Twin แฝดเลือดผสม
8.0
เขียนโดย Shinman33
วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.05 น.
39 ตอน
3 วิจารณ์
31.78K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 16.21 น. โดย เจ้าของนิยาย
28) กองทัพอสูร
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความกองทัพอสูร
หลังจากที่กลุ่มของนีโอ มาร์ติน เบลและดัชแยกออกไปตามเบาะแสที่ได้จากผู้บาดเจ็บในหมู่บ้านที่ผ่านมานั้น บัดนี้ทั้งสี่คนมาถึงหมู่บ้านเป้าหมายแล้วแต่ทว่าเหตุการณ์ก็ยังคงปกติดีจนอดที่จะแปลกใจไม่ได้
“ข้อมูลของเราผิดหรือเปล่าเนี่ย ทำไมทุกอย่างมันดูปกติไร้วี่แววของพวกอสูรเลยหล่ะ?” มาร์ตินสงสัย
“นั่นสิ ผิดหมู่บ้านหรือเปล่า หรือนี่อาจเป็นแผนการของพวกมันที่จะหลอกเราให้ออกจากเส้นทางของมันก็เป็นได้นะ” นีโอเอ่ยในสิ่งที่ตนเองคิด
“แต่ฉันว่าอาจไม่ผิดก็ได้นะ บางทีวาโยเวทย์ของมาร์ตินอาจพาเรามาถึงก่อนพวกมันก็ได้ ยังไงก็รอๆ ดูไปก่อน” เบลเอ่ย
“ฉันเห็นด้วยนะเพราะอย่างน้อยการที่หน่วยอื่นๆ ของทางโฮเนอร์ยังนิ่งเงียบอยู่ก็แสดงว่าทางอื่นนั้นปกติเช่นกัน ดังนั้นในฐานะที่เราอยู่ในจุดเป้าหมายของพวกมันเราต้องตั้งรับให้ดี” ดัชเอ่ยเสริม
“ไม่น่าเชื่อนะว่าพวกเราเด็กปี1 แต่ดันได้รับมอบหมาหน้าที่นี้อ่ะ ปกติงานเหล่านี้จะเป็นของเด็กปี3 นะ”
“เด็กนักเรียนโฮเนอร์เมื่อเข้าสู่รั้วโรงเรียนแล้วก็เหมือนทหารนายหนึ่งนั่นแหละ เราอาจโดนสภาแกรนน่าเรียกตัวไปปฏิบัติหน้าที่หรือโดนรับมอบหมายงานต่างๆ จากหน่วยงานต่างๆ ก็เป็นได้ ส่วนการที่เด็กปี1 อย่างเราได้รับมอบหมายหน้าที่ก็ไม่แปลกหรอกเพราะงานนี้เรามีตำแหน่งและผลงานเข้าตาจนได้รับภารกิจนี้ไง พวกรุ่นพี่ปี2 ปี3 เขาก็รับภารกิจกันหมดแล้วนี่” นีโออธิบาย
“แต่เพื่อนเราบางส่วนก็ไม่ได้ทำอะไรนะ” มาร์ตินแย้ง
“ได้ทำภารกิจตั้งแต่ปี1 น่าภูมิใจจะตาย ฮ่าๆๆ” เบลตอบอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเอ่ยเปลี่ยนเรื่องเอาเสียดื้อๆ
“เห็นร้านกาแฟนั่นมั๊ย ฉันว่าเราไปนั่งเล่นที่นั่นกันก่อนดีกว่า” มาร์ตินเอ่ยชวนเพื่อๆ และก็ได้ผลเมื่อนีโอและดัชแสดงอาการสนใจเต็มที่แต่จู่ๆ เบลก็รั้งแขนเพื่อนไว้พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เดี๋ยวก่อน ฉันว่าพวกมันมาแล้วล่ะ”
“นายรู้ได้ไง?”
“ดูข้างบนสิ” เบลเอ่ยพลางแหงนหน้าขึ้นมองบนฟ้า
‘กรี๊ดดดดดด’
บึ้มมม!! เสียงหวีดร้องของชาวบ้านดังขึ้นเมื่อมีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ด้านบนจนเกิดเป็นเงาขนาดใหญ่พาดทับผ่านยังพื้นล่าง และเมื่อเธอผู้นั้นเงยหน้าขึ้นไปก็ต้องเปล่งเสียงร้องลั่นด้วยความตกใจพร้อมกับที่เจ้าสิ่งนั้นเริ่มจู่โจมลงมาทันที
“จัดการมันอย่าให้เหลือ” เสียงของแม่ทัพอสูรที่อยู่บนหลังมังกรดำออกคำสั่งบรรดากองทัพอสูรที่ติดปีกบินอยู่มากมาย และเมื่อได้รับคำสั่งเหล่าอสูรร้ายก็บินร่อนลงสู่เบื้องล่างทันที
“นี่หรออสูร น่ากลัวกว่าที่ฉันคิดไว้อีก” มาร์ตินกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเมื่อเห็นบรรดาอสูรรูปร่างคล้ายกับคนแต่มีหน้าตาที่น่าเกลียดกำลังแสยะยิ้มโชว์เขี้ยวและฟันอันแหลมคมกับผิวหนังที่เป็นเกล็ดทั้งตัว สองมือของพวกมันมีเล็บยาวดำคล้ายกับกรงเล็บเหยี่ยวที่กำลังถืออาวุธต่างกันออกไปทั้งดาบ ขวาน ค้อนและกระบอง และที่สำคัญพวกมันทุกตัวมีปีกสีดำดังปีกค้างคาวขนาดใหญ่ที่พามันบินได้อย่างคล่องแคล่ว
“เฮ้ย!!” ท่ามกลางความตกตะลึงของเด็กๆ เหล่าอสูรก็เริ่มจู่โจมทันทีโดยการบินโฉบลงมายังตำแหน่งที่มาร์ตินยืนอยู่จนเจ้าตัวร้องลั่นด้วยความตกใจพร้อมกับกระโดดหลบอย่างไม่เป็นท่า
“อย่าใจลอยสิพวก นายสู้มันได้อยู่แล้ว” เบลเอ่ยพร้อมกับเรียกดาบสีส้มแดงออกมาไว้ในมือแล้วไล่ฟาดฟันใส่เหล่าอสูรไม่ยั้ง ทันทีที่คมดาบฟาดลงยังร่างของอสูรก็เกิดเปลวเพลิงลุกท่วมร่างของพวกมันจนมอดไหม้เป็นจุล
“สุดยอดเลยเบล ดาบของนายจัดการพวกมันได้ผล” ดัชเอ่ยอย่างทึ่งๆ เพราะดาบของเขาเองนั้นไม่สามรถจัดการพวกอสูรได้อย่างเด็ดขาดนั้นเอง
“นายระวังให้เราดีกว่า ฉันกับเบลจะจัดการเอง” นีโอเอ่ยพลางหยิบลูกดอกออกมาแล้วยิ่งออกไปไม่ยั้งเพราะธนูของเขาก็สามารถจัดการกับอสูรได้เป็นอย่างดีแต่ทว่า….
“อ๊าคคคค ช่วยฉันหน่อยเบลลลลล” เสียงของมาร์ตินร้องลั่นเมื่ออสูรบินลงมาหิ้วร่างของเขาแล้วพาบินขึ้นไปยังด้านบน ด้วยกรงเล็บที่ใหญ่และแข็งแรงนั้นกำลังขยำอยู่ที่บ่าทั้งสองของมาร์ตินจนเลือดสีแดงกำลังซึมไหลออกมาเป็นทาง และแม้ว่ามาร์ตินจะพยายามยกดาบต่อสู้แล้วแต่ด้วยความแข็งแรงของกรงเล็บนั่นกลับตรึงให้ร่างของมาร์ตินแทบไม่สามารถจะขยับช่วงแขนได้เลย
“เดี๋ยวฉันจัดการเอง อยู่นิ่งๆ นะอย่าดิ้น” นีโอตะโกนสั่งออกไปพร้อมยกคันธนูขึ้นเล็งเป้าหมายทันที
“ระวังโดนฉันนะนีโอ”
“อย่าดิ้นสิมาร์ติน ฉันจับเป้าหมายไม่ได้” นีโอเอ่ยพลางขมวดคิ้วยุ่งเมื่อเป้าหมายของเขามีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาและเขาก็ยังไม่กล้ายิงออกไปเพราะเกรงว่าจะพลาดไปโดนมาร์ตินนั่นเอง
“ใช้วาโยเวทย์ของนายให้เกิดประโยชน์สิมาร์ติน” เบลเอ่ยตะโกนแนะนำพร้อมกับปะทะดาบกับอสูรอีกนับสิบที่กำลังเข้ารุมเขา สถานการณ์ในตอนนี้ชุลมุนมากเพราะอสูรที่มานั้นมีจำนวนมากและยังไม่มีทีท่าว่าจะหมดลงทั้งๆ ที่โดนกำจัดไปไม่น้อย ซึ่งในส่วนของชาวเมืองนั้นก็ไม่มีผู้ใดที่จะสามารถช่วยกำจัดอสูรได้เลยแม้ว่าจะมีกลุ่มชาวบ้านผู้ชายออกมาช่วยสกัดทัพอสูรแต่ด้วยอาวุธธรรมดานั้นก็ไม่สามารถจะกำจัดเหล่าอสูรได้
“ใช่ๆๆ นายใช้วาโยเวทย์ของนายสิมาร์ติน” นีโอเอ่ยเสริมความคิดของเบลซึ่งมาร์ตินเองก็ปฏิบัติตามทันที กระแสลมพัดวนรอบๆ ร่างของมาร์ตินและอสูรนั่นจนมันบินถลาไม่เป็นท่าพร้อมกับที่กระแสลมอีกทิศทางหนึ่งบีบอัดตัวเป็นเส้นและพุ่งเข้าจู่โจมร่างของอสูรทันที
“อ๊าคคคค” เสียงร้องของมาร์ตินดังขึ้นอีกครั้งเมื่อเจ้าอสูรนั่นโดนวาโยเวทย์ของมาร์ตินจู่โจมจนมันเผลอปล่อยร่างของมาร์ตินออกจากกรงเล็บของมันซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ลูกธนูของนีโอพุ่งเข้าจัดการมันเช่นกัน
ตุบ!! ตุบ!! เสียงของหนักหล่นกระแทกพื้นสองครั้งในตำแหน่งเดียวกันโดยครั้งแรกเป็นร่างของมาร์ตินที่หล่นลงมาไม่เป็นท่าทั้งๆ ที่เจ้าตัวเป็นพวกใช้ลมแท้ๆ ส่วนอีกเสียงนั้นเกิดจากร่างของอสูรที่โดนลูกธนูของนีโอจัดการจนร่วงลงมาทับร่างของมาร์ตินก่อนร่างนั้นจะสลายไปด้วยเวทย์แห่งแสงที่มาพร้อมกับลูกธนูนั่น
“ทำไมมันไม่สลายไปก่อนจะตกลงมาล่ะ โอยย” เสียงโอดครวญของมาร์ตินดังขึ้นหลังจากที่เจ้าตัวลุกขึ้นนั่งได้แล้ว
“จริงๆ นายไม่ควรจะลงมาด้วยสภาพนี้เลยด้วยซ้ำนะมาร์ติน เสียชื่อพวกธาตุลมหมด ฮ่าๆๆ” เบลหันมากล่าวอย่างอารมณ์ดีแม้ว่าสถานการณ์จะเป็นรองก็ตามที
“นี่ๆๆ พวกเธอเป็นใครกัน นักเรียนจากโฮเนอร์หรอ?” ชายชาวบ้านคนนึงที่กำลังรับมือกับกองทัพอสูรในบริเวณใกล้เคียงตะโกนถามกลุ่มเด็กๆอย่างมีความหวังเมื่อเห็นว่าเด็กทั้งสี่สามารถจัดการกับอสูรได้
“ใช่ครับ พวกเราเป็นนักเรียนจากโฮเนอร์ซึ่งได้รับมอบหมายให้มาทำภารกิจนี้ครับ” นีโอเอ่ยตอบพลางง้างธนูยิงใส่อสูรไม่ยั้ง
“แต่สถานการณ์แบบนี้พวกเราคิดว่าเราเองก็คงจัดการได้ไม่หมดแน่ครับ ไม่ทราบว่าที่หมู่บ้านนี้มีจุดหลบภัยมั๊ยครับ? ผมคิดว่าเราควรอพยพชาวบ้านโดยเฉพาะเด็ก คนชราและผู้หญิงไปยังจุดที่ปลอดภัยก่อนนะครับ” ดัชหันมาถามชายผู้นั้นและเอ่ยเสนอความคิดออกมาบ้าง
“ผมชื่อ บ๊อบ เป็ผู้ดูแลหมู่บ้านนี้ ตามที่คุณถามผมจะตอบว่ามีครับและเรากำลังจะอพยพคนของเราไปยังจุดปลอดภัยแต่เราไม่มีคนคุ้มกัน” ชายผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยพร้อมกับแนะนำตัวเองและแจงความต้องการของเขา
“คุณจะบอกว่าต้องการให้เราคุ้มกันให้ใช่มั๊ย?” เบลเอ่ยถามบ้าง
“ครับ ผมคิดว่าพวกคุณสามารถช่วยเหลือพวกเราได้ ได้โปรดช่วยคนของผมด้วยนะ” บ๊อบเอ่ยขอร้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เรายินดีช่วยเต็มที่แต่ก็ไม่รับปากนะครับ เพราะถ้าเพื่อนของเราอยู่กันครบผมคงมั่นใจกว่านี้” นีโอเอ่ยตามความรู้สึกของเขาที่อดคิดไม่ได้ว่าถ้าชายน์อยู่ด้วยทุกอย่างคงง่ายกว่านี้
“แค่พวกคุณรับปากเราก็ดีใจแล้ว ที่เหลือจะเป็นอย่างไรผมและชาวบ้านพร้อมจะเผชิญ” บ๊อบเอ่ยพลางส่งยิ้มมาให้
บึ้ม!! กรี๊ดดดดด เสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมกับเสียงหวีดร้องของชาวบ้านที่ดังขึ้นช่วยเรียกสติของบุรุษทั้งกลุ่มที่กำลังคุยกันให้หันไปมองยังต้นเสียงนั้น
“ร่ำลากันเรียบร้อยยัง ฉันจะได้จัดการซะทีเดียวเลย เหอะๆๆ” แม่ทัพอสูรที่นั่งบัญชาการอยู่บนหลังมังกรสีดำเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่าแต่ทว่ากลับมีอำนาจยิ่งนัก
“งั้นก็เชิญได้เลย!!” เบลว่าพลางเรียกอัคคีเวทย์ออกมาแล้วสาดไปยังเป้าหมายทันที
บึ้ม!! เปลวเพลิงของเบลเข้าปะทะกับสายพลังเวทย์สีดำจนเกิดการระเบิดดังขึ้นกึกก้องแต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด
“ไม่ได้ผลหรอก ต้องฉันเอง” นีโอเอ่ยพลางรวบรวมสมาธิเพื่อกระทำบางสิ่งที่เขาคิดว่าน่าจะได้ผลที่สุด สองแขนกางออกพร้อมกับแสงสว่างสีขาวจ้ากำลังแผ่ขยายออกมาจากร่างของนีโออย่างมากมายไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
“อ๊าคคคค” เสียงร้องของอสูรที่อยู่ในรัศมีของแสงนั่นดังขึ้นพร้อมกับร่างของมันที่สลายหายไปในพริบตาไม่เว้นแม้แต่แม่ทับอสูรที่ต้องกางบาเรียสีดำกั้นแสงสว่างสีขาวจ้าของนีโอไว้เช่นกัน
“พวกเจ้าทำตามข้าเร็ว” แม่ทัพอสูรเอ่ยบัญชาการลูกน้องจนเหล่าอสูรหันมาเป็นฝ่ายตั้งรับเกือบจะทั้งหมดแล้ว
“นี่เขาทำอะไรเนี่ย?” บ๊อบเอ่ยอย่างตะลึงเมื่อเห็นร่างของนีโอสว่างจ้าราวกับเป็นแหล่งกำเนิดแสงแล้วเปล่งแสงขาวสว่างออกมาไปทั่วทั้งสมรภูมิรบ
“หมอนี่เป็นพวกธาตุแสงน่ะ นี่ก็คงเป็นเวทย์แสงขั้นสูงที่น้อยคนนักจะสามารถใช้ได้ ฉันว่ารีบชิงลงมือเหอะก่อนที่นีโอจะไม่ไหวนะ” ดัชเอ่ยดึงสติเพื่อนเมื่อสังเกตเห็นอาการของนีโอว่าสีหน้าของนีโอนั้นกำลังซีดเพราะใช้พลังเวทย์เกินกำลังพร้อมกับที่ตนเองหันมาใช้เวทย์แสงบ้างแม้ว่าจะไม่ใช้ทางของตนก็ตามที ก้อนพลังสีขาวสว่างขนาดย่อมถูกเรียกออกมาไว้ในสองฝ่ามือก่อนที่ดัชจะจัดการส่งมันไปยังอสูรที่อยู่ในตำแหน่งที่ใกล้ที่สุด ทันทีที่มันเข้าปะทะกับอสูรที่กำลังซ่อนตัวอยู่ในบาเรียสีดำราวกับตัวอ่อนกำลังเข้าดักแด้อยู่นั้นมันก็ระเบิดร่างของเจ้าอสูรร้ายตัวนั้นจะแหลกกระจายทันที
“ได้ผล!! คุณบ๊อบรีบพาคนของคุณออกจากพื้นที่เลยครับ ทางนี้พวเรารับมือเอง” มาร์ตินเอ่ยพร้อมกับยิ้มกว้างเมื่อเห็นบ๊อบและเหล่าชายฉกรรจ์เริ่มอพยพคนของพวกเขาไปยังพื้นที่ปลอดภัยแล้วจากนั้นจึงเริ่มลงมือบ้างเช่นกันกับเบลที่ผสานเวทย์แห่งแสงไว้ที่ปลายดาบแล้วไล่ฟาดฟันใส่เหล่าอสูรอย่างไม่ยั้งจนเพียงแค่ครู่เดียวเหล่าอสูรก็ลดจำนวนเบาบางลงไปมากแต่ทว่า…
“อึก!!” ลูกดอกปริศนาที่ทำจากไม้พุ่งตรงมายังร่างของนีโอโดยที่เจ้าตัวไม่ได้กางเวทย์ป้องกันตัวไว้ก่อนจึงส่งผลให้ร่างนั้นล้มฟุบลงพร้อมกับแสงสว่างทั้งหมดนั้นสลายหายไปทันที
“แกพลาดแล้วล่ะที่ไม่ระวังหลัง รัตติกาลเวทย์เข้าถึงและทำอะไรแกไม่ได้แต่สำหรับธาตุไม้… หึหึ” ร่างของเด็กสาวปรากฏกายขึ้นพร้อมกับชายวัยกลางคนหน้าตาเหี้ยมเกรียมที่มีผ้าดำคาดปิดตาไว้ข้างหนึ่งกำลังแสยะยิ้มอย่างพอใจ
“นีโอ!!” เบลเอ่ยออกมาอย่างตกใจพร้อมกับวิ่งเข้าประคองร่างของเพื่อนทันทีเมื่อจู่ๆ แสงสว่างสีขาวที่เกิดจากนีโอนั้นดับวูบลงและเมื่อหันไปมองยังจุดกำเนิดแสงนั่นก็ต้องตกใจเมื่อเพื่อนรักของเขากำลังฟุบลงกองกับพื้นพร้อมกับเลือดสีแดงกำลังไหลนองพื้น
“นายเป็นอย่างไรบ้าง ไหวมั๊ย?” เบลเขย่าร่างเพื่อนพร้อมเอ่ยถามเสียงสั่นรัวแต่ด้วยการใช้เวทย์ที่เกินขีดจำกัดแต่แรกและยังเสียเลือดอีกจึงทำให้ร่างของนีโอซีดเซียวไร้ซึ่งการตอบรับใดๆจากเบล
“พวกคุณไหวมั๊ย? ผมมาช่วยแล้ว” บ๊อบที่ย้อนกลับมาเอ่ยถามไถ่หลังจากที่เห็นเหตุการณ์พอดี
“คุณกลับมาทำไมแล้วทางนั้นใครจะดูแลคนของคุณล่ะ?” มาร์ตินเอ่ยถามเพราะไม่เข้าใจที่ชายผู้นำของหมู่บ้านและพวกอีกสามคนย้อนกลับมาหาพวกเขาทั้งๆ ที่ตกลงกันไว้แล้ว
“พวกเราคิดว่าเราควรกลับมาช่วยพวกคุณ อีกอย่างคนของเราที่เหลือปลอดภัยแล้วล่ะ” บ๊อบเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ขอบคุณแต่เกรงว่าเราจะทำให้พวกคุณต้องเสี่ยงไปกับเราด้วย” ดัชเอ่ย
“พวกคุณต่างหากที่ต้องมาเสี่ยงเพื่อพวกเรา” หนึ่งในสมาชิกของหมู่บ้านที่ย้อนกลับมาเอ่ย ขณะเหล่ากองทัพอสูรที่เหลือกลับมาสู่สภาวะปกติเรียบร้อยหมดแล้วถึงแม้ว่าจะไม่มากเท่าตอนแรกแต่ก็ยังมากเกินกว่าที่คนไม่กี่คนจะรับมือได้
“เตรียมตัวตายตามเพื่อนแกได้แล้ว ฮ่าๆๆ” เมอร์ดอร์ฟเอ่ยอย่างมั่นใจ
ครืนนนน.. ทั้งพายุและเมฆฝนดำทะมึนเคลื่อนเข้าปกคลุมไปทั่วบริเวณ เหล่าอสูรบินร่อนไปทั่วท้องฟ้าพร้อมกับหมอกควันสีดำลอยเข้าโอบล้อมไปทั่ว
“ตะวันลับขอบฟ้าแล้วนี่ยังเจอกับพายุอีก เราเสียเปรียบพวกมันแน่” บ๊อบเอ่ยเมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มเสียเปรียบ
ซ่า…. และจู่ๆ ฝนก็กระหน่ำตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตานั่นยิ่งทำให้เบลหงุดหงิดเข้าไปอีก
“ให้ตายเถอะ ฉันไม่ชอบน้ำเอาซะเลย!!” เบลบ่นเพราะเขารู้ว่าในสถานการณ์แบบนี้เข้าไม่สามารถใช้เวทย์สายถนัดของเขาได้อย่างเต็มที่นั่นเอง และเหมือนกับว่าเมอร์ดอร์ฟจะรู้ทันเพราะเมื่อฝนกระหน่ำลงมาก็ยิ่งสร้างความมั่นใจให้แก่ฝั่งของตนไม่น้อย
“จัดการมันแม่ทัพอสูร!!” สิ้นคำของเมอร์ดอร์ฟแม่ทัพอสูรก็พุ่งเข้าใส่ทันทีพร้อมกับที่มาร์ตินเลือกที่จะรับมือกับแม่ทัพอสูรเช่นกัน ส่วนเบลก็เข้าจู่โจมเมอร์ดอร์ฟโดยไม่รีรอ
“นี่เป็นกริชเงินที่สามารถกำจัดพวกอสูรได้ แต่ต้องใช้ระยะประชิดตัวพวกคุณถนัดมั๊ย?”
“สบายมาก ขอบคุณครับ” ชายฉกรรจ์ทั้งสามรับกริชจากดัชมาไว้ในมือพอมกล่าวขอบบบคคคุณก่อนจะเริ่มประจัญบานกับกองทัพอสูรอีกครั้ง
“ที่นี้ก็เหลือแค่นายกะฉันสินะ” นากี้เอ่ยหลังจากยืนรอดูคู่ต่อสู้มาแต่แรก
“ถ้าไม่ชอบใจกันฉันจะรีบจบเกมนี้เอง!!” ดัชกล่าวพลางเรียกดาบออกมาไว้ในมือพร้อมกับแววตาเอาเรื่อง
“ย๊ากกกก”
……………………………………………..
“ไวกว่านี้ได้มั๊ยฮันนี่” เซฟานี่เอ่ยขณะนั่งกอดเอวของฮันนี่
“ไม้กวาดนะถึงจะเป็นของวิเศษของเหล่าแม่มดแต่ก็ไม่ได้วิเศษดังสัตว์เวทย์ชั้นสูงนี่จะให้ไวปานไหนล่ะเซ” ฮันนี่ว่าพลางกลั้วหัวเราะที่เห็นอาการใจร้อนของเพื่อนใหม่ที่แม้ว่าจะกลัวความสูงในตอนแรกที่เธอพานั่งไม้กวาด แต่พอนานไปเพียงครู่เดียวเซฟานี่ก็หายกลัวแล้วยังเอ่ยปากเร่งความเร็วกับเธอมาตลอดทาง
“นี่ฉันเป็นห่วงพวกนั้นนะ กลัวว่าจะรับมืออสูรไม่ไหว”
“เธออยากไปไวกว่านี้มั๊ยล่ะ? ฉันมีวิธี” ฮันนี่เอ่ยพลางยิ้มเจ้าเล่ห์
“ยังไง?” สิ้นคำถามของเซฮันนี่ก็เรียกไม้กวาดมาไว้ในมืออีกอันแล้วส่งให้เซฟานี่
“อ่ะ ให้ยืมใช้อันนึง บางทีเราแยกกันน่าจะไปได้ไวกว่านี้นะ ฮ่าๆๆ” ฮันนี่หัวเราะเสียงใส
“ฉันใช้ไม่เป็นนะฮันนี่ ถ้าเกิดพลาดตกลงไปล่ะ?” เซฟานี่ถามแต่ก็รับไม้กวาดมาไว้ในมือแต่โดยดี
“มันไม่ปล่อยให้เธอตกหรอกหน่า ก็เหมือนเวลาเธอขี่มังกรหรือสัตว์เวทย์อื่นๆ แหละเพราะมันรับคำสั่งและฟังภาษาเรารู้เรื่องนะ อ่ะลองดู” ฮันนี่เอ่ยยืนยันหนักแน่นจนเซฟานี่ยอมทำตาม เมื่อเปลี่ยนไม้กวาดมาเป็นหนึ่งต่อหนึ่งก็ปรากฏว่าสามารถเดินทางได้เร็วกว่าตอนแรกจริงๆ จนเซฟานี่อดที่จะตกใจในความเร็วที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วไม่ได้
“กรี๊ดดดด” เสียงร้องอย่างตกใจของเซฟานี่เรียกเสียงหัวเราะจากฮันนี่ได้เป็นอย่างดี
“เร็วสมใจเธอยังละเซ วู้ววว ฮ่าๆๆ”
“รู้งี้ฉันไปกับเซและเจด้าแต่แรกดีกว่า โธ่” เซฟานี่บ่นหลังจากเริ่มตั้งสติได้
“สองคนนั่นใช้เวทย์ลมของเจด้าในการเดินทาง ถ้าเธอไปด้วยเจด้าจะต้องใช้พลังเวทย์ในการเดินทางหนักเข้าไปอีกนะ มากับฉันนี่แหละดีแล้ว คิคิ”
“อ๊ะ!! ข้างหน้ามีพายุฝน อย่าห่างจากฉันนะเดี๋ยวจะหลงกัน” ฮันนี่เอ่ยอีกครั้งเมื่อเห็นว่าบัดนี้สายฝนเริ่มเข้าปะทะกับร่างของเธอสองคนแล้ว
“เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางกางบาเรียซะจะได้ไม่เปียก” เซฟานี่เอ่ยพร้อมกับเรียกวารีเวทย์ออกมากางเป็นบาเรียหุ้มร่างของตนไว้กันการปะทะกับสายฝนที่กำลังจะเผชิญ
“ฉันทำไม่เป็น” ฮันนี่ตอบแทบจะทันที
“ห๊ะ!! เธอพูดจริงหรอ?” เซฟานี่ถามอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
“อืม เธอก็สอนฉันสิจะได้เป็นซักที”
“ไม่ทันแล้วมั้ง มานี่!!” เอ่ยจบเซฟานี่ก็เอื้อมมือไปดึงแขนของฮันนี่เข้ามาข้างๆ ตนและนั่นหมายถึงบัดนี้บาเรียของเธอห่อหุ้มร่างของทั้งสองไว้เรียบร้อยแล้ว
ทางด้านของเชและเจด้า…
“ข้างหน้านั่นอะไรน่ะ? พวกมันใช่มั๊ย?” เจด้าเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเบื้องหน้าของเธอบัดนี้มีสิ่งมีชีวิตสีดำบางสิ่งกำลังบินร่อนอยู่เต็มฟากฟ้าไปหมด อีกทั้งจิตสังหารและไอเวทย์แห่งเวทย์มืดที่รุนแรงชัดเจนกำลังแผ่ขยายไปทั่วบริเวณนั้นสามารถบ่งบอกบางอย่างได้เป็นอย่างดี
“สงสัยเราจะมาถึงแล้วล่ะ น่าจะทันได้ออกแรงนะ หึหึ” เชเอ่ยพร้อมกระตุกยิ้มเบาๆ
“แสดงว่าเรามาถึงก่อนเซและฮันนี่สินะ” เจด้าเอ่ยถึงเพื่อนทั้งสอง
“มาก่อนก็เริ่มก่อนไง หวังว่าพวกนั้นคงยังไม่เละคามือพวกมันไปซะก่อนนะ!!”
…………….........................................................................................………………………………….......................
หลังจากที่กลุ่มของนีโอ มาร์ติน เบลและดัชแยกออกไปตามเบาะแสที่ได้จากผู้บาดเจ็บในหมู่บ้านที่ผ่านมานั้น บัดนี้ทั้งสี่คนมาถึงหมู่บ้านเป้าหมายแล้วแต่ทว่าเหตุการณ์ก็ยังคงปกติดีจนอดที่จะแปลกใจไม่ได้
“ข้อมูลของเราผิดหรือเปล่าเนี่ย ทำไมทุกอย่างมันดูปกติไร้วี่แววของพวกอสูรเลยหล่ะ?” มาร์ตินสงสัย
“นั่นสิ ผิดหมู่บ้านหรือเปล่า หรือนี่อาจเป็นแผนการของพวกมันที่จะหลอกเราให้ออกจากเส้นทางของมันก็เป็นได้นะ” นีโอเอ่ยในสิ่งที่ตนเองคิด
“แต่ฉันว่าอาจไม่ผิดก็ได้นะ บางทีวาโยเวทย์ของมาร์ตินอาจพาเรามาถึงก่อนพวกมันก็ได้ ยังไงก็รอๆ ดูไปก่อน” เบลเอ่ย
“ฉันเห็นด้วยนะเพราะอย่างน้อยการที่หน่วยอื่นๆ ของทางโฮเนอร์ยังนิ่งเงียบอยู่ก็แสดงว่าทางอื่นนั้นปกติเช่นกัน ดังนั้นในฐานะที่เราอยู่ในจุดเป้าหมายของพวกมันเราต้องตั้งรับให้ดี” ดัชเอ่ยเสริม
“ไม่น่าเชื่อนะว่าพวกเราเด็กปี1 แต่ดันได้รับมอบหมาหน้าที่นี้อ่ะ ปกติงานเหล่านี้จะเป็นของเด็กปี3 นะ”
“เด็กนักเรียนโฮเนอร์เมื่อเข้าสู่รั้วโรงเรียนแล้วก็เหมือนทหารนายหนึ่งนั่นแหละ เราอาจโดนสภาแกรนน่าเรียกตัวไปปฏิบัติหน้าที่หรือโดนรับมอบหมายงานต่างๆ จากหน่วยงานต่างๆ ก็เป็นได้ ส่วนการที่เด็กปี1 อย่างเราได้รับมอบหมายหน้าที่ก็ไม่แปลกหรอกเพราะงานนี้เรามีตำแหน่งและผลงานเข้าตาจนได้รับภารกิจนี้ไง พวกรุ่นพี่ปี2 ปี3 เขาก็รับภารกิจกันหมดแล้วนี่” นีโออธิบาย
“แต่เพื่อนเราบางส่วนก็ไม่ได้ทำอะไรนะ” มาร์ตินแย้ง
“ได้ทำภารกิจตั้งแต่ปี1 น่าภูมิใจจะตาย ฮ่าๆๆ” เบลตอบอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเอ่ยเปลี่ยนเรื่องเอาเสียดื้อๆ
“เห็นร้านกาแฟนั่นมั๊ย ฉันว่าเราไปนั่งเล่นที่นั่นกันก่อนดีกว่า” มาร์ตินเอ่ยชวนเพื่อๆ และก็ได้ผลเมื่อนีโอและดัชแสดงอาการสนใจเต็มที่แต่จู่ๆ เบลก็รั้งแขนเพื่อนไว้พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เดี๋ยวก่อน ฉันว่าพวกมันมาแล้วล่ะ”
“นายรู้ได้ไง?”
“ดูข้างบนสิ” เบลเอ่ยพลางแหงนหน้าขึ้นมองบนฟ้า
‘กรี๊ดดดดดด’
บึ้มมม!! เสียงหวีดร้องของชาวบ้านดังขึ้นเมื่อมีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ด้านบนจนเกิดเป็นเงาขนาดใหญ่พาดทับผ่านยังพื้นล่าง และเมื่อเธอผู้นั้นเงยหน้าขึ้นไปก็ต้องเปล่งเสียงร้องลั่นด้วยความตกใจพร้อมกับที่เจ้าสิ่งนั้นเริ่มจู่โจมลงมาทันที
“จัดการมันอย่าให้เหลือ” เสียงของแม่ทัพอสูรที่อยู่บนหลังมังกรดำออกคำสั่งบรรดากองทัพอสูรที่ติดปีกบินอยู่มากมาย และเมื่อได้รับคำสั่งเหล่าอสูรร้ายก็บินร่อนลงสู่เบื้องล่างทันที
“นี่หรออสูร น่ากลัวกว่าที่ฉันคิดไว้อีก” มาร์ตินกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเมื่อเห็นบรรดาอสูรรูปร่างคล้ายกับคนแต่มีหน้าตาที่น่าเกลียดกำลังแสยะยิ้มโชว์เขี้ยวและฟันอันแหลมคมกับผิวหนังที่เป็นเกล็ดทั้งตัว สองมือของพวกมันมีเล็บยาวดำคล้ายกับกรงเล็บเหยี่ยวที่กำลังถืออาวุธต่างกันออกไปทั้งดาบ ขวาน ค้อนและกระบอง และที่สำคัญพวกมันทุกตัวมีปีกสีดำดังปีกค้างคาวขนาดใหญ่ที่พามันบินได้อย่างคล่องแคล่ว
“เฮ้ย!!” ท่ามกลางความตกตะลึงของเด็กๆ เหล่าอสูรก็เริ่มจู่โจมทันทีโดยการบินโฉบลงมายังตำแหน่งที่มาร์ตินยืนอยู่จนเจ้าตัวร้องลั่นด้วยความตกใจพร้อมกับกระโดดหลบอย่างไม่เป็นท่า
“อย่าใจลอยสิพวก นายสู้มันได้อยู่แล้ว” เบลเอ่ยพร้อมกับเรียกดาบสีส้มแดงออกมาไว้ในมือแล้วไล่ฟาดฟันใส่เหล่าอสูรไม่ยั้ง ทันทีที่คมดาบฟาดลงยังร่างของอสูรก็เกิดเปลวเพลิงลุกท่วมร่างของพวกมันจนมอดไหม้เป็นจุล
“สุดยอดเลยเบล ดาบของนายจัดการพวกมันได้ผล” ดัชเอ่ยอย่างทึ่งๆ เพราะดาบของเขาเองนั้นไม่สามรถจัดการพวกอสูรได้อย่างเด็ดขาดนั้นเอง
“นายระวังให้เราดีกว่า ฉันกับเบลจะจัดการเอง” นีโอเอ่ยพลางหยิบลูกดอกออกมาแล้วยิ่งออกไปไม่ยั้งเพราะธนูของเขาก็สามารถจัดการกับอสูรได้เป็นอย่างดีแต่ทว่า….
“อ๊าคคคค ช่วยฉันหน่อยเบลลลลล” เสียงของมาร์ตินร้องลั่นเมื่ออสูรบินลงมาหิ้วร่างของเขาแล้วพาบินขึ้นไปยังด้านบน ด้วยกรงเล็บที่ใหญ่และแข็งแรงนั้นกำลังขยำอยู่ที่บ่าทั้งสองของมาร์ตินจนเลือดสีแดงกำลังซึมไหลออกมาเป็นทาง และแม้ว่ามาร์ตินจะพยายามยกดาบต่อสู้แล้วแต่ด้วยความแข็งแรงของกรงเล็บนั่นกลับตรึงให้ร่างของมาร์ตินแทบไม่สามารถจะขยับช่วงแขนได้เลย
“เดี๋ยวฉันจัดการเอง อยู่นิ่งๆ นะอย่าดิ้น” นีโอตะโกนสั่งออกไปพร้อมยกคันธนูขึ้นเล็งเป้าหมายทันที
“ระวังโดนฉันนะนีโอ”
“อย่าดิ้นสิมาร์ติน ฉันจับเป้าหมายไม่ได้” นีโอเอ่ยพลางขมวดคิ้วยุ่งเมื่อเป้าหมายของเขามีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาและเขาก็ยังไม่กล้ายิงออกไปเพราะเกรงว่าจะพลาดไปโดนมาร์ตินนั่นเอง
“ใช้วาโยเวทย์ของนายให้เกิดประโยชน์สิมาร์ติน” เบลเอ่ยตะโกนแนะนำพร้อมกับปะทะดาบกับอสูรอีกนับสิบที่กำลังเข้ารุมเขา สถานการณ์ในตอนนี้ชุลมุนมากเพราะอสูรที่มานั้นมีจำนวนมากและยังไม่มีทีท่าว่าจะหมดลงทั้งๆ ที่โดนกำจัดไปไม่น้อย ซึ่งในส่วนของชาวเมืองนั้นก็ไม่มีผู้ใดที่จะสามารถช่วยกำจัดอสูรได้เลยแม้ว่าจะมีกลุ่มชาวบ้านผู้ชายออกมาช่วยสกัดทัพอสูรแต่ด้วยอาวุธธรรมดานั้นก็ไม่สามารถจะกำจัดเหล่าอสูรได้
“ใช่ๆๆ นายใช้วาโยเวทย์ของนายสิมาร์ติน” นีโอเอ่ยเสริมความคิดของเบลซึ่งมาร์ตินเองก็ปฏิบัติตามทันที กระแสลมพัดวนรอบๆ ร่างของมาร์ตินและอสูรนั่นจนมันบินถลาไม่เป็นท่าพร้อมกับที่กระแสลมอีกทิศทางหนึ่งบีบอัดตัวเป็นเส้นและพุ่งเข้าจู่โจมร่างของอสูรทันที
“อ๊าคคคค” เสียงร้องของมาร์ตินดังขึ้นอีกครั้งเมื่อเจ้าอสูรนั่นโดนวาโยเวทย์ของมาร์ตินจู่โจมจนมันเผลอปล่อยร่างของมาร์ตินออกจากกรงเล็บของมันซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ลูกธนูของนีโอพุ่งเข้าจัดการมันเช่นกัน
ตุบ!! ตุบ!! เสียงของหนักหล่นกระแทกพื้นสองครั้งในตำแหน่งเดียวกันโดยครั้งแรกเป็นร่างของมาร์ตินที่หล่นลงมาไม่เป็นท่าทั้งๆ ที่เจ้าตัวเป็นพวกใช้ลมแท้ๆ ส่วนอีกเสียงนั้นเกิดจากร่างของอสูรที่โดนลูกธนูของนีโอจัดการจนร่วงลงมาทับร่างของมาร์ตินก่อนร่างนั้นจะสลายไปด้วยเวทย์แห่งแสงที่มาพร้อมกับลูกธนูนั่น
“ทำไมมันไม่สลายไปก่อนจะตกลงมาล่ะ โอยย” เสียงโอดครวญของมาร์ตินดังขึ้นหลังจากที่เจ้าตัวลุกขึ้นนั่งได้แล้ว
“จริงๆ นายไม่ควรจะลงมาด้วยสภาพนี้เลยด้วยซ้ำนะมาร์ติน เสียชื่อพวกธาตุลมหมด ฮ่าๆๆ” เบลหันมากล่าวอย่างอารมณ์ดีแม้ว่าสถานการณ์จะเป็นรองก็ตามที
“นี่ๆๆ พวกเธอเป็นใครกัน นักเรียนจากโฮเนอร์หรอ?” ชายชาวบ้านคนนึงที่กำลังรับมือกับกองทัพอสูรในบริเวณใกล้เคียงตะโกนถามกลุ่มเด็กๆอย่างมีความหวังเมื่อเห็นว่าเด็กทั้งสี่สามารถจัดการกับอสูรได้
“ใช่ครับ พวกเราเป็นนักเรียนจากโฮเนอร์ซึ่งได้รับมอบหมายให้มาทำภารกิจนี้ครับ” นีโอเอ่ยตอบพลางง้างธนูยิงใส่อสูรไม่ยั้ง
“แต่สถานการณ์แบบนี้พวกเราคิดว่าเราเองก็คงจัดการได้ไม่หมดแน่ครับ ไม่ทราบว่าที่หมู่บ้านนี้มีจุดหลบภัยมั๊ยครับ? ผมคิดว่าเราควรอพยพชาวบ้านโดยเฉพาะเด็ก คนชราและผู้หญิงไปยังจุดที่ปลอดภัยก่อนนะครับ” ดัชหันมาถามชายผู้นั้นและเอ่ยเสนอความคิดออกมาบ้าง
“ผมชื่อ บ๊อบ เป็ผู้ดูแลหมู่บ้านนี้ ตามที่คุณถามผมจะตอบว่ามีครับและเรากำลังจะอพยพคนของเราไปยังจุดปลอดภัยแต่เราไม่มีคนคุ้มกัน” ชายผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยพร้อมกับแนะนำตัวเองและแจงความต้องการของเขา
“คุณจะบอกว่าต้องการให้เราคุ้มกันให้ใช่มั๊ย?” เบลเอ่ยถามบ้าง
“ครับ ผมคิดว่าพวกคุณสามารถช่วยเหลือพวกเราได้ ได้โปรดช่วยคนของผมด้วยนะ” บ๊อบเอ่ยขอร้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เรายินดีช่วยเต็มที่แต่ก็ไม่รับปากนะครับ เพราะถ้าเพื่อนของเราอยู่กันครบผมคงมั่นใจกว่านี้” นีโอเอ่ยตามความรู้สึกของเขาที่อดคิดไม่ได้ว่าถ้าชายน์อยู่ด้วยทุกอย่างคงง่ายกว่านี้
“แค่พวกคุณรับปากเราก็ดีใจแล้ว ที่เหลือจะเป็นอย่างไรผมและชาวบ้านพร้อมจะเผชิญ” บ๊อบเอ่ยพลางส่งยิ้มมาให้
บึ้ม!! กรี๊ดดดดด เสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมกับเสียงหวีดร้องของชาวบ้านที่ดังขึ้นช่วยเรียกสติของบุรุษทั้งกลุ่มที่กำลังคุยกันให้หันไปมองยังต้นเสียงนั้น
“ร่ำลากันเรียบร้อยยัง ฉันจะได้จัดการซะทีเดียวเลย เหอะๆๆ” แม่ทัพอสูรที่นั่งบัญชาการอยู่บนหลังมังกรสีดำเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่าแต่ทว่ากลับมีอำนาจยิ่งนัก
“งั้นก็เชิญได้เลย!!” เบลว่าพลางเรียกอัคคีเวทย์ออกมาแล้วสาดไปยังเป้าหมายทันที
บึ้ม!! เปลวเพลิงของเบลเข้าปะทะกับสายพลังเวทย์สีดำจนเกิดการระเบิดดังขึ้นกึกก้องแต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด
“ไม่ได้ผลหรอก ต้องฉันเอง” นีโอเอ่ยพลางรวบรวมสมาธิเพื่อกระทำบางสิ่งที่เขาคิดว่าน่าจะได้ผลที่สุด สองแขนกางออกพร้อมกับแสงสว่างสีขาวจ้ากำลังแผ่ขยายออกมาจากร่างของนีโออย่างมากมายไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
“อ๊าคคคค” เสียงร้องของอสูรที่อยู่ในรัศมีของแสงนั่นดังขึ้นพร้อมกับร่างของมันที่สลายหายไปในพริบตาไม่เว้นแม้แต่แม่ทับอสูรที่ต้องกางบาเรียสีดำกั้นแสงสว่างสีขาวจ้าของนีโอไว้เช่นกัน
“พวกเจ้าทำตามข้าเร็ว” แม่ทัพอสูรเอ่ยบัญชาการลูกน้องจนเหล่าอสูรหันมาเป็นฝ่ายตั้งรับเกือบจะทั้งหมดแล้ว
“นี่เขาทำอะไรเนี่ย?” บ๊อบเอ่ยอย่างตะลึงเมื่อเห็นร่างของนีโอสว่างจ้าราวกับเป็นแหล่งกำเนิดแสงแล้วเปล่งแสงขาวสว่างออกมาไปทั่วทั้งสมรภูมิรบ
“หมอนี่เป็นพวกธาตุแสงน่ะ นี่ก็คงเป็นเวทย์แสงขั้นสูงที่น้อยคนนักจะสามารถใช้ได้ ฉันว่ารีบชิงลงมือเหอะก่อนที่นีโอจะไม่ไหวนะ” ดัชเอ่ยดึงสติเพื่อนเมื่อสังเกตเห็นอาการของนีโอว่าสีหน้าของนีโอนั้นกำลังซีดเพราะใช้พลังเวทย์เกินกำลังพร้อมกับที่ตนเองหันมาใช้เวทย์แสงบ้างแม้ว่าจะไม่ใช้ทางของตนก็ตามที ก้อนพลังสีขาวสว่างขนาดย่อมถูกเรียกออกมาไว้ในสองฝ่ามือก่อนที่ดัชจะจัดการส่งมันไปยังอสูรที่อยู่ในตำแหน่งที่ใกล้ที่สุด ทันทีที่มันเข้าปะทะกับอสูรที่กำลังซ่อนตัวอยู่ในบาเรียสีดำราวกับตัวอ่อนกำลังเข้าดักแด้อยู่นั้นมันก็ระเบิดร่างของเจ้าอสูรร้ายตัวนั้นจะแหลกกระจายทันที
“ได้ผล!! คุณบ๊อบรีบพาคนของคุณออกจากพื้นที่เลยครับ ทางนี้พวเรารับมือเอง” มาร์ตินเอ่ยพร้อมกับยิ้มกว้างเมื่อเห็นบ๊อบและเหล่าชายฉกรรจ์เริ่มอพยพคนของพวกเขาไปยังพื้นที่ปลอดภัยแล้วจากนั้นจึงเริ่มลงมือบ้างเช่นกันกับเบลที่ผสานเวทย์แห่งแสงไว้ที่ปลายดาบแล้วไล่ฟาดฟันใส่เหล่าอสูรอย่างไม่ยั้งจนเพียงแค่ครู่เดียวเหล่าอสูรก็ลดจำนวนเบาบางลงไปมากแต่ทว่า…
“อึก!!” ลูกดอกปริศนาที่ทำจากไม้พุ่งตรงมายังร่างของนีโอโดยที่เจ้าตัวไม่ได้กางเวทย์ป้องกันตัวไว้ก่อนจึงส่งผลให้ร่างนั้นล้มฟุบลงพร้อมกับแสงสว่างทั้งหมดนั้นสลายหายไปทันที
“แกพลาดแล้วล่ะที่ไม่ระวังหลัง รัตติกาลเวทย์เข้าถึงและทำอะไรแกไม่ได้แต่สำหรับธาตุไม้… หึหึ” ร่างของเด็กสาวปรากฏกายขึ้นพร้อมกับชายวัยกลางคนหน้าตาเหี้ยมเกรียมที่มีผ้าดำคาดปิดตาไว้ข้างหนึ่งกำลังแสยะยิ้มอย่างพอใจ
“นีโอ!!” เบลเอ่ยออกมาอย่างตกใจพร้อมกับวิ่งเข้าประคองร่างของเพื่อนทันทีเมื่อจู่ๆ แสงสว่างสีขาวที่เกิดจากนีโอนั้นดับวูบลงและเมื่อหันไปมองยังจุดกำเนิดแสงนั่นก็ต้องตกใจเมื่อเพื่อนรักของเขากำลังฟุบลงกองกับพื้นพร้อมกับเลือดสีแดงกำลังไหลนองพื้น
“นายเป็นอย่างไรบ้าง ไหวมั๊ย?” เบลเขย่าร่างเพื่อนพร้อมเอ่ยถามเสียงสั่นรัวแต่ด้วยการใช้เวทย์ที่เกินขีดจำกัดแต่แรกและยังเสียเลือดอีกจึงทำให้ร่างของนีโอซีดเซียวไร้ซึ่งการตอบรับใดๆจากเบล
“พวกคุณไหวมั๊ย? ผมมาช่วยแล้ว” บ๊อบที่ย้อนกลับมาเอ่ยถามไถ่หลังจากที่เห็นเหตุการณ์พอดี
“คุณกลับมาทำไมแล้วทางนั้นใครจะดูแลคนของคุณล่ะ?” มาร์ตินเอ่ยถามเพราะไม่เข้าใจที่ชายผู้นำของหมู่บ้านและพวกอีกสามคนย้อนกลับมาหาพวกเขาทั้งๆ ที่ตกลงกันไว้แล้ว
“พวกเราคิดว่าเราควรกลับมาช่วยพวกคุณ อีกอย่างคนของเราที่เหลือปลอดภัยแล้วล่ะ” บ๊อบเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ขอบคุณแต่เกรงว่าเราจะทำให้พวกคุณต้องเสี่ยงไปกับเราด้วย” ดัชเอ่ย
“พวกคุณต่างหากที่ต้องมาเสี่ยงเพื่อพวกเรา” หนึ่งในสมาชิกของหมู่บ้านที่ย้อนกลับมาเอ่ย ขณะเหล่ากองทัพอสูรที่เหลือกลับมาสู่สภาวะปกติเรียบร้อยหมดแล้วถึงแม้ว่าจะไม่มากเท่าตอนแรกแต่ก็ยังมากเกินกว่าที่คนไม่กี่คนจะรับมือได้
“เตรียมตัวตายตามเพื่อนแกได้แล้ว ฮ่าๆๆ” เมอร์ดอร์ฟเอ่ยอย่างมั่นใจ
ครืนนนน.. ทั้งพายุและเมฆฝนดำทะมึนเคลื่อนเข้าปกคลุมไปทั่วบริเวณ เหล่าอสูรบินร่อนไปทั่วท้องฟ้าพร้อมกับหมอกควันสีดำลอยเข้าโอบล้อมไปทั่ว
“ตะวันลับขอบฟ้าแล้วนี่ยังเจอกับพายุอีก เราเสียเปรียบพวกมันแน่” บ๊อบเอ่ยเมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มเสียเปรียบ
ซ่า…. และจู่ๆ ฝนก็กระหน่ำตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตานั่นยิ่งทำให้เบลหงุดหงิดเข้าไปอีก
“ให้ตายเถอะ ฉันไม่ชอบน้ำเอาซะเลย!!” เบลบ่นเพราะเขารู้ว่าในสถานการณ์แบบนี้เข้าไม่สามารถใช้เวทย์สายถนัดของเขาได้อย่างเต็มที่นั่นเอง และเหมือนกับว่าเมอร์ดอร์ฟจะรู้ทันเพราะเมื่อฝนกระหน่ำลงมาก็ยิ่งสร้างความมั่นใจให้แก่ฝั่งของตนไม่น้อย
“จัดการมันแม่ทัพอสูร!!” สิ้นคำของเมอร์ดอร์ฟแม่ทัพอสูรก็พุ่งเข้าใส่ทันทีพร้อมกับที่มาร์ตินเลือกที่จะรับมือกับแม่ทัพอสูรเช่นกัน ส่วนเบลก็เข้าจู่โจมเมอร์ดอร์ฟโดยไม่รีรอ
“นี่เป็นกริชเงินที่สามารถกำจัดพวกอสูรได้ แต่ต้องใช้ระยะประชิดตัวพวกคุณถนัดมั๊ย?”
“สบายมาก ขอบคุณครับ” ชายฉกรรจ์ทั้งสามรับกริชจากดัชมาไว้ในมือพอมกล่าวขอบบบคคคุณก่อนจะเริ่มประจัญบานกับกองทัพอสูรอีกครั้ง
“ที่นี้ก็เหลือแค่นายกะฉันสินะ” นากี้เอ่ยหลังจากยืนรอดูคู่ต่อสู้มาแต่แรก
“ถ้าไม่ชอบใจกันฉันจะรีบจบเกมนี้เอง!!” ดัชกล่าวพลางเรียกดาบออกมาไว้ในมือพร้อมกับแววตาเอาเรื่อง
“ย๊ากกกก”
……………………………………………..
“ไวกว่านี้ได้มั๊ยฮันนี่” เซฟานี่เอ่ยขณะนั่งกอดเอวของฮันนี่
“ไม้กวาดนะถึงจะเป็นของวิเศษของเหล่าแม่มดแต่ก็ไม่ได้วิเศษดังสัตว์เวทย์ชั้นสูงนี่จะให้ไวปานไหนล่ะเซ” ฮันนี่ว่าพลางกลั้วหัวเราะที่เห็นอาการใจร้อนของเพื่อนใหม่ที่แม้ว่าจะกลัวความสูงในตอนแรกที่เธอพานั่งไม้กวาด แต่พอนานไปเพียงครู่เดียวเซฟานี่ก็หายกลัวแล้วยังเอ่ยปากเร่งความเร็วกับเธอมาตลอดทาง
“นี่ฉันเป็นห่วงพวกนั้นนะ กลัวว่าจะรับมืออสูรไม่ไหว”
“เธออยากไปไวกว่านี้มั๊ยล่ะ? ฉันมีวิธี” ฮันนี่เอ่ยพลางยิ้มเจ้าเล่ห์
“ยังไง?” สิ้นคำถามของเซฮันนี่ก็เรียกไม้กวาดมาไว้ในมืออีกอันแล้วส่งให้เซฟานี่
“อ่ะ ให้ยืมใช้อันนึง บางทีเราแยกกันน่าจะไปได้ไวกว่านี้นะ ฮ่าๆๆ” ฮันนี่หัวเราะเสียงใส
“ฉันใช้ไม่เป็นนะฮันนี่ ถ้าเกิดพลาดตกลงไปล่ะ?” เซฟานี่ถามแต่ก็รับไม้กวาดมาไว้ในมือแต่โดยดี
“มันไม่ปล่อยให้เธอตกหรอกหน่า ก็เหมือนเวลาเธอขี่มังกรหรือสัตว์เวทย์อื่นๆ แหละเพราะมันรับคำสั่งและฟังภาษาเรารู้เรื่องนะ อ่ะลองดู” ฮันนี่เอ่ยยืนยันหนักแน่นจนเซฟานี่ยอมทำตาม เมื่อเปลี่ยนไม้กวาดมาเป็นหนึ่งต่อหนึ่งก็ปรากฏว่าสามารถเดินทางได้เร็วกว่าตอนแรกจริงๆ จนเซฟานี่อดที่จะตกใจในความเร็วที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วไม่ได้
“กรี๊ดดดด” เสียงร้องอย่างตกใจของเซฟานี่เรียกเสียงหัวเราะจากฮันนี่ได้เป็นอย่างดี
“เร็วสมใจเธอยังละเซ วู้ววว ฮ่าๆๆ”
“รู้งี้ฉันไปกับเซและเจด้าแต่แรกดีกว่า โธ่” เซฟานี่บ่นหลังจากเริ่มตั้งสติได้
“สองคนนั่นใช้เวทย์ลมของเจด้าในการเดินทาง ถ้าเธอไปด้วยเจด้าจะต้องใช้พลังเวทย์ในการเดินทางหนักเข้าไปอีกนะ มากับฉันนี่แหละดีแล้ว คิคิ”
“อ๊ะ!! ข้างหน้ามีพายุฝน อย่าห่างจากฉันนะเดี๋ยวจะหลงกัน” ฮันนี่เอ่ยอีกครั้งเมื่อเห็นว่าบัดนี้สายฝนเริ่มเข้าปะทะกับร่างของเธอสองคนแล้ว
“เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางกางบาเรียซะจะได้ไม่เปียก” เซฟานี่เอ่ยพร้อมกับเรียกวารีเวทย์ออกมากางเป็นบาเรียหุ้มร่างของตนไว้กันการปะทะกับสายฝนที่กำลังจะเผชิญ
“ฉันทำไม่เป็น” ฮันนี่ตอบแทบจะทันที
“ห๊ะ!! เธอพูดจริงหรอ?” เซฟานี่ถามอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
“อืม เธอก็สอนฉันสิจะได้เป็นซักที”
“ไม่ทันแล้วมั้ง มานี่!!” เอ่ยจบเซฟานี่ก็เอื้อมมือไปดึงแขนของฮันนี่เข้ามาข้างๆ ตนและนั่นหมายถึงบัดนี้บาเรียของเธอห่อหุ้มร่างของทั้งสองไว้เรียบร้อยแล้ว
ทางด้านของเชและเจด้า…
“ข้างหน้านั่นอะไรน่ะ? พวกมันใช่มั๊ย?” เจด้าเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเบื้องหน้าของเธอบัดนี้มีสิ่งมีชีวิตสีดำบางสิ่งกำลังบินร่อนอยู่เต็มฟากฟ้าไปหมด อีกทั้งจิตสังหารและไอเวทย์แห่งเวทย์มืดที่รุนแรงชัดเจนกำลังแผ่ขยายไปทั่วบริเวณนั้นสามารถบ่งบอกบางอย่างได้เป็นอย่างดี
“สงสัยเราจะมาถึงแล้วล่ะ น่าจะทันได้ออกแรงนะ หึหึ” เชเอ่ยพร้อมกระตุกยิ้มเบาๆ
“แสดงว่าเรามาถึงก่อนเซและฮันนี่สินะ” เจด้าเอ่ยถึงเพื่อนทั้งสอง
“มาก่อนก็เริ่มก่อนไง หวังว่าพวกนั้นคงยังไม่เละคามือพวกมันไปซะก่อนนะ!!”
…………….........................................................................................………………………………….......................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ