Twin แฝดเลือดผสม
8.0
เขียนโดย Shinman33
วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.05 น.
39 ตอน
3 วิจารณ์
31.75K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 16.21 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) ประธานรุ่น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความประธานรุ่น
ทันทีที่การทดสอบของสายสามัญจบลงท่ามกลางความเสียดายของคนทั้งสนามที่กำลังลุ้นจุดจบของการต่อสู้นั้นว่าจะออกมาเช่นไรก็มีอันพังทลายลงเพราะ….หมดเวลา!!
“ต้องขออภัยทุกท่านด้วยนะค่ะที่การทดสอบต้องยุติก่อนจะรู้ผลเพราะในรอบแรกนี้เราจะตัดสินกันด้วยผลคะแนนจากอาจารย์ทั้งหมดที่ร่วมรับชมการทดสอบอยู่ ณ สนามประลองแห่งนี้ และบัดนี้ผลคะแนนทั้งหมดอยู่ในมือของนิกกี้แล้วคร่า” กล่าวอย่างกับพิธีกรประกวดร้องเพลงชื่อดังเลยแฮะ ฮ่าๆๆๆ
ไม่ใช่แค่เด็กปี 1 เท่านั้นที่ตื่นเต้น แต่คนทั้งสนามก็ลุ้นอยู่เช่นกันว่าใครจะได้เป็นหัวหน้าสายต่างๆ ของปี1 และดูเหมือนว่าตอนนี้ชายน์จะเป็นที่ยอมรับของเพื่อนมากขึ้นแล้วด้วย อย่างน้อยก็เพื่อนในหอมังกรดำ (Black Dragon) แหละนะ ฮ่าๆๆๆ
ณ ห้องรับรองผู้เข้ารับการทดสอบ….
“สรุปนายถนัดเวทย์แสงหรอชายน์ แต่นายก็ใช้รัตติกาลเวทได้ดีมากเลยนะ” เซฟานี่กล่าวอย่างสงสัยและคาใจเธอมาตลอดจนการแข่งขันจบลง ชายน์เพียงแต่เหลือบไปมองนิดหน่อยพร้อมกับกล่าวอย่างอารมณ์ดี
“ฉันไม่รู้ ตอนนั้นฉันขาดสติหน่ะ 555” ชายน์กล่าวตามที่คิดเพราะตลอดการทดสอบเขาจะได้ยินเสียงของบางคนดังอยู่ในหัวเขาตลอดเวลา แล้วเขาก็ทำตามเสียงนั่นแต่โดยดี!!
“เหตุผลไม่หล่อเลยนะชายน์ 555” นีโออดที่จะแซวไม่ได้ที่ตอนนี้เห็นว่าสาวสวยประจำหอมังกรดำอย่างเซฟานี่กำลังให้ความสนใจชายน์อยู่ไม่น้อย
“ลำพังแค่หน้าตาของฉันก็กินขาดคนทั้งหอแล้ว” กล่าวเล่นๆ อย่างคนมั่นใจและคำพูดนั่นก็ทำให้คนที่กำลังดื่มน้ำอยู่สำลักน้ำจนตาเหลือกทันที
แค็กๆๆ เสียงไอของหนุ่มหัวแดงดำเรียกสายตาของคนทั้ง7 ที่อยู่ในห้องรับรองนั้นหันไปมองอย่างพร้อมเพรียงกัน
“นายเจ๋งดีว่ะชายน์ ฉันชอบ” แต่ตอนนี้เราเลิกสนใจหมอนี่แล้วมาวางแผนกันก่อนมั๊ย อีกเดี๋ยวก็ต้องออกไปทดสอบรอบสองแล้ว คราวนี้เราอาจโดนรุมมากกว่าเก่านะ
“เหตุผลดีทีเดียว ฉันว่าใช้แผนเดิมก็ดีนะเพราะทุกอย่างดูลงตัวดีแล้ว หรือทุกคนว่าไง” ดัชเอ่ยอย่างใช้ความคิด
“แต่ฉันมีแผนที่ดีกว่านั้นนะ” สาวสวยหนึ่งเดียวในกลุ่มกล่าวออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
“เอาละค่ะ และก่อนที่ดิฉันจะประกาศรายชื่อของปี1 ในแต่ละสายที่มีผลคะแนนสูงที่สุดในรอบแรก ดิฉันขอเชิญน้องๆ ทั้งสี่สายที่ผ่านการทดสอบในรอบแรก ณ สนามประลองเวทย์ในขณะนี้เลยคร้า….” ทันทีที่พี่นิกกี้สุดสวยประกาศจบ เหล่านักเรียนปี1 ทั้งสี่สายที่อยู่ในห้องรับรองก็เดินเข้าสู่สนามทันที เมื่อเหล่าปี1 ที่ผ่านการทดสอบรอบแรกพากันเดินออกมาก็เรียกเสียงเฮได้อย่างกึกก้อง
‘เฮ……’
‘กรี๊ดดดดดด’
“แน่นอนว่าผลคะแนนที่ได้นั้นมาจากอาจารย์ทั้งหมดของโฮเนอร์ทีท่านสละเวลามาร่วมรับชมการทดสอบในครั้งนี้ เมื่อดิฉันเอ่ยชื่อใครแล้วขอให้คนๆ นั้นก้าวออกมายังด้านหน้านะคะ” นิกกี้ชี้แจงอย่างละเอียดหลังจากเห็นว่าน้องๆ ทุกคนที่ยืนอยู่กลางสนามประลองเวทย์นั้นพร้อมแล้ว
“จากการทดสอบที่ผ่านมา มีนักเรียนชั้นปี1 สามารถผ่านเข้าสู่รอบที่2 ดังนี้ สายเวทย์ 7 คน”
‘เฮ….’
“สายศิลป์ 5 คน”
‘เฮ….’
สายยุทธ์ 17 คน
‘เย้…..’ เสียงดังมาจากหอมังกรแดงอย่างกึกก้อง เพราะคนผ่านเยอะก็หมายถึงโอกาสที่ประธานรุ่นปีนี้จะเป็นของเด็กสายยุทธ์ก็มีเยอะไปด้วย
และสายสามัญ 8 คนค่ะ”
‘เฮ้….’ เสียงเฮดังกึกก้องทันทีที่นิกกี้ประกาศยอดผู้ผ่านการทดสอบ
“และคนที่ได้คะแนนสูงสุดของแต่ละสายมีดังนี้” นาทีตื่นเต้นกำลังจะเริ่มแล้ว
“สายเวทย์ได้แก่…..แจ็คกี้ จูเนอร์ ค่ะ” สิ้นเสียงของนิกกี้ เจ้าของชื่อก็ก้าวออกมาด้านหน้าอย่างเชิดๆ
‘น่าหมั่นไส้ที่สุด ชิ’ เบลคิดอย่างหงุดหงิด
“สายศิลป์ได้แก่…..เจด้า เอนเชน่า ค่ะ” สาวน้อยผมดำยาวทรงหน้าม้าก็ก้าวออกมาอย่างยิ้มแย้ม
“สายยุทธ์ได้แก่…..ลุค บาเรนเทล ค่ะ” ชายร่างสูงใหญ่ที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามก้าวออกมาทันทีที่ได้ยินชื่อตน
“และสำหรับสายสามัญ คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก…..ชายน์ อินเดอนาส คร้า” สิ้นเสียงของนิกกี้ก็ตามด้วยเสียงกรี๊ดของสาวๆ และเสียงเฮลั่นของผู้ชมทั้งสนามจนเจ้าตัวยิ้มแป้นจนแก้มแทบฉีก
‘ผมพิสูจน์ตัวเองได้แล้วนะพี่ริว’ ไม่น่าเชื่อว่าความคิดแรกของเขาคือพี่ริว!!
“และบัดนี้ เมื่อผู้ผ่านการทดสอบทั้งหมดอยู่ในสนามแล้ว ดิฉันก็ขอนำทุกท่านเข้าสู้การทดสอบรอบที่สองเลยแล้วกัน ตามกติกาของเราคือคนที่ยืนอยู่คนสุดท้ายบนสนามแห่งนี้จะได้รับตำแหน่งประธานรุ่นของปีนี้ และถ้าพร้อมแล้ว…น้องๆ เชิญสนุกกันได้เลยนะจร๊ะ ฮ่าๆๆ” กล่าวจบ เจ้าของเสียงก็หายวับไปทันที
“เอาละนะ!!”
บึ้ม ๆๆๆๆ สิ้นเสียงของแจ็คกี้ ทั้งสนามก็เกิดระเบิดขึ้นพร้อมกับควันสีขาวพวยพุ่งออกมามากมายจนผู้เข้าทดสอบแต่ละคนต้องกระโดดหนีละเบิดนั้นๆ อย่างจ้าละหวั่น
“ไม่คิดเลยว่าเด็กสายศิลป์จะเป็นฝ่ายรุกก่อน เสียแผนข้าหมดเลย ชิ!!” แจ็คกี้บ่นอย่างหงุดหงิดที่แผนการของเขานั้นพังลงเพราะโดนอีกฝ่ายชิงลงมือก่อนพลางปลีกตัวออกจากกลุ่มควันสีขาวเหล่านั้น เพราะในสถาการณ์แบบนี้เขาไม่รู้เลยว่าคู่ต่อสู้จะมาไม้ไหน และในระหว่างความชุลมุนนั้นเด็กสายยุทธ์ก็เริ่มแผนการบ้างแล้ว
พลัก!! อึก!! อัก!! เสียงการต่อสู้ที่ฟังดูแล้วน่าจะเป็นการเข้าจู่โจมในระยะประชิดอันเป็นที่รู้กันดีว่า..
“ระวังการจู่โจมระยะประชิดตัวจากพวกสายยุทธ์นะ” เดวี่กล่าวอย่างรู้ทันเกม
“มีแต่ควัน ฉันมองไม่เห็นอะไรเลย อัก!! ” เสียงหนึ่งในทีมของสายสามัญที่กล่าวยังไม่ทันจบก็เงียบไปอย่างดื้อๆ …ไปแล้วสินะคนนึง
“ว่าแต่ควันนี่มันแปลกๆ นะ ใครช่วยทำอะไร… หน่อย สิ” เสียงของเซฟานี่กล่าวและดูเหมือนว่าเสียงนั้นจะขาดหายไปแล้ว
“ได้เวลาของฉันแล้วสินะ” มาร์ตินกล่าวเมื่อเห็นว่าบัดนี้สถาการณ์ไม่เป็นไปตามแผนการที่วางไว้แล้ว พายุหมุนขนาดย่อมก่อตัวอยู่กลางสนามก่อนจะขยายขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับหมุดพัดไปทั่วทั้งสนาม และเพียงแค่อึดใจเดียวกลุ่มควันสีขาวนั้นก็จางหายไปจนสิ้น
“แค่นี้ไม่เกินมือคนชื่อมาร์ตินหรอก หึหึ” กล่าวอย่างอารมณ์ดีทันทีที่งานสำเร็จ เมื่อกลุ่มควันนั้นหายไปก็ปรากฏว่าบัดนี้ผู้เข้าแข่งขันเหลืออยู่ไม่มากแล้ว
“พลาดท่าจนได้ บ้าชิบ!!” แจ็คกี้สบถเมื่อเห็นว่าบัดนี้พวกของเขาเหลือแค่ 2 คนคือเขาและสาวสวยนามว่าเนย่าอีกคน
“เราเหลือกันสองคน นายไหวนะเช” เจด้า สาวสวยเจ้าของตำแหน่งหัวหน้าสายศิลป์กล่าว
“ผิดแผนไปหน่อยที่เจอพวกฉวยโอกาส แต่แค่นี้ก็ดีนะ จะได้ไม่ลำบากใจที่ต้องมาแย่งตำแหน่งกันเอง 555” เช หนุ่มหล่อประจำสายศิลป์กล่าวอย่างใจเย็นพร้อมกับกำลังประเมินเด็กสายสามัญอย่างละเอียด ‘พวกนั้นก็โดนไปหลายคนนี่’
“เมื่อกี้มันฝีมือใครอ่ะ ใครช่วยบอกฉันที” เบลถามอย่างสงสัย
“ควันนั่นมาจากพวกสายศิลป์ เป็นการผสานเวทย์เฉพาะของพวกเอลฟ์หน่ะ ถ้าพลังเวทย์ที่มีไม่แข็งพอที่จะเอาชนะได้ก็จะหมดสติทันที” เดวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงเครียด
“แล้วก็ตามด้วยเด็กสายยุทธ์ที่ใช้โอกาสนั้นเข้าจัดการด้วยการต่อสู้ระยะประชิดตามแบบที่พวกนั้นถนัดสินะ” เบลกล่าวอย่างจริงจัง เขาเองก็ประเมินแล้วว่าบัดนี้พวกเขาเหลือกัน 4 คน คือ เขา มาร์ติน เดวี่และชาย์ สายเวทย์และสายศิลป์เหลือสายละ 2 คน แต่สายยุทธ์นี่สิเหลือ 11 คน!!
“ทำไมพวกนั้นไม่เห็นเป็นอะไรมากเลยล่ะ” ชายน์ถามอย่างข้องใจ
“พวกนั้นไม่ได้มีพลังเวทย์ที่แข็งหรือมากพอหรอกนะ แต่พวกนั้นมีร่างกายที่แข็งแรงมากๆ ไง พวกใช้กำลังอ่ะ ไม่เห็นหรอว่าพวกนั้นกำจัดคู่แข่งด้วยกำลังมากกว่าเวทย์” เบลกล่าว
“งั้นพวกนายจัดการที่เหลือนะ ส่วนพวกใช้กำลังหน่ะฉันขอ!!” ทันทีที่กล่าวจบชายน์ก็พุ่งตรงไปยังพวกสายยุทธ์ทันที ทิ้งให้เพื่อนๆ ยืนมองคนที่บ้าบิ่นนั้นอย่างทึ่งๆ
“นายรู้ใช่มั๊ยว่าคนที่รอดจากควันนั่นได้หนะแสดงว่าพลังเวทย์ต้องสูงมากๆ หรือไม่ก็ร่างกายต้องแข็งแกร่งสุดๆ เลยนะ น้องชายของนายเป็นพวกไหนกันล่ะริว” โทนี่ถาม
“ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน แต่น้องชายฉันบ้าพลังนะ หึหึ” ริวไม่ตอบคำถามนั้นแต่กำลังตอบในสิ่งที่ทุกคนรอบๆ สนามกำลังอึ้งกับภาพเบื้องหน้า
ย๊ากกกกก อึก!! ทันทีที่วิ่งเข้ามาก็เจอกับชายน์ที่กระโดดเข่าลอยสวนเข้าไปยังยอดอกของชายร่างใหญ่แห่งสายยุทธ์จนล้มลงไม่เป็นท่า ภาพของเด็กหนุ่มร่างบางล้มเด็กร่างยักษ์นั้นเรียกเสียงเฮได้เป็นอย่างดี
หมับ!! เด็กร่างยักษ์อีกคนเข้ามาล็อกแขนชายน์จากด้านหลังพร้อมกับ
ตุ้บ!! อีกคนชกเข้าไปยังท้องของชายน์ที่บัดนี้ทรุดลงไปกองกับพื้นแล้ว
“ลากมันขึ้นมา” ลุค เจ้าของตำแหน่งหัวหน้าสายออกคำสั่ง แต่ทันทีที่คนรับคำสั่งก้มลงไปจะถึงตัวก็ปรากกว่า
“เฮ้ยยย” อัก!! เมื่อก้มลงไปในตำแหน่งที่เห็นว่าเหมาะสมชายน์ก็ยึดข้อมือนั้นไว้แล้วพลิกตัวขึ้นพร้อมกับกระชากเจ้าของมือนั่นจนล้มลง เด็กสายยุทธ์อีกคนเข้ามาช่วยทันทีแต่ยังไม่ทันเข้าถึงตัวชายน์ก็ก้มลงกวาดขาเตะสกัดข้อเท้านั้นส่งผลให้คนที่วิ่งเข้ามาล้มลงทันที จากนั้นแม่ไม้มวยไทยที่เคยร่ำเรียนมาก็ถูกงัดมาใช้ทุกกระบวนท่า
บัดนี้เสียงเฮยิ่งดังกึกก้องไปทั่วทั้งสนามเมื่อชายน์เพียงคนเดียวได้ล้มคู่ต่อสู้สายยุทธ์ไปแล้ว 9 คน ภายในเวลาอันรวดเร็ว!!
“ฉันบอกแล้วไงว่าถ้าเป็นชายน์นะ เข้าสามารถล้มเด็กสายยุทธ์ได้สบาย ฮ่าๆๆ” ริวกล่าวอย่างอารมณ์ดีที่เห็นว่าเด็กสายยุทธ์กำลังเดินเกมพลาด จริงอยู่ว่าสายยุทธ์เก่งทั้งเวทย์และทักษะการต่อสู้ แต่การที่เด็กสายยุทธ์จะเอาทักษะการต่อสู้ที่สายอื่นไม่ถนัดมาใช้นั้นคงใช้ไม่ได้ผลกับชายน์แน่ๆ
“พวกนั้นคงไม่คาดคิดละมั่งว่าเด็กตัวโย่งๆ ผอมๆ จะมีทักษะการต่อสู้แปลกๆ ที่สามารถล้มพวกเขาได้ ฮ่าๆๆ สะใจฉันจริงๆ” แนนนี่กล่าวอย่างชอบใจ
…………………………………………..
ทางด้านของเดวี่ เบลและมาร์ติน ตอนนี้ก็กำลังแย่เพราะบัดนี้มาร์ตินแทบจะประคองตัวเองไม่ได้แล้วหลังจากที่พลาดท่าให้กับแจ็คกี้ไป
“อึดจังนะแก ฉันจะส่งแกออกไปพักให้ร็วที่สุดนะ จะได้ไม่ทรมาน” กล่าวพร้อมกับเรียกเวทย์ไฟดวงโตขึ้นมาบนฝ่ามือ
“พอดีฉันไม่รีบหน่ะ” กล่าวอย่างท้าทายทั้งๆ ที่ตอนนี้สายตานั้นพร่าเลือนเต็มที่แล้ว แต่สติสุดท้ายก็สั่งให้เรียกวาโยเวทออกมาบ้าง
“ให้ตายสิ ฉันไม่อยากทำผู้หญิงเลยจริงๆ” เบลกล่าวด้วยน้ำเสียงเหมืนลำบากใจ
“ก็คิดว่าฉันเป็นผู้ชายสิ จะได้สะดวกใจ” เนย่ากล่าวอย่างท้าทาย
“งั้นไม่เกรงใจละนะ!!” ว่าจบ เปลวเพลิงอันร้อนระอุก็ลุกโชนและพุ่งออกไปยังสาวสวยตรงหน้า แต่เนย่าหาได้ตกใจไม่ เธอเพียงแค่ใช้วารีเวทย์มาขวางไฟนั้นไว้แล้วใช้วาโยเวทย์พาตัวเองลอยขึ้นไปบนอากาศอย่างงดงาม
“กำแพงนำเด็กๆ แบบนั้นจะทำอะไรได้ ฮ่าๆๆๆ” เบลหัวเราะชอบใจเพราะทันทีที่เพลิงนั่นเข้าไปถึงกำแพงวารีของเนย่ากำแพงนั้นก็ระเหยไปทันที
“ฉันก็ไม่ได้หวังจะใช้กำแพงวารีมาดับไฟนี่ น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟเป็นธรรมดา” เนย่ากล่าวพร้อมกับกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์
“แต่ถ้าน้ำมากละก็ไม่แน่ ฮ่าๆๆ” กล่าวจบฝนสีขาวผ่องที่เหมือนจะมีแสงสว่างนั้นก็ตกมาอย่างมากมาย ทันทีที่เพลิงนั่นเจอกับฝนของเนย่ามันก็ดับลงสนิททันที ‘แสงสว่างมักเอาชนะทุกสิ่งได้จริงๆ สินะ’
“เวทย์วารีทิพย์สินะ ฝีมือดีไม่เบานี่ หึหึ” เบลหัวเราะอย่างชอบใจ
“ขอบใจที่ชมนะ แต่หมดเวลาเล่นสนุกแล้วหล่ะ” กล่าวจบก็บังเกิดแสงสว่างขึ้นรอบๆ กายของหญิงสาวตรงหน้า บัดนี้เบลเข้าใจแล้วว่าวารีเวทย์ในตอนแรกนั้นแค่ตัวหลอกที่เนย่าใช้ตบตาเขาให้หลงทาง เพราะจริงแล้วเธอเป็นพวกธาตุแสงนั่นเอง
“แล้วถ้าความมืดมันมีมากกว่าแสงล่ะ เธอคิดว่าแสงมันจะสว่างได้หรือ” ทันทีที่กล่าวจบ เปลวไฟสีดำก็พวยพุ่งขึ้นมามากมายรอบๆ กายของเบล เพียงแค่สะบัดมือเบาๆ มันก็ลุกลามเข้าไปหาเนย่าอย่างรวดเร็วจนสายฝนสีขาวสว่างนั่นก็ไม่อาจจะดับมันได้ทัน
“ไม่นะ ต้องไม่เป็นแบบนี้สิ อึก!!” ยังไม่ทันหายตกใจและแน่นอนว่าเนย่ายังไม่ทันได้ป้องกัน เพลิงสีดำที่ถูกบีบอัดด้วยวาโยเวทจนเล็กแหลมดังดอกธนูก็พุ่งเข้าเสียบร่างของเนย่าจนทรุดและหายวับออกนอกสนามไปทันที
อ๊าคคคค!! เสียงร้องของมาร์ตินเรียกให้เบลหันไปมองตามเสียงนั่นอย่างตกใจ และทันทีที่เบลจะเข้าไปช่วยเพื่อนก็ปรากฏว่าร่างของมาร์ตินนั้นหายวับไปแล้ว
“เพื่อนนายเขาไปพักแล้วหล่ะ ต่อไปก็คิวนายสินะ ฮ่าๆๆๆ” แจ็คกี้หัวเราะอย่างพอใจที่บัดนี้เขากำจัดคู่ต่อสู้ไปได้แล้วหนึ่งคน
“บังเอิญว่าฉันไม่ง่ายเหมือนมาร์ตินนะสิ แกคงเหนื่อยหน่อยนะ” กล่าวจบก็เรียกดาบสีแดงเพลิงออกมาไว้ในมือทันที แจ็คกี้เองก็เรียกดาบเช่นเดียวกันออกมา
“อยากจะรู้เหมือนกันว่าไฟของแกกับไฟของฉันใครจะแน่กว่ากัน” สิ้นเสียงร่างของทั้งสองก็เข้าสู้กันด้วยเชิงดาบที่สูสีโดยผลัดกันรุกผลัดกันรับเป็นระยะๆ
ฉึก!! คมดาบอันร้อนระอุของแจ็คกี้กรีดเข้าที่ไหล่ซ้ายของเบลจนเลือดสีแดงสดไหลอาบแขนลงมาเป็นทางยาว
“เหมือนว่าไฟของแกมันจะไม่ศักดิ์สิทธ์พอนะ ฮ่าๆๆๆ”
…………………………………………..
“เอาละนะ ตอนนี้ก็เหลือนายเพียงคนเดียวแล้ว ไม่คิดจะใช้เวทย์กับฉันหน่อยหรือ” ชายน์กล่าวอย่างอารมณ์ดีที่เขาสามารถจัดการเด็กสายยุทธ์ไปได้อีกหนึ่ง จนตอนนี้เหลือเขากับลุคเพียงตัวต่อตัวเท่านั้น
“ถ้าแกอยากจะออกไปพักเร็วๆ ฉันก็จะสงเคราะห์ให้” สิ้นคำพูด ลุคก็พุ่งเข้าหาชายน์พร้อมกับอัคคีเวทย์ที่เขาประเมินไว้ว่าชายน์เป็นพวกใช้รัตติกาลเวทย์ธรรมดา และโดยทันทีที่ได้จังหวะลูกไฟในมือของลุคก็ถูกส่งออกไปยังชายน์ทันที ชายน์เองก็พียงแต่ยิ้มบางๆ แล้วร่ายเวทย์ออกมาเบาๆ ทันทีที่กล่าวจบพื้นดินตรงหน้าก็ยกตัวขึ้นเป็นแนวกำแพงป้องกันลูกไฟจากลุคได้อย่างสบาย
‘นอกจากรัตติกาลแล้วยังใช้เวทย์สายอื่นได้ดีอีกหรือ นายมันพวกไหนกันแน่?’ ลุคกำลังตั้งคำถามอย่างสงสัย
“ตาฉันบ้างนะ” กล่าวจบชายน์ก็ระเบิกดำแพงดินตรงหน้าทิ้งทันที และตามด้วยก้อนหินนับร้อยที่พุ่งออกไปยังลุคที่บัดนี้กำลังตกใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
“อัคนีเวทย์ อัก!!” หินนับร้อยพุ่งเข้าใส่ร่างของลุคจนกระเด็น เขาเองก็ยอมรับว่าเขาประเมินชายน์ต่ำไปจากตอนแรกที่คิดว่าเป็นพวกใช้รัตติกาลเวทย์ แต่เอาเข้าจริงหมอนี่กลับใช้อัคนีเวทย์ได้อย่างรุนแรงทีเดียว
‘ฉันน่าจะเอะใจตั้งแต่ที่แกจัดการเพื่อนฉันทั้ง10 คนแล้วสินะ’ คิดได้เท่านั้นสติก็ดับวูบไปทันที
ทางด้านของเดวี่ตอนนี้สถานการณ์ก็กำลังย่ำแย่เพราะเขาต้องรับมือกับเด็กสายศิลป์ทั้งสองคนที่หนึ่งในนั้นแม้จะเป็นหญิงแต่ด้วยพลังเวทย์ที่สูงนั้นก็ทำให้เด็กผู้หญิงคนนี้ดูอันตรายเป็นอย่างมาก ส่วนเด็กผู้ชายอีกคนก็ไม่อาจปฎิเสธได้ว่ามีฝีมือที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
“รู้มั๊ยว่าในชีวิตฉันเกลียดอะไร ก็เกลียดไอ้พวกที่มาจากความมืดอย่างแกยังไงล่ะ ไอ้ปีศาจ!!” เชกล่าวใส่หน้าของเดวี่ที่บัดนี้แทบจะไม่มีสติแล้วพร้อมกับเหวี่ยงร่างนั้นลงพื้นอย่างแรงจนเจ้าของร่างกระอักเลือดกองโตออกมาบนพื้น
“เพราะพวกแก แกรนน่าถึงวุ่นวาย พวกแกมันโอหัง เนรคุณแผ่นดินแกรนน่า!!” เชตะโกนใส่หน้าเดวี่ด้วยเสียงดังลั่น ร่างกายที่สั่นเทาและแววตาที่ยากเกินกว่าจะคาดเดาความรู้สึกได้นั้น นอกจากเดวี่แล้วหลายคนในสนามคงไม่เข้าใจ และคงเพราะสายตาคู่นี้เองเดวี่ถึงยอมได้ง่ายขนาดนี้ ตอนนี้เชคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่แล้ว มีดสั้นถูกเรียกออกมาหมายจะจัดการคนตรงหน้าทันที แต่เมื่อเชกำลังจะลงมือก็ปรากฏว่ามีบางสิ่งมาขวางไว้
“จะเล่นกันถึงชีวิตเลยหรอ ขอผมเล่นบ้างสิ ” กล่าวจบมีดสั้นนับสิบพุ่งเข้าหาเชจนเจ้าตัวต้องกระโดดหลบไม่เป็นท่า และนั่นก็ทำให้เจด้าต้องเข้ามาคุมสถานการณ์
“ลุกไหวมั๊ย” ชายน์ตรงเข้าไปประคองร่างของเดวี่ทันที
“รีบจัดการพวกนั้นเถอะก่อนที่ฉันจะไม่ไหวจริงๆ” เดวี่ว่าพลางพยุงกายลุกขึ้น
‘หมอนี่อึดเป็นบ้าเลย’ ชายน์อดคิดไม่ได้
“อย่าเสียเวลาเลยเช จัดการ!!” สิ้นเสียงของเจด้ากลุ่มควันสีขาวแบบเก่าก็พวยพุ่งออกมาอีกครั้งอย่างมากมาย และไม่รอให้ควันนั่นเข้าถึงตัวชายน์ก็เรียกวาโยเวทย์ออกมาจัดการควันตรงหน้าด้วยวิธีเดียวกันกับมาร์ตินให้ออกไปทันที
“นึกว่าจะเก่งแต่รัตติกาลเวทย์อย่างเดียว ไม่นึกว่าจะใช้วาโยเวทย์ได้ดีถึงเพียงนี้” เจด้ากล่าวชื่นชมจากใจจริง
“ยังมีอีกเยอะนะ ลองหน่อยแล้วกัน!!” กล่าวจบก็เรียกวาโยเวทย์ออกมาอีกครั้ง แต่หากครั้งนี้เขากลับใช้ผสานกับเวทย์แห่งแสงและบีบอัดจนมันกลายเป็นดอกธนูนับร้อยและพุ่งเข้าใส่คู่ต่อสู้ทันที ลูกธนูที่มองเห็นเป็นเส้นสีขาวสว่างพุ่งตรงไปยังเจด้าและเชพร้อมกับที่ใบไม้สีดำนับร้อยที่คมดังมีดก็ปลิวอ้อมไปดักรอแล้วทางด้านหลังของทั้งสอง
“หมอนี่ใช้วาโยเวทย์บังคับเวทย์แห่งแสงและรัตติกาลเวทย์ได้พร้อมกันเลยหรือนี่” เชกล่าวออกมาอย่างตกใจเมื่อเขากระโดดหลบจากดอกธนูสีขาวแล้วกลับไปโดนใบไม้สีดำจากด้านหลังเล่นงานเข้าจนตอนนี้ทั้งร่างของเขามีแต่รอยบาดแผลเต็มไปหมด เช่นเดียวกันกับเจด้าที่มีสภาพไม่ต่างกันกับเชเท่าใดนัก
“ยังไม่หมดนะสหาย ฮ่าๆๆ” กล่าวจบไฟสีดำอันร้อนระอุก็ลุกขึ้นไปทั่วสนามจนคู่ของเบลและแจ็คกี้เองยังต้องยุติการสู้นั้นเพื่อหลบวิถีของไฟสีดำที่กำลังลุกลามไปทั่ว
“ไม่ต้องเผื่อแผ่มาทางนี้ก็ได้นะ ฉันก็มีไฟเป็นของตัวเองและสวยกว่าไฟของนายด้วย ฮึ!!” เบลกล่าวอย่างตลกในสถาการณ์ที่กำลังตึงเครียดสุดๆ บัดนี้ร่างทั้งร่างของเบลโชกไปด้วยเลือดจนเจ้าตัวจะยืนไม่อยู่แล้ว
“นี่ไม่ใช่ไฟธรรมดา มันคือรัตติกาลเพลิงใช่มั๊ยเช” เมื่อได้สัมผัสถึงไอร้อนจากไฟสีดำนั่นเจด้าก็เอ่ยถามคู่หูของตนด้วยน้ำเสียงเครียดๆ
“ระวังตัวด้วยนะ คนๆ นี้ไม่ธรรมดา” กล่าวจบเชก็พยายามมองหาช่องทางเพื่อหลบวิถีของเปลวไฟที่กำลังลามมาหาตนพลางคิดหาวิธีดับไฟนั่น
“คิดจะดับไฟของฉันมันต้องใช้แสงเยอะนะ ฮ่าๆๆๆ ถึงคิวพวกนายแล้ว!!” สิ้นเสียงของชายน์ก็ปรากฏว่าเพลิงนั่นลุกสูงขึ้นจนท่วมหัวของเชและเจด้า และเพียงแค่ชายน์เรียกอัคคีย์เวทย์สีดำออกมาบนฝ่ามือแล้วส่งเข้าไปท่ามกลางเปลวเพลิงนั่นมันก็ระเบิดทันที
ตู้มมมมม!! เสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่วทั้งสนาม และบัดนี้หากสังเกตดีๆ จะเห็นว่าชายน์เองก็แทบจะยืนไม่อยู่แล้ว
‘นายยังควบคุมพลังเวทย์ตัวเองได้ไม่ดีนัก ระวังการใช้เวทย์หนักๆ นะ มันจะทำให้นายหมดสติเอาได้’ อีกครั้งที่เสียงอันคุ้นเคยดังเตือนเขาเป็นระยะๆ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นก็เสียงนี่แหละที่คอยสอนการใช้เวทย์บทต่างๆ ให้กับเขา
‘เสร็จงานนี้เราคงต้องทำความรู้จักกันจริงๆ หน่อยแล้ว หึหึ’ ชายน์คิดพลางยิ้มออกมาบางๆ พร้อมกับทรุดลงไปกองกับพื้นจนเดวี่ต้องเข้ามาประคองไว้
“ไหวมั๊ย”
“ยังไหว ขอบใจนะเดวี่” กล่าวพร้อมกับพยายามยันกายลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
‘นายร้ายกว่าที่ฉันคิดนะชายน์’ ทั้งพลังและไอเวทย์ของชายน์ที่เขาสามารถสัมผัสได้นั้นทำให้เดวี่อดคิดไม่ได้ว่าคนๆ นี้มีบางอย่างที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี บางอย่างที่เขารู้สึกว่ามันเหมือนกับสิ่งที่เขามี!!
เมื่อเปลวไฟสีดำดับลงก็ปรากฏว่าเด็กทั้งสองจากสายศิลป์นั้นหายไปแล้ว นั่นหมายความว่าทั้งสองหมดสภาพการทดสอบและถูกส่งตัวออกไปยังสถานพยาบาลเป็นที่เรียบร้อย และเมื่อนึกได้ว่ายังเหลือแจ็คกี้และเบลอีกคู่ที่กำลังต่อสู้กันชายน์ก็รีบมองหาเพื่อนทันที
“เก่งนะที่จัดการได้ที่เดียวถึงสองคนเลย ยังไงก็ขอบใจนะที่แกช่วยผ่อนแรงให้ฉันได้เยอะเลย ฮ่าๆๆ” แจ็คกี้กล่าวอย่างอารมณ์ดีที่บัดนี้เข้ากำจัดเบลไปได้แล้วอีกหนึ่งคน และอาการบาดเจ็บของคนทั้งสองที่เขาสังเกตุได้ก็สร้างความพึงพอใจให้กับเขาไม่น้อย
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ฉันอุส่าห์ส่งเพื่อนพวกแกไปพักแล้วตั้งสองคนเลยนะ” กล่าวอย่างเย้ยหยันและมั่นใจในตนเองซะเต็มที่
“งั้นนายก็ออกไปพักได้แล้วล่ะ ตอนนี้หมดหน้าที่ของนายแล้ว” เดวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นจนชายน์อดที่จะเสียวสันหลังไม่ได้ ทันทีที่สิ้นเสียงเดวี่ก็เรียกดาบสีดำยาวออกมาพร้อมกับที่แจ็คกี้ส่งก้อนพลังสีแดงส้มอันร้อนระอุมายังเดวี่ ในสถานการณ์ที่ร่างกายไม่เอื้ออำนวยทำให้การเคลื่อนไหวนั้นช้าลง ในที่สุดดาบของเดวี่ก็ไม่อาจปัดเปลี่ยนวิถีของก้อนพลังนั่นได้
อึก!! ร่างของเดวี่กระเด็นไปตามแรงอัดของอัคคีย์เวทที่มาจากเบื้องหน้า
‘มันจะต้องไม่จบแบบนี้สิ’ ชายน์คิดพลางเรียกสติและร่ายเวทย์ออกมาเบาๆ
“ออกไปพักเถอะนะ ฉันจะสงเคราะห์ให้” มีดสั้นสีดำถูกเรียกออกมาไว้ในมือของแจ็คกี้ แต่ไม่ทันที่จะได้ลงมือก็ปรากฏว่า
ฟิ่วววววว ฉึก!! มีดสั้นสีดำจากรัตติกาลเวทย์ของชายน์ส่งเข้าไปปักอยู่ในตำแหน่งช่วงเอวของแจ็คกี้จนเจ้าตัวเซถลาไปจนเกือบล้ม ไม่รอให้ตั้งตัวได้ชายน์ก็โดดตามเข้าไปซ้ำทันที หมัดหนักๆ ถูกส่งเข้าใส่โหนกแก้มของแจ็คกี้จนหน้าสะบัดแล้วตามด้วยแม่ไม้มวยไทยอีกครบชุด จนตอนนี้แจ็คกี้แทบจะยืนไม่อยู่แล้วแต่ก็ยังมีสติพอที่จะกำมีดสั้นที่ถืออยู่ในมือตั้งแต่แรกแล้วให้กระชับขึ้นก่อนจะส่งมันเข้าใส่หน้าท้องของคนตรงหน้า และจังหวะนั้นเดวี่ที่เห็นว่าโอกาสกำลังเป็นของพวกตนก็พยายามยันกายลุกขึ้นพร้อมกับคว้าดาบของตนมาถือไว้มั่นพร้อมกับวิ่งเข้าใส่แจ็คกี้ทันที
สวบ!! อึก!! มีดสั้นสีดำที่ปักอยู่ช่วงท้องของชายน์ทำให้ร่างนั้นทรุดลงพร้อมกันกับร่างของผู้ลงมือนั้นก็ล้มลงด้วยดาบเล่มยาวที่เสียบมาจากด้านหลังโดยคนที่ตอนนี่กำลังยืนอยู่เพียงคนเดียวในสานามแห่งนี้
ทั้งสนามตกอยู่ในความเงียบเพราะกำลังตกใจกับการทดสอบที่พึ่งจบลงเบื้องหน้าจนร่างของนิกกี้ปรากฏตัวออกมาอีกครั้ง
“และตอนนี้ผลการทดสอบก็สิ้นสุดลงแล้ว ผู้ดำรงตำแหน่งประธานรุ่นของนักเรียนชั้นปีที่1 ประจำปีนี้ก็คือ เดวี่ ดาโกน่า แห่งสายสามัญอีกแล้วคร้า…..”
‘เฮ้…………’ เสียงโห่ร้องด้วยความยินดีดังก้องไปทั่วทั้งสนาม
‘มันไม่ควรจะเป็นฉันเลย ไม่ควรเลยจริงๆ’
..................................................................................................................................................................................................
จบตอนค้าบบบบ ไม่รู้ถูกใจหรือเปล่า แฮ่ๆๆ ไม่คิดละซิว่าจะเป็นเดวี่ จริงๆ เดวี่คือหนึ่งในคนสำคัญเลยนะ ตัวเดินเรื่องอีกตัวเลยแหละ ฝากติดตามด้วยนะค้าบบบ ^^
ทันทีที่การทดสอบของสายสามัญจบลงท่ามกลางความเสียดายของคนทั้งสนามที่กำลังลุ้นจุดจบของการต่อสู้นั้นว่าจะออกมาเช่นไรก็มีอันพังทลายลงเพราะ….หมดเวลา!!
“ต้องขออภัยทุกท่านด้วยนะค่ะที่การทดสอบต้องยุติก่อนจะรู้ผลเพราะในรอบแรกนี้เราจะตัดสินกันด้วยผลคะแนนจากอาจารย์ทั้งหมดที่ร่วมรับชมการทดสอบอยู่ ณ สนามประลองแห่งนี้ และบัดนี้ผลคะแนนทั้งหมดอยู่ในมือของนิกกี้แล้วคร่า” กล่าวอย่างกับพิธีกรประกวดร้องเพลงชื่อดังเลยแฮะ ฮ่าๆๆๆ
ไม่ใช่แค่เด็กปี 1 เท่านั้นที่ตื่นเต้น แต่คนทั้งสนามก็ลุ้นอยู่เช่นกันว่าใครจะได้เป็นหัวหน้าสายต่างๆ ของปี1 และดูเหมือนว่าตอนนี้ชายน์จะเป็นที่ยอมรับของเพื่อนมากขึ้นแล้วด้วย อย่างน้อยก็เพื่อนในหอมังกรดำ (Black Dragon) แหละนะ ฮ่าๆๆๆ
ณ ห้องรับรองผู้เข้ารับการทดสอบ….
“สรุปนายถนัดเวทย์แสงหรอชายน์ แต่นายก็ใช้รัตติกาลเวทได้ดีมากเลยนะ” เซฟานี่กล่าวอย่างสงสัยและคาใจเธอมาตลอดจนการแข่งขันจบลง ชายน์เพียงแต่เหลือบไปมองนิดหน่อยพร้อมกับกล่าวอย่างอารมณ์ดี
“ฉันไม่รู้ ตอนนั้นฉันขาดสติหน่ะ 555” ชายน์กล่าวตามที่คิดเพราะตลอดการทดสอบเขาจะได้ยินเสียงของบางคนดังอยู่ในหัวเขาตลอดเวลา แล้วเขาก็ทำตามเสียงนั่นแต่โดยดี!!
“เหตุผลไม่หล่อเลยนะชายน์ 555” นีโออดที่จะแซวไม่ได้ที่ตอนนี้เห็นว่าสาวสวยประจำหอมังกรดำอย่างเซฟานี่กำลังให้ความสนใจชายน์อยู่ไม่น้อย
“ลำพังแค่หน้าตาของฉันก็กินขาดคนทั้งหอแล้ว” กล่าวเล่นๆ อย่างคนมั่นใจและคำพูดนั่นก็ทำให้คนที่กำลังดื่มน้ำอยู่สำลักน้ำจนตาเหลือกทันที
แค็กๆๆ เสียงไอของหนุ่มหัวแดงดำเรียกสายตาของคนทั้ง7 ที่อยู่ในห้องรับรองนั้นหันไปมองอย่างพร้อมเพรียงกัน
“นายเจ๋งดีว่ะชายน์ ฉันชอบ” แต่ตอนนี้เราเลิกสนใจหมอนี่แล้วมาวางแผนกันก่อนมั๊ย อีกเดี๋ยวก็ต้องออกไปทดสอบรอบสองแล้ว คราวนี้เราอาจโดนรุมมากกว่าเก่านะ
“เหตุผลดีทีเดียว ฉันว่าใช้แผนเดิมก็ดีนะเพราะทุกอย่างดูลงตัวดีแล้ว หรือทุกคนว่าไง” ดัชเอ่ยอย่างใช้ความคิด
“แต่ฉันมีแผนที่ดีกว่านั้นนะ” สาวสวยหนึ่งเดียวในกลุ่มกล่าวออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
“เอาละค่ะ และก่อนที่ดิฉันจะประกาศรายชื่อของปี1 ในแต่ละสายที่มีผลคะแนนสูงที่สุดในรอบแรก ดิฉันขอเชิญน้องๆ ทั้งสี่สายที่ผ่านการทดสอบในรอบแรก ณ สนามประลองเวทย์ในขณะนี้เลยคร้า….” ทันทีที่พี่นิกกี้สุดสวยประกาศจบ เหล่านักเรียนปี1 ทั้งสี่สายที่อยู่ในห้องรับรองก็เดินเข้าสู่สนามทันที เมื่อเหล่าปี1 ที่ผ่านการทดสอบรอบแรกพากันเดินออกมาก็เรียกเสียงเฮได้อย่างกึกก้อง
‘เฮ……’
‘กรี๊ดดดดดด’
“แน่นอนว่าผลคะแนนที่ได้นั้นมาจากอาจารย์ทั้งหมดของโฮเนอร์ทีท่านสละเวลามาร่วมรับชมการทดสอบในครั้งนี้ เมื่อดิฉันเอ่ยชื่อใครแล้วขอให้คนๆ นั้นก้าวออกมายังด้านหน้านะคะ” นิกกี้ชี้แจงอย่างละเอียดหลังจากเห็นว่าน้องๆ ทุกคนที่ยืนอยู่กลางสนามประลองเวทย์นั้นพร้อมแล้ว
“จากการทดสอบที่ผ่านมา มีนักเรียนชั้นปี1 สามารถผ่านเข้าสู่รอบที่2 ดังนี้ สายเวทย์ 7 คน”
‘เฮ….’
“สายศิลป์ 5 คน”
‘เฮ….’
สายยุทธ์ 17 คน
‘เย้…..’ เสียงดังมาจากหอมังกรแดงอย่างกึกก้อง เพราะคนผ่านเยอะก็หมายถึงโอกาสที่ประธานรุ่นปีนี้จะเป็นของเด็กสายยุทธ์ก็มีเยอะไปด้วย
และสายสามัญ 8 คนค่ะ”
‘เฮ้….’ เสียงเฮดังกึกก้องทันทีที่นิกกี้ประกาศยอดผู้ผ่านการทดสอบ
“และคนที่ได้คะแนนสูงสุดของแต่ละสายมีดังนี้” นาทีตื่นเต้นกำลังจะเริ่มแล้ว
“สายเวทย์ได้แก่…..แจ็คกี้ จูเนอร์ ค่ะ” สิ้นเสียงของนิกกี้ เจ้าของชื่อก็ก้าวออกมาด้านหน้าอย่างเชิดๆ
‘น่าหมั่นไส้ที่สุด ชิ’ เบลคิดอย่างหงุดหงิด
“สายศิลป์ได้แก่…..เจด้า เอนเชน่า ค่ะ” สาวน้อยผมดำยาวทรงหน้าม้าก็ก้าวออกมาอย่างยิ้มแย้ม
“สายยุทธ์ได้แก่…..ลุค บาเรนเทล ค่ะ” ชายร่างสูงใหญ่ที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามก้าวออกมาทันทีที่ได้ยินชื่อตน
“และสำหรับสายสามัญ คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก…..ชายน์ อินเดอนาส คร้า” สิ้นเสียงของนิกกี้ก็ตามด้วยเสียงกรี๊ดของสาวๆ และเสียงเฮลั่นของผู้ชมทั้งสนามจนเจ้าตัวยิ้มแป้นจนแก้มแทบฉีก
‘ผมพิสูจน์ตัวเองได้แล้วนะพี่ริว’ ไม่น่าเชื่อว่าความคิดแรกของเขาคือพี่ริว!!
“และบัดนี้ เมื่อผู้ผ่านการทดสอบทั้งหมดอยู่ในสนามแล้ว ดิฉันก็ขอนำทุกท่านเข้าสู้การทดสอบรอบที่สองเลยแล้วกัน ตามกติกาของเราคือคนที่ยืนอยู่คนสุดท้ายบนสนามแห่งนี้จะได้รับตำแหน่งประธานรุ่นของปีนี้ และถ้าพร้อมแล้ว…น้องๆ เชิญสนุกกันได้เลยนะจร๊ะ ฮ่าๆๆ” กล่าวจบ เจ้าของเสียงก็หายวับไปทันที
“เอาละนะ!!”
บึ้ม ๆๆๆๆ สิ้นเสียงของแจ็คกี้ ทั้งสนามก็เกิดระเบิดขึ้นพร้อมกับควันสีขาวพวยพุ่งออกมามากมายจนผู้เข้าทดสอบแต่ละคนต้องกระโดดหนีละเบิดนั้นๆ อย่างจ้าละหวั่น
“ไม่คิดเลยว่าเด็กสายศิลป์จะเป็นฝ่ายรุกก่อน เสียแผนข้าหมดเลย ชิ!!” แจ็คกี้บ่นอย่างหงุดหงิดที่แผนการของเขานั้นพังลงเพราะโดนอีกฝ่ายชิงลงมือก่อนพลางปลีกตัวออกจากกลุ่มควันสีขาวเหล่านั้น เพราะในสถาการณ์แบบนี้เขาไม่รู้เลยว่าคู่ต่อสู้จะมาไม้ไหน และในระหว่างความชุลมุนนั้นเด็กสายยุทธ์ก็เริ่มแผนการบ้างแล้ว
พลัก!! อึก!! อัก!! เสียงการต่อสู้ที่ฟังดูแล้วน่าจะเป็นการเข้าจู่โจมในระยะประชิดอันเป็นที่รู้กันดีว่า..
“ระวังการจู่โจมระยะประชิดตัวจากพวกสายยุทธ์นะ” เดวี่กล่าวอย่างรู้ทันเกม
“มีแต่ควัน ฉันมองไม่เห็นอะไรเลย อัก!! ” เสียงหนึ่งในทีมของสายสามัญที่กล่าวยังไม่ทันจบก็เงียบไปอย่างดื้อๆ …ไปแล้วสินะคนนึง
“ว่าแต่ควันนี่มันแปลกๆ นะ ใครช่วยทำอะไร… หน่อย สิ” เสียงของเซฟานี่กล่าวและดูเหมือนว่าเสียงนั้นจะขาดหายไปแล้ว
“ได้เวลาของฉันแล้วสินะ” มาร์ตินกล่าวเมื่อเห็นว่าบัดนี้สถาการณ์ไม่เป็นไปตามแผนการที่วางไว้แล้ว พายุหมุนขนาดย่อมก่อตัวอยู่กลางสนามก่อนจะขยายขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับหมุดพัดไปทั่วทั้งสนาม และเพียงแค่อึดใจเดียวกลุ่มควันสีขาวนั้นก็จางหายไปจนสิ้น
“แค่นี้ไม่เกินมือคนชื่อมาร์ตินหรอก หึหึ” กล่าวอย่างอารมณ์ดีทันทีที่งานสำเร็จ เมื่อกลุ่มควันนั้นหายไปก็ปรากฏว่าบัดนี้ผู้เข้าแข่งขันเหลืออยู่ไม่มากแล้ว
“พลาดท่าจนได้ บ้าชิบ!!” แจ็คกี้สบถเมื่อเห็นว่าบัดนี้พวกของเขาเหลือแค่ 2 คนคือเขาและสาวสวยนามว่าเนย่าอีกคน
“เราเหลือกันสองคน นายไหวนะเช” เจด้า สาวสวยเจ้าของตำแหน่งหัวหน้าสายศิลป์กล่าว
“ผิดแผนไปหน่อยที่เจอพวกฉวยโอกาส แต่แค่นี้ก็ดีนะ จะได้ไม่ลำบากใจที่ต้องมาแย่งตำแหน่งกันเอง 555” เช หนุ่มหล่อประจำสายศิลป์กล่าวอย่างใจเย็นพร้อมกับกำลังประเมินเด็กสายสามัญอย่างละเอียด ‘พวกนั้นก็โดนไปหลายคนนี่’
“เมื่อกี้มันฝีมือใครอ่ะ ใครช่วยบอกฉันที” เบลถามอย่างสงสัย
“ควันนั่นมาจากพวกสายศิลป์ เป็นการผสานเวทย์เฉพาะของพวกเอลฟ์หน่ะ ถ้าพลังเวทย์ที่มีไม่แข็งพอที่จะเอาชนะได้ก็จะหมดสติทันที” เดวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงเครียด
“แล้วก็ตามด้วยเด็กสายยุทธ์ที่ใช้โอกาสนั้นเข้าจัดการด้วยการต่อสู้ระยะประชิดตามแบบที่พวกนั้นถนัดสินะ” เบลกล่าวอย่างจริงจัง เขาเองก็ประเมินแล้วว่าบัดนี้พวกเขาเหลือกัน 4 คน คือ เขา มาร์ติน เดวี่และชาย์ สายเวทย์และสายศิลป์เหลือสายละ 2 คน แต่สายยุทธ์นี่สิเหลือ 11 คน!!
“ทำไมพวกนั้นไม่เห็นเป็นอะไรมากเลยล่ะ” ชายน์ถามอย่างข้องใจ
“พวกนั้นไม่ได้มีพลังเวทย์ที่แข็งหรือมากพอหรอกนะ แต่พวกนั้นมีร่างกายที่แข็งแรงมากๆ ไง พวกใช้กำลังอ่ะ ไม่เห็นหรอว่าพวกนั้นกำจัดคู่แข่งด้วยกำลังมากกว่าเวทย์” เบลกล่าว
“งั้นพวกนายจัดการที่เหลือนะ ส่วนพวกใช้กำลังหน่ะฉันขอ!!” ทันทีที่กล่าวจบชายน์ก็พุ่งตรงไปยังพวกสายยุทธ์ทันที ทิ้งให้เพื่อนๆ ยืนมองคนที่บ้าบิ่นนั้นอย่างทึ่งๆ
“นายรู้ใช่มั๊ยว่าคนที่รอดจากควันนั่นได้หนะแสดงว่าพลังเวทย์ต้องสูงมากๆ หรือไม่ก็ร่างกายต้องแข็งแกร่งสุดๆ เลยนะ น้องชายของนายเป็นพวกไหนกันล่ะริว” โทนี่ถาม
“ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน แต่น้องชายฉันบ้าพลังนะ หึหึ” ริวไม่ตอบคำถามนั้นแต่กำลังตอบในสิ่งที่ทุกคนรอบๆ สนามกำลังอึ้งกับภาพเบื้องหน้า
ย๊ากกกกก อึก!! ทันทีที่วิ่งเข้ามาก็เจอกับชายน์ที่กระโดดเข่าลอยสวนเข้าไปยังยอดอกของชายร่างใหญ่แห่งสายยุทธ์จนล้มลงไม่เป็นท่า ภาพของเด็กหนุ่มร่างบางล้มเด็กร่างยักษ์นั้นเรียกเสียงเฮได้เป็นอย่างดี
หมับ!! เด็กร่างยักษ์อีกคนเข้ามาล็อกแขนชายน์จากด้านหลังพร้อมกับ
ตุ้บ!! อีกคนชกเข้าไปยังท้องของชายน์ที่บัดนี้ทรุดลงไปกองกับพื้นแล้ว
“ลากมันขึ้นมา” ลุค เจ้าของตำแหน่งหัวหน้าสายออกคำสั่ง แต่ทันทีที่คนรับคำสั่งก้มลงไปจะถึงตัวก็ปรากกว่า
“เฮ้ยยย” อัก!! เมื่อก้มลงไปในตำแหน่งที่เห็นว่าเหมาะสมชายน์ก็ยึดข้อมือนั้นไว้แล้วพลิกตัวขึ้นพร้อมกับกระชากเจ้าของมือนั่นจนล้มลง เด็กสายยุทธ์อีกคนเข้ามาช่วยทันทีแต่ยังไม่ทันเข้าถึงตัวชายน์ก็ก้มลงกวาดขาเตะสกัดข้อเท้านั้นส่งผลให้คนที่วิ่งเข้ามาล้มลงทันที จากนั้นแม่ไม้มวยไทยที่เคยร่ำเรียนมาก็ถูกงัดมาใช้ทุกกระบวนท่า
บัดนี้เสียงเฮยิ่งดังกึกก้องไปทั่วทั้งสนามเมื่อชายน์เพียงคนเดียวได้ล้มคู่ต่อสู้สายยุทธ์ไปแล้ว 9 คน ภายในเวลาอันรวดเร็ว!!
“ฉันบอกแล้วไงว่าถ้าเป็นชายน์นะ เข้าสามารถล้มเด็กสายยุทธ์ได้สบาย ฮ่าๆๆ” ริวกล่าวอย่างอารมณ์ดีที่เห็นว่าเด็กสายยุทธ์กำลังเดินเกมพลาด จริงอยู่ว่าสายยุทธ์เก่งทั้งเวทย์และทักษะการต่อสู้ แต่การที่เด็กสายยุทธ์จะเอาทักษะการต่อสู้ที่สายอื่นไม่ถนัดมาใช้นั้นคงใช้ไม่ได้ผลกับชายน์แน่ๆ
“พวกนั้นคงไม่คาดคิดละมั่งว่าเด็กตัวโย่งๆ ผอมๆ จะมีทักษะการต่อสู้แปลกๆ ที่สามารถล้มพวกเขาได้ ฮ่าๆๆ สะใจฉันจริงๆ” แนนนี่กล่าวอย่างชอบใจ
…………………………………………..
ทางด้านของเดวี่ เบลและมาร์ติน ตอนนี้ก็กำลังแย่เพราะบัดนี้มาร์ตินแทบจะประคองตัวเองไม่ได้แล้วหลังจากที่พลาดท่าให้กับแจ็คกี้ไป
“อึดจังนะแก ฉันจะส่งแกออกไปพักให้ร็วที่สุดนะ จะได้ไม่ทรมาน” กล่าวพร้อมกับเรียกเวทย์ไฟดวงโตขึ้นมาบนฝ่ามือ
“พอดีฉันไม่รีบหน่ะ” กล่าวอย่างท้าทายทั้งๆ ที่ตอนนี้สายตานั้นพร่าเลือนเต็มที่แล้ว แต่สติสุดท้ายก็สั่งให้เรียกวาโยเวทออกมาบ้าง
“ให้ตายสิ ฉันไม่อยากทำผู้หญิงเลยจริงๆ” เบลกล่าวด้วยน้ำเสียงเหมืนลำบากใจ
“ก็คิดว่าฉันเป็นผู้ชายสิ จะได้สะดวกใจ” เนย่ากล่าวอย่างท้าทาย
“งั้นไม่เกรงใจละนะ!!” ว่าจบ เปลวเพลิงอันร้อนระอุก็ลุกโชนและพุ่งออกไปยังสาวสวยตรงหน้า แต่เนย่าหาได้ตกใจไม่ เธอเพียงแค่ใช้วารีเวทย์มาขวางไฟนั้นไว้แล้วใช้วาโยเวทย์พาตัวเองลอยขึ้นไปบนอากาศอย่างงดงาม
“กำแพงนำเด็กๆ แบบนั้นจะทำอะไรได้ ฮ่าๆๆๆ” เบลหัวเราะชอบใจเพราะทันทีที่เพลิงนั่นเข้าไปถึงกำแพงวารีของเนย่ากำแพงนั้นก็ระเหยไปทันที
“ฉันก็ไม่ได้หวังจะใช้กำแพงวารีมาดับไฟนี่ น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟเป็นธรรมดา” เนย่ากล่าวพร้อมกับกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์
“แต่ถ้าน้ำมากละก็ไม่แน่ ฮ่าๆๆ” กล่าวจบฝนสีขาวผ่องที่เหมือนจะมีแสงสว่างนั้นก็ตกมาอย่างมากมาย ทันทีที่เพลิงนั่นเจอกับฝนของเนย่ามันก็ดับลงสนิททันที ‘แสงสว่างมักเอาชนะทุกสิ่งได้จริงๆ สินะ’
“เวทย์วารีทิพย์สินะ ฝีมือดีไม่เบานี่ หึหึ” เบลหัวเราะอย่างชอบใจ
“ขอบใจที่ชมนะ แต่หมดเวลาเล่นสนุกแล้วหล่ะ” กล่าวจบก็บังเกิดแสงสว่างขึ้นรอบๆ กายของหญิงสาวตรงหน้า บัดนี้เบลเข้าใจแล้วว่าวารีเวทย์ในตอนแรกนั้นแค่ตัวหลอกที่เนย่าใช้ตบตาเขาให้หลงทาง เพราะจริงแล้วเธอเป็นพวกธาตุแสงนั่นเอง
“แล้วถ้าความมืดมันมีมากกว่าแสงล่ะ เธอคิดว่าแสงมันจะสว่างได้หรือ” ทันทีที่กล่าวจบ เปลวไฟสีดำก็พวยพุ่งขึ้นมามากมายรอบๆ กายของเบล เพียงแค่สะบัดมือเบาๆ มันก็ลุกลามเข้าไปหาเนย่าอย่างรวดเร็วจนสายฝนสีขาวสว่างนั่นก็ไม่อาจจะดับมันได้ทัน
“ไม่นะ ต้องไม่เป็นแบบนี้สิ อึก!!” ยังไม่ทันหายตกใจและแน่นอนว่าเนย่ายังไม่ทันได้ป้องกัน เพลิงสีดำที่ถูกบีบอัดด้วยวาโยเวทจนเล็กแหลมดังดอกธนูก็พุ่งเข้าเสียบร่างของเนย่าจนทรุดและหายวับออกนอกสนามไปทันที
อ๊าคคคค!! เสียงร้องของมาร์ตินเรียกให้เบลหันไปมองตามเสียงนั่นอย่างตกใจ และทันทีที่เบลจะเข้าไปช่วยเพื่อนก็ปรากฏว่าร่างของมาร์ตินนั้นหายวับไปแล้ว
“เพื่อนนายเขาไปพักแล้วหล่ะ ต่อไปก็คิวนายสินะ ฮ่าๆๆๆ” แจ็คกี้หัวเราะอย่างพอใจที่บัดนี้เขากำจัดคู่ต่อสู้ไปได้แล้วหนึ่งคน
“บังเอิญว่าฉันไม่ง่ายเหมือนมาร์ตินนะสิ แกคงเหนื่อยหน่อยนะ” กล่าวจบก็เรียกดาบสีแดงเพลิงออกมาไว้ในมือทันที แจ็คกี้เองก็เรียกดาบเช่นเดียวกันออกมา
“อยากจะรู้เหมือนกันว่าไฟของแกกับไฟของฉันใครจะแน่กว่ากัน” สิ้นเสียงร่างของทั้งสองก็เข้าสู้กันด้วยเชิงดาบที่สูสีโดยผลัดกันรุกผลัดกันรับเป็นระยะๆ
ฉึก!! คมดาบอันร้อนระอุของแจ็คกี้กรีดเข้าที่ไหล่ซ้ายของเบลจนเลือดสีแดงสดไหลอาบแขนลงมาเป็นทางยาว
“เหมือนว่าไฟของแกมันจะไม่ศักดิ์สิทธ์พอนะ ฮ่าๆๆๆ”
…………………………………………..
“เอาละนะ ตอนนี้ก็เหลือนายเพียงคนเดียวแล้ว ไม่คิดจะใช้เวทย์กับฉันหน่อยหรือ” ชายน์กล่าวอย่างอารมณ์ดีที่เขาสามารถจัดการเด็กสายยุทธ์ไปได้อีกหนึ่ง จนตอนนี้เหลือเขากับลุคเพียงตัวต่อตัวเท่านั้น
“ถ้าแกอยากจะออกไปพักเร็วๆ ฉันก็จะสงเคราะห์ให้” สิ้นคำพูด ลุคก็พุ่งเข้าหาชายน์พร้อมกับอัคคีเวทย์ที่เขาประเมินไว้ว่าชายน์เป็นพวกใช้รัตติกาลเวทย์ธรรมดา และโดยทันทีที่ได้จังหวะลูกไฟในมือของลุคก็ถูกส่งออกไปยังชายน์ทันที ชายน์เองก็พียงแต่ยิ้มบางๆ แล้วร่ายเวทย์ออกมาเบาๆ ทันทีที่กล่าวจบพื้นดินตรงหน้าก็ยกตัวขึ้นเป็นแนวกำแพงป้องกันลูกไฟจากลุคได้อย่างสบาย
‘นอกจากรัตติกาลแล้วยังใช้เวทย์สายอื่นได้ดีอีกหรือ นายมันพวกไหนกันแน่?’ ลุคกำลังตั้งคำถามอย่างสงสัย
“ตาฉันบ้างนะ” กล่าวจบชายน์ก็ระเบิกดำแพงดินตรงหน้าทิ้งทันที และตามด้วยก้อนหินนับร้อยที่พุ่งออกไปยังลุคที่บัดนี้กำลังตกใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
“อัคนีเวทย์ อัก!!” หินนับร้อยพุ่งเข้าใส่ร่างของลุคจนกระเด็น เขาเองก็ยอมรับว่าเขาประเมินชายน์ต่ำไปจากตอนแรกที่คิดว่าเป็นพวกใช้รัตติกาลเวทย์ แต่เอาเข้าจริงหมอนี่กลับใช้อัคนีเวทย์ได้อย่างรุนแรงทีเดียว
‘ฉันน่าจะเอะใจตั้งแต่ที่แกจัดการเพื่อนฉันทั้ง10 คนแล้วสินะ’ คิดได้เท่านั้นสติก็ดับวูบไปทันที
ทางด้านของเดวี่ตอนนี้สถานการณ์ก็กำลังย่ำแย่เพราะเขาต้องรับมือกับเด็กสายศิลป์ทั้งสองคนที่หนึ่งในนั้นแม้จะเป็นหญิงแต่ด้วยพลังเวทย์ที่สูงนั้นก็ทำให้เด็กผู้หญิงคนนี้ดูอันตรายเป็นอย่างมาก ส่วนเด็กผู้ชายอีกคนก็ไม่อาจปฎิเสธได้ว่ามีฝีมือที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
“รู้มั๊ยว่าในชีวิตฉันเกลียดอะไร ก็เกลียดไอ้พวกที่มาจากความมืดอย่างแกยังไงล่ะ ไอ้ปีศาจ!!” เชกล่าวใส่หน้าของเดวี่ที่บัดนี้แทบจะไม่มีสติแล้วพร้อมกับเหวี่ยงร่างนั้นลงพื้นอย่างแรงจนเจ้าของร่างกระอักเลือดกองโตออกมาบนพื้น
“เพราะพวกแก แกรนน่าถึงวุ่นวาย พวกแกมันโอหัง เนรคุณแผ่นดินแกรนน่า!!” เชตะโกนใส่หน้าเดวี่ด้วยเสียงดังลั่น ร่างกายที่สั่นเทาและแววตาที่ยากเกินกว่าจะคาดเดาความรู้สึกได้นั้น นอกจากเดวี่แล้วหลายคนในสนามคงไม่เข้าใจ และคงเพราะสายตาคู่นี้เองเดวี่ถึงยอมได้ง่ายขนาดนี้ ตอนนี้เชคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่แล้ว มีดสั้นถูกเรียกออกมาหมายจะจัดการคนตรงหน้าทันที แต่เมื่อเชกำลังจะลงมือก็ปรากฏว่ามีบางสิ่งมาขวางไว้
“จะเล่นกันถึงชีวิตเลยหรอ ขอผมเล่นบ้างสิ ” กล่าวจบมีดสั้นนับสิบพุ่งเข้าหาเชจนเจ้าตัวต้องกระโดดหลบไม่เป็นท่า และนั่นก็ทำให้เจด้าต้องเข้ามาคุมสถานการณ์
“ลุกไหวมั๊ย” ชายน์ตรงเข้าไปประคองร่างของเดวี่ทันที
“รีบจัดการพวกนั้นเถอะก่อนที่ฉันจะไม่ไหวจริงๆ” เดวี่ว่าพลางพยุงกายลุกขึ้น
‘หมอนี่อึดเป็นบ้าเลย’ ชายน์อดคิดไม่ได้
“อย่าเสียเวลาเลยเช จัดการ!!” สิ้นเสียงของเจด้ากลุ่มควันสีขาวแบบเก่าก็พวยพุ่งออกมาอีกครั้งอย่างมากมาย และไม่รอให้ควันนั่นเข้าถึงตัวชายน์ก็เรียกวาโยเวทย์ออกมาจัดการควันตรงหน้าด้วยวิธีเดียวกันกับมาร์ตินให้ออกไปทันที
“นึกว่าจะเก่งแต่รัตติกาลเวทย์อย่างเดียว ไม่นึกว่าจะใช้วาโยเวทย์ได้ดีถึงเพียงนี้” เจด้ากล่าวชื่นชมจากใจจริง
“ยังมีอีกเยอะนะ ลองหน่อยแล้วกัน!!” กล่าวจบก็เรียกวาโยเวทย์ออกมาอีกครั้ง แต่หากครั้งนี้เขากลับใช้ผสานกับเวทย์แห่งแสงและบีบอัดจนมันกลายเป็นดอกธนูนับร้อยและพุ่งเข้าใส่คู่ต่อสู้ทันที ลูกธนูที่มองเห็นเป็นเส้นสีขาวสว่างพุ่งตรงไปยังเจด้าและเชพร้อมกับที่ใบไม้สีดำนับร้อยที่คมดังมีดก็ปลิวอ้อมไปดักรอแล้วทางด้านหลังของทั้งสอง
“หมอนี่ใช้วาโยเวทย์บังคับเวทย์แห่งแสงและรัตติกาลเวทย์ได้พร้อมกันเลยหรือนี่” เชกล่าวออกมาอย่างตกใจเมื่อเขากระโดดหลบจากดอกธนูสีขาวแล้วกลับไปโดนใบไม้สีดำจากด้านหลังเล่นงานเข้าจนตอนนี้ทั้งร่างของเขามีแต่รอยบาดแผลเต็มไปหมด เช่นเดียวกันกับเจด้าที่มีสภาพไม่ต่างกันกับเชเท่าใดนัก
“ยังไม่หมดนะสหาย ฮ่าๆๆ” กล่าวจบไฟสีดำอันร้อนระอุก็ลุกขึ้นไปทั่วสนามจนคู่ของเบลและแจ็คกี้เองยังต้องยุติการสู้นั้นเพื่อหลบวิถีของไฟสีดำที่กำลังลุกลามไปทั่ว
“ไม่ต้องเผื่อแผ่มาทางนี้ก็ได้นะ ฉันก็มีไฟเป็นของตัวเองและสวยกว่าไฟของนายด้วย ฮึ!!” เบลกล่าวอย่างตลกในสถาการณ์ที่กำลังตึงเครียดสุดๆ บัดนี้ร่างทั้งร่างของเบลโชกไปด้วยเลือดจนเจ้าตัวจะยืนไม่อยู่แล้ว
“นี่ไม่ใช่ไฟธรรมดา มันคือรัตติกาลเพลิงใช่มั๊ยเช” เมื่อได้สัมผัสถึงไอร้อนจากไฟสีดำนั่นเจด้าก็เอ่ยถามคู่หูของตนด้วยน้ำเสียงเครียดๆ
“ระวังตัวด้วยนะ คนๆ นี้ไม่ธรรมดา” กล่าวจบเชก็พยายามมองหาช่องทางเพื่อหลบวิถีของเปลวไฟที่กำลังลามมาหาตนพลางคิดหาวิธีดับไฟนั่น
“คิดจะดับไฟของฉันมันต้องใช้แสงเยอะนะ ฮ่าๆๆๆ ถึงคิวพวกนายแล้ว!!” สิ้นเสียงของชายน์ก็ปรากฏว่าเพลิงนั่นลุกสูงขึ้นจนท่วมหัวของเชและเจด้า และเพียงแค่ชายน์เรียกอัคคีย์เวทย์สีดำออกมาบนฝ่ามือแล้วส่งเข้าไปท่ามกลางเปลวเพลิงนั่นมันก็ระเบิดทันที
ตู้มมมมม!! เสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่วทั้งสนาม และบัดนี้หากสังเกตดีๆ จะเห็นว่าชายน์เองก็แทบจะยืนไม่อยู่แล้ว
‘นายยังควบคุมพลังเวทย์ตัวเองได้ไม่ดีนัก ระวังการใช้เวทย์หนักๆ นะ มันจะทำให้นายหมดสติเอาได้’ อีกครั้งที่เสียงอันคุ้นเคยดังเตือนเขาเป็นระยะๆ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นก็เสียงนี่แหละที่คอยสอนการใช้เวทย์บทต่างๆ ให้กับเขา
‘เสร็จงานนี้เราคงต้องทำความรู้จักกันจริงๆ หน่อยแล้ว หึหึ’ ชายน์คิดพลางยิ้มออกมาบางๆ พร้อมกับทรุดลงไปกองกับพื้นจนเดวี่ต้องเข้ามาประคองไว้
“ไหวมั๊ย”
“ยังไหว ขอบใจนะเดวี่” กล่าวพร้อมกับพยายามยันกายลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
‘นายร้ายกว่าที่ฉันคิดนะชายน์’ ทั้งพลังและไอเวทย์ของชายน์ที่เขาสามารถสัมผัสได้นั้นทำให้เดวี่อดคิดไม่ได้ว่าคนๆ นี้มีบางอย่างที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี บางอย่างที่เขารู้สึกว่ามันเหมือนกับสิ่งที่เขามี!!
เมื่อเปลวไฟสีดำดับลงก็ปรากฏว่าเด็กทั้งสองจากสายศิลป์นั้นหายไปแล้ว นั่นหมายความว่าทั้งสองหมดสภาพการทดสอบและถูกส่งตัวออกไปยังสถานพยาบาลเป็นที่เรียบร้อย และเมื่อนึกได้ว่ายังเหลือแจ็คกี้และเบลอีกคู่ที่กำลังต่อสู้กันชายน์ก็รีบมองหาเพื่อนทันที
“เก่งนะที่จัดการได้ที่เดียวถึงสองคนเลย ยังไงก็ขอบใจนะที่แกช่วยผ่อนแรงให้ฉันได้เยอะเลย ฮ่าๆๆ” แจ็คกี้กล่าวอย่างอารมณ์ดีที่บัดนี้เข้ากำจัดเบลไปได้แล้วอีกหนึ่งคน และอาการบาดเจ็บของคนทั้งสองที่เขาสังเกตุได้ก็สร้างความพึงพอใจให้กับเขาไม่น้อย
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ฉันอุส่าห์ส่งเพื่อนพวกแกไปพักแล้วตั้งสองคนเลยนะ” กล่าวอย่างเย้ยหยันและมั่นใจในตนเองซะเต็มที่
“งั้นนายก็ออกไปพักได้แล้วล่ะ ตอนนี้หมดหน้าที่ของนายแล้ว” เดวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นจนชายน์อดที่จะเสียวสันหลังไม่ได้ ทันทีที่สิ้นเสียงเดวี่ก็เรียกดาบสีดำยาวออกมาพร้อมกับที่แจ็คกี้ส่งก้อนพลังสีแดงส้มอันร้อนระอุมายังเดวี่ ในสถานการณ์ที่ร่างกายไม่เอื้ออำนวยทำให้การเคลื่อนไหวนั้นช้าลง ในที่สุดดาบของเดวี่ก็ไม่อาจปัดเปลี่ยนวิถีของก้อนพลังนั่นได้
อึก!! ร่างของเดวี่กระเด็นไปตามแรงอัดของอัคคีย์เวทที่มาจากเบื้องหน้า
‘มันจะต้องไม่จบแบบนี้สิ’ ชายน์คิดพลางเรียกสติและร่ายเวทย์ออกมาเบาๆ
“ออกไปพักเถอะนะ ฉันจะสงเคราะห์ให้” มีดสั้นสีดำถูกเรียกออกมาไว้ในมือของแจ็คกี้ แต่ไม่ทันที่จะได้ลงมือก็ปรากฏว่า
ฟิ่วววววว ฉึก!! มีดสั้นสีดำจากรัตติกาลเวทย์ของชายน์ส่งเข้าไปปักอยู่ในตำแหน่งช่วงเอวของแจ็คกี้จนเจ้าตัวเซถลาไปจนเกือบล้ม ไม่รอให้ตั้งตัวได้ชายน์ก็โดดตามเข้าไปซ้ำทันที หมัดหนักๆ ถูกส่งเข้าใส่โหนกแก้มของแจ็คกี้จนหน้าสะบัดแล้วตามด้วยแม่ไม้มวยไทยอีกครบชุด จนตอนนี้แจ็คกี้แทบจะยืนไม่อยู่แล้วแต่ก็ยังมีสติพอที่จะกำมีดสั้นที่ถืออยู่ในมือตั้งแต่แรกแล้วให้กระชับขึ้นก่อนจะส่งมันเข้าใส่หน้าท้องของคนตรงหน้า และจังหวะนั้นเดวี่ที่เห็นว่าโอกาสกำลังเป็นของพวกตนก็พยายามยันกายลุกขึ้นพร้อมกับคว้าดาบของตนมาถือไว้มั่นพร้อมกับวิ่งเข้าใส่แจ็คกี้ทันที
สวบ!! อึก!! มีดสั้นสีดำที่ปักอยู่ช่วงท้องของชายน์ทำให้ร่างนั้นทรุดลงพร้อมกันกับร่างของผู้ลงมือนั้นก็ล้มลงด้วยดาบเล่มยาวที่เสียบมาจากด้านหลังโดยคนที่ตอนนี่กำลังยืนอยู่เพียงคนเดียวในสานามแห่งนี้
ทั้งสนามตกอยู่ในความเงียบเพราะกำลังตกใจกับการทดสอบที่พึ่งจบลงเบื้องหน้าจนร่างของนิกกี้ปรากฏตัวออกมาอีกครั้ง
“และตอนนี้ผลการทดสอบก็สิ้นสุดลงแล้ว ผู้ดำรงตำแหน่งประธานรุ่นของนักเรียนชั้นปีที่1 ประจำปีนี้ก็คือ เดวี่ ดาโกน่า แห่งสายสามัญอีกแล้วคร้า…..”
‘เฮ้…………’ เสียงโห่ร้องด้วยความยินดีดังก้องไปทั่วทั้งสนาม
‘มันไม่ควรจะเป็นฉันเลย ไม่ควรเลยจริงๆ’
..................................................................................................................................................................................................
จบตอนค้าบบบบ ไม่รู้ถูกใจหรือเปล่า แฮ่ๆๆ ไม่คิดละซิว่าจะเป็นเดวี่ จริงๆ เดวี่คือหนึ่งในคนสำคัญเลยนะ ตัวเดินเรื่องอีกตัวเลยแหละ ฝากติดตามด้วยนะค้าบบบ ^^
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ