Twin แฝดเลือดผสม
8.0
เขียนโดย Shinman33
วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.05 น.
39 ตอน
3 วิจารณ์
31.70K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 16.21 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) พี่ชาย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“อ่ะ นี่ห้องนอนของนายนะ อยู่ติดกับห้องพี่เองแหละ ห้องนอนของนายจะมีห้องน้ำอยู่ด้านในและมีประตูอยู่ด้านข้างที่สามารถทะลุเข้าไปห้องพี่ได้ บอกไว้เผื่อว่านายอยากจะไปหาพี่หน่ะ 555” ริวกล่าวแล้วหัวเราะอย่างพอใจที่เห็นน้องชายทำหน้าเอือมระอาเขา เขาเองก็ไม่รู้ทำไมว่าเขาชอบแกล้งชอบก่อกวนชายน์นัก หากจะให้เดาก็คงเพราะเขาเป็นลูกคนเดียวมั้ง พอโตมาเลยเก็บกด ><
“ทำไมต้องมีประตูบานนี้ด้วยหล่ะ ไม่น่าไว้ใจเลยจริงๆ” ชายน์กล่าวแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก
“อืมมมม เตียงนุ่มดีจัง” ชายน์โดดลงไปนอนบนเตียงใหญ่อันหนานุ่มพร้อมกับหลับตาพริ้ม
“อ่า เตียงห้องนี้นุ่มกว่าห้องพี่อีกนะเนี่ย งั้นคืนนี้พี่มานอนด้วยคนนะ” ทันทีที่ริวทิ้งตัวลงนอนข้างๆน้องชาย เขาก็เอ่ยออกมาบ้างพร้อมกับหลับตาพริ้มล้อเลียนน้องชาย
“เฮ้ยๆๆ ได้ไงละพี่ ผมไม่เคยนอนเตียงเดียวกับผู้ชายนะ กลับห้องพี่ไปเลย ผมจะพักผ่อน ” กล่าวพร้อมกับลุกขึ้นนั่งแล้วดึงตัวพี่ชายตัวแสบให้ลุกออกจากเตียงของตน
“ไม่ไป พี่จะนอนนี่ ขอหลับแป้บนึงนะ” ว่าแล้วก็แกล้งหลับตาแล้วกรนเสียงดังๆ
“ไม่ไปหรอ ได้” กล่าวจบชายน์ก็เอาหมอนข้างมาตีคนที่แกล้งหลับพร้อมกับตะโกนใส่หูจนสุดเสียง
“ตื่นนนนนนนนนน เห้ย ฮ่าๆๆๆ โอ้ย อย่าๆๆ ฮ่าๆๆๆ” ทันทีที่ตะโกนใส่หูคนที่แกล้งหลับก็พลิกตัวมารัดเขาพร้อมกับจี้เอวอันเป็นจุดอ่อนของชายน์ จนตอนนี้เจ้าตัวได้แต่นอนหัวเราะเกร็งตัวดิ้นไปดิ้นมาอยู่บนที่นอน
“ฮ่าๆๆๆ บ้าจี้หรอ ดีๆๆ พี่จะได้จัดการน้องไม่มีมารยาทซะหน่อยที่บังอาจมาตะโกนใส่หูพี่ชาย” ว่าแล้วก็ล็อคแขนคนที่ตัวเล็กกว่าให้หมดโอกาสดิ้นก่อนที่จะจัดการเริ่มลงโทษอีกครั้ง แต่….
ตุ้บ!!! อึก!! โอ้ยยย!! เสียงวัตถุหนักตกกระทบพื้นแล้วตามด้วยเสียงร้องของคนสองคนที่ดังออกมาพร้อมๆ กัน แน่นอนว่าทั้งคู่ดิ้นจนตกเตียงลงมานอนหอบอยู่ที่พื้นด้านล่างแล้ว
“ทำไมพี่ริวชอบแกล้งผมล่ะครับ แล้วยังชอบพูดจาก่อกวนผมอีก” ชายน์ถามในขณะที่ยังนอนหอบหายใจถี่ๆ
“เพราะพี่ไม่มีน้องมั้ง พอเจอนายเลยนึกอยากแกล้ง ”
“เพราะผมน่ารักใช่มั๊ยล่ะพี่เลยชอบแกล้งผมอ่ะ ฮ่าๆๆๆ” ริวที่กำลังนอนหอบอยู่ถึงกับชะงักไปทันที
‘ใช่ นายมันน่ารักน่าหมั่นเขี้ยวจนพี่อดที่จะแกล้งไม่ได้จริงๆ’ คิดแล้วก็ยิ้มบางๆ
“ใช่ นายมันน่ารักน่าหมั่นเขี้ยวจนพี่อดที่จะแกล้งไม่ได้จริงๆ” ตอบไปอย่างที่คิดทุกอย่าง และคราวนี้ก็ชายน์เองที่เป็นฝ่ายชะงักไป
“พี่รู้ม่ะ มีอยู่คนหนึ่งมันชมผมและกวนประสาทผมแบบนี้ประจำ และมันก็โดนผมอัดประจำเช่นกัน” กล่าวพลางนึกถึงหน้าอิฐทันที ใช่แล้ว หมอนั่นคือเพื่อนคู่หูของเขาที่นิสัยเหมือนกับริวไม่มีผิด จะต่างกันก็ตรงที่ริวดูโตกว่าและหน้าตาหล่อกว่าเพื่อนเขามาก อิฐจะเป็นเด็กขาวๆ ตาตี๋ๆ แค่มองแว้บเดียวก็รู้ว่ามีเชื้อสายจีนอยู่ไม่น้อย ส่วนริวจะตัวสูงและรูปร่างหนากว่าอิฐ ผมสีดำยาวจนถึงบ่าแล้วซอยบางๆ ผิวขาวคิ้วเข้มดำและดวงตาคมโตสีดำที่ฉายแววขี้เล่นอยู่ตลอดเวลาทำให้คนๆ นี้ดูมีเสน่ห์ยิ่งนัก
“คิดจะขู่หรอ” ริวถามพลางกลั้นหัวเราะ
“ป่าวหรอกพี่ แค่บอกไว้ แล้วอีกอย่าง….”
อึก!! ริวร้องได้เท่านั้นก็นอนกุมท้องตัวงออยู่กับพื้น
“ผมลืมบอกพี่ไปอีกอย่างว่าผมไม่เคยโดนผู้ชายนอนกอด ฮ่าๆๆๆ” คนที่ปล่อยหมัดใส่ท้องของคนตัวโตกว่ายืนขึ้นขำอย่างอารมณ์ดีก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้องไป
“งานนี้ต้องเอาคืน ไอน้องชายตัวแสบ” กล่าวพลางนอนยิ้มกับสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้น ไม่นึกเลยว่าการมีน้องชายมันจะสนุกแบบนี้!!
……………………………………………………..
ปังๆๆ!! เสียงเคาะประตูดังลั่นห้องทำให้คนที่กำลังอาบน้ำอยู่ต้องรีบตะโกนออกไปเพราะเกรงว่าประตูห้องจะพังเสียก่อน
“คร้าบบบ พี่ริว ประตูไม่ได้ล็อค ” กล่าวจบก็รีบอาบน้ำอย่างรวดเร็วเพราะโดยนิสัยแล้วชายน์ไม่ใช่คนที่จะทำอะไรเชื่องช้าและเขาเองก็ไม่ชอบให้ใครต้องมารอเขา
“พี่มาก่อนเวลานะ” ทักทายพี่ชายแต่ก็ไม่ได้หันมองริวแม้แต่น้อย หากแต่กำลังแต่งตัวอย่างเร่งรีบ
“ก็ตั้งใจจะมาดูคนโชว์กล้ามโชว์หุ่นอ่ะ 555 ว่าแต่นายนี่ตื่นเช้าจังนะ ” ริวกล่าวอย่างอารมณ์ดี
“ในโลกที่ผมโตมานะพี่ผมต้องช่วยตัวเองทุกอย่าง ทำอะไรก็ต้องแข่งกับเวลา ผมต้องตื่นเช้าทุกวันและที่สำคัญคือคนที่นั่นเขาไม่มีเวทย์มนต์แบบที่นี่ไง” ชายน์กล่าวอย่างอารมณ์ดี
“เก่งเนอะ รู้จักช่วยตัวเองตั้งแต่เด็กๆ” ทันทีที่ริวพูดจบ คนเป็นน้องก็ยืนหน้าแดงทำอะไรไม่ถูกจนพี่ชายต้องทักออกมาอย่างขำๆ
“เป็นอะไรหน้าแดงเชียว” ริวถามน้องชายอย่างอดสงสัยไม่ได้ที่เห็นว่าบัดนี้น้องชายตนกำลังมีอาการแปลกๆ
“เอิ่มม เปล่าๆๆๆ ผมคิดไรเพลินๆ หน่ะครับ ไม่มีไรหรอก แฮ่ๆๆ” รีบปฏิเสธพร้อมกับแต่งตัวต่อ
‘คิดอะไรนะถึงได้เขินขนาดนั้น’ ริวคิดก่อนจะพูดต่อ “หึหึ ว่างๆ ก็เล่าเรื่องที่โลกนั้นให้ฟังบ้างนะ อยากรู้อ่ะว่าเขาใช้ชีวิตกันยังไง” พูดจบพร้อมกับที่ชายน์แต่งตัวเสร็จพอดี
“ผมพร้อมแล้วครับพี่ริว ไปกันเถอะ” ชายน์กล่าวอย่างกระตือรือร้น ก็เมื่อวานนี้ริวเอ่ยปากว่าวันนี้จะสอนการใช้เวทย์และทักษะการต่อสู้เบื้องต้นให้กับเขา คนที่พึ่งรู้จักเวทย์มนต์และเริ่มใช้เวทย์เป็นก็ตื่นเต้นจนนอนแทบไม่หลับเลยทีเดียว
ณ สนามหญ้าหลังคฤหาสน์สีขาวหลังใหญ่ บัดนี้ชายหนุ่มทั้งสองกำลังยึดมันเป็นสนามฝึกชั่วคราวโดยมีทหารของเอดิสันจำนวนหนึ่งมาเป็นคู่ฝึกในครั้งนี้ด้วย
“เอาล่ะนะ ช่วงเช้าพี่จะสอนการต่อสู้ด้วยมือเปล่าก่อน จริงๆ ก็อาจไม่ค่อยได้ใช้หรอกเพราะที่นี่เขามีเวทย์มนต์กัน แต่ก็อยากจะสอนไว้เผื่อว่าเจ้าเกิดเดินหลงไปไหนเข้าอย่างน้อยก็จะได้พอเอาตัวรอดได้ 555” ไม่วายปากดีแซวน้องชายตัวเองจนได้ จนบัดนี้ชายน์ได้แต่ทำท่าฮึดฮัดแต่ก็กล่าวตัดบทออกไปอย่างรำคาญ
“จะเริ่มยัง ผมร้อนแล้วนะพี่ริว เดี๋ยวก็ดำกันพอดี” ชายน์ว่าอย่างเซ็งๆ
“งั้นเอาละนะ เดี๋ยวเริ่มจากสู้กับทหารของท่านพ่อก่อน พี่จะได้ประเมินนายด้วยว่ามีทักษะการต่อสู้หรือเปล่า แล้วจากนั้นพี่จะได้….” ยังไม่ทันที่ริวจะกล่าวจบเขาก็ต้องตาค้างเมื่อเห็นว่าชายน์นั้นเดินตรงไปยังกลุ่มทหารที่มายืนรอรับคำสั่งจากเขาและโดยไม่ทันตั้งตัวชายน์ก็เริ่มบรรเลงเพลงหมัดทันที เมื่อเห็นดังนั้นริวจึงส่งสัญญาณเริ่มการฝึกซ้อมให้เหล่าทหารของเอดิสันเข้าจู่โจมชายน์เช่นกัน
“ย๊ากกกกก “ อึก!! คนแรกล้มลงทันทีที่วิ่งเข้ามาแล้วเจอกับหมัดของชายน์เข้าไป
‘หมัดเดียวจอดเลยแฮะ’ ริวคิดแล้วกระตุกยิ้มเบาๆ อย่างพอใจ
คนที่สองก็เช่นกัน ทันทีที่วิ่งเข้ามาจวนจะถึงตัวชายน์แล้วแต่ก็ต้องล้มตัวงอลงไปทันที เพราะเพียงแค่ชายน์บิดตัวหลบแล้วยกเข่าอัดเข้าไปช่วงลำตัวทีเดียวทหารนายนั้นก็ทรุดลงไปกองกับพื้นแล้ว และคนอื่นๆ ก็มีสภาพไม่ต่างกันเมื่อเจอกับแม่ไม้มวยไทยของชายน์ทั้งหมัด เท้า เข่า ศอกที่จัดชุดเล็กมาให้แบบเบาๆ แต่ความรุนแรงไม่เบาเอาซะเลย จนตอนนี้ทหารกว่าสิบนายนั้นลงไปนอนกองกับพื้นหมดแล้ว
“พอไหวมั๊ยพี่ริว” ชายน์หันมาถามทันทีที่เห็นว่าทหารทั้งหมดโดนตนเองเล่นงานจนครบทุกคนแล้วโดยที่ตัวเขาเองไม่มีร่องรอยว่าโดนโจมตีเลย
“เยี่ยมเลยแหละ ว่าแต่นายไปเอาทักษะการต่อสู้แบบนี้มาจากไหน พี่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” ริวกล่าวอย่างทึ่งๆ ที่เห็นว่าทหารสิบกว่านายนั้นโดนจัดการจนหมดสภาพภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที
“อันนี้เรียกว่ามวยไทยหน่ะพี่ ผมเคยฝึกมานิดหน่อย” ริวยังคงทำหน้าสงสัยจนคนเป็นน้องชายต้องเล่าต่อ
“เมื่อก่อนตอนเด็กๆ ผมโดนแกล้งบ่อยนะพี่ ร้องไห้มาฟ้องลุงชาร์ลประจำ ลุงแกเลยส่งผมไปเรียนมวยไทยอ่ะ แกบอกเอาไว้ป้องกันตัวและมันก็ได้ผลนะ ผมสามารถจัดการเด็กเกเรพวกนั้นได้จนมันไม่กล้ามาแกล้งผมอีกเลย 555”
“วันหลังสอนพี่บ้างสิ พี่อยากฝึกแบบนี้บ้าง” ริวกล่าวอย่างชื่นชมผู้เป็นน้องชาย
“จริงๆ ยังมีเทควันโด้อีกนะพี่ ถ้าสนใจจริงๆ เดี๋ยวผมสอนให้นะ ” ชายน์กล่าวอย่างภูมิใจ อย่างน้อยการที่เขามาอยู่ที่นี่เขาเองก็ไม่ได้ด้อยค่าอ่อนหัดอย่างที่แอบกลัวไว้อย่างตอนแรกแล้ว
“เห็นทีพี่คงไม่ต้องฝึกการต่อสู้แบบประชิดตัวแล้วมั้ง ”
“ผมว่าพี่สอนการใช้เวทย์ให้ผมดีกว่า ผมอย่างรู้จะแย่แล้วว่าผมทำอะไรได้บ้าง” คนพูดนั้นพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เพราะจริงๆ เขาก็พอจะรู้วิธีการใช้เวทย์จากชาร์ลมาบ้างแล้ว และเขาก็พอจะใช้เวทย์ได้บ้างเช่นกัน
“ดูนะ” ริวกล่าวจบก็หลับตาลง ทันทีที่ลืมตาขึ้นก็บังเกิดเปลวไฟสีดำอันร้อนระอุลุกโชติอยู่รอบๆ กายของริว จากนั้นฝนที่มีสีขาวใสราวกับมีแสงสว่างอยู่ในทุกหยดฝนก็ตกลงมาดับไฟเหล่านั้นจนหมดสิ้น เมื่อไฟนั้นดับลงก็พบว่าบริเวณพื้นดินนั่นมีเถาวัลย์ขนาดใหญ่แทงทะลุดินขึ้นมาอีกมากมาย ใบของมันแหลมคมดังมีดและสามารถเคลื่อนไหวได้ราวกับว่ามันมีชีวิต แต่เพียงแค่ริวขยับมือเล็กน้อยทรายบริเวณนั้นก็ลอยขึ้นมาและบีบอัดตัวกันจนกลายเป็นมีดสั้นนับสิบเล่ม ทันทีที่ริวสะบัดมือมันก็พุ่งเข้าไปตัดเถาวัลย์นั้นจะหมดสิ้น
‘นี่คนหรือเทพว่ะเนี่ย สุดยอด!!’ ชายน์คิดพลางอดตื่นเต้นกับสิ่งที่เห็นไม่ได้
“แล้วนายทำอะไรได้บ้างล่ะ พี่เคยเห็นนายเผาป่ามาแล้ว พังข่ายมนตราของชาร์ลได้แล้ว ยังมีอะไรอีกมั๊ยที่พี่ยังไม่ได้เห็น” เมื่อจบการแสดงของตน ริวก็หันมาถามน้องชายทันที
“ผมไมรู้ว่านายน้อยมีธาตุอะไรเป็นธาตุประจำตัว เพราะงั้นผมจะสอนวิธีง่ายๆ กับการเรียกใช้เวทย์แบบง่ายๆ นะครับ ขั้นแรกนายน้อยต้องรวบรวมสมาธิให้มั่นโดยจะหลับหรือลืมตาก็ได้ จากนั้นกำหนดจิตให้นิ่งแล้วเพ่งจิตทั้งหมดไปยังฝ่ามือพร้อมกับนึกถึงสิ่งที่นายน้อยต้องการนะขอรับ เช่น น้ำ ไฟ ดินหรือลม ซึ่งเหล่านี้จะมีอยู่ในตัวของเราทุกๆ คน แต่จะโดดเด่นแค่ด้านเดียวนะครับ”
เมื่อนึกถึงคำสอนของชาร์ลที่เคยสอนเขาเมื่อคราวที่มาถึงแกรนน่า ชายน์ก็ตั้งสมาธิแล้วหลับตาลง ตอนนี้เขาอยากจะลองเรียกอย่างอื่นดูบ้างที่ไม่ใช่ไฟ และ ทันทีที่หงายฝ่ามือขึ้นลูกบอลน้ำขนาดย่อมก็ปรากฏขึ้นทันที แต่มันไม่ใช่ลูกบอลน้ำธรรมดาเพราะมันมีควันสีดำๆ ลอยพวยพุ่งอยู่ด้วย!!
‘ทำได้ขนาดนี้เลยเชียวหรือ’ อีกครั้งที่ริวต้องตกใจกับความสามารถของน้องชายตัวเองที่สามารถใช้เวทย์ได้โดยที่เจ้าตัวเองพึ่งจะเคยใช้มันไม่กี่ครั้ง อย่างนี้แสดงว่าพลังเวทย์คงสูงมากที่เดียว ว่าแต่ควันสีดำนั่นคืออะไร เด็กคนนี้มันเป็นพวกเวทย์สายไหนกันนะ!!
ทันทีที่สะบัดมือออกไปลูกบอลน้ำที่มีควันสีดำก็ลอยออกจากมือไปทันที เมื่อมันกระทบกับต้นไม้ก็ระเบิดจนเสียงดังสนั่น แต่ที่น่าตกใจคือกลุ่มควันสีดำนั่นกำลังกัดกินต้นไม้นั้นอย่างน่ากลัว แต่ ริวกลับยิ้มอย่างพอใจที่เห็นฝีมือของคนตรงหน้าที่ต้องบอกว่า ฝีมือแบบนี้เข้าเรียนที่โฮเนอร์ได้สบายๆ
“เอาล่ะ พี่ว่าพี่คงต้องทดสอบเจ้าก่อนนะว่าเจ้าเป็นพวกผู้ใช้เวทย์สายไหน จะได้สอนและเสริมกันได้อย่างตรงจุด”
“หมายถึงธาตุประจำตัวนะหรือ ลุงชาร์ลบอกผมว่าธาตุประจำตัวแต่ละคนไม่เหมือนกัน และการใช้เวทย์ก็จะขึ้นอยู่กับธาตุประจำตัวด้วย” ชายน์กล่าวในสิ่งที่ตนพอจะรู้มาบ้าง
“อืม ก็ประมาณนั้นแหละ แต่รู้มั๊ย นอกจากดิน น้ำ ลม ไฟที่เป็นธาตุทั้งสี่แล้วยังมีธาตุพิเศษอีกนะ ก็แสงและความมืดไง เราเรียกว่าเวทย์แห่งแสงและรัตติกาลเวทย์ โดยคนที่ใช้เวทย์แห่งแสงมักจะเป็นผู้มีเชื้อสายของเทพ และคนที่ใช้รัตติกาลเวทย์ได้ดีมักมาจากเผ่าพันธุ์ปีศาจ ในแกรนน่านี่หายากนะกับคนที่ใช้ได้ทุกเวทย์เนี่ย” ริวกล่าว
“แล้วจะให้ผมทดสอบยังไงละพี่ริว” ชายน์ถามอย่างจริงจัง
“เบื้องต้นก็ต้องดูว่านายใช้เวทย์สายไหนได้บ้างและสายไหนที่ใช้ได้ดีที่สุด หากมากกว่านั้นก็ต้องให้ทางโฮเนอร์เป็นผู้ทดสอบ”
“โฮเนอร์คือใครหรอพี่ริว”
“เป็นชื่อโรงเรียนอันดับหนึ่งของที่นี่อ่ะ จะรับเด็กที่อายุ 13 ปี เข้าเรียนในระดับชั้นปี1 พี่เองก็เรียนที่นั่นนะ ตอนนี้อยู่ปี3 แล้วล่ะ” ริวกล่าวอย่างภาคภูมิใจ เพราะเป็นที่รู้กันทั่งแกรนน่าว่าใครที่ผ่านการทดสอบแล้วได้เรียนที่โรงเรียนแห่งนี้แสดงว่ามีความสามารถมาก เพราะในแต่ละปีจะมีผู้เข้ารับการทดสอบหลายหมื่นคนเลยทีเดียวแต่จะผ่านเข้าเรียนเพียงปีละ 200 คนเท่านั้น
“แล้วผมเข้าเรียนด้วยได้ป่าวพี่ริว ปีนี้ผมก็อายุครบ 13 ปีแล้วนะ” ชายน์ถามอย่างกระตือรือร้นเพราะเขาเองก็อยากจะมีเพื่อนๆ ด้วยเช่นกัน
“เขาเปิดรับสมัครและปิดไปแล้ว พึ่งจะรายงานตัวและเข้าหอเมื่อสองสามวันนี่เอง 555” กล่าวพร้อมกับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี แต่ชายน์กลับหน้ามุ่ยลงทันที เพราะเขาเองก็อยากเรียนหนังสือ อยากมีเพื่อนๆ เหมือนคนอื่นๆ เขาเช่นกัน
“นายอยากเรียนจริงๆ ป่าวล่ะ” คำถามที่ทำให้ความหวังของชายน์สว่างขึ้นมาอีกครั้ง
“อยากสิพี่ริว ผมยังมีโอกาสมั๊ยครับ” ถามด้วยเสียงตื่นเต้นสุดๆ
“เรื่องแค่นี้ไม่เกินความสามารถของท่านแม่เราหรอก” ริวกล่าวอย่างมั่นใจ
…………………………………………………………………………
“นะครับท่านแม่ ผมอยากเข้าเรียนจริงๆ นะ ผมอยากมีเพื่อน ผมอยากเก่งแบบพี่ริว แม่ช่วยผมหน่อยนะ” ชายน์อ้อนผู้เป็นแม่ด้วยน้ำเสียงที่เขาคิดว่าน่าเห็นใจที่สุดพร้อมกับกอดผู้เป็นแม่ไว้และแถมด้วยการหอมแก้มไปอีกสองฟอดใหญ่ๆ
ตั้งแต่เขามาอยู่นี้ได้ไม่กี่วันเขาก็สนิทและเข้ากับทุกคนได้เป็นอย่างดีและยังกลับมาร่าเริงอย่างที่เคยเป็นอีกด้วย ส่วนพี่ชายเขาก็เลิกกวนเลิกแกล้งเขาบ้างแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นแผนการของเจ้าพี่ชายตัวแสบนั่นหรือเปล่า
“ให้น้องเข้าเรียนเหอะนะท่านแม่ รับรองว่าผมจะดูแลไม่ให้คลาดสายตาเลยทีเดียว อีกอย่าง น้องก็ควรที่จะมีวิชาความรู้ไว้ใช้ในอนาคตนะ” ริวช่วยอ้อนอีกคน
“เดี๋ยวๆๆ เดี๋ยวนะ แม่ไม่ได้มีอำนาจตัดสินว่าจะอนุญาตหรือไม่อนุญาตนะ ยังไงแม่ก็สนับสนุนและตั้งใจจะพาชายน์ไปเรียนที่โฮเนอร์อยู่แล้ว แต่เราก็ต้องทำตามกฎของโรงเรียนเขานะลูก ปีนี้เขาก็รับเด็กเข้าเรียนเรียบร้อยหมดแล้ว” มารีนกล่าว
“งั้นผมต้องรอปีหน้าหรอ เป็นเด็กโข่งมันไม่สนุกนะท่านแม่ โดนเพื่อนล้อแย่เลย” ชายน์กล่าวพลางทำหน้ามุ่ย
“แล้วใครว่าต้องรอล่ะ ลูกตั้งใจฝึกฝนกับพี่ริวเขาไว้ให้พร้อมก็แล้วกัน ส่วนเรื่องโรงเรียนเดี๋ยวแม่จะจัดการให้เอง” มารีนกล่าวแต่ก็อดที่จะขำไม่ได้เมื่อเห็นอาการของลูกชายคนเล็ก
‘ยังไงแม่ก็ต้องหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกชายของแม่อยู่แล้ว’ มารีนเองก็คิดอยู่เช่นกันว่าเธอจะให้ชายน์เข้าเรียนที่โฮเนอร์ให้ได้ แม้ว่าบัดนี้โรงเรียนจะทำการทดสอบเสร็จสิ้นและเริ่มเปิดเรียนแล้วก็ตาม แต่เรื่องแค่นี้มันไม่เกินความสามารถของมารีน่าไปได้หรอก
“ถ้าลูกสาวของผู้อำนวยการโรงเรียนต้องการซะอย่าง ยังไงก็ต้องได้” มารีนกล่าวอย่างมั่นใจ
3 วันผ่านไปกับการฝึกฝนที่ริวจัดให้น้องชายอย่างเข้มข้น เพราะกลางวันก็ฝึกการใช้เวทย์พื้นฐานที่ริวสรุปได้เองว่าชายน์นั้นมีพลังเวทย์แห่งแสงที่สูงและรัตติกาลเวทย์สูงมาก ส่วนเวทย์ในสายพื้นฐานทั้งสี่เขาก็สามารถทำได้ดี เพียงแต่ยังไม่สามารถควบคุมและใช้เวทย์ได้อย่างถูกวิธีเท่านั้นเอง ส่วนกลางคืนก็ติวเข้มวิชาการปกครองและความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับประวัติของแกรนน่าที่ชายน์เองก็สรุปได้สั้นๆ ว่าแกรนน่าแบ่งการปกครองออกเป็น 3 ส่วน คือ แกรนโซน กรีนโซนและเกรย์โซน โดยแกรนโซนจะเป็นใจกลางของแผ่นดินแกรนน่าหรือเรียกว่าเมืองหลวงก็ว่าได้ เป็นส่วนการปกครองที่ยังไม่มีกษัตริย์ปกครองแต่อาศัยการบริหารงานโดยระบบรัฐสภา ส่วนกรีนโซนจะเป็นส่วนของพื้นที่สำหรับให้ชาวบ้านได้ทำการเกษตรสำหรับหล่อเลี้ยงทุกคนในแกรนน่า เป็นโซนของทรัพยาการป่าไม้ ป่าอาถรรพ์และที่อยู่อาศัยของบางเผ่าพันธุ์ เช่น เทพ เอลฟ์ ภูต วูล์ฟเวอรรีนและสัตว์วิเศษต่างๆ สุดท้ายคือเกรย์โซนที่เป็นดินแดนของพวกปีศาจ ซาตาน แวมไพร์และสัตว์วิเศษบางสายพันธุ์ และเมื่อตอนทานข้าวเย็นที่ผ่านมานั้นมารีนก็แจ้งข่าวดีกับชายน์ว่าพรุ่งนี้จะพาเขาไปโรงเรียน ซึ่งนั่นทำให้ชายน์ตื่นเต้นไม่น้อยจนเอดิสันอดจะยิ้มไปกับอาการของลูกชายคนเล็กไม่ได้ แม้ว่าช่วงนี้เขาจะยุ่งๆ ไม่ค่อยได้กลับบ้านแต่เขาก็คอยถามข่าวของลูกชายคนเล็กอยู่ไม่เว้นวัน
“ช่วงนี้พ่องานยุ่งมาก ไม่ค่อยได้อยู่กับลูกๆ เลย ยังไงก็ตั้งใจฝึกซ้อมนะ ถ้าทหารคนไหนไม่ยอมให้ลูกของพ่อจัดการก็มาบอกพ่อได้เลย เดี๋ยวพ่อจะได้ส่งมันออกไปอยู่ชายแดน ฮ่าๆๆๆ” เอดิสันพูดเล่นติดตลกอย่างอารมณ์ดี
“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกท่านพ่อ ส่งสารเขา”
“แล้วริวละลูก ทางโฮเนอร์เขาให้ลูกกลับมาได้กี่วัน นี่ก็อยู่บ้านมาสัปดาห์กว่าแล้วนะ” ไม่ลืมที่จะหันไปถามลูกชายคนโต
“เรื่อยๆ หน่ะครับท่านพ่อ ทางโรงเรียนแจ้งมาว่าถ้าเสร็จภารกิจพิเศษของท่านแม่เมื่อไหร่แล้วค่อยกลับ แต่ให้ไม่เกิน 2 สัปดาห์ครับ” ริวตอบ
.”งั้นพรุ่งนี้ก็เตรียมตัวกลับไปโฮเนอร์พร้อมกับแม่ได้เลย เพราะแม่จะพาชายน์ไปสมัครเรียนแบบกรณีพิเศษ!!” มารีนกล่าวออกมาบ้างและนั่นทำให้ชายน์ยิ้มจนหน้าบ้าน
…………………………………………………………………….
“พี่ริว สรุปว่าแกรนโซนยังไม่มีกษัตริย์ขึ้นปกครองหรอ? ทำไมล่ะครับ” ชายน์ที่ยังไม่เข้าใจเอ่ยถามออกมาระหว่างที่ทั้งสองกำลังนั่งเล่นอยู่ในห้องของริว …นี่เขาเข้านอกออกในกันได้แล้วหรอเนี่ยยยย ><
“ก็กษัตริย์และรัชทายาทโดนลอบทำร้ายและหายสาบสูญไปหลายปีแล้วหล่ะ บ้างก็ว่าตายแล้ว บ้างก็ว่ารัชทายาทยังคงมีชีวิตอยู่ เลยต้องมีการบริหารงานแบบรัฐสภาไง เมื่อไรที่กษัตริย์หรือรัชทายาทกลับมาพวกตาแก่ในรัฐสภาก็ตกงาน ฮ่าๆๆๆ”
“แล้วทำไมถึงโดนลอบทำร้ายล่ะ? แล้วกรีนโซนกับเกรย์โซนไม่มีกษัตริย์ด้วยหรือเปล่า?” ชายน์ยังคงถามต่อ
“เห็นว่าเป็นเรื่องของการแก่งแย่งอำนาจมั้ง ส่วนกรีนโซนนั้นปกครองโดยกษัตริย์โลซีกัส เป็นลูกครึ่งเทพกับเอลฟ์และเกรย์โซนมีกษัตริย์เอสเทอร์เป็นผู้ปกครองหน่ะ”
“ออ ขอบคุณครับ” ชายน์กล่าว แล้วก็เป็นอีกวันที่เขารู้สึกว่าเขามาห้องนี้แล้วง่วงจนต้องนอนที่นี่เสียทุกครั้งไป สุดท้ายก็….
“ผมง่วงแล้วอ่ะพี่ริว ขอนอนนี่เลยละกันนะ ราตรีสวัสดิ์ครับพี่ชาย” ไม่ต้องรอคำอนุญาตเพราะคิดว่ายังไงเจ้าของห้องก็ต้องยินยอม และเมื่อกล่าวจบชายน์ก็โดดขึ้นเตียงนอนพร้อมกับหลับไปทันที…
“หึหึ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว พักให้เต็มที่นะน้องรักของพี่” ริวกล่าวพลางล้มตัวลงนอนข้างๆ น้องชาย
‘ถ้าไม่ใช้เวทย์จัดการก็คงจะไม่นอนที่นี่สินะ’ ใช่แล้ว เขาแอบใช้เวทย์กับชายน์ทุกครั้งที่ชายน์มาห้องเขา เหตุผลก็คือเวทย์ที่เขาใช้กับชายน์มันจะทำให้เจ้าตัวหลับได้เต็มอิ่มที่สุด และอีกเหตุผลที่สำคัญคือ เขาต้องการนอนกอดน้องชายที่แสนจะน่ารักของเขานั่นเอง
“เวลานายหมดฤทธิ์นี่ก็ดีไปอย่างนะ เพราะพี่จะได้กอดโดยไม่ต้องระวังหมัด” กล่าวพร้อมกับยื่นหน้าไปบอกราตรีสวัสดิ์น้องชายตนเองอย่างแผ่วเบา
“ราตรีสวัสดิ์ไอ้น้องชายตัวแสบ” จุ๊บ…..
มือของคนตัวใหญ่อ้อมไปโอบเอวคนตัวเล็กไว้อย่างแผ่วเบา ก่อนที่เจ้าตัวจะหลับไปพร้อมกับรอยยิ้ม ^^
………………………………………………………………………………………………………………………………………
จบแล้วครับ ตอนนี้มีแค่พี่น้องเขาเล่นกันนะ แต่กำลังจะเข้าโรงเรียนแล้วหล่ะ รอหน่อยนะ ถ้ามีคนอ่านก็จะมาลงเรื่อยๆ 5555
“ทำไมต้องมีประตูบานนี้ด้วยหล่ะ ไม่น่าไว้ใจเลยจริงๆ” ชายน์กล่าวแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก
“อืมมมม เตียงนุ่มดีจัง” ชายน์โดดลงไปนอนบนเตียงใหญ่อันหนานุ่มพร้อมกับหลับตาพริ้ม
“อ่า เตียงห้องนี้นุ่มกว่าห้องพี่อีกนะเนี่ย งั้นคืนนี้พี่มานอนด้วยคนนะ” ทันทีที่ริวทิ้งตัวลงนอนข้างๆน้องชาย เขาก็เอ่ยออกมาบ้างพร้อมกับหลับตาพริ้มล้อเลียนน้องชาย
“เฮ้ยๆๆ ได้ไงละพี่ ผมไม่เคยนอนเตียงเดียวกับผู้ชายนะ กลับห้องพี่ไปเลย ผมจะพักผ่อน ” กล่าวพร้อมกับลุกขึ้นนั่งแล้วดึงตัวพี่ชายตัวแสบให้ลุกออกจากเตียงของตน
“ไม่ไป พี่จะนอนนี่ ขอหลับแป้บนึงนะ” ว่าแล้วก็แกล้งหลับตาแล้วกรนเสียงดังๆ
“ไม่ไปหรอ ได้” กล่าวจบชายน์ก็เอาหมอนข้างมาตีคนที่แกล้งหลับพร้อมกับตะโกนใส่หูจนสุดเสียง
“ตื่นนนนนนนนนน เห้ย ฮ่าๆๆๆ โอ้ย อย่าๆๆ ฮ่าๆๆๆ” ทันทีที่ตะโกนใส่หูคนที่แกล้งหลับก็พลิกตัวมารัดเขาพร้อมกับจี้เอวอันเป็นจุดอ่อนของชายน์ จนตอนนี้เจ้าตัวได้แต่นอนหัวเราะเกร็งตัวดิ้นไปดิ้นมาอยู่บนที่นอน
“ฮ่าๆๆๆ บ้าจี้หรอ ดีๆๆ พี่จะได้จัดการน้องไม่มีมารยาทซะหน่อยที่บังอาจมาตะโกนใส่หูพี่ชาย” ว่าแล้วก็ล็อคแขนคนที่ตัวเล็กกว่าให้หมดโอกาสดิ้นก่อนที่จะจัดการเริ่มลงโทษอีกครั้ง แต่….
ตุ้บ!!! อึก!! โอ้ยยย!! เสียงวัตถุหนักตกกระทบพื้นแล้วตามด้วยเสียงร้องของคนสองคนที่ดังออกมาพร้อมๆ กัน แน่นอนว่าทั้งคู่ดิ้นจนตกเตียงลงมานอนหอบอยู่ที่พื้นด้านล่างแล้ว
“ทำไมพี่ริวชอบแกล้งผมล่ะครับ แล้วยังชอบพูดจาก่อกวนผมอีก” ชายน์ถามในขณะที่ยังนอนหอบหายใจถี่ๆ
“เพราะพี่ไม่มีน้องมั้ง พอเจอนายเลยนึกอยากแกล้ง ”
“เพราะผมน่ารักใช่มั๊ยล่ะพี่เลยชอบแกล้งผมอ่ะ ฮ่าๆๆๆ” ริวที่กำลังนอนหอบอยู่ถึงกับชะงักไปทันที
‘ใช่ นายมันน่ารักน่าหมั่นเขี้ยวจนพี่อดที่จะแกล้งไม่ได้จริงๆ’ คิดแล้วก็ยิ้มบางๆ
“ใช่ นายมันน่ารักน่าหมั่นเขี้ยวจนพี่อดที่จะแกล้งไม่ได้จริงๆ” ตอบไปอย่างที่คิดทุกอย่าง และคราวนี้ก็ชายน์เองที่เป็นฝ่ายชะงักไป
“พี่รู้ม่ะ มีอยู่คนหนึ่งมันชมผมและกวนประสาทผมแบบนี้ประจำ และมันก็โดนผมอัดประจำเช่นกัน” กล่าวพลางนึกถึงหน้าอิฐทันที ใช่แล้ว หมอนั่นคือเพื่อนคู่หูของเขาที่นิสัยเหมือนกับริวไม่มีผิด จะต่างกันก็ตรงที่ริวดูโตกว่าและหน้าตาหล่อกว่าเพื่อนเขามาก อิฐจะเป็นเด็กขาวๆ ตาตี๋ๆ แค่มองแว้บเดียวก็รู้ว่ามีเชื้อสายจีนอยู่ไม่น้อย ส่วนริวจะตัวสูงและรูปร่างหนากว่าอิฐ ผมสีดำยาวจนถึงบ่าแล้วซอยบางๆ ผิวขาวคิ้วเข้มดำและดวงตาคมโตสีดำที่ฉายแววขี้เล่นอยู่ตลอดเวลาทำให้คนๆ นี้ดูมีเสน่ห์ยิ่งนัก
“คิดจะขู่หรอ” ริวถามพลางกลั้นหัวเราะ
“ป่าวหรอกพี่ แค่บอกไว้ แล้วอีกอย่าง….”
อึก!! ริวร้องได้เท่านั้นก็นอนกุมท้องตัวงออยู่กับพื้น
“ผมลืมบอกพี่ไปอีกอย่างว่าผมไม่เคยโดนผู้ชายนอนกอด ฮ่าๆๆๆ” คนที่ปล่อยหมัดใส่ท้องของคนตัวโตกว่ายืนขึ้นขำอย่างอารมณ์ดีก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้องไป
“งานนี้ต้องเอาคืน ไอน้องชายตัวแสบ” กล่าวพลางนอนยิ้มกับสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้น ไม่นึกเลยว่าการมีน้องชายมันจะสนุกแบบนี้!!
……………………………………………………..
ปังๆๆ!! เสียงเคาะประตูดังลั่นห้องทำให้คนที่กำลังอาบน้ำอยู่ต้องรีบตะโกนออกไปเพราะเกรงว่าประตูห้องจะพังเสียก่อน
“คร้าบบบ พี่ริว ประตูไม่ได้ล็อค ” กล่าวจบก็รีบอาบน้ำอย่างรวดเร็วเพราะโดยนิสัยแล้วชายน์ไม่ใช่คนที่จะทำอะไรเชื่องช้าและเขาเองก็ไม่ชอบให้ใครต้องมารอเขา
“พี่มาก่อนเวลานะ” ทักทายพี่ชายแต่ก็ไม่ได้หันมองริวแม้แต่น้อย หากแต่กำลังแต่งตัวอย่างเร่งรีบ
“ก็ตั้งใจจะมาดูคนโชว์กล้ามโชว์หุ่นอ่ะ 555 ว่าแต่นายนี่ตื่นเช้าจังนะ ” ริวกล่าวอย่างอารมณ์ดี
“ในโลกที่ผมโตมานะพี่ผมต้องช่วยตัวเองทุกอย่าง ทำอะไรก็ต้องแข่งกับเวลา ผมต้องตื่นเช้าทุกวันและที่สำคัญคือคนที่นั่นเขาไม่มีเวทย์มนต์แบบที่นี่ไง” ชายน์กล่าวอย่างอารมณ์ดี
“เก่งเนอะ รู้จักช่วยตัวเองตั้งแต่เด็กๆ” ทันทีที่ริวพูดจบ คนเป็นน้องก็ยืนหน้าแดงทำอะไรไม่ถูกจนพี่ชายต้องทักออกมาอย่างขำๆ
“เป็นอะไรหน้าแดงเชียว” ริวถามน้องชายอย่างอดสงสัยไม่ได้ที่เห็นว่าบัดนี้น้องชายตนกำลังมีอาการแปลกๆ
“เอิ่มม เปล่าๆๆๆ ผมคิดไรเพลินๆ หน่ะครับ ไม่มีไรหรอก แฮ่ๆๆ” รีบปฏิเสธพร้อมกับแต่งตัวต่อ
‘คิดอะไรนะถึงได้เขินขนาดนั้น’ ริวคิดก่อนจะพูดต่อ “หึหึ ว่างๆ ก็เล่าเรื่องที่โลกนั้นให้ฟังบ้างนะ อยากรู้อ่ะว่าเขาใช้ชีวิตกันยังไง” พูดจบพร้อมกับที่ชายน์แต่งตัวเสร็จพอดี
“ผมพร้อมแล้วครับพี่ริว ไปกันเถอะ” ชายน์กล่าวอย่างกระตือรือร้น ก็เมื่อวานนี้ริวเอ่ยปากว่าวันนี้จะสอนการใช้เวทย์และทักษะการต่อสู้เบื้องต้นให้กับเขา คนที่พึ่งรู้จักเวทย์มนต์และเริ่มใช้เวทย์เป็นก็ตื่นเต้นจนนอนแทบไม่หลับเลยทีเดียว
ณ สนามหญ้าหลังคฤหาสน์สีขาวหลังใหญ่ บัดนี้ชายหนุ่มทั้งสองกำลังยึดมันเป็นสนามฝึกชั่วคราวโดยมีทหารของเอดิสันจำนวนหนึ่งมาเป็นคู่ฝึกในครั้งนี้ด้วย
“เอาล่ะนะ ช่วงเช้าพี่จะสอนการต่อสู้ด้วยมือเปล่าก่อน จริงๆ ก็อาจไม่ค่อยได้ใช้หรอกเพราะที่นี่เขามีเวทย์มนต์กัน แต่ก็อยากจะสอนไว้เผื่อว่าเจ้าเกิดเดินหลงไปไหนเข้าอย่างน้อยก็จะได้พอเอาตัวรอดได้ 555” ไม่วายปากดีแซวน้องชายตัวเองจนได้ จนบัดนี้ชายน์ได้แต่ทำท่าฮึดฮัดแต่ก็กล่าวตัดบทออกไปอย่างรำคาญ
“จะเริ่มยัง ผมร้อนแล้วนะพี่ริว เดี๋ยวก็ดำกันพอดี” ชายน์ว่าอย่างเซ็งๆ
“งั้นเอาละนะ เดี๋ยวเริ่มจากสู้กับทหารของท่านพ่อก่อน พี่จะได้ประเมินนายด้วยว่ามีทักษะการต่อสู้หรือเปล่า แล้วจากนั้นพี่จะได้….” ยังไม่ทันที่ริวจะกล่าวจบเขาก็ต้องตาค้างเมื่อเห็นว่าชายน์นั้นเดินตรงไปยังกลุ่มทหารที่มายืนรอรับคำสั่งจากเขาและโดยไม่ทันตั้งตัวชายน์ก็เริ่มบรรเลงเพลงหมัดทันที เมื่อเห็นดังนั้นริวจึงส่งสัญญาณเริ่มการฝึกซ้อมให้เหล่าทหารของเอดิสันเข้าจู่โจมชายน์เช่นกัน
“ย๊ากกกกก “ อึก!! คนแรกล้มลงทันทีที่วิ่งเข้ามาแล้วเจอกับหมัดของชายน์เข้าไป
‘หมัดเดียวจอดเลยแฮะ’ ริวคิดแล้วกระตุกยิ้มเบาๆ อย่างพอใจ
คนที่สองก็เช่นกัน ทันทีที่วิ่งเข้ามาจวนจะถึงตัวชายน์แล้วแต่ก็ต้องล้มตัวงอลงไปทันที เพราะเพียงแค่ชายน์บิดตัวหลบแล้วยกเข่าอัดเข้าไปช่วงลำตัวทีเดียวทหารนายนั้นก็ทรุดลงไปกองกับพื้นแล้ว และคนอื่นๆ ก็มีสภาพไม่ต่างกันเมื่อเจอกับแม่ไม้มวยไทยของชายน์ทั้งหมัด เท้า เข่า ศอกที่จัดชุดเล็กมาให้แบบเบาๆ แต่ความรุนแรงไม่เบาเอาซะเลย จนตอนนี้ทหารกว่าสิบนายนั้นลงไปนอนกองกับพื้นหมดแล้ว
“พอไหวมั๊ยพี่ริว” ชายน์หันมาถามทันทีที่เห็นว่าทหารทั้งหมดโดนตนเองเล่นงานจนครบทุกคนแล้วโดยที่ตัวเขาเองไม่มีร่องรอยว่าโดนโจมตีเลย
“เยี่ยมเลยแหละ ว่าแต่นายไปเอาทักษะการต่อสู้แบบนี้มาจากไหน พี่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” ริวกล่าวอย่างทึ่งๆ ที่เห็นว่าทหารสิบกว่านายนั้นโดนจัดการจนหมดสภาพภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที
“อันนี้เรียกว่ามวยไทยหน่ะพี่ ผมเคยฝึกมานิดหน่อย” ริวยังคงทำหน้าสงสัยจนคนเป็นน้องชายต้องเล่าต่อ
“เมื่อก่อนตอนเด็กๆ ผมโดนแกล้งบ่อยนะพี่ ร้องไห้มาฟ้องลุงชาร์ลประจำ ลุงแกเลยส่งผมไปเรียนมวยไทยอ่ะ แกบอกเอาไว้ป้องกันตัวและมันก็ได้ผลนะ ผมสามารถจัดการเด็กเกเรพวกนั้นได้จนมันไม่กล้ามาแกล้งผมอีกเลย 555”
“วันหลังสอนพี่บ้างสิ พี่อยากฝึกแบบนี้บ้าง” ริวกล่าวอย่างชื่นชมผู้เป็นน้องชาย
“จริงๆ ยังมีเทควันโด้อีกนะพี่ ถ้าสนใจจริงๆ เดี๋ยวผมสอนให้นะ ” ชายน์กล่าวอย่างภูมิใจ อย่างน้อยการที่เขามาอยู่ที่นี่เขาเองก็ไม่ได้ด้อยค่าอ่อนหัดอย่างที่แอบกลัวไว้อย่างตอนแรกแล้ว
“เห็นทีพี่คงไม่ต้องฝึกการต่อสู้แบบประชิดตัวแล้วมั้ง ”
“ผมว่าพี่สอนการใช้เวทย์ให้ผมดีกว่า ผมอย่างรู้จะแย่แล้วว่าผมทำอะไรได้บ้าง” คนพูดนั้นพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เพราะจริงๆ เขาก็พอจะรู้วิธีการใช้เวทย์จากชาร์ลมาบ้างแล้ว และเขาก็พอจะใช้เวทย์ได้บ้างเช่นกัน
“ดูนะ” ริวกล่าวจบก็หลับตาลง ทันทีที่ลืมตาขึ้นก็บังเกิดเปลวไฟสีดำอันร้อนระอุลุกโชติอยู่รอบๆ กายของริว จากนั้นฝนที่มีสีขาวใสราวกับมีแสงสว่างอยู่ในทุกหยดฝนก็ตกลงมาดับไฟเหล่านั้นจนหมดสิ้น เมื่อไฟนั้นดับลงก็พบว่าบริเวณพื้นดินนั่นมีเถาวัลย์ขนาดใหญ่แทงทะลุดินขึ้นมาอีกมากมาย ใบของมันแหลมคมดังมีดและสามารถเคลื่อนไหวได้ราวกับว่ามันมีชีวิต แต่เพียงแค่ริวขยับมือเล็กน้อยทรายบริเวณนั้นก็ลอยขึ้นมาและบีบอัดตัวกันจนกลายเป็นมีดสั้นนับสิบเล่ม ทันทีที่ริวสะบัดมือมันก็พุ่งเข้าไปตัดเถาวัลย์นั้นจะหมดสิ้น
‘นี่คนหรือเทพว่ะเนี่ย สุดยอด!!’ ชายน์คิดพลางอดตื่นเต้นกับสิ่งที่เห็นไม่ได้
“แล้วนายทำอะไรได้บ้างล่ะ พี่เคยเห็นนายเผาป่ามาแล้ว พังข่ายมนตราของชาร์ลได้แล้ว ยังมีอะไรอีกมั๊ยที่พี่ยังไม่ได้เห็น” เมื่อจบการแสดงของตน ริวก็หันมาถามน้องชายทันที
“ผมไมรู้ว่านายน้อยมีธาตุอะไรเป็นธาตุประจำตัว เพราะงั้นผมจะสอนวิธีง่ายๆ กับการเรียกใช้เวทย์แบบง่ายๆ นะครับ ขั้นแรกนายน้อยต้องรวบรวมสมาธิให้มั่นโดยจะหลับหรือลืมตาก็ได้ จากนั้นกำหนดจิตให้นิ่งแล้วเพ่งจิตทั้งหมดไปยังฝ่ามือพร้อมกับนึกถึงสิ่งที่นายน้อยต้องการนะขอรับ เช่น น้ำ ไฟ ดินหรือลม ซึ่งเหล่านี้จะมีอยู่ในตัวของเราทุกๆ คน แต่จะโดดเด่นแค่ด้านเดียวนะครับ”
เมื่อนึกถึงคำสอนของชาร์ลที่เคยสอนเขาเมื่อคราวที่มาถึงแกรนน่า ชายน์ก็ตั้งสมาธิแล้วหลับตาลง ตอนนี้เขาอยากจะลองเรียกอย่างอื่นดูบ้างที่ไม่ใช่ไฟ และ ทันทีที่หงายฝ่ามือขึ้นลูกบอลน้ำขนาดย่อมก็ปรากฏขึ้นทันที แต่มันไม่ใช่ลูกบอลน้ำธรรมดาเพราะมันมีควันสีดำๆ ลอยพวยพุ่งอยู่ด้วย!!
‘ทำได้ขนาดนี้เลยเชียวหรือ’ อีกครั้งที่ริวต้องตกใจกับความสามารถของน้องชายตัวเองที่สามารถใช้เวทย์ได้โดยที่เจ้าตัวเองพึ่งจะเคยใช้มันไม่กี่ครั้ง อย่างนี้แสดงว่าพลังเวทย์คงสูงมากที่เดียว ว่าแต่ควันสีดำนั่นคืออะไร เด็กคนนี้มันเป็นพวกเวทย์สายไหนกันนะ!!
ทันทีที่สะบัดมือออกไปลูกบอลน้ำที่มีควันสีดำก็ลอยออกจากมือไปทันที เมื่อมันกระทบกับต้นไม้ก็ระเบิดจนเสียงดังสนั่น แต่ที่น่าตกใจคือกลุ่มควันสีดำนั่นกำลังกัดกินต้นไม้นั้นอย่างน่ากลัว แต่ ริวกลับยิ้มอย่างพอใจที่เห็นฝีมือของคนตรงหน้าที่ต้องบอกว่า ฝีมือแบบนี้เข้าเรียนที่โฮเนอร์ได้สบายๆ
“เอาล่ะ พี่ว่าพี่คงต้องทดสอบเจ้าก่อนนะว่าเจ้าเป็นพวกผู้ใช้เวทย์สายไหน จะได้สอนและเสริมกันได้อย่างตรงจุด”
“หมายถึงธาตุประจำตัวนะหรือ ลุงชาร์ลบอกผมว่าธาตุประจำตัวแต่ละคนไม่เหมือนกัน และการใช้เวทย์ก็จะขึ้นอยู่กับธาตุประจำตัวด้วย” ชายน์กล่าวในสิ่งที่ตนพอจะรู้มาบ้าง
“อืม ก็ประมาณนั้นแหละ แต่รู้มั๊ย นอกจากดิน น้ำ ลม ไฟที่เป็นธาตุทั้งสี่แล้วยังมีธาตุพิเศษอีกนะ ก็แสงและความมืดไง เราเรียกว่าเวทย์แห่งแสงและรัตติกาลเวทย์ โดยคนที่ใช้เวทย์แห่งแสงมักจะเป็นผู้มีเชื้อสายของเทพ และคนที่ใช้รัตติกาลเวทย์ได้ดีมักมาจากเผ่าพันธุ์ปีศาจ ในแกรนน่านี่หายากนะกับคนที่ใช้ได้ทุกเวทย์เนี่ย” ริวกล่าว
“แล้วจะให้ผมทดสอบยังไงละพี่ริว” ชายน์ถามอย่างจริงจัง
“เบื้องต้นก็ต้องดูว่านายใช้เวทย์สายไหนได้บ้างและสายไหนที่ใช้ได้ดีที่สุด หากมากกว่านั้นก็ต้องให้ทางโฮเนอร์เป็นผู้ทดสอบ”
“โฮเนอร์คือใครหรอพี่ริว”
“เป็นชื่อโรงเรียนอันดับหนึ่งของที่นี่อ่ะ จะรับเด็กที่อายุ 13 ปี เข้าเรียนในระดับชั้นปี1 พี่เองก็เรียนที่นั่นนะ ตอนนี้อยู่ปี3 แล้วล่ะ” ริวกล่าวอย่างภาคภูมิใจ เพราะเป็นที่รู้กันทั่งแกรนน่าว่าใครที่ผ่านการทดสอบแล้วได้เรียนที่โรงเรียนแห่งนี้แสดงว่ามีความสามารถมาก เพราะในแต่ละปีจะมีผู้เข้ารับการทดสอบหลายหมื่นคนเลยทีเดียวแต่จะผ่านเข้าเรียนเพียงปีละ 200 คนเท่านั้น
“แล้วผมเข้าเรียนด้วยได้ป่าวพี่ริว ปีนี้ผมก็อายุครบ 13 ปีแล้วนะ” ชายน์ถามอย่างกระตือรือร้นเพราะเขาเองก็อยากจะมีเพื่อนๆ ด้วยเช่นกัน
“เขาเปิดรับสมัครและปิดไปแล้ว พึ่งจะรายงานตัวและเข้าหอเมื่อสองสามวันนี่เอง 555” กล่าวพร้อมกับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี แต่ชายน์กลับหน้ามุ่ยลงทันที เพราะเขาเองก็อยากเรียนหนังสือ อยากมีเพื่อนๆ เหมือนคนอื่นๆ เขาเช่นกัน
“นายอยากเรียนจริงๆ ป่าวล่ะ” คำถามที่ทำให้ความหวังของชายน์สว่างขึ้นมาอีกครั้ง
“อยากสิพี่ริว ผมยังมีโอกาสมั๊ยครับ” ถามด้วยเสียงตื่นเต้นสุดๆ
“เรื่องแค่นี้ไม่เกินความสามารถของท่านแม่เราหรอก” ริวกล่าวอย่างมั่นใจ
…………………………………………………………………………
“นะครับท่านแม่ ผมอยากเข้าเรียนจริงๆ นะ ผมอยากมีเพื่อน ผมอยากเก่งแบบพี่ริว แม่ช่วยผมหน่อยนะ” ชายน์อ้อนผู้เป็นแม่ด้วยน้ำเสียงที่เขาคิดว่าน่าเห็นใจที่สุดพร้อมกับกอดผู้เป็นแม่ไว้และแถมด้วยการหอมแก้มไปอีกสองฟอดใหญ่ๆ
ตั้งแต่เขามาอยู่นี้ได้ไม่กี่วันเขาก็สนิทและเข้ากับทุกคนได้เป็นอย่างดีและยังกลับมาร่าเริงอย่างที่เคยเป็นอีกด้วย ส่วนพี่ชายเขาก็เลิกกวนเลิกแกล้งเขาบ้างแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นแผนการของเจ้าพี่ชายตัวแสบนั่นหรือเปล่า
“ให้น้องเข้าเรียนเหอะนะท่านแม่ รับรองว่าผมจะดูแลไม่ให้คลาดสายตาเลยทีเดียว อีกอย่าง น้องก็ควรที่จะมีวิชาความรู้ไว้ใช้ในอนาคตนะ” ริวช่วยอ้อนอีกคน
“เดี๋ยวๆๆ เดี๋ยวนะ แม่ไม่ได้มีอำนาจตัดสินว่าจะอนุญาตหรือไม่อนุญาตนะ ยังไงแม่ก็สนับสนุนและตั้งใจจะพาชายน์ไปเรียนที่โฮเนอร์อยู่แล้ว แต่เราก็ต้องทำตามกฎของโรงเรียนเขานะลูก ปีนี้เขาก็รับเด็กเข้าเรียนเรียบร้อยหมดแล้ว” มารีนกล่าว
“งั้นผมต้องรอปีหน้าหรอ เป็นเด็กโข่งมันไม่สนุกนะท่านแม่ โดนเพื่อนล้อแย่เลย” ชายน์กล่าวพลางทำหน้ามุ่ย
“แล้วใครว่าต้องรอล่ะ ลูกตั้งใจฝึกฝนกับพี่ริวเขาไว้ให้พร้อมก็แล้วกัน ส่วนเรื่องโรงเรียนเดี๋ยวแม่จะจัดการให้เอง” มารีนกล่าวแต่ก็อดที่จะขำไม่ได้เมื่อเห็นอาการของลูกชายคนเล็ก
‘ยังไงแม่ก็ต้องหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกชายของแม่อยู่แล้ว’ มารีนเองก็คิดอยู่เช่นกันว่าเธอจะให้ชายน์เข้าเรียนที่โฮเนอร์ให้ได้ แม้ว่าบัดนี้โรงเรียนจะทำการทดสอบเสร็จสิ้นและเริ่มเปิดเรียนแล้วก็ตาม แต่เรื่องแค่นี้มันไม่เกินความสามารถของมารีน่าไปได้หรอก
“ถ้าลูกสาวของผู้อำนวยการโรงเรียนต้องการซะอย่าง ยังไงก็ต้องได้” มารีนกล่าวอย่างมั่นใจ
3 วันผ่านไปกับการฝึกฝนที่ริวจัดให้น้องชายอย่างเข้มข้น เพราะกลางวันก็ฝึกการใช้เวทย์พื้นฐานที่ริวสรุปได้เองว่าชายน์นั้นมีพลังเวทย์แห่งแสงที่สูงและรัตติกาลเวทย์สูงมาก ส่วนเวทย์ในสายพื้นฐานทั้งสี่เขาก็สามารถทำได้ดี เพียงแต่ยังไม่สามารถควบคุมและใช้เวทย์ได้อย่างถูกวิธีเท่านั้นเอง ส่วนกลางคืนก็ติวเข้มวิชาการปกครองและความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับประวัติของแกรนน่าที่ชายน์เองก็สรุปได้สั้นๆ ว่าแกรนน่าแบ่งการปกครองออกเป็น 3 ส่วน คือ แกรนโซน กรีนโซนและเกรย์โซน โดยแกรนโซนจะเป็นใจกลางของแผ่นดินแกรนน่าหรือเรียกว่าเมืองหลวงก็ว่าได้ เป็นส่วนการปกครองที่ยังไม่มีกษัตริย์ปกครองแต่อาศัยการบริหารงานโดยระบบรัฐสภา ส่วนกรีนโซนจะเป็นส่วนของพื้นที่สำหรับให้ชาวบ้านได้ทำการเกษตรสำหรับหล่อเลี้ยงทุกคนในแกรนน่า เป็นโซนของทรัพยาการป่าไม้ ป่าอาถรรพ์และที่อยู่อาศัยของบางเผ่าพันธุ์ เช่น เทพ เอลฟ์ ภูต วูล์ฟเวอรรีนและสัตว์วิเศษต่างๆ สุดท้ายคือเกรย์โซนที่เป็นดินแดนของพวกปีศาจ ซาตาน แวมไพร์และสัตว์วิเศษบางสายพันธุ์ และเมื่อตอนทานข้าวเย็นที่ผ่านมานั้นมารีนก็แจ้งข่าวดีกับชายน์ว่าพรุ่งนี้จะพาเขาไปโรงเรียน ซึ่งนั่นทำให้ชายน์ตื่นเต้นไม่น้อยจนเอดิสันอดจะยิ้มไปกับอาการของลูกชายคนเล็กไม่ได้ แม้ว่าช่วงนี้เขาจะยุ่งๆ ไม่ค่อยได้กลับบ้านแต่เขาก็คอยถามข่าวของลูกชายคนเล็กอยู่ไม่เว้นวัน
“ช่วงนี้พ่องานยุ่งมาก ไม่ค่อยได้อยู่กับลูกๆ เลย ยังไงก็ตั้งใจฝึกซ้อมนะ ถ้าทหารคนไหนไม่ยอมให้ลูกของพ่อจัดการก็มาบอกพ่อได้เลย เดี๋ยวพ่อจะได้ส่งมันออกไปอยู่ชายแดน ฮ่าๆๆๆ” เอดิสันพูดเล่นติดตลกอย่างอารมณ์ดี
“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกท่านพ่อ ส่งสารเขา”
“แล้วริวละลูก ทางโฮเนอร์เขาให้ลูกกลับมาได้กี่วัน นี่ก็อยู่บ้านมาสัปดาห์กว่าแล้วนะ” ไม่ลืมที่จะหันไปถามลูกชายคนโต
“เรื่อยๆ หน่ะครับท่านพ่อ ทางโรงเรียนแจ้งมาว่าถ้าเสร็จภารกิจพิเศษของท่านแม่เมื่อไหร่แล้วค่อยกลับ แต่ให้ไม่เกิน 2 สัปดาห์ครับ” ริวตอบ
.”งั้นพรุ่งนี้ก็เตรียมตัวกลับไปโฮเนอร์พร้อมกับแม่ได้เลย เพราะแม่จะพาชายน์ไปสมัครเรียนแบบกรณีพิเศษ!!” มารีนกล่าวออกมาบ้างและนั่นทำให้ชายน์ยิ้มจนหน้าบ้าน
…………………………………………………………………….
“พี่ริว สรุปว่าแกรนโซนยังไม่มีกษัตริย์ขึ้นปกครองหรอ? ทำไมล่ะครับ” ชายน์ที่ยังไม่เข้าใจเอ่ยถามออกมาระหว่างที่ทั้งสองกำลังนั่งเล่นอยู่ในห้องของริว …นี่เขาเข้านอกออกในกันได้แล้วหรอเนี่ยยยย ><
“ก็กษัตริย์และรัชทายาทโดนลอบทำร้ายและหายสาบสูญไปหลายปีแล้วหล่ะ บ้างก็ว่าตายแล้ว บ้างก็ว่ารัชทายาทยังคงมีชีวิตอยู่ เลยต้องมีการบริหารงานแบบรัฐสภาไง เมื่อไรที่กษัตริย์หรือรัชทายาทกลับมาพวกตาแก่ในรัฐสภาก็ตกงาน ฮ่าๆๆๆ”
“แล้วทำไมถึงโดนลอบทำร้ายล่ะ? แล้วกรีนโซนกับเกรย์โซนไม่มีกษัตริย์ด้วยหรือเปล่า?” ชายน์ยังคงถามต่อ
“เห็นว่าเป็นเรื่องของการแก่งแย่งอำนาจมั้ง ส่วนกรีนโซนนั้นปกครองโดยกษัตริย์โลซีกัส เป็นลูกครึ่งเทพกับเอลฟ์และเกรย์โซนมีกษัตริย์เอสเทอร์เป็นผู้ปกครองหน่ะ”
“ออ ขอบคุณครับ” ชายน์กล่าว แล้วก็เป็นอีกวันที่เขารู้สึกว่าเขามาห้องนี้แล้วง่วงจนต้องนอนที่นี่เสียทุกครั้งไป สุดท้ายก็….
“ผมง่วงแล้วอ่ะพี่ริว ขอนอนนี่เลยละกันนะ ราตรีสวัสดิ์ครับพี่ชาย” ไม่ต้องรอคำอนุญาตเพราะคิดว่ายังไงเจ้าของห้องก็ต้องยินยอม และเมื่อกล่าวจบชายน์ก็โดดขึ้นเตียงนอนพร้อมกับหลับไปทันที…
“หึหึ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว พักให้เต็มที่นะน้องรักของพี่” ริวกล่าวพลางล้มตัวลงนอนข้างๆ น้องชาย
‘ถ้าไม่ใช้เวทย์จัดการก็คงจะไม่นอนที่นี่สินะ’ ใช่แล้ว เขาแอบใช้เวทย์กับชายน์ทุกครั้งที่ชายน์มาห้องเขา เหตุผลก็คือเวทย์ที่เขาใช้กับชายน์มันจะทำให้เจ้าตัวหลับได้เต็มอิ่มที่สุด และอีกเหตุผลที่สำคัญคือ เขาต้องการนอนกอดน้องชายที่แสนจะน่ารักของเขานั่นเอง
“เวลานายหมดฤทธิ์นี่ก็ดีไปอย่างนะ เพราะพี่จะได้กอดโดยไม่ต้องระวังหมัด” กล่าวพร้อมกับยื่นหน้าไปบอกราตรีสวัสดิ์น้องชายตนเองอย่างแผ่วเบา
“ราตรีสวัสดิ์ไอ้น้องชายตัวแสบ” จุ๊บ…..
มือของคนตัวใหญ่อ้อมไปโอบเอวคนตัวเล็กไว้อย่างแผ่วเบา ก่อนที่เจ้าตัวจะหลับไปพร้อมกับรอยยิ้ม ^^
………………………………………………………………………………………………………………………………………
จบแล้วครับ ตอนนี้มีแค่พี่น้องเขาเล่นกันนะ แต่กำลังจะเข้าโรงเรียนแล้วหล่ะ รอหน่อยนะ ถ้ามีคนอ่านก็จะมาลงเรื่อยๆ 5555
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ