ่งในสองสาวที่มาวันนี้แน่ๆ พริมาก็น่ารักดีเวลาคุยด้วยก็สนุก ส่วนยามา...ไม่ไหว หล่อนเหมือนรวมพี่สาวสามคนของเขาไว้ในร่างๆ เดียวก็ไม่ปาน แค่รับมือพี่สาวสามคนก็เหนื่อยพอแล้ว จะให้ไปชอบหรือมีแฟนเหมือนพวกนี้เขาคงปวดหัวตายไม่ไหว ไม่ไหวจริงๆ
“ก็สองสาววันนี้ไง คนไหนของแก...สองหญิงสองชายพอดีเลยนะหารกันลงตัว อืม...แต่ถ้าแกจะไปหารตัวเดียวกันกับของน้องคุณ ฉันว่างานนี้แกเหนื่อยว่ะ นอกจากจะไม่ลงตัวแล้ว...ถ้ามันหารแล้วมีเศษ ฉันว่าไอ้เศษน่ะมันจะเป็นแกนะ”
“แกก็เลยจะช่วยฉันให้หารถูกตัวว่างั้น?” คเชนทร์หรี่ตามองพี่สาว
“แล้วไอ้เสื้อตัวที่แกเอาให้ยัยปลาทูยืมไปนั่นน่ะมันก็มีตัวเดียว ฉันไม่เคยเห็นว่าแกจะมีเสื้อแบบนั้นตอนไหน...แกกำลังเล่นอะไรไอ้เมษ์?”
“ก็กำลังเล่นอะไรสนุกๆ ไง” คณิสรายักคิ้วให้น้องชาย...คเชนทร์ ได้แต่ส่ายหัว พี่สาวเขานับวันยิ่งหนัก...สงสัยไอ้หนังสือนิยายเล่มละสิบบาทในห้องนอนหล่อนนั้นเขาคงต้องแอบเอาไปเผาทิ้งบ้างแล้ว นับวันยิ่งจะแยกชีวิตจริงกับในละครไม่ออก วันนี้เขาและเพื่อนๆ คงไปเป็นตัวละครในนิยายสิบบาทเล่มไหนสักเล่มของหล่อนแน่ๆ
“สนุกก็ให้มีขอบเขตนะไอ้เมษ์ ชีวิตจริงกับละครน่ะต้องแยกให้ออก”
“เดี๋ยวแกก็รู้ว่าชีวิตจริงกับละครน่ะ บางทีมันก็เหมือนกันจนแยกไม่ออก” คณิสราตบไหล่น้องชายแล้วหันหลังเดินเข้าบ้านไป คเชนทร์หมั่นไส้พี่สาวเหลือเกิน นึกว่าตัวเองเป็นผู้กำกับหนังหรืออย่างไร หล่อนก็น่าจะโตพอที่จะเข้าใจได้แล้วว่าจินตนาการกับชีวิตจริงน่ะมันไปด้วยกันไม่ได้
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ