Twin แฝดเลือดผสม
เขียนโดย Shinman33
วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.05 น.
แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 16.21 น. โดย เจ้าของนิยาย
24) เผชิญหน้า
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเผชิญหน้า
“ย๊าคคคค อึก!!” จีร้องลั่นขณะยกดาบฟาดเข้าใส่แดร์ดราก้อน แต่เมื่อคมดาบปะทะกับท่อนแขนที่เต็มไปด้วยเกล็ดขนาดใหญ่ดาบนั่นก็ดูไร้อานุภาพลงไปทันที
“ดาบเธอดีนะ แต่ยังดีน้อยกว่าเกล็ดมังกรอย่างฉัน ฮ่าๆๆ”
“แกจะเป็นมังกรตัวแรกที่ฉันฆ่า !!” จีคำรามลั่นพร้อมเรียกดาบออกมาอีกเล่มไว้ในมือพร้อมกับเข้าจู่โจมอีกครั้ง จีนั้นรู้ตัวว่าเขาไม่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ หากแต่จะหนีก็เสียหน้าแย่
“ไม่คิดเลยว่าสายเลือดลอฟดาน่าจะยังหลงเหลืออยู่” พอลเอ่ยพลางยิ้มเหี้ยม ขณะนี้ต่างฝ่ายต่างแบ่งหน้าที่กันรับมือเรียบร้อยหมดแล้ว
“ไม่คิดเลยเช่นกันว่าปีศาจที่เก่งกล้าจะมาเป็นทาสพวกเวทย์มืด ” เดวี่กล่าวสวนเรียบๆ แต่ก็ทำให้พอลชะงักไปทันที
“ฉันจะเป็นยังไงก็ชีวิตฉัน แต่แกสิ แม้แต่แผ่นดินของตนเองก็ไม่สามารถจะอยู่ได้ น่าสมเพชที่สุด!!”
“ไม่ต้องห่วง ของๆ ฉันยังไงฉันเอาคืนแน่!!” ทันทีที่กล่าวจบดาบดำเล่มงามก็ถูกเรียกออกมาไว้ในมือเรียบร้อย
“ขอโทษนะ ฉันไม่ชอบใช้ดาบน่ะ” กล่าวจบลูกไฟขนาดย่อมก็พุ่งเข้าใส่เดวี่ทันทีจนเดวี่ต้องยกดาบปัดป้องลูกไฟนั่นเพื่อป้องกันตัว แต่เมื่อลูกไฟปะทะเข้ากับดาบก็ระเบิดขึ้นดังลั่นพร้อมกับสะเก็ดระเบิดแตกกระจายจนเดวี่เองก็คาดไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้
“ขอโทษนะที่ประเมินแกสูงไป หึหึ” พอลเอ่ยพลางมองด้วยสายตาดูหมิ่น
“นั่นแหละถูกแล้ว” เดวี่ตอบกลับทั้งที่บริเวณไหล่ซ้ายมีเลือดไหลอาบจากสะเก็ดระเบิดแต่เหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้รู้สึกเจ็บปวกแต่อย่างใด เพราะบัดนี้เดวี่เริ่มโจมตีบ้างแล้ว
“เฮ้ยยย!!” พอลร้องพลางกระโดดถอยหลังไม่เป็นท่าเมื่อจู่ๆ วงแหวนสีดำปรากฏขึ้นในบริเวณที่เขายืนและกำลังจะตรึงร่างเขาไว้แต่ด้วยความไวและสัญชาตญาณนั้นก็พาเขาออกมาได้อย่างฉิวเฉียด
“ไวดีนี่” เดวี่กล่าวพร้อมเรียกอัคคีเวทย์ขึ้นมาไว้ในมือเช่นกันกับพอลที่เรียอัคคีเวทย์ออกมาทันทีเช่นกัน ทันทีที่สบตาทั้งคู่ก็ซัดอัคคีเวทย์ใส่กันทันที หากแต่เมื่อพลังเวทย์นั้นพุ่งออกไปก็ปรากฏว่าเวทย์ของเดวี่กลายเป็นสิงโตเพลิงตัวโตที่อ้าปากคำรามลั่นพร้อมกระโจนใส่พอลเช่นกันกับเวทย์ของพอลที่เปลวเพลิงสีส้มนั้นเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทจนเดวี่เองก็ตกใจไม่น้อย
วูบบบ เมื่อสิงโตเพลิงปะทะกับเปลวเพลิงสีดำมันก็มลายหายไปทันทีจนพอลหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
“ฮ่าๆๆ อย่าประเมินข้าต่ำนักสิ” พอลหัวเราะพลางกล่าวยั่วโมโหเดวี่
‘หมอนี่ใช้รัติกาลเพลิงได้ด้วยหรือนี่?’ เดวี่ยืนนิ่งหากแต่ในหัวกำลังคิดหาทางรับมือกับคนที่เขาเองก็ไม่สามารถประเมินศักยภาพได้คนนี้ แต่เหมือนจู่ๆ เดวี่จะนึกอะไรขึ้นมาได้ ใบหน้านั้นกระตุกยิ้มออกมาเพียงเสี้ยววินาทีแล้วหายไปจนพอลเองก็ไม่ทันสังเกตเห็น
“กำลังคิดใช่มั๊ยว่าฉันใช้เวทย์นี้ได้อย่างไร? หรือบางทีฉันอาจจะเป็นผู้พิทักษ์ที่ชาวแกรนน่ารอคอยก็ได้นะ ฮ่าๆๆ”
“หึหึ ของปลอม!!” เดวี่กล่าวพร้อมกับเปลวเพลิงสีดำลุกโชติขึ้นรอบๆ กายและทันทีที่เดวี่สะบัดมือออกมันก็พุ่งเข้าจู่โจมพอลอย่างบ้าคลั่ง ด้วยความไวของการจู่โจมทำให้พอลต้องตั้งรับแทนที่จะตอบโต้หรือหลบได้ ดังนั้นกำแพงหินจากการร่ายเวทย์ของพอลจึงปรากฏขึ้นมาเป็นแนวป้องกันเพลิงของเดวี่ทันที
บึ้ม!! เมื่อไฟสีดำของเดวี่ปะทะเข้ากับกำแพงหินของพอลจนระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว
“เบาๆ หน่อยสิค่ะเจ้าชาย ฉันเสียสมาธินะ” ฮันนี่หันไปโวยใส่เดวี่ที่รุนแรงจนเธอโดนเศษหินและเปลวเพลิงไปทั้งตัวเช่นกันกับนากี้ที่ต้องเรียกรัตติกาลเวทย์ออกมาเป็นม่านกำบังตน
“เธอไม่ต้องเสียงดังหรอกยัยแม่มด เพราะเดี๋ยวเธอจะได้เจออะไรที่มากกว่าเศษหินเศษไฟนั่นแน่ๆ หึหึ” นากี้กล่าวอย่างหงุดหงิดที่เห็นว่าตั้งแต่เริ่มต่อสู้นั้นฮันนี่แทบไม่สนใจเธอเลยหากเอาแต่มองชายน์จนไม่วางตา แต่กระนั้นก็ยังสามารถหลบและปัดป้องเวทย์ของเธอได้ทุกครั้งโดยที่ไม่มีการตอบโต้เลยแม้แต่น้อย
“เธอทำใหได้อย่างที่พูดก่อนเถอะ ฉันรอนานแล้ว ฮ่าๆๆ” ฮันนี่กล่าวเสียงใสแต่เสียงหัวเราะนั่นกลับทำให้นากี้รู้สึกเสียหน้าไม่น้อยเพราะเธอทำอะไรฮันนี่ไม่ได้จริงๆ นั่นเอง
“แต่ถ้าความสามารถเธอมีแค่นี้ล่ะก็นะ เดี๋ยวฉันเป็นฝ่ายรุกเองก็ได้!!” น้ำเสียงที่เอ่ยนั้นเย็นยะเยือกจนนากี้สะท้านไปทั้งตัว ฉับพลันหมอกควันสีม่วงก็พวยพุ่งออกมาจากปลายคฑาของฮันนี่และพุ่งเข้าจู่โจมนากี้ทันที
“ห๊ะ!! อึก!!” ยังไม่ทันที่นากี้จะได้ตั้งรับควันนั่นก็เข้าปกคลุมไปทั่วทั้งร่างของเธอจนนากี้ไม่สามารถจะขยับตัวได้
“อยู่นิ่งๆ เลยเธอหน่ะ ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเหนื่อยนะ ฮ่าๆๆ” ฮันนี่กล่าวเตือนเพราะเห็นว่าอย่างน้อยนากี้ก็เป็นผู้หญิงเหมือนกับเธอ แต่ด้วยความประมาทนี้เองกลับทำให้เธอโดนเอาคืนโดยไม่ทันตั้งตัว ขณะที่ฮันนี่หันหลังจะไปช่วยชายน์นั่นเองหมอกควันสีดำกำลังก่อตัวขึ้นภายในหมอกควันสีม่วงนั่นและค่อยๆ แผ่ขยายตัวออกมาจนกลบควันสีม่วงไปแล้วหมดสิ้น
“อึก!!” รัตติกาลเวทย์สีดำลักษณะคล้ายมีดสั้นพุ่งตรงออกมาจากกลุ่มหมอกควันสีดำนั่นและปักเข้ากลางหลังของฮันนี่จนร่างนั้นทรุดลงกองกับพื้นพร้อมกับเลือดสีแดงสดไหลออกมามากมาย ร่างของนากี้เดินทุละหมอกควันสีดำออกมาพลางยิ้มอย่างพอใจก่อนจะก้มลงไปคว้าเข้าที่ผมดกดำสลวยของฮันนี่แล้วกระชากขึ้นมาอย่างแรงจนหน้าหงาย
“ฉันจะบอกอะไรไว้ให้เอาบุญก่อนตายนะ ต่อให้เธอมีคาถาเก่งกล้าหรือจะสาปฉันได้ แต่ความอ่อนต่อโลกของเธอมันจะฆ่าตัวเธอเอง ฮ่าๆๆ” กล่าวจบพร้อมกับผลักมือออกอย่างแรงจนหัวของฮันนี่ฟุบฟาดกับพื้นอย่างจัง เลือดสดไหลเป็นทางออกมาจากหางคิ้วพร้อมกับสติเริ่มจะเลือนราง
‘ท่านแม่ค่ะ ที่นี่โหดร้ายอย่างที่ท่านแม่บอกหนูจริงๆ’ ฮันนี้ระลึกถึงคำเตือนของแม่ที่มักจะพูดตลอดว่าเกรย์โซนนั้นมีอันตรายอยู่ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าใครก็พร้อมจะฆ่ากันได้หากไม่ใช่พวกเดียวกัน
“เธอมันใจร้ายนัก ฉันอุตส่าห์ใจดีกับเธอแล้วเชียว” ฮันนี่หันไปเอ่ยกับนากี้อย่างผิดหวังที่เธออุตส่าห์ไม่จัดการขั้นเด็ดขาดกับนากี้เพราะเห็นแก่มนุษยธรรมและความเป็นหญิง หากแต่นากี้กลับทำกับเธอราวกับไม่มีความรู้สึกใดๆ
“ช่วยไม่ได้นะ ที่นี่ไม่ใช่เมืองแม่มดของเธอ คนโง่และอ่อนแอก็ต้องพ่ายแพ้แก่คนที่แข็งแกร่งเป็นธรรมดา” กล่าวจบมีดสั้นสีดำก็ปรากฏขึ้นบนมือของนากี้พร้อมกับปลายคฑาของฮันนี่ที่อยู่ในมือเธอเกิดแสงสีม่วงสว่างวาบขึ้นทันทีเช่นกัน แต่เมื่อฮันนี่ยกขึ้นหมายจะจัดการนากี้มีดสั้นสีดำก็ทำงานทันที
“กรี๊ดดดด” ฮันนี่ร้องลั่นเมื่อคมมีดกรีดผ่านต้นแขนขวาข้างที่เธอถือคฑาอยู่จนไม้คฑาหลุดมือ
“ฮ่าๆๆ ถ้าพวกแม่มดมีดีแค่นี้ ฉันจะเป็นอีกคนนึงที่ฆ่าแม่มดให้ดู!” นากี้เอ่ยพร้อมกับยกมือที่ถือมีดสั้นสีดำเตรียมจะจัดการฮันนี่หากแต่เปลวไฟสีดำกลับพุ่งมาอีกทางและตรงเข้าใส่ฝ่ามือที่กำมีดนั้นเข้าอย่างจังจนนากี้ร้องลั่น
“กรี๊ดดด” มีดสั้นกระเด็นหายไปกับเปลวเพลิงแต่มือของนากี้กลับเกิดแผลเหวอะหวะอย่างน่ากลัว
“แดร์ ฝากดูฮันนี่ด้วย” ชายน์หันไปเอ่ยกับแดร์ดราก้อนที่อยู่อีกทางเพราะเขามั่นใจว่าตอนนี้แดร์ดราก้อนรับมือกับพวกเวทย์มืดได้เหนือกว่าและน่าจะดูฮันนี่ได้
“ได้สิสหาย” แดร์ดราก้อนเอ่ยพลางเคลื่อนตัวอย่างไวมาอุ้มร่างของฮันนี่ไว้เช่นกันที่จีก็เข้าประกบกับนากี้ทันที
“เธอไหวนะ?”
“ยังไหว แต่มือฉันขยับไม่ได้” นากี้เอ่ยตอบจีเสียงสั่น
ทางด้านของชายน์และชิน…
ตลอดที่ปะทะกันไม่ว่าชายน์จะใช้เวทย์บทไหนคู่ต่อสู้เขาก็สามารถรับมือได้และใช้เวทย์ได้เช่นกันกับเขาอีกด้วย
‘ทำไมหมอนี่ใช้เวทย์ได้เหมือนเราขาดนี้?’ ชายน์ที่สงสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นกำลังคิดหาคำตอบ หากแต่สิ่งที่ได้คือความรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก
“แกหรือผู้พิทักษ์ หึหึ” ประโยคแรกที่เด็กผมเงินหน้าแผลเอ่ยออกมาหลังจากที่เงียบมาตลอดการปะทะมือกัน
“จะใช่หรือม่ใช่เดี๋ยวก็รู้กัน” กล่าวจบรัตติกาลเพลิงก็ลุกโชติช่วงไปรอบๆ กายของชายน์ แต่คราวนี้แทนที่คู่ต่อสู้เขาจะใช้เวทย์บทเดียวกันคือเรียกรัตติกาลเพลิงออกมาก็กลายเป็นเปลวเพลิงสีเงินพิสุทธิ์สว่างงดงามจนไม่น่าเชื่อว่าคนหน้าตาอัปลักษณ์แบบนี้จะใช้เวทย์ที่สวยงามราวกับเทพได้ เมื่อเห็นชายน์เอาแต่ยืนตะลึงชินจึงชิงจังหวะลงมือก่อนทันที เปลวเพลิงสีเงินสว่างลุกลามเข้าไปยังชายน์โดยที่เปลวเพลิงสีดำก็ทำหน้าที่เข้าขวางกระแสเพลิงนั่น แต่ทันทีที่มันเข้าประกันก็มลายหายไป
“เวทย์อะไรเนี่ย ไฟสีเงินพิสุทธิ์คืออะไรกันนะ?” ชายน์ยังคงงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ชินกลับลงมือต่อทันที
“เฮ้ยยย” ชายน์ร้องลั่นพลางกระโดดหลบใบไม้เวทย์สีเงินที่ส่งมานับร้อยๆ ใบไม้ที่คมราวกับใบมีด และแม้ว่าชายน์จะสามารถเคลื่อนไหวได้เร็วเพียงใดก็ยังคงช้ากว่าใบไม้สีเงินของชินอยู่ดี เลือดสีแดงไหลอาบไหลซ้ายที่โดนคมใบไม้เวทย์ถากเข้าไปบางๆ จนชายน์ต้องรีบร่ายเวทย์ห้ามเลือดทันที
“มีอะไรดีก็เอาออกมาสิ” ชินเอ่ยพลางแสยะยิ้มอย่างน่าเกลียด
“อย่าคิดว่าฉันจะตั้งรับอย่างเดียวนะ” ชายน์ที่เริ่มหงุดหงิดเรียกเถาวัลย์สีดำพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินหมายจะพันธนาการร่างของคู่ต่อสู้ แต่เพียงพริบตาร่างของเด็กผมเงินนั่นก็หายวับไป สัญชาตญาณเตือนชายน์ให้รับมือกับอันตรายที่กำลังมาจากด้านหลังและก็จริงตามนั้นเพราะบัดนี้ชินปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับมือขวากำลังร่ายเวทย์สีขาวสว่างและซัดใส่ชายน์อย่างจังในระยะประชิด
“เฮ้ยย อึก!!” แม้จะเรียกรัตติกาลเวทย์ออกมากางกั้นเป็นกำแพงแล้วแต่ก็ไม่อาจทานอานุภาพของพลังนั่นได้ ร่างของชายน์กระเด็นไปปะทะกับต้นไม้ใหญ่และร่วงลงนอนพับอยู่กับพื้น
“ไหวมั๊ย?” เดวี่รีบเข้ามาพยุงชายน์หลังจากที่เห็นร่างของชายน์พร้อมถามอย่างเป็นห่วง
“หมอนั่นเป็นใครกันแน่?” ชายน์กระซิบถามเดวี่ทั้งๆ ที่เขาเองก็มีคำตอบอยู่ในใจแล้ว
“ชินที่นายเคยพูดถึงเขาไม่ได้อยู่กับนายแล้วใช่มั๊ยล่ะ? ฉันว่านี่แหละชินของนาย” คำตอบของเดวี่ไม่ได้สร้างความแปลกใจให้กับชายน์มากนักเพราะเขาเองก็คิดเช่นนั้น หากแต่คนที่อยู่เบื้องหน้านี่กลับไม่เหลือเค้าของชินที่เขารู้จักเลย
“นายรู้ใช่มั๊ยชายน์ว่านายมีฝาแฝด” แดร์ดราก้อนที่กำลังรับมือกับจีและนากี้รีบชิงจังหวะปลีกตัวพาร่างของฮันนี่เข้ามาสมทบพร้อมเอ่ยถามพลางส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้
“ห๊ะ งั้นชินที่หน้าเหมือนผมเขาคือฝาแฝดผมหรอ?” ชายน์ถามอย่างตกใจ
“ใช่ แฝดพี่ของนาย ฮ่าๆๆ” แดร์ดราก้อนเอ่ย
“คุณรู้เรื่องนี้ด้วยหรือ?” เดวี่ถามอย่างสงสัย
“เดี๋ยวนะ!! คุณจะบอกว่าไอ้คนที่พยายามจะฆ่าผมนี่มันเป็นฝาแฝดผมหรอ? ทำไมหน้ามันไม่เหมือนผมละ? ไม่เหมือนชินด้วย แล้วมันไม่รู้หรอว่าผมเป็นน้องมันนะ!!” ชายน์เองก็หันไปถามแดร์ดราก้อนอีกครั้งอย่างสงสัย
“ต้องถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับชินมากกว่า แต่ฉันว่าตอนนี้ฮันนี่อาการไม่ดีแล้วนะ” แดร์ดราก้อนเอ่ยอย่างจริงจัง
“ชายน์ก็ท่าจะไม่ดีนะ พาเราออกไปจากที่นี่ได้มั๊ย?” เดวี่เอ่ยถามแดร์ดราก้อนหลังจากเห็นอาการของชายน์ที่ทั้งเลือดทั้งแผลฟกช้ำเต็มไปทั้งร่าง
“อย่าคิดว่าฉันจะปล่อยพวกแกไปง่ายๆ นะ” ชินเอ่ยลั่นพร้อมกับเปลวเพลิงสีเงินพิสุทธิ์ลุกท่วมไปทั้งบริเวณและกำลังตีวงโอบล้อมชายน์ เดวี่และแดร์ดราก้อนที่อุ้มร่างไร้สติของฮันนี่อยู่
“นายจะเอาไง?” แดร์ดราก้อนเอ่ยถาม ชายน์ไม่ตอบหากแต่ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวพร้อมกับยืนหลับตานิ่ง ฉับพลันลมพายุขนาดใหญ่ก็ก่อตัวขึ้นรอบๆ กายพร้อมกับพื้นดินในบริเวณที่เขายืนก็สั่นสะเทือนและลอยขึ้นมาผสมเข้ากับพายุนั่นจนตอนนี้เหมือนกับว่าเศษดินหินกำลังลอยฟุ้งหมุนวนอยู่รอบๆ กายของชายน์จนมองไม่เห็นร่างเขาแล้ว
“นั่นเขาจะทำอะไร?” แดร์ดราก้อนกระซิบถามเดวี่
“ผมไม่รู้” เดวี่ตอบพลางยกมือปัดป้องเศษดินที่ปลิวเข้ามายังหน้าตา บัดนี้ลมพายุที่ชายน์สร้างขึ้นโดยมีตัวเขาเป็นศูนย์กลางกำลังเคลื่อนที่ไปรอบๆ ตามแนวที่เปลวเพลิงสีเงินกำลังลุกโชติ หากสังเกตดีๆ จะเห็นถึงเปลวเพลิงสีดำกำลังลุกโชนอยู่กลางลมพายุนั่นด้วย เมื่อพายุหมุนผ่านไปทางใดเปลวเพลิงสีเงินก็ดับลงจนในที่สุดเปลวเพลิงก็ดับลงหมดสิ้นในเสี้ยวนาที และในขณะที่ชินและพวกเวทย์มืดกำลังจ้องกับการกระทำของชายน์ก็ปรากฏว่าเศษดินและหินนั้นบีบอัดตัวจนเป็นก้อนกลมขนาดย่อมและถูกแรงเหวี่ยงของลมพายุพัดพาก้อนดินก้อนหินนั่นเข้าซัดใส่ชินและพรรคพวกทันที
“แฮกๆๆ” ชายน์หอบตัวโยนเมื่อสลายเวทย์ลง
“จริงๆ ฉันไหวนะ แต่ตอนนี้ฮันนี่ควรจะได้รับการรักษามากกว่า” ชายน์เอ่ยตัดสินใจและนั่นคือคำตอบที่แดร์ดราก้อนรับรู้โดยทันที ร่างของบุรุษหนุ่มที่ดูโตกว่าเด็กๆ ในที่นี้กำลังกระโดดลอยตัวขึ้นกลางอากาศพร้อมกับเสียงคำรามลั่น ทันทีที่เท้าลอยพ้นจากพื้นร่างนั้นก็แปลเปลี่ยนเป็นมังกรยักษ์สีดำขนาดใหญ่พร้อมกับพ่นไฟใส่ยังชินและพรรคพวกจนทั้งหมดนั้นต้องสร้างเกราะป้องกันเปลวเพลิงกันจ้าละหวั่น
“ขึ้นหลังฉันเร็ว” มังกรหนุ่มกล่าวสั่งชายน์และเดวี่ที่กำลังอุ่มร่างของฮั่นนี่ให้ทำตามคำสั่งของตน ทั้งเดวี่และชายน์ที่บาดเจ็บกระโดดขึ้นหลังมังกรอย่างทุลักทุเลก่อนที่แดร์ดราก้อนในร่างมังกรจะพาทั้งสามบินขึ้นสู่ด้านบนและตรงไปยังโฮเนอร์ทันที
“แกหนีฉันไม่พ้นหรอก หึหึ” ชินกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นจนพอล จีและนากี้หันมามองด้วยสายตาที่อดจะแปลกใจไม่ได้
‘เปลี่ยนไปจริงๆ นะคุณชิน’
……………………………………………….
ณ โรงเรียนโฮเนอร์…
เสียงหวีดร้องและเสียงฮือฮาของนักเรียนสาวๆ ที่อยู่บริเวณลานกิจกรรมหน้าโรงเรียนร้องลั่นนั้นเรียกความสนใจของเด็กคนอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี จนหลายๆ คนให้ความสนใจว่าเด็กสาวนั้นตกใจอะไรและพากันวิ่งออกไปดู
“เกิดอะไรขึ้นหรือ?” เซฟานี่ร้องถามขณะวิ่งเข้าไปยังลานกิจกรรมพร้อมกับกลุ่มเพื่อน หากแต่ยังไม่ทันถึงก็ปรากฏวัตถุขนาดใหญ่ลอยผ่านอยู่ด้านบนจนเกิดเงาขนาดใหญ่ปรากฏพาดผ่านไปบนพื้นที่เธออยู่
“เฮ้ย มังกรตัวเบ้อเริ่มเลย ว๊ากกกกก” มาร์ตินร้องลั่นหลังจากที่เงยหน้าขึ้นไปมองเป็นคนแรกและก็พบเขากับมังกรสีดำตัวใหญ่กำลังบินวนหันหน้ากลับมาพอดี ทันทีที่มังกรบินร่อนลงยังกลางสนามเหล่านักเรียนก็พากันส่งเสียงฮือฮาลั่นและยังส่งเสียงดังยิ่งขึ้นเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่บนหลังมังกรและกำลังก้าวลงมานั้นคือใคร
“ชายน์ เดวี่” เสียงอุทานดังขึ้นเมื่อเด็กหนุ่มทั้งสองกำลังก้าวลงมาจากหลังมังกร โดยคนนึงเนื้อตัวอาบไปด้วยคราบเลือดและรอยฟกช้ำกำลังช่วยพยุงร่างของเด็กผู้หญิงคนนึงที่หมดสติอยู่ในอ้อมกอดของอีกคน
“เกิดอะไรขึ้น?” เบลเอ่ยถามหลังจากที่วิ่งเข้ามาช่วยเพื่อนทั้งสอง
“เดี๊ยวจะเล่าให้ฟังนะ แต่ตอนนี้เราอยากพบกับอาจารย์ก่อน” ชายน์เอ่ย
“เรื่องเด็กคนนี้ใช่มั๊ย ไม่ต้องห่วงเพราะเดี๊ยวฉันจัดการให้” แดร์ดราก้อนในร่างมนุษย์เอ่ยอาสาช่วยเหลือ
“คุณคือ…” เจด้าเอ่ยพร้อมกับจ้องมองแดร์ดราก้อนอย่างสงสัย
“แดร์ดราก้อน” สิ้นเสียงของแดร์ดราก้อนก็เกิดเสียงฮือฮาอีกครั้ง ก็เคยได้ยินแต่ในบทเรียนมาตลอดโดยไม่คิดมาก่อนว่าวันนี้จะได้เจอกับมังกรในตำนาน
“งั้นเชิญด้านในกันก่อนดีกว่า ผมว่าเธอคนนี้อาการน่าเป็นห่วงแล้ว” นีโอเอ่ยขัดจังหวะหลังจากที่สังเกตเห็นว่าใบหน้าของฮันนี่ซีดเซียวจนแทบจะไม่มีสีเลือด และหลังจากที่แขกและคนป่วยหายเข้าไปยังตึกอำนวยการแล้วบรรดาเด็กๆ ที่เหลือก็พูดคุยกันถึงเหตุการณ์ที่พึ่งจะเกิดขึ้นอย่างอื้ออึง
“ทำได้ดีมาก ชิน เห็นทีข้าว่าเธอต้องรีบตามไปสะสางแล้วล่ะ” ชายชุดดำผู้เป็นนายกล่าวกับชินอย่างอารมณ์ดี
“ถ้าไม่ติดว่าจีและนากี้บาดเจ็บเราก็คงตามไปแล้วล่ะขอรับนายท่าน” พอลเอ่ยแจงเหตุผลเพราะในตอนนั้นนากี้ไม่สามารถใช้การมือข้างขวาได้และจีเองก็บาดเจ็บเกินกว่าจะต่อสู้ได้นั่นเอง
“อืม งั้นเธอสองคนพักงานนี้ก่อนจนกว่าจะหายดี ส่วนงานที่ฉันจะให้ไปทำที่โฮเนอร์ก็เปลี่ยนเป็นชินและพอลไปสองคนพอ” ชายชุดดำกล่าวตัดสินใจ
“จะไหวรึขอรับนายท่าน?” เมอร์ดอร์ฟเอ่ยแสดงความคิดเห็น
“แกกำลังดูถูกชินอยู่นะเมอร์ดอร์ฟ!!” ชายชุดเดือนเอ่ยขึ้นเสียงกับเมอร์ดอร์ฟจนเจ้าตัวหน้าซีดลงทันที
“ฉันจะให้ชินกับพอลไปลงแข่งเพื่อถ่วงเวลาผู้พิทักษ์และชินจะเข้าทำลายพิธีบ้าบอนั่น ส่วนแกเตรียมสร้างกองทัพสัตว์อสูรได้เลย เราจะบุกไปสมทบเพื่อชิงตัวผู้พิทักษ์” ชายผู้เป็นนายเหนือหัวสั่ง
“แล้วเราสองคนล่ะเจ้าคะนายท่าน” นากี้เอ่ยถาม
“เธอสองคนส่งข่าวไปยังเครือข่ายและพันธมิตรของข้าว่าข้าจะเริ่มดำเนินการแล้วและให้พวกเขาอำนวยความสะดวกแก่ข้าด้วย”
“ขอรับ/เจ้าค่ะนายท่าน” จีและนากี้ตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน
“ถึงเวลาของฉันแล้วสินะ หึหึ” ชายชุดดำเอ่ยอย่างอารมณ์ดี
…………………...................................................................................………………………………………………………………………………………
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ