Twin แฝดเลือดผสม
เขียนโดย Shinman33
วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.05 น.
แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 16.21 น. โดย เจ้าของนิยาย
25) ไขปริศนาสายเลือด
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความไขปริศนาสายเลือด
“สรุปว่าทุกคนในที่นี้รู้จักครอบครัวของผมใช่มั๊ยครับ?” ชายน์ถามด้วยน้ำเสียงที่ยากจะคาดเดาได้ หลังจากที่พวกเขากลับมาพร้อมกับแม่มดสาวที่หมดสติจนอาจารย์และเด็กๆ ต่างแตกตื่นไปตามๆกัน และด้วยเหตุนี้ทางสภาแกรนน่าจึงต้องเรียกประชุมเป็นการด่วนในประเด็นเรื่องการปรากฏตัวอีกครั้งของเผ่าพันธุ์แม่มดที่หายสาบสูญไปกว่าสิบปีจนเชื่อกันว่าสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ไปแล้วนั่นเอง และขณะนี้ชายน์ที่อยู่ในสภานี้ด้วยเพราะทุกคนอยากรู้เรื่องของฮันนี่แต่กลายเป็นว่าเรื่องที่ชายน์ยิงคำถามกลับไปนั้นก็กำลังสร้างความฉงนแก่สมาชิกทั้งหลายที่นั่งอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาไม่เว้นแม้แต่ลุงชาร์ล เอดิสัน มารีน ริวและอาจารย์จากโฮเนอร์ทุกท่าน
“เรื่องนี้เราคิดว่าเธอคงพอจะรู้มาบ้างแล้วถึงสถานะของตัวเองนะ” สมาชิกอาวุโสท่านหนึ่งกล่าวตอบไม่ตรงคำถามนัก
“ครับ ผมพอรู้มาบ้างแล้ว แต่ที่ผมไม่รู้ก็คือพ่อแม่ที่แท้จริงผมคือใคร ผมมีหน้าที่อะไรกันแน่กับแผ่นดินนี้” ชายน์เว้นวรรคคำพูดก่อนจะหันไปสบตากับชาล์ลและเอดิสันแล้วกล่าวออกมาอีกครั้ง
“และล่าสุดคือเรื่องฝาแฝดของผม” ชายน์เน้นเสียงในประโยคนี้อย่างชัดเจนว่าเขาต้องการรู้ในประเด็นนี้ที่สุดจนหลายๆ คนหันมองหน้ากันเป็นเชิงเกี่ยงว่าใครจะเป็นคนตอบคำถามนี้ดี
“ขออนุญาตท่านประธานสภาแกรนน่า สมาชิกสภาและผู้ร่วมประชุมทุกท่าน ข้าชาร์ล ผู้ติดตามนายน้อยและอยู่กับนายน้อยในวันเกิดเหตุ ข้าเองไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้นายน้อยหรือแม้แต่ท่านเอดิสันฟังเลย วันนี้ข้าขออนุญาตเล่าในส่วนที่ข้ารับรู้นะครับ”
“เชิญเลยชาร์ล” ประธานสภาแกรนน่าเอ่ยอนุญาต ชาร์ลจึงเริ่มเล่าเรื่องที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อนขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ในคืนนั้น คืนที่พระราชวังของกษัตริย์วิลเลี่ยมถูกพวกกบฏเวทย์มืดบุกโจมตี ตอนนั้นทางเราเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำแก่กบฏจนกษัตริย์วิลเลี่ยมตัดสินใจส่งเจ้าชายฝาแฝดและนายหญิงเฮเลนน่าหลบออกทางด้านหลังพระราชวังโดยมีข้าเป็นหัวหน้าหน่วยคุ้มกัน แต่ตามคำทำนายจากตำราเวทย์พันปีที่บอกว่าเจ้าชายฝาแฝดทั้งสองคือผู้ที่มีชะตาตรงตามคำทำนายเรื่องของผู้พิทักษ์ที่ถือกำเนิดขึ้น นั่นเองทำให้พวกกบฏหันมาคิดกำจัดเจ้าชายทั้งสองแทนที่จะบุกโจมตีกษัตริย์วิลเลี่ยม ในตอนนั้นพระราชวังโดนบุกทำลายจนกษัตริย์วิลเลี่ยมตัดสินใจสร้างมิติลับขึ้นมาซ้อนทับกับแกรนโซนแล้วซ่อนพระราชวังนั้นไว้ เมื่อรู้ถึงแผนการกษัตริย์วิลเลี่ยมจึงตามมาช่วยพวกเรา ในระหว่างทางที่หลบหนีท่านเฮเลนน่าส่งนายน้อยมาให้ข้าพาหลบหนีแล้วท่านกับทหารส่วนที่เหลือพาคุณหนูชินหนีไปอีกทาง และในที่สุดขบวนของท่านเซเลน่าก็ได้เสียชีวิตลงทั้งหมด เมื่อกษัตริย์วิลเลี่ยมตามมาทันก็เกิดการต่อสู้ขึ้นจนกษัตริย์วิลเลี่ยมพลาดท่าเสียชีวิตลงอีกคน ข้าที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดมาโดยตลอดแต่ไม่สามารถเข้าช่วยกษัตริย์ของข้าได้เพราะข้าต้องรักษาชีวิตนายน้อยไว้จึงพานายน้อยหลบหนีแต่ก็ไม่พ้นพวกมัน ในที่สุดเราก็ปะทะกับพวกมันอีกครั้งจนข้าและนายน้อยหลุดไปยังอีกมิติหนึ่งคือมิติมนุษย์โลก ข้าและนายน้อยอยู่ที่นั้นจนนายน้อยอายุครบ 13 ปี ข้าและนายน้อยถึงได้กลับมายังแกรนน่าอีกครั้ง” ชาร์ลเอ่ยเล่าเรื่องราวที่เขารับรู้ออกมาให้ทุกคนฟังโดยละเอียด
“หมายความว่า พ่อแม่ผม คือ…” ชายน์เอ่ยพร้อมกับความรู้สึกไม่มั่นใจในคำตอบ
“ลูกคือเด็กคนที่รอดชีวิตไปกับชาร์ลไง สายเลือดของวิลเลี่ยม กษัตริย์แห่งแกรนโซน” เอดิสันเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“แต่เราก็ไม่สามารถปักใจเชื่อได้นะว่าเรื่องที่ชาร์ลเล่ามาจะเป็นเรื่องจริง เราต้องการเห็นการพิสูจน์ที่ชัดเจน” ประธานสภาแกรนน่าเอ่ยตัดบทเพราะหลังจากที่เอดิสันกล่าวจบก็เกิดเสียงพูดคุยแทรกขึ้นมากมาย
“นาฬิกาชะตาชีวิตแห่งแกรนน่าหยุดเดินลงในค่ำคืนนั้นและเริ่มเดินอีกครั้งในคืนที่ชายน์กลับมา ถ้าชายน์ไม่ใช่ผู้พิทักษ์ตามคำทำนายการหายไปและกลับมาของเขาคงไม่มีผลต่อนาฬิกานั่นแน่ๆ” มารีนกล่าวแทรกขึ้นทันทีก่อนจะหันไปมองหน้าชายน์แล้วกล่าวต่อไปอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง
“สำหรับเหตุผลที่เรารับเป็นพ่อและแม่ของลูกนั้นอาจเป็นการกระทำที่ไม่สุภาพต่อสายเลือดกษัตริย์แห่งแกรนโซน แต่ทั้งหมดนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของตัวลูกเองนะ” มารีนกล่าวแจงเหตุผล
“ชายน์มีพลังเวทย์และสามารถใช้เวทย์ได้ตามคำทำนาย อีกทั้งยังสามารถอ่านภาษาแกรนน่าโบราณได้อีก ซึ่งทั่วทั้งแกรนน่ามีคนอ่านได้แค่3 คน อย่างนี้แล้วทุกท่านพอจะมั่นใจได้รึยัง?” อาจารย์วัตสันเอ่ยสนับสนุนจนหลายคนเริ่มคล้อยตาม
“เดี๋ยวนะ สรุปว่าพ่อแม่ที่แท้จริงผมคือกษัตริย์วิลเลี่ยมกับท่านเฮเลนน่าหรือ? แล้วนามสกุลผมล่ะ? ชาโดวส์หรอ?” ชายน์ยังคงสงสัย
“ก็อินเดอนาสนี่แหละ นามสกุลนี้เป็นของกษัตริย์วิลเลี่ยม ส่วนที่พ่อใช้นามสกุลนี้เพราะท่านอนุญาตให้ใช้ได้ เราเลยมีนามสกุลเดียวกัน” เอดิสันตอบแต่ชายน์ก็ยังคงงงอยู่ดี
“ท่านพ่อเขาเป็นญาตห่างๆ ของกษัตริย์วิลเลี่ยมน่ะลูก ส่วนชาโดวส์คือชื่อแสดงสายเลือดของลูกน่ะ” มารีนเอ่ยเสริม
“ผมไม่เข้าใจ”
“ท่านพ่อของกษัตริย์วิลเลี่ยมมีสายเลือดเทพและเอลฟ์อยู่ในตัวและท่านแม่ของกษัตริย์วิลเลี่ยมมีสายเลือดภูตและฟินิกซ์ กษัตริย์วิเลี่ยมจึงมีสายเลือดผสมถึง4 เผ่าพันธุ์ ส่วนท่านเฮเลนน่ามีสายเลือดปีศาจกับแวร์วูฟจากพ่อและแม่มดจากแม่ นั่นหมายถึงท่านเฮเลนน่าก็มีเชื้อสายของ3 เผ่าพันธุ์นี้อยู่ในตัว ดังนั้นบุตรที่เกิดมาจะมีสายเลือดของ 7 เผ่าพันธุ์อยู่ในตัวแต่จะเป็นในลักษณะของลูกเสี้ยวนะ และลูกคือคนที่มี7 สายเลือดนี้อยู่ในตัว เพียงแต่ว่าเลือดแห่งปีศาจแสดงลักษณะออกมาชัดเจนกว่า นี่คือเหตุผลที่กษัตริย์วิลเลี่ยมตั้งชื่อลูกแล้วตามด้วยชาโดวส์ยังไงล่ะจ๊ะ”
“ส่วนพี่ชายของนายน้อยก็คือคุณหนูชิน หรือ ชิน ไลท์ อินเดอนาส ผู้ที่มีสายเลือดเทพชัดเจนอย่างไรล่ะขอรับ” ผู้ร่วมประชุมหนึ่งในสภาแกรนน่าเอ่ยออกมาและสามารถเรียกความสนใจจากทุกๆ คนได้เป็นอย่างดี
“ข้าขอแนะนำตัว ข้าคือ เชดาวี่ ลอฟดาน่า องครักษ์แห่งกษัตริย์แกรนโซน ในคืนนั้นตัวข้าเองไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เพราะกษัตริย์วิลเลี่ยมส่งข้าไปยังกรีนโซนเพื่อแจ้งขอความช่วยเหลือจากกษัตริย์โลซีกัส ข้าเองก็ยังคงละอายใจมาจนถึงบัดนี้เพราะเมื่อกลับมาก็ไม่ปรากฏแม้พระราชวังและผู้คนเลยแม้แต่คนเดียว” เชดาวี่กล่าว
“ท่านคือพ่อของเดวี่ใช่มั๊ยครับ?” ชายน์ถามพลางส่งยิ้มไปให้เชดาวี่
“ถูกแล้วขอรับนายน้อย ข้าคือองค์รักษ์แห่งกษัตริย์แกรนโซน คือทหารของนายน้อยแม้ใครยังคาใจสงสัยในตัวท่าน แต่ข้าเชื่อตั้งแต่ชาร์ลพาท่านกลับมาแล้วล่ะครับ เพราะข้าเองก็รู้จักชาร์ลดี” เชดาวี่กล่าวพลางชำเลืองมองยังกลุ่มของสมาชิกสภาแกรนน่าที่ตั้งป้อมสงสัยในตัวของชายน์ไม่เลิก
“ท่านบอกท่านคือทหารของผม แล้วเดวี่ละครับ ในเมื่อเขาเป็นถึง….” ชายน์เว้นวรรคคำพูดเพราะเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าเขาควรจะพูดดีหรือไม่
“เดวี่ก็คือสหายของคุณหนูชินและนายน้อยสมัยเด็กยังไงล่ะขอรับ ส่วนเรื่องสถานะของตัวเขาเองนั้นเดวี่ต้องจัดการด้วยตัวเขาเอง เพราะตอนนี้ที่นั่นไม่มีอะเป็นของเดวี่แล้ว” เชดาวี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เขาเองก็สงสารบุตรชายไม่น้อยที่เกิดมามีสายเลือดของกษัตริย์แต่ไม่สามารถได้ใช้ชีวิตในแบบที่ควรจะเป็น และที่สำคัญสิ่งที่ควรจะได้รับก็โดนแย่งไป
“เอาล่ะทุกท่าน สำหรับเรื่องสายเลือดและสถานะของชายน์ ชาโดวส์ อินเดอนาสที่หลายท่านลงความเห็นว่าเขาคือสายเลือดของกษัตริย์แห่งแกรนโซนที่หายสาบสูญไปนั้น แม้ว่าเจ้าตัวจะมีความสามารถตามที่เห็นแต่ข้าก็เห็นควรว่าให้ชายน์ ชาโดวส์ อินเดอนาสอยู่ในสถานะบุตรบุญธรรมของเอดิสันต่อไปก่อนจนกว่าเขาจะพิสูจน์ในสิ่งต่อไปนี้ได้คือ ถ้าเขาคือสายเลือดของกษัตริย์วิลเลี่ยมเขาต้องรู้ว่ากษัตริย์วิลเลี่ยมสร้างมิติลับซ่อนพระราชวังไว้ที่ไหนและต้องคลายเวทย์นั้นได้ เมื่อใดที่เขาสามารถหามิติลับและพระราชวังพบทางสภาแกรนน่าก็พร้อมที่จะคืนทุกอย่างให้แก่เขา ส่วนเรื่องผู้พิทักษ์นั้นเนื่องจากเขายืนยันว่าชิน ไลท์ อินเดอนาสยังคงมีชีวิตอยู่ นั่นหมายความว่าบุคคลในคำทำนายอาจเป็นใครก็ได้ในสองคนนี้ ดังนั้นเรื่องนี้ต้องพิสูจน์กันด้วยภารกิจของผู้พิทักษ์ หากว่าเขาคือผู้พิทักษ์จริงเขาย่อมสามารถทำภารกิจนั้นได้ ทุกท่านเห็นว่าอย่างไรเชิญอภิปราย” ประธานในสภาแกรนน่าเอ่ยสรุปออกมาและเหมือนว่าทุกคนในที่นี้จะเห็นด้วยกับความคิดนี้
“แล้วภารกิจของผู้พิทักษ์คืออะไรครับ?” ชายน์ถามต่อทันที
“ตามคำทำนายนั้นผู้พิทักษ์คือจอมเวทย์ผู้ที่สร้างผลึกไว้แทนอัญมณีศักดิ์สิทธิของแกรนน่า เมื่อจอมเวทย์ท่านนั้นสูญสิ้นลงเขาจะกลับมาเกิดใหม่เพื่อตามหาชิ้นส่วนทั้ง7 ของอัญมณีนั้น และในทุกๆ ปีเราจะทำพิธีถ่ายเวทย์ให้กับผลึกที่ทำหน้าที่แทนอัญมณีศักดิ์สิทธิ ภารกิจของผู้พิทักษ์คือหากเป็นผู้พิทักษ์จริงจะต้องถ่ายเวทย์แห่งแสงและรัตติกาลเวทย์ได้ด้วยตัวคนเดียวโดยไม่ต้องใช้จอมเวทย์นับสิบๆ ดังที่เราเคยทำมา และนอกจากนั้นจะต้องตามหาชิ้นส่วนทั้ง7 ของอัญมณีศักดิ์สิทธิพบ” คำตอบของนักปราชญ์อาวุโสทำเอาชายน์นิ่งค้างไปทันที
“ผู้พิทักษ์สามารถถ่ายเวทย์ให้แก่ผลึกนั่นได้ตามที่ข้าบอกโดยใช้ภาษาแกรนน่าโบราณ ข่าวว่าเธอใช้ภาษาแกรนน่าโบราณได้นี่ แบบนี้ก็น่าลองอยู่นะชายน์” ครั้งนี้นักปราชญ์อาวุโสกล่าวพร้อมส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้แก่ชายน์เช่นกันที่ชายน์ก็ส่งยิ้มกลับไปให้เช่นกัน
“ถ้าทุกท่านเห็พ้องต้องกันตามนี้ข้าในนามของประธานสภาแกรนน่าขอปิดประชุมวาระพิเศษแต่เพียงเท่านี้” ประธานสภาแกรนน่ากล่าวปิดประชุม แต่เหมือนว่าทางโรงเรียนโฮเนอร์จะยังคงมีเรื่องคาใจอยู่จึงมีเสียงดังแทรกออกมา
“ขออนุญาตครับ แล้วเด็กสาวเชื้อสายแม่มดที่พึ่งปรากฏตัวนี้จะอายังไงดีล่ะ?” ผู้อำนวยการโฮเนอร์เอ่ยถามเสียงดังชัดเจน
“เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่ทำให้รู้ว่าเผ่าพันธุ์แม่มดยังอยู่ ส่วนจะจัดการอย่างไรอันนี้ให้ทางโฮเนอร์จัดการได้เลยเพราะตอนนี้เจ้าตัวก็อยู่ที่โฮเนอร์นี่” ประธานสภากล่าวก่อนที่จะลุกเดินออกไปเช่นกันกับสมาชิกคนอื่นๆ ที่เริ่มพากันเดินออกกันเรื่อยๆ
“ท่านผู้อำนวยการครับ สรุปแล้วเรื่องของฮันนี่ทางโรงเรียนจะเอายังไงครับ?” ชายน์วิ่งเข้ามาเอ่ยถามผู้อำนวยการโรงเรียนหลังจากที่เห็นว่าประเด็นนี้ยังไม่กระจ่าง
“หลานอยากจะให้ตาตอบว่ายังไงดีล่ะชายน์ ฮ่าๆๆ” ชายชราผู้แข็งแรงและอารมณ์ดีเอ่ยพร้อมหัวเราะร่วน
“เอ่ออ คือ ผม…” ชายน์เองก็ประหม่าไม่น้อยเพราะแม้ว่าเขาจะมีฐานะเป็นหลานบุญธรรมของชายผู้นี้แต่เขาก็ไม่เคยพูดคุยกันเลยซักครั้งเดียวจนมาถึงคราวนี้ หนำซ้ำชายชรายังเรียกเขาว่าหลานและแทนตัวเองว่าตาก็ยิ่งทำให้ชายน์ประหม่าเข้าไปอีก
“งั้นตาจะให้ฮันนี่เรียนที่โฮเนอร์นะ แต่ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าตัวเขาด้วยว่าจะอยู่กับเรารึเปล่า และที่สำคัญฮันนี่ต้องผ่านการทดสอบกับทางโรงเรียนของเราก่อนนะ ฮ่าๆๆ” ชายชราเจ้าของตำแหน่งผู้อำนวยการเอ่ยพลางขยี้หัวหลานบุญธรรมอย่างเอ็นดู
‘อะไรที่พอจะมาช่วยหลานตาทำภารกิจได้ตาก็พร้อมจะอำนวยความสะดวกให้เต็มที่อยู่แล้ว หึหึ’
………………………………………
“สรุปทางสภาว่ายังไงบ้างล่ะชายน์?” เซฟานี่บุกเข้ามาถามถึงในห้องเมื่อรู้ว่าชายน์กลับมาแล้ว
“บุกห้องพักผู้ชายตอนกลางคืนแบบนี้คิดอะไรอยู่มั๊ยเนี่ยเซ ฮ่าๆๆ” มาร์ตินและเพื่อนๆ ที่ตามมาสมทบเอ่ยแซวเซฟานี่อย่างอารมณ์ดี
“นี่มาร์ตี้ ช่วยเงียบและไม่ขัดฉันซักเรื่องมันจะตายมั๊ยห๊ะ!!” เซฟานี่หันมาเอ่ยพร้อมส่งสายตาพิฆาตมาให้จนมาร์ตินโดดไปหลบหลังนีโอทันที
“คือพวกเราอยากรู้อ่ะค่ะ เลยตามมาถามที่นี่ แฮ่ๆๆ” เจด้าเอ่ยแก้ตัวแทนเพื่อน
“ฮันนี่จะเป็นนักเรียนใหม่ที่โฮเนอร์ ถ้าเขาสมัครใจนะ” ชายน์ตอบพลางยิ้มกริ่ม
“หมายความว่าไง?” เบลถามทันที
“ท่านผู้อำนวยการอนุญาตให้ฮันนี่เรียนที่นี่ แต่ต้องผ่านการทดสอบของโรงเรียนเราให้ได้ก่อน”
“จริงๆ ที่ฮันนี่เข้าเรียนได้ง่ายแบบนี้น่าจะเพราะว่าเผ่าพันธุ์ของแม่มดด้วยล่ะมั้ง อย่าลืมสิว่าเผ่าพันธุ์แม่มดหายไปกว่าสิบปีจนเราคิดว่าเผ่าพันธุ์นี้สูญสิ้นไปแล้ว เมื่อมีแม่มดปรากฏตัวขึ้นในรอบสิบปีก็ย่อมเป็นที่น่าสนใจอยู่แล้ว” ดัชเอ่ยตามความคิดของตน
“แต่ฉันว่าหากเธออยู่ที่นี่ก็จะเป็นประโยชน์แก่ชายน์ตามที่ชายน์เล่าเรื่องของเธอให้พวกเราฟังอ่ะนะ” เชตอบเสริมความคิดของดัช
“ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น เพราะบาบาร่าให้เธอตามฉันมาเพื่อคอยช่วยเหลือฉัน และฉันก็เชื่อว่าบาบาร่าต้องรู้อะไรบ้างอย่างที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้แน่ๆ” ชายน์ตอบก่อนจะเปลี่ยนเรื่องทันที
“ว่าแต่ฮันนี่เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ฉันจัดการให้แล้ว ตอนนี้พักอยู่ที่ห้องของฉัน”เซฟานี่ตอบเสียงใส
“ขอบใจนะเซ” กล่าวพลางส่งยิ้มหวานและสายตาวาววับไปให้จนเซฟานี่ยืนค้างนิ่งไปทันที
“เอ่ออ มะ ไม่เป็นไรหรอก แฮ่ๆๆ” เซฟานี่ตอบรับพลางก้มหน้าหลบสายตาหวานนั่นก่อนที่แก้มเธอจะแดงไปกว่านี้
“เซ เธอป่วยหรอ หน้าแดงเชียวนะ ฮ่าๆๆๆ” มาร์ตินเห็นแล้วก็อดที่จะแซวไม่ได้
“ฉันเหนื่อยอ่ะ พวกเธอกลับไปก่อนเถอะ เชกับเจด้าก็กลับหอไปได้แล้ว พรุ่งนี้เรามีแข่งนะ” ชายน์เอ่ยไล่หน้าตาเฉยจนเพื่อนๆ อดที่จะพากันยิ้มไปกับอาการเขินของชายน์และเซฟานี่ไม่ได้ แต่ก็ยอมพากันเดินออกไปแต่โดยดี
“พรุ่งนี้เราเริ่มแข่งแปดโมงเช้านะชายน์ รีบนอนรีบพักผ่อนซะเพราะนายก็เจ็บมาเหมือนกันนี่” เบลเอ่ยเตือนเพื่อนด้วยความเป็นห่วง
“ขอบใจนะเบล ทางนี้ฉันจัดการต่อเอง หึหึ” เดวี่ชิงตอบก่อนจนชายน์อ้าปากเก้อ
“ฮ่าๆๆ ตามสบายนะ” เบลหัวเราะลั่นเมื่อเห็นอาการของเดวี่ที่ไม่เคยจะเก็บได้เหมือนเรื่องอื่นๆเลยซักครั้งว่าห่วงชายน์
ปัง!! เสียงปิดประตูดังขึ้นเมื่อเพื่อนๆ พากันออกไปหมดแล้ว เดวี่หันมาจ้องชายน์ก่อนจะเดินเข้ามาหาในที่สุด
“แดร์ดราก้อนไปแล้วหรอ?” ชายน์ชิงถามก่อน
“อืม”
“ได้ฝากอะไรไว้มั๊ย?”
“ฝากบอกว่าอย่าลืมนึกถึงเขาเมื่อนายมีปัญหา” เดวี่ตอบขณะจ้องชายน์ไม่วางตาและเงียบไปชั่วครูก่อนจะเอ่ยออกมาอีกครั้ง
“ถอดเสื้อสิชายน์”
“ห๊ะ!! ว่าไงนะ?” ชายน์ถามกลับอย่างตกใจ
“ถอดเสื้อออก เดี๋ยวนี้” เดวี่ย้ำหนักแน่นจนชายน์ยอมทำตาม
“แล้วก็นอนนิ่งๆ” เดวี่สั่งด้วยใบหน้ากลั้นยิ้มเต็มที่
“อ่ะ ถอดหมดล่ะ จะทำอะไรก็เชิญเลยเจ้าชาย ฮ่าๆๆ” ชายน์ตอบพร้อมล้มตัวลงนอนแล้วหลับตานิ่ง ทุกอย่างเงียบสงบนิ่งไปชั่วครู่จนชายน์อดจะตื่นเต้นไม่ได้ว่าเดวี่จะทำอะไร
“หลายแผลเลยนะนี่ รอยฟกช้ำก็นิดหน่อย” เดวี่กล่าวพลางใช้ปลายนิ้วแตะยาแล้วป้ายลงบนแผลฟกช้ำอย่างแผ่วเบาจนชายน์อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
“ก็ยุ่งๆ อ่ะ กลับมาก็ไปสภาแกรนน่าเลย ไม่ได้ปฐมพยาบาลแต่แรก” ชายน์ตอบพลางลืมตาแป๋ว
“ใช้เวทย์รักษาไม่ได้หรอ?” ชายน์ยังคงถามต่อ
“ได้ แต่ยานี่ของบาบาร่าน่ะ ฉันแค่อยากลอง” เดวี่ตอบพลางกระตุกยิ้มเบาๆ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องและน้ำเสียงที่เป็นการเป็นงานทันที
“พรุ่งนี้การแข่งขันรอบชิงของทุกรายการจะแข่งขันที่โรงเรียนเรา ตอนนี้เด็กๆและผู้ลงแข่งก็เข้าพักที่หอรับรองหมดแล้ว”
“นายว่าพวกเราจะทำได้มั๊ย?”
“ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ พวกเวทย์มืดมันมาแน่ ฉันอยากให้นายระวังตัวไว้มากๆ” เดวี่เอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงเครียด
“พวกนั้นลงแข่งด้วยหรือ?”
“คนของพวกมันมีปะปนอยู่ทุกที่ อีกอย่างนะช่วงค่ำหลังจากงานเลี้ยงเลิกแล้วจะเป็นพิธีศักดิ์สิทธิของแกรนน่า พวกมันต้องบุกมาแน่”
“มาทุกปีเลยมั๊ย?”
“ไม่หรอก ทุกๆ ปีผลึกนั่นจะอ่อนกำลังลงเรื่อยๆ และปีนี้ผลึกเวทย์นั่นอ่อนกำลังลงที่สุดไง พวกนั้นจะต้องบุกมาทำลายผลึกแน่ เมื่อผลึกถูกทำลายแกรนน่าจะกลายเป็นดินแดนรัตติกาลทันที” เดวี่อธิบาย
“ถ้าฉันคือผู้พิทักษ์จริง ฉันจะปกป้องผลึกนั่นเอง” ชายน์ตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ระวังชินด้วยนะ ฉันว่าเขาดูแปลกๆ เขาเป็นพวกใช้เวทย์แห่งแสงแต่ทำไมแววตาเขาถึงดำมืดแบบนั้น ฉันว่าเหมือนเขาตกอยู่ในอำนาจอะไรซักอย่างนะ” เดวี่เอ่ยพลางนวดยาไปด้วยและเมื่อสังเกตว่าคนที่นอนอยู่นั้นเงียบไปนานจึงก้มหน้าชะโงกไปมองคนที่นอนคว่ำก้มหน้าอยู่นั่นทันที
“หลับ?” เดวี่เอ่ยเสียงฉงนเมื่อเห็นเปลือกตานั่นปิดสนิท แต่เมื่อก้มลงไปใกล้ๆ ก็ได้ยินเสียงกรนเบาๆ ดังออกมาจากคนที่นอนนิ่งอันเป็นสัญญาณว่าหลับสนิทไปแล้วนั่นเอง
“เหนื่อยแย่เลยสินะ นายน้อยสหายข้า” เดวี่เอ่ยพร้อมกับดึงผ้าห่มมาห่มให้อย่างแผ่วเบา
‘นายทำหน้าที่ของนาย ฉันก็จะทำหน้าที่ของฉันให้เต็มที่เช่นกัน นายน้อยสหายข้า’
…....................................................................................………………………………………………………………………………………………………
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ