Twin แฝดเลือดผสม
8.0
เขียนโดย Shinman33
วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.05 น.
39 ตอน
3 วิจารณ์
31.75K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 16.21 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ต้อนรับกลับบ้าน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“หากข้าไม่ใช่บุคคลของที่นี่ โปรดส่งข้ากลับไปยังที่ของข้า ข้าขอจบทุกอย่างที่นี่และขอกลับไปเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง…”
วูบบบบบ ลำแสงสีขาวนวลสว่างขึ้นอีกครั้งก่อนที่ร่างทั้งสองจะกระแทกพื้น ทันทีที่แสงนั้นดับลงก็ไม่ปรากฏร่างของทั้งสองแล้ว!!
…………………………………………………………………..
“คุณ คุณค่ะ นาฬิกานั่น… มัน….”
มารีน สตรีสาวผู้เลอโฉมที่ก้าวเข้ามาในห้องทำงานของสามีเธอกำลังชะงักนิ่ง และร้องทักด้วยอาการที่ตื่นเต้นและดีใจเป็นอย่างมากเมื่อเธอพบว่านาฬิกาที่สามีเธอกำลังถืออยู่นั้นมันกำลังเดินหลังจากที่มันเคยหยุดเดินไปดื้อๆเมื่อ 13 ปีก่อน
“ใช่ ผมรู้แล้วเมื่อคืนนี้ มันเริ่มเดินในเวลาเดียวกันกับตอนนั้น ตอนที่มันหยุดเดินเมื่อ 13 ปีก่อน…. เขามาช้าไปหน่อยนะ แต่ก็น่ายินดีที่เขายังมีชีวิตอยู่” เอดิสัน กล่าวอย่างอารมณ์ดี
“ผมว่าผมต้องเริ่มทำอะไรบางอย่างแล้วล่ะ เพราะการกลับมาของเขานั้นไม่ใช่แค่เราที่รู้ ฝ่ายนั้นก็สามารถรับรู้ได้ด้วยเช่นกัน” ผู้เป็นสามีกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังจนทำให้ภรรยาผู้งดงามนั้นลอบสังเกตเห็นว่าสามีของเธอนั้นดูจะตื่นเต้นและจริงจังมากเป็นพิเศษ ก็แน่หล่ะ การกลับมาของบุรุษในคำทำนายที่ไม่ว่าใครต่างก็รอคอย รออย่างมีความหวัง และรอเพื่อสะสาง!!
“วันนี้ผมจะเข้าพบท่านดาร์ลิน นะ ยังไงเดี๋ยวคุณช่วยจัดการตามที่ผมบอกด้วยล่ะ” กล่าวพลางเดินเข้ามากอดภรรยาของเขาไว้ ไม่บ่อยนักที่เขาจะทำอะไรแบบนี้ แต่ไม่รู้ทำไมแค่การกลับมาของคนๆหนึ่งจะทำให้เขาเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาค่ะ ตอนนี้ทางโรงเรียนก็เปิดเทอมแล้ว แล้วเทอมนี้ริวเขาก็ไม่ได้รับมอบหมายภารกิจพิเศษอะไร หรือต่อให้มี ฉันก็คิดว่าฉันสามารถเรียกตัวลูกกลับมาได้ค่ะ” สาวงามกล่าวอย่างอารมณ์ดี ก็เธอนั้นเป็นถึงลูกสาวของผู้อำนวยการของโรงเรียนแห่งนั้นนี่นะ กับเรื่องแค่นี้ทำไมเธอจะทำไม่ได้
“ถ้าอย่างนั้นก็ฝากด้วยนะ เรื่องนี้จะต้องดำเนินการอย่างเร็วที่สุด เพราะผมเชื่อว่าเจ้าตัวเขาคงยังไม่รู้เรื่องอะไรมากหรอก ก็เป็นแค่เด็กนี่นะ แม้จะมีชาร์ลคอยดูแลอยู่ก็ตาม ส่วนริว คุณอย่าพึ่งบอกอะไรเขานะ ผมจะคุยกับเขาเอง ”
กล่าวจบก็รีบออกจากบ้านไปทันที แต่ก็ไม่ลืมยื่นหน้ามาขโมยหอมแก้มภรรยาเขาที่ตอนนี้ได้แต่ยืนเขินจนหน้าแดง แต่ทว่ากลับทำให้ใบหน้านั้นช่างงดงามยิ่งนัก เธอเป็นสาวงามที่ลือชื่อไปทั่วแกรนน่าว่าสาวน้อยผู้มีสายเลือดแห่งภูตินี้เป็นผู้ที่เก่งกล้าทั้งมนตราและการต่อสู้ ใบหน้าขาวดวงตาสีฟ้ากับผมหยักสีบรอนซ์นั้นทำให้สตรีผู้นี้ช่างงดงามยิ่งนัก บัดนี้แม้เธอจะไม่ได้มีหน้าที่ในแกรนน่าให้ต้องรับผิดชอบ แต่เธอก็มีบทบาทสำคัญมากในการประชุมสภาแกรนน่าในแต่ละครั้ง เพราะเธอจะมาในนามของ โฮเนอร์ โรงเรียนชั้นนำอันดับหนึ่งแห่งแกรนน่านั่นเอง!!
“นายท่านเรียกข้า ไม่ทราบว่าจะให้ข้าทำสิ่งใดหรือขอรับ”
ชายชุดดำผู้น้อยเอ่ยถามผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าด้วยน้ำเสียงนอบน้อม บรรยากาศในห้องนี้ทั้งมืดทั้งกดดันจนแทบจะหายใจไม่ออก และเพียงแค่ชายตรงหน้าเขาหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ ก็เป็นเขาเองที่ต้องรีบก้มหน้าหลุบตาลงทันที คนตรงหน้านี้ช่างยิ่งใหญ่น่าเกรงขามยิ่งนัก สัญญาเลยว่าเขาจะไม่มีวันทำให้คนตรงหน้าเขาโกรธหรือไม่พอใจเด็ดขาด
“รู้ใช่มั๊ยว่าคนในคำทำนายกลับมาแล้ว” ประโยคแรกเอื่อนเอ่ยออกมาเพียงสั้นๆ
“ขอรับนายท่าน จะให้ข้าจัดการอย่างไรดีครับ?”
“ไปเอาตัวมันมา ข้าต้องการรัตติกาลเวทนั่น ตอนนี้นกน้อยของข้าหลับใหลไปนานแล้ว ข้าคิดว่าได้เวลาแล้วที่ข้าจะต้องปลุกมันขึ้น” เมื่อไรก็ตามที่ข้าได้ในสิ่งที่ต้องการ ไม่ว่าใครในแผ่นดินนี้ก็ทำอะไรข้าไม่ได้!!
“ขอรับนายท่าน ข้าจะส่งคนของข้าออกไปเดี๋ยวนี้” ทันทีที่รับคำสั่งจากผู้เป็นนายเสร็จ ชายชุดดำผู้น้อยก็รับมุ่งหน้าออกไปทันที เพราะเขารู้ดีว่านายของเขาไม่ชอบคนที่ทำอะไรชักช้าและเขาเองก็ต้องการที่จะสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์แกสายตาของนายให้เร็วที่สุดเช่นกัน
“ครั้งนี้เจ้าจะไม่โชคดีดังเช่นครั้งก่อนแน่ ชาร์ล หึหึ”
“อะไรนะครับ ที่ท่านแม่เรียกตัวผมออกมาจากโรงเรียนนี่เพราะจะให้ผมไปตามหาคนหรอครับ?”
“ใช่แล้ว แม่จะให้ลูกไปตามหาเขา และต้องหาให้เจอโดยห้ามแม้แต่มีรอยขีดข่วนใดๆทั้งสิ้น ทำได้ใช่มั๊ย?” คนเป็นแม่กล่าวเสียงหวานพร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้ แต่มันกลับทำให้ลูกชายคนเดียวของเขาทำหน้าเบื่อหน่ายเพราะเขาคิดว่าเรื่องแค่นี้ไม่น่าจะต้องถึงมือเขาก็ได้
“แค่ตามหาคนเองนะครับท่านแม่ให้คนอื่นทำก็ได้นี่ อีกอย่างคนของท่านพ่อก็มีมากมาย” อดที่จะสงสัยไม่ได้ก็เลยต้องถามออกไป
“ท่านพ่อบอกเรื่องนี้ต้องลูกเท่านั้น เขาไม่ไว้ใจใคร แล้วอีกอย่างเขาบอกเดี๋ยวเขาจะกลับมาเล่ารายละเอียดให้ลูกฟังเองโดยบอกแค่ว่าให้ลูกดำเนินการได้เลย เรื่องนี้ช้าไม่ได้” คนเป็นแม่กล่าวอย่างจริงจังและดูเหมือนว่าลูกชายของเขาพอจะเข้าใจอะไรบ้างแล้ว เพราะบัดนี้หนุ่มน้อยวัย 15 ปี กำลังเตรียมตัวออกจากบ้าน(?) เพื่อไปทำภารกิจพิเศษที่ผู้เป็นแม่มอบหมายมาให้
“สรุปแล้วผมรู้แค่ว่าเขาเป็นเด็กและน่าจะอยู่กับชายอีกคนที่ติดตามเขามา แค่นี้ใช่มั๊ยครับท่านแม่” ริวกล่าวพลางถอนหายใจออกมาอย่างหนัก เพราะเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเด็กคนนั้นเลยแม้แต่รูปร่างหน้าตาของเด็กคนนั้นมารดาของเขาก็ไม่รู้
แม่ไม่รู้หรอกนะว่าเขาหน้าตาเป็นอย่างไร เพราะแม่ไม่เคยเจอเขาเลย
“อ้อ เขาชื่อชายน์ นะริว” มารดากล่าวอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่เด็กหนุ่มตรงหน้าเธอจะรีบออกจากบ้านไป เขาเองก็เชื่อในตัวของลูกชายเขาว่าเรื่องนี้ไม่เกินความสามารถของริวแน่ แต่ก็อดห่วงไม่ได้เพราะอีกฝ่ายก็รู้เรื่องนี้แล้ว และคิดว่าคงจะกำลังดำเนินการบางอย่างอยู่เช่นกัน
ย้อนไปเมื่อหลายชั่วโมงก่อน….
“อ๊าคคคคคคคคคคคคคค” ตุ้บ!!
“โอยยยยยยยย สำเร็จมั๊ยเนี่ย” ชายน์โอดครวญพร้อมกับลุกนั่งและหันมองไปรอบๆ แล้วก็ต้องแหกปากร้องลั่นอีกครั้ง
“เห้ย ลุงชาร์ล นี่มันอะไรกันเนี่ย เราทำสำเร็จใช่มั๊ย” ด้วยเวลาที่เขามาถึงเป็นเวลาค่ำและด้วยพายุฝนที่กำลังโหมกระหน่ำอยู่นี่เลยทำให้เขาไม่สามารถจะมองเห็นสิ่งรอบๆตัวได้ แต่เขาก็พอจะรู้ได้ว่ามันไม่ใช่โรงพยาบาลแน่นอน …นี่มันป่าที่ไหนกันว่ะ น่ากลัวแท้ = =!
“ลุงว่าเราทำสำเร็จแล้วนะ ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ ไม่สิ!!” กล่าวยังไม่ทันจบ ชาร์ลก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ เขาถอยออกมายืนขึ้นแล้วโค้งกายคำนับหนุ่มน้อยที่บัดนี้นั่งงงอยู่เบื้องหน้าเขาอย่างสวยงาม
“ยินดีต้อนรับสู่แกรนน่านะครับนายน้อย” ท่าทางและคำพูดที่เปลี่ยนไปทำให้ชายน์ได้แต่นั่งงงจนไม่ทันได้พูดอะไร เขากำลังนึกว่าลุงจะแกล้งอะไรเขาหรือเปล่า แต่ด้วยท่าทางและน้ำเสียงที่จริงจังนั้นทำให้ชายน์เอ่ยปากพูดบางอย่างออกมาในที่สุด
“นี่คือตัวตนที่แท้จริงของผมใช่มั๊ยครับ” ตอนนี้เขาพอจะเดาเรื่องได้บ้างแล้วว่ามันน่าจะมีบางอย่างที่ชายตรงหน้าปิดบังเขามาตลอด 13 ปี ที่อยู่ด้วยกัน และเขาเองก็ต้องการทราบเรื่องราวที่เกี่ยวกับเขาทั้งหมดจึงต้องเอ่ยปากถามอีกครั้ง
“ลุงพอจะเล่าเรื่องของผมให้ผมฟังได้มั๊ยครับ ผมอยากรู้เรื่องราวของตัวเอง”
“ผมจะพานายน้อยไปพบคนคนหนึ่งก่อน แล้วคนคนนั้นจะเล่าทุกอย่างให้นายน้อยฟังขอรับ แต่ตอนนี้เราต้องออกเดินทางก่อนแม้จะเป็นเวลากลางคืนและฝนตกหนักก็ตาม เพราะอันตรายมีอยู่ทุกย่างก้าว” ชาร์ลกล่าวอย่างนอบน้อมและเดินนำหนุ่มน้อยออกไปทันที
ผมคิดว่าบางที่ ความจริงที่จะออกจากปากผมนั้นมันอาจจะเจ็บจนทำให้นายน้อยไม่อาจจะทนฟังก็ได้นะขอรับ และถ้านายน้อยรู้ว่าตัวเองเป็นใครมีหน้าที่อะไร นายน้อยพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งนั้นหรือเปล่า…
“ไม่ว่าผมจะเป็นใคร แต่ผมไม่ชอบความรู้สึกห่างเหินแบบนี้เลย ลุงชาร์ล” กล่าวจบก็ก้าวเดินตามชายตรงหน้าไปทันทีโดยที่ไม่ทันได้สังเกตุว่าในขณะนี้ตัวเขาไม่ได้เปียกฝนดั่งตอนแรกแล้ว อีกทั้งฝนก็ไม่สามารถตกมากระทบตัวเขาและชายตรงหน้าได้แม้ว่าโดยรอบนั้นจะยังคงตกตามปกติก็ตาม
…………………………….
“อะไรนะ คนที่นี่เข้ามีเวทย์มนต์กันด้วยหรอครับ น่าตื่นเต้นจังเลยลุงชาร์ล” ชายน์กล่าวอย่างตื่นเต้นหลังจากที่เขาและชาร์ลออกเดินทางมาทั้งคืน จนตอนนี้แสงทองสาดส่องไปทั่วผืนฟ้าแล้ว และนั่นทำให้ชายน์พบว่าที่นี่สวยงามมาก มีต้นไม้แปลกๆและสัตว์แปลกๆมากมาย บางตัวมันก็เหมือนกับที่เขาเคยเห็นบนโลกมนุษย์ แต่บางตัวมันก็ช่างแปลกเหลือเกิน อย่างเช่นกระรอกมีเขาที่มันเหมือนจะน่ารักแต่ชาร์ลบอกเขาว่าเจ้าพวกนี้มันอันตรายกว่าที่คิดไว้มาก หรือจะเป็นจระเข้บินที่มันมีปีกเหมือนกับปีกค้างคาวแต่ขนาดใหญ่กว่ามากและเจ้าตัวนี้มันสามารถพ่นไฟได้ ต่างๆ เหล่านี้เรียกความสนใจของชายน์ได้ไม่น้อยและยิ่งชาร์ลบอกว่าคนที่นี่ใช้เวทย์ได้ก็ยิ่งทำให้ชายน์ตื่นเต้นเข้าไปอีก
“ใช่แล้วนายน้อย ทุกคนที่ดินแดนนี้ใช้เวทย์ได้แต่จะมากหรือน้อยนั้นขั้นอยู่กับเผ่าพันธุ์และธาตุประจำตัว” ชาร์ลกล่าวพลางยิ้มอย่างอารมณ์ดีที่ตอนนี้เขาเห็นว่าเด็กหนุ่มที่เดินตามเขากำลังตื่นเต้นกับทุกสิ่งอย่างรอบๆ ตัวอย่างที่คนเห็นได้แต่นึกเปรียบว่าไม่ต่างจากเด็กได้มาเที่ยวสวนสัตว์ก็มิปาน แต่ก็ยังคงกล่าวต่อไปเรื่อยๆ
“อย่างเช่นตลอดการเดินทางนายน้อยจะเห็นว่าเราไม่เปียกฝนเลย และเสื้อผ้าเราก็แห้งตั้งแต่เริ่มออกเดินทางแล้ว” ใช่แล้ว เขาและชาร์ลมาถึงที่นี่ทามกลางพายุฝนที่โหมกระหน่ำ จำได้ว่าเขาเปียกชุ่มไปทั้งตัว แต่ระหว่างออกเดินทางจนถึงตอนนี้ตัวเขากลับไม่เปียกเลย อีกทั้งฝนก็ไม่สามารถตกกระทบตัวเขาได้ด้วยซ้ำ
“เฮ้ย ใช่ๆๆ ลุงอย่าบอกนะว่า…..”
“ก็เวทย์พื้นฐานน่ะ วารีเวทย์และวาโยเวทย์” ชาร์ลกล่าวพร้อมกับยิ้มอ่อนๆ
“ถ้าจะบอกว่าทุกคนใช้เวทย์ได้ งั้นแสดงว่าผมก็มีพลังเวทย์เท่ๆ แบบนี้เหมือนกันนะสิครับลุง มันใช้ยังไงล่ะ” ชายน์ถามอย่างกระตือรือร้นเพราะเขาเองก็คิดว่าเขาน่าจะทำอะไรสนุกๆ แบบนี้ได้เช่นกัน
“ผมไม่รู้ว่านายน้อยมีธาตุอะไรเป็นธาตุประจำตัว เพราะงั้นผมจะสอนวิธีง่ายๆ กับการเรียกใช้เวทย์แบบง่ายๆ นะครับ ขั้นแรกนายน้อยต้องรวบรวมสมาธิให้มั่นโดยจะหลับหรือลืมตาก็ได้ จากนั้นกำหนดจิตให้นิ่งแล้วเพ่งจิตทั้งหมดไปยังฝ่ามือพร้อมกับนึกถึงสิ่งที่นายน้อยต้องการนะขอรับ เช่น น้ำ ไฟ ดินหรือลม ซึ่งเหล่านี้จะมีอยู่ในตัวของเราทุกๆ คน แต่จะโดดเด่นแค่ด้านเดียวนะครับ” อธิบายเสร็จพร้อมกับยกมือขึ้นเป็นตัวอย่าง เพียงแค่หงายฝ่ามือยกขึ้นก็ปรากฏลูกไฟขนาดย่อมลอยอยู่กลางฝ่ามือ และเพียงแค่เขาสะบัดมือออกไปมันก็ลอยออกไปกระทบกับต้นไม้และเกิดการระเบิดขึ้น
บึ้มมมมม!! ระเบิดขนาดย่อมๆ เกิดขึ้นแต่ก็ทำให้ต้นไม้ต้นนั้นหักล้มลงในทันที
ชายน์มองการกระทำนั้นอย่างอึ้งๆ ก็ใครจะคิดละว่าเพียงแค่ก้าวเข้ามาในดินแดนนี้ลุงของเขาก็เปลี่ยนไป อีกทั้งหลายต่อหลายอย่างก็ล้วนแต่น่าสนใจทั้งนั้น
“ขอผมลองบ้างนะ!!” ชายน์ว่าพลางหลับตาทำสมาธิตามที่ชาร์ลบอก จากนั้นรวบรวมจิตและส่งไปยังฝ่ามือ ในตอนนี้เขานึกถึงลูกไฟแบบเดียวกันกับที่ชาร์ลทำให้ดู เพียงแต่เขาต้องการขนาดที่ใหญ่กว่า ซึ่งตอนนี้คนที่กำลังหลับตาอยู่ไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองกำลังเรียกอะไรออกมา
‘ทำไมอึดอัดแบบนี้ ข้ารู้สึกหายใจไม่ออก ร้อน ไม่ไหวแล้ว’ ชายน์ยังคงหลับตานิ่งแต่ทว่าตอนนี้ลูกไปบนฝ่ามือเขามันมีขนาดใหญ่ขึ้นมาก และดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่รู้สึกตัวแล้ว
ชาร์ลเองก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อสิ่งที่เห็นนั้นมันเกินกว่าที่เขาคิดไว้มาก เขาเองก็พอรู้ว่าเด็กคนนี้มีความสำคัญอย่างไรถึงโดนตามฆ่าตั้งแต่เกิด และดูจากพลังเวทย์ที่เรียกออกมาในครั้งแรกแล้วเขาคิดว่าเด็กคนนี้คือคนที่หลายๆคนในแกรนน่าตามหาตัวอยู่แน่ๆ
บึ้มมมมมมม!! เสียงระเบิดดังไปทั่วผืนป่าหลังจากที่ชายน์สะบัดฝ่ามือออกไปตรงหน้า แต่ผลที่เกิดขึ้นคือพื้นที่ป่าด้านหน้าเขาตอนนี้มันโล่งเตียนไปขนาดที่ว่าสามารถสร้างสนามฟุตบอลได้เลยทีเดียว ชายน์หมดแรงทรุดลงนั่งกับพื้นแล้วหายใจอย่างเหนื่อยหอบ อาจเป็นเพราะเขายังควบคุมพลังเวทย์ตนเองไม่ได้และนี่ก็พึ่งจะเป็นครั้งแรกที่เขาใช้มัน ผลเลยออกมาเป็นสภาพนี้
“แฮกๆๆ ผมรู้สึกแน่น หายใจไม่ออกยังไงไม่รู้ครับลุง ตอนที่หลับตามันอึดอัดและรู้สึกร้อนมาก” ชายน์กล่าวอย่างเหนื่อยหอบ
แป๊ะ แป๊ะ แป๊ะ เสียงปรบมือดังออกมาจากด้านหลังที่เรียกให้คนทั้งสองต้องหันกลับไปมองอย่างทันควัน
“เก่งนี่ ครั้งแรกก็ถางป่าซะเตียนโล่งขนาดนี้” ชายชุดดำกล่าวอย่างอารมณ์ดีแต่ทว่าชาร์ลกลับยืนกำหมัดแน่น ก็เขาจำได้ดีว่าชายชุดดำตรงหน้านี้คือคนเดียวกันกับเมื่อ 13 ปีก่อน
“ไม่เจอกันนานเลยนะ ชาร์ล สบายดีหรือเปล่า”
“ข้าสบายดี เจ้าคงไม่คิดสินะว่าข้าจะยังมีชีวิตอยู่”
“หึหึ ข้ายอมรับว่าข้าเคยคิดเช่นนั้น และตอนนี้ข้าก็กำลังจะทำให้ความคิดข้ามันเป็นจริงตามนั้น”
ทันทีที่กล่าวจบ พายุใบไม้นับร้อยๆ ใบก็พุ่งเข้ามายังชาร์ลที่บัดนี้หันมาผลักชายน์ออกจากวิถีของการโจมตีจากชายชุดดำตรงหน้าแล้วตนเองก็กระโดดหลบการโจมตีนั้นอย่างฉิวเฉียด
‘นี่มันเรื่องอะไรกัน’ ชายน์คิดอย่างงุนงงกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ครั้นจะวิ่งออกไปช่วยชาร์ลแต่ก็ทำไม่ได้เมื่อลุงของเขาผลักให้เขาเข้ามาอยู่ในข่ายมนตราสีทองที่คลอบร่างเขาไว้ ชายน์จึงทำได้เพียงยืนมองคนตรงหน้าต่อสู้กัน
‘หึหึ หวังว่าจะใช่นะ’ ข้าขอแจมด้วยคนสิ!!
แฮกๆๆ เสียงหอบของชาร์ลที่บัดนี้กำลังพยุงร่างของตนที่อาบไปด้วยเลือดสดๆอยู่ทั้งร่างนั้นทำให้หนุ่มน้อยในข่ายมนตราได้แต่มองอย่างตื่นตระหนก เขาเห็นการต่อสู้ของคนสองคนนี้มาตลอดและเห็นได้ชัดว่าลุงของเขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่ที่น่าห่วงที่สุดในตอนนี้คือลุงของเขากำลังพลาดท่าให้กับอีกฝ่ายแล้ว
“จริงๆ ข้าน่าจะจัดการเจ้าได้ตั้งแต่ 13 ปีที่แล้ว ถ้าเจ้าไม่ขี้ขลาดหนีไปซะก่อน”
“ไม่ใช่เพราะเจ้าไร้น้ำยาหรอกรึ” ชาร์ลกล่าวอย่างเหยียด ซึ่งทำให้ชายชุดดำตรงหน้าแสยะยิ้มออกมาอย่างน่ากลัว
“ปากดีนักก็อย่าอยู่เลย ” กล่าวจบ เถาวัลย์สีดำนับสิบเส้นก็พุ่งออกมาจากชายชุดดำและเข้าเสียบร่างของชาร์ลในทันที ชาร์ลที่บัดนี้ไม่มีแม้แต่แรงจะยืนก็ไม่สามารถที่จะหลบหลีกหรือป้องกันตนเองได้ เขาจึงกลายเป็นเป้าให้เถาวัลย์นั้นจู่โจมได้อย่างง่ายดาย
‘ทำอะไรซักอย่างสิ ชายน์’ หนุ่มน้อยในข่ายมนตรากำลังยืนมองภาพนั้นด้วยความเจ็บปวด เขาเห็นการต่อสู้มาตลอดและเขากำลังคิดว่าเขาควรทำอะไรซักอย่างแล้ว ทันทีที่หลับตาลงลูกไฟก็ปรากฎขึ้นบนฝ่ามือทั้งสองข้างของชายน์
บึ้มมมมม!! ….ข่ายมนตราสีทองหายไปแล้วจากการปะทะของลูกไฟที่คนในนั้นส่งออกมากระทบ และ
ตู้มมมม!! …ลูกไฟอีกลูกถูกส่งออกมายังชายชุดดำที่ตอนนี้ต้องกระโดดถอยออกห่างอย่างสุดกำลัง
ทันทีที่ออกมาได้ชายน์ก็วิ่งตรงไปยังร่างของชาร์ลที่บัดนี้นอนไร้สติอยู่ตรงหน้า
“ลุง ลุงชาร์ล ตื่นสิครับ ลุง” ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถรับรู้ถึงเสียงเรียกนั้นแล้ว
“ไปกับข้าดีกว่า ท่านชายน์” ชายชุดดำกล่าวอย่างอารมณ์ดีที่บัดนี้เขาเห็นว่าเขาสามารถกำจัดเสี้ยนหนามของภารกิจไปได้แล้ว
“แกเป็นใคร รู้จักชื่อฉันได้ไง”
“เสียเวลาชะมัดเลย ขอโทษนะท่านชายน์” ทันทีที่กล่าวจบชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็หายไปพร้อมกับสติของชายน์ก็ดับลง
“ขอโทษทีนะ แต่ข้าไม่อยากแนะนำตัวต่อท่านในสถานที่แบบนี้หนะ เข้าใจข้าหน่อยนะท่านชายน์ หึหึ” ร่างของเด็กหนุ่มวัย 13 ปีร่วงลงไปกองกับพื้นหลังจากที่โดนวัตถุหนักทุบลงที่ต้นคอ แต่ในขณะที่ผู้ลงมือกำลังจะก้มลงไปอุ้มร่างนั้นก็ปรากฎว่ามีบางสิ่งกำลังพุ่งตรงมาทางเขาจนทำให้เขาต้องกระโดดหลบโดยทันที และปรากฏว่าบัดนี้บริเวณหัวไหล่ข้างขวาของเขานั้นอาบไปด้วยเลือดที่เกิดจากมีดบินที่จู่โจมเขาเมื่อครู่นี้
“ก็ต้องขอโทษเช่นกันนะที่ผมไม่สามารถปล่อยให้คุณพาเด็กคนนี้ไปได้” เด็กหนุ่มที่ดูแล้วก็รุ่นราวคราวเดียวกันกับชายน์หรืออาจจะแก่กว่านิดหน่อยที่คนบาดเจ็บมองแล้วเหยียดยิ้มออกมาพร้อมกับกล่าวว่า
“ฝีมือดีนี่ แต่น่าเสียดายที่ใช้วิธีลอบกัด” กล่าวเพื่อหวังจะยั่วยุเด็กตรงหน้า
“หึหึ กับคนบางพวกผมก็คิดว่าผมไม่จำเป็นต้องแสดงความเป็นสุภาพบุรุษนะ” กล่าวพร้อมกับร้อยยิ้มที่ชายผู้บาดเจ็บเห็นแล้วก็บอกกับตัวเองว่าเด็กหนุ่มคนนี้อันตรายและเขาไม่ควรต่อสู้ด้วยในสภาพที่เขากำลังบาดเจ็บอยู่เช่นนี้
“แล้วข้าจะกลับมา คราวหน้าอย่าใช้วิธีสกปรกกับข้าก็แล้วกัน” กล่าวจบร่างนั้นก็หายไป ริวที่บัดนี้เห็นว่าสถานการณ์ในตอนนี้ปลอดภัยดีแล้วก็ก้มลงมองหน้าหนุ่มย้อยที่สลบอยู่ตรงหน้าอย่างพิจารณา
‘นี่หรอคนที่ท่านแม่ให้มาตามหา หน้าตาก็ดีนะ หล่อเลยที่เดียวแหละ แต่เสียดายว่าทำไมมันตัดผมทรงหัวเกรียนแบบนี้ล่ะ’
“หึหึ ข้าถูกชะตากับเจ้าจัง กลับบ้านเรากันเถอะ ข้าจะให้เจ้ามาเป็นน้องชายข้า ชายน์”
.................................................................................................................................................................................................
จบแล้วครับ อ่านแล้วติชมกันหน่อยนะ ผมจะได้เอาไปปรับในตอนต่อๆ ไป ^^
วูบบบบบ ลำแสงสีขาวนวลสว่างขึ้นอีกครั้งก่อนที่ร่างทั้งสองจะกระแทกพื้น ทันทีที่แสงนั้นดับลงก็ไม่ปรากฏร่างของทั้งสองแล้ว!!
…………………………………………………………………..
“คุณ คุณค่ะ นาฬิกานั่น… มัน….”
มารีน สตรีสาวผู้เลอโฉมที่ก้าวเข้ามาในห้องทำงานของสามีเธอกำลังชะงักนิ่ง และร้องทักด้วยอาการที่ตื่นเต้นและดีใจเป็นอย่างมากเมื่อเธอพบว่านาฬิกาที่สามีเธอกำลังถืออยู่นั้นมันกำลังเดินหลังจากที่มันเคยหยุดเดินไปดื้อๆเมื่อ 13 ปีก่อน
“ใช่ ผมรู้แล้วเมื่อคืนนี้ มันเริ่มเดินในเวลาเดียวกันกับตอนนั้น ตอนที่มันหยุดเดินเมื่อ 13 ปีก่อน…. เขามาช้าไปหน่อยนะ แต่ก็น่ายินดีที่เขายังมีชีวิตอยู่” เอดิสัน กล่าวอย่างอารมณ์ดี
“ผมว่าผมต้องเริ่มทำอะไรบางอย่างแล้วล่ะ เพราะการกลับมาของเขานั้นไม่ใช่แค่เราที่รู้ ฝ่ายนั้นก็สามารถรับรู้ได้ด้วยเช่นกัน” ผู้เป็นสามีกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังจนทำให้ภรรยาผู้งดงามนั้นลอบสังเกตเห็นว่าสามีของเธอนั้นดูจะตื่นเต้นและจริงจังมากเป็นพิเศษ ก็แน่หล่ะ การกลับมาของบุรุษในคำทำนายที่ไม่ว่าใครต่างก็รอคอย รออย่างมีความหวัง และรอเพื่อสะสาง!!
“วันนี้ผมจะเข้าพบท่านดาร์ลิน นะ ยังไงเดี๋ยวคุณช่วยจัดการตามที่ผมบอกด้วยล่ะ” กล่าวพลางเดินเข้ามากอดภรรยาของเขาไว้ ไม่บ่อยนักที่เขาจะทำอะไรแบบนี้ แต่ไม่รู้ทำไมแค่การกลับมาของคนๆหนึ่งจะทำให้เขาเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาค่ะ ตอนนี้ทางโรงเรียนก็เปิดเทอมแล้ว แล้วเทอมนี้ริวเขาก็ไม่ได้รับมอบหมายภารกิจพิเศษอะไร หรือต่อให้มี ฉันก็คิดว่าฉันสามารถเรียกตัวลูกกลับมาได้ค่ะ” สาวงามกล่าวอย่างอารมณ์ดี ก็เธอนั้นเป็นถึงลูกสาวของผู้อำนวยการของโรงเรียนแห่งนั้นนี่นะ กับเรื่องแค่นี้ทำไมเธอจะทำไม่ได้
“ถ้าอย่างนั้นก็ฝากด้วยนะ เรื่องนี้จะต้องดำเนินการอย่างเร็วที่สุด เพราะผมเชื่อว่าเจ้าตัวเขาคงยังไม่รู้เรื่องอะไรมากหรอก ก็เป็นแค่เด็กนี่นะ แม้จะมีชาร์ลคอยดูแลอยู่ก็ตาม ส่วนริว คุณอย่าพึ่งบอกอะไรเขานะ ผมจะคุยกับเขาเอง ”
กล่าวจบก็รีบออกจากบ้านไปทันที แต่ก็ไม่ลืมยื่นหน้ามาขโมยหอมแก้มภรรยาเขาที่ตอนนี้ได้แต่ยืนเขินจนหน้าแดง แต่ทว่ากลับทำให้ใบหน้านั้นช่างงดงามยิ่งนัก เธอเป็นสาวงามที่ลือชื่อไปทั่วแกรนน่าว่าสาวน้อยผู้มีสายเลือดแห่งภูตินี้เป็นผู้ที่เก่งกล้าทั้งมนตราและการต่อสู้ ใบหน้าขาวดวงตาสีฟ้ากับผมหยักสีบรอนซ์นั้นทำให้สตรีผู้นี้ช่างงดงามยิ่งนัก บัดนี้แม้เธอจะไม่ได้มีหน้าที่ในแกรนน่าให้ต้องรับผิดชอบ แต่เธอก็มีบทบาทสำคัญมากในการประชุมสภาแกรนน่าในแต่ละครั้ง เพราะเธอจะมาในนามของ โฮเนอร์ โรงเรียนชั้นนำอันดับหนึ่งแห่งแกรนน่านั่นเอง!!
“นายท่านเรียกข้า ไม่ทราบว่าจะให้ข้าทำสิ่งใดหรือขอรับ”
ชายชุดดำผู้น้อยเอ่ยถามผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าด้วยน้ำเสียงนอบน้อม บรรยากาศในห้องนี้ทั้งมืดทั้งกดดันจนแทบจะหายใจไม่ออก และเพียงแค่ชายตรงหน้าเขาหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ ก็เป็นเขาเองที่ต้องรีบก้มหน้าหลุบตาลงทันที คนตรงหน้านี้ช่างยิ่งใหญ่น่าเกรงขามยิ่งนัก สัญญาเลยว่าเขาจะไม่มีวันทำให้คนตรงหน้าเขาโกรธหรือไม่พอใจเด็ดขาด
“รู้ใช่มั๊ยว่าคนในคำทำนายกลับมาแล้ว” ประโยคแรกเอื่อนเอ่ยออกมาเพียงสั้นๆ
“ขอรับนายท่าน จะให้ข้าจัดการอย่างไรดีครับ?”
“ไปเอาตัวมันมา ข้าต้องการรัตติกาลเวทนั่น ตอนนี้นกน้อยของข้าหลับใหลไปนานแล้ว ข้าคิดว่าได้เวลาแล้วที่ข้าจะต้องปลุกมันขึ้น” เมื่อไรก็ตามที่ข้าได้ในสิ่งที่ต้องการ ไม่ว่าใครในแผ่นดินนี้ก็ทำอะไรข้าไม่ได้!!
“ขอรับนายท่าน ข้าจะส่งคนของข้าออกไปเดี๋ยวนี้” ทันทีที่รับคำสั่งจากผู้เป็นนายเสร็จ ชายชุดดำผู้น้อยก็รับมุ่งหน้าออกไปทันที เพราะเขารู้ดีว่านายของเขาไม่ชอบคนที่ทำอะไรชักช้าและเขาเองก็ต้องการที่จะสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์แกสายตาของนายให้เร็วที่สุดเช่นกัน
“ครั้งนี้เจ้าจะไม่โชคดีดังเช่นครั้งก่อนแน่ ชาร์ล หึหึ”
“อะไรนะครับ ที่ท่านแม่เรียกตัวผมออกมาจากโรงเรียนนี่เพราะจะให้ผมไปตามหาคนหรอครับ?”
“ใช่แล้ว แม่จะให้ลูกไปตามหาเขา และต้องหาให้เจอโดยห้ามแม้แต่มีรอยขีดข่วนใดๆทั้งสิ้น ทำได้ใช่มั๊ย?” คนเป็นแม่กล่าวเสียงหวานพร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้ แต่มันกลับทำให้ลูกชายคนเดียวของเขาทำหน้าเบื่อหน่ายเพราะเขาคิดว่าเรื่องแค่นี้ไม่น่าจะต้องถึงมือเขาก็ได้
“แค่ตามหาคนเองนะครับท่านแม่ให้คนอื่นทำก็ได้นี่ อีกอย่างคนของท่านพ่อก็มีมากมาย” อดที่จะสงสัยไม่ได้ก็เลยต้องถามออกไป
“ท่านพ่อบอกเรื่องนี้ต้องลูกเท่านั้น เขาไม่ไว้ใจใคร แล้วอีกอย่างเขาบอกเดี๋ยวเขาจะกลับมาเล่ารายละเอียดให้ลูกฟังเองโดยบอกแค่ว่าให้ลูกดำเนินการได้เลย เรื่องนี้ช้าไม่ได้” คนเป็นแม่กล่าวอย่างจริงจังและดูเหมือนว่าลูกชายของเขาพอจะเข้าใจอะไรบ้างแล้ว เพราะบัดนี้หนุ่มน้อยวัย 15 ปี กำลังเตรียมตัวออกจากบ้าน(?) เพื่อไปทำภารกิจพิเศษที่ผู้เป็นแม่มอบหมายมาให้
“สรุปแล้วผมรู้แค่ว่าเขาเป็นเด็กและน่าจะอยู่กับชายอีกคนที่ติดตามเขามา แค่นี้ใช่มั๊ยครับท่านแม่” ริวกล่าวพลางถอนหายใจออกมาอย่างหนัก เพราะเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเด็กคนนั้นเลยแม้แต่รูปร่างหน้าตาของเด็กคนนั้นมารดาของเขาก็ไม่รู้
แม่ไม่รู้หรอกนะว่าเขาหน้าตาเป็นอย่างไร เพราะแม่ไม่เคยเจอเขาเลย
“อ้อ เขาชื่อชายน์ นะริว” มารดากล่าวอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่เด็กหนุ่มตรงหน้าเธอจะรีบออกจากบ้านไป เขาเองก็เชื่อในตัวของลูกชายเขาว่าเรื่องนี้ไม่เกินความสามารถของริวแน่ แต่ก็อดห่วงไม่ได้เพราะอีกฝ่ายก็รู้เรื่องนี้แล้ว และคิดว่าคงจะกำลังดำเนินการบางอย่างอยู่เช่นกัน
ย้อนไปเมื่อหลายชั่วโมงก่อน….
“อ๊าคคคคคคคคคคคคคค” ตุ้บ!!
“โอยยยยยยยย สำเร็จมั๊ยเนี่ย” ชายน์โอดครวญพร้อมกับลุกนั่งและหันมองไปรอบๆ แล้วก็ต้องแหกปากร้องลั่นอีกครั้ง
“เห้ย ลุงชาร์ล นี่มันอะไรกันเนี่ย เราทำสำเร็จใช่มั๊ย” ด้วยเวลาที่เขามาถึงเป็นเวลาค่ำและด้วยพายุฝนที่กำลังโหมกระหน่ำอยู่นี่เลยทำให้เขาไม่สามารถจะมองเห็นสิ่งรอบๆตัวได้ แต่เขาก็พอจะรู้ได้ว่ามันไม่ใช่โรงพยาบาลแน่นอน …นี่มันป่าที่ไหนกันว่ะ น่ากลัวแท้ = =!
“ลุงว่าเราทำสำเร็จแล้วนะ ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ ไม่สิ!!” กล่าวยังไม่ทันจบ ชาร์ลก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ เขาถอยออกมายืนขึ้นแล้วโค้งกายคำนับหนุ่มน้อยที่บัดนี้นั่งงงอยู่เบื้องหน้าเขาอย่างสวยงาม
“ยินดีต้อนรับสู่แกรนน่านะครับนายน้อย” ท่าทางและคำพูดที่เปลี่ยนไปทำให้ชายน์ได้แต่นั่งงงจนไม่ทันได้พูดอะไร เขากำลังนึกว่าลุงจะแกล้งอะไรเขาหรือเปล่า แต่ด้วยท่าทางและน้ำเสียงที่จริงจังนั้นทำให้ชายน์เอ่ยปากพูดบางอย่างออกมาในที่สุด
“นี่คือตัวตนที่แท้จริงของผมใช่มั๊ยครับ” ตอนนี้เขาพอจะเดาเรื่องได้บ้างแล้วว่ามันน่าจะมีบางอย่างที่ชายตรงหน้าปิดบังเขามาตลอด 13 ปี ที่อยู่ด้วยกัน และเขาเองก็ต้องการทราบเรื่องราวที่เกี่ยวกับเขาทั้งหมดจึงต้องเอ่ยปากถามอีกครั้ง
“ลุงพอจะเล่าเรื่องของผมให้ผมฟังได้มั๊ยครับ ผมอยากรู้เรื่องราวของตัวเอง”
“ผมจะพานายน้อยไปพบคนคนหนึ่งก่อน แล้วคนคนนั้นจะเล่าทุกอย่างให้นายน้อยฟังขอรับ แต่ตอนนี้เราต้องออกเดินทางก่อนแม้จะเป็นเวลากลางคืนและฝนตกหนักก็ตาม เพราะอันตรายมีอยู่ทุกย่างก้าว” ชาร์ลกล่าวอย่างนอบน้อมและเดินนำหนุ่มน้อยออกไปทันที
ผมคิดว่าบางที่ ความจริงที่จะออกจากปากผมนั้นมันอาจจะเจ็บจนทำให้นายน้อยไม่อาจจะทนฟังก็ได้นะขอรับ และถ้านายน้อยรู้ว่าตัวเองเป็นใครมีหน้าที่อะไร นายน้อยพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งนั้นหรือเปล่า…
“ไม่ว่าผมจะเป็นใคร แต่ผมไม่ชอบความรู้สึกห่างเหินแบบนี้เลย ลุงชาร์ล” กล่าวจบก็ก้าวเดินตามชายตรงหน้าไปทันทีโดยที่ไม่ทันได้สังเกตุว่าในขณะนี้ตัวเขาไม่ได้เปียกฝนดั่งตอนแรกแล้ว อีกทั้งฝนก็ไม่สามารถตกมากระทบตัวเขาและชายตรงหน้าได้แม้ว่าโดยรอบนั้นจะยังคงตกตามปกติก็ตาม
…………………………….
“อะไรนะ คนที่นี่เข้ามีเวทย์มนต์กันด้วยหรอครับ น่าตื่นเต้นจังเลยลุงชาร์ล” ชายน์กล่าวอย่างตื่นเต้นหลังจากที่เขาและชาร์ลออกเดินทางมาทั้งคืน จนตอนนี้แสงทองสาดส่องไปทั่วผืนฟ้าแล้ว และนั่นทำให้ชายน์พบว่าที่นี่สวยงามมาก มีต้นไม้แปลกๆและสัตว์แปลกๆมากมาย บางตัวมันก็เหมือนกับที่เขาเคยเห็นบนโลกมนุษย์ แต่บางตัวมันก็ช่างแปลกเหลือเกิน อย่างเช่นกระรอกมีเขาที่มันเหมือนจะน่ารักแต่ชาร์ลบอกเขาว่าเจ้าพวกนี้มันอันตรายกว่าที่คิดไว้มาก หรือจะเป็นจระเข้บินที่มันมีปีกเหมือนกับปีกค้างคาวแต่ขนาดใหญ่กว่ามากและเจ้าตัวนี้มันสามารถพ่นไฟได้ ต่างๆ เหล่านี้เรียกความสนใจของชายน์ได้ไม่น้อยและยิ่งชาร์ลบอกว่าคนที่นี่ใช้เวทย์ได้ก็ยิ่งทำให้ชายน์ตื่นเต้นเข้าไปอีก
“ใช่แล้วนายน้อย ทุกคนที่ดินแดนนี้ใช้เวทย์ได้แต่จะมากหรือน้อยนั้นขั้นอยู่กับเผ่าพันธุ์และธาตุประจำตัว” ชาร์ลกล่าวพลางยิ้มอย่างอารมณ์ดีที่ตอนนี้เขาเห็นว่าเด็กหนุ่มที่เดินตามเขากำลังตื่นเต้นกับทุกสิ่งอย่างรอบๆ ตัวอย่างที่คนเห็นได้แต่นึกเปรียบว่าไม่ต่างจากเด็กได้มาเที่ยวสวนสัตว์ก็มิปาน แต่ก็ยังคงกล่าวต่อไปเรื่อยๆ
“อย่างเช่นตลอดการเดินทางนายน้อยจะเห็นว่าเราไม่เปียกฝนเลย และเสื้อผ้าเราก็แห้งตั้งแต่เริ่มออกเดินทางแล้ว” ใช่แล้ว เขาและชาร์ลมาถึงที่นี่ทามกลางพายุฝนที่โหมกระหน่ำ จำได้ว่าเขาเปียกชุ่มไปทั้งตัว แต่ระหว่างออกเดินทางจนถึงตอนนี้ตัวเขากลับไม่เปียกเลย อีกทั้งฝนก็ไม่สามารถตกกระทบตัวเขาได้ด้วยซ้ำ
“เฮ้ย ใช่ๆๆ ลุงอย่าบอกนะว่า…..”
“ก็เวทย์พื้นฐานน่ะ วารีเวทย์และวาโยเวทย์” ชาร์ลกล่าวพร้อมกับยิ้มอ่อนๆ
“ถ้าจะบอกว่าทุกคนใช้เวทย์ได้ งั้นแสดงว่าผมก็มีพลังเวทย์เท่ๆ แบบนี้เหมือนกันนะสิครับลุง มันใช้ยังไงล่ะ” ชายน์ถามอย่างกระตือรือร้นเพราะเขาเองก็คิดว่าเขาน่าจะทำอะไรสนุกๆ แบบนี้ได้เช่นกัน
“ผมไม่รู้ว่านายน้อยมีธาตุอะไรเป็นธาตุประจำตัว เพราะงั้นผมจะสอนวิธีง่ายๆ กับการเรียกใช้เวทย์แบบง่ายๆ นะครับ ขั้นแรกนายน้อยต้องรวบรวมสมาธิให้มั่นโดยจะหลับหรือลืมตาก็ได้ จากนั้นกำหนดจิตให้นิ่งแล้วเพ่งจิตทั้งหมดไปยังฝ่ามือพร้อมกับนึกถึงสิ่งที่นายน้อยต้องการนะขอรับ เช่น น้ำ ไฟ ดินหรือลม ซึ่งเหล่านี้จะมีอยู่ในตัวของเราทุกๆ คน แต่จะโดดเด่นแค่ด้านเดียวนะครับ” อธิบายเสร็จพร้อมกับยกมือขึ้นเป็นตัวอย่าง เพียงแค่หงายฝ่ามือยกขึ้นก็ปรากฏลูกไฟขนาดย่อมลอยอยู่กลางฝ่ามือ และเพียงแค่เขาสะบัดมือออกไปมันก็ลอยออกไปกระทบกับต้นไม้และเกิดการระเบิดขึ้น
บึ้มมมมม!! ระเบิดขนาดย่อมๆ เกิดขึ้นแต่ก็ทำให้ต้นไม้ต้นนั้นหักล้มลงในทันที
ชายน์มองการกระทำนั้นอย่างอึ้งๆ ก็ใครจะคิดละว่าเพียงแค่ก้าวเข้ามาในดินแดนนี้ลุงของเขาก็เปลี่ยนไป อีกทั้งหลายต่อหลายอย่างก็ล้วนแต่น่าสนใจทั้งนั้น
“ขอผมลองบ้างนะ!!” ชายน์ว่าพลางหลับตาทำสมาธิตามที่ชาร์ลบอก จากนั้นรวบรวมจิตและส่งไปยังฝ่ามือ ในตอนนี้เขานึกถึงลูกไฟแบบเดียวกันกับที่ชาร์ลทำให้ดู เพียงแต่เขาต้องการขนาดที่ใหญ่กว่า ซึ่งตอนนี้คนที่กำลังหลับตาอยู่ไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองกำลังเรียกอะไรออกมา
‘ทำไมอึดอัดแบบนี้ ข้ารู้สึกหายใจไม่ออก ร้อน ไม่ไหวแล้ว’ ชายน์ยังคงหลับตานิ่งแต่ทว่าตอนนี้ลูกไปบนฝ่ามือเขามันมีขนาดใหญ่ขึ้นมาก และดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่รู้สึกตัวแล้ว
ชาร์ลเองก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อสิ่งที่เห็นนั้นมันเกินกว่าที่เขาคิดไว้มาก เขาเองก็พอรู้ว่าเด็กคนนี้มีความสำคัญอย่างไรถึงโดนตามฆ่าตั้งแต่เกิด และดูจากพลังเวทย์ที่เรียกออกมาในครั้งแรกแล้วเขาคิดว่าเด็กคนนี้คือคนที่หลายๆคนในแกรนน่าตามหาตัวอยู่แน่ๆ
บึ้มมมมมมม!! เสียงระเบิดดังไปทั่วผืนป่าหลังจากที่ชายน์สะบัดฝ่ามือออกไปตรงหน้า แต่ผลที่เกิดขึ้นคือพื้นที่ป่าด้านหน้าเขาตอนนี้มันโล่งเตียนไปขนาดที่ว่าสามารถสร้างสนามฟุตบอลได้เลยทีเดียว ชายน์หมดแรงทรุดลงนั่งกับพื้นแล้วหายใจอย่างเหนื่อยหอบ อาจเป็นเพราะเขายังควบคุมพลังเวทย์ตนเองไม่ได้และนี่ก็พึ่งจะเป็นครั้งแรกที่เขาใช้มัน ผลเลยออกมาเป็นสภาพนี้
“แฮกๆๆ ผมรู้สึกแน่น หายใจไม่ออกยังไงไม่รู้ครับลุง ตอนที่หลับตามันอึดอัดและรู้สึกร้อนมาก” ชายน์กล่าวอย่างเหนื่อยหอบ
แป๊ะ แป๊ะ แป๊ะ เสียงปรบมือดังออกมาจากด้านหลังที่เรียกให้คนทั้งสองต้องหันกลับไปมองอย่างทันควัน
“เก่งนี่ ครั้งแรกก็ถางป่าซะเตียนโล่งขนาดนี้” ชายชุดดำกล่าวอย่างอารมณ์ดีแต่ทว่าชาร์ลกลับยืนกำหมัดแน่น ก็เขาจำได้ดีว่าชายชุดดำตรงหน้านี้คือคนเดียวกันกับเมื่อ 13 ปีก่อน
“ไม่เจอกันนานเลยนะ ชาร์ล สบายดีหรือเปล่า”
“ข้าสบายดี เจ้าคงไม่คิดสินะว่าข้าจะยังมีชีวิตอยู่”
“หึหึ ข้ายอมรับว่าข้าเคยคิดเช่นนั้น และตอนนี้ข้าก็กำลังจะทำให้ความคิดข้ามันเป็นจริงตามนั้น”
ทันทีที่กล่าวจบ พายุใบไม้นับร้อยๆ ใบก็พุ่งเข้ามายังชาร์ลที่บัดนี้หันมาผลักชายน์ออกจากวิถีของการโจมตีจากชายชุดดำตรงหน้าแล้วตนเองก็กระโดดหลบการโจมตีนั้นอย่างฉิวเฉียด
‘นี่มันเรื่องอะไรกัน’ ชายน์คิดอย่างงุนงงกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ครั้นจะวิ่งออกไปช่วยชาร์ลแต่ก็ทำไม่ได้เมื่อลุงของเขาผลักให้เขาเข้ามาอยู่ในข่ายมนตราสีทองที่คลอบร่างเขาไว้ ชายน์จึงทำได้เพียงยืนมองคนตรงหน้าต่อสู้กัน
‘หึหึ หวังว่าจะใช่นะ’ ข้าขอแจมด้วยคนสิ!!
แฮกๆๆ เสียงหอบของชาร์ลที่บัดนี้กำลังพยุงร่างของตนที่อาบไปด้วยเลือดสดๆอยู่ทั้งร่างนั้นทำให้หนุ่มน้อยในข่ายมนตราได้แต่มองอย่างตื่นตระหนก เขาเห็นการต่อสู้ของคนสองคนนี้มาตลอดและเห็นได้ชัดว่าลุงของเขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่ที่น่าห่วงที่สุดในตอนนี้คือลุงของเขากำลังพลาดท่าให้กับอีกฝ่ายแล้ว
“จริงๆ ข้าน่าจะจัดการเจ้าได้ตั้งแต่ 13 ปีที่แล้ว ถ้าเจ้าไม่ขี้ขลาดหนีไปซะก่อน”
“ไม่ใช่เพราะเจ้าไร้น้ำยาหรอกรึ” ชาร์ลกล่าวอย่างเหยียด ซึ่งทำให้ชายชุดดำตรงหน้าแสยะยิ้มออกมาอย่างน่ากลัว
“ปากดีนักก็อย่าอยู่เลย ” กล่าวจบ เถาวัลย์สีดำนับสิบเส้นก็พุ่งออกมาจากชายชุดดำและเข้าเสียบร่างของชาร์ลในทันที ชาร์ลที่บัดนี้ไม่มีแม้แต่แรงจะยืนก็ไม่สามารถที่จะหลบหลีกหรือป้องกันตนเองได้ เขาจึงกลายเป็นเป้าให้เถาวัลย์นั้นจู่โจมได้อย่างง่ายดาย
‘ทำอะไรซักอย่างสิ ชายน์’ หนุ่มน้อยในข่ายมนตรากำลังยืนมองภาพนั้นด้วยความเจ็บปวด เขาเห็นการต่อสู้มาตลอดและเขากำลังคิดว่าเขาควรทำอะไรซักอย่างแล้ว ทันทีที่หลับตาลงลูกไฟก็ปรากฎขึ้นบนฝ่ามือทั้งสองข้างของชายน์
บึ้มมมมม!! ….ข่ายมนตราสีทองหายไปแล้วจากการปะทะของลูกไฟที่คนในนั้นส่งออกมากระทบ และ
ตู้มมมม!! …ลูกไฟอีกลูกถูกส่งออกมายังชายชุดดำที่ตอนนี้ต้องกระโดดถอยออกห่างอย่างสุดกำลัง
ทันทีที่ออกมาได้ชายน์ก็วิ่งตรงไปยังร่างของชาร์ลที่บัดนี้นอนไร้สติอยู่ตรงหน้า
“ลุง ลุงชาร์ล ตื่นสิครับ ลุง” ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถรับรู้ถึงเสียงเรียกนั้นแล้ว
“ไปกับข้าดีกว่า ท่านชายน์” ชายชุดดำกล่าวอย่างอารมณ์ดีที่บัดนี้เขาเห็นว่าเขาสามารถกำจัดเสี้ยนหนามของภารกิจไปได้แล้ว
“แกเป็นใคร รู้จักชื่อฉันได้ไง”
“เสียเวลาชะมัดเลย ขอโทษนะท่านชายน์” ทันทีที่กล่าวจบชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็หายไปพร้อมกับสติของชายน์ก็ดับลง
“ขอโทษทีนะ แต่ข้าไม่อยากแนะนำตัวต่อท่านในสถานที่แบบนี้หนะ เข้าใจข้าหน่อยนะท่านชายน์ หึหึ” ร่างของเด็กหนุ่มวัย 13 ปีร่วงลงไปกองกับพื้นหลังจากที่โดนวัตถุหนักทุบลงที่ต้นคอ แต่ในขณะที่ผู้ลงมือกำลังจะก้มลงไปอุ้มร่างนั้นก็ปรากฎว่ามีบางสิ่งกำลังพุ่งตรงมาทางเขาจนทำให้เขาต้องกระโดดหลบโดยทันที และปรากฏว่าบัดนี้บริเวณหัวไหล่ข้างขวาของเขานั้นอาบไปด้วยเลือดที่เกิดจากมีดบินที่จู่โจมเขาเมื่อครู่นี้
“ก็ต้องขอโทษเช่นกันนะที่ผมไม่สามารถปล่อยให้คุณพาเด็กคนนี้ไปได้” เด็กหนุ่มที่ดูแล้วก็รุ่นราวคราวเดียวกันกับชายน์หรืออาจจะแก่กว่านิดหน่อยที่คนบาดเจ็บมองแล้วเหยียดยิ้มออกมาพร้อมกับกล่าวว่า
“ฝีมือดีนี่ แต่น่าเสียดายที่ใช้วิธีลอบกัด” กล่าวเพื่อหวังจะยั่วยุเด็กตรงหน้า
“หึหึ กับคนบางพวกผมก็คิดว่าผมไม่จำเป็นต้องแสดงความเป็นสุภาพบุรุษนะ” กล่าวพร้อมกับร้อยยิ้มที่ชายผู้บาดเจ็บเห็นแล้วก็บอกกับตัวเองว่าเด็กหนุ่มคนนี้อันตรายและเขาไม่ควรต่อสู้ด้วยในสภาพที่เขากำลังบาดเจ็บอยู่เช่นนี้
“แล้วข้าจะกลับมา คราวหน้าอย่าใช้วิธีสกปรกกับข้าก็แล้วกัน” กล่าวจบร่างนั้นก็หายไป ริวที่บัดนี้เห็นว่าสถานการณ์ในตอนนี้ปลอดภัยดีแล้วก็ก้มลงมองหน้าหนุ่มย้อยที่สลบอยู่ตรงหน้าอย่างพิจารณา
‘นี่หรอคนที่ท่านแม่ให้มาตามหา หน้าตาก็ดีนะ หล่อเลยที่เดียวแหละ แต่เสียดายว่าทำไมมันตัดผมทรงหัวเกรียนแบบนี้ล่ะ’
“หึหึ ข้าถูกชะตากับเจ้าจัง กลับบ้านเรากันเถอะ ข้าจะให้เจ้ามาเป็นน้องชายข้า ชายน์”
.................................................................................................................................................................................................
จบแล้วครับ อ่านแล้วติชมกันหน่อยนะ ผมจะได้เอาไปปรับในตอนต่อๆ ไป ^^
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ