Trap Evil กับดักร้อน กับดักร้าย
-
เขียนโดย Piano_sp
วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 08.34 น.
20 ตอน
0 วิจารณ์
15.94K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2563 08.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
18) Trap Evil : 17
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ17
“อ่ะชุด ใส่ของพันแสงไปก่อนแล้วกัน”
ฉันพูดพร้อมกับยื่นชุดของพันแสงส่งไปให้ภูเบศ เพราะตอนนี้ภูเบศเนื้อตัวเขามีแต่ผ้าขนหนูผืนเล็กที่ผันรอบเอวเขาอยู่ มันดูเหมือนจะหลุดออกเมื่อเขาเดินหรืออขยับตัว ดูแล้วมันไม่น่าไว้วางใจเลยจริงๆ
“ทำไมต้องเป็นของมันด้วย”
ภูเบศมองดูชุดที่อยู่ในมือฉันแล้วก็ทำหน้างอใส่ เมื่อรู้ว่าชุดที่ฉันยื่นให้นั้นมันเป็นของใคร เมื่อไหร่กันนะสองคนนี้จะลงลอยกันเสียที ฉันเบื่อที่จะต้องฟังเขาคนใดคนหนึ่งพูดถึงอีกคนด้วยคำพูดเสียๆหายๆแบบนี้
“ถ้าไม่เป็นของพันแสงจะให้เป็นของผู้ชายคนอื่นหรือไง”
“อย่าแม้แต่จะคิด”
ทันทีที่ฉันกล่าวเสร็จภูเบศก็โต้ตอบกลับมาไวเร็วกว่าแสง ผู้ชายคนนี้ขี้หึงจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นคนตัวโตที่ขี้น้อยใจก็ยอมใส่เสื้อผ้าที่ฉันเอาให้อยู่ดี ที่จริงก็ทำเป็นบ่นไปงั้น
หลังจากที่ภูเบสใส่เสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วหน้าตาของเขาก็เริ่มเคร่งเครียดเหมือนกำลังคิดอะไรเครียดๆอยู่ จากนั้นสายตาอันเฉียบแหลมของเขาก็ตวัดมามองที่หน้าฉัน เล่นเอาซะฉันเริ่มทำตัวไม่ถูกขึ้นมาทันทีเมื่อเจอเขาจ้องมาแบบนั้น นี่เขาเป็นอะไรไปอีกล่ะเนี้ย
“ช่วงที่ฉันหายไป มีใครมาเกาะแกะเธอไหมวะ”
ภูเบศถามเสียงห้วนหลังจากที่คิดอะไรอยู่คนเดียว แล้วหันมาถามฉัน
“เอ่อ..”
ฉันไม่รู้ว่าจะตอบไปยังไงดีช่วงที่เขาไม่อยู่มันก็มีนะพวกผู้ชายอะ แต่จะเป็นพันแสงและเพื่อนๆของเขาที่พวกเรารู้จักกันดีก็แวะมาเยี่ยมบ้าง แล้วก็ไปเที่ยวกันบ้างก็แค่นั้น
“ทำไมตอบยาก ไอ้เวรไหนวะ ฉันจะไปลากคอมัน”
เหมือนภูเบศจะเริ่มเดือดอีกครั้งที่ฉันไม่ยอมตอบคำถามของเขาไปสักที อารมณ์ของหมอนี่มันขึ้นๆลงๆแบบนี้ตลอดเลย ฟังฉันพูดก่อนไม่ได้หรือไงกัน
“โอ๊ย ไม่มี มีแต่พวกพันแสงนั่นแหละ”
ฉันล่ะเริ่มเบื่อพวกผู้ชายอารมณ์ร้อนเข้าเต็มทีแล้ว ฉันต้องรองรับอรมณ์ร้อนของพันแสงมาทั้งชีวิตแล้ว นี่ฉันต้องมาทนภูเบศอีกอย่างนั้นเหรอ
“งั้นก็แล้วไป”
แล้วภูเบศก็เย็นลง เอ๊ะ แต่ว่านี่มันกี่โมงแล้วน่ะ ฉันควรไล่ให้ภูเบศกลับแล้วล่ะ
“กลับห้องได้แล้วนี่ก็ดึกมากแล้วด้วย”
ฉันบอกภูเบศแต่เขากลับทำเป็นไม่ได้ยินเสียงของฉัน แถมยังทำเป็นคลานขึ้นไปนอนบนเตียงอย่างกับว่าฉันเป็นเพียงแค่ธาตุอากาศที่มองไม่เห็น
“ภูเบศ”
ฉันเรียกอีกครั้งแต่เขาก็ยังคงทำเป็นหลับไม่ได้ยินในสิ่งที่ฉันกล่าวออกมาเลย
“ภูเบศทำไมนายดื้อแบบนี้”
ฉันเดินเข้าไปเขย่าเขาแล้วก็มือของฉันฟาดเข้าไปที่ไหล่เขาทีหนึ่งอย่างหมั่นใส้ แต่ต่อมาร่างกายฉันก็ถูกฉุดด้วยแรงของภูเบศให้ล้มลงไปบนที่นอนและตอนนี้ฉันก็อยู่ในสภาพนอนนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของภูเบศ
“ขอนอนนี่นะ คิดถึง”
เมื่อภูเบศเข้าสู่โหมดขี้อ้อนขึ้นมาเมื่อไหร่ เมื่อนั้นแหละฉันจะแพ้เขาตลอด ตอนนี้ฉันเลยได้แค่เพียงนอนให้คนตัวโตกอด เพราะฉันเองก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่าฉันก็คิดถึงเขา เอาเป็นว่าวันนี้ยอมให้หนึ่งวันก็แล้วกัน ครั้งต่อไปไม่มีแน่ วันนี้ยอมๆเขาหน่อยก็แล้วกันเขาอุตส่าห์มาง้อฉันถึงที่นี่ทั้งที
วันต่อมา
วันนี้ดูเหมือนว่าฉันจะอารมณ์ดีกว่าหลายวันที่ผ่านมาเพราะหลายวันมานี่ฉันแทบจะเหมือนศพเดินได้เข้าไปทุกที แต่วันนี้ฉันคนเดิมได้ฟื้นคืนชีพแล้ว
“วันนี้กินอะไรผิดมาถึงอารมณ์ดีขนาดนี้ เมื่อวานยังเห็นซึมๆอยู่เลย”
มิลาเอ่ยทักขึ้นมาทันทีขณะที่เธอกำลังเดินมาทางโต๊ะที่ฉันนั่งอยู่ก่อนแล้ว ฉันหันไปยิ้มให้เธออย่างอารมณ์ดี
“เปล่านิ”
“เชื่อตายล่ะ”
มิลาก็คือมิลา เธอรู้ใจฉันดีที่สุด
“บอกมาเลย”
และเธอจะคอยถามในเรื่องที่เธออยากรู้ตลอด ไม่มีครั้งไหนเลยที่เธอสงสัยอะไรแล้วมันไม่ได้คำตอบ เพื่อนฉันคนนี้ร้ายที่สุดเลยขอบอก
“ก็เรื่องที่ฉันทุกข์ใจ มันจบลงแล้วก็แค่นั้น”
ฉันพูดแต่มิลายังจ้องหน้าฉัน เธอกำลังเค้นเอาคำตอบจากฉันอยู่
“แค่นั้น?”
“อือ แค่นั้น จริงๆน่ะ”
ฉันพูดแล้วก็หลบสายตาอันเฉียบคมของมิลา
“ก็แล้วไป ทำให้เป็นห่วงตั้งนาน เห็นแบบนี้แล้วก็หายห่วงแล้วล่ะ”
หลังจากที่จบประโยคที่มิลาพูด ฉันก็หันไปยิ้มให้มิลาอย่างซึ้งๆกับคำพูดของเธอ
“รักเธอก็เพราะแบบนี้แหละ”
ฉันพูดแล้วก็โผล่เข้ากอดมิลา มิลาได้เพียงแค่กอดตอบฉันแล้วก็หัวเราะเบาๆในความบ้าของฉัน
“จริงๆเลย”
“อ่า ตายล่ะ ลืมส่งการบ้านเดี๋ยวมานะ”
จู่ๆฉันก็นึกขึ้นได้ว่ามีการบ้านที่ต้องส่งอยู่ ฉันนี่มันขี้ลืมจริงๆ มิลามองหน้าฉันแล้วก็ส่ายหัวให้ฉันอย่างเอือมระอา ฉันเลยรีบวิ่งไปห้องของอาจารย์ที่สั่งการบ้านด้วยความเร็วแสง ดีที่ไปส่งทันเวลาไม่งั้นอาจารย์ไม่ให้ส่งแน่ ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันก็เสียคะแนนไปฟรีๆซิ
ระหว่างทางที่ฉันเดินกลับไปที่โต๊ะที่ฉันวิ่งจากมาเมื่อกี้นั้น ความซุ่มซ่ามแบบไม่ดูตาม้าตาเรือของฉันก็เกิดขึ้น ฉันดันเผลอไปเดินชนคนอีกแล้วไง ครั้งนี้แรงพอสมควรเพราะฉันเดินแทบจะวิ่งเลยล่ะเมื่อกี้ แรงที่เราปะทะกันมันเลยแรงมากมากจนฉันล้มลงไปนอนกับพื้น แต่แปลกแฮะฉันกลับไม่เจ็บ
ผลัก!
ฉันเลยลืมตาขึ้นหลังจากที่มีสติว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนร่างของใคร ใบหน้าของผู้ชายหน้าตาจัดว่าดีคนหนึ่งห่างจากหน้าฉันเพียงไม่กี่คืบ อ่า ให้ตายสิแว่นตาฉันไปไหนอีกเนี้ยมองไมชัดเลย แล้วฉันนอนทับใครอยู่อีกล่ะเนี้ย
“อ่า ขอโทษค่ะ”
ฉันรีบลุกขึ้นออกจากคนที่ฉันทับอยู่ด้วยความรวดเร็ว พร้อมกับกล่าวคำขอโทษออกไปด้วย
“ไม่เป็นไรครับ ผมต่างหากที่เดินไม่ดูคุณเลย”
ผู้ชายคนนั้นกล่าว
“ฉันผิดเองค่ะ ที่ซุ่มซ่าม”
เรื่องนี้เขาไม่ผิดเลย ฉันต่างหากล่ะที่ผิด
“ครับๆ แล้วนี่เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
ผู้ชายตรงหน้าฉันถามด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นห่วง แต่ฉันไม่รู้หรอกว่าตอนนี้เขากำลังทำสีหน้ายังไงเพราะตอนนี้มองอะไรไม่ชัดเลย
“ไม่เลยค่ะ ไม่ทราบว่าเห็นแว่นตาฉันไหมคะ”
อ่า ไม่มีแว่นตาฉันเหมือนคนตาบอดเลย
“นี่ใช่ไหมครับ”
ผู้ชายตรงหน้ายืนแว่นตามาให้ฉัน ฉันรับมาแล้วสวมใส่ทันที แต่สิ่งที่ฉันเห็นกลับเป็นรอยร้าวบนเลนส์แว่นตาแทน แตกอีกแล้ว
“เอ่อ.. แว่นตาคุณ”
“ฉันซวยแบบนี้ตลอดแหละค่ะ อ่า ฉันไม่ได้ว่าเรื่องนี้ซวยนะคะ”
พูดไม่คิดอีกแล้วยัยบุหลันเอ๊ย
“ฮ่าฮ่า ครับ”
ดูไปดูมาผู้ชายคนนี้นิสัยดีจริงๆ เขาดูร่าเริงดีน่ะ
“ผมชื่อ สิงหาครับ”
ผู้ชายคนนั้นแนะนำตัวแล้วก็ยิ้มให้ฉันอย่างเป็นกันเอง
“บุหลันค่ะ”
“เรื่องแว่นตาคุณ เดียวผมซื้อคืนให้น่ะครับ ผมก็มีส่วนผิด”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
ฉันเป็นคนซุ่มซ่ามไปเดินชนเขาเองนะ แล้วจะให้เขามารับผิดชอบได้ไง ฉันเลยรีบกล่าวปฏิเสธไป
“อย่าปฏิเสธเลยนะ”
สิงหา พูดแล้วส่งสายตาอ้อนวอนมา โอ้ ตายล่ะ ฉันแพ้ลูกอ้อนอีกตามเคย
“เอาตามที่สบายใจเลยค่ะ คุณสิงหา”
“เรียกสิงหาครับ ไม่งั้นโกรธ”
ฉันได้แต่อ้าปากค้างในประโยคที่สิงหาพูดเมื่อกี้ ฉันจะรับมือกับเขายังไงดีล่ะ
“อ่า ค่ะ สิงหา”
ฉันเลยเรียกตามที่เขาต้องการ สร้างมิตรดีกว่าสร้างศัตรู ไว้ดีกว่าว่าไหม หลังจากที่ฉันเรียกชื่อตามที่เขาบอก สิงหาก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจเมื่อสิ่งที่เขาต้องการมันสำเร็จ
“งั้นฉันขอตัวนะคะ”
ฉันบอกสิงหาไปเมื่อนึกขึ้นได้ว่ามิลารอฉันอยู่ที่โต๊ะคนเดียว
“แล้วเรื่องแว่น”
“อ่อ ฉันอยู่แถวไต้ตึกบริหาร มีอะไรไปหาที่นั่นได้ ไปนะคะ”
“แล้วเจอกันครับ”
แล้วฉันก็เดินออกมา โดยมีสายตาของสิงหาจับจ้องอยู่ หลังจากที่หญิงสาวเดินออกมาชายหนุ่มก็ได้เพียงแค่ยืนมองตามแผ่นหลังเธอแล้วก็ยิ้มกับตัวเองอย่างกับคนบ้า
“บุหลัน เหรอ”
ชายหนุ่มพูดกับตัวเองเบาๆแล้วก็ยิ้มออกมาอีกครั้งอย่างไม่เข้าใจตัวเอง ว่าทำมัยเขาถึงรู้สึกมีความสุขอย่างนี้
“ต้องเจออีกให้ได้”
มันเป็นประโยคเพียงสั้นๆ แต่มันทำให้เขามีความกระตือรือร้นกับเรื่องแค่นี้ ซึ่งภายในใจของชายหนุ่มตอนนี้กำลังนึกเห็นแต่ใบหน้าอันไร้เดียงสาของหญิงสาวผู้นั้น เขาไม่เคยใจเต้นแรงกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน แต่กับผู้หญิงคนนี้หัวใจของเขากลับเต้นไม่ถูกจังหวะหรือว่ามันจะเป็นความรัก
555 เอ๋อๆอย่างบุหลันยังมีคนมาชอบนอกจากอีภูเบศอีกเหรอ
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ