Twin แฝดเลือดผสม
8.0
เขียนโดย Shinman33
วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.05 น.
39 ตอน
3 วิจารณ์
31.70K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 16.21 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) หนึ่งมิตรชิดใกล้
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหนึ่งมิตรชิดใกล้
‘บอกแล้วไงว่านายยังควบคุมพลังเวทย์ตัวเองได้ไม่ดีนัก ถ้ารู้จักใช้นายจะไม่เป็นแบบนี้แน่ๆ’
‘แล้วต้องทำยังไงถึงจะควบคุมได้ดีล่ะ’
‘เอาเป็นว่ามันอยู่ที่วิธีการเอาออกมาใช้มากกว่า นายมีพลังมากมายที่ใช้ยังไงก็ไม่หมด แต่การที่นายเป็นแบบนี้เพราะนายยังเรียกใช้พลังนั่นได้ไม่เต็มที่ต่างหากล่ะ’
‘แล้วต้องทำยังไงถึงจะใช้ได้เต็มที่เท่าที่มีล่ะ’
‘ปลุกพลังที่หลับใหลให้ตื่นขึ้นสิ’
‘ยังไง’
‘เดี๋ยวถึงเวลาฉันจะบอก’
‘อืมมมม’ เสียงครางของคนที่นอนหลับไหนไปกว่าสองวันเต็มดังออกมาเบาๆ อันเป็นสัญญาณว่าคนป่วยเริ่มรู้สึกตัวแล้ว
“รู้สึกตัวแล้วหรือ ค่อยๆลุกนะ” นีโอที่นอนเฝ้าชายน์มาทั้งคืนเข้ามาประคองหลังจากที่ได้ยินเสียงของชายน์ แม้ว่านีโอเองจะบาดเจ็บจากการทดสอบมาก่อนหน้านั้นแล้วก็ตาม แต่เมื่อได้รับการปฐมพยาบาลแล้วก็สามารถทำกิจกรรมได้ปกติ เพราะกฏการพาตัวออกจากสนามของเข็มกลัดที่ติดไว้นั้นจะไม่ปล่อยให้ผู้เข้าทดสอบสูญเสียพลังเวทย์ไปมากจนไม่สามารถฟื้นฟูได้นั่นเอง
“ฉันยังไม่ตายใช่มั๊ยนีโอ แล้วผลการทดสอบเป็นยังไงบ้าง” ชายน์ถามหลังจากที่พอจะลำดับเหตุการณ์ได้บ้างแล้ว เขาจำได้ว่าเขากำลังสู้กับแจ็คกี้และเขาก็โดนแทงจนล้มลงและหมดสติไป
“จบแล้วหล่ะ เดวี่คือคนสุดท้ายที่ยืนอยู่บนสนามประลองเวทย์หลังจากที่นายและแจ็คกี้ล้มลง” นีโอกล่าว
“ฉันคิดนะว่าถ้าฉันได้ตำแหน่งประธานรุ่นแล้วทุกคนจะยอมรับฉันมากกว่านี้ ฉันแค่อยากพิสูจน์ตัวเอง แต่ฉันก็ทำไม่ได้ ฉันแค่อยากได้รับการยอมรับจากเพื่อนๆ โดยเฉพาะเพื่อนที่ไม่เคยจะพูดจากับฉันเลยทั้งๆ ที่อยู่ร่วมห้องกัน” ชายน์กล่าวในสิ่งที่อยู่ในใจออกมา
“ตำแหน่งหัวหน้าสายนั่นก็พิสูจน์ตัวนายได้แล้วนี่ จริงอยู่ว่าตอนที่นายเข้ามาทุกคนต่างพากันไม่ชอบหน้านายเพราะนายเข้ามาอย่างง่ายดายต่างจากพวกเราที่ต้องทดสอบแข่งขันกับคนนับหมื่น และที่สำคัญนะทั้งเบลและดัชที่อยู่ห้องเดียวกับนายหรือพวกฉันก็ไม่ได้ไม่ชอบนายนะ เพียงแต่……” นีโอกล่าวออกมาก่อนจะเว้นระยะคำพูดไปเหมือนกับกำลังชั่งใจในสิ่งที่จะพูด
“เพียงแต่พวกฉันเองก็แค่อยากมั่นใจตัวนายอ่ะ”
“พวกนายไม่ได้เกลียดหรือไม่ชอบหน้าฉันใช่มั๊ย” ชายน์ถามด้วยสีหน้าและน้ำเสียงในแบบฉบับที่เขาเคยใช้มาตลอด
“ถ้าฉันผู้หญิงแล้วเจอสีหน้าน้ำเสียงแบบนี้นะฉันคงพลีกายถวายตัวยอมให้นายไปแล้วอ่ะ ฮ่าๆๆๆ” นีโอกล่าวอย่างอารมณ์ดีและเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เพื่อนๆ สมาชิกหอมังกรดำเขายกขบวนเข้ามาพอดี
“อ้าว ชายน์รู้สึกตัวแล้วหรอ? เป็นอย่างไรบ้างล่ะ เจ็บแผลอยู่มั๊ย?” เซฟานี่ถามด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเป็นห่วงอย่างชัดเจนพร้อมทั้งเดินเข้ามาจับแขนชายน์ไว้เบาๆ
“ไม่เป็นไรแล้วล่ะ ขอบคุณนะเซฟานี่” ชายน์กล่าวอย่างสุภาพ
“มากันครบแล้ว นายสงสัยอะไรก็ถามพวกเขาเอานะชายน์” กล่าวจบนีโอก็พยักหน้าให้ชายน์เป็นเชิงให้สัญญาณ
“พวกนายคิดยังไงกับฉัน? เกลียดหน้าฉันหรือเปล่า? ทำไมฉันรู้สึกว่าฉัน….” ยังไม่ทันจะจบคำถาม หนุ่มน้อยเจ้าของผมสีแดงดำก็ขัดขึ้นมาทันที
“ไม่ชอบหน้า ไม่พอใจ แต่ตอนนี้หายล่ะ ฮ่าๆๆๆ” เบลกล่าวความในใจออกมาบ้าง เขาเองในตอนแรกก็ไม่ชอบใจที่เด็กใหม่คนนี้จะเข้ามาโดยไม่ต้องทดสอบอะไรเลย แต่จากการประลองเวทย์ที่ผ่านมานั่นเขาและเพื่อนๆ ก็มั่นใจแล้วว่าถ้าคนๆนี้จะเข้ามาเรียนโดยไม่ต้องสอบเขาก็ไม่ติดใจอะไรแล้ว
“นีโอคงบอกเหตุผลนายแล้ว ก็ตามนั้นแหละนะ ตอนนี้พวกเราไม่ได้ติดใจเรื่องเข้าเรียนของนายแล้ว อย่าคิดมาก” มาร์ตินเอ่ยออกมาบ้างพร้อมกับดัชที่ส่งยิ้มมาให้กับเขาอย่างเป็นมิตร
“จะไม่พูดอะไรหน่อยหรือท่านประธานรุ่น ฮ่าๆๆๆ” ดัชเอ่ยแซวเดวี่ที่เอาแต่ยืนมองชายน์นิ่งๆ โดยไม่พูดอะไรซักคำ
“เดี๋ยวฉันจะอยู่เฝ้าเขาเอง พวกนายรีบไปเถอะ” ทันทีที่เดวี่กล่าวออกมาทุกคนในห้องก็พากันหัวเราะลั่น
“นายจะไล่พวกฉันหรอ ฮ่าๆๆๆ ก็ได้ๆๆ แต่อย่าทำอะไรชายน์มันนะ มันป่วยอยู่ คิกคิก” มาร์ตินแซวพร้อมกับเสียงหัวเราะของเพื่อนๆอีกครั้งจนคนที่โดนแซวในตอนนี้ถอนหายใจออกมายาวๆ ก่อนจะเอ่ยออกมาอีกรอบ
“อาจารย์กริมเมอร์ให้ไปหาซื้ออาวุธไม่ใช่หรือ รีบไปสิ” ยกเหตุผลมาอ้างเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกลึกๆในใจทันที
“ขอบคุณนะ สำหรับมิตรภาพที่มีให้ฉัน” ชายน์กล่าวขอบคุณจากใจ
ทันทีที่กลุ่มเพื่อนๆ พากันออกไปตลาดเพื่อหาซื้ออาวุธประจำตัวที่จะต้องใช้ในชั่วโมงเรียนสัปดาห์หน้าตามคำสั่งของอาจารย์กิมเมอร์ เดวี่ก็เอาแต่นั่งจ้องชายน์โดยไม่พูดอะไรซักคำซึ่งพฤติกรรมนั่นทำให้ชายน์อึดอัดไม่น้อย
“เอ่ออออ นายจ้องหน้าฉันแบบนั้นทำไม?”
“ขอบใจนะที่ช่วยฉัน จริงๆ ไม่ควรจะเป็นฉันเลยที่ได้รับตำแหน่งประธานรุ่น” เดวี่กล่าวพลางถอนหายใจยาวๆ
“นายเก่ง ก็สมควรแล้ว” ชายน์ตอบอย่างชื่นชมจากใจจริง
“หิวน้ำมั๊ย?” ไม่รอให้คนป่วยตอบ เดวี่ลุกขึ้นไปหยิบน้ำมาเทใส่แก้วพร้อมกับยื่นให้ชายน์ทันที
“เอ่อออ คือ..” ชายน์ยังคงงุนงงกับการกระทำของคนตรงหน้า
“ลุกไม่ถนัดสินะ มา ฉันป้อน” ทันทีที่พูดจบเดวี่ก็นั่งลงข้างๆ ชายน์ มือซ้ายสอดไปด้านหลังพร้อมกับพยุงให้คนที่นอนอยู่ค่อยๆ ยกหลังขึ้นอิงหมอนใบใหญ่ที่สอดเข้ามารองไว้พร้อมกับมือขวาที่ยื่นแก้วน้ำไปจรดไว้ที่ริมฝีปากของชายน์อย่างแผ่วเบา …..ถึงขนาดนี้แล้วคงต้องกินสินะ > <
“แล้วนายไม่ไปตลาดกับพวกนั้นหรือ” ชายน์ถามด้วยความสงสัย
“ฉันจะรอไปพร้อมนาย” เดวี่ตอบเรียบๆ
“จริงๆ ฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกนะ เขาน่าจะปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วเพราะแผลก็ปิดไม่มีเลือดแล้วและมีดนั่นก็สั้นนิดเดียว คงไม่ถึงกับตายหรอก อีกอย่าง…นายปล่อยฉันเหอะ ฉันนั่งเองได้ ” ชายน์บอกหลังจากที่เดวี่ยังคงกอดเอวเขาไม่ยอมปล่อย
“นายอยากไปตลาด?” เดวี่ถามอย่างรู้ทันแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือจากเอวของชายน์
“ก็ประมาณนั้น เพราะฉันเองก็ยังไม่มีอาวุธประจำตัวเลยนะ อยากจะไปเลือกหาสักชิ้นหน่ะ”
“งั้นฉันจะพาไปเอง ”
“เด็กนั่นเป็นอย่างไรบ้าง เมอร์ดอร์ฟ”
“สายของข้ารายงานว่าเด็กนั่นเข้าเรียนที่โฮเนอร์แล้วขอรับนายท่าน” ชายชุดดำผู้น้อยตอบคำถามด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อม
“จับตาดูให้ดีๆ นะ ได้โอกาสเมื่อไหร่เอาตัวมาให้ข้าทันที แต่อย่าให้ช้านักนะ เพราะทางนั้นคงรู้ตัวแล้วถึงได้รับเข้าเรียนอย่างง่ายดาย”
“ขอรับนายท่าน”
…………………………………………………………………….
ณ แกรนมาร์เกต ตลาดชื่อดังในแกรนโซน…
“โหยยย มีแต่เสื้อผ้าสวยๆ ทั้งนั้นเลยอ่ะ มาร์ติน ไปดูกระโปรงเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ” เซฟานี่กำลังตื่นเต้นกับสินค้ามากมายที่วางขายในตลาดแห่งนี้ เนื่องจากเธอมาจากกรีนโซนที่ยังไม่เจริญเท่ากับแกรนโซนนั่นเอง
“ฉันเป็นผู้ชายนะเซ จะให้เข้าไปเลือกกระโปรงได้ไง อายคนเขา” มาร์ตินเอ่ยอย่างอายๆ
“อย่ามาพูดหน่อยเลย ฉันรู้นะว่านายซื้อเสื้อผ้าให้น้องสาวนายบ่อยๆ แล้วเดี๋ยวเจอกันที่ร้านไอศกรีมนะ” เซฟานี่หันมากล่าวกับเพื่อนที่เหลือพร้อมกับลากหูมาร์ตินวิ่งเข้าร้านเสื้อผ้าไปทันที
“ไม่เอาฉันไม่ไปนะเซ ม่ายยยยยย”
“ฉันว่ากลุ่มเราควรมีผู้หญิงอีกนะ เซจะได้มีเพื่อนที่เข้าใจเขา ฮ่าๆๆๆ” นีโอกล่าวอย่างขำๆ พร้อมกับแอบสงสารมาร์ตินเบาๆ ที่งานนี้รับเคราะห์ไปเต็มๆ
“เราก็ไปดูของที่เหมาะกับผู้ชายแมนๆ อย่างเราดีกว่า” เบลเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดี
“อะไรล่ะของที่ว่าอ่ะ” ดัชสงสัยจนอดที่จะถามไม่ได้
“เครื่องสำอางมั้ง ฮ่าๆๆๆ ฉันเคยเห็นมีร้านขายดาบอยู่ซอยข้างหน้าอ่ะ” เบลตอบพร้อมกับเดินออกนำไปแล้ว
“สวัสดีคร้าบบบ สนใจอาวุธแบบไหนสอบถามได้นะครับ หรือจะลองเดินเลือกดูก่อนก็ได้ ราคาไม่แพงครับ” เจ้าของร้านออกมาต้อนรับอย่างดีที่เห็นนักเรียนจากโฮเนอร์เข้ามาใช้บริการในร้าน
“ผมขอดูธนูนั่นหน่อยได้ไหมครับ” นีโอร้องบอกเจ้าของร้านหลังจากที่เดินดูอยู่พักหนึ่งก็พอดีที่เหลือบไปเห็นธนูไม้สีดำที่มีลวดลายสวยงามสะดุดตา
“แล้วดาบนี่ละครับ ถ้าผมสนใจคุณจะขายให้ผมไหม” เบลถามขัดจังหวะขึ้นหลังจากที่หันไปหยิบดาบสีส้มเล่มยาวขึ้นมาจากเคาน์เตอร์ของเจ้าของร้านที่ดูเหมือนว่าทางร้านน่าจะพึ่งได้มา
“ดาบนั่นผมพึ่งจะได้มาเมื่อเช้านี้ เป็นดาบเก่าแก่จากเผ่าพันธุ์ของพวกฟินิกซ์หน่ะ เธอแน่ใจหรือว่าจะใช้มันได้” เจ้าของร้านร้องถามอย่างเสียดายแต่เหมือนว่าเขาจะไม่สามารถจะครอบครองดาบนั่นได้
“ก็ผมหยิบมันออกมาจากห่อผ้านี่แล้วและมันก็ถนัดมือดีนี่ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร” นั่นสินะ เบลที่รู้จักกับดาบเล่มนี้ดีบอกกับตัวเองว่าดาบนี้ยังไงๆ เขาก็ต้องเอาให้ได้
“ถ้าเธออยากจะได้มันฉันก็พร้อมจะขายให้ แต่ราคาสูงหน่อยนะ” ไม่วายโกงราคาเพราะความเสียดายดาบล้วนๆ
“จะเอาเท่าไรก็ว่ามา ผมพร้อมจะจ่าย” เบลกล่าวอย่างตัดความรำคาญ
“แล้วนายละดัช ได้อะไรยัง” นีโอหันมาถามเพื่อนอีกคนที่มาพร้อมกัน
“ฉันมีแล้วหน่ะ อีกอย่างฉันยังไม่เจอที่ถูกใจด้วย”
“งั้นถ้าเรียบร้อยแล้วก็ไปกันเถอะ มาร์ตินกับเซคงจะไปรอเราแล้วแหละ” นีโอกล่าวหลังจากที่เห็นว่าเบลชำระค่าสินค้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว และเมื่อไปถึงร้านไอศกรีมก็พอดีกับเซฟานี่และมาร์ตินเดินเข้ามาพอดี โดยนอกจากเซจะได้เสื้อผ้าแล้วทั้งคู่ยังได้อาวุธมาด้วยซึ่งอาวุธของเซคือดาบเล่มยาวสีฟ้าครามที่มีอัญมณีสีฟ้าใสประดับอยู่ที่ด้ามจับ ส่วนของมาร์ตินเป็นดาบที่มีลักษณะเป็นดาบใสๆ แต่เมื่อสะบัดมือแรงๆ จะมีเสียงดังกังวานที่ฟังแล้วชวนให้หลับใหลได้ทุกเมื่อจนเซต้องรีบสั่งให้เก็บดาบทันทีที่เจ้าตัวกำลังโชว์ดาบอย่างสนุกสนาน
ทางด้านของชายน์และเดวี่…..
“โห… ที่นี่ครึกครื้นกันดีจริงเลยแฮะ ไปดูขนมร้านนั้นกันก่อนนะเดวี่แล้วเดี๋ยวค่อยไปหาซื้ออาวุธกัน” ชายน์เอ่ยชวนเดวี่ทันทีที่มองเห็นร้านขนมหลากสีสันชวนให้ลิ้มลอง และเมื่อคนชวนเดินนำเข้าไปแล้วมีหรือที่คนตามอย่างเดวี่จะทักท้วงได้นอกจากเดินตามแล้วถอนหายใจออกมายาวๆ
‘เมื่อไหร่จะโตนะ นายน้อย’ คิดตำหนิคนตรงหน้าแต่ก็แอบที่ยิ้มบางๆ ไปกับพฤติกรรมของคนเบื้องหน้าไม่ได้ คนที่เขาพึ่งจะเชื่อใจและพร้อมที่จะยอมให้ทุกอย่างทั้งชีวิตของเขา
“นายน้อยกลับมาแล้ว และถ้าข้าคาดการณ์ไม่ผิดเขาจะต้องอยู่ในโฮเนอร์ เจ้าจงจับตาคนที่ใช้รัตติกาลเพลิงให้ดีนะ เพราะนั่นคือเวทย์ที่ผู้พิทักษ์จะสามารถเรียกใช้ได้ง่ายที่สุด”
“มีอะไรพิเศษอีกมั๊ย”
“ผู้พิทักษ์จะมีอะไรที่มากกว่าคนทั่วไป อัจฉริยะกว่าและโดดเด่นกว่า ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะสัมผัสถึงตัวตนเขาได้นะ”
‘ขอให้สิ่งที่ข้าคิดและรู้สึกเป็นความจริงด้วยเถิด ท่านพ่อ’
‘ข้างหน้ามีร้านขายดาบชื่อดังอยู่ เข้าไปเลย’ เสียงอันคุ้นเคยดังอยู่ในหัวของชายน์ ซึ่งเจ้าตัวเพียงแต่ยิ้มออกมาบางๆ แต่ก็ยอมละจากร้านขนมไปตามคำแนะนำของเสียงนั่นทันที หลังจากตอนแรกที่เขาเจอเจ้าของเสียงในความฝันนั้นเขาก็ตกใจไม่น้อยที่ทั้งหน้าตาและน้ำเสียงเหมือนกับตัวของเขาเองไม่มีผิด แต่ทว่าครั้งต่อๆ มาเจ้าเสียงนั่นก็โผล่มาคุยกับเขาตลอดโดยที่ชายน์เองก็เลิกกลัวไปแล้ว อีกทั้งเขาก็สามารถสื่อสารกับคนในความคิดได้เพียงแค่เขาคิดในใจเสียงนั่นก็จะตอบเขากลับมาทันที
“ไปร้านขายดาบกันดีกว่า ฉันเปลี่ยนใจไม่กินขนมแล้ว” ชายน์กล่าวพร้อมกับคว้ามือเดวี่เดินตรงไปยังร้านขายดาบชื่อดังตามที่เสียงในความคิดเขาแนะนำ
“ช้าๆ ก็ได้ นายพึ่งจะหายนะชายน์” เดวี่ร้องเตือน
“ถ้าฉันบอกว่าไหวคือไหว แต่ถ้าไม่ก็คือไม่เช่นกัน” ชายน์กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง คนข้างๆ จึงยอมเดินตามไปเงียบๆ แต่โดยดี
“อ่าว คุณหนูจากโฮเนอร์อีกแล้ว เชิญครับ เชิญๆๆๆ” เจ้าของร้านกล่าวเชิญอย่างยิ้มแย้มที่วันนี้ลูกค้าจากโฮเนอร์มาอุดหนุนร้านเขาทั้งวันตั้งแต่เช้าแล้ว
“สนใจอะไรสอบถามได้นะครับ ทางร้านเรามีของให้เลือกมากมาย แต่ต้องบอกตรงๆ ว่าบางชิ้นที่สวยๆ และดีก็มีคนรับไปเยอะแล้วนะ ยังไงลองเดินเลือกดูก่อนครับ” เจ้าของร้านยังคงกล่าวต่อไปเรื่อยๆ
‘หลังร้านมีตู้เก็บของ ไปเปิดตู้นั่นสิ มีดาบที่เป็นของนายอยู่ในนั้น’ เสียงคนในความคิดดังบอกให้เขาเดินไปหลังร้านและชายน์ก็ตรงไปยังประตูหลังร้านทันที
“เอ่อออ คุณหนูจะไปไหนครับ” เจ้าของร้านร้องทักที่เห็นว่าหนึ่งในเด็กหนุ่มที่เข้ามานั้นเดินตรงไปหลังร้านซึ่งปกติลูกค้าเขาจะไม่เข้าไปส่วนนั้น
“หลังร้านมีดาบเก็บไว้ในตู้เก็บของใช่มั๊ยครับ ผมอยากดูดาบนั่น” ทันทีที่ชายน์กล่าวจบเจ้าของร้านก็หน้าซีดขึ้นมาทันทีเพราะเขาเก็บดาบเล่มนั้นมากว่าสิบปีแล้วโดยที่ไม่มีใครเคยรู้และสนใจดาบนั่นเลย และเขาเองก็เกือบจะลืมดาบเล่มนั้นไปแล้ว!!
“เอ่อออ คุณหนูรู้ได้ไงครับว่ามีดาบอยู่ที่นั่น” เจ้าของร้านยังคงถามต่อ
“แสดงว่ามันมีอยู่จริงสินะ ขอผมดูหน่อย”
“ดาบนั่นมันอันตรายนะ ว่ากันว่าถ้าไม่ใช่เจ้าของมันจริงๆ มันจะกลืนกินพลังเวทย์ของคนที่ครอบครองจนอาจถึงตายเลยนะ”
“แล้วมีเหตุผลอะไรที่คุณจะเก็บมันไว้ล่ะ” เดวี่ทักในสิ่งที่ชายน์เองก็สงสัยไม่น้อย
“มีคนเอามาฝากไว้หน่ะ แต่ก็ร่วมๆ สิบปีแล้วมั้ง เขาบอกว่าดาบจะเรียกหาเจ้าของเอง”
“พาพวกเราไปดูหน่อย” ชายน์ยังคงยืนยันความต้องการ เห็นดังนั้นเจ้าของร้านจึงยอมทำตามความประสงค์ของเด็กทั้งสอง
‘หรือนี่จะเป็นเจ้าของที่แท้จริงของดาบนั่นกันแน่นะ’ คิดอย่างสงสัยจนเมื่อมาถึงตู้เก็บของนั่นเจ้าของร้านจึงเอ่ยเตือนอีกครั้งว่า
“ในตอนแรกที่ดาบมาอยู่ที่ร้านผมมีคนมาขอซื้อดาบนี่มากมาย แต่ไม่มีใครสามารถจับดาบนี่ได้เกินหนึ่งนาทีเลยซักคนเดียว บ้างก็ไม่แม้แต่จะสัมผัสมันได้ ยังไงคุณหนูทั้งสองจะลองก็ได้นะ แต่ระวังตัวไว้หน่อยก็ดีครับ” กล่าวจบก็เปิดตู้ใบนั้นออกเผยให้เห็นกล่องไม้สี่เหลี่ยมผืนผ้าที่สลักลวดลายอันงดงามไว้บนกล่อง
“ฉันจะลองให้นายก่อนเอง” เดวี่กล่าวพร้อมกับยื่นมือไปยกกล่องนั่นออกมาวางพร้อมกับเปิดฝากล่องออก ทันทีที่เปิดก็เผยให้เห็นดาบสีดำเล่มยาวที่สลักเสลาลวดลายอันวิจิตรไว้ที่ด้ามพร้อมกับมีอัญมณีสีดำประดับอยู่ที่ด้ามจับด้วย
“สวยจริงๆ” ทันทีที่ชายน์เห็นมันเต็มๆ ตาเขาก็รู้สึกถูกใจไม่น้อย
เคร้ง!! ทันทีที่เดวี่หยิบดาบเล่มนั้นขึ้นมาเขาก็ต้องรีบโยนมันออกไปทันทีเพราะความรู้สึกบางอย่างบอกว่าดาบนี่อันตรายมาก
“เป็นอะไรเดวี่ ดาบนั่นทำไมหรอ” ชายน์ถามอย่างอดห่วงไม่ได้ที่เห็นอาการของเดวี่
“ร้อนหน่ะ” เดวี่ตอบสั้นๆ ทั้งๆ ที่ตอนสัมผัสดาบนั่นร่างกายเขามันกระตุกจนหมดแรงไปเสียดื้อๆ
“งั้นฉันขอลองบ้างนะ”
“อย่า!!”
“ก็ปกตินี่” ชายน์ก้มลงไปหยิบดาบขึ้นมาพลางพลิกมือไปมาเพื่อชมความงามของดาบในมือโดยไม่สนใจคำทักท้วงของเดวี่
“เอ่อออ คุณหนูไม่รู้สึกอะไรบ้างหรืครับ” เจ้าของร้านร้องทักหลังจากที่เห็นว่าหนุ่มน้อยหัวเกรียนตรงหน้ากำลังยืนถือดาบแกว่งไปมาอย่างไม่มีทีท่าแปลกๆ เหมือนคนก่อนๆ หน้านี้แต่ประการใด
“รู้สึกว่าชอบและอยากได้อ่ะ ฮ่าๆๆๆ” ชายน์กล่าวอย่างอารมณดี
“ถ้าคุณหนูไม่เป็นอะไรก็คงแสดงว่าดาบนี่เจอเจ้าของแล้วล่ะ เชิญรับไปได้เลยครับผมไม่คิดเงิน” เจ้าของร้านกล่าวอย่างยินดี และชายน์ก็ยอมเก็บดาบลงกล่องพร้อมกับกล่าวขอบคุณเจ้าของร้านอีกครั้งก่อนจะพากันออกมา
“แล้วนายไม่อยากได้อะไรบ้างหรอ เห็นว่าอาจารย์กริมเมอร์ให้เด็กปี1 มาหาซื้ออาวุธประจำตัวนี่” ชายน์ถามเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเดวี่ยังไม่ได้ซื้อของตัวเองเลย
“ฉันมีแล้ว” ตอบน้อยอีกตามเคย
“หิวมั๊ยล่ะ ไปหาอะไรกินกัน” อยู่ๆ เดวี่ก็เอ่ยชวนออกมาและชายน์เองก็คงจะหิวไม่น้อยเพราะทันทีที่พูดเรื่องของกินท้องเจ้ากรรมก็ร้องออกมาซะดังลั่นจนเดวี่อดที่จะกระตุกยิ้มออกมาไม่ได้
“ฉันว่าท้องฉันมันตอบคำถามนายแทนแล้วหล่ะ ฮ่าๆๆ” ชายน์กล่าวอย่างอายๆ พร้อมกับหัวเราะกลบเกลื่อน
“งั้นไปร้านตรงมุมทางนั่นนะ ใกล้ดี” กล่าวจบทั้งสองก็พากันตรงไปยังร้านอาหารที่ใกล้ที่สุดเพราะเกรงว่าถ้ามัวแต่เลือกร้านอยู่คนที่ท้องร้องจะเป็นลมไปซะก่อน ทันทีที่เปิดร้านเข้าไปทั้งชายน์และคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้วต่างก็ตกใจไม่แพ้กัน
“พี่ริว” / ”ชายน์”!!
…………………………………………..........................................................………………………………………………………………………………………
ตอนนี้อาจเนือยไปหน่อยอย่าพึ่งเบื่อนะ เพราะผมพยายามอธิบายการกระทำและทุกที่มาที่ไปของแต่ละคน ตอนนี้เดวี่รู้แล้วว่าชายน์เป็นใคร ตอนนี้คือจุดเริ่มต้นที่ชายน์และริวจะต้องห่างกันและตอนนี้ก็พยายามจะเปิดตัวคนในความคิดของชายน์ ฮ่าๆๆๆ
‘บอกแล้วไงว่านายยังควบคุมพลังเวทย์ตัวเองได้ไม่ดีนัก ถ้ารู้จักใช้นายจะไม่เป็นแบบนี้แน่ๆ’
‘แล้วต้องทำยังไงถึงจะควบคุมได้ดีล่ะ’
‘เอาเป็นว่ามันอยู่ที่วิธีการเอาออกมาใช้มากกว่า นายมีพลังมากมายที่ใช้ยังไงก็ไม่หมด แต่การที่นายเป็นแบบนี้เพราะนายยังเรียกใช้พลังนั่นได้ไม่เต็มที่ต่างหากล่ะ’
‘แล้วต้องทำยังไงถึงจะใช้ได้เต็มที่เท่าที่มีล่ะ’
‘ปลุกพลังที่หลับใหลให้ตื่นขึ้นสิ’
‘ยังไง’
‘เดี๋ยวถึงเวลาฉันจะบอก’
‘อืมมมม’ เสียงครางของคนที่นอนหลับไหนไปกว่าสองวันเต็มดังออกมาเบาๆ อันเป็นสัญญาณว่าคนป่วยเริ่มรู้สึกตัวแล้ว
“รู้สึกตัวแล้วหรือ ค่อยๆลุกนะ” นีโอที่นอนเฝ้าชายน์มาทั้งคืนเข้ามาประคองหลังจากที่ได้ยินเสียงของชายน์ แม้ว่านีโอเองจะบาดเจ็บจากการทดสอบมาก่อนหน้านั้นแล้วก็ตาม แต่เมื่อได้รับการปฐมพยาบาลแล้วก็สามารถทำกิจกรรมได้ปกติ เพราะกฏการพาตัวออกจากสนามของเข็มกลัดที่ติดไว้นั้นจะไม่ปล่อยให้ผู้เข้าทดสอบสูญเสียพลังเวทย์ไปมากจนไม่สามารถฟื้นฟูได้นั่นเอง
“ฉันยังไม่ตายใช่มั๊ยนีโอ แล้วผลการทดสอบเป็นยังไงบ้าง” ชายน์ถามหลังจากที่พอจะลำดับเหตุการณ์ได้บ้างแล้ว เขาจำได้ว่าเขากำลังสู้กับแจ็คกี้และเขาก็โดนแทงจนล้มลงและหมดสติไป
“จบแล้วหล่ะ เดวี่คือคนสุดท้ายที่ยืนอยู่บนสนามประลองเวทย์หลังจากที่นายและแจ็คกี้ล้มลง” นีโอกล่าว
“ฉันคิดนะว่าถ้าฉันได้ตำแหน่งประธานรุ่นแล้วทุกคนจะยอมรับฉันมากกว่านี้ ฉันแค่อยากพิสูจน์ตัวเอง แต่ฉันก็ทำไม่ได้ ฉันแค่อยากได้รับการยอมรับจากเพื่อนๆ โดยเฉพาะเพื่อนที่ไม่เคยจะพูดจากับฉันเลยทั้งๆ ที่อยู่ร่วมห้องกัน” ชายน์กล่าวในสิ่งที่อยู่ในใจออกมา
“ตำแหน่งหัวหน้าสายนั่นก็พิสูจน์ตัวนายได้แล้วนี่ จริงอยู่ว่าตอนที่นายเข้ามาทุกคนต่างพากันไม่ชอบหน้านายเพราะนายเข้ามาอย่างง่ายดายต่างจากพวกเราที่ต้องทดสอบแข่งขันกับคนนับหมื่น และที่สำคัญนะทั้งเบลและดัชที่อยู่ห้องเดียวกับนายหรือพวกฉันก็ไม่ได้ไม่ชอบนายนะ เพียงแต่……” นีโอกล่าวออกมาก่อนจะเว้นระยะคำพูดไปเหมือนกับกำลังชั่งใจในสิ่งที่จะพูด
“เพียงแต่พวกฉันเองก็แค่อยากมั่นใจตัวนายอ่ะ”
“พวกนายไม่ได้เกลียดหรือไม่ชอบหน้าฉันใช่มั๊ย” ชายน์ถามด้วยสีหน้าและน้ำเสียงในแบบฉบับที่เขาเคยใช้มาตลอด
“ถ้าฉันผู้หญิงแล้วเจอสีหน้าน้ำเสียงแบบนี้นะฉันคงพลีกายถวายตัวยอมให้นายไปแล้วอ่ะ ฮ่าๆๆๆ” นีโอกล่าวอย่างอารมณ์ดีและเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เพื่อนๆ สมาชิกหอมังกรดำเขายกขบวนเข้ามาพอดี
“อ้าว ชายน์รู้สึกตัวแล้วหรอ? เป็นอย่างไรบ้างล่ะ เจ็บแผลอยู่มั๊ย?” เซฟานี่ถามด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเป็นห่วงอย่างชัดเจนพร้อมทั้งเดินเข้ามาจับแขนชายน์ไว้เบาๆ
“ไม่เป็นไรแล้วล่ะ ขอบคุณนะเซฟานี่” ชายน์กล่าวอย่างสุภาพ
“มากันครบแล้ว นายสงสัยอะไรก็ถามพวกเขาเอานะชายน์” กล่าวจบนีโอก็พยักหน้าให้ชายน์เป็นเชิงให้สัญญาณ
“พวกนายคิดยังไงกับฉัน? เกลียดหน้าฉันหรือเปล่า? ทำไมฉันรู้สึกว่าฉัน….” ยังไม่ทันจะจบคำถาม หนุ่มน้อยเจ้าของผมสีแดงดำก็ขัดขึ้นมาทันที
“ไม่ชอบหน้า ไม่พอใจ แต่ตอนนี้หายล่ะ ฮ่าๆๆๆ” เบลกล่าวความในใจออกมาบ้าง เขาเองในตอนแรกก็ไม่ชอบใจที่เด็กใหม่คนนี้จะเข้ามาโดยไม่ต้องทดสอบอะไรเลย แต่จากการประลองเวทย์ที่ผ่านมานั่นเขาและเพื่อนๆ ก็มั่นใจแล้วว่าถ้าคนๆนี้จะเข้ามาเรียนโดยไม่ต้องสอบเขาก็ไม่ติดใจอะไรแล้ว
“นีโอคงบอกเหตุผลนายแล้ว ก็ตามนั้นแหละนะ ตอนนี้พวกเราไม่ได้ติดใจเรื่องเข้าเรียนของนายแล้ว อย่าคิดมาก” มาร์ตินเอ่ยออกมาบ้างพร้อมกับดัชที่ส่งยิ้มมาให้กับเขาอย่างเป็นมิตร
“จะไม่พูดอะไรหน่อยหรือท่านประธานรุ่น ฮ่าๆๆๆ” ดัชเอ่ยแซวเดวี่ที่เอาแต่ยืนมองชายน์นิ่งๆ โดยไม่พูดอะไรซักคำ
“เดี๋ยวฉันจะอยู่เฝ้าเขาเอง พวกนายรีบไปเถอะ” ทันทีที่เดวี่กล่าวออกมาทุกคนในห้องก็พากันหัวเราะลั่น
“นายจะไล่พวกฉันหรอ ฮ่าๆๆๆ ก็ได้ๆๆ แต่อย่าทำอะไรชายน์มันนะ มันป่วยอยู่ คิกคิก” มาร์ตินแซวพร้อมกับเสียงหัวเราะของเพื่อนๆอีกครั้งจนคนที่โดนแซวในตอนนี้ถอนหายใจออกมายาวๆ ก่อนจะเอ่ยออกมาอีกรอบ
“อาจารย์กริมเมอร์ให้ไปหาซื้ออาวุธไม่ใช่หรือ รีบไปสิ” ยกเหตุผลมาอ้างเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกลึกๆในใจทันที
“ขอบคุณนะ สำหรับมิตรภาพที่มีให้ฉัน” ชายน์กล่าวขอบคุณจากใจ
ทันทีที่กลุ่มเพื่อนๆ พากันออกไปตลาดเพื่อหาซื้ออาวุธประจำตัวที่จะต้องใช้ในชั่วโมงเรียนสัปดาห์หน้าตามคำสั่งของอาจารย์กิมเมอร์ เดวี่ก็เอาแต่นั่งจ้องชายน์โดยไม่พูดอะไรซักคำซึ่งพฤติกรรมนั่นทำให้ชายน์อึดอัดไม่น้อย
“เอ่ออออ นายจ้องหน้าฉันแบบนั้นทำไม?”
“ขอบใจนะที่ช่วยฉัน จริงๆ ไม่ควรจะเป็นฉันเลยที่ได้รับตำแหน่งประธานรุ่น” เดวี่กล่าวพลางถอนหายใจยาวๆ
“นายเก่ง ก็สมควรแล้ว” ชายน์ตอบอย่างชื่นชมจากใจจริง
“หิวน้ำมั๊ย?” ไม่รอให้คนป่วยตอบ เดวี่ลุกขึ้นไปหยิบน้ำมาเทใส่แก้วพร้อมกับยื่นให้ชายน์ทันที
“เอ่อออ คือ..” ชายน์ยังคงงุนงงกับการกระทำของคนตรงหน้า
“ลุกไม่ถนัดสินะ มา ฉันป้อน” ทันทีที่พูดจบเดวี่ก็นั่งลงข้างๆ ชายน์ มือซ้ายสอดไปด้านหลังพร้อมกับพยุงให้คนที่นอนอยู่ค่อยๆ ยกหลังขึ้นอิงหมอนใบใหญ่ที่สอดเข้ามารองไว้พร้อมกับมือขวาที่ยื่นแก้วน้ำไปจรดไว้ที่ริมฝีปากของชายน์อย่างแผ่วเบา …..ถึงขนาดนี้แล้วคงต้องกินสินะ > <
“แล้วนายไม่ไปตลาดกับพวกนั้นหรือ” ชายน์ถามด้วยความสงสัย
“ฉันจะรอไปพร้อมนาย” เดวี่ตอบเรียบๆ
“จริงๆ ฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกนะ เขาน่าจะปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วเพราะแผลก็ปิดไม่มีเลือดแล้วและมีดนั่นก็สั้นนิดเดียว คงไม่ถึงกับตายหรอก อีกอย่าง…นายปล่อยฉันเหอะ ฉันนั่งเองได้ ” ชายน์บอกหลังจากที่เดวี่ยังคงกอดเอวเขาไม่ยอมปล่อย
“นายอยากไปตลาด?” เดวี่ถามอย่างรู้ทันแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือจากเอวของชายน์
“ก็ประมาณนั้น เพราะฉันเองก็ยังไม่มีอาวุธประจำตัวเลยนะ อยากจะไปเลือกหาสักชิ้นหน่ะ”
“งั้นฉันจะพาไปเอง ”
“เด็กนั่นเป็นอย่างไรบ้าง เมอร์ดอร์ฟ”
“สายของข้ารายงานว่าเด็กนั่นเข้าเรียนที่โฮเนอร์แล้วขอรับนายท่าน” ชายชุดดำผู้น้อยตอบคำถามด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อม
“จับตาดูให้ดีๆ นะ ได้โอกาสเมื่อไหร่เอาตัวมาให้ข้าทันที แต่อย่าให้ช้านักนะ เพราะทางนั้นคงรู้ตัวแล้วถึงได้รับเข้าเรียนอย่างง่ายดาย”
“ขอรับนายท่าน”
…………………………………………………………………….
ณ แกรนมาร์เกต ตลาดชื่อดังในแกรนโซน…
“โหยยย มีแต่เสื้อผ้าสวยๆ ทั้งนั้นเลยอ่ะ มาร์ติน ไปดูกระโปรงเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ” เซฟานี่กำลังตื่นเต้นกับสินค้ามากมายที่วางขายในตลาดแห่งนี้ เนื่องจากเธอมาจากกรีนโซนที่ยังไม่เจริญเท่ากับแกรนโซนนั่นเอง
“ฉันเป็นผู้ชายนะเซ จะให้เข้าไปเลือกกระโปรงได้ไง อายคนเขา” มาร์ตินเอ่ยอย่างอายๆ
“อย่ามาพูดหน่อยเลย ฉันรู้นะว่านายซื้อเสื้อผ้าให้น้องสาวนายบ่อยๆ แล้วเดี๋ยวเจอกันที่ร้านไอศกรีมนะ” เซฟานี่หันมากล่าวกับเพื่อนที่เหลือพร้อมกับลากหูมาร์ตินวิ่งเข้าร้านเสื้อผ้าไปทันที
“ไม่เอาฉันไม่ไปนะเซ ม่ายยยยยย”
“ฉันว่ากลุ่มเราควรมีผู้หญิงอีกนะ เซจะได้มีเพื่อนที่เข้าใจเขา ฮ่าๆๆๆ” นีโอกล่าวอย่างขำๆ พร้อมกับแอบสงสารมาร์ตินเบาๆ ที่งานนี้รับเคราะห์ไปเต็มๆ
“เราก็ไปดูของที่เหมาะกับผู้ชายแมนๆ อย่างเราดีกว่า” เบลเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดี
“อะไรล่ะของที่ว่าอ่ะ” ดัชสงสัยจนอดที่จะถามไม่ได้
“เครื่องสำอางมั้ง ฮ่าๆๆๆ ฉันเคยเห็นมีร้านขายดาบอยู่ซอยข้างหน้าอ่ะ” เบลตอบพร้อมกับเดินออกนำไปแล้ว
“สวัสดีคร้าบบบ สนใจอาวุธแบบไหนสอบถามได้นะครับ หรือจะลองเดินเลือกดูก่อนก็ได้ ราคาไม่แพงครับ” เจ้าของร้านออกมาต้อนรับอย่างดีที่เห็นนักเรียนจากโฮเนอร์เข้ามาใช้บริการในร้าน
“ผมขอดูธนูนั่นหน่อยได้ไหมครับ” นีโอร้องบอกเจ้าของร้านหลังจากที่เดินดูอยู่พักหนึ่งก็พอดีที่เหลือบไปเห็นธนูไม้สีดำที่มีลวดลายสวยงามสะดุดตา
“แล้วดาบนี่ละครับ ถ้าผมสนใจคุณจะขายให้ผมไหม” เบลถามขัดจังหวะขึ้นหลังจากที่หันไปหยิบดาบสีส้มเล่มยาวขึ้นมาจากเคาน์เตอร์ของเจ้าของร้านที่ดูเหมือนว่าทางร้านน่าจะพึ่งได้มา
“ดาบนั่นผมพึ่งจะได้มาเมื่อเช้านี้ เป็นดาบเก่าแก่จากเผ่าพันธุ์ของพวกฟินิกซ์หน่ะ เธอแน่ใจหรือว่าจะใช้มันได้” เจ้าของร้านร้องถามอย่างเสียดายแต่เหมือนว่าเขาจะไม่สามารถจะครอบครองดาบนั่นได้
“ก็ผมหยิบมันออกมาจากห่อผ้านี่แล้วและมันก็ถนัดมือดีนี่ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร” นั่นสินะ เบลที่รู้จักกับดาบเล่มนี้ดีบอกกับตัวเองว่าดาบนี้ยังไงๆ เขาก็ต้องเอาให้ได้
“ถ้าเธออยากจะได้มันฉันก็พร้อมจะขายให้ แต่ราคาสูงหน่อยนะ” ไม่วายโกงราคาเพราะความเสียดายดาบล้วนๆ
“จะเอาเท่าไรก็ว่ามา ผมพร้อมจะจ่าย” เบลกล่าวอย่างตัดความรำคาญ
“แล้วนายละดัช ได้อะไรยัง” นีโอหันมาถามเพื่อนอีกคนที่มาพร้อมกัน
“ฉันมีแล้วหน่ะ อีกอย่างฉันยังไม่เจอที่ถูกใจด้วย”
“งั้นถ้าเรียบร้อยแล้วก็ไปกันเถอะ มาร์ตินกับเซคงจะไปรอเราแล้วแหละ” นีโอกล่าวหลังจากที่เห็นว่าเบลชำระค่าสินค้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว และเมื่อไปถึงร้านไอศกรีมก็พอดีกับเซฟานี่และมาร์ตินเดินเข้ามาพอดี โดยนอกจากเซจะได้เสื้อผ้าแล้วทั้งคู่ยังได้อาวุธมาด้วยซึ่งอาวุธของเซคือดาบเล่มยาวสีฟ้าครามที่มีอัญมณีสีฟ้าใสประดับอยู่ที่ด้ามจับ ส่วนของมาร์ตินเป็นดาบที่มีลักษณะเป็นดาบใสๆ แต่เมื่อสะบัดมือแรงๆ จะมีเสียงดังกังวานที่ฟังแล้วชวนให้หลับใหลได้ทุกเมื่อจนเซต้องรีบสั่งให้เก็บดาบทันทีที่เจ้าตัวกำลังโชว์ดาบอย่างสนุกสนาน
ทางด้านของชายน์และเดวี่…..
“โห… ที่นี่ครึกครื้นกันดีจริงเลยแฮะ ไปดูขนมร้านนั้นกันก่อนนะเดวี่แล้วเดี๋ยวค่อยไปหาซื้ออาวุธกัน” ชายน์เอ่ยชวนเดวี่ทันทีที่มองเห็นร้านขนมหลากสีสันชวนให้ลิ้มลอง และเมื่อคนชวนเดินนำเข้าไปแล้วมีหรือที่คนตามอย่างเดวี่จะทักท้วงได้นอกจากเดินตามแล้วถอนหายใจออกมายาวๆ
‘เมื่อไหร่จะโตนะ นายน้อย’ คิดตำหนิคนตรงหน้าแต่ก็แอบที่ยิ้มบางๆ ไปกับพฤติกรรมของคนเบื้องหน้าไม่ได้ คนที่เขาพึ่งจะเชื่อใจและพร้อมที่จะยอมให้ทุกอย่างทั้งชีวิตของเขา
“นายน้อยกลับมาแล้ว และถ้าข้าคาดการณ์ไม่ผิดเขาจะต้องอยู่ในโฮเนอร์ เจ้าจงจับตาคนที่ใช้รัตติกาลเพลิงให้ดีนะ เพราะนั่นคือเวทย์ที่ผู้พิทักษ์จะสามารถเรียกใช้ได้ง่ายที่สุด”
“มีอะไรพิเศษอีกมั๊ย”
“ผู้พิทักษ์จะมีอะไรที่มากกว่าคนทั่วไป อัจฉริยะกว่าและโดดเด่นกว่า ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะสัมผัสถึงตัวตนเขาได้นะ”
‘ขอให้สิ่งที่ข้าคิดและรู้สึกเป็นความจริงด้วยเถิด ท่านพ่อ’
‘ข้างหน้ามีร้านขายดาบชื่อดังอยู่ เข้าไปเลย’ เสียงอันคุ้นเคยดังอยู่ในหัวของชายน์ ซึ่งเจ้าตัวเพียงแต่ยิ้มออกมาบางๆ แต่ก็ยอมละจากร้านขนมไปตามคำแนะนำของเสียงนั่นทันที หลังจากตอนแรกที่เขาเจอเจ้าของเสียงในความฝันนั้นเขาก็ตกใจไม่น้อยที่ทั้งหน้าตาและน้ำเสียงเหมือนกับตัวของเขาเองไม่มีผิด แต่ทว่าครั้งต่อๆ มาเจ้าเสียงนั่นก็โผล่มาคุยกับเขาตลอดโดยที่ชายน์เองก็เลิกกลัวไปแล้ว อีกทั้งเขาก็สามารถสื่อสารกับคนในความคิดได้เพียงแค่เขาคิดในใจเสียงนั่นก็จะตอบเขากลับมาทันที
“ไปร้านขายดาบกันดีกว่า ฉันเปลี่ยนใจไม่กินขนมแล้ว” ชายน์กล่าวพร้อมกับคว้ามือเดวี่เดินตรงไปยังร้านขายดาบชื่อดังตามที่เสียงในความคิดเขาแนะนำ
“ช้าๆ ก็ได้ นายพึ่งจะหายนะชายน์” เดวี่ร้องเตือน
“ถ้าฉันบอกว่าไหวคือไหว แต่ถ้าไม่ก็คือไม่เช่นกัน” ชายน์กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง คนข้างๆ จึงยอมเดินตามไปเงียบๆ แต่โดยดี
“อ่าว คุณหนูจากโฮเนอร์อีกแล้ว เชิญครับ เชิญๆๆๆ” เจ้าของร้านกล่าวเชิญอย่างยิ้มแย้มที่วันนี้ลูกค้าจากโฮเนอร์มาอุดหนุนร้านเขาทั้งวันตั้งแต่เช้าแล้ว
“สนใจอะไรสอบถามได้นะครับ ทางร้านเรามีของให้เลือกมากมาย แต่ต้องบอกตรงๆ ว่าบางชิ้นที่สวยๆ และดีก็มีคนรับไปเยอะแล้วนะ ยังไงลองเดินเลือกดูก่อนครับ” เจ้าของร้านยังคงกล่าวต่อไปเรื่อยๆ
‘หลังร้านมีตู้เก็บของ ไปเปิดตู้นั่นสิ มีดาบที่เป็นของนายอยู่ในนั้น’ เสียงคนในความคิดดังบอกให้เขาเดินไปหลังร้านและชายน์ก็ตรงไปยังประตูหลังร้านทันที
“เอ่อออ คุณหนูจะไปไหนครับ” เจ้าของร้านร้องทักที่เห็นว่าหนึ่งในเด็กหนุ่มที่เข้ามานั้นเดินตรงไปหลังร้านซึ่งปกติลูกค้าเขาจะไม่เข้าไปส่วนนั้น
“หลังร้านมีดาบเก็บไว้ในตู้เก็บของใช่มั๊ยครับ ผมอยากดูดาบนั่น” ทันทีที่ชายน์กล่าวจบเจ้าของร้านก็หน้าซีดขึ้นมาทันทีเพราะเขาเก็บดาบเล่มนั้นมากว่าสิบปีแล้วโดยที่ไม่มีใครเคยรู้และสนใจดาบนั่นเลย และเขาเองก็เกือบจะลืมดาบเล่มนั้นไปแล้ว!!
“เอ่อออ คุณหนูรู้ได้ไงครับว่ามีดาบอยู่ที่นั่น” เจ้าของร้านยังคงถามต่อ
“แสดงว่ามันมีอยู่จริงสินะ ขอผมดูหน่อย”
“ดาบนั่นมันอันตรายนะ ว่ากันว่าถ้าไม่ใช่เจ้าของมันจริงๆ มันจะกลืนกินพลังเวทย์ของคนที่ครอบครองจนอาจถึงตายเลยนะ”
“แล้วมีเหตุผลอะไรที่คุณจะเก็บมันไว้ล่ะ” เดวี่ทักในสิ่งที่ชายน์เองก็สงสัยไม่น้อย
“มีคนเอามาฝากไว้หน่ะ แต่ก็ร่วมๆ สิบปีแล้วมั้ง เขาบอกว่าดาบจะเรียกหาเจ้าของเอง”
“พาพวกเราไปดูหน่อย” ชายน์ยังคงยืนยันความต้องการ เห็นดังนั้นเจ้าของร้านจึงยอมทำตามความประสงค์ของเด็กทั้งสอง
‘หรือนี่จะเป็นเจ้าของที่แท้จริงของดาบนั่นกันแน่นะ’ คิดอย่างสงสัยจนเมื่อมาถึงตู้เก็บของนั่นเจ้าของร้านจึงเอ่ยเตือนอีกครั้งว่า
“ในตอนแรกที่ดาบมาอยู่ที่ร้านผมมีคนมาขอซื้อดาบนี่มากมาย แต่ไม่มีใครสามารถจับดาบนี่ได้เกินหนึ่งนาทีเลยซักคนเดียว บ้างก็ไม่แม้แต่จะสัมผัสมันได้ ยังไงคุณหนูทั้งสองจะลองก็ได้นะ แต่ระวังตัวไว้หน่อยก็ดีครับ” กล่าวจบก็เปิดตู้ใบนั้นออกเผยให้เห็นกล่องไม้สี่เหลี่ยมผืนผ้าที่สลักลวดลายอันงดงามไว้บนกล่อง
“ฉันจะลองให้นายก่อนเอง” เดวี่กล่าวพร้อมกับยื่นมือไปยกกล่องนั่นออกมาวางพร้อมกับเปิดฝากล่องออก ทันทีที่เปิดก็เผยให้เห็นดาบสีดำเล่มยาวที่สลักเสลาลวดลายอันวิจิตรไว้ที่ด้ามพร้อมกับมีอัญมณีสีดำประดับอยู่ที่ด้ามจับด้วย
“สวยจริงๆ” ทันทีที่ชายน์เห็นมันเต็มๆ ตาเขาก็รู้สึกถูกใจไม่น้อย
เคร้ง!! ทันทีที่เดวี่หยิบดาบเล่มนั้นขึ้นมาเขาก็ต้องรีบโยนมันออกไปทันทีเพราะความรู้สึกบางอย่างบอกว่าดาบนี่อันตรายมาก
“เป็นอะไรเดวี่ ดาบนั่นทำไมหรอ” ชายน์ถามอย่างอดห่วงไม่ได้ที่เห็นอาการของเดวี่
“ร้อนหน่ะ” เดวี่ตอบสั้นๆ ทั้งๆ ที่ตอนสัมผัสดาบนั่นร่างกายเขามันกระตุกจนหมดแรงไปเสียดื้อๆ
“งั้นฉันขอลองบ้างนะ”
“อย่า!!”
“ก็ปกตินี่” ชายน์ก้มลงไปหยิบดาบขึ้นมาพลางพลิกมือไปมาเพื่อชมความงามของดาบในมือโดยไม่สนใจคำทักท้วงของเดวี่
“เอ่อออ คุณหนูไม่รู้สึกอะไรบ้างหรืครับ” เจ้าของร้านร้องทักหลังจากที่เห็นว่าหนุ่มน้อยหัวเกรียนตรงหน้ากำลังยืนถือดาบแกว่งไปมาอย่างไม่มีทีท่าแปลกๆ เหมือนคนก่อนๆ หน้านี้แต่ประการใด
“รู้สึกว่าชอบและอยากได้อ่ะ ฮ่าๆๆๆ” ชายน์กล่าวอย่างอารมณดี
“ถ้าคุณหนูไม่เป็นอะไรก็คงแสดงว่าดาบนี่เจอเจ้าของแล้วล่ะ เชิญรับไปได้เลยครับผมไม่คิดเงิน” เจ้าของร้านกล่าวอย่างยินดี และชายน์ก็ยอมเก็บดาบลงกล่องพร้อมกับกล่าวขอบคุณเจ้าของร้านอีกครั้งก่อนจะพากันออกมา
“แล้วนายไม่อยากได้อะไรบ้างหรอ เห็นว่าอาจารย์กริมเมอร์ให้เด็กปี1 มาหาซื้ออาวุธประจำตัวนี่” ชายน์ถามเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเดวี่ยังไม่ได้ซื้อของตัวเองเลย
“ฉันมีแล้ว” ตอบน้อยอีกตามเคย
“หิวมั๊ยล่ะ ไปหาอะไรกินกัน” อยู่ๆ เดวี่ก็เอ่ยชวนออกมาและชายน์เองก็คงจะหิวไม่น้อยเพราะทันทีที่พูดเรื่องของกินท้องเจ้ากรรมก็ร้องออกมาซะดังลั่นจนเดวี่อดที่จะกระตุกยิ้มออกมาไม่ได้
“ฉันว่าท้องฉันมันตอบคำถามนายแทนแล้วหล่ะ ฮ่าๆๆ” ชายน์กล่าวอย่างอายๆ พร้อมกับหัวเราะกลบเกลื่อน
“งั้นไปร้านตรงมุมทางนั่นนะ ใกล้ดี” กล่าวจบทั้งสองก็พากันตรงไปยังร้านอาหารที่ใกล้ที่สุดเพราะเกรงว่าถ้ามัวแต่เลือกร้านอยู่คนที่ท้องร้องจะเป็นลมไปซะก่อน ทันทีที่เปิดร้านเข้าไปทั้งชายน์และคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้วต่างก็ตกใจไม่แพ้กัน
“พี่ริว” / ”ชายน์”!!
…………………………………………..........................................................………………………………………………………………………………………
ตอนนี้อาจเนือยไปหน่อยอย่าพึ่งเบื่อนะ เพราะผมพยายามอธิบายการกระทำและทุกที่มาที่ไปของแต่ละคน ตอนนี้เดวี่รู้แล้วว่าชายน์เป็นใคร ตอนนี้คือจุดเริ่มต้นที่ชายน์และริวจะต้องห่างกันและตอนนี้ก็พยายามจะเปิดตัวคนในความคิดของชายน์ ฮ่าๆๆๆ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ