ทวงรักนางซิน

-

เขียนโดย Phaky

วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 15.02 น.

  47 ตอน
  1 วิจารณ์
  37.09K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 11.27 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

23) เดือด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก

ร่างกายพี่ต้องการปะทะมากคับเมื่อได้ยินว่าหนูพิมพ์ไปกินข้าวกับไอ้ธิป ฮึ่ย!
****************************************************************
ปากกาด้ามสีทองที่เคยจรดลงเซ็นสัญญามูลค่าหมื่นล้านถูกโยนลงบนโต๊ะ ไร้ความหมายเมื่อเจ้าของไร้สมาธิจะใช้มันขีดเขียน เพราะสมาธิที่เคยแน่วแน่ถูกแทรกแซงด้วยคำถามที่ผุดในสมอง เป็นคำถามเดิมที่ชักจะเกิดขึ้นถี่ขึ้นเรื่อยๆจนธรธัญญ์ต้องวางงานในมือแล้วใช้เวลาพิจารณามันอย่างจริงจัง ว่าทำไมคนที่เคยหายใจเข้าออกเป็นงานอย่างเขา อยู่ๆถึงได้มีเวลามาคิดเรื่องไร้สาระแบบนี้ ยิ่งล้วงลึกพฤติกรรม ทำให้เห็นว่าหลายครั้งเขาก็เริ่มจะทำตัวเป็นคนขี้เกียจ จากที่เคยมาทำงานแต่เช้าตรู่ แต่สองสามวันมานี้กลับขับรถกินลมชมวิวไปเรื่อยอย่างกับคนว่างทั้งที่กองงานสูงท่วมศีรษะ ขับไปเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีก็ไปโผล่แถวหน้าบ้านของพนักงานที่ชื่อเม็ดทราย ช่างบังเอิญที่ช่วงนี้เทพิมพ์ก็ไปนอนค้างที่นั่น เพื่ออาศัยติดรถมาทำงานพร้อมกันกับเพื่อนสนิท แล้วก็บังเอิญเจอว่าเม็ดทรายกำลังขับรถออกจากบ้านพอดี บังเอิญว่าขับรถตามกันมาติดๆ บังเอิญมาถึงที่โรงแรมพร้อมกัน และบังเอิญเดินตามมายังห้องทำงานด้วยกัน เพราะเทพิมพ์ถูกดึงมาเป็นผู้ช่วยคุณจงจิตต์จนกว่าแผลที่มือจะหาย
บังเอิญจริงเหรอวะ?
นั่นแหละคำถามที่ติดอยู่ในใจ มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ หรือแท้จริงเขากำลังสร้างสถานการณ์ให้มันบังเอิญกันแน่ หลายครั้งเหมือนจะตัดใจยอมรับว่าบนโลกนี้ไม่เคยมีเรื่องบังเอิญ แต่ก็อีกหลายครั้งเช่นกันที่ใจมันค้านว่าทำไมจะบังเอิญไม่ได้วะในเมื่อมันแค่บังเอิญจริงๆ คำตอบเวียนวนแล้วก็วนเวียนไปมาเหมือนเรือลอยในอ่างน้ำที่ไม่มีทางออก
‘11.45 น. คิดไม่ออกก็ช่างแม่ง!’
ร่างสูงใหญ่ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้หนังสีดำเงาวับเมื่อดวงตาเหลือบมองนาฬิกา ที่ช่วงหลังใช้บริการมันบ่อยเหลือเกิน แล้วเห็นว่าอีกไม่กี่นาทีใกล้จะได้เวลาพักกลางวัน เป็นเมื่อก่อนต้องรอให้เลขาฯ เข้ามาเตือนว่าได้เวลากินข้าว แต่เดี๋ยวนี้ไม่ต้องรอให้ถึงเวลาเขาก็พร้อมปิดทุกแฟ้มงาน อาจเพราะอยากมีเวลานั่งแช่ที่โต๊ะรับประทานอาหารให้นานขึ้น หรืออาจเป็นเพราะทราบว่าใครบางคนต้องทานยาก่อนอาหาร หรืออาจถูกทุกข้อที่กล่าวมา แต่จะเหตุผลอะไรก็ช่างแม่งมันอีกนั่นแหละ เวลานี้คิดอย่างเดียวคือต้องรีบออกไปดักก่อนสองสาวหน้าห้องทำงานจะลงไปกินข้าวที่แคนทีน
แต่ธรธัญญ์กลับต้องผิดหวัง เพราะหลังเปิดประตูออกมากลับพบว่ามีเพียงจงจิตต์ที่นั่งพิมพ์เอกสารอยู่ ชะเง้อคอมองไปยังเครื่องถ่ายเอกสารก็ไม่เจอร่างเล็ก ห้องน้ำก็ไม่น่าใช่เพราะประตูเปิดแง้มไว้ ยืนหมุนซ้ายหมุนขวาตั้งใจให้จงจิตต์ถามก็ผิดหวัง ทนอยากรู้ไม่ไหว สุดท้ายธรธัญญ์เลยต้องยอมเสียฟอร์มแล้วเปิดปากถามจากเลขาฯคู่ใจ
“คุณจง ผู้ช่วยไปไหนเสียล่ะ”
“ไปทานข้าวค่ะ”
“ไปแล้วเหรอ ทำไมคุณจงรีบปล่อยไป ยังไม่เที่ยงเลย”
“คุณจงเห็นว่ามีคนโทรศัพท์มาตามน่ะค่ะ งานก็เสร็จแล้ว เลยให้ลงไปก่อน”
ใบหน้าคมบึ้งตึง อันที่จริงธรธัญญ์ไม่ได้เถรตรงเรื่องเวลาพักเที่ยงขนาดนั้น ที่ตำหนิก็เพราะพาลที่ออกมาดักเทพิมพ์ไม่ทันล้วนๆ สามวันแล้วที่เทพิมพ์มาเป็นผู้ช่วยจงจิตต์ และก็เป็นสามวันเดียวกันที่ธรธัญญ์พลาดโอกาสลากหญิงสาวไปนั่งรับประทานอาหารกลางวันไถ่โทษที่เขาไม่ระวังจนทำให้มือน้อยบาดเจ็บ ทั้งที่เทพิมพ์นั่งอยู่หน้าห้องแท้ๆ ทั้งที่ออกตัวก่อนเวลาแล้วนะ แต่สุดท้ายเขาก็ยังพลาด อดคิดไม่ได้ว่าจริงๆแล้วแม่ตัวดีตั้งใจหลบหน้าเขา โดยมีจงจิตต์รู้เห็นเป็นใจหรือเปล่า เพราะเลขาฯของเขาก็ทิงเจอร์ฯดีๆนี่แหละ
“พิมพ์บอกไหมว่าไปกินข้าวกับใคร ใช่เม็ดทรายหรือเปล่า”
ถามออกไป ใจก็หวังให้คำตอบเป็นอย่างที่ตัวเองคิด ไม่พอใจที่ออกมาเก้อก็จริง แต่อย่างน้อยหากคนที่เทพิมพ์ไปกินข้าวด้วยคือเม็ดทรายเหมือนสองวันที่ผ่านมา เขาจะได้ไม่ต้องโกรธมาก
“คุณธิปค่ะ”
“ใครนะ!”
“พิมพ์ไปทานข้าวกับคุณคุณาธิปค่ะ ได้ยินแว่วๆว่าสัญญากันเอาไว้”
สัญญา? ก็ว่าเฝ้าไม่ให้คลาดสายตาแล้วนะ ยายตัวดีไปสัญญาอะไรกับไอ้เพื่อนทรยศตอนไหนวะ!
“ตัวเล็กหายเร็วๆนะครับ แล้วผมจะแวะมาเยี่ยม ห้ามลืมสัญญาของเราด้วย”
สักครู่ดวงตาคู่คมก็เบิกกว้าง กล้ามเนื้อบริเวณสันกรามแกร่งยืดและหดตัวรุนแรงเมื่อนึกออก ใช่แล้ว! จำได้แล้วว่าก่อนที่คุณาธิปมันจะพาใบหน้าอ้อนตีนออกไปจากห้องพยาบาล มันหันไปทวงคำสัญญาจากเทพิมพ์กวนประสาทเขา ใช่ว่าตอนนั้นไม่สะดุดหู แต่ถามแล้วเทพิมพ์ปฏิเสธว่าไม่มีอะไร และอาจเพราะเขามัวแต่ห่วงคนเจ็บด้วยจึงลืมเลือน สองมือกำหมัดแน่น ใบหน้าหล่อแดงคล้ำด้วยฤทธิ์โทสะครอบงำ โกรธฉิบหายกับความจริงที่ว่าเทพิมพ์โกหกเขา!
“กูจะยุ่งกับผู้หญิงทุกคนของมึง สัญญา!”
ยิ่งทบทวนเหตุการณ์คืนนั้นก็ยิ่งกระตุ้นต่อมโทสะให้ทำงานหนักหน่วง เพราะคุณาธิปให้คำมั่นไว้ว่าจะยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงในชีวิตทุกคนของเขา ก่อนหน้าคือเวนิสา และเทพิมพ์คือเหยื่อรายต่อไป ตบมือข้างเดียวคงไม่ดังแน่ ถ้าเทพิมพ์ไม่โง่ออกไปกับมัน โกรธจนหนวดกระตุกหมดแล้ว ความผิดของเทพิมพ์ครั้งนี้ใหญ่หลวงเกินให้อภัยจริงๆ ฮึ่ย! กลับมาจะเล่นงานให้หนักเชียว
“แล้วคุณจงก็ปล่อยพิมพ์ไปกับคนอย่างไอ้ธิปเนี่ยนะ! คิดอะไรอยู่!”
และอย่าหวังผู้สมรู้ร่วมคิดจะรอด ต่อให้เป็นคนสนิทแต่หากทำผิดก็ต้องถูกตำหนิเหมือนกัน คาดโทษเทพิมพ์เรียบร้อย ธรธัญญ์ก็หันมาเอ็ดตะโรใส่จงจิตต์ที่ยืนยิ้มอ่อนรอคำพิพากษา อุตส่าห์ไว้ใจให้คอยเฝ้า... หมายถึงให้คอยดูแล จงจิตต์กลับทำงานพลาด ปกติรู้ใจราวกับแอบฝังไมโครชิพในตัวเขา แต่เรื่องง่ายๆแบบนี้คุณเลขาฯคนสนิทกลับปล่อยให้เกิดขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ถึงไม่ได้พูดตรงๆ แต่จงจิตต์ต้องรู้สิว่าเขาไม่ประสงค์ให้เทพิมพ์อยู่ใกล้ผู้ชายคนไหนทั้งนั้น
“เป็นเรื่องส่วนตัวของหนูพิมพ์นี่คะ คุณจงเป็นคนนอกจะไปห้ามอะไรได้”
“ไม่ได้เรื่อง! แล้วรู้หรือเปล่าว่าไอ้เวรนั่นพาพิมพ์ไปกินข้าวที่ไหน”
“ห้องอาหารจีนของเราค่ะ อยู่ใกล้ๆแค่นี้เอง”
“วางงาน แล้วตามไปนั่งกินข้าวกับผม เดี๋ยวนี้!”
ก็ยังดีที่จงจิตต์ยังรู้จักถามไถ่ พอทราบตำแหน่งที่ตั้งของสองคนนั่น อารมณ์เดือดๆจึงค่อยๆผ่อนคลาย แต่ไม่ถึงนาทีดวงตาคมก็เต็มไปด้วยความตึงเครียดอีกครั้ง ทีแรกว่าจะรอเล่นงานหลังเทพิมพ์กลับมา แต่เพราะเรื่องซื่อเรื่องเซ่อเทพิมพ์ยืนหนึ่ง ขืนปล่อยให้คลาดสายตาไปสักนิด มีหวังได้เสียท่าให้หมาป่าจอมขย้ำอย่างคุณาธิปแน่
“คุณธิปกับหนูพิมพ์ นั่งอยู่ตรงนั้นไงคะ”
จังหวะการเคลื่อนไหวร่างกายรวดเร็วคล้ายเหาะ ทำให้ธรธัญญ์กับจงจิตต์มาถึงภัตตาคารจีนของโรงแรมในเวลาไม่ถึงห้านาที จงจิตต์รีบใช้ความได้เปรียบที่มีถึงสี่ดวงตาชี้ให้ธรธัญญ์มองเห็นเป้าหมาย เจอแล้วผู้สูงวัยค่อยหายใจคล่อง เพราะหากมาแล้วไม่เห็นทั้งคู่นั่งรับประทานอาหารตามที่รายงานไป ตำแหน่งเลขาฯคนสนิทก็มิอาจช่วยให้รอดพ้นจากเครื่องประหารหัวสุนัข แต่ก็ใช่ว่าเรื่องจะจบแค่นั้น
“พิมพ์เป็นอะไร ทำไมถึงต้องใส่สูทไอ้ธิปคลุมตัว”
“คงเพราะหนูพิมพ์ใส่ฟอร์มพนักงาน ผิดกฎหากนั่งทานข้าวในห้องอาหารของโรงแรม”
“รู้อย่างนี้คุณจงก็ไม่ควรปล่อยพิมพ์มากับไอ้เวรนี่ตั้งแต่แรก เอาเสื้อผู้ชายคนอื่นมาสวมมันดีที่ไหน”
“แค่เสื้อคงไม่เป็นไรมั้งคะ ถ้าคุณธิปกอดหนูพิมพ์แทนเสื้อ ค่อยว่าไปอย่าง”
“ลองมันกล้าสิ ได้ตายอนาถแน่”
คำเปรียบเปรยให้เห็นภาพของจงจิตต์ทำเอาดวงตาของธรธัญญ์ลุกวาว แม้จะเป็นแค่ภาพจินตนาการแต่ชายหนุ่มก็รู้สึกโกรธจนต้องสูดลมหายใจเข้าปอดระงับอารมณ์ แต่ดูเหมือนจะไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลยเมื่อเห็นเสื้อสูทตัวใหญ่ยังคลุมทับไหล่บาง แม่ตัวดีช่างขยันทำให้เขาของขึ้นจริงๆ ออกมากินข้าวกับผู้ชายไม่บอกไม่กล่าว แล้วยังบังอาจเอาเสื้อของมันมาคลุมให้กลิ่นเน่าๆติดเนื้อตัวอีก ธรธัญญ์หลับตาลงเมื่อเห็นคุณาธิปยื่นหน้าเข้าไปพูดอะไรบ้างอย่างกับเทพิมพ์ แล้วแม่นั่นก็ยิ้มตอบเสียน่ารัก ระหว่างนั้นก็ภาวนาว่าหากลืมตาแล้วขอให้ภาพตรงหน้าเลือนหายไป แต่พระเจ้าไม่เมตตาเขาเลย สองคนนั่นยังนั่งอยู่ แถมยังหัวร่อต่อกระซิกกันจนน่าลากมากระทืบ แต่เพราะเหตุการณ์ยังไม่บานปลาย ธรธัญญ์จึงทำได้เพียงเดินไปนั่งลงอีกโต๊ะที่ตั้งทแยงกับโต๊ะของคุณาธิป แล้วหันหน้าประจันกับอดีตเพื่อนรักอย่างตั้งใจให้รู้ไปเลยว่ามาเพื่อจับตาดูพฤติกรรมของมัน
“ทำไมคุณธัญญ์ต้องโกรธด้วยล่ะคะถ้าหากคุณธิปกับหนูพิมพ์จะสานสัมพันธ์กัน”
จงจิตต์กระซิบถามเสียงซื่อเมื่อเห็นมือของเจ้านายหนุ่มกำแน่นตั้งแต่เข้ามาในภัตตาคารยันอาหารที่สั่งกำลังลำเลียงมาวางบนโต๊ะ ทว่าแทนคำตอบที่ต้องการคือดวงตาคมกล้าที่ตวัดมองมา ราวกับจะตำหนิว่ายังต้องถามอีกหรือ!
“คุณจงก็แค่อยากทราบเหตุผลที่ชัดเจน สถานการณ์ที่มันคลุมเครือ ทำตัวลำบากนะคะ”
คำพูดแค่สิบเมตรแต่ความหมายกลับครอบคลุมไปร้อยเอเคอร์ เหมือนจงจิตต์ไม่ได้หมายถึงแค่ตัวเอง แต่ยังนับรวมเทพิมพ์เข้าไปเป็นอีกหนึ่งคนที่วางตัวไม่ถูก ธรธัญญ์ช้อนดวงตาขึ้นสบตาเลขาฯที่มองอยู่ก่อนอย่างต้องการบอกว่าพร้อมเป็นที่ปรึกษาเสมอหากเจ้านายที่เคารพรักต้องการ ทำงานเคียงข้างกันมานานเรื่องความไว้ใจไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาคือเขาไม่รู้จะเริ่มต้นอธิบายอย่างไร สมองประมวลหลายๆเหตุการณ์ที่ผ่านมา ริมฝีปากบางเฉียบกำลังจะเรียบเรียงถ้อยคำ ทว่าภาพตรงหน้ากลับบาดตาจนอารมณ์ที่ยังร้อนระอุปะทุเดือดอีกรอบ
“เป็นง่อยหรือไงถึงคีบกับข้าวกินเองไม่ได้!”
“หนูพิมพ์เจ็บมืออยู่นี่คะ คุณธิปเธอเลยอยากดูแล”
“ทำไมชอบแก้ตัวให้มัน”
“คุณจงแค่อธิบายค่ะ แต่ถ้าคุณธัญญ์ไม่สบายใจ งั้นเราไปทานกลางวันที่อื่นกันดีไหมคะ”
“ถามไม่คิด เซ่อๆอย่างหนูพิมพ์ของคุณจง ขืนปล่อยให้คลาดสายตา มีหวังถูกไอ้ธิปหลอกไปฟัน”
คนชวนก็แกล้งชวนไปอย่างนั้นแหละ รู้หรอกว่าถ้าไม่ได้เทพิมพ์ติดมือกลับไปด้วยกัน คนโมโหจนหน้าดำหน้าแดงไม่ลุกไปไหนแน่ ไม่นึกโกรธที่ถูกดุเลย เอ็นดูด้วยซ้ำ แต่อีกใจจงจิตต์ก็อดสงสารเจ้านายสุดหล่อของตัวเองไม่ได้ ชวนไปที่อื่นไม่ยอม แต่ให้นั่งอยู่ ก็หาความสุขไม่เจอ หลักฐานอยู่ที่มือทั้งสองที่กำช้อนส้อมแน่น ดวงตาบรรจุลูกเพลิงของธรธัญญ์ที่เพียรมองไปข้างหน้าแทนจานอาหารแทบไม่ยอมกะพริบ คงกลัวว่าเผลอแล้วคุณาธิปจะคิดทำมิดีมิร้ายเทพิมพ์ ไหนจะลมหายใจเข้าออกรุนแรงด้วยความหงุดหงิดนั่นอีก นี่ยังไม่นับรวมอาการปากคว่ำและคำสบถร้อยแปดที่หลุดมาจากริมฝีปากได้รูป รู้และเข้าใจ แต่ก็ทำได้แค่นั่งเป็นเพื่อน คอยระวังไม่ให้ธรธัญญ์ตบะแตกจนเหตุการณ์บานปลาย
“แดกเสร็จแล้วก็กลับขุมนรกของมึงไปซะ”
และที่อยากให้เจ้าพ่อนำเข้ารถหรูซาบซึ้งว่าที่มันยังมีชิวิตอยู่รอดจนรับประทานอาหารกลางวันเรียบร้อย เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นคงต้องขอบคุณเทพิมพ์ที่ไม่ได้ช่วยตักอาหารใส่จานของมันเหมือนที่หญิงสาวเคยทำให้เขา เพราะฉะนั้นเมื่อจบมื้ออาหารที่ยาวนานฉิบหายนี้แล้ว คุณาธิปควรไสศีรษะเน่าๆของมันให้พ้นจากนาราแกรนด์โฮเทลให้เร็วที่สุด
“ตัวเล็ก เคยเห็นขุมนรกไหมครับ อยากไปดูหรือเปล่า”
ทว่าคุณาธิปหาได้คณาดวงตาเอาเรื่องของคนที่ยืนค้ำศีรษะตรงโต๊ะอาหารเลยสักนิด ที่ขับไล่ด้วยคำหยาบคายเมื่อครู่ก็ฟังหูซ้ายทะลุหูขวาด้วยซ้ำ แล้วชายหนุ่มก็กระตุ้นโทสะของธรธัญญ์ให้ยิ่งกรุ่นด้วยการหันไปส่งยิ้มหวานให้เทพิมพ์ก่อนเอ่ยชวนเหมือนกำลังชวนเด็กน้อยไปสนามเด็กเล่น แต่คำชวนของคุณาธิปกลับต้องเป็นหมัน เมื่อร่างน้อยของเทพิมพ์ที่นั่งมองคนนั้นทีคนนี้ทีด้วยความตื่นกลัวถูกธรธัญญ์ดึงไปยืนอยู่ด้านหลังของตัวเอง
“กูไม่ให้ไป มึงกลับไปได้แล้ว พิมพ์มีงานต้องทำอีกเยอะ”
“บ๊ายบายครับตัวเล็ก สัญญาของเรายังไม่จบนะ แล้วเจอกันครับ”
มันน่าฆ่าให้ตายก็ตรงนี้แหละ คุณาธิปจะเพิกเฉยกับคำพูดของเขาเท่าไรก็ได้ แต่มันจะทำตาหวานเยิ้มมองข้ามหัวไหล่เขา เหมือนโลกใบนี้มีแค่มันกับเทพิมพ์สองคนไม่ได้!
“เด็กคนนี้ซื่อดีนะ ท่าทางจะหลอกง่าย กูชอบ”
‘คนอย่างมึงต้องเอามีดแทงตา สับลิ้น ปาดคอ ตัดแขน เฉือนขา แล้วโยนทะเลให้ปลาฉลามแดก ไอ้ฉิบหาย!’
ไม่ควรปล่อยให้มันมีชีวิตรอดเลยจริงๆ ธรธัญญ์กัดฟันเป็นรอบที่ร้อยแล้วเห็นจะได้ตั้งแต่ทราบว่าคุณาธิปมาวนเวียนอยู่ใกล้เทพิมพ์ เห็นมันบอกลาก็อุตส่าห์โล่งใจว่าเขาจะรอดพ้นจากการเป็นฆาตกร ทว่ามันกลับวอนชะตาขาด คุณาธิปหยุดยืนในระนาบเดียวกันก่อนก้มหน้ากระซิบให้ได้ยินกันเพียงสองคนด้วยประโยคที่น่าสั่งฆ่าถ่วงน้ำ แต่ฆ่ามันไม่ได้ ธรธัญญ์จึงต้องระบายโทสะกับแม่ตัวต้นเหตุแทน ถ้าไม่ใช่เพราะเทพิมพ์โง่ทำสัญญากับมัน ถ้าไม่ใช่เพราะเทพิมพ์ออกมาหามันตามนัดแล้วทำท่าทางซื่อบื้อให้คุณาธิปมันเห็นว่าหญิงสาวเหมาะสมกับการเป็นเหยื่อรายต่อไป เขาคงไม่ต้องของขึ้นขนาดนี้
“ยืนเซ่ออยู่ทำไม กลับ!”
ทว่าปากที่เตรียมตะคอกกลับเม้มแน่นกะทันหันเมื่อเห็นเรียวหน้าเนียนของคนเซ่อจืดเจื่อนเหมือนจะร้องไห้ เห็นแบบนั้นธรธัญญ์จึงได้แต่กระแทกลมหายใจระงับอารมณ์ แล้วกระชากข้อมือบางกลับไปยังห้องทำงาน อาจดูรุนแรงเกินกว่าเหตุ แต่เชื่อเถอะว่านี่คืออารมณ์ที่เย็นที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้แล้ว
“ช็อตเมื่อกี้... ต้องมีคนหน้าสั่นบ้างล่ะ”
สะใจอะไรเบอร์นี้ เม็ดทรายเปรยเบาๆพลางเหล่สายตากรุ้มกริ่มมองพนักงานสาวอีกหลายคนที่อดใจไม่ไหวเมื่อได้ยินข่าวโคมลอยว่าเกิดศึกแย่งชิงนางซินกลางห้องอาหารจนต้องตามมาดูให้เห็นด้วยสองตา เพราะจากภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ ดูเหมือนเทพิมพ์กำลังถูกมหาเศรษฐีรูปโคตรหล่อทั้งสองเปิดศึกแย่งชิงตามข่าวจริงๆ พนักงานสาวๆโดยเฉพาะม่านฟ้ากับคู่หูถึงกับหน้าม้านเพราะตั้งแต่เทพิมพ์เลิกกับธรธัญญ์ ยายสองคนนี้เป็นตัวตั้งตัวตีนำพนักงานคนอื่นเรียกขานเทพิมพ์ว่านางซินตกสวรรค์กันสนุกปากทุกครั้งที่เดินผ่าน เห็นคาตาแบบนี้ นอกจากจะเสียหน้าจนพูดอะไรไม่ออกแล้ว คงอิจฉาขั้นสุดด้วยที่อุตส่าห์แต่งหน้าแน่น ฉีดพรมน้ำอบจนตัวหอมหึ่งก็ยังหาผีเน่ามาคู่กับโลงผุไม่ได้ สาแก่ใจอีช้อยนัก!
‘ช้าไม่ได้แล้วสินะ!’
ทว่าอีกมุมหนึ่งของห้องอาหาร ยังมีดวงตาอีกคู่มองตามธรธัญญ์ที่ลากเทพิมพ์ติดมือไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย หรือแท้จริงตอนนี้ไม่ได้ต้องการคำอธิบาย แต่กำลังครุ่นคิดหาวิธีการแย่งเทพิมพ์มาเป็นของตัวเองก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป และงานนี้คงต้องมีตัวช่วย
................................................................................................................
ปล.ช่วงนี้ภัคอาจจะช้าๆหน่อยนะคะ คุณนายแม่เป็นลำไส้อักเสบ ท้องเสีย หายๆ หยุดๆมาตั้งแต่ต้นเดือนแล้วค่ะ อาการไม่หนักมากแต่ก็ไว้ใจไม่ค่อยได้เพราะมันไม่หายสนิท ภัคเลยต้องคอยดู แกถ่ายบ่อยก็จะมีเวียนหัวบ้าง บ้านหมุนบ้าง กินข้าวไม่ค่อยได้ด้วย ต้องคอยเฝ้า
แถมตอนนี้เชื้อโรคยังระบาดอีก คนแก่ที่มีโรคประจำตัวนี่ตัวเสี่ยงเลย ยอมรับเลยค่ะว่าอยู่ในช่วงจิตตก เขียนงานไม่ค่อยออก
นักอ่านของภัคก็อย่าลืมดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือคือพื้นฐาน สำคัญเลยคือใส่หน้ากากอนามัยก่อนออกจากบ้านด้วยน๊า เป็นห่วง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา