Trap Evil กับดักร้อน กับดักร้าย

-

เขียนโดย Piano_sp

วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 08.34 น.

  20 ตอน
  0 วิจารณ์
  15.61K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2563 08.40 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

17) Trap Evil : 16

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 

 


16


 


 


‘ไม่คิดจะพาเข้าห้องเหรอ’


ผู้ชายคนนี้มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เขารู้ที่อยู่ฉันได้ไง ตอนนี้ฉันได้แต่ยืนงงตั้งคำถาม ถามตัวเองซ้ำอยู่ที่หน้าห้องตัวเองพร้อมกับมองหน้าภูเบศไปด้วยอย่างสงสัย กลิ่นเหล้าที่น่าเวียนหัวลอยคละคลุ้งเต็มไปหมด ซึ่งต้นเหตุของกลิ่นก็มาจากตัวของภูเบศนั่นแหละ ฉันเลยผลักให้เขาให้ออกไปห่างๆเนื่องจากรู้สึกหน้ามืดตาลายเพราะกลิ่นเหล้าพวกนั้นแล้วจริงๆ


“เดี๋ยวนี้มีผลัก”


ภูเบศพูดขึ้นหลังจากที่เงียบไปนานแล้วมองฉันด้วยสายตาที่หงุดหงิดแต่ในสายตานั้นกลับมีอะไรบางอย่างซ่อนไว้อยู่


“นายเมากลับไปเถอะ”


ฉันเอ่ยปากไล่ ตอนนี้ฉันไม่อยากเห็นหน้าผู้ชายที่ชื่อภูเบศเลยซักนิด และวันนี้พันแสงก็ไม่ได้อยู่คุมเหมือนกับทุกวันที่ผ่านมา พักหลังมานี้พันแสงมานอนที่นี่แทบทุกคืน แต่วันนี้เพื่อนเขาดันโผล่มาลากเขาออกไปเที่ยวฉันเลยสนับสนุนให้เขาออกไปเที่ยวกับเพื่อนของเขาอย่างเต็มที่เพราะฉันเริ่มเบื่อหน้าพันแสงเข้าไปเต็มที ขออยู่โดยไม่มีเขาเงียบๆสักวันคงรู้สึกดีขึ้นเยอะ


“ไม่กลับ”


คำพูดต่อมาของภูเบศทำให้ฉันต้องถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยใจ เพราะไม่คิดว่าคนตัวโตตรงหน้าคนนี้จะดื้อด้านกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีก


“อย่าให้ต้องเรียก รปภ”


ฉันขู่เขาไปเสียงเรียบ


“เรียกสิ ยังไงก็ไม่กลับ”


ภูเบศยังคงยืนยันคำเดิม ก่อนที่เขาจะเดินผ่านร่างฉันเข้ามาในห้องโดยไม่สนใจเจ้าของห้องอย่างฉันเลยสักนิด หมอนี่คิดจะทำอะไร


“ออกไปนะ”


ฉันพูดแล้ววิ่งตามภูเบศเข้ามาในห้อง คนอะไรเดินเร็วชะมัด แต่ภูเบศจะฟังที่ฉันพูดซะเมื่อไหร่ เพราะตอนนี้เขากำลังเดินสำรวจห้องของฉันอย่างกลับว่านี่เป็นห้องของเขาเองไปแล้ว


“ห้องน่าอยู่ดี”


ภูเบศพูดเสร็จหลังจากที่กวาดสายตามองดูรอบๆห้องของฉัน แล้วเขาก็เดินเข้ามาหาฉันอีกครั้งแล้วก็โถมตัวใส่ฉันจนฉันเสียหลักล้มลงไปนอนที่โซฟาโดยมีภูเบศนอนทับร่างฉันอยู่โดยไม่ทันได้ตั้งตัว


“ถอยออกไปนะ”


“อื้อ ฉันเมา”


ภูเบศบ่นอู้อี้แล้วซุกใบหน้าของเขาลงบนซอกคอฉันพร้อมกับท่อนแขนของเขาที่กำลังกอดรัดร่างกายของฉันไว้แน่นนี่อีก กลิ่นเหล้าที่ติดกับตัวเขามันทำให้ฉันมึนหัวไปหมด สมองฉันมันไม่ทำงานแล้ว


“ฉันเวียนหัว”


หลังจากที่ฉันพูดเสร็จภูเบศก็โผล่หน้าออกจากซอกคอฉันแล้วหันมาจ้องหน้าฉันแทน


“ไม่ทันไรก็ท้องแล้วเหรอ ว่าไงลูกพ่อ”


ฉันได้แต่อ้าปากค้างกับการกระทำและคำพูดของภูเบศ ตอนนี้ภูเบศกำลังใช้มือของเขาลูบหน้าท้องที่แบนราบของฉันอยู่ด้วยสัมผัสที่นุ่มนวล หมอนี่กำลังเข้าใจอะไรผิดไปใช่ไหม


“ทำบ้าอะไร”


ฉันถาม


“ก็ทักทายลูกไง”


“ฉันไม่ได้ท้อง”


ฉันบอกไป ภูเบศที่กำลังมีความสุขกับการทักทายลูกในจินตนาการของเขาอยู่นั้นหันมามองหน้าฉันด้วยสายตาคาดโทษ เหมือนกับว่าที่ฉันบอกว่าไม่ท้องมันเป็นมันเป็นความผิดใหญ่หลวงยังไงยังงั้น ฉันผิดอย่างนั้นเหรอ ฉันยังไม่ได้บอกว่าท้องซักหน่อยทำไมเขาต้องมองว่าฉันเป็นคนผิดด้วยล่ะ


“แล้วเวียนหัวเพื่อ”


คนตัวโตที่นอนทับร่างฉันอยู่ถามเสียงห้วน


“ตัวนายมีกลิ่นเหล้า”


เหมือนว่าเขาจะลืมไปว่าฉันแพ้แอลกอฮอล์ถึงได้ดื่มมาเยอะขนาดนี้ ใช่สิ ฉันมันไม่สำคัญอะไรกับเขาเลยซักอย่าง ฉันตัดพ้อกับตัวเองในใจ ส่วนภูเบศก็ก้มดมเสื้อผ้าของตัวเองแล้วทำหน้าเหยเกเพราะกลิ่นเหล้าที่เขาดื่มมานั้นมันฉุ่นมาก


“งั้นขออาบน้ำหน่อยนะ”


เขาไม่รอให้ฉันอนุญาตสักคำ เขาก็ถือวิสาสะเดินเข้าห้องนอนฉันอย่างกับว่านี่เป็นห้องของตัวเอง หมอนี่ลืมไปแล้วหรือไงว่าฉันโกรธเขาอยู่ ทำตัวเหมือนกับว่าเราคืนดีกันแล้วยังไงยังงั้น ระหว่างที่ภูเบศอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำอยู่นั้น ฉันก็นั่งคิดว่าทำไมฉันต้องปล่อยให้เขาเข้าห้องตัวองมาง่ายๆแบบนี้ ทั้งๆที่พันแสงก็พูดกรอกหูฉันทุกวันว่าอย่าไปพบกับเขาอีก ฉันก็ไม่ได้ไปหาเขาน่ะ เขามาหาฉันที่ห้องเอง


“คิดอะไรอยู่”


ฉันสะดุ้งขึ้นด้วยความตกใจเมื่อภูเบศพูดขึ้นมาขณะที่ฉันกำลังคิดอะไรเพลินๆ ฉันมองไปตามเสียงก็เห็นภูเบศยืนเช็ดผมด้วยผ้าขนหนูอยู่ในทวงท่าที่เซ็กซี่ กับท่อนบนที่เปลือยเปล่าส่วนท่อนล่างก็มีแค่ผ้าขนหนูสีชมพูของฉันพันรอบเอวอยู่  เย็นไว้บุหลัน


“เปล่า”


ฉันตอบแล้วเบียงหน้าหนีไปทางอื่นเพราะกลัวว่าถ้ามองเขานานๆฉันเองจะเป็นฝ่ายที่กระโจมใส่เขาก่อน แต่ฉันต้องมาสะดุ้งอีกครั้งเมื่อร่างกายเย็นเฉียบของภูเบศกำลังโอบกอดฉันอยู่พร้อมกับใบหน้าของเขาที่วางไว้บนไหล่ฉัน


“ฉันโกรธนายอยู่”


ฉันบอกไปพร้อมกับใจตัวเองที่เริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ


“ก็มาง้อแล้วนี่ไง”


ภูเบศพูดพร้อมกับกอดฉันแน่นกว่าเต็มเพื่อยืนยันคำพูดของตัวเอง


“มาง้อทั้งๆที่เมาเนี้ยน่ะ ถ้าไม่เมาก็คงไม่คิดที่จะมาง้อใช่ไหม”


ฉันพูดในน้ำเสียงที่ไม่พอใจเป็นอย่างมาก คนเมาชอบทำอะไรไม่คิด ตอนมีสติก็ไม่คิดจะทำมา ทำทีก็ตอนเมานี่แหละ


“ฉันไม่ได้เมา”


เมื่อกี้ยังบอกว่าเมาอยู่เลย เสื้อผ้าก็มีแต่กลิ่นเหล้า แล้วทำไมต้องบอกว่าตัวเองไม่เมาทั้งที่หลักฐานมันชัดขนาดนี้ ยังจะมีหน้ามาปฏิเสธอยู่อีก


“จริงๆ ไม่ได้กินซักหยด พวกนั้นมันเทเหล้าราดตัวฉัน ไม่เชื่อลองจูบฉันสิ ไม่มีกลิ่นเหล้าเลย”


“คิดว่าฉันจะยอมนายง่ายๆเหมือนเมื่อก่อนเหรอ ฉันไม่ไว้ใจนายอีกแล้ว”


ฉันพูดแล้วก็นึกเห็นเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วมันเจ็บใจจริงๆที่เชื่อเขาง่ายๆตลอด ทำไมฉันมันซื่อบื่อแบบนี้เนี้ย


“ขอโทษ”


คำพูดของภูเบศทำเอาฉันนิ่งไปซักพัก ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้ออกจากปากของเขา  ฉันมองเขาด้วยสายตาที่ยังตกใจอยู่กับประโยคเมื่อกี้ที่ตัวเองได้ยิน


“ขอโทษที่ฉันทำอะไรไม่ดีไป มันเป็นเพราะว่าฉันไม่อยากให้เธอเป็นของคนอื่น แค่คิดฉันก็จะเป็นบ้าตายเพราะเธอแล้วเนี่ย ฉันจะไม่ยอมให้ไอ้หน้าปลวกคนไหนแย่งเธอไปจากฉันแน่ๆ”


ฉันได้แต่มองหน้าของภูเบศอย่างอึ้งๆอยู่อย่างนั้น แต่สิ่งที่เขาพูดฉันจะเชื่อเขาได้จริงๆอย่างนั้นเหรอ ถ้าวันหนึ่งเขาเบื่อฉันขึ้นมาละ


“เดี๋ยวนายก็เบื่อฉัน”


ผู้หญิงแบบฉันมันน่าเบื่อจะตายไม่มีอะไรดีเลยซักอย่าง ไม่นานเขาคงเขี่ยฉันทิ้งแน่ นี่เป็นสิ่งเดียวที่ฉันกลัวอยู่ตอนนี้


“ไม่มีวันนั้นแน่นอน”


ภูเบศพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพร้อมกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความจริงจัง


“แต่ฉันมันน่าเบื่อ”


ฉันยังคงหาเหตุผลมาอ้าง


“ฉันเคยบอกเหรอว่าเธอน่าเบื่อ ทั้งซื่อทั้งเอ๋อแบบนี้ใครมันจะเบื่อลง”


ภูเบศพูดพร้อมกับก้มลงมาหอมแก้มฉันหนึ่งที


“นายอยากได้แค่ร่างกายฉัน”


เพราะที่ผ่านๆมาภูเบศก็เอาแต่ลวนลามร่างกายฉันตลอดจนฉันคิดว่าร่ายกายของตัวเองเนี้ยเป็นของเขาไปแล้ว


“ฉันก็ผู้ชายน่ะโว๊ย ก็ต้องมีบ้าง ยอมรับจริงๆว่าอยากได้ร่ายกายเธอ แต่ฉันอยากได้ใจเธอมากกว่า”


ภูเบศพูดแล้วจ้องตาฉันอย่างไม่มีแววขี้เล่น สายตานี้มันจริงจังและหนักแน่นมาก


“เธอจะให้ใจฉันไหม”


ภูเบศถาม ใบหน้าฉันเริ่มร้อนเห่อขึ้นมา หัวใจของฉันเต้นแรงเหมือนกับมันจะออกมาจากอกให้ได้ ภูเบศจึงเลื่อนมือของเขามากุมมือฉันไว้แน่นแล้วก็กล่าวว่า


“เรามาแลกใจกันไหม เธอเอาใจฉันไปฉันเอาใจเธอมา”


ถึงฉันจะไม่เข้าใจในประโยคที่ภูเบศพูดซักเท่าไหร่ แต่ไม่รู้ทำไมใจฉันกลับดีใจกับประโยคที่เขาพูดเมื่อกี้กันนะ ฉันคงบ้าไปแล้วแน่ๆที่ดันเผลอตัวเผลอใจไปกับเขาด้วยความง่ายดายแบบนี้


“ได้ไหม”


ภูเบศพูดพลางส่งสายตาอ้อนวอนมาให้ฉัน  ฉันเลยพยักหน้าแทนคำตอบ ภูเบศเลยยิ้มออกมาทันทีด้วยรอยยิ้มที่แสนสดใสแบบที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน


“หายโกรธฉันน่ะ”


“อื้อ”


ฉันตอบไปแล้วภูเบศก็ประกบริมฝีปากเขาลงมาที่ริมฝีปากของฉันเบาๆ มันไม่ได้ร้อนแรงอย่างกับทุกครั้งที่เราจูบกัน แต่จูบครั้งนี้กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดที่เขามีต่อฉัน ความรู้สึกของภูเบษกำลังถ่ายทอดมาตามจูบของเขา ฉันเลยจูบตอบเขาอย่างให้อภัยในสิ่งที่เขาได้ทำไป หลายวันมานี้ฉันยอมรับเลยว่าฉันโหยหาอ้อมกอดของเขามาก อ้อมกอดที่เคยกอดฉันจนถึงเช้า อ้อมกอดที่คอยปลอบฉันในยามที่ฝันร้าย  ฉันคิดถึงเขาจริงๆ


“เอาใจฉันไปแล้ว ไม่รับคืนนะขอบอก”


ภูเบศพูดขึ้นหลังจากที่ถอนจูบออกมา ฉันได้แต่ยิ้มให้เขาแล้วก็กอดเขาไว้แน่นๆ เพราะร่างกายและใจของภูเบศคนนี้เป็นของฉัน และฉันก็ไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมันแย่งเขาไปจากฉันแน่


 


 


 


 


อ๊ายยย ทำไมเขาคืนดีกันง่ายๆแบบนี้


ก็อย่างที่บอกนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ไรต์แต่ง


ไม่มีปม ไม่มีดราม่า ไม่มีอะไรที่ทำให้หน่วงใจเลย


เป็นนิยายเรียบๆง่ายๆที่ไรต์รักอีกเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้


โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา