Twin แฝดเลือดผสม
8.0
เขียนโดย Shinman33
วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.05 น.
39 ตอน
3 วิจารณ์
31.68K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 16.21 น. โดย เจ้าของนิยาย
37) ภาค2 มังกรของเดวี่
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความมังกรของเดวี่
“ห๊ะ เป็นท่านเองหรอกหรือนี่”
“ใช่ ข้าเอง เจ้าแค่ทำตามที่ข้าบอกก็พอ”
“เรื่องนี้ บิดาท่านทราบหรือไม่ขอรับ?”
“เรื่องนั้น เดี๋ยวข้าจัดการเอง เจ้าจะไปทำอะไรก็ทำ” สิ้นเสียงออกคำสั่งนั้น ผู้ใต้บังคับบัญชาก็ก้มหัวคำนับอย่างนอบน้อมก่อนจะออกไป
ณ โรงแรมซอย 21..
“ได้ความอะไรบ้าง”
“เมืองนี้ปกครองโดยท่านไคล์ เทพแห่งท้องทะเล เมืองนี้เป็นเมืองเทพเมืองหนึ่งที่น้อยคนนักที่จะรู้จัก แม้ว่าในดินแดนกรีนโซนนั้นจะมีสายเลือดเทพอาศัยอยู่ แต่ทว่ากับสายเลือดเทพแห่งท้องทะเลนี้ว่ากันว่าเหมือนโดนต้องคำสาปหน่ะ” เชโด้เอ่ยหลัจากที่กลับมาจากการสืบเบาะแสงของเมืองนี้
“คำสาปหรอ? คำสาปของใครกัน?” ฮันนี่เอ่ยอย่างสงสัย
“ว่ากันว่าเมื่อ 10 กว่าปีก่อนเมืองนี้เป็นเกาะปกติทั่วไป แต่มีเหตุการณ์ประหลาดบางอย่างเกิดขึ้นทำให้เมืองนี้จมลงสู่ก้นทะเล ผู้คนส่วนมากในเมืองนี้ไม่สามารถออกไปจากเมืองได้ ทุกคนจมสู่ก้นบึ้งแห่งท้องทะเลพร้อมกับเมืองนี้ เจ้าเมืองจึงสร้างบาเรียคลอบเมืองนี้ไว้เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้ ”
“เรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับอัญมณีมั๊ย?” เบลวิเคราะห์สถานการณ์
“น่าจะเกี่ยวข้องกันนะ เพราะเวลามันประจวบเหมาะกันพอดี แต่ที่น่าสงสัยก็คือเจ้าเมืองต้องใช้เวทย์ขั้นไหนและวิธีการใดในการสร้างบาเรียมาคลอบเมืองไว้ อีกทั้งยังมีลูกแก้วสีขาวนั่นอีก มันคืออะไรกันแน่” ชายน์เอ่ยในสิ่งที่สงสัย
“แล้วเกี่ยวอะไรกับคำสาปหรอ?” ฮันนี่ที่ยังไม่ได้คำตอบในสิ่งที่ตนเองสงสัยก็ยังคงเอ่ยถามต่อไป
“คนที่นี่เชื่อกันว่าจะมีผู้พิทักษ์มายกเมืองขึ้นสู่ผิวทะเลอีกครั้ง” เชโด้เอ่ยพร้อมหันมามองหน้าเพื่อน
“นายรึป่าวชายน์ 555” เบลแซวเพื่อน
“ฉันจะทำได้ขนาดนั้นเลยหรอ?” ชายน์เอ่ยอย่างไม่มั่นใจนัก
เช้าวันรุ่งขึ้น……………
ทันทีที่เด็กๆ ตื่นนอนก็พบว่าบัดนี้หน้าโรงแรมเต็มไปด้วยกองทหารมากมายมาตั้งขบวนอยู่ด้านหน้า จากเมื่อวานที่จาร์น่านัดหมายว่าจะมารับพวกเขาเข้าพบเจ้าเมืองแต่ก็ไม่คิดว่าจะมารับกันมากมายขนาดนี้ ทุกคนจึงได้แต่เก็บข้าวของแล้วรีบออกมายังหน้าโรงแรม
“สวัสดีครับคุณจาร์น่า ไม่คิดว่าจะมารับเราด้วยขบวนทหารมากขนาดนี้” ชายน์เอ่ยทักทายแม่ทัพ
“จะเข้าพบท่านเจ้าเมือง แต่ไม่ผ่านข้าก่อน แบบนี้เรียกว่าเสียมารยาทนะ” เสียงหนึ่งดังออกมาจากรถม้าทำให้กลุ่มของเด็กๆ ชะงักไปโดยทันที
“ใครอีกละเนี่ย?” เซฟานี่เอ่ยกับเพื่อนๆ
“ต้องขออภัยที่ข้าพูดไม่ถูกต้องในเมื่อวานนี้ ท่านนี้คือท่านเนย์ยา หัวหน้าแม่ทัพแห่งเมืองสมุทร” จาร์น่าเอ่ยแนะนำผู้บังคับบัญชาของตน
“สวัสดีครับท่านหัวหน้าแม่ทัพ ต้องขออภัยด้วยที่การเข้าพบท่านเจ้าเมืองนั้นเราข้ามหน้าข้ามตาท่าน ”
“ข้าได้ข่าวว่าพวกเจ้าเป็นพวกสายเลือดปีศาจ แล้วทำไมถึงเข้าเมืองนี้ได้” เนย์ยาเอ่ย
“ปีศาจแล้วยังไง ก็เข้ามาแล้วนี่ไง” เบลเอ่ยกวนโมโหเพราะเขารู้สึกไม่ถูกชะตากับท่านหัวหน้าแม่ทัพคนนี้นั่นเอง
“เด็กไม่รู้จักมารยาท!! เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร” เนย์ยาชี้นิ้วเอ่ยอย่างโมโห
“ข้าจะพาเจ้าเข้าพบท่านเจ้าเมือง แต่ต้องหลังจากที่เจ้าเอาชนะข้าได้ซะก่อน” เนย์ยาเอ่ยซ้ำอีกครั้งจนชายน์อดจะหัวเราะไม่ได้
“เจ้าหัวเราะอะไร หรือเป็นเจ้าจะสู้กับข้า” เนย์ยาเอ่ย
“หึหึ หมอนี่วอนหาเรื่องซะแล้ว” เซฟานี่เอ่ยกับฮันนี่จนทั้งคู่หัวเราะชอบใจ
“ไม่ต้องถึงเขาหรอก สายเลือดปีศาจที่เจ้าว่านั่นคือข้า ข้าจะสู้เอง” เดวี่ที่ยืนเงียบอยู่นานเอ่ยออกมาอย่างเหลืออดจนเพื่อนๆ อดที่จะงุนงงไม่ได้
“เป็นเจ้านี่เอง ดี” ทันทีที่เนย์ยาเอ่ยจบเหล่าทหารก็ล้อมพื้นที่ลานหน้าโรงแรมพร้อมกันผู้ไม่เกี่ยวข้องออกจนตอนนี้หน้าโรงแรมกลายเป็นลานประลองไปแล้ว เนย์ยาเดินลงสนามพร้อมกองทัพเวทย์ที่ตีวงล้อมสนามไว้อีกชั้นส่วนทางด้านเดวี่ก็กำลังจะลงสนามเช่นกัน
“นายไหวนะ?” ชายน์อดเป็นห่วงไม่ได้
“ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าที่นี่จะจำกัดพลังปีศาจได้แค่ไหน นายอย่าพึ่งเปิดเผยตัวจนกว่าทุกอย่างจะชัดเจนนะ” เดวี่เอ่ยจริงจังแล้วเดินลงสู่สนามทันที
“แกไม่มีทางเก่งในที่ของฉันได้หรอก” เนย์ยาเอ่ยพร้อมกับปลดปล่อยพลังเวทย์ออกมา หอกน้ำแข็งปรากฏขึ้นพร้อมกับมวลน้ำหมุนวนเป็นเกลียวอยู่รอบกายของเนย์ยาก่อนจะสะบัดมันเข้าจู่โจมเดวี่
“ห้ะ!! ฮึบ!!” เดวี่เรียกดาบดำออกมาป้องกันการโจมตีนั้นแต่ทว่ากลับไม่เป็นผล เขาไม่สามารถเรียกดาบออกมาได้จึงต้องสร้างบาเรียขึ้นมาป้องกันการโจมตีแทน แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผลมากนัก
“เกิดอะไรขึ้นกับเดวี่อ่ะ” เซฟานี่เอ่ยอย่างเป็นห่วง
“เขาใช้พลังปีศาจไม่ได้ เพราะที่นี่เมืองนี้มีบางอย่างสะกดพลังนั้นไว้” เชโด้เอ่ยเสียงเครียด
“เขาต้องมีวิธีการรับมือสิ” ชายน์เอ่ยอย่างเชื่อมั่นในตัวของเดวี่ บัดนี้การต่อสู้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เดวี่ที่เป็นรองเพราะไม่สามารถใช้เวทย์สายหลักของตัวเองได้นั้นปรากฏบาดแผลให้เห็นบ้างแล้ว
“ผมว่าแม้พี่เดจะใช้เวทย์อื่นได้ดี แต่ก็ยังสู้หัวหน้าแม่ทัพไม่ได้อยู่ดี ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปพี่เดต้องแพ้แน่ๆ” คิมเอ่ยออกมาในขณะที่ดูการประลองนี้
“ใช้เวทย์หลักไม่ได้ ใช้อาวุธตัวเองไม่ได้ หึหึ ตลกสิ้นดี” เนย์ยาเอ่ยอย่างสมเพชเมื่อเห็นเด็กหนุ่มตรงหน้าที่บัดนี้ร่างกายเปื้อนเลือดไปทั้งตัวกำลังประคองร่างอย่างเหนื่อยหอบ
“หึหึ แต่ฉันมีบางอย่างที่ยังไม่เคยให้ใครเห็นมาก่อน” เดวี่หัวเราะในลำคอก่อนบางอย่างจะเปลี่ยนไป ทันทีที่สะบัดมือออกก็ปรากฏกลุ่มหมอกควันสีดำลอยกระจายออกมาปกคลุมรอบๆกาย ก่อนกลุ่มหมอกควันนั้นจะกลับมารวมตัวกันและมีขนาดใหญ่ขึ้นจนบางอย่างปราฏฏออกมา
“เห้ยยย มังกร!!” เซฟานี่เอ่ยอย่างตกใจเพราะเธอและหลายๆ คนไม่มีใครเคยเห็นมังกรของเดวี่มาก่อนแม้แต่ชายน์เองก็ยังตกใจเช่นกัน
“สัตว์เวทย์ของพี่เดวี่หรอครับ สุดยอด ว่าแต่ทำไมใช้เวทย์ใช้อาวุธไม่ได้แต่ใช้สัตว์เวทย์นี้ได้ละครับ” คิมเอ่ยอย่างตื่นเต้นเมื่อมังกรตัวสีดำบินออกมาจากกลุ่มควันนั่น ด้วยร่างกายที่ใหญ่มีเกล็ดสีดำปกคลุมไปทั้งร่าง ดวงตาสีแดงและปีกสีดำนั่นช่างน่าเกรงขามเหลือเกิน
“อาวุธและเวทย์หลักของเดวี่คือของปีศาจ แต่สัตว์เวทย์ของเขาไม่ใช้ เหตุนี้สัตว์เวทย์จึงเข้าข่ายข้องดเว้นของที่นี่ไง” เชโด้เอ่ย แม้ว่าที่ผ่านมาเขาจะไม่ค่อยลงกับเดวี่ แต่ทว่าทุกเรื่องของน้องชายเขารับรู้หมด
“เหมือนแดร์ดราก้อนมาก” ชายน์เอ่ยออกมาหลังจากที่พิจารณาสัตว์เวทย์ของเดวี่อย่างละเอียด
“จัดการเลย ดัสค์” เดวี่ออกคำสั่งกับมังกรของตนเอง บัดนี้เนย์ยาจึงหันไปรับมือกับการจู่โจมของมังกรแทน ทันทีที่เนย์ยาตวัดหอกน้ำแข็งก็ปรากฏหอกเวทย์นับสิบพุ่งจู่โจมดัสค์ แต่เมื่อมันปะทะกับเสียงคำรามของดัสค์หอกเวทย์นั่นก็สลายไป
“แม้ว่าดัสค์ของเดวี่จะยังอายุน้อย ไม่แกร่งกล้านักแต่ด้วยเป็นเผ่าพันธุ์ของมังกรดำยังไงก็น่าจะรับมือได้นะ” เบลเอ่ยขึ้น เพราะเรื่องมังกรเขาเองก็เป็นคนนึงที่รู้จักพวกมันดี!
“ไอ้บ้าเอ้ย จัดการ” เนย์ยาที่เห็นว่าเวทย์ของตนไม่สามรถทำอะไรสัตว์เวทย์ของเดวี่ได้ก็หันไปสั่งลูกน้องให้ฉวยจังหวะโจมตีเดวี่ ทันทีที่สิ้นเสียงคำสั่งทหราเวทย์ก็ปล่อยตาข่ายมนตรามาพันทนาการดัสค์ไว้ แม้ว่ามันจะไม่สามารถจับมังกรตัวนี้ได้จริงๆ แต่ทว่าเพียงชั่วครู่ที่จะทำให้มังกรตัวนี้ไม่สามารถช่วยเจ้านายของมันได้ก็เพียงพอแล้ว
“ฮ่าๆๆ แกเส็จฉันละ”
“อึก!!” สิ้นเสียงแทนทีเนย์ยาจะจัดการกับมังกร แต่เขากลับพุ่งหอกในมือนั้นมายังเดวี่ ด้วยความที่ไม่ทันได้ตั้งตัวกับความบาดเจ็บที่ได้รับ เดวี่ที่ไม่สามารถหลบได้ทันก็กลายเป็นเป้าให้หอกน้ำแข็งนั้นปักยังกลางอกพอดิบพอดี
“เดวี่!!” ทุกนต่างตะโกนออกมาพร้อมกันเพราะไม่คาดคิดว่าหัวหน้าแม่ทัพจะเล่นตุกติกให้คนช่วย ทันทีที่ร่างของเดวี่ล้มลง ดัสค์ มังกรดำก็หายวับไปกับตานั่นคือสัญญาณบ่งบอกว่าเดวี่หมดสติไปแล้ว
“นอกกติกาแบบนี้ไม่ดีนะครับ” ชายน์กระโดดเข้าไปยังกลางสนามพร้อมเดินมากันเพื่อนของตนที่นอนหมดสติอยู่ แม้ในใจจะร้อนรนกับการหมดสติของเดวี่ซึ่งตั้งแต่รู้จักกันมาเขาไม่เคยเห็นเดวี่ในสภาพนี้มาก่อน แต่ก็ยังพอมีสติบ้าง ชายน์ยกมือห้ามเพื่อนๆ ไม่ให้เข้ามายุ่ง ทุกคนจึงได้แต่ยืนมองอยู่นอกวงล้อม
“ผมก็ปีศาจนะ มังกรตัวนั้นหายไปแล้ว ผมมาแทนและผมอนุญาตให้คุณใช้ทหารเวทย์ทั้งกองทัพเลย”
“อวดดีอีกคนแล้วเจ้าหนู” เนย์ยาเอ่ยอย่างคนที่เป็นต่อเพราะเขาพึ่งจัดการเดวี่ได้นั่นเอง
“รักษาชีวิตของตัวเองไว้ให้ได้ก็แล้วกัน!!” สิ้นคำพูดของชายน์ปีกสีดำขนาดใหญ่ก็กางออกพร้อมกับร่างนั้นบินขึ้นกลางอากาศ บัดนี้ดวงตาสีแดงก่ำกับเขี้ยวสีขาวปรากฏขึ้นให้เห็นและนั่นสร้างความตกตะลึงให้กับเหล่าผู้ยืนอยู่เบื้องล่างเป็นอย่างมาก
“ทะ ทำไมเขาไม่โดนอำนาจของเมืองนี้ล่ะ” ทหารเวทย์ผู้หนึ่งเอ่ยออกมาอย่างหวาดกลัวเมื่อเห็นว่าอำนาจของชายน์อยู่เหนือการควบคุมของเมืองสมุทรแห่งนี้
“เรามีกันมากมาย แค่ปีศาจตนเดียวอย่าได้กลัวไป จัดการ!!” สิ้นเสียงของเนย์ยาเหล่าทหารเวทย์ก็ตั้งขบวนพร้อมเรียกธนูเวทย์ออกมาพร้อมปล่อยลูกศร แต่ทว่า....
“หยุดกันได้แล้ว!!” เสียงอันทรงอำนาจดังขึ้นขัดจังหวะจนทุกคนที่ได้ยินต่างตกใจและพร้อมกับคุกเข่าลงนั่งทันที
“ท่านเจ้าเมือง” จาร์น่าเอ่ยอย่างตกใจก่อนจะนั่งลง
………………………………………….
ก่อนหน้านี้....
“ทหาร!!” เสียงเรียกของบางคนดังขึ้น
“ครับคุณหนู” ทหารที่วิ่งมาขานรับพร้อมก้มหัวเคารพเจ้าของเสียง
“ส่งจดหมายนี้ให้ท่านพ่อ แต่ห้ามบอกว่าเราเป็นคนส่งให้นะ”
“ครับ” ทหารรับคำก่อนจะวิ่งออกไป
‘หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามนี้นะ’
กลับมาที่ชายน์....
“นี่คือวิธีต้อนรับแขกของเจ้ารึ ท่านหัวหน้าแม่ทัพ!!” เจ้าเมืองเอ่ยตำหนิเสียงดัง
“ข้าแค่ทดสอบพวกเขาเท่านั้น มิได้เป็นอื่นใดไปครับทานเจ้าเมือง” เนย์ยาเอ่ย
“ใครสั่งให้ทำล่ะ เรารึ?”
“เปล่าเลยครับ” เนย์ยาตอบ บัดนี้ทุกคนต่างก็คุกเข่านั่งลงไม่เว้นแม้แต่เด็กๆผู้มาเยือน จนเจ้าเมืองเองที่กวาดตามองไปรอบๆ ก็สังเกตุได้ถึงเด็กคนหนึ่งที่นอนหมดสติอยู่ในการประคองของเด็กอีกคนที่บัดนี้ยังไม่ได้เก็บปีกเก็บเขี้ยวแต่อย่างไร
“ไม่มีอะไรแล้วล่ะ พาเพื่อนเธอตามเราไปยังเรือนรับรองก่อน เถอะ” เจ้าเมืองเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ชายน์ก่อนจะหันหลังเดินกลับไป
“เชิญพวกคุณตามผมมาดีกว่า ส่วนคนเจ็บให้ทหารช่วยอุ้มเขาไปดีกว่านะ” จาร์น่าเอยก่อนจะเดินนำเด็กๆ ไปยังรถม้าที่รอรับก่อนจะพากันออกไปยังเรือนรับรองของเจ้าเมือง
ปราสาทสีน้ำเงินขาวพร้อมทหารรักษาความปลอดภัยมากมายเบื้องหน้าสร้างความตกตะลึงให้เด็กๆ ได้เป็นอย่างดี เหล่าทหารต่างทำความเคารพขบวนรถม้าอย่างนอบน้อม ทันทีที่รถจอดก็มีทหารวิ่งเข้ามารับทันที
“เชิญทางนี้ครับ” จาร์น่าเอ่ยพร้อมพาเด็กๆ เข้าเรือนรับรอง ติดกันกับตัวปราสาทใหญ่นั้นมีอาคารสีขาวหนังหนึ่งปรากฏอยู่ท่ามกลางหมู่มวลต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น
“เดี๋ยวหมอเวทย์กำลังจะมานะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมจัดการได้” คิมเอ่ยแทรกออกมาและเป็นอีกครั้งที่พี่ๆ ต้องทำหน้างุนงงกับรุ่นน้องคนนี้
“นายมั่นใจหรอคิม”
“ผมเป็นเอลฟ์เลือดภูติสายรักษาฟื้นฟูนะ เชื่อใจผม” คิมตอบคำถามของเซฟานี่ก่อนจะหันมาตรวจร่างกายของเดวี่อย่างละเอียดอีกครั้ง ตอนนี้ทุกคนจึงพากันลุกออกไปยังด้านนอกเพื่อให้คิมได้ทำหน้าที่อย่างเต็มกำลัง
“พี่ชายน์อยู่ช่วยผมได้ป่าวครับ?” คิมหันไปเอ่ยก่อนที่ชายน์จะเดินออกไปและทันทีที่คิมเอ่ยชายน์ก็หมุนตัวกลับมาโดยไม่ลังเล เพียงเสี้ยววินาทีแต่เพื่อนๆ ก็อดยิ้มไปกับพฤติกรรมนี้ไม่ได้ สำหรับสองคนนี้ไม่ว่าคนใดคนหนึ่งตกอยู่ในอันตราย อีกคนก็พร้อมที่จะปะทะได้ทุกอย่างจริงๆ
“บาดแผลที่อกพี่เดหนักเอาการอยู่นะครับ ผมใช้เวทย์รักษาห้ามเลือดแล้วแต่เราคงต้องทำแผลด้วย” คิมเอ่ยขณะที่ช่วยกันถอดเสื้อของเดวี่ออก
“นายมีความสามารถแบบนี้ด้วยหรอ?”
“แม่บอกว่าผมน่าจะเอาดีทางด้านการรักษา แต่พ่อก็มักจะให้ผมฝึกการต่อสู้จนมาวันนี้ผมเข้าใจทั้งพ่อและแม่แล้วครับ เขาคงอยากให้ผมใช้พรสวรรค์ที่มีในทางที่เป็นประโยชน์ที่สุดและให้ผมแข็งแกร่งพอที่จะปกป้องผู้อื่นได้” คิมเอ่ยพลางให้นึกถึงเมื่อคราวที่ตนบุกไปช่วยน้องสาว
“แล้ววิธีรักษาของนายแบบไหนกันอ่ะ?” ชายน์เปลี่ยนประเด็น
“เอลฟ์เราจะมีอัญมณีสีเขียวประจำตัว มันคืออัญมณีชีวิตใช้ในการรักษาฟื้นฟูได้ ผมเป็นครึ่งเอลฟ์มนุษ์ที่ดันมีสายเลือดภูติผสมด้วย แต่มันก็ตอบสนองผมดีนะ” คิมเอ่ยยาว
“แต่เดวี่เป็นสายเลือดปีศาจ?” ชายน์เอ่ยขัด
“ให้ผมลองก่อนเถอะครับพี่ โห่” คิมเอ่ยพร้อมปลดสร้อยคอที่มีจี้อัญมณีสีเขียวออกมาวางบนบาดแผลของเดวี่ จากนั้นก็หลับตาร่ายเวทย์จนแสงสีเขียวสว่างวาบออกมาจากสองฝ่ามือที่กุมอัญมณีไว้บนปากแผลของเดวี่ ชั่วอึดใจคิมก็ปล่อยมือออกแต่ปรากฏว่า...
“ไม่ได้ผลรึ” ชายน์คาดเดาคำตอบจากสีหน้าของคิม
“ขอผมลองใหม่อีกวิธีนะ” คิมเริ่มมีสีหน้าเครียดขึ้นเมื่อเห็นว่าวิธีแรกไม่ได้ผลดังที่ชายน์ทักแต่แรก มีดพกเล่มน้อยถูกดึงออกจากเอวแล้วกรีดลงบนปลายนิ้วของคิมจนเลือดสีแดงสดไหลลงท่วมอัญมณีที่วางอยู่บนบาดแผล ทันทีที่เลือดสัมผัสกับอัญมณีมันก็เปล่งแสงสีเขียวอีกครั้ง แต่ครั้งนี้บาดแผลของเดวี่มีการเปลี่ยนแปลงไป เลือดที่กำลังซึมก็หยุดไหลทันที บาดแผลค่อยๆ สมานกันจนสนิทในที่สุด
“แฮกๆๆ” เสียงหอบหายใจของคิมดังถี่ๆ นั้นบ่งบอกถึงการสูญเสียพลังไปมิใช่น้อย
“ได้ผลครับพี่ อัญมณีมีผลต่อสายเลือดเอลฟ์เท่านั้น แต่เมื่อผสมกับสายเลือดภูติแล้วการรักษานี้จะได้ผลกับทุกเผ่าพันธุ์ครับ” คิมเอ่ยจบก็ส่งยิ้มภูมิใจมาให้กับชายน์เช่นเดียวกันกับชายน์ที่เผยรอยยิ้มออกมาอย่างยินทีที่คิมทำสำเร็จ
“ไม่แปลกใจเลยว่าตอนนั้นทำไมนายฟื้นตัวเร็วมาก แบบนี้นี่เอง อ้ะ นายพักผ่อนก่อนเถอะ ที่เหลือฉันจัดการเอง” ชายน์เอ่ยพร้อมพยุงคิมมาพักยังอีกเตียงหนึ่งจากนั้นตนเองก็หันไปดูแลเดวี่ต่อ ตอนนี้ร่างที่นอนหลับตาอยู่นั้นกำลังได้รับการดูแลจากชายน์เป็นอย่างดี ทั้งทำความสะอาดร่างกายและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้จนคิมที่นอนมองอยู่นั้นเผลอยิ้มตามออกมาไม่ได้
‘พี่สองคนห่วงใยกันมากจริงๆ’
………………………………………………………………………………………………………………
“ห๊ะ เป็นท่านเองหรอกหรือนี่”
“ใช่ ข้าเอง เจ้าแค่ทำตามที่ข้าบอกก็พอ”
“เรื่องนี้ บิดาท่านทราบหรือไม่ขอรับ?”
“เรื่องนั้น เดี๋ยวข้าจัดการเอง เจ้าจะไปทำอะไรก็ทำ” สิ้นเสียงออกคำสั่งนั้น ผู้ใต้บังคับบัญชาก็ก้มหัวคำนับอย่างนอบน้อมก่อนจะออกไป
ณ โรงแรมซอย 21..
“ได้ความอะไรบ้าง”
“เมืองนี้ปกครองโดยท่านไคล์ เทพแห่งท้องทะเล เมืองนี้เป็นเมืองเทพเมืองหนึ่งที่น้อยคนนักที่จะรู้จัก แม้ว่าในดินแดนกรีนโซนนั้นจะมีสายเลือดเทพอาศัยอยู่ แต่ทว่ากับสายเลือดเทพแห่งท้องทะเลนี้ว่ากันว่าเหมือนโดนต้องคำสาปหน่ะ” เชโด้เอ่ยหลัจากที่กลับมาจากการสืบเบาะแสงของเมืองนี้
“คำสาปหรอ? คำสาปของใครกัน?” ฮันนี่เอ่ยอย่างสงสัย
“ว่ากันว่าเมื่อ 10 กว่าปีก่อนเมืองนี้เป็นเกาะปกติทั่วไป แต่มีเหตุการณ์ประหลาดบางอย่างเกิดขึ้นทำให้เมืองนี้จมลงสู่ก้นทะเล ผู้คนส่วนมากในเมืองนี้ไม่สามารถออกไปจากเมืองได้ ทุกคนจมสู่ก้นบึ้งแห่งท้องทะเลพร้อมกับเมืองนี้ เจ้าเมืองจึงสร้างบาเรียคลอบเมืองนี้ไว้เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้ ”
“เรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับอัญมณีมั๊ย?” เบลวิเคราะห์สถานการณ์
“น่าจะเกี่ยวข้องกันนะ เพราะเวลามันประจวบเหมาะกันพอดี แต่ที่น่าสงสัยก็คือเจ้าเมืองต้องใช้เวทย์ขั้นไหนและวิธีการใดในการสร้างบาเรียมาคลอบเมืองไว้ อีกทั้งยังมีลูกแก้วสีขาวนั่นอีก มันคืออะไรกันแน่” ชายน์เอ่ยในสิ่งที่สงสัย
“แล้วเกี่ยวอะไรกับคำสาปหรอ?” ฮันนี่ที่ยังไม่ได้คำตอบในสิ่งที่ตนเองสงสัยก็ยังคงเอ่ยถามต่อไป
“คนที่นี่เชื่อกันว่าจะมีผู้พิทักษ์มายกเมืองขึ้นสู่ผิวทะเลอีกครั้ง” เชโด้เอ่ยพร้อมหันมามองหน้าเพื่อน
“นายรึป่าวชายน์ 555” เบลแซวเพื่อน
“ฉันจะทำได้ขนาดนั้นเลยหรอ?” ชายน์เอ่ยอย่างไม่มั่นใจนัก
เช้าวันรุ่งขึ้น……………
ทันทีที่เด็กๆ ตื่นนอนก็พบว่าบัดนี้หน้าโรงแรมเต็มไปด้วยกองทหารมากมายมาตั้งขบวนอยู่ด้านหน้า จากเมื่อวานที่จาร์น่านัดหมายว่าจะมารับพวกเขาเข้าพบเจ้าเมืองแต่ก็ไม่คิดว่าจะมารับกันมากมายขนาดนี้ ทุกคนจึงได้แต่เก็บข้าวของแล้วรีบออกมายังหน้าโรงแรม
“สวัสดีครับคุณจาร์น่า ไม่คิดว่าจะมารับเราด้วยขบวนทหารมากขนาดนี้” ชายน์เอ่ยทักทายแม่ทัพ
“จะเข้าพบท่านเจ้าเมือง แต่ไม่ผ่านข้าก่อน แบบนี้เรียกว่าเสียมารยาทนะ” เสียงหนึ่งดังออกมาจากรถม้าทำให้กลุ่มของเด็กๆ ชะงักไปโดยทันที
“ใครอีกละเนี่ย?” เซฟานี่เอ่ยกับเพื่อนๆ
“ต้องขออภัยที่ข้าพูดไม่ถูกต้องในเมื่อวานนี้ ท่านนี้คือท่านเนย์ยา หัวหน้าแม่ทัพแห่งเมืองสมุทร” จาร์น่าเอ่ยแนะนำผู้บังคับบัญชาของตน
“สวัสดีครับท่านหัวหน้าแม่ทัพ ต้องขออภัยด้วยที่การเข้าพบท่านเจ้าเมืองนั้นเราข้ามหน้าข้ามตาท่าน ”
“ข้าได้ข่าวว่าพวกเจ้าเป็นพวกสายเลือดปีศาจ แล้วทำไมถึงเข้าเมืองนี้ได้” เนย์ยาเอ่ย
“ปีศาจแล้วยังไง ก็เข้ามาแล้วนี่ไง” เบลเอ่ยกวนโมโหเพราะเขารู้สึกไม่ถูกชะตากับท่านหัวหน้าแม่ทัพคนนี้นั่นเอง
“เด็กไม่รู้จักมารยาท!! เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร” เนย์ยาชี้นิ้วเอ่ยอย่างโมโห
“ข้าจะพาเจ้าเข้าพบท่านเจ้าเมือง แต่ต้องหลังจากที่เจ้าเอาชนะข้าได้ซะก่อน” เนย์ยาเอ่ยซ้ำอีกครั้งจนชายน์อดจะหัวเราะไม่ได้
“เจ้าหัวเราะอะไร หรือเป็นเจ้าจะสู้กับข้า” เนย์ยาเอ่ย
“หึหึ หมอนี่วอนหาเรื่องซะแล้ว” เซฟานี่เอ่ยกับฮันนี่จนทั้งคู่หัวเราะชอบใจ
“ไม่ต้องถึงเขาหรอก สายเลือดปีศาจที่เจ้าว่านั่นคือข้า ข้าจะสู้เอง” เดวี่ที่ยืนเงียบอยู่นานเอ่ยออกมาอย่างเหลืออดจนเพื่อนๆ อดที่จะงุนงงไม่ได้
“เป็นเจ้านี่เอง ดี” ทันทีที่เนย์ยาเอ่ยจบเหล่าทหารก็ล้อมพื้นที่ลานหน้าโรงแรมพร้อมกันผู้ไม่เกี่ยวข้องออกจนตอนนี้หน้าโรงแรมกลายเป็นลานประลองไปแล้ว เนย์ยาเดินลงสนามพร้อมกองทัพเวทย์ที่ตีวงล้อมสนามไว้อีกชั้นส่วนทางด้านเดวี่ก็กำลังจะลงสนามเช่นกัน
“นายไหวนะ?” ชายน์อดเป็นห่วงไม่ได้
“ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าที่นี่จะจำกัดพลังปีศาจได้แค่ไหน นายอย่าพึ่งเปิดเผยตัวจนกว่าทุกอย่างจะชัดเจนนะ” เดวี่เอ่ยจริงจังแล้วเดินลงสู่สนามทันที
“แกไม่มีทางเก่งในที่ของฉันได้หรอก” เนย์ยาเอ่ยพร้อมกับปลดปล่อยพลังเวทย์ออกมา หอกน้ำแข็งปรากฏขึ้นพร้อมกับมวลน้ำหมุนวนเป็นเกลียวอยู่รอบกายของเนย์ยาก่อนจะสะบัดมันเข้าจู่โจมเดวี่
“ห้ะ!! ฮึบ!!” เดวี่เรียกดาบดำออกมาป้องกันการโจมตีนั้นแต่ทว่ากลับไม่เป็นผล เขาไม่สามารถเรียกดาบออกมาได้จึงต้องสร้างบาเรียขึ้นมาป้องกันการโจมตีแทน แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผลมากนัก
“เกิดอะไรขึ้นกับเดวี่อ่ะ” เซฟานี่เอ่ยอย่างเป็นห่วง
“เขาใช้พลังปีศาจไม่ได้ เพราะที่นี่เมืองนี้มีบางอย่างสะกดพลังนั้นไว้” เชโด้เอ่ยเสียงเครียด
“เขาต้องมีวิธีการรับมือสิ” ชายน์เอ่ยอย่างเชื่อมั่นในตัวของเดวี่ บัดนี้การต่อสู้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เดวี่ที่เป็นรองเพราะไม่สามารถใช้เวทย์สายหลักของตัวเองได้นั้นปรากฏบาดแผลให้เห็นบ้างแล้ว
“ผมว่าแม้พี่เดจะใช้เวทย์อื่นได้ดี แต่ก็ยังสู้หัวหน้าแม่ทัพไม่ได้อยู่ดี ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปพี่เดต้องแพ้แน่ๆ” คิมเอ่ยออกมาในขณะที่ดูการประลองนี้
“ใช้เวทย์หลักไม่ได้ ใช้อาวุธตัวเองไม่ได้ หึหึ ตลกสิ้นดี” เนย์ยาเอ่ยอย่างสมเพชเมื่อเห็นเด็กหนุ่มตรงหน้าที่บัดนี้ร่างกายเปื้อนเลือดไปทั้งตัวกำลังประคองร่างอย่างเหนื่อยหอบ
“หึหึ แต่ฉันมีบางอย่างที่ยังไม่เคยให้ใครเห็นมาก่อน” เดวี่หัวเราะในลำคอก่อนบางอย่างจะเปลี่ยนไป ทันทีที่สะบัดมือออกก็ปรากฏกลุ่มหมอกควันสีดำลอยกระจายออกมาปกคลุมรอบๆกาย ก่อนกลุ่มหมอกควันนั้นจะกลับมารวมตัวกันและมีขนาดใหญ่ขึ้นจนบางอย่างปราฏฏออกมา
“เห้ยยย มังกร!!” เซฟานี่เอ่ยอย่างตกใจเพราะเธอและหลายๆ คนไม่มีใครเคยเห็นมังกรของเดวี่มาก่อนแม้แต่ชายน์เองก็ยังตกใจเช่นกัน
“สัตว์เวทย์ของพี่เดวี่หรอครับ สุดยอด ว่าแต่ทำไมใช้เวทย์ใช้อาวุธไม่ได้แต่ใช้สัตว์เวทย์นี้ได้ละครับ” คิมเอ่ยอย่างตื่นเต้นเมื่อมังกรตัวสีดำบินออกมาจากกลุ่มควันนั่น ด้วยร่างกายที่ใหญ่มีเกล็ดสีดำปกคลุมไปทั้งร่าง ดวงตาสีแดงและปีกสีดำนั่นช่างน่าเกรงขามเหลือเกิน
“อาวุธและเวทย์หลักของเดวี่คือของปีศาจ แต่สัตว์เวทย์ของเขาไม่ใช้ เหตุนี้สัตว์เวทย์จึงเข้าข่ายข้องดเว้นของที่นี่ไง” เชโด้เอ่ย แม้ว่าที่ผ่านมาเขาจะไม่ค่อยลงกับเดวี่ แต่ทว่าทุกเรื่องของน้องชายเขารับรู้หมด
“เหมือนแดร์ดราก้อนมาก” ชายน์เอ่ยออกมาหลังจากที่พิจารณาสัตว์เวทย์ของเดวี่อย่างละเอียด
“จัดการเลย ดัสค์” เดวี่ออกคำสั่งกับมังกรของตนเอง บัดนี้เนย์ยาจึงหันไปรับมือกับการจู่โจมของมังกรแทน ทันทีที่เนย์ยาตวัดหอกน้ำแข็งก็ปรากฏหอกเวทย์นับสิบพุ่งจู่โจมดัสค์ แต่เมื่อมันปะทะกับเสียงคำรามของดัสค์หอกเวทย์นั่นก็สลายไป
“แม้ว่าดัสค์ของเดวี่จะยังอายุน้อย ไม่แกร่งกล้านักแต่ด้วยเป็นเผ่าพันธุ์ของมังกรดำยังไงก็น่าจะรับมือได้นะ” เบลเอ่ยขึ้น เพราะเรื่องมังกรเขาเองก็เป็นคนนึงที่รู้จักพวกมันดี!
“ไอ้บ้าเอ้ย จัดการ” เนย์ยาที่เห็นว่าเวทย์ของตนไม่สามรถทำอะไรสัตว์เวทย์ของเดวี่ได้ก็หันไปสั่งลูกน้องให้ฉวยจังหวะโจมตีเดวี่ ทันทีที่สิ้นเสียงคำสั่งทหราเวทย์ก็ปล่อยตาข่ายมนตรามาพันทนาการดัสค์ไว้ แม้ว่ามันจะไม่สามารถจับมังกรตัวนี้ได้จริงๆ แต่ทว่าเพียงชั่วครู่ที่จะทำให้มังกรตัวนี้ไม่สามารถช่วยเจ้านายของมันได้ก็เพียงพอแล้ว
“ฮ่าๆๆ แกเส็จฉันละ”
“อึก!!” สิ้นเสียงแทนทีเนย์ยาจะจัดการกับมังกร แต่เขากลับพุ่งหอกในมือนั้นมายังเดวี่ ด้วยความที่ไม่ทันได้ตั้งตัวกับความบาดเจ็บที่ได้รับ เดวี่ที่ไม่สามารถหลบได้ทันก็กลายเป็นเป้าให้หอกน้ำแข็งนั้นปักยังกลางอกพอดิบพอดี
“เดวี่!!” ทุกนต่างตะโกนออกมาพร้อมกันเพราะไม่คาดคิดว่าหัวหน้าแม่ทัพจะเล่นตุกติกให้คนช่วย ทันทีที่ร่างของเดวี่ล้มลง ดัสค์ มังกรดำก็หายวับไปกับตานั่นคือสัญญาณบ่งบอกว่าเดวี่หมดสติไปแล้ว
“นอกกติกาแบบนี้ไม่ดีนะครับ” ชายน์กระโดดเข้าไปยังกลางสนามพร้อมเดินมากันเพื่อนของตนที่นอนหมดสติอยู่ แม้ในใจจะร้อนรนกับการหมดสติของเดวี่ซึ่งตั้งแต่รู้จักกันมาเขาไม่เคยเห็นเดวี่ในสภาพนี้มาก่อน แต่ก็ยังพอมีสติบ้าง ชายน์ยกมือห้ามเพื่อนๆ ไม่ให้เข้ามายุ่ง ทุกคนจึงได้แต่ยืนมองอยู่นอกวงล้อม
“ผมก็ปีศาจนะ มังกรตัวนั้นหายไปแล้ว ผมมาแทนและผมอนุญาตให้คุณใช้ทหารเวทย์ทั้งกองทัพเลย”
“อวดดีอีกคนแล้วเจ้าหนู” เนย์ยาเอ่ยอย่างคนที่เป็นต่อเพราะเขาพึ่งจัดการเดวี่ได้นั่นเอง
“รักษาชีวิตของตัวเองไว้ให้ได้ก็แล้วกัน!!” สิ้นคำพูดของชายน์ปีกสีดำขนาดใหญ่ก็กางออกพร้อมกับร่างนั้นบินขึ้นกลางอากาศ บัดนี้ดวงตาสีแดงก่ำกับเขี้ยวสีขาวปรากฏขึ้นให้เห็นและนั่นสร้างความตกตะลึงให้กับเหล่าผู้ยืนอยู่เบื้องล่างเป็นอย่างมาก
“ทะ ทำไมเขาไม่โดนอำนาจของเมืองนี้ล่ะ” ทหารเวทย์ผู้หนึ่งเอ่ยออกมาอย่างหวาดกลัวเมื่อเห็นว่าอำนาจของชายน์อยู่เหนือการควบคุมของเมืองสมุทรแห่งนี้
“เรามีกันมากมาย แค่ปีศาจตนเดียวอย่าได้กลัวไป จัดการ!!” สิ้นเสียงของเนย์ยาเหล่าทหารเวทย์ก็ตั้งขบวนพร้อมเรียกธนูเวทย์ออกมาพร้อมปล่อยลูกศร แต่ทว่า....
“หยุดกันได้แล้ว!!” เสียงอันทรงอำนาจดังขึ้นขัดจังหวะจนทุกคนที่ได้ยินต่างตกใจและพร้อมกับคุกเข่าลงนั่งทันที
“ท่านเจ้าเมือง” จาร์น่าเอ่ยอย่างตกใจก่อนจะนั่งลง
………………………………………….
ก่อนหน้านี้....
“ทหาร!!” เสียงเรียกของบางคนดังขึ้น
“ครับคุณหนู” ทหารที่วิ่งมาขานรับพร้อมก้มหัวเคารพเจ้าของเสียง
“ส่งจดหมายนี้ให้ท่านพ่อ แต่ห้ามบอกว่าเราเป็นคนส่งให้นะ”
“ครับ” ทหารรับคำก่อนจะวิ่งออกไป
‘หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามนี้นะ’
กลับมาที่ชายน์....
“นี่คือวิธีต้อนรับแขกของเจ้ารึ ท่านหัวหน้าแม่ทัพ!!” เจ้าเมืองเอ่ยตำหนิเสียงดัง
“ข้าแค่ทดสอบพวกเขาเท่านั้น มิได้เป็นอื่นใดไปครับทานเจ้าเมือง” เนย์ยาเอ่ย
“ใครสั่งให้ทำล่ะ เรารึ?”
“เปล่าเลยครับ” เนย์ยาตอบ บัดนี้ทุกคนต่างก็คุกเข่านั่งลงไม่เว้นแม้แต่เด็กๆผู้มาเยือน จนเจ้าเมืองเองที่กวาดตามองไปรอบๆ ก็สังเกตุได้ถึงเด็กคนหนึ่งที่นอนหมดสติอยู่ในการประคองของเด็กอีกคนที่บัดนี้ยังไม่ได้เก็บปีกเก็บเขี้ยวแต่อย่างไร
“ไม่มีอะไรแล้วล่ะ พาเพื่อนเธอตามเราไปยังเรือนรับรองก่อน เถอะ” เจ้าเมืองเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ชายน์ก่อนจะหันหลังเดินกลับไป
“เชิญพวกคุณตามผมมาดีกว่า ส่วนคนเจ็บให้ทหารช่วยอุ้มเขาไปดีกว่านะ” จาร์น่าเอยก่อนจะเดินนำเด็กๆ ไปยังรถม้าที่รอรับก่อนจะพากันออกไปยังเรือนรับรองของเจ้าเมือง
ปราสาทสีน้ำเงินขาวพร้อมทหารรักษาความปลอดภัยมากมายเบื้องหน้าสร้างความตกตะลึงให้เด็กๆ ได้เป็นอย่างดี เหล่าทหารต่างทำความเคารพขบวนรถม้าอย่างนอบน้อม ทันทีที่รถจอดก็มีทหารวิ่งเข้ามารับทันที
“เชิญทางนี้ครับ” จาร์น่าเอ่ยพร้อมพาเด็กๆ เข้าเรือนรับรอง ติดกันกับตัวปราสาทใหญ่นั้นมีอาคารสีขาวหนังหนึ่งปรากฏอยู่ท่ามกลางหมู่มวลต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น
“เดี๋ยวหมอเวทย์กำลังจะมานะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมจัดการได้” คิมเอ่ยแทรกออกมาและเป็นอีกครั้งที่พี่ๆ ต้องทำหน้างุนงงกับรุ่นน้องคนนี้
“นายมั่นใจหรอคิม”
“ผมเป็นเอลฟ์เลือดภูติสายรักษาฟื้นฟูนะ เชื่อใจผม” คิมตอบคำถามของเซฟานี่ก่อนจะหันมาตรวจร่างกายของเดวี่อย่างละเอียดอีกครั้ง ตอนนี้ทุกคนจึงพากันลุกออกไปยังด้านนอกเพื่อให้คิมได้ทำหน้าที่อย่างเต็มกำลัง
“พี่ชายน์อยู่ช่วยผมได้ป่าวครับ?” คิมหันไปเอ่ยก่อนที่ชายน์จะเดินออกไปและทันทีที่คิมเอ่ยชายน์ก็หมุนตัวกลับมาโดยไม่ลังเล เพียงเสี้ยววินาทีแต่เพื่อนๆ ก็อดยิ้มไปกับพฤติกรรมนี้ไม่ได้ สำหรับสองคนนี้ไม่ว่าคนใดคนหนึ่งตกอยู่ในอันตราย อีกคนก็พร้อมที่จะปะทะได้ทุกอย่างจริงๆ
“บาดแผลที่อกพี่เดหนักเอาการอยู่นะครับ ผมใช้เวทย์รักษาห้ามเลือดแล้วแต่เราคงต้องทำแผลด้วย” คิมเอ่ยขณะที่ช่วยกันถอดเสื้อของเดวี่ออก
“นายมีความสามารถแบบนี้ด้วยหรอ?”
“แม่บอกว่าผมน่าจะเอาดีทางด้านการรักษา แต่พ่อก็มักจะให้ผมฝึกการต่อสู้จนมาวันนี้ผมเข้าใจทั้งพ่อและแม่แล้วครับ เขาคงอยากให้ผมใช้พรสวรรค์ที่มีในทางที่เป็นประโยชน์ที่สุดและให้ผมแข็งแกร่งพอที่จะปกป้องผู้อื่นได้” คิมเอ่ยพลางให้นึกถึงเมื่อคราวที่ตนบุกไปช่วยน้องสาว
“แล้ววิธีรักษาของนายแบบไหนกันอ่ะ?” ชายน์เปลี่ยนประเด็น
“เอลฟ์เราจะมีอัญมณีสีเขียวประจำตัว มันคืออัญมณีชีวิตใช้ในการรักษาฟื้นฟูได้ ผมเป็นครึ่งเอลฟ์มนุษ์ที่ดันมีสายเลือดภูติผสมด้วย แต่มันก็ตอบสนองผมดีนะ” คิมเอ่ยยาว
“แต่เดวี่เป็นสายเลือดปีศาจ?” ชายน์เอ่ยขัด
“ให้ผมลองก่อนเถอะครับพี่ โห่” คิมเอ่ยพร้อมปลดสร้อยคอที่มีจี้อัญมณีสีเขียวออกมาวางบนบาดแผลของเดวี่ จากนั้นก็หลับตาร่ายเวทย์จนแสงสีเขียวสว่างวาบออกมาจากสองฝ่ามือที่กุมอัญมณีไว้บนปากแผลของเดวี่ ชั่วอึดใจคิมก็ปล่อยมือออกแต่ปรากฏว่า...
“ไม่ได้ผลรึ” ชายน์คาดเดาคำตอบจากสีหน้าของคิม
“ขอผมลองใหม่อีกวิธีนะ” คิมเริ่มมีสีหน้าเครียดขึ้นเมื่อเห็นว่าวิธีแรกไม่ได้ผลดังที่ชายน์ทักแต่แรก มีดพกเล่มน้อยถูกดึงออกจากเอวแล้วกรีดลงบนปลายนิ้วของคิมจนเลือดสีแดงสดไหลลงท่วมอัญมณีที่วางอยู่บนบาดแผล ทันทีที่เลือดสัมผัสกับอัญมณีมันก็เปล่งแสงสีเขียวอีกครั้ง แต่ครั้งนี้บาดแผลของเดวี่มีการเปลี่ยนแปลงไป เลือดที่กำลังซึมก็หยุดไหลทันที บาดแผลค่อยๆ สมานกันจนสนิทในที่สุด
“แฮกๆๆ” เสียงหอบหายใจของคิมดังถี่ๆ นั้นบ่งบอกถึงการสูญเสียพลังไปมิใช่น้อย
“ได้ผลครับพี่ อัญมณีมีผลต่อสายเลือดเอลฟ์เท่านั้น แต่เมื่อผสมกับสายเลือดภูติแล้วการรักษานี้จะได้ผลกับทุกเผ่าพันธุ์ครับ” คิมเอ่ยจบก็ส่งยิ้มภูมิใจมาให้กับชายน์เช่นเดียวกันกับชายน์ที่เผยรอยยิ้มออกมาอย่างยินทีที่คิมทำสำเร็จ
“ไม่แปลกใจเลยว่าตอนนั้นทำไมนายฟื้นตัวเร็วมาก แบบนี้นี่เอง อ้ะ นายพักผ่อนก่อนเถอะ ที่เหลือฉันจัดการเอง” ชายน์เอ่ยพร้อมพยุงคิมมาพักยังอีกเตียงหนึ่งจากนั้นตนเองก็หันไปดูแลเดวี่ต่อ ตอนนี้ร่างที่นอนหลับตาอยู่นั้นกำลังได้รับการดูแลจากชายน์เป็นอย่างดี ทั้งทำความสะอาดร่างกายและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้จนคิมที่นอนมองอยู่นั้นเผลอยิ้มตามออกมาไม่ได้
‘พี่สองคนห่วงใยกันมากจริงๆ’
………………………………………………………………………………………………………………
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ