Twin แฝดเลือดผสม
8.0
เขียนโดย Shinman33
วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.05 น.
39 ตอน
3 วิจารณ์
31.71K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 16.21 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) ตัวตนที่แท้จิง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตัวตนที่แท้จริง
“หายป่วยแล้วหรือถึงออกมาเดินเที่ยวเล่นได้เนี่ย วันหลังจะออกมาก็บอกพี่บ้างนะ เดี๋ยวพี่พามาเอง” กล่าวพร้อมกับเหลือบมองเดวี่
“ผมไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกพี่ริว ว่าแต่พี่เหอะได้ดูผมประลองเวทย์ป่าว” ชายน์ยังคงถามอย่างเจื้อยแจ้ว
“พี่โดนทางสภาแกรนน่าเรียกพบหน่ะ เลยดูไม่จบ” ริวตอบสั้นๆ แต่ก็เป็นตามนั้นจริงๆ เพราะตอนที่เขากำลังดูการประลองเวทย์ในรอบสองอยู่นั้นจู่ๆ เขาก็โดนเรียกตัวด่วนทำให้เขาไม่ทันได้เห็นตอนจบของการประลองนั้น แต่ก็พอจะรู้มาบ้างว่าชายน์ได้รับบาดเจ็บ
“แล้วนี่พี่เสร็จธุระแล้วหรือถึงมานั่งอยู่นี่ได้อ่ะ ผมกับเพื่อนนั่งด้วยนะ” กล่าวจบก็เรียกเดวี่ให้นั่งลงตามทันที ส่วนริวนั้นตอนนี้เขาเองก็กำลังปฏิบัติภารกิจให้สภาแกรนน่าอยู่ แต่เพราะเรื่องงานของเขามันเกี่ยวข้องกับคนตรงหน้าเขาเลยปล่อยเลยตามเลย อย่างน้อยก็อยู่ในสายตาพี่ละนะ
‘ฉันว่าพี่นายไม่ค่อยพอใจนะ’
‘รู้แล้ว แต่แค่อยากแกล้งคนหน่ะ โทษฐานที่มีความลับกับฉัน ฮ่าๆๆ’ การสนทนาในความคิดกับเสียงปริศนาจบลงหลังจากที่ชายน์บอกเหตุผลออกไป
“เธอใช่มั๊ยประธานรุ่นของปี1 หน่ะ” ริวหันมาถามเด็กอีกคนที่มากับน้องชายของเขา
“ครับพี่ริว ผม เดวี่ ลอฟดาน่า ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” กล่าวพร้อมกับโค้งคำนับอย่างดงามให้แก่ริว แม้นามสกุลจะไม่เหมือนกับตอนประกาศในสนามแต่ริวก็เข้าใจเหตุผลของการปิดบังนั้นดี จึงไม่ซักถามอะไรในประเด็นนี้ต่อ
“สนิทกับชายน์หรอ” ริวยังซักไม่เลิก
“เอิ่มมม ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกพี่ริว” ชายน์ตอบบ้าง
“ครับ ไม่ได้สนิทมาก แต่คิดว่ากำลังพยายามสนิทให้มากที่สุด” เดวี่ตอบเรียบๆ
“มีเหตุผลอะไรหรือเปล่า” ริวยังไม่ละความพยายาม
“ผมต้องดูแลชายน์”
“ทำไม” ริวถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยปกตินัก
“ผมว่าพี่น่าจะเข้าใจในสิ่งที่ผมกำลังพยายามจะบอกพี่นะ เรื่องดูแลชายน์มันไม่ใช่หน้าที่ของพี่คนเดียวหรอก” เดวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังจนริวชะงักไปทันที
‘นี่มันเรื่องอะไรกันว่ะ’ ชายน์คิดอย่างสงสัย
“รู้ใช่มั๊ยว่าชายน์มีความสำคัญแค่ไหน” ริวเอ่ยอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ดีขึ้นกว่าเก่า
”ครับ พี่เชื่อใจผมได้”
“รับปากพี่ ไม่ว่าจะยังไง ห้ามทิ้งชายน์ นายต้องดูแลเขาให้ดีที่สุด” ริวเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ด้วยสัจจะของลอฟดาน่า เดวี่คนนี้จะคอยช่วยเหลือดูแลปกป้อง ชายน์ ชาโดวส์ อินเดอนาสด้วยชีวิต” คำกล่าวของเดวี่นั้นหนักแน่นเปี่ยมไปด้วยพลังที่ฟังแล้วชายน์ยังไม่กล้าเอ่ยขัดอะไรด้วยซ้ำ และริวเองก็ดูท่าจะพอใจไม่น้อยเพราะทันทีที่เดวี่กล่าวจบริวก็ส่งยิ้มบางๆ ออกมาให้ทันที ...ลอฟดาน่า คำนี้แหละถึงได้ไม่ห่วง
“นี่มันเรื่องอะไรกันหรอ ผมเป็นผู้ชายนะ ดูแลตัวเองได้” ชายน์กล่าวออกมาอย่างไม่ค่อยจะพอใจนัก
“งั้นมื้อนี้พี่เลี้ยงนะ อยากกินอะไรก็สั่งเลย” ริวกล่าวออกมาเพื่อเลี่ยงการตอบคำถามนั่นและดูท่าว่าจะได้ผลไม่น้อยเพราะทันทีที่พี่ชายบอกว่าจะเลี้ยง น้องชายตัวแสบก็ลืมเรื่องเมื่อครู่นี้ไปซะสนิทแล้ว
“เย้ ของฟรีอีกแล้ว ฮ่าๆๆๆ” ชายน์หัวเราะอย่างอารมณ์ดี
……………………………………………………
“เอาล่ะนักเรียน ตามที่ครูสั่งให้พวกเธอไปหาอาวุธประจำตัวมานั้นมีใครลืมมั๊ย” กิมเมอร์อาจารย์ประจำวิชาการรบกล่าวถามนักเรียนปี1 ที่วันนี้มาเรียนกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันดีแล้ว และเมื่อเห็นว่าเด็กๆ ให้ความร่วมมือดีกิมเมอร์ก็ยิ้มน้อยๆ ออกมาก่อนจะกล่าวต่อ
“ดีมากที่ทุกคนให้ความร่วมมือ ถ้างั้นครูจะเริ่มสอนเลยละกันนะ สืบเนื่องจากการประลองเวทย์ที่ผ่านมานั้นครูยังไม่เห็นพวกเธอจะใช้อาวุธกันซักเท่าไหร่เลย ซึ่งอาจเพราะเธอยังไม่ถนัด เธอยังไม่มีอาวุธหรือการใช้เวทย์อาจสะดวกและง่ายกว่า แต่เธอต้องไม่ลืมว่านักเรียนโฮเนอร์ไม่ว่าจะอยู่สายใดก็ตามจะต้องเก่งและมีความชำนาญในการต่อสู้ทุกๆ สาย และหนึ่งในนั้นก็คือการต่อสู้โดยใช้อาวุธ” กิมเมอร์กล่าว
“เดวี่ เชิญออกมาด้านหน้าหน่อย” เสียงเรียกของกิมเมอร์ทำให้นักเรียนทั้ง 4 สายต่างพากันหันมามองที่เดวี่เพียงคนเดียว แต่เจ้าตัวก็เพียงแต่เดินออกไปหน้าชั้นเรียนอย่างสบายๆ
“เนื่องจากเรามีประธานรุ่นแล้วคือเดวี่ ดังนั้นครูก็จะขอเชิญประธานรุ่นของเราออกมาโชว์อาวุธของเขาและสาธิตการเรียนในวันนี้หน่อยก็แล้วกันนะ หึหึ เรียกอาวุธของเธอออกมาสิ” กิมเมอร์ออกคำสั่งทันทีที่เดวี่ออกมายืนอยู่หน้าชั้นเรียนเรียบร้อยแล้วและเมื่อได้รับคำสั่งเด็กหนุ่มหน้านิ่งก็ทำตามแต่โดยดี
“หือออออ” เสียงฮือฮาของเด็กปีหนึ่งดังไปทั้งห้องเรียนเพราะทันทีที่เดวี่เรียกดาบเล่มยาวสีดำออกมาอุณหภูมิในห้องก็ลดต่ำลงจนคนทั้งห้องเกิดความรู้สึกหนาวไปตามๆ กัน
“แค่เรียกดาบออกมาฉันก็รู้สึกอึดอัดแล้วอ่ะ หนาวๆ ยังไงก็ไม่รู้” มาร์ตินเอ่ยออกมาพร้อมกับนั่งลูบขนแขนตัวเองที่ลุกตั้งไปทั้งแขน
“นั่นดาบอะไรกันแน่ ทำไมไอเวทย์มันถึงได้รุนแรงขนาดนั้นนะ” เบลเอ่ยออกมาอย่างสงสัย
“ดาบดำแห่งราชันย์ปีศาจ สมกับตำแหน่งประธานรุ่นจริงๆ นะ เดวี่ ลอฟดาน่า ฮ่าๆๆๆ” กิมเมอร์กล่าวพลางหัวเราะเสียงดังไปลั่นห้อง และแน่นอนว่าเมื่อได้ยินคำว่าปีศาจนักเรียนส่วนใหญ่ก็พากันตกใจ บ้างก็มองเดวี่ด้วยสายตาแบบหวาดกลัวและนั่นทำให้เดวี่หงุดหงิดไม่น้อย ...ลอฟดาน่าหรอ? ราชันย์ปีศาจรึ? อย่าบอกนะว่าชื่อนี้ดาบนี้และชายคนนี้..
“อาจารย์แกคงอยากให้เดวี่เป็นตัวร้ายสินะ” นีโอกล่าวออกมาอย่างอดที่จะเป็นห่วงความรู้สึกของเพื่อนไม่ได้
“เอาล่ะเด็กๆ แค่เพื่อนเธอสืบเชื้อสายมาจากปีศาจเท่านั้นเอง ไม่ต้องตกใจนะ” กิมเมอร์กล่าวพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ที่เหตุการณ์เป็นไปตามที่คิด
“ดาบเล่มนี้ได้ผสานเวทย์ของเจ้าของดาบลงไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อเราผสานเวทย์ลงไปก็จะทำให้ดาบมีอานุภาพมากยิ่งขึ้นและช่วยผ่อนกำลังของการต่อสู้ลงได้อีกด้วย เดวี่แสดงให้เพื่อนๆ ดูหน่อยซิ ไม่ต้องกลัวความเสียหายนะเพราะนี่สนามเรียนวิชาการรบ ฉันอนุญาตเต็มที่” กิมเมอร์กล่าวออกตัว และทันที่ได้รับอนุญาตเดวี่ก็หลับตาลงพร้อมกับกลุ่มควันสีดำลอยคละคลุ้งอยู่รอบๆ ดาบในมือ ทันทีที่เดวี่ลืมตาและวาดดาบออกไปยังสนามเบื้องหน้าก็ปรากฏว่า…
บึ้มมมมม!! เสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่วทั้งสนาม อานุภาพของระเบิดจากดาบดำเล่มนั้นส่งผลให้พื้นสนามเบื้องหน้าเป็นหลุมขนาดใหญ่พร้อมกับเปลวไฟที่ลุกติดอยู่ในบริเวณหลุมนั้น
“เอาล่ะ นี่คือตัวอย่างของการใช้เวทย์ผสานกับอาวุธ สำหรับคนที่มีอาวุธและผสานเวทย์แล้วก็จะเข้าใจในสิ่งที่ครูพูดดี แต่หากใครที่พึ่งจะมีอาวุธเป็นของตัวเองหรือยังไม่ได้ผสานเวทย์ของตนลงกับอาวุธเธอก็จำเป็นต้องผสานเวทย์ก่อน ซึ่งคุณสมบัติพิเศษของอาวุธที่เพิ่มขึ้นมานั้นจะสอดคล้องกับธาตุประจำตัวของคนที่ผสานเวทย์นะ” กิมเมอร์กล่าวอย่างละเอียด
“ส่วนวิธีการผสานเวทย์ลงในอาวุธก็แสนจะง่าย เพียงแค่เลือดของเธอสัมผัสกับอาวุธนั่นพร้อมกับร่ายเวทย์นิดหน่อยจากนั้นอาวุธอาจเปลี่ยนแปลงรูปร่างไปบ้างตามความเหมาะสมเพราะอาวุธและตัวเธอจะผสานเป็นหนึ่งเดียวหลังจากผสานเวทย์แล้ว ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นคือเรื่องธรรมดา อย่าได้ตกใจ ฮ่าๆๆ” กล่าวจบก็เริ่มสอนเวทย์สำหรับการผสานเวทย์ให้เหล่านักเรียนทันทีทันที
‘ว้ายยยย ดาบฉันกลายเป็นสีชมพูอ่ะเธอ สวยอ่ะ’
‘นี่ๆๆ หอกของฉันกลายเป็นหอกแก้วไปทั้งเล่มเลยอ่ะ แจ่มสุดๆไปเลย วู้ววว’ เสียงอันตื่นเต้นของเหล่าเด็กๆ ที่เริ่มลงมือผสานเวทย์แล้วดังออกมาเป็นระยะๆ
“นี่นอกจากเดวี่แล้วพวกเรายังมีใครที่ผสานเวทย์ลงในอาวุธแล้วบ้างล่ะ” เซฟานี่ถามขึ้นหลังจากที่เข้าใจวิธีการดีแล้ว
“ฉัน เรียบร้อยแล้วล่ะ ฮ่าๆๆ” ดัชเอ่ย
“ถ้างั้นฉัน เบล มาร์ติน นีโอและชายน์ยังไม่ได้ผสานเวทย์สินะ เริ่มเลยละกันนะ” กล่าวจบเซก็เรียกดาบสีฟ้าครามออกมาไว้ในมือพร้อมกับกดคมมีดลงบนปลายนิ้วน้อยๆ ให้เลือดนั้นหยดลงบนดาบ จากนั้นก็ร่ายเวทย์ทันที ฉับพลันแสงสีขาวก็สว่างว้าบไปทั้งร่างของเซฟานี่จนเด็กคนอื่นๆ ต้องหันมามอง และเมื่อแสงนั่นดับลงดาบในมือของเซก็ส่องประกายยิ่งกว่าเก่าจนเด็กๆ ที่เห็นต่างอิจฉาไปตามๆ กัน
“สวยจังเช เดี๋ยวรอดูของพวกฉันบ้างนะ” กล่าวจบมาร์ติน เบลและนีโอก็เริ่มลงมือบ้างทันทีโดยธนูของนีโอที่มีสีดำนั่นก็เปลี่ยนเป็นสีขาวสว่างทั้งคัน ทางด้านดาบสีส้มของเบลนั้นก็เกิดไฟลุกท่วมดาบทั้งเล่มทันทีหลังจากที่เบลร่ายเวทย์จบลง เวลาผ่านไปร่วมนาทีไฟนั่นจึงดับลงและเผยให้เห็นดาบสีส้มเล่มเดิมแต่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเก่านิดหน่อย ส่วนดาบของมาร์ตินนั้นไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
“ว้าว ดาบสีส้มสวยจังเลย เหมาะกับธาตุไฟของนายจริงๆ” นีโอกล่าวอย่างชื่นชม
“ก็เหมือนธนูของนายนั่นแหละ นายมีธาตุแสงเป็นธาตุประจำตัว ธนูก็เปลี่ยนเป็นสีขาวเพื่อให้เหมาะกับนายไง” เบลยกเหตุผลมาอธิบาย
“งั้นดาบของฉันที่สวยขึ้นก็เพราะว่าได้รับอานุภาพความสวยจากฉันไปหน่ะสิ คิกคิก” เซกล่าวเล่นๆ อย่างอารมณ์ดีจนมาร์ตินอดจะแซวขึ้นมาไม่ได้
“ฉันคิดว่าเธอคงเข้าใจอะไรผิดนะ เธอหน่ะโหดมากกว่าสวยซะอีกเซ หึหึ” มาร์ตินกล่าวอย่างหงุดหงิดที่ดาบของเขาไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ เลย แต่ก็อดเห็นด้วยไม่ได้ว่าเซฟานี่เธอสวยมากจริงๆ แหละ > <
“แล้วนายทำไมยังไม่เริ่มอีกละชายน์ ฉันรอดูของนายโดยเฉพาะเลยนะ” ดัชเอ่ยทักออกมาและนั่นทำให้เพื่อนๆ ในกลุ่มหันมาสนใจชายน์ทันที
“ใช่ๆๆ รีบๆ เลยชายน์ พวกฉันอยากเห็นว่าดาบสีดำของนายจะเหมือนของเดวี่หรือเปล่า” เซกล่าวอย่างตื่นเต้น
“เอ่อ คือ” ชายน์หน้าซีดพลางตอบอย่างตะกุกตะกัก
‘นายกลัวเลือดใช่มั๊ย ชายน์’ เสียงปริศนาในความคิดร้องทักอย่างรู้ทัน
‘ไม่ได้กลัว แต่แค่ไม่อยากเห็น โธ่..’ ชายน์ปฏิเสธ
“กลัวเลือดหรอ” เดวี่ถามเหมือนกับรู้ความคิดของคนตรงหน้า
“แค่ไม่ชอบ ไม่ได้กลัวซะหน่อย” ชายน์เอ่ยเสียงอ่อย แต่ก็เรียกรอยยิ้มจากเพื่อนๆ ได้เป็นอย่างดี
“มองหน้าฉันนะ” เดวี่กล่าวจบชายน์ทำตามทันที
“อ๊าคคค” ชายน์ร้องลั่นเมื่อมีดสั้นเล่มงามกรีดลงบนนิ้วโดยที่เจ้าของนิ้วไม่ทันจะได้ตั้งตัว เลือดสีแดงสดหยดลงบนดาบสีดำเล่มงามพร้อมกับไอเวทย์สีดำลอยคละคลุ้งไปทั่ว
“ร่ายเวทย์สิชายน์” นีโอเอ่ยเตือนเมื่อเห็นว่าชายน์หน้าซีดจนผิดปกติ
‘ฉันเคยบอกแล้วใช่มั๊ยว่าเราจะปลุกพลังที่หลับใหลของนายให้ตื่นเมื่อถึงเวลา…’ เสียงปริศนาในหัวดังแทรกขึ้นมา
‘ว่าตามฉันนะ’ เสียงนั้นกล่าวอีกครั้งพร้อมกับร่ายเวทย์บทอื่นที่ต่างไปจากที่อาจารย์กิมเมอร์สอน เมื่อชายน์เริ่มร่ายเวทย์วงแหวนสีทองมากมายก็ปรากฏขึ้นล้อมรอบร่างของชายน์ไว้พร้อมกับที่ร่างนั้นทรุดลงทันที
“ชายน์” นีโอกำลังจะวิ่งเข้าไปช่วยแต่ทว่าเมื่อเข้าถึงวงแหวนสีทองนั้นก็ต้องกระเด็นออกมาทันที ในขณะนี้เด็กปี1 ทั้งสนามต่างก็หยุดกิจกรรมของตนเองแล้วหันมาสนใจชายน์กันหมดไม่เว้นแม้แต่กิมเมอร์ที่ยืนมองวงเวทย์นั้นด้วยความตกตะลึง
“วงเวทย์เทวา เป็นไปได้ยังไง” กิมเมอร์นั้นพอจะรู้มาบ้างว่าเด็กนี่น่าจะเป็นผู้พิทักษ์ในคำทำนายเพราะสามารถอ่านภาษาแกรนน่าโบราณได้ แต่เขาก็ไม่ได้เชื่อซะสนิทใจจนได้เห็นชายน์ใช้เวทย์แห่งแสง ใช้รัตติกาลเพลิงและนี่ยังใช้วงเวทย์เทวาได้อีก …นี่มันคุณสมบัติของผู้พิทักษ์ตามคำทำนายเลยนี่!!
‘อดทนหน่อยนะชายน์ นายจำเป็นที่จะต้องผ่านมันไปให้ได้’ เสียงปริศนาในหัวดังออกมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงชายน์ไม่น้อย
ภาพเหตุการณ์ต่างๆ มากมายไหลผ่านเข้ามาในหัวของชายน์ ภาพที่บอกความเป็นมาของตัวเขา และภาพสุดท้ายคือบุรุษผู้หนึ่งที่อธิษฐานจิตก่อนจะสิ้นลม จากนั้นแสงสีรุ้งและขาวดำก็พุ่งออกมาจากร่างนั้นลับหายไปคนละทิศทาง
บัดนี้ร่างของชายน์มีแสงสีขาวสว่างห่อหุ้มอยู่รอบๆ กาย วงเวทย์สีทองที่ล้อมร่างเขาไว้ตอนนี้กำลังมีอักขระสีทองลอยออกมาหมุนโคจรอยู่รอบๆร่างของชายน์จากช้าเป็นเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ไม่มีใครสามารถมองผ่านวงโคจรของอักขระนั้นได้แล้ว อึดใจเดียวอักขระนั้นพุ่งเข้าไปยังใจกลางวงโคจรนั้นก่อนที่วงแหวนสีทองจะค่อยๆ หายไปพร้อมๆกับที่มีแสงสว่างสีขาวว้าบขึ้นมาจนทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต้องยกมือปิดหน้าพร้อมกับหลับตาทันที
เมื่อทุกอย่างกลับคืนสู่สภาวะปกติก็ปรากฏร่างของเด็กผู้ชายตัวสูงภายในมือถือดาบเล่มยาวสีดำสนิท ผู้ที่มีคันคิ้วเข้มดกดำรับกับจมูกโด่งได้รูปอยู่บนใบหน้าเรียวสวย ริมฝีปากสีชมพูอิ่มกับดวงตาสีดำนั่นมันช่างคุ้นเคยเสียเหลือเกิน แต่ทว่าผมดำที่ยาวถึงกลางหลังกับปีกสีดำนั่น….
“นายคือ….” เบลเอ่ยออกมายังไม่ทันจบก็ประสานสายตาเข้ากับชายผมดำยาวตรงหน้า และอำนาจบางอย่างก็ทำให้เบลก้มหน้าหลบสายตานั้นทันทีทั้งๆ ที่ยังไม่ทันจะพูดจบ
“ชายน์ ชาโดวส์ อินเดอนาส” เสียงที่แสนจะคุ้นเคยดังออกมาจากปากของคนตรงหน้าที่รูปร่างหน้าตาออกจะแปลกไปซักหน่อยแต่บางอย่างก็บอกว่านี่คือเพื่อนของพวกเขา และนั่นก็ทำให้มาร์ตินวิ่งเข้าไปโดดกอดเพื่อนรักตรงหน้าทันที
“นายโคตรดูดีเลยว่ะชายน์ โห มีปีกด้วย ฮ่าๆๆๆ” เสียงร้องชื่นชมและการกระทำของมาร์ตินทำให้สาวๆ หลายคนอิจฉาอยู่ไม่น้อยที่ได้กอดกับชายน์
“ร่างที่แท้จริงสินะ สรุปนายมันพวกไหนกันแน่เนี่ย” นีโอกล่าวอย่างสงสัย เพราะชายน์มีรัตติกาลเวทย์ที่สูงมาก สามารถใช้เวทย์แห่งแสงได้ดีและยังใช้เวทย์จากธาตุพื้นฐานได้ดีเยี่ยมอีก
“ฉันก็คือฉัน คือเพื่อนพวกนายไม่ใช่หรือ?” กล่าวยิ้มๆ ก่อนจะกระพือปีกสีดำนั่นพลันปีกก็หายไปทันที
“อาจารย์ครับ ทำไมดาบหมอนั่นไม่เปลี่ยนแปลงแต่ร่างหมอนั่นกลับเปลี่ยนไปละครับ” แจ็คกี้ที่ดูท่าจะไม่ค่อยพอใจกับชายน์เท่าใดนักที่ได้รับความสนใจจากหลายๆ คนจึงเอ่ยออกมาอย่างสงสัยปนอารมณ์หงุดหงิด
“มี 2 กรณีคืออาวุธเปลี่ยนเพื่อให้เหมาะสมกับคน และอีกกรณีคือคนเปลี่ยนเพื่อกลับสู่ร่างที่แท้จริงให้เหมาะที่จะใช้อาวุธหน่ะ” กิมเมอร์กล่าวอธิบายพลางจ้องมองแต่ชายน์อย่างไม่วางตา
“แล้วเขาจะกลับมาเหมือนเดิมรึเปล่าคะอาจารย์” เซฟานี่ถาม
“ถ้าอายุถึงวัยสมบูรณ์หลายๆ เผ่าพันธุ์ก็จะแสดงร่างที่แท้จริง ถ้านี่คือร่างที่แท้จริงก็จะต้องอยู่กับร่างนี้ แต่ก็สามารถที่จะปิดอำพรางบางอย่างได้ เช่นถอดปีกอย่างที่เพื่อนเธอพึ่งจะทำไงล่ะ” กิมเมอร์อธิบายตามที่เขารู้
“ถึงวัยสมบูรณ์หรอ แล้วฉันจะมีร่างที่แท้จริงแบบชายน์รึเปล่านะ” มาร์ตินกล่าวอย่างสงสัยแต่ก็โดนเซขัดจนหัวคะมำ
“ถ้านายมีร่างที่แท้จริงก็คงจะมีหูมีหางพร้อมกับหลังอานละมั้ง ฮ่าๆๆๆ” สิ้นเสียงของเซ เพื่อนๆ ก็พากันหัวเราะลั่น
‘เป็นท่านจริงๆ ด้วย นายน้อย’ เดวี่คิดพลางยิ้มกว้างออกมาโดยที่ไม่มีใครทันสังเกตุเห็น
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
“หายป่วยแล้วหรือถึงออกมาเดินเที่ยวเล่นได้เนี่ย วันหลังจะออกมาก็บอกพี่บ้างนะ เดี๋ยวพี่พามาเอง” กล่าวพร้อมกับเหลือบมองเดวี่
“ผมไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกพี่ริว ว่าแต่พี่เหอะได้ดูผมประลองเวทย์ป่าว” ชายน์ยังคงถามอย่างเจื้อยแจ้ว
“พี่โดนทางสภาแกรนน่าเรียกพบหน่ะ เลยดูไม่จบ” ริวตอบสั้นๆ แต่ก็เป็นตามนั้นจริงๆ เพราะตอนที่เขากำลังดูการประลองเวทย์ในรอบสองอยู่นั้นจู่ๆ เขาก็โดนเรียกตัวด่วนทำให้เขาไม่ทันได้เห็นตอนจบของการประลองนั้น แต่ก็พอจะรู้มาบ้างว่าชายน์ได้รับบาดเจ็บ
“แล้วนี่พี่เสร็จธุระแล้วหรือถึงมานั่งอยู่นี่ได้อ่ะ ผมกับเพื่อนนั่งด้วยนะ” กล่าวจบก็เรียกเดวี่ให้นั่งลงตามทันที ส่วนริวนั้นตอนนี้เขาเองก็กำลังปฏิบัติภารกิจให้สภาแกรนน่าอยู่ แต่เพราะเรื่องงานของเขามันเกี่ยวข้องกับคนตรงหน้าเขาเลยปล่อยเลยตามเลย อย่างน้อยก็อยู่ในสายตาพี่ละนะ
‘ฉันว่าพี่นายไม่ค่อยพอใจนะ’
‘รู้แล้ว แต่แค่อยากแกล้งคนหน่ะ โทษฐานที่มีความลับกับฉัน ฮ่าๆๆ’ การสนทนาในความคิดกับเสียงปริศนาจบลงหลังจากที่ชายน์บอกเหตุผลออกไป
“เธอใช่มั๊ยประธานรุ่นของปี1 หน่ะ” ริวหันมาถามเด็กอีกคนที่มากับน้องชายของเขา
“ครับพี่ริว ผม เดวี่ ลอฟดาน่า ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” กล่าวพร้อมกับโค้งคำนับอย่างดงามให้แก่ริว แม้นามสกุลจะไม่เหมือนกับตอนประกาศในสนามแต่ริวก็เข้าใจเหตุผลของการปิดบังนั้นดี จึงไม่ซักถามอะไรในประเด็นนี้ต่อ
“สนิทกับชายน์หรอ” ริวยังซักไม่เลิก
“เอิ่มมม ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกพี่ริว” ชายน์ตอบบ้าง
“ครับ ไม่ได้สนิทมาก แต่คิดว่ากำลังพยายามสนิทให้มากที่สุด” เดวี่ตอบเรียบๆ
“มีเหตุผลอะไรหรือเปล่า” ริวยังไม่ละความพยายาม
“ผมต้องดูแลชายน์”
“ทำไม” ริวถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยปกตินัก
“ผมว่าพี่น่าจะเข้าใจในสิ่งที่ผมกำลังพยายามจะบอกพี่นะ เรื่องดูแลชายน์มันไม่ใช่หน้าที่ของพี่คนเดียวหรอก” เดวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังจนริวชะงักไปทันที
‘นี่มันเรื่องอะไรกันว่ะ’ ชายน์คิดอย่างสงสัย
“รู้ใช่มั๊ยว่าชายน์มีความสำคัญแค่ไหน” ริวเอ่ยอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ดีขึ้นกว่าเก่า
”ครับ พี่เชื่อใจผมได้”
“รับปากพี่ ไม่ว่าจะยังไง ห้ามทิ้งชายน์ นายต้องดูแลเขาให้ดีที่สุด” ริวเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ด้วยสัจจะของลอฟดาน่า เดวี่คนนี้จะคอยช่วยเหลือดูแลปกป้อง ชายน์ ชาโดวส์ อินเดอนาสด้วยชีวิต” คำกล่าวของเดวี่นั้นหนักแน่นเปี่ยมไปด้วยพลังที่ฟังแล้วชายน์ยังไม่กล้าเอ่ยขัดอะไรด้วยซ้ำ และริวเองก็ดูท่าจะพอใจไม่น้อยเพราะทันทีที่เดวี่กล่าวจบริวก็ส่งยิ้มบางๆ ออกมาให้ทันที ...ลอฟดาน่า คำนี้แหละถึงได้ไม่ห่วง
“นี่มันเรื่องอะไรกันหรอ ผมเป็นผู้ชายนะ ดูแลตัวเองได้” ชายน์กล่าวออกมาอย่างไม่ค่อยจะพอใจนัก
“งั้นมื้อนี้พี่เลี้ยงนะ อยากกินอะไรก็สั่งเลย” ริวกล่าวออกมาเพื่อเลี่ยงการตอบคำถามนั่นและดูท่าว่าจะได้ผลไม่น้อยเพราะทันทีที่พี่ชายบอกว่าจะเลี้ยง น้องชายตัวแสบก็ลืมเรื่องเมื่อครู่นี้ไปซะสนิทแล้ว
“เย้ ของฟรีอีกแล้ว ฮ่าๆๆๆ” ชายน์หัวเราะอย่างอารมณ์ดี
……………………………………………………
“เอาล่ะนักเรียน ตามที่ครูสั่งให้พวกเธอไปหาอาวุธประจำตัวมานั้นมีใครลืมมั๊ย” กิมเมอร์อาจารย์ประจำวิชาการรบกล่าวถามนักเรียนปี1 ที่วันนี้มาเรียนกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันดีแล้ว และเมื่อเห็นว่าเด็กๆ ให้ความร่วมมือดีกิมเมอร์ก็ยิ้มน้อยๆ ออกมาก่อนจะกล่าวต่อ
“ดีมากที่ทุกคนให้ความร่วมมือ ถ้างั้นครูจะเริ่มสอนเลยละกันนะ สืบเนื่องจากการประลองเวทย์ที่ผ่านมานั้นครูยังไม่เห็นพวกเธอจะใช้อาวุธกันซักเท่าไหร่เลย ซึ่งอาจเพราะเธอยังไม่ถนัด เธอยังไม่มีอาวุธหรือการใช้เวทย์อาจสะดวกและง่ายกว่า แต่เธอต้องไม่ลืมว่านักเรียนโฮเนอร์ไม่ว่าจะอยู่สายใดก็ตามจะต้องเก่งและมีความชำนาญในการต่อสู้ทุกๆ สาย และหนึ่งในนั้นก็คือการต่อสู้โดยใช้อาวุธ” กิมเมอร์กล่าว
“เดวี่ เชิญออกมาด้านหน้าหน่อย” เสียงเรียกของกิมเมอร์ทำให้นักเรียนทั้ง 4 สายต่างพากันหันมามองที่เดวี่เพียงคนเดียว แต่เจ้าตัวก็เพียงแต่เดินออกไปหน้าชั้นเรียนอย่างสบายๆ
“เนื่องจากเรามีประธานรุ่นแล้วคือเดวี่ ดังนั้นครูก็จะขอเชิญประธานรุ่นของเราออกมาโชว์อาวุธของเขาและสาธิตการเรียนในวันนี้หน่อยก็แล้วกันนะ หึหึ เรียกอาวุธของเธอออกมาสิ” กิมเมอร์ออกคำสั่งทันทีที่เดวี่ออกมายืนอยู่หน้าชั้นเรียนเรียบร้อยแล้วและเมื่อได้รับคำสั่งเด็กหนุ่มหน้านิ่งก็ทำตามแต่โดยดี
“หือออออ” เสียงฮือฮาของเด็กปีหนึ่งดังไปทั้งห้องเรียนเพราะทันทีที่เดวี่เรียกดาบเล่มยาวสีดำออกมาอุณหภูมิในห้องก็ลดต่ำลงจนคนทั้งห้องเกิดความรู้สึกหนาวไปตามๆ กัน
“แค่เรียกดาบออกมาฉันก็รู้สึกอึดอัดแล้วอ่ะ หนาวๆ ยังไงก็ไม่รู้” มาร์ตินเอ่ยออกมาพร้อมกับนั่งลูบขนแขนตัวเองที่ลุกตั้งไปทั้งแขน
“นั่นดาบอะไรกันแน่ ทำไมไอเวทย์มันถึงได้รุนแรงขนาดนั้นนะ” เบลเอ่ยออกมาอย่างสงสัย
“ดาบดำแห่งราชันย์ปีศาจ สมกับตำแหน่งประธานรุ่นจริงๆ นะ เดวี่ ลอฟดาน่า ฮ่าๆๆๆ” กิมเมอร์กล่าวพลางหัวเราะเสียงดังไปลั่นห้อง และแน่นอนว่าเมื่อได้ยินคำว่าปีศาจนักเรียนส่วนใหญ่ก็พากันตกใจ บ้างก็มองเดวี่ด้วยสายตาแบบหวาดกลัวและนั่นทำให้เดวี่หงุดหงิดไม่น้อย ...ลอฟดาน่าหรอ? ราชันย์ปีศาจรึ? อย่าบอกนะว่าชื่อนี้ดาบนี้และชายคนนี้..
“อาจารย์แกคงอยากให้เดวี่เป็นตัวร้ายสินะ” นีโอกล่าวออกมาอย่างอดที่จะเป็นห่วงความรู้สึกของเพื่อนไม่ได้
“เอาล่ะเด็กๆ แค่เพื่อนเธอสืบเชื้อสายมาจากปีศาจเท่านั้นเอง ไม่ต้องตกใจนะ” กิมเมอร์กล่าวพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ที่เหตุการณ์เป็นไปตามที่คิด
“ดาบเล่มนี้ได้ผสานเวทย์ของเจ้าของดาบลงไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อเราผสานเวทย์ลงไปก็จะทำให้ดาบมีอานุภาพมากยิ่งขึ้นและช่วยผ่อนกำลังของการต่อสู้ลงได้อีกด้วย เดวี่แสดงให้เพื่อนๆ ดูหน่อยซิ ไม่ต้องกลัวความเสียหายนะเพราะนี่สนามเรียนวิชาการรบ ฉันอนุญาตเต็มที่” กิมเมอร์กล่าวออกตัว และทันที่ได้รับอนุญาตเดวี่ก็หลับตาลงพร้อมกับกลุ่มควันสีดำลอยคละคลุ้งอยู่รอบๆ ดาบในมือ ทันทีที่เดวี่ลืมตาและวาดดาบออกไปยังสนามเบื้องหน้าก็ปรากฏว่า…
บึ้มมมมม!! เสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่วทั้งสนาม อานุภาพของระเบิดจากดาบดำเล่มนั้นส่งผลให้พื้นสนามเบื้องหน้าเป็นหลุมขนาดใหญ่พร้อมกับเปลวไฟที่ลุกติดอยู่ในบริเวณหลุมนั้น
“เอาล่ะ นี่คือตัวอย่างของการใช้เวทย์ผสานกับอาวุธ สำหรับคนที่มีอาวุธและผสานเวทย์แล้วก็จะเข้าใจในสิ่งที่ครูพูดดี แต่หากใครที่พึ่งจะมีอาวุธเป็นของตัวเองหรือยังไม่ได้ผสานเวทย์ของตนลงกับอาวุธเธอก็จำเป็นต้องผสานเวทย์ก่อน ซึ่งคุณสมบัติพิเศษของอาวุธที่เพิ่มขึ้นมานั้นจะสอดคล้องกับธาตุประจำตัวของคนที่ผสานเวทย์นะ” กิมเมอร์กล่าวอย่างละเอียด
“ส่วนวิธีการผสานเวทย์ลงในอาวุธก็แสนจะง่าย เพียงแค่เลือดของเธอสัมผัสกับอาวุธนั่นพร้อมกับร่ายเวทย์นิดหน่อยจากนั้นอาวุธอาจเปลี่ยนแปลงรูปร่างไปบ้างตามความเหมาะสมเพราะอาวุธและตัวเธอจะผสานเป็นหนึ่งเดียวหลังจากผสานเวทย์แล้ว ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นคือเรื่องธรรมดา อย่าได้ตกใจ ฮ่าๆๆ” กล่าวจบก็เริ่มสอนเวทย์สำหรับการผสานเวทย์ให้เหล่านักเรียนทันทีทันที
‘ว้ายยยย ดาบฉันกลายเป็นสีชมพูอ่ะเธอ สวยอ่ะ’
‘นี่ๆๆ หอกของฉันกลายเป็นหอกแก้วไปทั้งเล่มเลยอ่ะ แจ่มสุดๆไปเลย วู้ววว’ เสียงอันตื่นเต้นของเหล่าเด็กๆ ที่เริ่มลงมือผสานเวทย์แล้วดังออกมาเป็นระยะๆ
“นี่นอกจากเดวี่แล้วพวกเรายังมีใครที่ผสานเวทย์ลงในอาวุธแล้วบ้างล่ะ” เซฟานี่ถามขึ้นหลังจากที่เข้าใจวิธีการดีแล้ว
“ฉัน เรียบร้อยแล้วล่ะ ฮ่าๆๆ” ดัชเอ่ย
“ถ้างั้นฉัน เบล มาร์ติน นีโอและชายน์ยังไม่ได้ผสานเวทย์สินะ เริ่มเลยละกันนะ” กล่าวจบเซก็เรียกดาบสีฟ้าครามออกมาไว้ในมือพร้อมกับกดคมมีดลงบนปลายนิ้วน้อยๆ ให้เลือดนั้นหยดลงบนดาบ จากนั้นก็ร่ายเวทย์ทันที ฉับพลันแสงสีขาวก็สว่างว้าบไปทั้งร่างของเซฟานี่จนเด็กคนอื่นๆ ต้องหันมามอง และเมื่อแสงนั่นดับลงดาบในมือของเซก็ส่องประกายยิ่งกว่าเก่าจนเด็กๆ ที่เห็นต่างอิจฉาไปตามๆ กัน
“สวยจังเช เดี๋ยวรอดูของพวกฉันบ้างนะ” กล่าวจบมาร์ติน เบลและนีโอก็เริ่มลงมือบ้างทันทีโดยธนูของนีโอที่มีสีดำนั่นก็เปลี่ยนเป็นสีขาวสว่างทั้งคัน ทางด้านดาบสีส้มของเบลนั้นก็เกิดไฟลุกท่วมดาบทั้งเล่มทันทีหลังจากที่เบลร่ายเวทย์จบลง เวลาผ่านไปร่วมนาทีไฟนั่นจึงดับลงและเผยให้เห็นดาบสีส้มเล่มเดิมแต่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเก่านิดหน่อย ส่วนดาบของมาร์ตินนั้นไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
“ว้าว ดาบสีส้มสวยจังเลย เหมาะกับธาตุไฟของนายจริงๆ” นีโอกล่าวอย่างชื่นชม
“ก็เหมือนธนูของนายนั่นแหละ นายมีธาตุแสงเป็นธาตุประจำตัว ธนูก็เปลี่ยนเป็นสีขาวเพื่อให้เหมาะกับนายไง” เบลยกเหตุผลมาอธิบาย
“งั้นดาบของฉันที่สวยขึ้นก็เพราะว่าได้รับอานุภาพความสวยจากฉันไปหน่ะสิ คิกคิก” เซกล่าวเล่นๆ อย่างอารมณ์ดีจนมาร์ตินอดจะแซวขึ้นมาไม่ได้
“ฉันคิดว่าเธอคงเข้าใจอะไรผิดนะ เธอหน่ะโหดมากกว่าสวยซะอีกเซ หึหึ” มาร์ตินกล่าวอย่างหงุดหงิดที่ดาบของเขาไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ เลย แต่ก็อดเห็นด้วยไม่ได้ว่าเซฟานี่เธอสวยมากจริงๆ แหละ > <
“แล้วนายทำไมยังไม่เริ่มอีกละชายน์ ฉันรอดูของนายโดยเฉพาะเลยนะ” ดัชเอ่ยทักออกมาและนั่นทำให้เพื่อนๆ ในกลุ่มหันมาสนใจชายน์ทันที
“ใช่ๆๆ รีบๆ เลยชายน์ พวกฉันอยากเห็นว่าดาบสีดำของนายจะเหมือนของเดวี่หรือเปล่า” เซกล่าวอย่างตื่นเต้น
“เอ่อ คือ” ชายน์หน้าซีดพลางตอบอย่างตะกุกตะกัก
‘นายกลัวเลือดใช่มั๊ย ชายน์’ เสียงปริศนาในความคิดร้องทักอย่างรู้ทัน
‘ไม่ได้กลัว แต่แค่ไม่อยากเห็น โธ่..’ ชายน์ปฏิเสธ
“กลัวเลือดหรอ” เดวี่ถามเหมือนกับรู้ความคิดของคนตรงหน้า
“แค่ไม่ชอบ ไม่ได้กลัวซะหน่อย” ชายน์เอ่ยเสียงอ่อย แต่ก็เรียกรอยยิ้มจากเพื่อนๆ ได้เป็นอย่างดี
“มองหน้าฉันนะ” เดวี่กล่าวจบชายน์ทำตามทันที
“อ๊าคคค” ชายน์ร้องลั่นเมื่อมีดสั้นเล่มงามกรีดลงบนนิ้วโดยที่เจ้าของนิ้วไม่ทันจะได้ตั้งตัว เลือดสีแดงสดหยดลงบนดาบสีดำเล่มงามพร้อมกับไอเวทย์สีดำลอยคละคลุ้งไปทั่ว
“ร่ายเวทย์สิชายน์” นีโอเอ่ยเตือนเมื่อเห็นว่าชายน์หน้าซีดจนผิดปกติ
‘ฉันเคยบอกแล้วใช่มั๊ยว่าเราจะปลุกพลังที่หลับใหลของนายให้ตื่นเมื่อถึงเวลา…’ เสียงปริศนาในหัวดังแทรกขึ้นมา
‘ว่าตามฉันนะ’ เสียงนั้นกล่าวอีกครั้งพร้อมกับร่ายเวทย์บทอื่นที่ต่างไปจากที่อาจารย์กิมเมอร์สอน เมื่อชายน์เริ่มร่ายเวทย์วงแหวนสีทองมากมายก็ปรากฏขึ้นล้อมรอบร่างของชายน์ไว้พร้อมกับที่ร่างนั้นทรุดลงทันที
“ชายน์” นีโอกำลังจะวิ่งเข้าไปช่วยแต่ทว่าเมื่อเข้าถึงวงแหวนสีทองนั้นก็ต้องกระเด็นออกมาทันที ในขณะนี้เด็กปี1 ทั้งสนามต่างก็หยุดกิจกรรมของตนเองแล้วหันมาสนใจชายน์กันหมดไม่เว้นแม้แต่กิมเมอร์ที่ยืนมองวงเวทย์นั้นด้วยความตกตะลึง
“วงเวทย์เทวา เป็นไปได้ยังไง” กิมเมอร์นั้นพอจะรู้มาบ้างว่าเด็กนี่น่าจะเป็นผู้พิทักษ์ในคำทำนายเพราะสามารถอ่านภาษาแกรนน่าโบราณได้ แต่เขาก็ไม่ได้เชื่อซะสนิทใจจนได้เห็นชายน์ใช้เวทย์แห่งแสง ใช้รัตติกาลเพลิงและนี่ยังใช้วงเวทย์เทวาได้อีก …นี่มันคุณสมบัติของผู้พิทักษ์ตามคำทำนายเลยนี่!!
‘อดทนหน่อยนะชายน์ นายจำเป็นที่จะต้องผ่านมันไปให้ได้’ เสียงปริศนาในหัวดังออกมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงชายน์ไม่น้อย
ภาพเหตุการณ์ต่างๆ มากมายไหลผ่านเข้ามาในหัวของชายน์ ภาพที่บอกความเป็นมาของตัวเขา และภาพสุดท้ายคือบุรุษผู้หนึ่งที่อธิษฐานจิตก่อนจะสิ้นลม จากนั้นแสงสีรุ้งและขาวดำก็พุ่งออกมาจากร่างนั้นลับหายไปคนละทิศทาง
บัดนี้ร่างของชายน์มีแสงสีขาวสว่างห่อหุ้มอยู่รอบๆ กาย วงเวทย์สีทองที่ล้อมร่างเขาไว้ตอนนี้กำลังมีอักขระสีทองลอยออกมาหมุนโคจรอยู่รอบๆร่างของชายน์จากช้าเป็นเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ไม่มีใครสามารถมองผ่านวงโคจรของอักขระนั้นได้แล้ว อึดใจเดียวอักขระนั้นพุ่งเข้าไปยังใจกลางวงโคจรนั้นก่อนที่วงแหวนสีทองจะค่อยๆ หายไปพร้อมๆกับที่มีแสงสว่างสีขาวว้าบขึ้นมาจนทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต้องยกมือปิดหน้าพร้อมกับหลับตาทันที
เมื่อทุกอย่างกลับคืนสู่สภาวะปกติก็ปรากฏร่างของเด็กผู้ชายตัวสูงภายในมือถือดาบเล่มยาวสีดำสนิท ผู้ที่มีคันคิ้วเข้มดกดำรับกับจมูกโด่งได้รูปอยู่บนใบหน้าเรียวสวย ริมฝีปากสีชมพูอิ่มกับดวงตาสีดำนั่นมันช่างคุ้นเคยเสียเหลือเกิน แต่ทว่าผมดำที่ยาวถึงกลางหลังกับปีกสีดำนั่น….
“นายคือ….” เบลเอ่ยออกมายังไม่ทันจบก็ประสานสายตาเข้ากับชายผมดำยาวตรงหน้า และอำนาจบางอย่างก็ทำให้เบลก้มหน้าหลบสายตานั้นทันทีทั้งๆ ที่ยังไม่ทันจะพูดจบ
“ชายน์ ชาโดวส์ อินเดอนาส” เสียงที่แสนจะคุ้นเคยดังออกมาจากปากของคนตรงหน้าที่รูปร่างหน้าตาออกจะแปลกไปซักหน่อยแต่บางอย่างก็บอกว่านี่คือเพื่อนของพวกเขา และนั่นก็ทำให้มาร์ตินวิ่งเข้าไปโดดกอดเพื่อนรักตรงหน้าทันที
“นายโคตรดูดีเลยว่ะชายน์ โห มีปีกด้วย ฮ่าๆๆๆ” เสียงร้องชื่นชมและการกระทำของมาร์ตินทำให้สาวๆ หลายคนอิจฉาอยู่ไม่น้อยที่ได้กอดกับชายน์
“ร่างที่แท้จริงสินะ สรุปนายมันพวกไหนกันแน่เนี่ย” นีโอกล่าวอย่างสงสัย เพราะชายน์มีรัตติกาลเวทย์ที่สูงมาก สามารถใช้เวทย์แห่งแสงได้ดีและยังใช้เวทย์จากธาตุพื้นฐานได้ดีเยี่ยมอีก
“ฉันก็คือฉัน คือเพื่อนพวกนายไม่ใช่หรือ?” กล่าวยิ้มๆ ก่อนจะกระพือปีกสีดำนั่นพลันปีกก็หายไปทันที
“อาจารย์ครับ ทำไมดาบหมอนั่นไม่เปลี่ยนแปลงแต่ร่างหมอนั่นกลับเปลี่ยนไปละครับ” แจ็คกี้ที่ดูท่าจะไม่ค่อยพอใจกับชายน์เท่าใดนักที่ได้รับความสนใจจากหลายๆ คนจึงเอ่ยออกมาอย่างสงสัยปนอารมณ์หงุดหงิด
“มี 2 กรณีคืออาวุธเปลี่ยนเพื่อให้เหมาะสมกับคน และอีกกรณีคือคนเปลี่ยนเพื่อกลับสู่ร่างที่แท้จริงให้เหมาะที่จะใช้อาวุธหน่ะ” กิมเมอร์กล่าวอธิบายพลางจ้องมองแต่ชายน์อย่างไม่วางตา
“แล้วเขาจะกลับมาเหมือนเดิมรึเปล่าคะอาจารย์” เซฟานี่ถาม
“ถ้าอายุถึงวัยสมบูรณ์หลายๆ เผ่าพันธุ์ก็จะแสดงร่างที่แท้จริง ถ้านี่คือร่างที่แท้จริงก็จะต้องอยู่กับร่างนี้ แต่ก็สามารถที่จะปิดอำพรางบางอย่างได้ เช่นถอดปีกอย่างที่เพื่อนเธอพึ่งจะทำไงล่ะ” กิมเมอร์อธิบายตามที่เขารู้
“ถึงวัยสมบูรณ์หรอ แล้วฉันจะมีร่างที่แท้จริงแบบชายน์รึเปล่านะ” มาร์ตินกล่าวอย่างสงสัยแต่ก็โดนเซขัดจนหัวคะมำ
“ถ้านายมีร่างที่แท้จริงก็คงจะมีหูมีหางพร้อมกับหลังอานละมั้ง ฮ่าๆๆๆ” สิ้นเสียงของเซ เพื่อนๆ ก็พากันหัวเราะลั่น
‘เป็นท่านจริงๆ ด้วย นายน้อย’ เดวี่คิดพลางยิ้มกว้างออกมาโดยที่ไม่มีใครทันสังเกตุเห็น
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ