แก้วนพคุณ

-

เขียนโดย เวลา

วันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 16.59 น.

  38 บท
  0 วิจารณ์
  30.63K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

16) อาลัวสด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

วันนี้พ่อเลี้ยงกับแม่ออกไปธุระอีกแล้ว ส่วนใหญ่วันเสาร์ภารดีกับ           คุณนพรักษ์ไม่ค่อยจะอยู่บ้าน แม่หล่อนมีงานด่วนที่ตลาดและพ่อเลี้ยงหล่อนก็ใจดีอาสาไปทำงานเป็นเพื่อน ส่วนใหญ่แม่จะหยุดกลางสัปดาห์กับวันอาทิตย์ หล่อนบอกว่าจะต้องหยุดให้ตรงกับลูกสาวอย่างน้อยหนึ่งวัน แต่ถ้าวันเสาร์ไหนที่หล่อนเคลียร์งานได้ภารดีก็จะหยุดเสมอ คุณชายใหญ่อยู่บ้าน ตั้งแต่กลับมาอยู่บ้านครั้งนี้ส่วนใหญ่พริมาจะเจอเขาเดินไปทั่ว ไม่เหมือนตอนปิดเทอมคราวก่อนที่เขามักจะหมกตัวอยู่แต่ในห้อง ขนาดแถวเล้าไก่ของหล่อนที่เขาไม่เคยย่างกรายเข้าไปเลยตั้งแต่หล่อนมาอยู่ที่บ้านหลังนี้           พักหลังๆ ยังเจอเขาไปเตร็ดเตร่อยู่แถวนั้นบ่อยๆ เจอแบบนี้เล่นเอาอึดอัดเหมือนกัน วันนี้หล่อนเลยนั่งรถสองแถวออกมาเดินเล่นหน้าปากซอย ตอนนี้ พริมาเริ่มจะชำนาญในการสัญจรภายในซอยแล้ว

“ถ้าไม่หลงก็ไม่จำหรอก” หล่อนพูดเข้าข้างตัวเอง แถมบางทียังเคยลองนั่งรถไปไกลถึงหน้าโรงเรียน โดยที่ไม่ต้องผ่านถนนใหญ่เลยด้วยซ้ำ พริมาสังเกตสองแถวในซอยมี 2 สาย สีน้ำเงินไปหน้าปากซอย ส่วนอีกสายสีส้มที่มีน้อยกว่า และรอนานกว่าจะพาไปทะลุซอยโรงเรียนได้พอดิบพอดี

 

วันนี้พริมาตั้งใจจะออกไปซื้อแป้งทำขนม เพราะคราวก่อนมัน   กระจายหายไปพร้อมถุงเงินทอน ชุลมุนไปหมด หล่อนก็ลืมไปแล้ว เหลือแค่เงินทอนที่เป็นหลักฐาน แต่ถุงแป้งหล่อนไม่แน่ใจ หล่อนตั้งใจจะทำขนมฝากให้คเชนทร์และนักมวยสองคน เมื่อคืนนี้พริมานัดแนะคเชนทร์เรียบร้อยแล้ว ให้เขาแวะรับขนมด้วยตอนที่เด็กหนุ่มขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านเข้าบ้าน ยามาจะตามมาเจอที่หน้าปากซอย เสาร์อาทิตย์นี้หล่อนไม่มีเรียนเย็บผ้า เพื่อนรักพริมาเลยได้มาเที่ยวที่บ้านในวันสุดสัปดาห์นี้ หลังจากที่ไม่ได้มาเที่ยวเกือบสองเดือน หล่อนได้ข่าวว่าพริมามีเมนูใหม่และหล่อนก็ว่างพอดีมีหรือจะพลาด พริมาไลน์ไปบอกยามาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าวันนี้จะทำอาลัวสด และรีบบอกอีกว่ามันไม่ยากเลยสักนิด ยามาน่าจะชอบ

“รับรองปลาทูทำออกมาได้ดีแน่นอน” เด็กหญิงที่เคยหยอดวุ้นแยกชั้นแยกสี แต่กลับได้วุ้นแยกสีที่ไม่เป็นชั้นขมวดคิ้วสงสัย มีขนมที่หล่อนทำได้ด้วยหรือ?

“แน่ใจเหรอ? วุ้นที่ว่าง่ายปลาทูก็ทำเละมาแล้ว” ถึงจะบ่น แต่หล่อนก็ไปแน่นอน ยามาถือคติที่ว่าทำซ้ำๆ ทำบ่อยๆ เดี๋ยวก็ต้องเจอขนมที่หล่อนทำออกมาดูดี...กินได้ สองสาวนัดเจอกันหน้าปากซอยตอนสายๆ เพราะวันนี้   วันเสาร์จึงไม่ต้องรีบ ยามาหอบเสื้อผ้ามานอนที่บ้านด้วยในคืนนี้ พริมาชี้ให้ ยามาดูร้านเกมส์ ซึ่งตอนนี้ปิดไปแล้ว ไม่รู้เพราะโดนตำรวจเข้าตรวจ          หรือเพราะคิดได้เองว่ามันเป็นแหล่งมั่วสุมที่เป็นอันตรายต่อชุมชน

“อ้าว! คริสตัลวันนี้มาแต่เช้าเลย” คุณป้าทักทาย

“วันนี้ไม่รีบค่ะ มีอะไรแปลกๆ ใหม ๆ รึเปล่าคะ” พริมาหันไปยิ้มหวาน ป้าอำไพหยิบพิมพ์กดคุ๊กกี้รูปสัปปะรดส่งให้ เด็กหญิงสนใจ...คุ๊กกี้ไส้สัปปะรด ที่ทำเป็นรูปสัปปะรด ดีเลยใครเห็นก็รู้ว่าขนมอะไร โดยที่ไม่ต้องถาม พริมาซื้อพิมพ์สัปปะรดไปสามอัน กับหัวบีบกุหลาบ ทั้งแบบที่ทำทีละกลีบและแบบสำเร็จ...บีบพรวดเดียวออกมาเป็นดอกไม้ได้เลย เลือกของในร้านพักใหญ่   จนเห็นเพื่อนยืนโยกไปมาเหมือนเมื่อยขา หล่อนจึงเอาของที่เลือกได้แล้วทั้งหมดไปคิดเงิน ยามาไม่เคยเร่ง แม้หล่อนจะขี้บ่น แต่ถ้าเป็นเรื่องความชอบความสนใจหล่อนมีความอดทนและรอได้เสมอ

“เลือกได้ครบแล้วเหรอ?”

“เดี๋ยวไว้มาใหม่ ลูกแก้วมาเที่ยวบ่อย ปลาทูจะได้ไม่ต้องรอนาน”

“ปลาทูรอได้นะ ลูกแก้วเลือกเลย” ยามาพูดจริง หล่อนแค่ไม่รู้จะดูอะไร อุปกรณ์บางอย่างหล่อนไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันใช้ทำอะไร ความสนใจเลยไม่มีเท่ากับคนที่ชอบเท่านั้นเอง แต่ถ้าเป็นอุปกรณ์เย็บผ้านี่สิถึงจะน่าสนใจมากกว่า พริมาเดินไปจ่ายเงิน วันนี้หล่อนไม่รีบจนเกินไปเหมือนคราวก่อน เด็กสาวเก็บเงินไว้อย่างเรียบร้อยและใส่กระเป๋าไว้อย่างมิดชิด

“ดีแล้ว เก็บให้ดีก่อนค่อยออกไป ถึงไอ้ร้านข้างๆ จะปิดไปแล้ว       แต่ในซอยเราก็ยังมีไอ้พวกนั้นขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านไปผ่านมาอยู่” ป้าอำไพ      ยืนดูพริมาเก็บเงินลงในกระเป๋า ตั้งแต่สองคนหัวโจกถูกจับไป ชาวบ้านก็เบาใจ ลงมาก และดูเหมือนจะสบายใจไปอีกนาน เพราะคดีของไอ้สองคนนั้นยาว    เป็นหางว่าว พริมาดีใจที่อย่างน้อยหล่อนก็มีส่วนร่วมในการจับตัวคนชั่วได้     แม้จะเจ็บตัวลงไปนอนกลิ้งอยู่กับพื้นก็ตาม

“เห็นว่าจะมีคนมาเซ้งต่อทำเป็นร้านกาแฟนะ ดีเลยป้าอาจได้ลูกค้าเพิ่ม” ป้าอำไพเล่า ร้านกาแฟก็ต้องมีขนม...ถ้าเจ้าของร้านทำขนมเอง หล่อนก็อาจจะมีช่องทางหรือโอกาสขายของ

“ดีเลยค่ะ คราวหน้ามาปลาทูจะได้มีที่รอ” เด็กสาวตอบคุณป้าและหันไปคุยกับยามา ออกจากร้านแล้ว พริมาระวังตัวอย่างดี หล่อนยังหวาดๆ กับการข้ามถนน จึงตั้งใจเหลียวซ้ายแลขวาเป็นพิเศษ ทั้งสองนั่งรถสองแถวเข้าซอยไปลงหน้าหมู่บ้านแล้วเดินต่อเข้าไปอีกไม่ไกล บ้านของคุณนพรักษ์อยู่โซนด้านหน้าใกล้ถนน จึงค่อนข้างเดินทางสะดวก พริมาหยิบพวงกุญแจไก่ที่ห้อยกุญแจห้องและกุญแจบ้านออกมาไข ยามามองตามพวงกุญแจ...เหมือนของคเชนทร์ไม่มีผิด ไก่คู่รักหรือไงนะ? หล่อนแค่สงสัย แต่ไม่ได้ถามตรงๆ เพียงแค่เอ่ยลอยๆ เหมือนไม่ใส่ใจ

“พวงกุญแจนี่เหมือนไก่ของลูกแก้วเลย” ยามาหยิบพวงกุญแจไก่น้อย ในมือพริมามาดู...พลิกมาพลิกไป

“หูขาวด้วย เหมือนไอ้นพคุณไม่มีผิด” ยามาทึ่งพวงกุญแจนี่เก็บรายละเอียดได้ครบไม่ตกหล่นเลยแม้แต่น้อย

“พี่เมษ์พี่สาวพี่ตุลย์เป็นคนทำล่ะ ลูกแก้วเห็นของพี่ตุลย์น่ะ เลยอยากได้บ้าง ส่งรูปนพคุณไปให้ พี่เมษ์ก็เลยทำให้แล้วฝากพี่ตุลย์กลับมา ทำขนมวันนี้ลูกแก้วเลยจะฝากขนมไปให้พี่เมษ์ด้วย”

“โห...อยากได้บ้างเลย” ยามายังทึ่งไม่หาย พวงกุญแจนี้ใช้หนังอย่างดีทำออกมาได้น่ารักสุดๆ มีสลักสัญลักษณ์เล็กๆ ของคนทำด้วย

“มีเพจขายพวงกุญแจของพี่เมษ์ด้วยนะ พี่ตุลย์เคยส่งลิ้งค์มาให้ลูกแก้วดู เดี๋ยวลูกแก้วส่งต่อให้ ปลาทูเข้าไปดูสิ มีหลายแบบเยอะแยะไปหมดเลย” สองสาวเดินเข้าบ้าน จัดแจงแกะของในถุงออกมา กะว่าจะนั่งเล่นกันก่อนแล้วค่อยเริ่มทำขนมกันตอนบ่ายๆ พริมานัดคเชนทร์ไว้สี่โมงเย็น อาลัวสดทำไม่ยาก ใช้เวลาไม่นาน สี่โมงน่าจะเสร็จเรียบร้อยพอดี หล่อนหยิบโทรศัพท์ไลน์หาคเชนทร์ให้แน่ใจอีกที

“พี่ตุลย์” พริมาพิมพ์ชื่อเขานำไปก่อน ไม่รู้ว่าเขาจะว่างอ่านไหม

“ว่าไง” คเชนทร์ตอบกลับมาอย่างไว

“พี่ตุลย์จะเข้ามาเอาขนมกี่โมงคะ? วันนี้ปลาทูกับลูกแก้วจะเตรียม ไว้ให้ เอาที่พี่ตุลย์สะดวกนะคะ ไม่รีบ แต่อยากถามเวลาที่แน่นอนอีกที”

“ห๊ะ? น้องปลาทูไหม้ก็มาเหรอ? มาช่วยงานหรือมาพังครัว?” พริมา อ่านมาถึงตรงนี้ หล่อนนึกหน้าคเชนทร์ออก และก็นึกหน้ายามาออกด้วย     ถ้าเพื่อนมาเห็นข้อความเข้าคงเต้นเร่าๆ พริมารอคำตอบ แต่ดูเหมือนไลน์จะเงียบหายไปเลย คเชนทร์ยังไม่ตอบคำถาม สงสัยเขาคงยุ่งอยู่ หล่อนจึงยังไม่เซ้าซี้ รอให้เขาตอบกลับมาอีกที ระหว่างนี้จึงไปนั่งเล่นกับเพื่อนที่หลังบ้าน ไก่น้อยของหล่อนเดินเล่นอยู่...จะว่าเดินเล่นก็ไม่น่าจะใช่ เพราะยามาเดินไปทางไหน นพคุณร่างไก่ก็เดินตามหล่อนไปทุกที และดูเหมือนว่าเพื่อนของพริมาจะหลงรัก เจ้าไก่ขี้หลีตัวนี้เข้าให้แล้ว ขนาดว่าเป็นคนเกลียดสัตว์รำคาญเด็กขนาดหนัก แต่กับเจ้าไก่หัวงูตัวนี้ ทำเอาหล่อนหลงรักเข้าไปเต็มๆ

“มานี่มา เร็วๆๆๆ นพคุ๊ณณณณ” พริมาไม่แน่ใจว่าเพื่อนตั้งใจเรียกไก่หรือว่าพูดดังๆ เพื่อให้ใครบางคนได้ยินหรือเปล่า คุณชายใหญ่น่าจะอยู่บนบ้าน เพราะตั้งแต่หล่อนกลับเข้ามายังไม่เห็นหน้าเขาเลย

“ชื่อนี้ก็แปล๊กแปลก เป็นไก่ก็แสนจะน่ารัก แต่พอเป็นคนสิแสนจะน่า....” ยามาเว้นไว้เพราะหล่อนเห็นความเคลื่อนไหวในบ้านแล้ว หล่อนนึกขำในใจ    โธ่เอ้ย! หมอนี่เดาทางง่ายจะตาย และหล่อนเคยนึกเดาเล่นๆ ว่าถ้าเขาตายไป   ก็คงจะไปเป็นปู่คุณเฝ้าทรัพย์แน่ๆ เพราะเขาหวงทุกอย่างน่าดู หวงพ่อ หวงบ้าน หวงๆๆๆๆ ฮึ! ไอ้ขี้เก๊กขี้หวง ยามาทำสายตาส่งซิกให้พริมาว่านพคุณลงมาข้างล่างแล้ว พริมายืนดูเพื่อนอยู่หน้าประตูครัว หล่อนจึงสามารถมองเข้าไปในห้องรับแขกได้ด้วยเช่นกัน

นพคุณลงมานั่งอยู่ดูทีวีอยู่ในห้องรับแขก...วันนี้เขาลงมาข้างล่าง          แล้วแต่ไม่เห็นใคร พ่อก็ไม่อยู่ แม่เลี้ยงก็ไม่อยู่ ยัยฝรั่งแคระก็ไม่อยู่...หรือพวกเขาจะออกไปเที่ยวกันสามคนโดยไม่มีเขากันนะ นพคุณไปเดินเล่นหน้าบ้าน ดอกแก้ว ดอกเฟื่องฟ้า รวมถึงดอกเล็บมือนางที่พริมาปลูกไว้   ตอนนี้มันเติบโตแข่งกันออกดอกทีเดียว ให้ความรู้สึกเหมือนพวกมันกำลังแข่งขันกันเอาใจคนปลูก...ใครออกดอกได้มากกว่าคนนั้นชนะ นพคุณตัดสินไม่ถูกว่าจะให้ใครชนะ พริมาเลือกปลูกไม้ดอกที่ออกดอกได้ตลอดทั้งปี     ดอกแก้วนั้นสาวน้อยปลูกไว้เป็นทางยาวตลอดทางเดินหน้าบ้าน...เหมือนรั้วเล็กๆ ให้กลิ่นหอม เฟื่องฟ้าของหล่อนในหนึ่งต้นมีดอกหลายสีสัน ส่วนเล็บมือนางหล่อนปลูกไว้ให้มันเลื้อยอยู่ที่ซุ้มนั่งเล่นหน้าบ้าน กลางคืนจะส่งกลิ่นหอมชื่นใจ เด็กสาวหาตัวไม่ยาก เพราะถ้าไม่อยู่ในครัว เล้าไก่ สวนครัวหลังบ้าน ก็จะเห็นหล่อนตัดแต่งกิ่งต้นไม้อยู่หน้าบ้าน พริมาไม่ชอบอยู่ในห้องตัวเอง ยกเว้นเวลาเข้านอน ถ้าหล่อนอยู่บ้าน เขาจึงเจอหล่อนเดินไปทั่วบ้าน

 

พริมาชอบทำกับข้าว ทำสวน...แต่ไม่ชอบเรียนหนังสือ! หล่อนไม่          เคยโดดเรียนหรือเกเร...แต่เหมือนการอ่านหนังสือจะทำให้พริมาเหมือนโดนทรมาน...เขาเห็นเกรดเฉลี่ยของเด็กสาวแล้วก็อนาจใจอยู่เหมือนกัน ก็ยังดีที่ถึงหล่อนจะเรียนไม่เก่งแต่หล่อนก็มีดีอย่างอื่น...แต่เขาจะว่าอะไรหล่อนได้ ขนาดแม่ของหล่อนยังหัวเราะกับกระดาษแผ่นนั้น!!!     ภารดีบอกว่าการเป็นคนเก่งไม่ใช่การเป็นคนดีเสมอไป ขอแค่ลูกสาวเรียนผ่านจบการศึกษาตามเกณฑ์มาตรฐานของสังคมไทยก็พอแล้ว อย่าออกเสียกลางคันแบบหล่อนก็พอ ส่วนเกรดจะต่ำเตี้ยเรี่ยดินยังไงนั้นหล่อนไม่สนใจ   พริมาเสียอีกทีดูจะเป็นกังวลกับผลสอบของตัวเองมากกว่าเสียด้วยซ้ำ      ปากก็พร่ำขอโทษขอโพยแม่ไม่ขาดปาก เขาได้ยินแว่วๆ ว่ายามารับปากจะช่วย “เข็น” เพื่อนรักของหล่อนให้มีผลการเรียนดีขึ้นกว่าเทอมก่อนๆ ให้ได้         เรื่องนี้เขาเห็นด้วยอย่างที่สุด นี่สิถึงเรียกว่าเพื่อนแท้ พริมาโชคดีที่มีเพื่อน      ที่ดีแบบนั้น เพื่อนซี้ของหล่อนคนนี้ดีทุกๆ อย่างเลย โดยเฉพาะ “ปาก”

นพคุณออกไปเดินเล่นดูผลงานของลูกเลี้ยงพ่อเขาแล้ว ก็ไม่มีอะไรทำ เขาจึงกลับขึ้นไปข้างบน แต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียงผู้หญิง...ไม่ใช่เสียงพริมา ปกติเขาอยู่ในห้องก็ได้ยินเสียงหล่อนบ่อยๆ เวลาเด็กสาวคุยกับไก่ ยิ่งพักหลังๆ มีสวนครัวด้วยแล้ว หล่อนจะทำสวนไปด้วยคุยกับไก่ไปด้วยตลอดเวลา      นพคุณเคยสงสัยว่าหล่อนจะรู้ตัวหรือเปล่าว่าเสียงของหล่อนที่พูดอยู่ข้างล่างนั้นได้ยินชัดเจนเหมือนหล่อนมายืนพูดอยู่ในห้องของเขาเลย...และถ้าหล่อนรู้หล่อนจะกล้าคุยกับไก่ไปเรื่อยแบบนี้หรือไม่ หลังๆ มานี่ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะ พริมาเริ่มขยับมาร้องเพลงกล่อมไก่เข้านอน เสียงร้องเพลงของเด็กสาวสดใสน่ารัก แต่มันไม่ตรงจังหวะเลยสักนิด เขาไม่แน่ใจว่าไอ้ไก่นั่นหลับเพราะเคลิ้มหรือหลับเพราะเพลีย แต่เขาเองก็เริ่มเคยจะชินกับความวุ่นวายพอสมควรแล้ว ความจริงพริมาไม่ใช่เด็กวุ่นวาย หล่อนไม่เหมือนกับพวกเด็กผู้หญิงที่โรงเรียน...ที่ทั้งวุ่นวายและน่ารำคาญ เด็กนั่นออกจะเกรงใจเขากับพ่อเสียด้วยซ้ำ ส่วนภารดียิ่งแล้วใหญ่ หล่อนไม่เคยมายุ่งวุ่นวายกับเขาซะยิ่งกว่าพริมาเสียอีก ถ้าเทียบกันแล้วเขายังคุยกับเด็กนั่นมากกว่าแม่ของหล่อนด้วยซ้ำ ภารดีแทบจะไม่อยู่บ้านเลย ได้เจอกันก็น้อยมาก เหมือนหล่อนมีธุระอะไรสักอย่างที่ต้องจัดการอยู่ตลอดเวลา อยู่มาก็หลายเดือนเขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่เลี้ยงเขาทำงานอะไร ภาพในหัวที่ถูกฝังต่อๆ กันมาที่ว่าแม่เลี้ยงนั้นร้ายยิ่งกว่างูพิษ สำหรับกรณีนพคุณนั้น ตอนนี้เขายังตัดสินไม่ได้ว่ามันจริงหรือไม่ เพราะภารดีไม่เคยทำอย่างนั้น หล่อนอยู่ในที่ของหล่อน แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังไม่วางใจ...จะไว้ใจใครง่ายๆ ไม่ได้

ตอนที่นพคุณได้ยินเสียงผู้หญิงที่สวนหลังบ้าน เขากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ นพคุณชอบเรียนหนังสือ เขาสนุกกับการเรียนหนังสือ อ่านอะไรก็เข้าใจและจำได้...ต่างกับพริมาราวฟ้ากับเหว เด็กนั่นอ่านอะไรก็ไม่เข้าหัว นอกจากเรื่องที่หล่อนสนใจ (ซึ่งก็มีไม่มาก) เสียงด้านล่างทำลายสมาธิเขา...พริมากลับมาแล้ว หล่อนไม่ได้ไปเที่ยวกับพ่อเลี้ยงและแม่ แสดงว่าพวกนั้นออกไปธุระตามเคย พวกเขากล้าทิ้งเด็กสาวกับเด็กหนุ่มให้อยู่บ้านกัน      ตามลำพังได้อย่างไรนะ ถึงเขาจะไว้ใจได้ก็เถอะ...นี่คือข้อเสียของภารดี บางครั้งหล่อนก็ไม่กังวลอะไรเลย ไม่กังวลจนน่าเป็นห่วง นี่ถ้าพริมาได้พ่อเลี้ยงและพี่ต่างพ่อที่ไม่ใช่คุณนพรักษ์และเขา ป่านนี้หล่อนจะเป็นอย่างไร?

“ทำไมต้องเป็นห่วงด้วยวะ” นพคุณขมวดคิ้วงงกับความคิดตัวเอง ช่วงหลังๆ พริมาเข้ามาในความคิดเขาบ่อยจนเกินไป สาวน้อยเดินยิ้มๆ แถมยังเข้ามาเงียบๆ จนบางครั้งสลัดเท่าไหร่ก็ไม่หลุด อ่านหนังสือจนเหนื่อยแล้ว (ความจริงก็ยังไม่เหนื่อยเท่าไหร่) ลงไปเดินเล่นข้างล่างดีกว่า

“นพคุ๊ณณณณ” เสียงเด็กสาวข้างล่างดังขึ้นมา ยามาตัวแสบแน่ๆ เจ้าหล่อนหมายหัวเขา ลองว่ายัยนี่หมายหัวใครอย่าหวังจะหลุดไปได้ง่ายๆ เขาพลาดเองไม่น่าไปมีเรื่องผิดใจกับผู้หญิงคนนี้เลย หล่อนไม่เหมือนพริมา เขาเดาผิดไม่คิดว่าเพื่อนสนิทของพริมาจะนิสัยต่างกันสุดขั้วแบบนี้ แทนที่จะสลด กลับทำให้หล่อนเล่นเขาหนักกว่าเดิมหลายเท่า

นพคุณนั่งดูทีวี...ตาดูทีวีจริง แต่หูคอยเงี่ยฟังเสียงที่อยู่ทางหลังบ้าน ถ้ายามามาเที่ยวที่บ้าน ส่วนใหญ่พวกหล่อนจะต้องมีกิจกรรมทำอะไรสักอย่าง คราวก่อนที่มา พวกหล่อนเล่นระบายสีผนังบ้าน ตรงฝั่งเล้าไก่จนเขากับยามา มีเรื่องเถียงกันเสียงดัง เป็นผลให้หล่อนเกลียดขี้หน้าเขาจนถึงทุกวันนี้        นพคุณปรามาสพวกหล่อนไว้ว่าเล่นอะไรกันไม่รู้เรื่องทำบ้านเลอะเทอะ หลังจากปะทะคารม และพวกนั้นชนะ(ความจริงก็ยามานั่นแหละ) จนเขาต้องถอยทัพ...เขาเคยแอบไปดู ภาพวาดฝีมือยามาทำออกมาดูดีไม่น้อยทีเดียว มันเป็นภาพของเจ้านพคุณเอ้ย! ไอ้ไก่บ้านั่นแหละ หล่อนจำลองภาพสวนหลังบ้านของเขาออกมาได้เหมือนทุกองค์ประกอบ...เหมือนสวนซ้อนสวนอยู่บนกำแพงนั่นไม่มีผิด มันเป็นภาพของสวน มีต้นไม้ เล้าไก่และไก่แจ้ที่ยืนพริ้มอยู่บนคอน หลายครั้งนพคุณเห็นพวกหล่อนชอบถ่ายรูป โดยใช้ผนังนั่นเป็น    แบล็คกราวน์อยู่บ่อยๆ พริมาเคยอุ้มไก่ตัวจริงไปยืนถ่ายรูปกับไก่บนกำแพง   ดูเผินๆ เหมือนมีไก่สองตัวอยู่ในรูปนั้นจริงๆ นพคุณเคยคิดภาพเพื่อนพริมา คนนี้ไปรวมอยู่กับกลุ่มพวกที่วาด Graffiti บนกำแพง...มันเหมาะมากกับยามา และวันนี้พอเขาได้ยินเสียงเพื่อนตัวแสบของพริมา ก็เลยต้องลงมาดู...สอดส่องและเฝ้าระวัง ไม่ให้พวกนี้เล่นอะไรแผลงๆ ได้อีก เสียงคุยเล่นเหมือนจะเงียบหายไปแล้ว พวกหล่อนกำลังทำอะไรกันอยู่นะ นพคุณเหลือบมองนาฬิกา เขานั่งอยู่ตรงนี้เกือบสองชั่วโมงแล้ว...หิวน้ำจัง! ต้องกินน้ำนะ! ร่างกายขาดน้ำไม่ดี คิดแล้วก็เดินไปในครัวสิ ตู้เย็นอยู่ในครัว

“ปลาทูต้องบีบสับหว่างกันสิไม่ใช่เรียงทางเดียวกันแบบนั้น มันจะเป็นกลีบกุหลาบได้ไง” เสียงพริมาสอนเพื่อนให้บีบขนมที่มีกลิ่นหอมควันเทียนให้เป็นรูปดอกกุหลาบ ดูจากถาดที่บีบเสร็จแล้วทั้งหมด น่าจะเป็นฝีมือของพริมา ส่วนที่เสร็จ...เสร็จแล้วมั้ง? สองสามดอกน่าจะเป็นฝีมือยามา     ถ้าให้เดาโดยไม่ได้ยินตั้งแต่แรกนั้นไอ้สองสามดอกที่วางอยู่ ดูอย่างไรก็ไม่น่าจะใช่ดอกกุหลาบหรือดอกไม้ชนิดไหนได้เลย และเดาไม่ได้ด้วยว่ามันเหมือนอะไร...นพคุณแปลกใจ คนวาดรูปออกมาได้สวยทำไมถึงบีบดอกไม้ไม่ได้ แล้วสิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจมากกว่าทุกอย่าง คือเขาไม่คิดว่าจะมีวันได้เห็น  พริมาสอนใครให้ทำอะไรได้ โดยเฉพาะสอนยามา!!! ใช่แล้ว! พริมากำลังสอนยามาให้ทำดอกกุหลาบ...เห็นท่าจะจริงอย่างที่ภารดีเคยว่าคนเรามีความถนัดไม่เหมือนกัน การที่อีกคนทำอะไรได้ดีกว่าอีกคนไม่ใช่คนๆ นั้นจะเก่งกว่าหรือฉลาดกว่า อาจจะมีอะไรบางอย่างที่อีกคนทำไม่ได้และอีกคนทำได้ดีกว่าก็ได้ มันเป็นเรื่องของความชอบและความถนัดเฉพาะบุคคล ตอนนั้นนพคุณฟังบ้างไม่ฟังบ้าง เขางงกับคำว่า “อีกคน” ที่ภารดีพูดซ้ำไปซ้ำมา

“มันยากอ่ะ” ยามาบ่นอุบ ตอนนี้หล่อนหน้ายุ่งคิ้วขมวดปากยื่นปากยาวเพราะขัดใจตัวเอง นพคุณอยากจะถ่ายรูปเก็บไว้ใจจะขาด มันน่าแปลกที่ได้เห็นยามาคนเก่งมีเรื่องที่หล่อนทำไม่ได้เหมือนกัน

“งั้นเอาอันนี้ไปนะ...ลองบีบอันนี้ดู” พริมายื่นหัวบีบอันใหม่ให้เพื่อน มันเป็นหัวบีบกุหลาบเหมือนกันเพียงแต่ว่าไม่ต้องใช้ทักษะอะไรมากมาย เพียงแต่บีบวนๆ พรวดเดียวก็ทำให้ขนมที่บีบออกมานั้น รูปร่างคล้ายกุหลาบได้อย่างง่ายดาย...เพียงแต่ดูไม่มีมิติเท่ากับบีบทีละกลีบแบบที่พริมากำลังทำ

“เฮ้ย! สวยอ่ะ งั้นปลาทูเอาอันนี้แหละ ง่ายและดูดี...แบบนี้ค่อยมีกำลังใจหน่อย” เด็กสาวหันไปบีบขนมแป๊บเดียวก็ได้ขนมเกือบเต็มถาด บีบได้เร็วแซงหน้าพริมาไปไกล นพคุณยืนมอง...สวยแบบฉาบฉวยแบบนี้ยังกล้ามาคุยอีก บีบง่ายๆ สำเร็จแบบนี้ เด็ก 4 ขวบยังทำได้ พริมาเหลือบไปเห็นนพคุณที่ยืนอยู่หน้าตู้เย็นพอดี หล่อนยิ้มให้เขาพร้อมทักทายเสียงสดใส

“คุณนพคุณกินขนมไม๊คะ? วันนี้ลูกแก้วทำอาลัวสด” กำลังทำท่าจะปฏิเสธ แต่เห็นสีหน้าท่าทางของเพื่อนรักพริมาแล้วเขาเลยเปลี่ยนใจ

“เอาสิ! แต่เอาถาดนี้นะ ถาดนั้นไม่ไหว สวยแบบฉาบฉวยดูเหมือนคนทำไม่ตั้งใจ” นพคุณชี้ไปที่ถาดของพริมาที่บีบเสร็จแล้วก่อนหน้า

“ได้ค่ะ เดี๋ยวลูกแก้วเอาใส่จานให้นะคะ ขนมวันนี้อร่อย...หวานกำลังดี ไม่หวานมาก”

“แล้วกลิ่นอะไร?”

“กะทิควันเทียนค่ะ ลูกแก้วไม่ได้อบควันเทียน แต่ใช้กะทิควันเทียนแทน ไม่อยากให้กลิ่นควันเทียนมันแรงเกินไป เพราะมันไม่ใช่ไส้ขนมแต่เป็นตัวขนมเลย กลัวถ้าอบควันเทียนมากไป แทนที่จะหอม มันกลับฉุนแทน...บางคนก็ไม่ชอบ แต่ถ้าใช้กะทิกลิ่นควันเทียนแทน มันก็จะได้กลิ่นที่อ่อนลงมาหน่อย” พริมาสาธยายยืดยาว นพคุณรับจานขนมไป เขาดูขนมในจานที่หล่อนส่งมาให้      มีกุหลาบสีสวยน่ากินสามดอก สีชมพู สีเหลือง และสีม่วง แต่ในถาดยังมีสีอื่นๆ อีกเช่น สีฟ้า สีแดง สีขาวใสๆ ที่ไม่ใส่สี เขาได้ไปสามดอกสวยๆ ลองหยิบชิมดู...อร่อย!

“ไม่มีให้เพิ่มหรอกนะ จะเอาไปฝากผู้ชาย” ยามาอ่านสีหน้าเขาออก รีบพูดดักคอ และดักถูกทางเพราะหล่อนเห็นนพคุณส่งสายตาสงสัยกลับมา แต่หล่อนไม่พูดต่อ และถึงแม้เขาอยากถามแค่ไหน นพคุณก็ปากหนัก ยามารู้จุดอ่อน หล่อนจะไม่พูดต่อ ปล่อยให้พ่อเจ้าประคุณข้องใจจนอกแตกตายไปเลย

“นี่! ทำอันนี้มันง่ายไป ปลาทูไม่ยอมแพ้หรอกนะ อยากจะบีบทีละกลีบแบบนั้นอีก” ยามาหันไปดึงความสนใจของพริมาให้กลับมาสอนหล่อนบีบกุหลาบต่อ นพคุณจึงได้แต่ยืนเอ๋ออยู่หน้าตู้เย็นต่อไป เขาอยากกินขนมเพิ่ม และอยากรู้ว่าพริมาลงทุนทำขนมไปให้ใคร เสียงไลน์ดังเตือนว่ามีข้อความเข้า พริมารีบหยิบโทรศัพท์มาดู เพราะใกล้เวลานัดส่งของพอดี และหล่อนเองก็กำลังรออยู่

“พี่ตุลย์ไลน์ตอบมาแล้ว” เด็กสาวหันไปบอกเพื่อน ที่ตอนนี้ยิ้มมุมปาก เพราะหล่อนเหลือบไปเห็นคุณชายใหญ่ยืนมองอยู่

“ว่าไง...พี่เค้าว่าไงมั่ง” นาทีนี้ยามาเล่นใหญ่ขนาดเรียกคเชนทร์ว่า “พี่” กันเลยทีเดียว

“เอ๊ะ!” พริมาอ่านข้อความแล้วอุทานเบาๆ ยิ่งเรียกความสนใจของคนในห้อง

“ว่าไง!” คราวนี้ยามาสนใจจริงๆ ไม่ได้เล่นใหญ่เหมือนตอนแรก

“พี่ตุลย์บอกว่าพรุ่งนี้จะมารับเราสองคนไปเที่ยวที่บ้าน 8 โมงเช้าให้เตรียมตัวให้พร้อม แล้วค่อยเอาขนมไปให้พวกพี่ๆ เค้าเองกับมือ” พริมาอ่านจบ หันมาฟังความเห็นจากเพื่อน ยามาเหลือบไปมองทางตู้เย็น...ยังยืนฟังอยู่แฮะ!

“ไปสิ!!! ก็ดีเหมือนกัน ขนมนี่จะได้ไม่ต้องรีบทำ อีกอย่างพวกเรายังไม่เคยไปเที่ยวบ้านพี่ตุลย์เลย น่าสนุกดีออก เดี๋ยวปลาทูขอพี่พิมพ์ให้เอง ลูกแก้วไม่ต้องเป็นห่วง” ยามาทำเสียงตื่นเต้นเต็มที่ เรื่องการแสดงและเล่นใหญ่ขอให้บอก หล่อนถนัดนักแหละ ตอนนี้คนที่ยืนอยู่หน้าตู้เย็นหายไปแล้ว เขาคงได้คำตอบที่สงสัยก็เลยออกไปตั้งหลักแน่ๆ

“ฮี่ๆๆ” ยามาหัวเราะชอบใจ จนพริมาสงสัยว่าเพื่อนหล่อนเป็นอะไร จะว่าชอบใจผลงานตัวเองก็ไม่น่าจะใช่ เพราะกุหลาบที่บีบเป็นกลีบอยู่นี่ก็ไม่ได้ดูดีเท่าไหร่เลย

 

เวลาอาหารเย็น คุณนพรักษ์กับภารดีกลับมาแล้ว วันนี้กับข้าวเต็ม         โต๊ะไปหมด เพราะพริมาไลน์ไปอวดขนมเมื่อตอนเย็น พวกเขาเลยรู้ว่าวันนี้เพื่อนรักของพริมาจะมานอนที่บ้าน ขากลับจึงซื้อของกินกลับมาไม่น้อยทีเดียว

“อร่อยทุกอย่างเลยค่ะ เดี๋ยวเสาร์หน้ามาใหม่” ยามากินไม่หยุดปาก ตอนนี้หล่อนเติมข้าวไปสองจานแล้ว นพคุณมองตาม เพื่อนพริมาคนนี้กินเก่งหรือเพราะหล่อนกำลังจะโต อืม...ดูเหมือนจะสูงขึ้นด้วย ผิดกับเพื่อนรักของหล่อน พริมาดูไม่มีท่าทีว่าจะโตขึ้นเลย...ส่วนสูงหล่อนน่าจะหยุดไว้แค่นี้ หล่อนกินแค่ครึ่งเดียวของเพื่อนด้วยซ้ำ ที่เหลือเพื่อนรักของหล่อนสูบหายไปหมด          ช่างเข้าขาเหมาะเจาะเติมเต็มซึ่งกันและกันได้พอดิบพอดี อีกคนกินนิดเดียวพอประทังชีวิต...ส่วนอีกคนตามเก็บซากให้เหมือนปลาเทศบาล

ถ้าสองคนนี่โตขึ้นน่าจะเป็นสองสาวที่แตกต่างกันสุดขั้ว คนหนึ่งตัวสูง ผิวสีน้ำผึ้ง ยามาสูงไม่ต่ำกว่า 170 แน่นอน แขนขาหล่อนยาว แต่ตอนนี้มันอาจจะดูเก้งก้างขัดตาตามประสาเด็กวัยรุ่นที่ยังไม่โตเต็มที่ ส่วนพริมา...คนนี้ไม่น่าจะต่างจากตอนนี้เท่าไหร่ เหมือนหล่อนโตเต็มที่ได้เท่านี้ ส่วนสูงไม่น่าจะเกิน 160 แต่เขาเดาเอาว่าพวกหล่อนน่าจะโตขึ้นเป็นสาวสวยน่ามองทีเดียว...แล้วแต่คนจะชอบ แต่ถ้าให้เลือกยามาเขาคงปวดหัวตาย ยัยนี่ปากจัดปากร้ายและเจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างที่สุด ต่างกันกับพริมา หล่อนน่ารัก...น่ารักทั้งนิสัยและหน้าตา เผลอคิดไปเรื่อยเปื่อยกว่าจะรู้ตัว...นี่เขาคิดบ้าอะไร?    ยัยลูกแก้วนี่นะน่ารัก!

“เป็นอะไรตาคุณ? หน้านิ่วคิ้วขมวดเชียว” คุณนพรักษ์สงสัยกับท่าทางของลูกชาย

“เป็นปกติไงคะ” ยามาปลาเทศบาลนั่นเองที่เป็นคนตอบ เขาจะไม่เรียกหล่อนว่าปลาเทศบาลออกมาให้หล่อนได้ยินหรอก เหมือนกับคเชนทร์นั่นแหละที่เขาแอบเรียกในใจว่าไอ้หน้าหมา เพื่อนของพริมานี่มันสิงห์สาราสัตว์ชัดๆ มีทั้งปลาทั้งหมา ไม่รู้คบกันเข้าไปได้อย่างไร

“ปลาทู!” พริมาปรามเพื่อนก่อนที่จะปากเสียไปมากกว่านี้            ยามาสะบัดแขนประมาณว่าอย่ามายุ่งน่า! หล่อนกำลังสนุก

“พี่พิมพ์พรุ่งนี้ปลาทูกับลูกแก้วจะไปเที่ยวบ้านพี่ตุลย์ล่ะ” ยามาขออนุญาต? เป็นคำขออนุญาตที่เหมือนจะเป็นประโยคบอกเล่าเสียมากกว่า

“ลูกแก้วจะเอาขนมไปให้พี่เมษ์ พี่ทองแล้วก็พี่ชาญค่ะ ตอนแรกจะฝากพี่ตุลย์เอาไปให้วันนี้ แต่พี่ตุลย์ไม่ว่าง เลยไม่ได้เข้ามาเอาขนม แต่จะมารับลูกแก้วกับปลาทูไปเที่ยวที่บ้านและก็ค่ายมวยพรุ่งนี้แทนค่ะ” พริมาแก้ให้เพราะเพื่อนหล่อนชอบพูดอะไรสั้นๆ สั้นเกินไปเดี๋ยวคนฟังจะตีความผิดเอาได้

“ดีเหมือนกัน เดี๋ยวแม่ฝากของให้น้องเมษ์ด้วย คราวก่อนของขวัญถูกใจมาก” ภารดีกับพี่สาวคเชนทร์เป็นเพื่อนกันใน Facebook ภารดีเป็นลูกค้าเพจร้านพวงกุญแจของคณิสรา เพราะหล่อนเห็นพวงกุญแจไก่ที่คณิสราฝากคเชนทร์มาให้พริมาแล้วสนใจ จึงตามไปกดไลค์ ในเพจที่ลูกสาวส่งลิ้งค์ต่อมาให้

“แล้วพรุ่งนี้จะไปกันยังไง? ให้ลุงไปส่งไหม?” คุณนพรักษ์อาสา

“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวลูกแก้วนั่งรถสองแถวเข้าไป พี่ตุลย์บอกว่าอู่ของสองแถวอยู่ที่ตลาดใกล้กับบ้าน เดี๋ยวพอไปถึงตรงนั้นแล้วพี่ตุลย์จะออกมารับค่ะ” พริมาจำได้ สองนักมวยค่ายนรสิงห์เคยบอกหล่อนว่าถัดไปจากดงกล้วย       ที่หล่อนไปวิ่งเล่นคราวก่อนนั้น เลยไปอีกนิดเดียวก็จะถึงตลาดแล้ว

“ถ้าน้องลูกแก้ววิ่งต่อไปอีกนิดนึงนะฮ่า ๆๆ ขึ้นสะพานข้างหน้านั่นแหละ พอลงแล้วเลี้ยวซ้ายก็เห็นตลาดแล้ว...ตลาดใหญ่ซะด้วยฮ่าๆๆๆ” อำนาจเล่าให้ทุกคนฟังวันก่อนตอนที่พวกเขากินข้าวด้วยกัน เขามีท่าทางขำขันกับเรื่องนี้มาก อย่าว่าแต่พริมาเลย อำนาจกับชำนาญเองก็คงจะไม่ลืมเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

“ไม่ต้องกลัวลูกแก้วหลงนะคะ ปลาทูพาไปเอง” ยามาที่ลุกไปยกถาดขนมเดินเข้ามาสมทบ หล่อนกินคาวเสร็จแล้ว ก็ถึงคราวตบหวาน พริมาแยกขนม ที่เอาไปฝากใส่กล่องใสไว้อย่างสวยงาม 3 กล่อง กล่องของคณิสราใหญ่กว่าอีกสองกล่องเพราะที่บ้านคเชนทร์นั้นน่าจะมีคนเยอะ ส่วนของอำนาจกับชำนาญหล่อนแยกไว้ให้คนละกล่อง ทุกกล่องจะคละกุหลาบทั้งสองแบบให้ไว้อย่างละเท่าๆ กัน ยามาปลาบปลื้มเพราะกลีบกุหลาบส่วนหนึ่งเป็นฝีมือการบีบของหล่อน (แม้จะบีบง่ายมากๆๆ ก็ตาม) อาลัวสดที่พริมาแยกไว้กินตอนเย็น ก็มีกุหลาบสองแบบเหมือนกัน หล่อนหยิบกุหลาบสีแดงกลีบสวยมาอวดมารดา ยามาก็เช่นกัน นพคุณสังเกตกลีบที่ยามาหยิบมาอวดนั้นดูดีขึ้นมาก แม้จะไม่สวยเท่าของพริมา แต่ถ้าหล่อนได้ฝึกอีกหน่อยก็คงจะสวยไม่แพ้กัน            เขาเชื่อแล้ว...เพื่อนพริมาคนนี้หล่อนไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ จริงๆ

“อร่อยดีนะ ขนมอะไรคุ้นๆ “ คุณนพรักษ์ถาม มันกินเหมือนขนมอะไรสักอย่างที่คล้ายๆ แบบนี้แต่ไม่เหมือนกันซะทีเดียว

“อาลัวสดค่ะ ไม่ได้ตากแดดหรืออบให้กรอบนอก แต่ให้มันนุ่มไปหมดทั้งชิ้นแบบนี้เลยค่ะ”

“จริงด้วยลุงว่าอยู่ว่าคุ้นๆ เหมือนเคยกิน แต่นึกไม่ออก อร่อยดีนะ...ไม่หวานมาก” คุณนพรักษ์หยิบกินไปหลายชิ้นทีเดียว ยามาเหลือบมองนพคุณ เขาไม่ถามแต่หล่อนรู้ว่าหมอนั่นนั่งเก็บข้อมูลอยู่ เพราะหล่อนเห็นเขาหยิบขนมแล้วยกขึ้นมาดมแล้วชิมแล้วมองอยู่อย่างนั้น ระหว่างที่คุณนพรักษ์ ถามพริมา ยามาที่สังเกตอยู่ตลอด เห็นนพคุณกินขนมไปหลายชิ้น...ชิ! หมอนี่เกลียดตัวกินไข่ โธ่เอ๊ย! ไอ้ขี้เก๊ก

“แล้วพรุ่งนี้จะออกกันกี่โมงล่ะ?” ภารดีถาม

“น่าจะแปดโมงค่ะ เห็นพี่ตุลย์บอกว่าให้ไปกินข้าวที่บ้าน” พริมาหันไปคุยกับมารดา แต่นอกจากภารดีแล้วยังมีใครบางคนตั้งใจฟังเพื่อเก็บข้อมูลอยู่เหมือนกัน

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา