Twin แฝดเลือดผสม

8.0

เขียนโดย Shinman33

วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.05 น.

  39 ตอน
  3 วิจารณ์
  31.70K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 16.21 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) พี่ชาย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
“อ่ะ  นี่ห้องนอนของนายนะ     อยู่ติดกับห้องพี่เองแหละ     ห้องนอนของนายจะมีห้องน้ำอยู่ด้านในและมีประตูอยู่ด้านข้างที่สามารถทะลุเข้าไปห้องพี่ได้      บอกไว้เผื่อว่านายอยากจะไปหาพี่หน่ะ 555”  ริวกล่าวแล้วหัวเราะอย่างพอใจที่เห็นน้องชายทำหน้าเอือมระอาเขา     เขาเองก็ไม่รู้ทำไมว่าเขาชอบแกล้งชอบก่อกวนชายน์นัก   หากจะให้เดาก็คงเพราะเขาเป็นลูกคนเดียวมั้ง   พอโตมาเลยเก็บกด ><
“ทำไมต้องมีประตูบานนี้ด้วยหล่ะ    ไม่น่าไว้ใจเลยจริงๆ”  ชายน์กล่าวแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก
“อืมมมม  เตียงนุ่มดีจัง”   ชายน์โดดลงไปนอนบนเตียงใหญ่อันหนานุ่มพร้อมกับหลับตาพริ้ม
“อ่า   เตียงห้องนี้นุ่มกว่าห้องพี่อีกนะเนี่ย   งั้นคืนนี้พี่มานอนด้วยคนนะ”   ทันทีที่ริวทิ้งตัวลงนอนข้างๆน้องชาย   เขาก็เอ่ยออกมาบ้างพร้อมกับหลับตาพริ้มล้อเลียนน้องชาย
“เฮ้ยๆๆ  ได้ไงละพี่   ผมไม่เคยนอนเตียงเดียวกับผู้ชายนะ   กลับห้องพี่ไปเลย   ผมจะพักผ่อน ”  กล่าวพร้อมกับลุกขึ้นนั่งแล้วดึงตัวพี่ชายตัวแสบให้ลุกออกจากเตียงของตน
“ไม่ไป  พี่จะนอนนี่   ขอหลับแป้บนึงนะ”   ว่าแล้วก็แกล้งหลับตาแล้วกรนเสียงดังๆ
“ไม่ไปหรอ   ได้”  กล่าวจบชายน์ก็เอาหมอนข้างมาตีคนที่แกล้งหลับพร้อมกับตะโกนใส่หูจนสุดเสียง
“ตื่นนนนนนนนนน   เห้ย  ฮ่าๆๆๆ   โอ้ย  อย่าๆๆ  ฮ่าๆๆๆ”   ทันทีที่ตะโกนใส่หูคนที่แกล้งหลับก็พลิกตัวมารัดเขาพร้อมกับจี้เอวอันเป็นจุดอ่อนของชายน์   จนตอนนี้เจ้าตัวได้แต่นอนหัวเราะเกร็งตัวดิ้นไปดิ้นมาอยู่บนที่นอน
“ฮ่าๆๆๆ   บ้าจี้หรอ   ดีๆๆ  พี่จะได้จัดการน้องไม่มีมารยาทซะหน่อยที่บังอาจมาตะโกนใส่หูพี่ชาย”   ว่าแล้วก็ล็อคแขนคนที่ตัวเล็กกว่าให้หมดโอกาสดิ้นก่อนที่จะจัดการเริ่มลงโทษอีกครั้ง   แต่….
ตุ้บ!!!    อึก!!    โอ้ยยย!!   เสียงวัตถุหนักตกกระทบพื้นแล้วตามด้วยเสียงร้องของคนสองคนที่ดังออกมาพร้อมๆ กัน    แน่นอนว่าทั้งคู่ดิ้นจนตกเตียงลงมานอนหอบอยู่ที่พื้นด้านล่างแล้ว
“ทำไมพี่ริวชอบแกล้งผมล่ะครับ  แล้วยังชอบพูดจาก่อกวนผมอีก”   ชายน์ถามในขณะที่ยังนอนหอบหายใจถี่ๆ
“เพราะพี่ไม่มีน้องมั้ง   พอเจอนายเลยนึกอยากแกล้ง ”
“เพราะผมน่ารักใช่มั๊ยล่ะพี่เลยชอบแกล้งผมอ่ะ ฮ่าๆๆๆ”   ริวที่กำลังนอนหอบอยู่ถึงกับชะงักไปทันที
‘ใช่   นายมันน่ารักน่าหมั่นเขี้ยวจนพี่อดที่จะแกล้งไม่ได้จริงๆ’  คิดแล้วก็ยิ้มบางๆ
“ใช่   นายมันน่ารักน่าหมั่นเขี้ยวจนพี่อดที่จะแกล้งไม่ได้จริงๆ”   ตอบไปอย่างที่คิดทุกอย่าง   และคราวนี้ก็ชายน์เองที่เป็นฝ่ายชะงักไป
“พี่รู้ม่ะ   มีอยู่คนหนึ่งมันชมผมและกวนประสาทผมแบบนี้ประจำ   และมันก็โดนผมอัดประจำเช่นกัน”   กล่าวพลางนึกถึงหน้าอิฐทันที   ใช่แล้ว   หมอนั่นคือเพื่อนคู่หูของเขาที่นิสัยเหมือนกับริวไม่มีผิด     จะต่างกันก็ตรงที่ริวดูโตกว่าและหน้าตาหล่อกว่าเพื่อนเขามาก    อิฐจะเป็นเด็กขาวๆ ตาตี๋ๆ   แค่มองแว้บเดียวก็รู้ว่ามีเชื้อสายจีนอยู่ไม่น้อย    ส่วนริวจะตัวสูงและรูปร่างหนากว่าอิฐ    ผมสีดำยาวจนถึงบ่าแล้วซอยบางๆ ผิวขาวคิ้วเข้มดำและดวงตาคมโตสีดำที่ฉายแววขี้เล่นอยู่ตลอดเวลาทำให้คนๆ นี้ดูมีเสน่ห์ยิ่งนัก
“คิดจะขู่หรอ”   ริวถามพลางกลั้นหัวเราะ
“ป่าวหรอกพี่   แค่บอกไว้     แล้วอีกอย่าง….”
อึก!!   ริวร้องได้เท่านั้นก็นอนกุมท้องตัวงออยู่กับพื้น
“ผมลืมบอกพี่ไปอีกอย่างว่าผมไม่เคยโดนผู้ชายนอนกอด   ฮ่าๆๆๆ”  คนที่ปล่อยหมัดใส่ท้องของคนตัวโตกว่ายืนขึ้นขำอย่างอารมณ์ดีก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้องไป
“งานนี้ต้องเอาคืน   ไอน้องชายตัวแสบ”   กล่าวพลางนอนยิ้มกับสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้น    ไม่นึกเลยว่าการมีน้องชายมันจะสนุกแบบนี้!!
                                                       ……………………………………………………..
 
  
ปังๆๆ!!   เสียงเคาะประตูดังลั่นห้องทำให้คนที่กำลังอาบน้ำอยู่ต้องรีบตะโกนออกไปเพราะเกรงว่าประตูห้องจะพังเสียก่อน
“คร้าบบบ พี่ริว  ประตูไม่ได้ล็อค ”   กล่าวจบก็รีบอาบน้ำอย่างรวดเร็วเพราะโดยนิสัยแล้วชายน์ไม่ใช่คนที่จะทำอะไรเชื่องช้าและเขาเองก็ไม่ชอบให้ใครต้องมารอเขา
“พี่มาก่อนเวลานะ”  ทักทายพี่ชายแต่ก็ไม่ได้หันมองริวแม้แต่น้อย   หากแต่กำลังแต่งตัวอย่างเร่งรีบ
“ก็ตั้งใจจะมาดูคนโชว์กล้ามโชว์หุ่นอ่ะ  555    ว่าแต่นายนี่ตื่นเช้าจังนะ ”   ริวกล่าวอย่างอารมณ์ดี
“ในโลกที่ผมโตมานะพี่ผมต้องช่วยตัวเองทุกอย่าง   ทำอะไรก็ต้องแข่งกับเวลา   ผมต้องตื่นเช้าทุกวันและที่สำคัญคือคนที่นั่นเขาไม่มีเวทย์มนต์แบบที่นี่ไง”  ชายน์กล่าวอย่างอารมณ์ดี
 “เก่งเนอะ  รู้จักช่วยตัวเองตั้งแต่เด็กๆ”   ทันทีที่ริวพูดจบ   คนเป็นน้องก็ยืนหน้าแดงทำอะไรไม่ถูกจนพี่ชายต้องทักออกมาอย่างขำๆ
“เป็นอะไรหน้าแดงเชียว”  ริวถามน้องชายอย่างอดสงสัยไม่ได้ที่เห็นว่าบัดนี้น้องชายตนกำลังมีอาการแปลกๆ
“เอิ่มม  เปล่าๆๆๆ  ผมคิดไรเพลินๆ หน่ะครับ  ไม่มีไรหรอก  แฮ่ๆๆ”  รีบปฏิเสธพร้อมกับแต่งตัวต่อ
‘คิดอะไรนะถึงได้เขินขนาดนั้น’    ริวคิดก่อนจะพูดต่อ   “หึหึ  ว่างๆ ก็เล่าเรื่องที่โลกนั้นให้ฟังบ้างนะ   อยากรู้อ่ะว่าเขาใช้ชีวิตกันยังไง”  พูดจบพร้อมกับที่ชายน์แต่งตัวเสร็จพอดี
“ผมพร้อมแล้วครับพี่ริว   ไปกันเถอะ”   ชายน์กล่าวอย่างกระตือรือร้น   ก็เมื่อวานนี้ริวเอ่ยปากว่าวันนี้จะสอนการใช้เวทย์และทักษะการต่อสู้เบื้องต้นให้กับเขา   คนที่พึ่งรู้จักเวทย์มนต์และเริ่มใช้เวทย์เป็นก็ตื่นเต้นจนนอนแทบไม่หลับเลยทีเดียว
 
 
ณ  สนามหญ้าหลังคฤหาสน์สีขาวหลังใหญ่   บัดนี้ชายหนุ่มทั้งสองกำลังยึดมันเป็นสนามฝึกชั่วคราวโดยมีทหารของเอดิสันจำนวนหนึ่งมาเป็นคู่ฝึกในครั้งนี้ด้วย
“เอาล่ะนะ   ช่วงเช้าพี่จะสอนการต่อสู้ด้วยมือเปล่าก่อน   จริงๆ ก็อาจไม่ค่อยได้ใช้หรอกเพราะที่นี่เขามีเวทย์มนต์กัน   แต่ก็อยากจะสอนไว้เผื่อว่าเจ้าเกิดเดินหลงไปไหนเข้าอย่างน้อยก็จะได้พอเอาตัวรอดได้ 555”   ไม่วายปากดีแซวน้องชายตัวเองจนได้   จนบัดนี้ชายน์ได้แต่ทำท่าฮึดฮัดแต่ก็กล่าวตัดบทออกไปอย่างรำคาญ
“จะเริ่มยัง   ผมร้อนแล้วนะพี่ริว   เดี๋ยวก็ดำกันพอดี”  ชายน์ว่าอย่างเซ็งๆ
“งั้นเอาละนะ   เดี๋ยวเริ่มจากสู้กับทหารของท่านพ่อก่อน   พี่จะได้ประเมินนายด้วยว่ามีทักษะการต่อสู้หรือเปล่า   แล้วจากนั้นพี่จะได้….”   ยังไม่ทันที่ริวจะกล่าวจบเขาก็ต้องตาค้างเมื่อเห็นว่าชายน์นั้นเดินตรงไปยังกลุ่มทหารที่มายืนรอรับคำสั่งจากเขาและโดยไม่ทันตั้งตัวชายน์ก็เริ่มบรรเลงเพลงหมัดทันที     เมื่อเห็นดังนั้นริวจึงส่งสัญญาณเริ่มการฝึกซ้อมให้เหล่าทหารของเอดิสันเข้าจู่โจมชายน์เช่นกัน  
“ย๊ากกกกก “   อึก!!   คนแรกล้มลงทันทีที่วิ่งเข้ามาแล้วเจอกับหมัดของชายน์เข้าไป
‘หมัดเดียวจอดเลยแฮะ’  ริวคิดแล้วกระตุกยิ้มเบาๆ อย่างพอใจ
คนที่สองก็เช่นกัน   ทันทีที่วิ่งเข้ามาจวนจะถึงตัวชายน์แล้วแต่ก็ต้องล้มตัวงอลงไปทันที    เพราะเพียงแค่ชายน์บิดตัวหลบแล้วยกเข่าอัดเข้าไปช่วงลำตัวทีเดียวทหารนายนั้นก็ทรุดลงไปกองกับพื้นแล้ว    และคนอื่นๆ ก็มีสภาพไม่ต่างกันเมื่อเจอกับแม่ไม้มวยไทยของชายน์ทั้งหมัด เท้า เข่า ศอกที่จัดชุดเล็กมาให้แบบเบาๆ แต่ความรุนแรงไม่เบาเอาซะเลย    จนตอนนี้ทหารกว่าสิบนายนั้นลงไปนอนกองกับพื้นหมดแล้ว
“พอไหวมั๊ยพี่ริว”   ชายน์หันมาถามทันทีที่เห็นว่าทหารทั้งหมดโดนตนเองเล่นงานจนครบทุกคนแล้วโดยที่ตัวเขาเองไม่มีร่องรอยว่าโดนโจมตีเลย
“เยี่ยมเลยแหละ   ว่าแต่นายไปเอาทักษะการต่อสู้แบบนี้มาจากไหน   พี่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”   ริวกล่าวอย่างทึ่งๆ ที่เห็นว่าทหารสิบกว่านายนั้นโดนจัดการจนหมดสภาพภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที
“อันนี้เรียกว่ามวยไทยหน่ะพี่   ผมเคยฝึกมานิดหน่อย”   ริวยังคงทำหน้าสงสัยจนคนเป็นน้องชายต้องเล่าต่อ
“เมื่อก่อนตอนเด็กๆ ผมโดนแกล้งบ่อยนะพี่    ร้องไห้มาฟ้องลุงชาร์ลประจำ    ลุงแกเลยส่งผมไปเรียนมวยไทยอ่ะ    แกบอกเอาไว้ป้องกันตัวและมันก็ได้ผลนะ    ผมสามารถจัดการเด็กเกเรพวกนั้นได้จนมันไม่กล้ามาแกล้งผมอีกเลย 555”
 “วันหลังสอนพี่บ้างสิ   พี่อยากฝึกแบบนี้บ้าง”   ริวกล่าวอย่างชื่นชมผู้เป็นน้องชาย
“จริงๆ ยังมีเทควันโด้อีกนะพี่   ถ้าสนใจจริงๆ  เดี๋ยวผมสอนให้นะ ”   ชายน์กล่าวอย่างภูมิใจ   อย่างน้อยการที่เขามาอยู่ที่นี่เขาเองก็ไม่ได้ด้อยค่าอ่อนหัดอย่างที่แอบกลัวไว้อย่างตอนแรกแล้ว
“เห็นทีพี่คงไม่ต้องฝึกการต่อสู้แบบประชิดตัวแล้วมั้ง ”  
“ผมว่าพี่สอนการใช้เวทย์ให้ผมดีกว่า   ผมอย่างรู้จะแย่แล้วว่าผมทำอะไรได้บ้าง”   คนพูดนั้นพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น   เพราะจริงๆ เขาก็พอจะรู้วิธีการใช้เวทย์จากชาร์ลมาบ้างแล้ว   และเขาก็พอจะใช้เวทย์ได้บ้างเช่นกัน
“ดูนะ”  ริวกล่าวจบก็หลับตาลง   ทันทีที่ลืมตาขึ้นก็บังเกิดเปลวไฟสีดำอันร้อนระอุลุกโชติอยู่รอบๆ กายของริว   จากนั้นฝนที่มีสีขาวใสราวกับมีแสงสว่างอยู่ในทุกหยดฝนก็ตกลงมาดับไฟเหล่านั้นจนหมดสิ้น   เมื่อไฟนั้นดับลงก็พบว่าบริเวณพื้นดินนั่นมีเถาวัลย์ขนาดใหญ่แทงทะลุดินขึ้นมาอีกมากมาย   ใบของมันแหลมคมดังมีดและสามารถเคลื่อนไหวได้ราวกับว่ามันมีชีวิต    แต่เพียงแค่ริวขยับมือเล็กน้อยทรายบริเวณนั้นก็ลอยขึ้นมาและบีบอัดตัวกันจนกลายเป็นมีดสั้นนับสิบเล่ม   ทันทีที่ริวสะบัดมือมันก็พุ่งเข้าไปตัดเถาวัลย์นั้นจะหมดสิ้น
‘นี่คนหรือเทพว่ะเนี่ย  สุดยอด!!’  ชายน์คิดพลางอดตื่นเต้นกับสิ่งที่เห็นไม่ได้
“แล้วนายทำอะไรได้บ้างล่ะ   พี่เคยเห็นนายเผาป่ามาแล้ว   พังข่ายมนตราของชาร์ลได้แล้ว   ยังมีอะไรอีกมั๊ยที่พี่ยังไม่ได้เห็น”  เมื่อจบการแสดงของตน ริวก็หันมาถามน้องชายทันที
 
“ผมไมรู้ว่านายน้อยมีธาตุอะไรเป็นธาตุประจำตัว   เพราะงั้นผมจะสอนวิธีง่ายๆ กับการเรียกใช้เวทย์แบบง่ายๆ นะครับ   ขั้นแรกนายน้อยต้องรวบรวมสมาธิให้มั่นโดยจะหลับหรือลืมตาก็ได้   จากนั้นกำหนดจิตให้นิ่งแล้วเพ่งจิตทั้งหมดไปยังฝ่ามือพร้อมกับนึกถึงสิ่งที่นายน้อยต้องการนะขอรับ เช่น น้ำ ไฟ ดินหรือลม   ซึ่งเหล่านี้จะมีอยู่ในตัวของเราทุกๆ คน แต่จะโดดเด่นแค่ด้านเดียวนะครับ”
 
เมื่อนึกถึงคำสอนของชาร์ลที่เคยสอนเขาเมื่อคราวที่มาถึงแกรนน่า   ชายน์ก็ตั้งสมาธิแล้วหลับตาลง   ตอนนี้เขาอยากจะลองเรียกอย่างอื่นดูบ้างที่ไม่ใช่ไฟ    และ ทันทีที่หงายฝ่ามือขึ้นลูกบอลน้ำขนาดย่อมก็ปรากฏขึ้นทันที   แต่มันไม่ใช่ลูกบอลน้ำธรรมดาเพราะมันมีควันสีดำๆ ลอยพวยพุ่งอยู่ด้วย!! 
‘ทำได้ขนาดนี้เลยเชียวหรือ’   อีกครั้งที่ริวต้องตกใจกับความสามารถของน้องชายตัวเองที่สามารถใช้เวทย์ได้โดยที่เจ้าตัวเองพึ่งจะเคยใช้มันไม่กี่ครั้ง   อย่างนี้แสดงว่าพลังเวทย์คงสูงมากที่เดียว   ว่าแต่ควันสีดำนั่นคืออะไร  เด็กคนนี้มันเป็นพวกเวทย์สายไหนกันนะ!!
                ทันทีที่สะบัดมือออกไปลูกบอลน้ำที่มีควันสีดำก็ลอยออกจากมือไปทันที   เมื่อมันกระทบกับต้นไม้ก็ระเบิดจนเสียงดังสนั่น   แต่ที่น่าตกใจคือกลุ่มควันสีดำนั่นกำลังกัดกินต้นไม้นั้นอย่างน่ากลัว    แต่ ริวกลับยิ้มอย่างพอใจที่เห็นฝีมือของคนตรงหน้าที่ต้องบอกว่า  ฝีมือแบบนี้เข้าเรียนที่โฮเนอร์ได้สบายๆ
“เอาล่ะ   พี่ว่าพี่คงต้องทดสอบเจ้าก่อนนะว่าเจ้าเป็นพวกผู้ใช้เวทย์สายไหน   จะได้สอนและเสริมกันได้อย่างตรงจุด”
“หมายถึงธาตุประจำตัวนะหรือ   ลุงชาร์ลบอกผมว่าธาตุประจำตัวแต่ละคนไม่เหมือนกัน   และการใช้เวทย์ก็จะขึ้นอยู่กับธาตุประจำตัวด้วย”   ชายน์กล่าวในสิ่งที่ตนพอจะรู้มาบ้าง
“อืม   ก็ประมาณนั้นแหละ   แต่รู้มั๊ย   นอกจากดิน น้ำ ลม ไฟที่เป็นธาตุทั้งสี่แล้วยังมีธาตุพิเศษอีกนะ   ก็แสงและความมืดไง    เราเรียกว่าเวทย์แห่งแสงและรัตติกาลเวทย์    โดยคนที่ใช้เวทย์แห่งแสงมักจะเป็นผู้มีเชื้อสายของเทพ   และคนที่ใช้รัตติกาลเวทย์ได้ดีมักมาจากเผ่าพันธุ์ปีศาจ   ในแกรนน่านี่หายากนะกับคนที่ใช้ได้ทุกเวทย์เนี่ย”    ริวกล่าว
“แล้วจะให้ผมทดสอบยังไงละพี่ริว”   ชายน์ถามอย่างจริงจัง
“เบื้องต้นก็ต้องดูว่านายใช้เวทย์สายไหนได้บ้างและสายไหนที่ใช้ได้ดีที่สุด   หากมากกว่านั้นก็ต้องให้ทางโฮเนอร์เป็นผู้ทดสอบ”
“โฮเนอร์คือใครหรอพี่ริว”
“เป็นชื่อโรงเรียนอันดับหนึ่งของที่นี่อ่ะ   จะรับเด็กที่อายุ 13 ปี เข้าเรียนในระดับชั้นปี1   พี่เองก็เรียนที่นั่นนะ   ตอนนี้อยู่ปี3 แล้วล่ะ”   ริวกล่าวอย่างภาคภูมิใจ   เพราะเป็นที่รู้กันทั่งแกรนน่าว่าใครที่ผ่านการทดสอบแล้วได้เรียนที่โรงเรียนแห่งนี้แสดงว่ามีความสามารถมาก    เพราะในแต่ละปีจะมีผู้เข้ารับการทดสอบหลายหมื่นคนเลยทีเดียวแต่จะผ่านเข้าเรียนเพียงปีละ 200 คนเท่านั้น
“แล้วผมเข้าเรียนด้วยได้ป่าวพี่ริว   ปีนี้ผมก็อายุครบ 13 ปีแล้วนะ”  ชายน์ถามอย่างกระตือรือร้นเพราะเขาเองก็อยากจะมีเพื่อนๆ ด้วยเช่นกัน
“เขาเปิดรับสมัครและปิดไปแล้ว    พึ่งจะรายงานตัวและเข้าหอเมื่อสองสามวันนี่เอง 555” กล่าวพร้อมกับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี   แต่ชายน์กลับหน้ามุ่ยลงทันที   เพราะเขาเองก็อยากเรียนหนังสือ  อยากมีเพื่อนๆ เหมือนคนอื่นๆ เขาเช่นกัน
“นายอยากเรียนจริงๆ ป่าวล่ะ”   คำถามที่ทำให้ความหวังของชายน์สว่างขึ้นมาอีกครั้ง  
“อยากสิพี่ริว   ผมยังมีโอกาสมั๊ยครับ”  ถามด้วยเสียงตื่นเต้นสุดๆ
“เรื่องแค่นี้ไม่เกินความสามารถของท่านแม่เราหรอก”   ริวกล่าวอย่างมั่นใจ
                                                   …………………………………………………………………………
 
 
“นะครับท่านแม่   ผมอยากเข้าเรียนจริงๆ นะ   ผมอยากมีเพื่อน   ผมอยากเก่งแบบพี่ริว   แม่ช่วยผมหน่อยนะ”   ชายน์อ้อนผู้เป็นแม่ด้วยน้ำเสียงที่เขาคิดว่าน่าเห็นใจที่สุดพร้อมกับกอดผู้เป็นแม่ไว้และแถมด้วยการหอมแก้มไปอีกสองฟอดใหญ่ๆ  
ตั้งแต่เขามาอยู่นี้ได้ไม่กี่วันเขาก็สนิทและเข้ากับทุกคนได้เป็นอย่างดีและยังกลับมาร่าเริงอย่างที่เคยเป็นอีกด้วย   ส่วนพี่ชายเขาก็เลิกกวนเลิกแกล้งเขาบ้างแล้ว   แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นแผนการของเจ้าพี่ชายตัวแสบนั่นหรือเปล่า
“ให้น้องเข้าเรียนเหอะนะท่านแม่   รับรองว่าผมจะดูแลไม่ให้คลาดสายตาเลยทีเดียว   อีกอย่าง   น้องก็ควรที่จะมีวิชาความรู้ไว้ใช้ในอนาคตนะ”   ริวช่วยอ้อนอีกคน
“เดี๋ยวๆๆ  เดี๋ยวนะ   แม่ไม่ได้มีอำนาจตัดสินว่าจะอนุญาตหรือไม่อนุญาตนะ     ยังไงแม่ก็สนับสนุนและตั้งใจจะพาชายน์ไปเรียนที่โฮเนอร์อยู่แล้ว   แต่เราก็ต้องทำตามกฎของโรงเรียนเขานะลูก   ปีนี้เขาก็รับเด็กเข้าเรียนเรียบร้อยหมดแล้ว”   มารีนกล่าว
“งั้นผมต้องรอปีหน้าหรอ   เป็นเด็กโข่งมันไม่สนุกนะท่านแม่   โดนเพื่อนล้อแย่เลย”   ชายน์กล่าวพลางทำหน้ามุ่ย
“แล้วใครว่าต้องรอล่ะ   ลูกตั้งใจฝึกฝนกับพี่ริวเขาไว้ให้พร้อมก็แล้วกัน    ส่วนเรื่องโรงเรียนเดี๋ยวแม่จะจัดการให้เอง”   มารีนกล่าวแต่ก็อดที่จะขำไม่ได้เมื่อเห็นอาการของลูกชายคนเล็ก
‘ยังไงแม่ก็ต้องหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกชายของแม่อยู่แล้ว’   มารีนเองก็คิดอยู่เช่นกันว่าเธอจะให้ชายน์เข้าเรียนที่โฮเนอร์ให้ได้    แม้ว่าบัดนี้โรงเรียนจะทำการทดสอบเสร็จสิ้นและเริ่มเปิดเรียนแล้วก็ตาม   แต่เรื่องแค่นี้มันไม่เกินความสามารถของมารีน่าไปได้หรอก  
“ถ้าลูกสาวของผู้อำนวยการโรงเรียนต้องการซะอย่าง   ยังไงก็ต้องได้”   มารีนกล่าวอย่างมั่นใจ
 
 
 
3 วันผ่านไปกับการฝึกฝนที่ริวจัดให้น้องชายอย่างเข้มข้น   เพราะกลางวันก็ฝึกการใช้เวทย์พื้นฐานที่ริวสรุปได้เองว่าชายน์นั้นมีพลังเวทย์แห่งแสงที่สูงและรัตติกาลเวทย์สูงมาก   ส่วนเวทย์ในสายพื้นฐานทั้งสี่เขาก็สามารถทำได้ดี    เพียงแต่ยังไม่สามารถควบคุมและใช้เวทย์ได้อย่างถูกวิธีเท่านั้นเอง    ส่วนกลางคืนก็ติวเข้มวิชาการปกครองและความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับประวัติของแกรนน่าที่ชายน์เองก็สรุปได้สั้นๆ ว่าแกรนน่าแบ่งการปกครองออกเป็น 3 ส่วน คือ   แกรนโซน กรีนโซนและเกรย์โซน   โดยแกรนโซนจะเป็นใจกลางของแผ่นดินแกรนน่าหรือเรียกว่าเมืองหลวงก็ว่าได้   เป็นส่วนการปกครองที่ยังไม่มีกษัตริย์ปกครองแต่อาศัยการบริหารงานโดยระบบรัฐสภา   ส่วนกรีนโซนจะเป็นส่วนของพื้นที่สำหรับให้ชาวบ้านได้ทำการเกษตรสำหรับหล่อเลี้ยงทุกคนในแกรนน่า   เป็นโซนของทรัพยาการป่าไม้    ป่าอาถรรพ์และที่อยู่อาศัยของบางเผ่าพันธุ์   เช่น  เทพ   เอลฟ์   ภูต   วูล์ฟเวอรรีนและสัตว์วิเศษต่างๆ   สุดท้ายคือเกรย์โซนที่เป็นดินแดนของพวกปีศาจ  ซาตาน  แวมไพร์และสัตว์วิเศษบางสายพันธุ์      และเมื่อตอนทานข้าวเย็นที่ผ่านมานั้นมารีนก็แจ้งข่าวดีกับชายน์ว่าพรุ่งนี้จะพาเขาไปโรงเรียน   ซึ่งนั่นทำให้ชายน์ตื่นเต้นไม่น้อยจนเอดิสันอดจะยิ้มไปกับอาการของลูกชายคนเล็กไม่ได้    แม้ว่าช่วงนี้เขาจะยุ่งๆ ไม่ค่อยได้กลับบ้านแต่เขาก็คอยถามข่าวของลูกชายคนเล็กอยู่ไม่เว้นวัน
 
“ช่วงนี้พ่องานยุ่งมาก   ไม่ค่อยได้อยู่กับลูกๆ เลย   ยังไงก็ตั้งใจฝึกซ้อมนะ   ถ้าทหารคนไหนไม่ยอมให้ลูกของพ่อจัดการก็มาบอกพ่อได้เลย   เดี๋ยวพ่อจะได้ส่งมันออกไปอยู่ชายแดน  ฮ่าๆๆๆ”  เอดิสันพูดเล่นติดตลกอย่างอารมณ์ดี
“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกท่านพ่อ   ส่งสารเขา”
“แล้วริวละลูก   ทางโฮเนอร์เขาให้ลูกกลับมาได้กี่วัน   นี่ก็อยู่บ้านมาสัปดาห์กว่าแล้วนะ”   ไม่ลืมที่จะหันไปถามลูกชายคนโต
“เรื่อยๆ หน่ะครับท่านพ่อ   ทางโรงเรียนแจ้งมาว่าถ้าเสร็จภารกิจพิเศษของท่านแม่เมื่อไหร่แล้วค่อยกลับ   แต่ให้ไม่เกิน 2 สัปดาห์ครับ”   ริวตอบ
.”งั้นพรุ่งนี้ก็เตรียมตัวกลับไปโฮเนอร์พร้อมกับแม่ได้เลย   เพราะแม่จะพาชายน์ไปสมัครเรียนแบบกรณีพิเศษ!!”   มารีนกล่าวออกมาบ้างและนั่นทำให้ชายน์ยิ้มจนหน้าบ้าน
                                                    …………………………………………………………………….
 
 
“พี่ริว   สรุปว่าแกรนโซนยังไม่มีกษัตริย์ขึ้นปกครองหรอ?   ทำไมล่ะครับ”   ชายน์ที่ยังไม่เข้าใจเอ่ยถามออกมาระหว่างที่ทั้งสองกำลังนั่งเล่นอยู่ในห้องของริว   …นี่เขาเข้านอกออกในกันได้แล้วหรอเนี่ยยยย ><
“ก็กษัตริย์และรัชทายาทโดนลอบทำร้ายและหายสาบสูญไปหลายปีแล้วหล่ะ   บ้างก็ว่าตายแล้ว   บ้างก็ว่ารัชทายาทยังคงมีชีวิตอยู่   เลยต้องมีการบริหารงานแบบรัฐสภาไง   เมื่อไรที่กษัตริย์หรือรัชทายาทกลับมาพวกตาแก่ในรัฐสภาก็ตกงาน  ฮ่าๆๆๆ”
“แล้วทำไมถึงโดนลอบทำร้ายล่ะ?   แล้วกรีนโซนกับเกรย์โซนไม่มีกษัตริย์ด้วยหรือเปล่า?”  ชายน์ยังคงถามต่อ
“เห็นว่าเป็นเรื่องของการแก่งแย่งอำนาจมั้ง   ส่วนกรีนโซนนั้นปกครองโดยกษัตริย์โลซีกัส   เป็นลูกครึ่งเทพกับเอลฟ์และเกรย์โซนมีกษัตริย์เอสเทอร์เป็นผู้ปกครองหน่ะ”
“ออ  ขอบคุณครับ”  ชายน์กล่าว   แล้วก็เป็นอีกวันที่เขารู้สึกว่าเขามาห้องนี้แล้วง่วงจนต้องนอนที่นี่เสียทุกครั้งไป   สุดท้ายก็….
“ผมง่วงแล้วอ่ะพี่ริว  ขอนอนนี่เลยละกันนะ   ราตรีสวัสดิ์ครับพี่ชาย”   ไม่ต้องรอคำอนุญาตเพราะคิดว่ายังไงเจ้าของห้องก็ต้องยินยอม   และเมื่อกล่าวจบชายน์ก็โดดขึ้นเตียงนอนพร้อมกับหลับไปทันที…
“หึหึ   เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว   พักให้เต็มที่นะน้องรักของพี่”   ริวกล่าวพลางล้มตัวลงนอนข้างๆ น้องชาย
‘ถ้าไม่ใช้เวทย์จัดการก็คงจะไม่นอนที่นี่สินะ’   ใช่แล้ว   เขาแอบใช้เวทย์กับชายน์ทุกครั้งที่ชายน์มาห้องเขา   เหตุผลก็คือเวทย์ที่เขาใช้กับชายน์มันจะทำให้เจ้าตัวหลับได้เต็มอิ่มที่สุด   และอีกเหตุผลที่สำคัญคือ   เขาต้องการนอนกอดน้องชายที่แสนจะน่ารักของเขานั่นเอง
“เวลานายหมดฤทธิ์นี่ก็ดีไปอย่างนะ   เพราะพี่จะได้กอดโดยไม่ต้องระวังหมัด”   กล่าวพร้อมกับยื่นหน้าไปบอกราตรีสวัสดิ์น้องชายตนเองอย่างแผ่วเบา
“ราตรีสวัสดิ์ไอ้น้องชายตัวแสบ”   จุ๊บ…..
มือของคนตัวใหญ่อ้อมไปโอบเอวคนตัวเล็กไว้อย่างแผ่วเบา   ก่อนที่เจ้าตัวจะหลับไปพร้อมกับรอยยิ้ม ^^
 
                             ………………………………………………………………………………………………………………………………………
 จบแล้วครับ   ตอนนี้มีแค่พี่น้องเขาเล่นกันนะ   แต่กำลังจะเข้าโรงเรียนแล้วหล่ะ    รอหน่อยนะ   ถ้ามีคนอ่านก็จะมาลงเรื่อยๆ  5555

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา