Twin แฝดเลือดผสม
เขียนโดย Shinman33
วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.05 น.
แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 16.21 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) อาละวาด
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความอาละวาด
“เจอกันอีกแล้วนะ หึหึหึ”
“นายอีกแล้ว ทำไมต้องเป็นนายด้วย”
“ตามหาข้า แล้วช่วยข้าที”
“นายเป็นใครกันแน่!! ทำไม นาย…”
“นายคือฉัน และฉันก็คือนาย ช่วยฉันทีนะ ได้โปรด”
“จะให้ช่วยยังไงล่ะ”
“แลกกันก็ได้ ฉันจะช่วยนายก่อนก็แล้วกัน …เทวะ ซาตาน พละนานา ราชาอัคคี!!” ทันทีที่คนในฝันกล่าวจบก็บังเกิดเปลวเพลิงสีดำลุกขึ้นโชติช่วง
“เฮ้ยยยย อ๊าคคคคคค”
เฮือก!!
“ฝันร้ายอีกแล้ว” ชายน์ว่าพลางลุกนั่งพร้อมกับหอบหายใจถี่ๆ
‘นายเป็นใครกันแน่’ คิดแล้วก็ปวดหัวขึ้นมาดื้อๆ ยิ่งนึกถึงเวทย์ที่หมอนั่นว่าไว้เมื่อครู่นี้ก็ยิ่งปวดหนักเข้าไปอีก
“มันเรื่องอะไรกันแน่ว่ะ ทำไมหมอนั่นหน้าเหมือนเราจัง แล้วทำไมต้องให้เราไปช่วย?” คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัว แน่นอนว่าเขาคิดวนเวียนซ้ำๆ อยู่กับความฝันที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้งที่ผ่านมา และจับมันมาปะติดปะต่อกันเรื่อยเปื่อยจนถึงเช้า
ณ สนามประลองเวทแห่งโฮเนอร์… .
เป็นที่รู้กันดีว่าในช่วงสัปดาห์แรกของการเปิดภาคเรียนแรกในปีการศึกษานั้นนักเรียนชั้นปีที่1 จะต้องทำการทดสอบธาตุประจำตัวและพลังเวทย์กับเด็กปี2 โดยการทดสอบนี้เด็กนักเรียนทุกชั้นปีสามารถเข้ารับชมได้ ส่วนอาจารย์ทั้งหมดในโฮเนอร์ก็จะต้องมาร่วมอยู่ในการทดสอบนี้ด้วยเพื่อที่จะได้ประเมินเด็กเป็นรายบุคคลและใช้ข้อมูลนั้นๆ มาปรับเสริมกับเด็กคนนั้นๆ ให้เหมาะสมกับความสามารถของเขาที่สุด ดังนั้นจึงถือได้ว่า ช่วงการทดสอบธาตุประจำตัวและพลังเวทย์นี้คือช่วงที่เด็กปี1 จะได้โชว์ความสามารถอย่างเต็มที่มากกว่าตอนสอบเข้าด้วยซ้ำ เพราะการทดสอบครั้งนี้จะทดสอบต่อหน้าอาจารย์ทั้งหมดโดยไม่จำกัดวิธีการและจำนวนคู่ต่อสู้ ซึ่งนักเรียนคนสุดท้ายที่ยืนอยู่ในสนามจะได้รับตำแหน่งประธานรุ่น
ทันทีที่นิกกี้ ประธานรุ่นชั้นปีที่4 ปรากฏกายกลางสนามก็เรียกเสียงกรี๊ดและเสียงเฮจากน้องๆ ทั้งสามชั้นปีได้อย่างกึกก้อง ก็เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ได้เป็นประธานรุ่นนี่นะ แถมหน้าตาก็สวยจนไม่น่าเชื่อว่าจะเก่งเรื่องการต่อสู้จนได้ขึ้นมารับตำแหน่งนี้
“เอาละค่ะน้องๆ ทุกชั้นปีที่น่ารักของพี่นิกกี้”
‘กรี๊ดดดดดด พี่นิกกี๊………’
‘เฮ…….พี่นิกกี้ของโผมมมมมมมม’ เสียงเฮฮายังคงดังอยู่กึกก้อง
“พี่คิดว่าตอนนี้ได้เวลาแล้วที่เราจะเริ่มการทดสอบของน้องๆ ชั้นปีที่1 ของเรา ก็อย่างที่น้องๆ ทราบว่าวันนี้คือวันที่น้องๆ จะได้โชว์ความสามารถอย่างเต็มที่ แต่พี่ขอแนะนำกฎกติกาให้กับน้องๆ นิดหนึ่งนะค่ะ น้องๆ จะต้องสู้กับรุ่นพี่ในแต่ละสายก่อนเพื่อหาหัวหน้าสายโดยตัดสินจากผลคะแนนที่อาจารย์เป็นผู้ให้ จากนั้นน้องๆ ที่ผ่านรอบแรกจะได้สิทธิเข้าทดสอบเพื่อหาประธานรุ่นต่อไป ส่วนลำดับการทดสอบจะเริ่มจากสายเวทย์ สายศิลป์ สายยุทธ์และสายสามัญ ทั้งนี้น้องๆ ทุกคนจะได้รับเข็มกลัดคนละชิ้นเพื่อไว้ใช้สำหรับพาออกจากสนามในกรณีที่หมดสภาพ เมื่อเข้าใจดีแล้วพี่ก็จะขอเริ่มการทดสอบนะบัดนี้….” กล่าวจบนักเรียนสายเวทย์ก็ลงไปอยู่กลางสนามเรียบร้อยแล้ว จากนั้น…
ฟึบ!! กรี๊ดดดดดดดด
ทันทีที่เปลวเพลิงลุกสว่างขึ้นนักเรียนที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ต้องหวีดร้องลั่นที่โดนไฟนั้นลุกเผาร่างกาย คนที่หมดสภาพจะทดสอบต่อก็จะมีแสงสีขาวหุ้มร่างไว้แล้วเจ้าของร่างนั้นก็จะถูกนำส่งยังสถานพยาบาลทันที และไม่น่าเชื่อว่าแค่เวทย์บทแรกของรุ่นพี่ก็ทำให้น้องๆ สายเวทย์ที่มีอยู่ 50 คน นั้นเหลืออยู่แค่สิบกว่าคน!!
‘เล่นแบบนี้คิดว่าเก่งแล้วหรอ’ แจ็คกี้ เด็กหนุ่มหัวแดงเพลิงคิดอย่างหงุดหงิดหลังจากที่ใช้วาโยเวทช่วยพยุงร่างให้ลอยหนีขึ้นมาได้อย่างหวุดหวิด เขาเป็นคนมั่นใจในตนเองสูงมากเพราะแต่เล็กจนโตเขาโดนปลูกฝังมาแบบนี้ มีนิสัยชอบเอาชนะและเขาก็มักจะทำสำเร็จซะทุกครั้งด้วยซิ!!
“เจอกับผมหน่อยแล้วกันนะรุ่นพี่” กล่าวจบแจ็คกี้ก็วาดมือขึ้นกลางอากาศ ฉับพลันสายฝนก็ตกลงมาดับไฟจนสิ้น และเมื่อไปดับลงก็เผยให้เห็นเหล่ารุ่นพี่สิบกว่าคนที่ยืนอยู่ด้านล่าง ไม่รอให้เสียโอกาสจากฝนธรรมดาก็เปลี่ยนเป็นพายุฝนลาวาทันที เหล่ารุ่นพี่ด้านล่างก็ผสานเวทย์น้ำเข้ากับวาโยเวทแล้วกางกันขึ้นให้เป็นม่านกันฝนลาวาทันที
"อ๊ะ ฝนลาวา" แต่ทว่ามันไม่สามารถจะป้องกันได้เพราะมันคือลาวาที่มีอานุภาพมากกว่าไฟธรรมดา และนั่นเองก็ทำให้รุ่นพี่ที่ไหวตัวไม่ทันต้องตกอยู่ในสภาวะหมดสภาพการต่อสู้และถูกส่งตัวออกนอกสนามทันที
“เด็กปี1 สายเวทย์ก็เห็นจะมีแค่คนนี้แหละที่เข้าท่าสุด ฮ่าๆๆ” รอลล่ากล่าวออกมาอย่างชื่นชม ก็แหม่ เธอเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของเด็กสายเวทย์นี่นะ เธอก็ต้องโฆษณาเด็กในสังกัดเป็นธรรมดา
“แสดงว่าคนอื่นๆ ยังไม่เข้าตาท่านสินะ คิกคิก” เอสเทอร์ อาจารย์สาวสวยที่ปรึกษาเด็กสายศิลป์ทักอย่างอารมณ์ดี
“ก็ยังมีอีก แต่ยังไม่ถูกใจฉันหน่ะ” กล่าวพลางหันกลับไปมองการต่อสู้อย่างดุเดือดอีกครั้ง
เมื่อการต่อสู้จบลงปรากฏว่าเด็กปี1 เหลืออยู่ 7 คน นั่นหมายความว่าพวกเขาทั้ง 7 จะได้สิทธิเข้าทดสอบรอบต่อไป
กลุ่มต่อมาก็เป็นนักเรียนสายศิลป์ที่การทดสอบนั้นไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเลย เพราะส่วนใหญ่จะยืนร่ายเวทย์กันเฉยๆ โดยที่คนดูไม่สามารถมองเห็นอะไรเลย หาก แต่จำนวนผู้เข้ารับการทดสอบจะค่อยๆ หายไปทีละคนเช่นเดียวกับรุ่นพี่ที่มีหายไปบ้างบางส่วน จนสิ้นสุดเวลาการแข่งขันผลปรากฏว่ากลุ่มนี้มีนักเรียนเหลืออยู่ 5 คน
ทางด้านห้องเก็บตัวบริเวณด้านข้างสนาม บัดนี้นักเรียนสายยุทธ์กำลังลงสนาม ส่วนนักเรียนสายสามัญนั้นกำลังตื่นเต้นที่ใกล้จะถึงคิวของตนเข้าไปทุกที
“เดวี่ นายไม่ตื่นเต้นบ้างหรอ ฉันนะตื่นเต้นจนฉี่จะราดแล้ว” มาร์ติน หนุ่มผมยาวสีขาวกำลังกล่าวพลางผุดลุกผุดนั่งอย่างตื่นเต้น
“ไม่มีอะไรต้องตื่นเต้น แค่ออกไปอัดพวกรุ่นพี่ปี2 ให้หมดแล้วก็กลับ” เดวี่ว่าด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“แต่ฉันได้ยินมาว่าการทดสอบของสายสามัญมีพี่ปี4 มาแจมด้วยนะ” นีโอกระซิบบอกเพื่อนทั้งสองอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวว่าคนอื่นๆ ในห้องจะได้ยิน ก่อนจะกล่าวต่อไปอีก
“คือข่าวที่ฉันได้มานะ รุ่นพี่บอกว่าเขาอยากทดสอบบุคคลพิเศษหน่ะ พวกนายว่าเขาหมายถึงใคร แล้วสายของเรามีบุคคลพิเศษด้วยหรอ” นีโอถามพลางขอความคิดเห็น
“หมายถึงเมทของฉันหรือเปล่า?” เบล หนุ่มน้อยร่างสูงเจ้าของเส้นผมสีดำแดงกล่าวแทรกขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาร่วมวงสนทนา
“คนไหนล่ะ? ดัชหรือว่าชายน์?” นีโอถามอย่างอารมณ์ดี
“คงไม่ใช่ฉันหรอกมั้ง เพราะฉันเป็นลูกพ่อค้าธรรมดาๆ ไม่ใช่คนสำคัญ” ดัช เจ้าของผมสีบรอนซ์กับดวงตาสีน้ำตาลกล่าวขึ้นบ้างหลังจากที่โดนพาดพิง
“งั้นก็คงเป็นเด็กใหม่นั่น ว่าแต่เขาอยู่ไหนล่ะ?” นีโอกล่าวสรุปพลางถามหาคนที่เอ่ยถึง โดยส่วนตัวแล้วเขาคิดว่าชายน์เองไม่ได้อ่อนด้อยอย่างที่หลายคนกล่าวถึง เพราะทั้งเขาและเด็กสายสามัญต่างก็เห็นมากับตาแล้วว่าชายน์คือ 1ใน3 คนที่สามารถอ่านภาษาแกรนน่าโบราณได้ แต่ทว่าบัดนี้เขายังไม่เห็นหน้าคนที่เขากล่าวถึงเลยตั้งแต่เช้าแล้ว
“เจ้านั่นคงยังไม่มา หรือไม่ก็อาจจะหลบเพราะไม่กล้าลงสนามมั้ง ฮ่าๆๆๆ อีกอย่างนะ คนที่พี่ปี4 ต้องการเจออาจไม่ใช่เขาก็ได้ อย่าลืมสิว่าสายสามัญยังมีคนอื่นๆ อีก” มาร์ตินกล่าวพลางหัวเราะอารมณ์ดี
‘ฉันเชื่อว่านายจะต้องมาพิสูจน์ตัวเอง นายต้องการยอมรับไม่ใช่หรือ’ เบลคิดและพยายามมองหาคนในความคิดนั้นเช่นกัน
ทางด้านกลางสนาม ตอนนี้การต่อสู้ของเด็กสายยุทธ์กำลังตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย เพราะเวลาผ่านไปจนจะหมดแล้วแต่จำนวนของเด็กปี1 นั้นยังคงเหลืออยู่เกือบๆ 20 คน และขณะนี้กลุ่มปี3 ของริวก็กำลังนั่งชมการทดสอบนี้อยู่เช่นกัน ภาพการต่อสู้ที่เห็นอยู่เบื้องหน้าทำให้เขาอดคิดถึงน้องชายตัวแสบขึ้นมาไม่ได้
“นี่ถ้าเป็นชายน์นะ ป่านนี้เขาล้มเด็กปี2 ได้แล้วล่ะ” นึกแล้วก็อดที่จะเอาชายน์มาเปรียบเทียบกับเด็กกลุ่มนี้ไม่ได้ เพราะจากการที่เขาประเมินแล้วพบว่าสายยุทธ์จะสู้กันด้วยอาวุธและการปะทะกันในระยะประชิดตัวมากกว่าการร่ายเวทย์สู้กัน แต่ก็เชื่อได้เลยว่าทั้งอาวุธและการสู้กันนั้นจะต้องมีเวทย์กำกับอยู่ด้วยแน่ๆ และจากที่ดูเขาก็มั่นใจว่าฝีมือน้องชายเขาดีกว่า
“มั่นใจในตัวน้องชายเกินไปเปล่าค่ะท่านประธานขา คิกคิก” แนนนี่อดที่จะแซวริวไม่ได้
“ฉันฝึกน้องชายฉันมาอย่างดีหน่ะ ไม่เชื่อเธอก็คอยดูก็แล้วกัน ฮ่าๆๆ” กล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจเต็มที่
‘อย่าทำพี่ขายหน้านะชายน์’ ปากดีกับเพื่อนแต่ก็มิวายแอบหวั่นใจอยู่จนได้
ทันทีที่สิ้นสุดการทดสอบของสายยุทธ์ ผลปรากฏว่าเด็กปี่1 สามารถผ่านเข้ารับการทดสอบในรอบต่อไปได้ถึง 17 คน และนั่นก็เรียกเสียงเฮจากรุ่นพี่ประจำสายได้เป็นอย่างดีเพราะการที่สายเขามีผู้ผ่านเข้ารอบต่อไปเยอะขนาดนี้ก็แสดงว่าโอกาสที่ประธานรุ่นชั้นปี1 จะเป็นเด็กสายยุทธ์นั้นสูงมากทีเดียว และเมื่อเด็กสายสามัญทั้งหมดปรากฏกายบนสนามก็เรียกเสียงเฮสนั่นได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าคนที่โดดเด่นมักจะอยู่สายสามัญจนทำให้สถิติของประธานรุ่นเป็นเด็กสายสามัญมาหลายสิบรุ่นแล้ว
“ทำไมชายน์ยังไม่ลงสนามหล่ะ?” ริวทักขึ้นเมื่อสังเกตอย่างละเอียดแล้วไม่พบน้องชายของตนจนทำให้บัดนี้คนเป็นพี่นั่งไม่ติดเก้าอี้แล้ว และหลายๆคนก็พอจะสังเกตเห็นเช่นกันว่าเด็กใหม่หัวเกรียนนั้นไม่ได้ยืนอยู่ในสนามด้วย เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังไปต่างๆ นาๆ
เด็กเส้นก็คือเด็กเส้นสินะ!! สิ่งที่หลายๆคนคิดตรงกันในเวลานี้ แต่ล้วจู่ๆท่ามกลางเสียงบ่นกล่าวรอบๆสนามนั้นก็ปรากฏเด็กชายต้นเรื่องกำลังวิ่งเข้าสู่สนามจนเสียงบ่นนั้นค่อยๆเงียบลงในที่สุด
“ขอโทษครับ ผมตื่นสายไปหน่อย ยังทันการทดสอบใช่ป่าวครับ?” ชายน์กล่าวอย่างเหนื่อยหอบหลังจากที่เผลอหลับอยู่ในห้องน้ำนานนับชั่วโมง และเมื่อพบว่าตนเองสายก็วิ่งมาแบบไม่คิดชีวิต
“ทันค่ะ แต่คุณไม่มีเข็มกลัดนี่ค่ะ ดังนั้นทางเราไม่สามารถรับรองความปลอดภัยและพาตัวคุณออกจากสนามได้ในกรณีที่หมดสภาพการต่อสู้นะ คุณจะยังยืนยันเข้ารับการทดสอบครั้งนี้หรือไม่ค่ะ คุณชายน์ อินเดอร์นาส” ทั้งอาจารย์รอลล่าและนิกกี้ก็ไม่รู้ชื่อและนามสกุลจริงๆ ของเขาเช่นกัน เพราะทางโรงเรียนต้องการปิดข้อมูลนี้ไว้ จึงมีแค่ไม่กี่คนที่จะรู้ว่าเขาคือ ชายน์ ชาโดวส์ อินเดอร์นาส
“ตกลงครับ”
และทันทีที่สิ้นเสียงชายน์ก็ตามด้วยเสียงฮือฮาของคนทั้งสนาม ก็ถ้าไม่มีเข็มกลัดแล้วทางเดียวที่จะออกจากสนามได้คือต้องชนะเท่านั้น เพราะถ้าพลาดท่าขึ้นมาคือตาย!!
“ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มเลยนะค่ะ”
“อ๊ะ!!”
“กรี๊ดดดดดด”
สิ้นเสียงของนิกกี้ทั้งสนามและบริเวณรอบๆ ก็มืดมิดราวกับกลางคืน คนที่นั่งชมอยู่ทั้งหมดก็ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ ทันทีที่เสียงหวีดร้องดังขึ้นก็เป็นสัญญาณว่ารุ่นพี่ได้เปิดฉากทดสอบแล้ว
พรึบ พรึบๆๆๆ แสงไฟสว่างที่ถูกจุดขึ้นจากรุ่นพี่กว่าสิบคนกำลังยืนล้อมหันหน้าเข้าหากันเป็นรูปวงกลมโดยทั้งสองมือของรุ่นพี่แต่ละคนนั้นมีลูกบอลเพลิงที่กำลังลุกโชนอยู่อย่างสว่างไสว
พรึบ!! ยังไม่ทันที่สมาชิกหอมังกรดำจะได้ทำอะไรก็มีแสงสว่างสีขาววาบขึ้นกลางวงของรุ่นพี่และคนที่ยืนอยู่ท่ามกลางแสงสีขาวนั่นตอนนี้กำลังยิ้มอย่างน่ากลัว แต่คนที่ชมอยู่นอกสนามนี่สิต่างพากันส่งเสียงกรี๊ดให้กับคนที่อยู่กลางวงนั่นจนคอแทบแตก
‘สุดยอดของความดูดีเลยอ่ะเธอ น่ารักมาก กรี๊ดดดดด’
‘โผล่มาอย่างกะเทพบุตรแหนะ โอ๊ยย น่ารักเป็นบ้าเลยน้องชายน์’ สาวๆ ล้วนคิดไม่ต่างกันนัก
“ทำไมรุ่นพี่หันไปรุมหมอนั่นล่ะ?” เบลเอ่ยออกมาอย่างงงๆ ที่ตอนนี้รุ่นพี่หลายคนกำลังรุมล้อมเมทเขา แต่พอจะเข้าไปช่วยก็ปรากฏว่ามีรุ่นพี่คนอื่นๆ เข้ามาขวางไว้ ตอนนี้สมาชิกหอมังกรดำคนอื่นๆ จึงเปิดฉากสู้กับรุ่นพี่คนอื่นๆ ที่เหลือ
‘ผมจะอาละวาดแล้วนะพี่ริว หึหึ’ คิดแล้วก็หลับตาลงพลันแสงสว่างนั่นก็วาบขึ้นอีกครั้งแล้วดับลงสนิท รุ่นพี่คนแรกส่งลูกบอลเพลิงในมือออกไปยังความมืดตรงกลางวงนั่นทันที แต่เมื่อลูกบอลเพลิงนั้นเข้าไปยังใจกลางความมืดแล้วมันก็หายวับไปทันที คนอื่นที่เหลือก็พร้อมใจกันส่งลูกบอลเพลิงไปพร้อมกันทีเดียวแต่ผลก็ยังคงเป็นเช่นเดิม
“เด็กหอนายนี่น่าสนใจนะวัตสัน” กิมเมอร์ อาจารย์ประจำวิชาการรบและอาจารย์ประจำหอมังกรแดงกล่าวอย่างชื่นชมที่เห็นคนตรงหน้าใช้เวทย์แห่งแสงและรัตติกาลเวทย์ ได้ดี เพราะหากมองเผินๆก็คือความมืดธรรมดาแต่ถ้ามองดีๆจะเห็นว่าความมืดตรงนั้นมันขยับเป็นระลอกและเคลื่อนไหวได้
“แค่ไฟธรรมดาจะเอาชนะรัตติกาลเพลิงได้ยังไง” ‘ยิ่งเห็นแบบนี้ก็ยิ่งมั่นใจนะว่าไม่ผิดตัวแน่’ วัตสันไม่ตอบคำถามของโทนี่หากแต่พึมพำออกมาเบาๆ ก่อนจะตั้งใจมองการต่อสู้ในสนามยิ่งขึ้น
‘แบบนี้ค่อยสมกับคำว่าบุคคลพิเศษหน่อย หึหึ’ รุ่นพี่ในสนามคิดอย่างนึกสนุก
เมื่อไฟไม่สามารถทำอะไรได้ รุ่นพี่ก็หยุดโจมตีพร้อมกับลูกบอลเพลิงในมือนั้นก็ดับลง ตอนนี้ทั้งสนามตกอยู่ในความมืดอีกครั้ง
“ขอผมบ้างนะ” หากแต่คราวนี้ชายน์ไม่รอเป็นฝ่ายตั้งรับแล้วเพราะทันทีที่รุ่นพี่สลายอัคคีเวทในมือลง จังหวะที่ทั้งสนามกำลังมืดมิดอยู่นั้นชายน์ก็ร่ายเวทย์แห่งแสงอีกครั้งจนเกิดแสงสีขาวนวลสว่างวาบขึ้นรอบๆกายของเขา ทันทีที่ชายน์สะบัดทั้งสองข้างออกทั้งสนามก็กลับมาสว่างเป็นปกติอีกครั้ง ผู้ชมทั้งสนามจึงเห็นว่าบัดนี้เด็กปี1 สายสามัญเหลืออยู่แค่ 8 คน ทั้งๆ ที่เวลาพึ่งจะผ่านไปได้ไม่นาน
“อาศัยความมืดมาลอบจัดการพวกเรา รุ่นพี่นี่ร้ายจริงๆ” เบลเอ่ยออกมาอย่างหัวเสีย หลังจากความมืดนั้นหายไปแล้ว บัดนี้เด็กๆ ที่เหลือต่างถอยมารวมกันเพื่อวางแผนรับมือกับรุ่นพี่
“ฉันว่าถ้าชายน์ไม่จัดการไล่ความมืดนี่ออกไปนะมีหวังเราคงแย่กว่านี้แน่ แฮกๆๆ ขอบใจนะชายน์” นีโอเอ่ยออกมาอย่างเหนื่อยหอบ
“นายก็เป็นพวกใช้เแสงนี่ ทำไมนายไม่ทำบ้างตั้งแต่แรกล่ะ?” มาร์ตินเอ่ยออกมาบ้างเพราะพวกเขาต่างก็รู้กันแล้วว่าใครเป็นพวกใช้เวทย์สายไหน และจริงอยู่ที่นีโอถนัดใช้เวทย์แสงแต่หากว่าครั้งนี้….
“ถ้านีโอทำแบบนั้นได้ก็คงทำไปแล้วล่ะ ใช่มั๊ย?” เดวี่เอ่ยออกมาพลางหันมองนีโอที่เขาเองก็อยากจะบอกแบบนี้อยู่เช่นกันว่าเขาทำอย่างที่ชายน์ทำไม่ได้!!
“นายถนัดเวทย์แสงหรอชายน์?” เซฟานี่ สาวน้อยผมทองหนึ่งเดียวในกลุ่มเด็กผู้ชายเอ่ยถามอย่างสงสัย
“เอาไว้เล่าที่หอนะ ฉันขอตัวหาที่ระบายอารมณ์หน่อย” กล่าวจบก็เดินตรงออกไปหารุ่นพี่พร้อมกับรัตติกาลเวทย์สีดำก้อนกลมๆ พุ่งตรงไปยังรุ่นพี่ตรงหน้าแล้วระเบิดขึ้นอย่างสนั่นหวันไหว
บึ้มมมมม!!
“หมอนั่นทิ้งระเบิดแล้ว พวกเรา…ลุ้ยยยยย” เบลเอ่ยออกมาบ้างก่อนจะกระโดดพุ่งออกไปขนาบข้างชายน์ทันที
“ขอร่วมด้วยคนนะ” ไม่รอฟังคำอนุญาต เพราะเมื่อกล่าวจบลูกบอลไฟสีแดงส้มก็พุ่งแข่งออกไปกับลูกบอลสีดำของชายน์แล้วระเบิดออกพร้อมๆ กัน บัดนี้เด็กปี1 เริ่มเป็นฝ่ายบุกบ้างแล้วและดูเหมือนว่าเขาจะทำงานเข้าทีมกันได้เป็นอย่างดี ม่านใสๆ จากวารีเวทย์ของเซฟานี่และเสริมด้วยรัตติกาลเวทย์ของเดวี่ช่วยเป็นเกราะคุ้มกันให้พวกเขาได้เป็นอย่างดี มาร์ตินและนีโอช่วยกันจัดการจัดการพวกที่โจมตีจากด้านหน้า มีดัชและผู้ร่วมทีมอีกคนช่วยระวังหลังให้ ส่วนชายน์และเบลออกไปบุกก่อนแล้ว
“เด็กพวกนี้พอเข้ากันได้แล้วอันตรายจริงๆ” รุ่นพี่ปี4 ที่แฝงตัวมารวมทดสอบด้วยเอ่ยออกมาอย่างจริงจัง เพราะตอนนี้พวกเขากำลังโดนบุกและดูท่าว่าจะเสียเปรียบซะแล้ว
“ระวัง!!” กล่าวจบก็ตะโกนเตือนเพื่อนทันทีที่เห็นถึงบางสิ่งกำลังพุ่งตรงเข้ามา
ใบไม้สีดำนับร้อยพุ่งมาทางพวกเขา มันคือรัตติกาลเวทย์จากชายน์ที่กำลังยืนยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่นั่นเอง เมื่อตอนนี้รุ่นพี่กำลังเสียขบวนเบลเองที่พอจะจับทางได้ก็รีบร่ายเวทย์ทันที ฉับพลันไฟสีแดงเพลิงก็พวยพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินบริเวณรอบๆ เหล่ารุ่นพี่ทันที
“เห้ยๆๆๆ ดับไฟก่อน”
“วารีเวทย์ดับไม่ได้นะ นี่มันไฟศักดิ์สิทธิ์” รุ่นพี่กำลังชุลมุนกับไฟที่ยังหาทางดับไม่ได้
“ให้ผมช่วยนะ” ชายน์เอ่ยออกมาอย่างหวังดี แต่รอยยิ้มนั่นบ่งบอกว่ากำลังสนุกเต็มที่ กลุ่มควันสีขาวกำลังพวยพุ่งออกมาจากทั้งสองฝ่ามือของเขา และกำลังที่จะส่งไปให้รุ่นพี่นั้น…
“หมดเวลาทดสอบค่ะ”
เสียงใสๆ ของนิกกี้ดังขัดจังหวะขึ้นจนชายน์ร้องชิออกมาอย่างไม่พอใจแต่ก็ยอมสลายเวทย์ลงในที่สุด
แปะๆๆๆ เฮ้…. กรี๊ดดดดดด เสียงปรบมือและชื่นชมดังไปทั่วสนาม
“น้องชายของนายนี่เป็นพวกไหนกันแน่ริว ใช้แสงหรือรัตติกาลเวทย์?” โทนี่ถามอย่างสงสัย
“ไม่รู้สิ ทั้งสองแหละมั้ง”
“แล้วนายพอจะรู้มั๊ยว่าชายน์เขามีธาตุอะไรเป็นธาตุประจำตัว” นีน่ากล่าวถามอย่างสนใจและยอมรับว่าเธอเอ็นดูเด็กคนนี้ไม่น้อย
“ฉันก็ไม่รู้หรอกนะนีน่า หมอนั่นสามารถใช้เวทย์ได้ทุกสาย ฉันก็เลยไม่รู้ว่าเขามีธาตุอะไรเป็นธาตุประจำตัว” ริวกล่าวอย่างภาคภูมิใจในความสามารถของน้องชาย
‘หมายความว่าเด็กคนนี้ยังมีดีมากกว่าเวทย์แสงและรัตติกาลเวทย์สินะ หึหึหึ’
……….................................………………………………………………............................................……………………………………………………
ลงแล้วนะ ไม่รู้ว่าช่วงการต่อสู้จะถูกใจหรือเปล่า แต่ยังไงก็เหลืออีกรอบตอนคัดเลือกประธานรุ่น อยากได้แบบไหนลองบอกได้นะ เผื่อความคิดเราจะตรงกัน 555
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ